บ๕ทท่ี เหฏฐิมทศิ บ่าวไพร่ เวลานี้เรายังอยู่ในความปกครองดูแลของบิดามารดา อาหารการกิน เส้ือผ้าเคร่ืองนุ่งห่ม ตลอดจนเคร่ืองเล่าเรียน บิดามารดาหรือผู้ปกครองจัดหาให้ท้ังนั้น ยังไม่ถึงคราวท่ีเรา จะต้องหาเองท�ำเองเพราะยังเด็กอยู่ ต่อเม่ือไรโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ ถึงคราวต้องแสวงหามาเลี้ยงตนเองแล้ว ถ้าการแสวงหาน้ันมาก เกินก�ำลัง จ�ำต้องมีผู้ช่วย เรามีเพ่ือนฝูงมาก ก็พอขอแรงเพ่ือน ช่วยเหลือได้บ้าง แต่ถ้าเป็นการประจ�ำต้องท�ำเสมอ จะให้เพ่ือน ช่วยรำ�่ ไปก็ไมเ่ หมาะ 47
ซักตัง้ แตต่ ีสี่ เอ้า..! รีบๆ นีบ่ ่ายสองแล้ว ซักเข้าสยิ ะเธอ ขา้ วยังไม่ได้ นีย่ ังมีอีกตะกรา้ นะ กนิ เลย ชักช้าจิงๆ เพราะฉะนั้น บ้านใหญ่ๆ โตๆ หรือบ้านที่มีการงานมาก เขาจึงต้องมีบ่าวไพร่ไว้ช่วยท�ำการบ้าง บ่าวไพร่ก็ได้แก่คนที่มา อย่กู ับเราแลว้ ชว่ ยท�ำการงานให้เรา ถงึ พวกคนใช้ หรือคนรับจ้าง ก็มีลักษณะคล้ายกัน คนพวกน้ีพระพุทธเจ้าเปรียบเป็นทิศ เบอ้ื งตำ่� กห็ มายถงึ ฐานะของเขาตำ�่ กวา่ ผเู้ ปน็ นายนน่ั เอง ไมม่ อี สิ ระ เปน็ ใหญ่เหมือนนายได้ ถงึ เชน่ น้ี เมอ่ื หวนนกึ ดวู า่ เขากเ็ ปน็ คนเหมอื นเรา แตเ่ พราะ ความยากจน จงึ ไดม้ ารบั จา้ งรบั ใชก้ ารงานใหน้ าย นายทด่ี เี มอื่ นกึ ได้เช่นนี้ ไม่ควรเหี้ยมโหดดุร้ายมุ่งแต่การงานของตนจนเกินไป ยอ่ มปฏบิ ตั ิเลีย้ งดโู ดยสมควรบ้าง ดงั นี้ ๑. จะใหท้ �ำการงานอะไร ตอ้ งดแู ตพ่ อควรใหเ้ หมาะแกก่ �ำลงั และบ่าวสามารถจะท�ำได้ ไม่ใช่มีการงานเท่าไรจะให้ท�ำท้ังหมด เปน็ การเหลอื ก�ำลัง 48
๒. คอยตรวจตราเล้ียงดูอย่าให้อดอยาก มีท่ีอยู่ท่ีกินพอ เป็นสขุ สบาย หรอื ท�ำการงานดใี ห้บ�ำเหน็จรางวัลบ้างตามควร ๓. ถึงคราวเจบ็ ไข้เอาใจใส่ รกั ษาพยาบาลไมท่ อดทิ้ง ๔. มีอะไรเป็นของแปลกประหลาด ก็แบ่งปันเฉล่ียให้บ้าง เปน็ การแสดงนำ้� ใจโอบออ้ มอารี ชวนใหบ้ า่ วรกั นบั ถอื และท�ำงาน ดีข้ึน ๕. ให้มีการหยุดพักบ้างเป็นคร้ังเป็นคราว เช่น ในวัน นักขัตฤกษ์ วิสาขบูชา มาฆบูชา เข้าพรรษา ออกพรรษา และ วันเฉลมิ ฯ เปน็ ต้น เมื่อนายเป็นคนดี อนุเคราะห์บ่าวไพร่เช่นนี้ ย่อมท�ำให้ ผู้น้อยรักใคร่ระลึกถึงบุญคุณเสมอ และต้ังใจท�ำการตามหน้าท่ี ด้วยหวังตอบแทนบุญคณุ ของนาย ดังนี้ ๑. ลงมอื ท�ำการงานกอ่ นนายดว้ ยความขยนั ขนั แขง็ เตม็ ใจ ไม่บิดพลิ้ว หรือเหน็ อย่างไรควรท�ำกย็ นิ ดีท�ำ ไมต่ ้องรอค�ำส่งั เจา้ นายลืม อ้าว...! กระเป๋าสตางค์ ขอบใจมากนะ ครับ 49
๒. เลิกการงานทีหลังนาย ไม่ท�ำงานเอาหน้าเวลานายอยู่ มุ่งเอาการงานแล้วเสร็จเป็นประมาณ ท�ำจริงๆ ท้ังต่อหน้าและ ลับหลงั ๓. ซ่อื ตรงต่อนาย เปน็ คนไว้ใจไดไ้ มม่ อื ไวใจเร็ว ยนิ ดีรบั แต่ เฉพาะของที่นายอนญุ าตยอมยกใหเ้ ท่านน้ั ๔. พยายามหาอุบายดัดแปลงแก้ไขให้การงานดี เจริญข้ึน ร่ำ� ไปตามความสามารถของตน ไมต่ อ้ งใหน้ ายติเตียนได้ ๕. ยกย่องสรรเสริญความดีของนายเสมอ ไม่หน้าไหว้ หลงั หลอก เราได้อา่ นร้เู รอ่ื งหน้าทขี่ องนาย และบา่ วแล้วเช่นน้ี จะนกึ เสียว่าเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ไม่ควรใส่ใจจ�ำ ดังน้ีไม่ถูก เคยพูดมา แล้วว่าเราจะต้องโตขึ้นทุกวัน ถ้าเราไม่เตรียมรู้เตรียมเรียนไว้ เสียกอ่ น จะฉลาดไม่ทันคน จ�ำไว้นะ อยากเป็นนาย ต้องขยันหมนั่ เรียน หา้ มเกยี จคร้าน 50
ถึงในเรื่องน้ี เราก็ต้องจ�ำไว้ให้ได้ เพราะการเป็นบ่าว เป็น คนรับใช้เขา ถ้าจะถามว่าเราชอบเป็นไหม เราคงตอบว่าไม่ชอบ ชอบแตเ่ ป็นนาย จะเป็นนายเขาได้อยา่ งไร ตอ้ งนกึ ดูกอ่ น คนที่ไม่เล่าเรียนหาความรู้เสียแต่ยังเป็นเด็ก โตขึ้นก็โง่ คนโงม่ กั ยากจน ท�ำมาหากนิ เหนด็ เหน่ือยมาก มกั เปน็ บา่ ว เปน็ คนรับใชเ้ ขา ส่วนคนที่ขยันเรียนไว้เสียแต่ยังเป็นเด็ก โตขึ้นมักฉลาด หากินคลอ่ งสบาย เปน็ นายคน เพราะเหตนุ ้ี เราอยากเปน็ นาย ตอ้ งขยนั หมน่ั เรยี น หมน่ั จ�ำ ถ้าเกียจครา้ น กต็ อ้ งเปน็ บ่าวเขาเทา่ นนั้ ไปเรยี นหนงั สอื โตขน้ึ จะไดเ้ ป็น นายคน 51
ค�ำ ถามประจำ�บท ๑. ทศิ เบือ้ งต่ำ� พระพทุ ธเจา้ หมายถึง ใคร ? ๒. ๓. นายท่ดี คี วรประพฤติ ถา้ หากเราถูกไปเปน็ กับบา่ วอยา่ งไร ? คนใช้เขา เราควรจะ ประพฤติอยา่ งไร ? ๔. ท�ำอยา่ งไร จงึ จะเป็นนายเขาได้ ? 52
บ๖ทท่ี อุปรมิ ทศิ ภกิ ษุ สามเณร เวลาเช้าต่ืนนอนแล้ว เราคงเคยเห็นพระ เณร (คือภิกษุ สามเณร) เที่ยวบิณฑบาตตลอดไปแทบทุกถนน มีคนใจบุญน�ำ กับข้าวของกินใส่บาตรถวายท่าน มากบ้างน้อยบ้างตามก�ำลัง ทพี่ กั ท่ีอาศัยของทา่ นอย่ตู ามวัดตา่ งๆ ท่เี ราเคยเห็นเคยร้จู กั น้นั พวกพระ เณรน้ี ท่านประพฤติตัวของท่านตามข้อบังคับ ของพระพุทธเจ้า รวมเรียกว่า ศีล พระมีศีลมากกว่าเณร มี ขนบธรรมเนยี มอยา่ งหนงึ่ ตา่ งหาก ผดิ กบั พวกเรา ทา่ นไมไ่ ดท้ �ำมา หากินเอาเอง ต้องอาศัยชาวบ้านอุดหนุน กิจธุระของท่านมีแต่ เล่าเรียนให้รู้ถึงค�ำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วน�ำมาเทศน์สั่งสอน ชาวบา้ น อยา่ งวนั พระชาวบา้ นไปวดั ประชมุ กนั ฟงั ตามโบสถต์ าม ศาลานั้น เดย๋ี วน้เี ด็กนักเรียนกย็ งั ได้ฟังพระทา่ นสอนทุกเดือน 53
ชาวบา้ นทีใ่ จบุญเห็นวา่ พระ เณรท่านมศี ลี มาก และน�ำเอา ค�ำสง่ั สอนของพระพทุ ธเจา้ มาชแี้ จงใหร้ ใู้ หเ้ ขา้ ใจดี จงึ เคารพนบั ถอื สร้างท่ีอยู่ท่ีพักถวายท่านบ้าง ถวายเครื่องนุ่งห่ม ใส่บาตร และ ถวายหยกู ยาแกท่ ่านบ้างตามสมควร เพราะเหตุทภี่ กิ ษุ สามเณรมีศีลมากกว่าชาวบา้ น และช่วย แนะน�ำส่งั สอน ชาวบ้านนบั ถอื วา่ เปน็ ผู้มีคณุ ความดสี งู กวา่ เชน่ นี้ พระพุทธเจ้าจงึ ทรงเปรยี บว่าเป็นทศิ เบือ้ งบน เราทั้งหลาย กช็ อ่ื ว่า เป็นเด็กชาวบ้านคนหนงึ่ ควรรสู้ กึ เคารพย�ำเกรง ภิกษุ สามเณร โดยท่ีทา่ น มคี วามประพฤติดีกวา่ และมบี ญุ คุณช่วยแนะน�ำส่งั สอนเรา ตามเยย่ี งอยา่ งทบ่ี ดิ ามารดาญาตพิ นี่ อ้ งเคยประพฤตติ อ่ ทา่ น ประพฤติตัวของเราใหอ้ อ่ นนอ้ มสมกบั ทา่ นเปน็ ทศิ เบือ้ งบน ไปวดั กนั นะ หลานปู่ ครับผม 54
ท�ำความสนิทสนมกับทา่ น ไม่ควรกระดากอาย หรือเกรง กลัวจนเกินไป เราไม่ได้ท�ำผิดจะกลัวท่านท�ำไม หมั่นไปมาหาสู่ ฟังท่านสอน ท่านเล่าเรื่องของพระพุทธเจ้าให้ฟงั ท�ำใหเ้ รารเู้ รอ่ื ง ของจรรยาดขี น้ึ มาก ยงิ่ เราเปน็ เดก็ นกั เรยี น มที างทจ่ี ะไตถ่ ามอะไร ทา่ นไดด้ ีทเี ดียว นมัสการ ครบั /คะ่ การทจ่ี ะกระท�ำตนตดิ ตอ่ กบั ทา่ นไมล่ �ำบากอะไร มขี อ้ ทค่ี วร กระท�ำดงั นี้ คอื ๑. ช่วยเหลือท่านด้วยก�ำลังกายของเราตามสามารถท่ีพอ จะท�ำได้ และท�ำด้วยความรกั ใครน่ บั ถือจริงๆ ๒. พูดจาอะไรกับท่านใช้ถ้อยค�ำสุภาพอ่อนหวานซื่อตรง ไมเ่ อะอะตงึ ตังหรือมุทะลุ ๓. เอาใจใสน่ กึ ถงึ ความสขุ สบายของทา่ นบา้ ง อยา่ คดิ รงั แก คดิ แตจ่ ะท�ำให้ท่านไดค้ วามสะดวกตลอดไป 55
๔. หากท่านมาเย่ียมเยียนถึงบ้าน ควรเต็มใจต้อนรับท่าน จัดที่พัก หาหมากพลูบุหรี่รับรองท่านตามควร ไม่แสดงกิริยา รังเกยี จ หรือหลบหลีกไปเสยี ไม่อยากพบปะ ๕. ควรอุดหนนุ ทา่ น ด้วยเครื่องนุ่งห่ม กับข้าวของกนิ บา้ ง ตามควร คราวป่วยไข้ช่วยรักษาพยาบาลท่านตามก�ำลังที่เรา พอจะท�ำได้ หลวงพอ่ ครบั ผมน�ำผลไม้ มาถวายครบั เมื่อเราได้ติดต่อคุ้นเคยกับท่านแล้ว ท่านก็มักประพฤติแก่ เราดังน้ี คือ ๑. ท่านจะคอยตักเตือนห้ามปรามไม่ให้เราท�ำความช่ัว ความเสียหายต่างๆ ช้ีแจงให้เห็นโทษของความช่ัว เช่น ท่าน ห้ามว่า อย่าหัดเป็นคนเก่งเกเร เด๋ียวจะไปเท่ียวตบตีคนอ่ืน บาดเจ็บ เขาฟ้องร้องถูกลงโทษ ปรับเป็นเงินบ้าง ถูกขังคุกบ้าง ดงั นี้เป็นตวั อย่าง 56
ท�ำดไี ดด้ ี ทำ� ช่ัวได้ชว่ั แนน่ อน จ�ำกนั ไวน้ ะ สาธุ ๒. ชักจูงเราให้ประพฤติแต่ความดี เช่น แนะน�ำให้ขยัน หม่ันเล่าเรียน ขยันท�ำมาหากิน เพราะถ้าเราหมั่นเรียนเสียแต่ เวลาน้ี โตขนึ้ จะไดม้ วี ชิ าตดิ ตวั คนมวี ชิ ามกั รวยเงนิ ทองมคี วามสขุ สบาย ๓. ไม่ว่าท่านจะส่ังสอนอะไรแก่เรา หรือท�ำอะไรให้แก่เรา กต็ ามท่านมักท�ำด้วยความอนเุ คราะห์เมตตากรุณาตอ่ เรา อยาก ให้เปน็ คนดรี �่ำรวยจริงๆ ๔. สิ่งไรที่เราไม่เคยพบเคยฟัง ท่านรู้เห็นแล้ว ท่านก็มัก บอกเลา่ ใหเ้ ราไดร้ ไู้ ดฟ้ งั บา้ ง เปน็ เครอ่ื งชว่ ยใหเ้ รามคี วามรกู้ วา้ งขนึ้ ๕. ข้อความอะไรที่เรายังสงสัยไม่เข้าใจตลอด ไต่ถามท่าน ท่านรู้ ท่านอธิบายชี้แจงจนเราเข้าใจ นับว่าท่านเป็นเหมือน ท่ปี รกึ ษาอยา่ งส�ำคญั 57
๖. ท่านยอ่ มแนะน�ำใหเ้ รารู้จกั ว่า บาปนน้ั คอื ความชั่ว บญุ นั้นคือความดี บาปบุญใครท�ำก็เป็นของคนนั้น จะแบ่งแจกให้ คนอ่ืนหรือรับแทนกันก็ไม่ได้ ใครท�ำบาปความช่ัวต้องตกนรก คือถูกท�ำโทษถูกติเตียนเอง ใครท�ำบุญความดีได้ไปสวรรค์ คือ ได้รับรางวัล ได้รับค�ำชมเชยเอง เม่ือเรารู้เช่นน้ีจะได้เลิกท�ำบาป ท�ำแต่บุญเสมอ เมอ่ื เราคุ้นเคยติดตอ่ กับภกิ ษุสามเณร ย่อมไดร้ บั ประโยชน์ ดังกล่าวมานี้ จึงสมควรท่ีสุดท่ีเรากราบไหว้นับถือท่านว่าเป็น ทิศเบ้ืองบน เพราะท่านประพฤติแต่ความดี ไม่ท�ำตนให้เป็นท่ี หวาดเกรงแก่ผู้อืน่ และแนะน�ำคนอื่นใหป้ ระพฤติดตี ามด้วย หลวงพ่อคะ ดฉิ นั นำ� เทยี น มาถวายคะ่ 58
แตย่ ังมีคนท่ีเราควรนับถอื เหมือนกบั ทศิ เบอื้ งบนอยู่อกี คอื ป่ยู า่ ตายาย ขนุ นางเจ้านาย และพระเจา้ อยูห่ วั เจรญิ ๆ นะ ปยู่ ่า ตายาย หลานยาย ท่านมักเป็นธุระ ช่วยบิดามารดาเลย้ี งดเู รา ท่านเปน็ ต้นวงศต์ ระกูลของเรา ขนุ นางเจา้ นาย ท�ำราชการปกครองดแู ลรกั ษาบา้ นเมอื งให้ อยู่เยน็ เปน็ สุข พระเจา้ อยหู่ วั ทรงเปน็ ใหญเ่ ปน็ หวั หนา้ ในบา้ นเมอื งของเรา เราเป็นพลเมืองเป็นราษฎรที่ได้รับความร่มเย็นเป็นสุขสบาย ทุกวันน้ี ก็เพราะพระเจ้าอยู่หัวทรงเปน็ ประธานดแู ล เหตุนี้ เราต้องแสดงความ เคารพนับถือท่านเหล่านี้อย่าง เดยี วกบั ทา่ นเปน็ ทศิ เบอื้ งบนของ เราเสมอไปอีกด้วย จะได้ชื่อว่า เราเปน็ เดก็ ดรี จู้ กั สมั มาคารวะ เปน็ ศรีสง่าของตระกูลและโรงเรียน และนบั วา่ เปน็ ผรู้ กั ชาติ รกั ศาสนา รกั พระมหากษตั รยิ ข์ องตน เปน็ ที่ นา่ เอ็นดขู องผู้พบเห็น. 59
ค�ำ ถามประจำ�บท ๑. พระพุทธเจ้าจัดใคร ว่าเปน็ ทิศเบือ้ งบน ? ๒. ๓. ภกิ ษุ สามเณร เราควรจะประพฤติ ท่านดีและมีคณุ ตอ่ ทศิ เบ้อื งบนอย่างไร ? แก่พวกเราอย่างไร ? ๔. ยังมใี ครอกี บา้ ง ที่เราควรแสดงความนับถอื ใหเ้ หมอื นทิศเบ้อื งบน ? 60
บท เบ้อื งปลาย ในเร่อื งทศิ ทงั้ ๖ ท่กี ลา่ วมาน้ี เม่อื รวมพดู แต่หวั ข้อใจความ แล้ว กเ็ พ่อื แสดงวา่ คนเราเกิดมาต้องพง่ึ พาอาศัยเกย่ี วข้องซึง่ กนั และกันมากบ้างนอ้ ยบา้ งเสมอไป ใครจะอวดวา่ ไมต่ ้องพึ่งใครน้ัน ไม่จริงเลย ถา้ จะลองถามคนทอ่ี วดนน้ั วา่ เสอื้ กางเกงทสี่ วมใสน่ เี้ อามา จากไหน เขาคงตอบว่าบิดาหรือมารดาให้ ถามต่อไปอีกว่า บิดามารดาเอามาจากไหน คงบอกว่าซื้อ เขามา น่ีก็แสดงให้เห็นแล้วว่า เพียงแต่ของใช้ยังต้องเกี่ยวข้อง อาศยั คนอื่นต่อๆ ไป นบั ประสาอะไรถงึ ตัวเองตั้งแต่เกดิ มากต็ อ้ ง เก่ียวข้องอาศัยคนอ่ืน มีบิดามารดา เป็นต้น เลี้ยงดูช่วยเหลือ ตลอดมาเหมอื นกนั 61
เรารเู้ ชน่ นี้ จงึ ควรท�ำตวั ของเราใหเ้ หมาะแกค่ นทเ่ี ราเกยี่ วขอ้ ง พง่ึ พาอาศยั ตามชนั้ ของคน ตามทเ่ี ราไดเ้ รยี นรมู้ าตงั้ แตบ่ ทท่ี ๑ นนั้ อกี อยา่ งหนึง่ ลกั ษณะหน้าทท่ี ่กี �ำหนดเปน็ ขอ้ ๆ เฉพาะทศิ หนึ่งๆ ท่กี ลา่ วประจ�ำไว้ในทศิ นนั้ ๆ ไมใ่ ช่วา่ ประจ�ำตายตัวเท่านัน้ ทีเดียว ที่ท่านกล่าวแยกไว้เช่นนั้น เพ่ือเป็นหลักให้เราจ�ำไว้ ประพฤติ หากเราประพฤติความดอี ย่างอนื่ นอกจากข้อเหลา่ นั้น ไดอ้ ีกก็ใชไ้ ด้เหมอื นกัน เป็นการเพิ่มความดีให้ดมี ากยง่ิ ขน้ึ เวลานเ้ี รายงั เปน็ เดก็ จงประพฤตติ วั ใหเ้ หมาะตามหนา้ ทข่ี อง เดก็ หรือเรียกว่าผู้น้อยไปพลางๆ กอ่ น เม่อื เตบิ โตขึน้ เปน็ ผูใ้ หญ่ เป็นบิดามารดาเขาบ้าง เป็นครูอาจารย์เขาบ้าง เป็นสามีหรือ ภริยาเขาบ้าง จะได้ประพฤติตัวให้สมตามชั้นท่ีเป็นผู้ใหญ่ได้ดี ไมเ่ งอะงะงมงายให้ใครเขาดูหม่ินนนิ ทา เพราะฉะน้นั เวลานเี้ ราคง ภูมิใจจงั ที่มี ลูกเปน็ เด็กดี อยากให้บดิ ามารดารักใคร่ ไม่เฆีย่ นตีดุด่า เราจะท�ำอย่างไร ทางท่ถี กู เราตอ้ งท�ำตวั ให้ดีตามหนา้ ที่ของลกู เชื่อฟังท่านส่งั สอน ท่านหา้ มอะไรก็เชอ่ื ท่านสงั่ อะไรก็ท�ำตาม ดงั นี้ 62
ที่ไหนท่านจะเกลยี ดเราได้ คงต้องรกั เรา ใหข้ นมให้สตางค์ เป็นรางวลั ความดีแก่เราบ้างเปน็ แน่ แตถ่ ้าเราดื้อด้าน ทา่ นสอนกไ็ มจ่ �ำ ท่านห้ามกไ็ ม่ฟัง อย่างน้ี ใครบา้ งจะมาเวทนาสงสารเรา มแี ตถ่ กู ท�ำโทษเฆยี่ นตใี หเ้ ขด็ หลาบ เทา่ น้นั หรือที่โรงเรียนอยากให้เป็นคนรักใคร่ของครู จ�ำต้องเป็น คนขยนั อา่ นขยนั เรยี น ไมห่ วั แขง็ เชอ่ื ถอ้ ยฟงั ค�ำของครู ประพฤตติ วั ตามหน้าท่ขี องศิษย์ ครูก็ต้องเอ็นดรู กั ใคร่ ถ้าเราชอบท�ำตนเป็นนักเลงเกเรหัวดื้อหัวร้ัน เกียจคร้าน ตอ่ การเรยี น ความรแู้ ทบทกุ อยา่ งกอ็ อ่ น ทา่ นจะรกั เราชอบเราไมไ่ ด้ เพราะเราเปน็ เด็กเลวอาจท�ำโทษเราทางโรงเรียน และยังฟ้องมา ยังบดิ ามารดาหรือผปู้ กครองใหถ้ กู ท�ำโทษซำ�้ ทางบ้านอกี การคบเพอ่ื นกเ็ หมอื นกนั ถา้ เราเปน็ คนดี ใจหนกั แนน่ เอาใจ เพ่ือน รู้จักเอ้ือเฟื้อเผ่ือแผ่ตามลักษณะของผู้จะคบเพื่อน ดังน้ี ย่อมจะมเี พอ่ื นฝูงมาก ถ้าเราเป็นคนใจน้อย เพื่อนล้อเลียนบ้างก็โกรธหน้าเง้า หน้างอ ถือแต่ใจของตัว จะเลน่ อะไรก็เอาแตไ่ ด้ คนอื่นหรอื ใครๆ จะเปน็ อย่างไรก็ชา่ ง ไมต่ อ้ งนึกถงึ เช่นน้ี ใครเล่าเขาจะมาแยแส ชอบพอกับเรา เขาคงไม่อยากพูดอยากเล่นด้วย เราก็ต้องเหงา ไม่มีเพือ่ นเล่นเพอื่ นคุย ดังน้ีแหละ จึงควรจ�ำใส่ใจไว้เสมอทีเดียวว่า ต้องถ้อยที ถอ้ ยอาศัยกัน เราท�ำดีแก่เขา เขากค็ งท�ำดีตอบแทนเรา เรารมู้ าก 63
เลน่ โกงเขา เขากค็ งหาชอ่ งรมู้ ากเลน่ โกงเราบา้ ง และเราประพฤติ ชวั่ เกเร เขากต็ อ้ งตฉิ นิ นนิ ทาไมม่ ใี ครยกยอ่ งสรรเสรญิ ถา้ เราอยาก ใหเ้ ขาสรรเสรญิ เราตอ้ งมีจรรยาดี ความรดู้ ี เมื่อเราเปน็ เด็กเลว ไม่กลวั คณุ พ่อ ได้ความล�ำบาก คุณแม่เสียใจเลย ไม่มีใครเวทนา แล้วไปเทีย่ วโทษ คนโนน้ คนนี้ จะถูกท่ไี หน ตัวของใครก็ตวั ของใคร ไมม่ คี วามดีหรอื ความชวั่ ต้องได้รับ เฉพาะตัวคนท�ำเท่านน้ั จะแบ่งปันแลกเปลี่ยนให้ใครไม่ได้ เหมอื นอย่างเรา นี่ลูก..! ทำ� จาน ท�ำจานขา้ วแตก แตกใช่ไหม ? ถูกไต่สวนกไ็ ม่รบั ครั้นมีคนยนื ยนั ขอโทษครับ มากเขา้ ต้องรบั เลยถกู ท�ำโทษ เช่นน้เี ราจะเทย่ี ว โกรธคนทเ่ี ขาพดู ยืนยันเรานัน้ ไมถ่ กู 64
เราไม่ท�ำแตก จะมีเร่ืองที่ไหน อยู่ดีๆ ใครเขาจะมาหา ความได้ นี่เพราะเราท�ำตัวไม่ดีนั่นเอง เรื่องเช่นน้ีเราต้องนึกถึง ตัวเราไว้ให้มาก อย่าโทษคนนั้นซัดคนนี้เป็นการไม่ถูก กลับจะ เพมิ่ โทษเราหนกั ขน้ึ เสยี อีก และควรนึกว่า เขาก็คนเราก็คน คงต้องมีความคิดความ ประสงคอ์ ยา่ งเดยี วกนั การทเ่ี ราชอบใจท�ำอะไรแตเ่ ปน็ การรบกวน ผู้อ่ืน ท�ำลายประโยชน์ผู้อื่นเช่นนี้ ถ้าเราเป็นเด็กดีมีธรรมจรรยา จะท�ำไม่ไดเ้ ลยเป็นอันขาด ทิศทง้ั ๖ นี้ ถา้ เราไมล่ มื เสีย หมน่ั นกึ หมนั่ คดิ ท�ำตามอยา่ ง อยู่เสมอแล้ว ท�ำอะไรจะไม่มุ่งตามอ�ำเภอใจเราอย่างเดียว ต้อง นึกถึงประโยชน์คนอ่ืนด้วย เพราะคนที่ท�ำอะไรเอาแต่ใจตัวเป็น ประมาณเทา่ นน้ั ใครๆ มกั เกลียดเพราะร้มู าก เข้าพวกไหนไม่ได้ ไม่มีใครอยากคบ และท�ำให้เรารู้สึกว่า คนท่ีพระพุทธเจ้าท่านเปรียบเหมือน ทิศต่างๆ ไว้น้ัน ล้วนแต่ต้องเก่ียวข้องกับเราอย่างจ�ำเป็นท้ังนั้น เช่นเดียวกับตัวเราอยู่หว่างกลาง คนเหล่านั้นล้อมรอบตัวเรา เหมอื นทศิ ตา่ งๆ ที่อยู่รอบตวั เรา ฉะนั้น ถา้ เราประพฤติดตี ามหน้าท่ี แก่คนเหลา่ น้นั จะผนิ หน้าไปทางไหน กล็ ว้ นแต่ไดร้ ับ ความยิ้มแยม้ ชืน่ บานตอ้ นรับ 65
ถ้าเราบกพร่องประพฤติไม่ดี ไม่เอาใจใส่เป็นธุระต่อคน เหล่านั้น อย่าว่าแต่คนอ่ืนซ่ึงไม่ใช่ญาติพี่น้องของเราเลย แม้แต่ บิดามารดาผู้บังเกิดเกล้าของเราเอง ท่านก็ไม่เมตตาปรานีเรา ไม่ยม้ิ แย้มแช่มชืน่ มีแตจ่ ะเฆยี่ นตดี ุวา่ ร�่ำไปเท่านั้น เราได้อ่านรู้เรื่องค�ำสอนของพระพุทธเจ้าเช่นนี้ ดีกว่า คนท่ีไม่ได้อ่านมากมายนัก จึงควรพยายามจ�ำให้แม่นย�ำ จะได้ ท�ำตัวของเราให้สมแก่ผู้ท่ีเปรียบเป็นทิศนั้นๆ เป็นเคร่ืองน้อมใจ คนเหล่านั้น ให้มีเมตตากรุณาแก่เรา ถึงคนอื่นๆ ท่ีไม่เก่ียวข้อง เม่ือได้มาเห็นความประพฤติของเราก็ย่อมสรรเสริญเอ็นดูเรา เหมอื นกนั เวลานี้เราเป็นเด็กที่ดี มีคนชมรักใคร่สรรเสริญ ถึงโตใหญ่ ตอ่ ไปภายหนา้ กค็ งจะไมเ่ สยี อาจตง้ั ตวั รวยเงนิ รวยทองมยี ศมศี กั ด์ิ ได้ หากมีลูกมีศิษย์ก็จะเป็นบิดามารดาที่ดีของลูก เป็นอาจารย์ ท่ีดีของศษิ ย์ เพราะเคยรูห้ ลกั หน้าทด่ี ีมาแล้ว ดังน้ีชื่อว่าเราท�ำการเคารพบูชาทิศท่ีควรบูชา ตามที่ พระพุทธเจ้าเปรียบเทียบไว้พร้อมมูลดี อยู่ท่ีไหนก็สามารถเล้ียง ตัวมีความสุขสบายตลอดไปทุกเมอ่ื เพราะฉะน้ัน ในเร่ืองทิศท้ัง ๖ ท่ีเราอ่านมาน้ี ต้องนับว่า เปน็ หวั ขอ้ ส�ำคญั ทสี่ อนใหเ้ ราไดร้ ไู้ ดเ้ รยี นเตรยี มตวั ไวก้ อ่ น เพราะ เราจะเป็นเด็กอยู่ในปกครองบิดามารดา หรืออาศัยท่านผู้อ่ืนอยู่ เสมอไป เหมอื นเดยี๋ วนีไ้ มไ่ ด้ 66
ถงึ เวลาน้ี ตัวเราจะนบั วา่ เป็นเหมอื นทศิ เบอื้ งหลังของบิดา มารดา หรือท่านผู้ปกครองก็จริง แต่เราจะต้องค่อยโตขึ้น เป็นผู้ใหญ่ พ้นจากการเลี้ยงดูของท่าน ต้องท�ำมาหากินเล้ียง ตัวเองในเวลาต่อไปข้างหน้าน้ัน เราจะต้องมีหน้าท่ีเก่ียวข้องกับ ผู้อื่น ผู้อ่ืนเปรียบเป็นทิศต่างๆ ตามที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ ไดเ้ กอื บทุกทิศ มนุษย์ทกุ คนลว้ นเกีย่ วขอ้ งกนั ทางสงั คม เหมอื นอย่างว่า เราออกจากโรงเรยี นแล้ว รกั กันไว้เถิด ไปต้ังโรงงาน ท�ำสินคา้ ต่างๆ ขายกด็ ี ไปท�ำนาท�ำสวน หรอื ท�ำอย่างอน่ื ๆ กด็ ี คงมีคนร้จู ักคุ้นเคยชอบพอ คบคา้ เราเป็นเพือ่ นฝงู ของเขาบา้ ง การท่เี ราถูกคนอน่ื คบเป็นเพอื่ นดว้ ยเช่นน้ี ก็นับวา่ เรากลบั เป็นทศิ เบื้องซา้ ยของเขา หรอื ถา้ ชอบเปน็ ครตู ามโรงเรยี นกไ็ ดช้ อื่ วา่ เปน็ ทศิ เบอื้ งขวา ของศษิ ย์ หรือถ้าไปรับจ้างเป็นเสมียนตามห้างตามร้านต่างๆ เราก็ กลับเปน็ ทศิ เบื้องต่ำ� ของนายจา้ ง 67
หรือหากจะคิดหาสามีภริยา เม่ือได้เลือกเฟ้นเห็นสมควร จนสู่ขอตบแต่งอยู่ครอบครองเป็นคู่กันแล้ว ต่างคนก็นับว่าเป็น ทิศเบ้อื งหลงั ของกนั และกนั หรอื เปน็ ผชู้ าย ถา้ ชอบบวชเปน็ ภกิ ษสุ ามเณร กก็ ลบั ไดช้ อ่ื วา่ เปน็ ทิศเบื้องบนของคนท่วั ไปอกี เชน่ น้จี งึ เหน็ ไดแ้ ล้ววา่ ในตัวเราคนเดียวน่ีแหละ เบอ้ื งบน สามารถกลับเปล่ียนฐานะ เปน็ ทิศนี้บ้างกไ็ ด้ ทิศนน้ั บา้ งกไ็ ด้ ตามหน้าท่ี เบ้ืองขวา เบือ้ งซ้าย หรือการงาน ทเ่ี รากระท�ำเสมอไป ไม่คงท่ปี ระจ�ำตายตัวอยไู่ ด้ จึงนับว่าเป็นข้อส�ำคัญอย่างที่สุด เราต้องจดจ�ำไว้ให้ได้ นับตั้งแต่เวลาน้ีเป็นต้นไปทีเดียว เมื่อถึงคราวมีหน้าท่ีเปรียบ เหมือนเป็นทิศอะไร เก่ยี วข้องกบั ใคร ไมว่ า่ เราจะเป็นผ้ใู หญห่ รอื ผนู้ อ้ ย จะไดก้ ระท�ำหนา้ ทถ่ี กู ตอ้ งพอเหมาะพอดสี มควรแกค่ นนน้ั ๆ ไมใ่ หใ้ ครติเตียนนนิ ทาได้ตลอดไป พระพุทธเจ้าทรงเทศน์สอนทิศ ๖ อธิบายอย่างแจ่มแจ้ง ชัดเจนน้ี แสดงให้เราเห็นว่าพระองค์ฉลาดสามารถยอดเยี่ยม 68
เพียงไร และเร่ืองที่ท่านเทศน์สอนนี้นานตั้ง ๒,๐๐๐ ปีล่วงแล้ว ก็ยังเหมาะสมควรประพฤติตามได้เสมอไม่ขัดข้อง จนเราเกิดมา ภายหลังพลอยได้รู้ ได้ประพฤติตาม ถ้าไม่ดีจริง คงไม่มีใคร จ�ำมาได้ถึงเวลาน้ี จึงควรน้อมใจระลึกพระเดชพระคุณบูชาท่าน เสมอ พระพุทธเจ้า นับว่าพระองค์เป็นยอดเป็นบรมครูของทิศ เบ้ืองบน พวกเรานับถือท่านว่าเป็นพระศาสดา ก็คือเป็นศิษย์ ของท่าน ศิษย์ท่ีดีควรประพฤติต่ออาจารย์ของตนอย่างไรบ้าง ตามที่อ่านมาแล้ว พวกเราคงจะเป็นศิษย์ที่ดีของพระพุทธเจ้า เหมอื นเช่นนั้น อน่ึง เด็กชายสิงคาลเช่ือฟังค�ำบิดาเขาส่ังจึงได้กราบไหว้ ทิศต่างๆ คร้ันฟังพระพุทธเจ้าเทศน์สอนจบแล้ว ได้แสดงตน เป็นพุทธมามกะ ก็พวกเราอ่านทิศ ๖ จบแล้วได้แสดงตนเป็น พุทธมามกะ(๑) พุทธมามิกา(๒) แล้วหรือ จะยอมแพ้ยอมอาย ขายหน้าเดก็ ชายสิงคาลเทยี วหรือ นกึ ให้ด.ี (๑) ส�ำหรับเรยี กผชู้ าย (๒) ส�ำหรับเรียกผหู้ ญิง 69
คำ�ถามประจ�ำ บท ๑. ใจความของทศิ ๖ แสดงวา่ อยา่ งไร ? ๒. ๓. เราท�ำผดิ ต้องถูกท�ำโทษ ถา้ ท�ำตามในทิศทงั้ ๖ เราเคืองคนฟอ้ งว่าปากบอน อยเู่ สมอ ท�ำให้เรา เปน็ คนดีอยา่ งไร ? ดงั นถ้ี ูกหรอื ไม่ เพราะเหตไุ ร ? ๔. เรอ่ื งท่พี ระพทุ ธเจ้าเทศน์ ดีอย่างไร เราจึงควร เคารพบชู าทา่ น ? 70
ภาคผนวก ทิศ ๖ หนงั สือสอนพระพุทธศาสนาแก่เด็ก พระครูวิจติ รธรรมคุณ (วาศน์ นิลประภา) วัดราชบพธิ แตง่ ไดร้ บั พระราชทานรางวัล ชน้ั ท่ี ๑ ในการประกวดประจำ� พ.ศ. ๒๔๗๔ มพี ระราชนิพนธค์ ำ�นำ� พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัว ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหพ้ ิมพ์พระราชทาน เนือ่ งในงานพระราชพธิ ีวิศาขบชู า พุทธศกั ราช ๒๔๗๔
คำ� น�ำ การประกวดคราวนคี้ งใชร้ ะเบยี บทกี่ �ำหนดเร่ืองให้แต่ง ปรากฏ ว่ามีผูแ้ ตง่ สง่ เรอ่ื งมาประกวด ๑๔ ราย เปน็ พระภกิ ษุ ๓ ราย คฤหัสถ์ ชาย ๑๐ ราย หญิงมีแต่เพียง ๑ ราย การท่ีมีสตรีเข้าประกวด แต่รายเดียว อาจเป็นเพราะการแต่งโดยก�ำหนดเร่ืองหรือหัวข้อธรรม ให้แตง่ น้ี เป็นการยากส�ำหรับฝา่ ยหญงิ มากกวา่ ชาย เพราะผูช้ ายถา้ ได้ บวชเรยี น กย็ อ่ มมตี �ำรบั ต�ำราและเคยแตง่ บรรยายขอ้ ธรรมมาบา้ งแลว้ เมอื่ เวลาอปุ สมบท ในคราวนี้ข้าพเจ้ามีความยินดีเป็นอย่างย่ิงท่ีพระภิกษุสงฆ์เป็น ผู้ได้รางวัลท่ี ๑ ข้าพเจ้าได้อ่านส�ำนวนที่ได้รางวัลน้ีแล้ว รู้สึกว่าแต่ง ดีมากทั้งทางใจความและส�ำนวน อ่านเข้าแล้วรู้สึกจับใจ และน่าจะ น�ำให้ผู้อ่านเชื่อฟังประพฤติในทางที่ชอบจริงๆ ท้ังถ้อยค�ำที่ใช้ก็เลือก เหมาะ เขา้ ใจง่าย ชดั เจนมาก ข้าพเจ้าไดอ้ า่ นส�ำนวนอื่นบ้าง แตเ่ หน็ ว่าส�ำนวนท่ีได้รางวัลน้ีดีกว่าส�ำนวนอ่ืนอย่างเปรียบกันไม่ได้ทีเดียว และเม่ือได้ทราบว่าผู้แต่งเป็นพระภิกษุสงฆ์ ก็ย่ิงเพ่ิมพูนความปีติของ ข้าพเจ้าขึ้นอีกมาก ข้าพเจ้าเคยได้ยินมีผู้กล่าวอยู่เนืองๆ ว่าในสมัยนี้ พระภิกษุสงฆ์ไม่ค่อยจะเอาธุระในการส่ังสอนเด็กเหมือนแต่ก่อน และถ้านิมนต์ไปเทศน์ตามโรงเรียนเป็นต้น ก็มักจะใช้ถ้อยค�ำส�ำนวน ที่ยากเกินไป เด็กๆ ไม่ค่อยเข้าใจและด้วยเหตุเหล่าน้ีเด็กของเรา จง่ึ ไมค่ อ่ ยเอาธรุ ะกบั การศาสนาในสมยั น้ี ทจ่ี รงิ อยา่ วา่ แตเ่ ดก็ ๆ เลย แม้ ผู้ใหญก่ ็ร้องกนั วา่ ฟังเทศนไ์ ม่เข้าใจอยบู่ ่อยๆ
หนังสือน้ีท�ำให้เห็นชัดว่า พระภิกษุก็สามารถแต่งหนังสือ สอนเด็กได้เป็นอย่างดี ข้าพเจ้าจึ่งยินดี และอยากจะขอวิงวอน อาราธนาพระภิกษุสงฆ์ให้เอาธุระในการที่จะแนะน�ำสั่งสอนเด็กๆ ให้มาก เพราะการภายหน้าของประเทศย่อมอยู่ในมือของเด็กที่เรา ก�ำลังอบรมอยู่ในเวลานี้ ถ้าเราอบรมดีให้อยู่ในศีลธรรมอันดี เรา ก็อาจมั่นใจในความเจริญและความมั่นคงของประเทศในภายหน้า มีบุคคลบางจ�ำพวกเช่นพวกบอลเชวิกกล่าวว่า “ศาสนาน้ัน คือฝิ่น ส�ำหรับประชาชน” คือหาว่าท�ำให้โง่มึนและงมงายต่างๆ การสอน ศาสนาในทางที่ผิด บางทีจะมีผลเช่นน้ันจริง แต่ถ้าสอนให้ถูกทาง ศาสนาจะเป็นยาบ�ำรุงก�ำลงั บ�ำรงุ นำ้� ใจใหท้ นความล�ำบากได้ ใหม้ ีแรง ที่จะท�ำการงานของตนเป็นผลส�ำเร็จได้ และยังเป็นยาที่จะสมาน หัวใจให้หายเจ็บปวดในยามทุกขไ์ ด้ดว้ ย อันที่จริงฝ่นิ นั้นเม่อื ใชถ้ ูกทาง ก็เป็นยาที่ส�ำคัญเหมือนกัน อาจระงับทุกขเวทนาได้มาก พวกเรา ทุกๆ คนควรพยายามให้เด็กๆ ลูกหลานของเรามี “ยา” ส�ำคัญ คือ ค�ำสั่งสอนของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าติดตัวไว้เป็นก�ำลัง เพราะ “ยา” อย่างน้ีเป็นทั้ง “ยาบ�ำรุงก�ำลัง” และ “ยาสมานหรือ ระงบั ความเจ็บปวด” ข้าพเจ้าหวังว่าผู้ที่ได้รับแจกหนังสือนี้คงจะพอใจท่ัวกัน และ ขอใหพ้ รใหม้ คี วามสุขความเจริญทกุ ประการ. วันท่ี ๑๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๓
ท่ี ๔๐/๕๒๒ (สำ�เนา) ราชบัณฑติ ยสภา วนั ที่ ๓๐ มกราคม พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๓ ขอเดชะฝ่าละอองธุลพี ระบาทปกเกลา้ ปกกระหมอ่ ม ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานกราบบังคมทูลรายงานการ ประกวดหนงั สอื วสิ าขบูชาประจำ� พ.ศ. ๒๔๗๔ ดังตอ่ ไปน้ี ๑. หนังสือประกวดวิสาขบูชาประจำ� พ.ศ. ๒๔๗๔ ราช- บัณฑิตยสภาได้ประกาศให้แต่งประกวดว่าด้วยทิศ ๖ ตามนัยแห่ง สิงคาโลวาทสตู ร มีผแู้ ตง่ ส่งเขา้ ประกวด ๑๔ ราย เป็นพระภิกษสุ งฆ์ ๓ ราย คฤหัสถ์ชาย ๑๐ ราย หญิง ๑ ราย มาแต่จังหวัดพระนคร ๑๐ ราย จงั หวดั พระประแดง ๑ ราย จงั หวดั มนี บรุ ี ๑ ราย จงั หวดั ลพบรุ ี ๑ ราย จังหวัดไชยนาท ๑ ราย ๒. ราชบัณฑิตยสภาได้ตั้งอนุกรรมการตรวจช้ันแรกตาม ระเบียบซึ่งได้เคยทำ�มาแล้วในคราวก่อนคราวน้ีคือ กรมหม่ืนพิทยา- ลงกรณ์เป็นประธาน ๑ เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี ๑ อำ�มาตย์โท พระพินิจวรรณการ ศาสตราจารย์ภาษาบาลีในพระราชบัณฑิตยสภา ๑ รวมเป็น ๓ คนด้วยกัน อนุกรรมการตรวจแล้วย่ืนรายงานต่อ ราชบัณฑิตยสภาว่า หนังสือซึ่งส่งเข้าประกวดในคราวน้ีแต่งสำ�นวนดี ถึงขนาดสมควรที่จะรับพระราชทานรางวัลได้ มี ๒ สำ�นวน คือ ส�ำ นวนหมายเลข ๕ กบั ส�ำ นวนหมายเลข ๑๑
๓. ราชบณั ฑติ ยสภาได้นดั ประชุมตัดสินเม่ือวันที่ ๒๓ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๓ มีกรรมการมาประชุม คอื (๑) สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาด�ำ รงราชานภุ าพ นายก (๒) กรมหม่ืนพทิ ยาลงกรณ์ อปุ นายกแผนกวรรณคดี (๓) พระยาโบราณราชธานนิ ทร์ อปุ นายกแผนกโบราณคดี (๔) พระองคเ์ จา้ ธานนี ิวตั กรรมการ กรรมการท่ไี ม่ไดม้ าประชมุ คือ ๑. สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศ์เธอ เจ้าฟา้ กรมพระนรศิ รานวุ ัด- ติวงศ์ อปุ นายกแผนกศลิ ปากร ๒. สมเดจ็ พระพุทธโฆษาจารย์ กรรมการ ๓. เจ้าพระยาธรรมศักด์มิ นตรี กรรมการ แต่ท่านท้ัง ๓ น้ี ก็ไดล้ งมตสิ ง่ ความเห็นมาในการตดั สิน ๔. กรรมการลงมติร่วมกันทั้งหมดว่า หนังสือสำ�นวนที่ ๕ กับ สำ�นวนที่ ๑๑ ซ่ึงอนุกรรมการเสนอน้ัน แต่งดี ถึงขนาดสมควรรับ พระราชทานรางวัลได้ท้ัง ๒ สำ�นวน และได้ตัดสินตกลงเป็นยุติ ตอ่ ไปวา่ ส�ำ นวนที่ ๑๑ สมควรไดร้ บั พระราชทานรางวลั ชน้ั ที่ ๑ สำ�นวน ท่ี ๕ สมควรได้รบั พระราชทานรางวลั ชั้นที่ ๒ รางวัลช้ันที่ ๒ ยงั มีอยู่ ในเกณฑ์พระราชทานอีกรางวัล ๑ แต่ไม่มีสำ�นวนอื่นแต่งดีถึงขนาด ซ่ึงสมควรจะได้รับพระราชทานรางวัล ใน พ.ศ. ๒๔๗๔ น้ี จึงเห็น ดว้ ยเกล้าฯ พร้อมกนั วา่ ควรพระราชทานแต่ ๒ รางวลั ๕. เม่ือได้ตรวจตัดสินแล้ว จึงให้เลขานุการขยายนามผู้แต่ง ได้ความว่าพระครูวิจิตรธรรมคุณ (วาศน์ นิลประภา เปรียญตรี) วัดราชบพธิ เปน็ ผแู้ ตง่ สำ�นวนที่ ๑๑ ซึ่งสมควรจะไดร้ ับพระราชทาน
รางวลั ท่ี ๑ รองอ�ำ มาตยโ์ ทพลอ้ ย พรปรชี า พนกั งานหอ้ งสมดุ กระทรวง กลาโหมเป็นผแู้ ต่งสำ�นวนที่ ๕ ซึ่งสมควรจะได้รบั พระราชทานรางวลั ชั้นท่ี ๒ ขา้ พระพทุ ธเจา้ ขอพระราชทานถวายส�ำ เนาหนงั สอื ส�ำ นวนท่ี ๑๑ กบั ที่ ๕ มาพร้อมกบั รายงานนี้ ควรมิควรแลว้ แต่จะทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ข้าพระพุทธเจ้า ดำ�รงราชานุภาพ นายกราชบณั ฑิตยสภา ขอเดชะ
พระครูวจิ ติ รธรรมคุณ (วาศน์ นลิ ประภา) วัดราชบพธิ ผแู้ ต่ง
ทศิ ๖ หนงั สือสอนพระพุทธศาสนาแกเ่ ด็ก ISBN : 978-616-91977-0-6 แต่งโดย พระครวู ิจิตรธรรมคุณ (วาศน์ นลิ ประภา) วัดราชบพธิ ไดร้ บั พระราชทานรางวัล ช้ันที่ ๑ ในการประกวดหนังสือสอนพระพุทธศาสนาแกเ่ ดก็ ประจำ�ปี พ.ศ. ๒๔๗๔ พมิ พ์ครัง้ ท่ี ๑ พ.ศ. ๒๔๗๔ พิมพค์ รงั้ ท่ี ๒ (ปรับปรุง) พ.ศ. ๒๕๕๗ จำ�นวน ๓,๐๐๐ เล่ม จัดพมิ พ์โดย ส�ำ นกั งานโครงการสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี สวนจติ รลดา พระราชวงั ดสุ ิต กรงุ เทพฯ ๑๐๓๐๓ โทรศัพท์ ๐ ๒๒๘๒ ๖๕๑๑ โทรสาร ๐ ๒๒๘๑ ๓๙๒๓ ออกแบบปก/รูปเลม่ /และภาพประกอบโดย ไพยนต์ กาสี สุกัญญา บญุ ทัน และ อนันต์ กติ ตกิ นกกุล พมิ พ์ท่ี หจก. แอลซพี ี ฐิติพรการพมิ พ์ ๑๐๕/๖๖-๖๗ ถนนประชาอทุ ิศ ซอย ๔๕ แขวงบางมด เขตทงุ่ ครุ กรงุ เทพฯ ๑๐๑๔๐
Search