ก า ร เ ลี้ ย ง ห า น เรียบเรียงโดย ศิรพิ นั ธ วุฒานุสร ภิญโญ ธนะสขุ สนับสนุนโดย กองปศสุ ัตวสัมพนั ธ กรมปศสุ ตั ว กระทรวงเกษตรและสหกรณ ํ ั ั ํ ุ ลักษณะทว่ั ไปของหา น ประโยชนข องการเลย้ี งหา น เรือนโรงสําหรบั เลย้ี งหา น วิธีเรม่ิ ตน เลย้ี งหา น การฟก ไขห า น การดเู พศของหา น การจัดการและการเลย้ี งดู การคัดเลอื กหา นสําหรบั ผสมพนั ธุ การผสมพันธุ การสุขาภบิ าลและการปอ งกนั โรค คุณคาทางอาหารของเนอ้ื หา น สูตรอาหารหา น
การเลย้ี งหา น 2 ลกั ษณะทว่ั ไปของหา น หานเปนสัตวที่เล้ียงงายไมคอยเปนโรค ทนตอสภาพแหงแลงและไมตองการการดูแลเปน พิเศษแตอยางใดจึงเหมาะอยางย่ิงกับสภาพโดยท่ัวไปของประชาชนในตางจังหวัดที่จะนํามาเลย้ี งเพอ่ื ใช เปนอาหารประเภทโปรตีนอีกท้ังการเล้ียงดูก็ไมมีอะไรท่ียุงยากหรือซับซอน และท่ีสําคัญก็คือใชเงิน ลงทุนตํ่ามาก วิธกี ารเลย้ี งอาจจะใชเ ลย้ี งแบบขงั เลา หรอื ปลอ ยเลย้ี งตามใตถ นุ บา นหรอื ทอ งนา ปลอยให เล็มหญาหรอื วชั พืชอืน่ ๆ และมอี าหารขน ซง่ึ ประกอบดว ยราํ ปลายขา ว ขา วเปลอื ก เสรมิ ใหก นิ บา ง เทา นน้ั กเ็ ปน เพยี งพอแลว กลาวโดยทั่วไปแลว การเลย้ี งหา นยงั ไมเ ปน ทแ่ี พรห ลายนกั ทั้งนี้เพราะปญหาเกี่ยวกับความ เชื่อถือในการบริโภคเนื้องหานวาเปนอาหารแสลงอยางเชน ผูชายเม่ือบริโภคเน้ือหานแลวจะเกิดเปน โรคเรื้อน หรือผูหญิงหากบริโภคเนื้อหานแลวจะเปนโรคผิดกระบูน หรือพิษแมลูกออน ซึ่งแทจริงแลว มิไดเปนเชนนั้นโรคดังกลาวหากจะเกิดขึ้นจะตองมีตัวของเชื้อโรคนั้นๆ เปน สาเหตจุ งึ จะเกดิ ขน้ึ หาใช เปนเพราะเนื้อหาน มบี างรายเมอ่ื บรโิ ภคเนอ้ื หา นแลว จะมอี าการแพบ า ง ซง่ึ โอกาสทจ่ี ะเกดิ ขน้ึ กม็ นี อ ย มาก เชน เดยี วกบั คนบางคนทแ่ี พไ ข เนอ้ื เนอ้ื หมู ไก กุง หรอื เนอ้ื สตั วอ น่ื ๆ นอกจากนน้ั คนบางคนมคี วามคดิ วา เนอ้ื หา นเปน อาหารสาํ หรบั ผมู อี นั จะกนิ เทา นน้ั ดังจะเห็น ไดจากในสมยั กอ นๆ ตามบา นผมู ฐี านะดจี ะเลย้ี งหา นกนั บา นละ 3-4 ตวั แตแทจริงที่มีผูนิยมเลี้ยงไว ตามบานนน้ั กเ็ ลย้ี งไวเ พอ่ื เฝา บา นกนั ขโมยเทา นน้ั ในปจ จบุ นั ปญ หาการขาดแคลนโปรตนี และพลงั งานของประชาชนทว่ั ๆ ไป ซึ่งจะทาํ ใหร า งกาย ออนแอมีผลเสียอยางย่ิงตอสมอง อนั จะเปน ผลกระทบกระเทือนตอ การพฒั นาประเทศ สัตวเลี้ยงที่จะ ชวยเสริมแหลง โปรตนี ราคาถกู ใหก บั ประชาชนโดยทว่ั ไปไมว า ในชนบทหรอื ในตวั เมอื งอกี ชนดิ หนง่ึ นอกเหนือจากไกพื้นเมือง ไกงวง เปดเทศ ก็คือ หาน พนั ธหุ า นทน่ี ยิ มเลย้ี งกนั มาก ไดแก พันธุจีน (Chinese) พนั ธเุ อน็ เดน็ (Embden) พันธุโทเลาซ (Toulouse) พันธุพิลกริม (Pilgrim) พันธุอ าฟริกนั (African) พนั ธแุ คนาดา พันธุอิยิปตเชียน(Egyptian) นอกจากพนั ธหุ า นดงั กลา วแลว ยงั มกี ารผสมขา มพนั ธเุ พอ่ื ผลติ หา นลกู ผสมสาํ หรับการคา โดย เฉพาะ
การเลย้ี งหา น 3 พันธุจีน พันธุจีน มอี ยู 2 ชนิดที่เปนทีน่ ิยม คอื พันธุจีนสีขาวและพันธุจีนสีเทา รปู รา งเลก็ วา พนั ธอุ น่ื ๆ มีอัตราการเจรญิ เตบิ โตเรว็ เมอ่ื โตเตม็ ทจ่ี ะมนี ้ําหนกั ปานกลางซง่ึ เหมาะสําหรบั สง ขายตลาด นา้ํ หนกั เมอ่ื เปนหนุม สาว ตัวผูจะหนักประมาณ 4.5 กก. เมอ่ื เทยี บกบั พนั ธอุ น่ื ๆ แลว หา นพนั ธจุ นี ใหไ ขเ มอ่ื อายุ นอยและใหไขดี โดยเฉลย่ี ประมาณตวั ละ 30-50 ฟองตอป ซง่ึ เคยมรี ายงานการใหไ ขส งู สดุ ถงึ ปล ะ132 ฟอง และนํา้ หนกั ไข เฉลย่ี ฟองละ 150 กรัม พันธุจีน พันธเุ อน็ เดน็ พันธุเอ็นเด็น พันธุเอ็นเด็น มแี หลง กําเนดิ จากประเทศเยอรมนั นี ขนมสี ขี าวบรสิ ทุ ธต์ิ ลอดตวั มลี กั ษณะคอ น ขางสวยงามแตขนบางเบา จงึ มองเหน็ เหมอื นตง้ั ชต้ี รงขน้ึ ไป มลี กั ษณะลาํ ตวั ตรงคอ นขา งใหญ มีอตั รา การเจริญเติบโตเร็ว สามารถทํานํ้าหนักตัวไดเต็มท่ีในระยะเวลาอันส้ัน เหมาะสําหรับเล้ียงไวเพ่ือ จําหนา ยเนอ้ื นา้ํ หนกั ตวั เมอ่ื เปน หนมุ สาว ตวั ผหู นกั ประมาณ 9.1 กก. ตวั เมยี หนกั ประมาณ 7.3 กก. เม่ือโตเตม็ ทต่ี วั ผหู นกั ประมาณ 11.8 กก. และตวั เมยี หนกั ประมาณ 9.1 กก. ใหไ ขไ ดด พี อประมาณ โดย เฉลย่ี ประมาณตวั ละ 30-40 ฟองตอป พันธุโทเลาซ พันธุฟลกริม พันธุโทเลาซ (Toulouse) มีแหลงกําเนิดจากประเทศฝร่ังเศส ทางตอนใตตามช่ือเมืองโทเลาซลักษณะเฉพาะของหาง พันธุน้ีอวนล่ําลาํ ตวั กวา งมขี นไมห นาตรงกลางหลงั มขี นสเี ทาเขม ซง่ึ จะคอ ยๆ จางลงมาเรอ่ื ย ๆ ตรงอก และทองมีแถบเปน ขอบสขี าว ตาสนี า้ํ ตาลแกห รอื นา้ํ ตาลแดง ปากสสี ม ออ นๆ แขง็ และขอ เทา มสี สี ม ปน แดง สวนขาตอนลา งและเลบ็ เทา มสี แี สดเขม นา้ํ หนกั ตวั เมอ่ื เปน หนมุ สาว ตวั ผหู นกั ประมาณ 9.1 กก. ตัวเมยี หนกั ประมาณ 7.3 กก. สว นนา้ํ หนกั เมอ่ื โตเตม็ ท่ี ตวั ผหู นกั ประมาณ 11.8 กก. ตวั เมยี หนกั
การเลย้ี งหา น 4 ประมาณ 9.1 กก. ซง่ึ เมอ่ื เทยี บกบั หา นพนั ธเุ อน็ เด็นแลวจะมขี นาดเทา ๆ กัน การใหไ ขเ ฉลย่ี ประมาณตวั ละ 34 ฟองตอป พนั ธฟุ ล กรมิ พันธุฟลกริม หา นพนั ธนุ ม้ี ขี นสแี ตกตา งกนั ระหวา งตวั ผกู บั ตวั เมยี เมอ่ื อายุ 1วัน ตัวผูจะมีสี ครามจาง ๆ ไปทางขวา สวนตัวเมียสีเทา พอโตขน้ึ ตวั ผจู ะมสี ขี าวตลอดรา งแตต วั เมยี มสี เี ทาปนขาว ลักษณะรูปรา งอยใู นขนาดกลาง ๆ นา้ํ หนกั เมอ่ื เปน หนมุ สาว ตวั ผหู นกั ประมาณ 5.5 กก. ตวั เมยี หนกั ประมาณ 4.5 กก. เมอ่ื โตเตม็ ทต่ี วั ผหู นกั ประมาณ 6.5 กก. และตวั เมยี หนกั ประมาณ 5.9 กก. การให ไขอ ยใู นเกณฑต ่ําเฉลย่ี ประมาณตวั ละ 29-39 ฟองตอป พนั ธอุ าฟรกิ นั พันธุอาฟริกัน เปน หา นรปู รา งสวยงาม มกี อ นตมุ ขนาดโตสดี าํ เหน็ ไดช ดั เจนบนหวั ลกั ษณะ ลําตัวยาวรี หัวสีนํา้ ตาลออ น จงอยปากเปน สดี าํ ขนบรเิ วณปก และหลงั สเี ทาออ นปนนา้ํ ตาล ขนตรงคอ อกสีเดียวกันแตอ อ นกวา เลก็ นอ ย ขนใตล าํ ตวั มสี อี อ นกวา ขนตรงอกจนเกอื บจะเปน สขี าว แขง และเทาสี สมเขม นา้ํ หนกั เมอ่ื เปน หนมุ สาว ตัวผูหนัก 7.3 กก. ตัวเมยี 6.4 กก. เมอ่ื โตเตม็ ทต่ี วั ผหู นกั ประมาณ 9.1 กก. ตวั เมยี หนกั ประมาณ 8.2 กก. พนั ธอุ าฟรกิ นั พันธแุ คนาดา พันธุแคนาดา พันธุแคนาดา เปน หา นปา ทม่ี ถี น่ิ ฐานอยทู างอเมรกิ าเหนอื ขนาดคอ นขา งเลก็ ลาํ ตวั คอ น ขางยาว หัวมสี ดี ํา มคี าดสเี ทาหรอื ขาวบนหนา ทง้ั สองขา งคอสดี าํ หลงั สดี าํ ปนเทา ขนปก มสี ดี ําขลิบเทา ออน และมขี นาดยาวใหญเ จรญิ เตบิ โตชา และใหไ ขน อ ยมาก เมอ่ื เปน หนมุ สาว ตัวผูหนัก 4.5 กก. ตวั เมีย 3.6 กก. เมอ่ื โตเตม็ ท่ี ตัวผูหนัก 5.5 กก. ตวั เมยี หนกั 4.5 กก. พนั ธอุ ยิ ปิ ตเ ชย่ี น พันธุอิยิปตเชี่ยน เปน หา นขนาดเลก็ ลาํ ตวั คอ นขา งยาว เลก็ และเรยี วจงอยปากสมี ว งอมแดง หัวสีดําปนเทามจี ดุ สนี า้ํ ตาลอมแดงรอบ ๆ ตาลําตวั สว นบนมสี เี ทาปนดํา สว นลา งสเี หลอื งเปน ลายๆ สลับรว้ิ สดี าํ แขง และเทา สเี หลอื งออกแดง ประโยชนของการเลี้ยงหาน 1. เลี้ยงงาย เจรญิ เตบิ โตเร็ว เมอ่ื ลกู หา นมอี ายุ 10 วนั ขน้ึ ไป เปอรเ ซน็ ตก ารเลย้ี งรอด ประมาณ 80% การตายมกั จะเกดิ ขน้ึ ในชว งสปั ดาหแ รก อาจจะเนอ่ื งมาจากออ นแอหรอื ถกู แมท บั ใช เวลาเล้ียงสง ตลาดสน้ั อายปุ ระมาณ 15 สัปดาห ก็ใชฆาบริโภคได
การเลย้ี งหา น 5 2. การลงทนุ ตํ่า เนอ่ื งจากหา งสามารถเจรญิ เตบิ โตไดด โี ดยอาศยั หญา อยา งเดยี ว ยกเวนใน ชวงแรกเกิดระยะแรกเทา นั้นทีต่ อ งจดั หาอาหารผสมใหล ูกหานกินดว ย 3. เลี้ยงไดในทองที่ทุกแหง ไมว า จะเปน ทด่ี อน ที่ลุม แมแ ตใ นบรเิ วณบา นกใ็ ชเ ลย้ี งหา นได ขอ แตใหมีที่กันแดดกันฝนก็เพียงพอแลว 4. ชวยทาํ ใหพื้นที่สะอาด หา นสามารถกนิ หญา หรอื วชั พชื ตา งๆ ไดเ ปน อยา งดี จึงชวยทาํ ให บริเวณทเ่ี ลย้ี งสะอาด 5. มลู หา นใชเ ปน ปยุ สาํ หรับใสตนไมและพืชผักได 6. ไมส กปรกและไมม กี ลน่ิ เหมน็ 7. ชวยเฝา บา นและปอ งกนั สตั วร า ยในบรเิ วณบา น เชน แมลงปอง ตะขาบ และ งู เปน ตน โรงเรอื นสาํ หรับเลี้ยงหาน ปกติแลว โรงเรอื นสาํ หรับเลี้ยงหานใหญไมคอยจะจาํ เปน นกั นอกจากลกู หา นในระยะแรกเกดิ ควรจะมีโรงเรือนเลย้ี งเปน สดั สว น แตอ ยา งไรกต็ ามอาจจะสรา งเปน โรงเรอื นเลก็ ๆ สาํ หรับใชเลี้ยงหาน โดยท่ัวไปก็ไดอ ยา งเชน โรงเรอื นเลย้ี งไกห รอื เปด แตหากจะประหยัด หรอื ลดตน ทนุ การผลติ อาจจะกน้ั บริเวณใตถุนหรือบรเิ วณลานบา นใชส งั กะสหี รอื ลวดตาขา ยสงู 1 เมตร ลอ มกน้ั บรเิ วณกไ็ ด เพือ่ สะดวก ตอการเคล่ือนยา ยหรือเปลยี่ นสถานทสี่ ่ิงทสี่ าํ คัญก็คือ พน้ื เลา ของโรงเรอื น หรอื บรเิ วณทก่ี น้ั เลย้ี งหา นจะ ตองแหง มีสง่ิ รองพน้ื หนาพอสมควรในการเลย้ี งปลอ ยควรมรี ม ตน ไมไ วส ําหรับหานไดหลบแดดดวย ความตองการพน้ื ทเ่ี ลย้ี งของหา นขนาดตา งๆ ลกู หา นอายุ 1 สัปดาห ควรจัดใหมีพื้นที่ 1/2 - 3/4 ตารางฟตุ /ตวั ลกู หา นอายุ 2 สัปดาห ควรจัดใหมีพื้นที่ 1 - 1 1/2 ตารางฟตุ /ตวั ลกู หา นอายุ 2 สปั ดาหข น้ึ ไปอยา งนอ ย 2 ตารางฟตุ /ตวั แตค วรปลอ ยอสิ ระออกเลย้ี งในทงุ หญา หรอื แปลงหญา การเลย้ี งหา นอาจจะแบง ออกไดเ ปน 3 อยา งคอื 1. การเลย้ี งหา นเพอ่ื ผลติ ไข แตไ มค อ ยเปน ทน่ี ยิ มนกั ทง้ั นเ้ี นอ่ื งจากหา นไขไ มด ก เพราะใหไ ขป ล ะ 4-5 ครง้ั ๆ ละ 7-10 ฟองเทา นน้ั 2. การเลย้ี งหา นเพอ่ื ขยายพนั ธุ โดยทั่วไปแลวหานที่เลี้ยงเพื่อการขยายพันธุจะเปนหานที่มี อายตุ ัง้ แต 1 ปข น้ึ ไป ซง่ึ ในชว งการใหไ ขป ท ่ี 2 และปที่ 3 หานจะใหไขดี 3. การเลย้ี งหา นเนอ้ื เพื่อขายเปนหานกระทง อายุระหวาง 2-4 เดอื น หา นท่ใี ชเ ลี้ยงเปน หานเนื้อ ควรจะเจรญิ เตบิ โตเรว็ มขี นสขี าวและขนขน้ึ เตม็ มซี ากตกแตง แลว ขนาดปานกลาง
การเลย้ี งหา น 6 วธิ เี ริ่มตนเลี้ยงหาน การเลย้ี งหา นอาจจะแบง ออกไดเ ปน 3 อยา งคอื 1. การเล้ียงหา นเพอ่ื ผลติ ไข แตไ มค อ ยเปน ทน่ี ยิ มนกั ทง้ั นเ้ี นอ่ื งจากหา นไขไ มด ก เพราะใหไข ปล ะ 4-5 ครง้ั ๆ ละ 7-10 ฟองเทา นน้ั 2. การเลย้ี งหา นเพอ่ื ขยายพนั ธุ โดยทั่วไปแลวหานที่เลี้ยงเพื่อการขยายพันธุจะเปนหานที่มี อายุตัง้ แต 1 ปข น้ึ ไป ซง่ึ ในชว งการใหไ ขป ท ่ี 2 และปที่ 3 หานจะใหไขดี 3. การเลย้ี งหา นเนอ้ื เพื่อขายเปนหานกระทง อายุระหวาง 2-4 เดอื น หา นทใี่ ชเ ลี้ยงเปน หานเน้ือควรจะเจรญิ เตบิ โตเรว็ มขี นสขี าวและขนขน้ึ เตม็ มซี ากตกแตง แลว ขนาดปานกลาง วิธเี รม่ิ ตน เลย้ี งหา นเนอ้ื ทาํ ได 2 วธิ ีคอื 3.1 ซ้ือไขม าฟก เอง ซง่ึ คอ นขา งยงุ ยากเลก็ นอ ยและตอ งรจู กั วธิ กี าร 3.2 ซอ้ื ลกู หา นมาเลย้ี ง ซึ่งเปนวิธีที่สะดวกกวา โดยทว่ั ไปแลว อาจจะกลา วไดว า การเลย้ี งหา นสว นมากเลย้ี งเพอ่ื ขายเปน หา นเนอ้ื สวนการที่จะ เร่ิมเล้ียงเม่ือไรน้ันข้ึนอยกู บั ความตอ งการของตลาดอยา งเชน ความตอ งการของตลาดสาํ หรบั หา นเนอ้ื มี มากในเทศกาลตรุษจนี ดงั นน้ั ผเู ลย้ี งจะตอ งเรม่ิ เลย้ี งลว งหนา กอ นเทศกาลตรษุ จนี ประมาณ 3-4 เดอื น เปนตน แตโ ดยทว่ั ไปกม็ กี ารเลย้ี งหา นกนั ตลอดป การฟกไขหาน ไขหานท่ีจะนํามาฟกควรเปนไขหานจากแมหานที่ไดรับการผสมพันธุแลว และมอี ายรุ ะหวา ง 1-3 ป ไขที่จะใชฟกไมควรเก็บไวนานเกิน 7 วัน หากเก็บไวถึง 10 วันมีแนวโนมที่จะทาํ ใหก ารฟก ออก ต่ําลงแตถ า จาํ เปน ตอ งเกบ็ ไวเ กนิ 7 วัน ตอ งเกบ็ ไวใ นทท่ี ม่ี อี ณุ หภมู ิ 50-60 องศาฟาเรนไฮท (F) หรือ ประมาณ 10-15 องศาเซลเซยี ส (C) และความชน้ื สมั พนั ธ 75-80 เปอรเ ซน็ ต ควรกลบั ไขอ ยา งนอ ย วันละคร้ังเพ่ือปอ งกนั ไมใ หเ ชอ้ื ตดิ เยอ่ื เปลอื กไข ไขฟ ก ที่สะอาดจะมเี ปอรเ ซน็ ตการไปฟก ออกเปน ตวั ดี กวาไขที่สกปรก หากจําเปน ตอ งใชไ ขท ส่ี กปรกไมม ากนกั ไปฟก ตอ งรบี ทาํ ความสะอาดทนั ทหี ลงั จากเกบ็ โดยใชฝอยโลหะหรือกระดาษทรายเบอร 0 หรอื เบอร 1 ขดั เบา ๆ หรอื ลา งในนา้ํ อนุ ทส่ี ะอาด อณุ หภมู ิ ประมาณ 48 องศาเซลเซยี ส) ซง่ึ ผสมดว ยนา้ํ ยาลา งไขเ ปน เวลา 3 นาที ควรระมดั ระวงั เสมอวา นา้ํ ที่จะ ใชลางไขจะตอ งอนุ กวา อณุ หภมู ขิ องไขเ สมอ ไขฟ ก ทม่ี ขี นาดฟองใหญเ กนิ ไปหรอื เลก็ เกนิ ไปหรอื มลี กั ษณะ ผิดปกติแตกราว ไมควรใชฟก เพราะโอกาสจะฟก ออกเปน ตวั มนี อ ยมาก ระยะเวลาฟก ไขห าน 1. หานพันธุทั่วๆไป 31-32 วัน 2. หานพนั ธแุ คนาดาและพนั ธอุ ยี ิปตเ ชย่ี น 35 วัน วธิ กี ารฟก ไขห า น วิธกี ารฟกไขห า นมีอยู 3 วิธี คอื 1. ใชแมไกฟก แมไ กต วั หนง่ึ สามารถฟก ไขห า นไดค รง้ั ละ 4-5 ฟอง 2. ใชแมหานฟก แมห า นตวั หนง่ึ ฟก ไขห า นไดค รง้ั ละ 7-8 ฟอง
การเลย้ี งหา น 7 วิธีฟกไข 2 วธิ ดี งั กลา วขา งบนน้ี จะตองจัดทํารงั ฟก ไขส ําหรับใหแมไกหรือแมหานกกไขดวย พื้นรังไขควรรองดวยหญาแหงหรือฟางขาวกอนใหแมไกหรือแมหานฟกไขจะตองทาํ การกําจัดไรหรือเหา ตามตัวเสียกอ น รังฟก ไขควรจะอยูใ กลทีใ่ หอาหารและนาํ้ และควรวางบนพนื้ ดินเพราะจะเปน การชว ยให มีความช้ืนมากขน้ึ อยใู นทท่ี แ่ี มไ กห รอื แมห า นไมถ กู รบกวนในระหวา งฟก ไข หากจะชวยกลับไขวันละ 3- 4 คร้ัง ก็จะเปน ผลดี ควรทาํ เครอ่ื งหมายตามดา นยาวของฟองไขไ วเ ปน การกนั สบั สนการกลบั ไขใ หก ลบั 180 องศา โดยพลกิ กลบั เอาดา นตรงกนั ขา มขน้ึ 3. ใชตูฟกหรือที่เรียกวา การฟกแบบวิทยาศาสตร ไขที่จะนาํ มาฟก หากเก็บไวใ นหองเก็บไขที่ควบคมุ อุณหภมู ิ เมอ่ื จะนําเขา ตฟู ก จะตอ งเอามา วางไวในหองปกตเิ สยี กอนเพื่อใหไ ขมอี ณุ หภมู สิ ูงขึ้น จึงคอยนาํ เขา ตฟู ก มฉิ ะนน้ั อณุ หภมู ใิ นตฟู ก ไขจ ะลด ลงอยางมากการวางไขใ นถาดฟก ใหว างไขใ นแนวราบตามความยาวของฟองไขแ ละควรทาํ เครอ่ื งหมายท่ี ฟองไขเพ่อื ความสะดวกในการกลับไขอุณหภูมติ ฟู ก ไขค วรต้ังไวท่ี 37.5 องศาเซลเซยี ส หรือ 99.5- 99.7 องศาฟาเรนไฮท ในชว ง25-28 วนั แรก ความชน้ื สมั พนั ธข องตฟู ก ประมาณ 57-62 เปอรเ ซน็ ต (ปรอทตมุ เปย กประมาณ30-31 องศาเซลเซยี ส) และควรจะพรมไขด วยนา้ํ อนุ สปั ดาหล ะ 2 ครง้ั ไดม ผี แู นะนําไววา ในการฟก ไขห า นไดผ ลดนี น้ั ควรจะเอาถาดไขอ อกมาวางขา งนอกตฟู ก พรมดว ยนา้ํ อนุ เปน ฝอยๆ ต้ังท้งิ ไวสัก10-15 นาที แลว จงึ นาํ กลบั เขา ตฟู ก ระหวา งชว งออก ชว งทล่ี กุ หา นจะเรม่ิ เจาะเปลอื กไข ควรจะเพม่ิ ความชน้ื ใหส งู ขน้ึ ถงึ 73-79% (ปรอทตมุ เปย กประมาณ 32.7-33.8 องศาเซลเซยี ส) ความชน้ื สงู ในชว งนจ้ี ะชว ยทาํ ใหเ ยอ่ื หมุ เปลอื ก ไขนุม เปน การงา ยสําหรบั ลกู หา นจะไดเ จาะโผลอ อกมา การสองไขระหวางฟก การสองไข คอื การตรวจดวู า ไขฟ องไหนมเี ชอ้ื หรอื ไมม เี ชอ้ื การสอ งไขควรกระทาํ ในหอ งมอื โดย ใชที่สองไขสองดูหรือจะจับไขมาสองกับแสงสวางดูก็ได ควรสอ งไขด ู 2 ครง้ั ครง้ั แรกเมอ่ื ฟก ไขไ ปไดแ ลว 10 วัน และครง้ั ทส่ี องเมอ่ื ครบ 28 วัน หรอื เหลอื อกี 3 วัน กอ นกาํ หนดออกเปน ตวั เม่ือสองไขด คู รง้ั แรกพบไขไ มม เี ชอ้ื หรอื ไขเ ชอ้ื ตาย จะตอ งนําออกไปจากตูฟกไขใหหมด เพอ่ื มิ ใหกระทบกระเทอื นตอ การฟก ออกของไขม เี ชอ้ื ไขไ มม เี ชอ้ื จะมองเหน็ เหมอื นไขธ รรมดา ไขเช้ือตายจะปรากฏเปน จดุ ดําตดิ อยกู บั เยอ่ื เปลอื กไขซ ง่ึ จะมวี งเลอื ดปรากฏใหเ หน็ สว นไขม ี เช้ือและกําลงั เจรญิ เตบิ โตจะเหน็ เปน จดุ ดาํ ทส่ี ว นทา ยของไขใ กลก บั ชอ งอากาศและมเี สน เลอื ดกระจาย ออกไปรอบๆ จากจุดนี้
การเลย้ี งหา น 8 ในการสอ งไขค รง้ั ทส่ี อง เมอ่ื ไดท าํ การฟกไปแลว 28 วัน หรอื อกี 3 วัน กอ นกาํ หนดออกเปน ตัว ไขที่เชื้อยังดีอยูและกาํ ลงั จะออกเปน ตวั จะปรากฏเปน สดี าํ ทึบไปหมด ยกเวน สว นทเ่ี ปน ชอ งอากาศจะ มองเห็นการเคลอ่ื นไหวของลกู หา นทก่ี ําลงั จะออกดว ย อัตราการฟกออกเปน ตวั ของไขห า น ไขท เี่ กบ็ ในระยะแรกของการใหไ ขจ ะฟกออกเปน ตัวดีทสี่ ุด แลวคอย ๆ ละลงเรื่อยๆ ตามระยะของการใหไ ขซ ง่ึ เฉลย่ี ตลอดฤดกู ารใหไ ขอ ตั ราการฟก ออกประมาณ 66 เปอรเ ซน็ ต การดูเพศของหาน ในลูกหานจะตรวจดูเพศไดโดย 1. ปลน้ิ กน ดู ซง่ึ เหมอื นกบั วธิ ดี เู พศลกู เปด วธิ นี ส้ี ามารถดเู พศลกู หา นไดเ มอ่ื อายุ 1-2 วัน โดยใชน้ิวแมมอื ซา ยกดเหนอื ทวารดา นบนแลว ใชน ว้ิ หวั แมม อื ขวากดปลน้ิ ทวาร ถา เปน ลกู หา นตวั ผจู ะ เห็นเดือยเล็กๆ คลา ยเขม็ หมดุ โผลอ อกมา สว นตวั เมยี เมอ่ื ปลน้ิ กน ดไู มม เี ดอื ยเลก็ ๆ โผลอ อกมา 2. ดปู ก เมอ่ื ลกู หา นอายปุ ระมาณ 3-4 วัน จะสงั เกตไดโ ดยดปู มทข่ี อ ศอกดา นในปก ถา เปน ลูกหานตัวผปู มจะใหญม สี ดี ํา ลกั ษณะยาวรี ไมม ขี นปกคลมุ มขี นาดเทา ปลายดนิ สอ มองเหน็ ไดช ดั เจน แตถาเปนลูกหานตวั เมียจะไมม ีปมดงั กลาวหรอื ถา มีขนาดจะเล็กมาก และมขี นปกคลมุ จนมองไมเ ห็น 3. ดสู ขี น วธิ นี ใ้ี ชด ไู ดใ นหา นพนั ธพุ ิลกรมิ และพนั ธเุ อ็มเดน็ เทา นน้ั คอื ลกู หา นพนั ธุพ ิลกริม ตัวผูจะมีสีครามออนๆ เกือบขาวแตลูกหา นตัวเมียจะมีสีเทา สว นลกู หา นพนั ธเุ อม็ เดน็ ตวั ผจู ะมสี ขี าวมาก ปนกับสีเทาออนเพยี งเลก็ นอ ยสว นตวั เมยี จะมสี เี ทามากปนสขี าวเพยี งเลก็ นอ ยเมอ่ื ลกู หา นโตแลว จนเปน หานรนุ ขน้ึ ไป จะสังเกตลักษณะเพศไดโดย 1. วธิ ดี อู วยั วะเพศ โดยจับหา นวางบนโตะ หรอื วางบนโคนขาของผจู บั ใหหางหานชี้ออกไปจาก ตัวผูจับหานแลว ใชน ว้ิ ชซ้ี ง่ึ ทาวาสลนิ สอดเขา ไปในรทู วาร ลกึ ประมาณครง่ึ นว้ิ วนรอบๆ ทวารหลายๆครั้ง หลังจากน้ันคอยๆ กดดา นลา งเหนอื ดา นขา งของทวารหากเปน ตวั ผอู วยั วะเพศซง่ึ มลี กั ษณะคลา ยเกลยี ว เปด จกุ กอ กจะโผลอ อกมาใหเ หน็ 2. วธิ ฟี ง เสยี ง ในหา นที่เจรญิ เตบิ โตเตม็ ท่แี ลว หานตัวผูจะมีเสียงแหบตํ่า สว นตวั เมยี จะมเี สยี ง ใสกงั วานชดั เจน 3. วธิ ดี ลู กั ษณะรปู รา ง ในหานอายเุ ทา กนั หา นตวั ผจู ะสงั เกตไดจ ากลกั ษณะรปู รา งซง่ึ มลี ําตวั ยาวกวา คอยาวกวา และหนากวา อกี ทง้ั ขนาดตวั ใหญก วา การจัดการและเลี้ยงดู การจดั การและเลย้ี งดลู กู หา น หากอากาศไมห นาวเยน็ หรอื ในระหวา งหนา รอ น การกกลกู หา นจะกกเฉพาะในเวลากลางคนื เทานน้ั ซง่ึ จะกกประมาณ 2-3 สัปดาห หากใชแมไกหรือแมหานกก ซง่ึ เปน การกกแบบธรรมชาติ ก็ไม มีปญหาแตอ ยา งใด แมไ กตัวหนึง่ จะกกลกู หา นไดประมาณ 4-5 ตวั สวนแมหานจะกกลกู หา นได ประมาณ 7-8 ตวั หากมีลูกหานเกิดใหมจาํ นวนมาก ก็ควรจะใชวิธีกกแบบวิทยาศาสตร ซึ่งอาจจะใช
การเลย้ี งหา น 9 1. ตะเกยี ง การใชตะเกยี งกก ตะเกยี งหนง่ึ ดวงจะใชก กลกู หา นไดป ระมาณ 15-35 ตวั ควรใช สังกะสีทําเปนวงลอมกันมิใหลูกหานถูกตะเดียง และมีวงลอมดานนอกก้ันมิใหลูกหานออกไปไกลจาก ตะเกียงซง่ึ เปน แหลง ใหค วามรอ น 2. เคร่ืองกก ซึ่งอาจจะใชไฟฟาหรือใชแกสก็ได แตโดยทั่วไปแลวนิยมใชไฟฟาอาจจะเปน ลักษณะเปน กรงกก หรือเปนลักษณะแบบฝาชีก็ได กรงกกขนาดกวา ง 1เมตร ยาว 2 เมตร ใชกกลูก หานไดป ระมาณ 50-75 ตวั ถา เปน แบบเครอ่ื งกกฝาชี ซึ่งกกลูกไกได 500 ตวั ก็จะใชกกลูกหานได 250 ตัว ในการใชเครื่องกกลูกหานจะตองสังเกตการแสดงออกของลูกหานเปนเคร่ืองช้ีใหทราบวา ความรอนท่ีใชกกเหมาะสมพอดีหรือไม เชน ลกู หา นเบยี ดสมุ กนั อยแู ละสง เสยี งดงั แสดงวา ความรอ น ไมพอ หรอื ลกู หา นยนื อา ปาก กางปก ออก แสดงวา ความรอ นมากเกนิ ไป โรงเรือนหรือสถานที่ที่ใชกกลูกหานในชวงนี้ พน้ื เลา จะตอ งแหง มแี สงสวา งพอควร ไมมีหยักไย หรือฝุนละอองสกปรก อากาศถา ยเทไดด แี ละสามารถปอ งกนั มใิ หส นุ ขั แมว หรือ หนู เขา ไปรบกวนทํา อันตรายลกู หา นได จากชวงแรกเกิดถึงอายุ 3 สัปดาห จะใชอาหารลูกไกสาํ เรจ็ รปู ชนดิ อดั เมด็ มาใชเ ลย้ี งลกู หา นก็ ได หรือหากผสมอาหารเอง เมอ่ื ผสมแลว จะตอ งมจี าํ นวนโปรตนี ประมาณ 20-22 เปอรเ ซน็ ต และผสม นา้ํ พอหมาด ๆ ใหกินก็ได หากจะใชรางนาํ้ หรอื รางอาหารทใ่ี ชเ ลย้ี งลกุ ไกม าใชเ ลย้ี งลกู หา นกไ็ ด แตค วรจดั ใหม พี น้ื ทข่ี อบ รางนาํ้ สําหรบั ลกู หา นหนง่ึ ตวั อยา งนอ ย3/4 นว้ิ และขอบรางอาหาร 1/2 นว้ิ ตงั แตแ รกเกดิ จนถงึ 24-48 ชั่วโมง ไมต อ งใหอ าหารลกู หา น หลงั จากนน้ั จงึ เรม่ิ ใหอ าหาร ควรใหอาหารลกู หา นกนิ บอ ยๆ วนั ละประมาณ 3-5 ครง้ั ปรมิ าณอาหารท่ใี หกิน ประมาณวา ใหแ ตล ะ คร้ังลูกหานกนิ หมดพอดี หรือหากเหลือก็นอยที่สุด โดยเฉลย่ี ลกู หา นจะกนิ อาหารวนั ละประมาณ 10 เปอรเ ซน็ ต ของนา้ํ หนกั ตวั มนี า้ํ สะอาดใหก นิ ตลอดเวลา การจดั การและเลย้ี งดหู า นรนุ หลังจากทล่ี กู หา นมอี ายุ 3 สัปดาหแลว อาหารทใ่ี ชเ ลย้ี งควรจะเปลย่ี นเปน อาหารทม่ี โี ปรตนี ประมาณ 17-18 เปอรเ ซน็ ต หรือจะใชอาหารสาํ เรจ็ รปู สาํ หรับไกรุนก็ได และควรจะใหหานไดกินหญา สดโดยเร็วเทาที่จะเปนไดโดยคอยๆ ปลอยใหหานหัดหาหญากินเอง แลว จดั อาหารผสมเสรมิ ไวใ หก นิ ใน ตอนเย็นวันละประมาณ 100-150 กรมั ตอ ตวั จรงิ อยทู ว่ี า หา นสามารถเจรญิ เตบิ โตไดด ถี งึ แมจ ะเลย้ี ง
การเลย้ี งหา น 10 ดวยหญา สดเพยี งอยา งเดยี วแตก ารใหอ าหารผสมเสรมิ ใหห า นกนิ จะทาํ ใหม กี ารเจรญิ เตบิ โตดแี ละโตเรว็ ข้ึน ในที่ที่ปลอยหานไปหาหญากินควรมีรมตนไมหรือทาํ รม ไวใ หใ นระหวา งทอ่ี ากาศรอ น หากสามารถ จัดทําแปลงหญาสําหรบั หา นไดโดยเฉพาะเปน การดีอยา งยงิ่ อกี ทง้ั ประหยดั ตน ทนุ การผลติ ดว ย หาน ชอบกินหญาท่ีตนออนยังส้ันอยูและนุม แปลงหญาที่ปลอยใหหานเขาไปกินแลวจะตองตบแตงเปฯการ ทาํ ใหหญาที่เหลือคางอยูไมแก การตดั ในชว งหา งสม่าํ เสมอกนั จะชวยทาํ ใหหญาไมยาวและมีเยื่อใย มากเกินไป แปลงหญาที่ไดรับการบาํ รงุ อยา งดี เนอ้ื ท่ี 1 ไร จะเลย้ี งหา นไดป ระมาณ 30-50 ตวั การจัดการและเลี้ยงดูหานเนื้อ ปกติแลวในบา นเราจะเลย้ี งหา นจะมอี ายปุ ระมาณ 4-5 เดอื นกจ็ บั ขาย เมอ่ื ประมาณวา จะจบั ขายเม่ือใด กอ นหนา นน้ั สกั 4 สัปดาหอาหารผสมที่ใชเลี้ยงควรจะลดจาํ นวนโปรตนี ลงเหลอื ประมาณ 14 เปอรเ ซน็ ต หรือใชอาหารไกเ นอ้ื ชว งสดุ ทายกไ็ ด หา นรนุ ทง้ั ตวั ผแู ละตวั เมยี ทไ่ี มไ ดค ดั เลอื กไวส าํ หรับ ทําพันธุค วรจะนํามาเลย้ี งขนเพอ่ื ขายเปน หา นเนอ้ื ในชว ง 4 สปั ดาหน ค้ี วรจบั หา นขงั ไวใ นคอกเลก็ ๆ ไม ตองปลอยไปหากินหญา แตควรตดั หญานาํ มาใชก นิ ในคอก เพอ่ื หา นจะไดม นี ้ําหนกั ตวั เพม่ิ เรว็ ขน้ึ และ เน้ือมีคณุ ภาพดวี ธิ ขี นุ อาจจะแบง ขนุ เปน 1. ขุนขังคอกเลก็ จบั หา นขงั คอกประมาณ 20-25 ตวั ตอ คอก มีพ้นื ทขี่ นาดใหพออยูไดส บายๆ ไมตองมีลานวิง่ พน้ื คอมกมวี สั ดรุ องพน้ื จะจดั กน้ั ลานเลก็ ๆ ใหอยูก็ได ใหอ าหารกนิ วนั ละ 3 เวลา มนี า้ํ ใหกินตลอดเวลา และมีขา วเปลอื กหรือขาวโพดหญาสดหรือเศษผักท่ไี มม สี ารมีพษิ ตกคา งใหก นิ ดว ย 2. ขุนเปน ฝงู ใหญ ฝงู ละเปน 100 ตวั ขน้ึ ไป ซึ่งอาจใชวธิ ีเดยี วกันกับการเลีย้ งไกกระทงก็ได โดย ใชโรงเรือนแบบเดียวกัน พน้ื คอกตอ งมวี สั ดปุ รู องพน้ื หรอื จะใชเ ปน พน้ื ลวดตาขา ยกไ็ ด อาหารทีใ่ ชข ุนจะ ใชอาหารไกกระทงชวงสุดทาย หรอื ผสมใชเ องกไ็ ด พรอ มทง้ั มภี าชนะใสน า้ํ ไวใ หก นิ ดวย หรืออาจจะใชวิธี ขุนในแปลงหญาโดยเฉพาะ และมอี าหารผสมเสรมิ ใหก นิ ซง่ึ จะเปน การชว ยใหร ะยะการขนุ สน้ั เขา การจดั การและเลย้ี งดูหา นพนั ธุและหานกําลังไข ในบานเราจากการศกึ ษาพบวา หา นจะเรม่ิ ใหไ ขเ มอ่ื อายปุ ระมาณ 165 วัน หรือประมาณ 5 เดือนครึ่งขึ้นไป ซง่ึ ตามธรรมชาตแิ ลว เมอ่ื หา นจะเรม่ิ ใหไ ข แมห า นจะหารงั ไขเ อง ฉะนน้ั จงึ จาํ เปน ตอ งจดั ทาํ รงั ไขใ หซ ง่ึ อาจทาํ ไดหลายลักษณะ เชน ทําเปน ชอ ง ๆ เหมอื นรงั ไขส าํ หรับเปดหรือไก ชอ งละ 1 ตวั ควรมีขนาดอยางนอ ยกวา ง 18 นว้ิ ลกึ 20 นว้ิ สูง 40 นว้ิ หรืออาจจะทาํ เปน รงั ไขต ามยาวโดยไมต อ ง ก้ันแบงชองก็ไดพ รอ มทง้ั มวี สั ดรุ องพน้ื ทส่ี ะอาดรองไวใ หห นาพอสมควร เพอื่ ไขจ ะไดสะอาด อยา งนอ ยจะ ตองมีรังไข 1 รงั สําหรับหาน 5-6 ตวั หานจะใหไขเปนชุด ๆ ในปห นง่ึ โดยเฉลย่ี ประมาณ 3-4 ชุด แต อาจใหไ ขต ง้ั แต 1-7 ชุด ชดุ หนง่ึ จะไดไ ขป ระมาณ 7-10 ฟอง แตบ างครง้ั อาจไดค รง้ั ละ 9-12 ฟอง ซึ่ง การใหไขในชุดที่ 2 จะใหไขมากกวาชุดอื่น ๆ และแตล ะชดุ จะใชเ วลาประมาณ 10-15 วัน โดยมีชวง หางระหวางชุดแรกกับชุดที่สองตั้งแต 26-71 วัน โดยชวงหางระหวางชดุ แรกจะหา งมากและชดุ ตอ ๆ ไป จะสั้นลงเรื่อยๆระยะแรกๆไขหานจะมีขนาดเล็กเทาๆกับไขเปด ตอ ไปจะมขี นาดใหญข น้ึ เมอ่ื อายกุ ารให ไขครบป ไขห า นจะมขี นาดสองเทา ของไขเ ปด ไขห า นโดยเฉลย่ี จะมนี า้ํ หนกั ประมาณฟองละ 155.6 กรัม ปกตแิ ลว หา นจะใหไ ขว นั เวน วนั แตม บี างตวั ทใ่ี หไ ขส องวนั หรอื สามวนั ตดิ ตอ กนั แลวจึงหยุดไข วันหน่ึงหรือหลายวัน และหา นจะใหไ ขตอนสายๆ การเกบ็ ไขว นั ละหลายๆ คร้งั จะชวยมใิ หแ มห า นนง่ั กกไขแ ละหยดุ ไขเรว็ เกนิ ไป
การเลย้ี งหา น 11 การใหไขของหานในปที่สอง จะใหไขจํานวนมากกวา ในปแ รกและฟองใหญก วา ดว ยถงึ แมว า เปอรเซ็นตของไขมีเชื้อจะลดลงเม่ือหานมีอายุมากข้ึนก็ตามแตการฟกออกของไขหานที่มีเช้ือจะมี เปอรเซ็นตเพิ่มขึ้นในปที่สอง หลงั จาก 2-3 ปไ ปแลว การใหไ ขจ ะลดลงเรอ่ื ยๆ ในปต อ ๆ ไป แตก ม็ แี ม หานบางตัวสามารถใหไ ขไ ดด ถี งึ แมว า อายจุ ะครบ 10 ปแลว กต็ าม และบางครง้ั ถงึ แมว า จะมอี ายมุ ากกวา นั้นก็ยังสามารถใหไขไดดี ในชว งทีห่ านกาํ ลงั ใหไ ขใ ชอ าหารไกไ ขห รอื อาหารผสมเองทม่ี โี ปรตนี ประมาณ 15-17 เปอรเ ซน็ ต ใหก นิ วนั ละ 2 เวลา วนั ละประมาณ250-300 กรมั ตอ ตวั สวนหานท่ีเลี้ยงไวทําพันธุ หลังจากพนชวงเปนหานรุนแลว ก็พิจารณาคัดเลือกหานที่มี ลักษณะดนี ํามาใชเ ลย้ี งเพอ่ื ขยายพนั ธตุ อ ไป การคดั เลือกหานสาํ หรับผสมพันธุ หลกั ใหญ ๆ ทใ่ี ชพ จิ ารณาในการคดั เลอื กหา นสําหรับผสมพันธุ คอื 1. นา้ํ หนกั ตวั 2. ความกวา งของหนา อก 3. ความยาวและขนาดลําคอของหาน ถา คอยาวพอดี เรียวเลก็ ไมห นาเทอะทะ สว นใหญจ ะเปน หา นไขด ก 4. อตั ราการเจรญิ เตบิ โต 5. สขี องขน 6. ความมอี ายยุ นื ยาว 7. การใหไข 8. ความยาวของกระดกู สนั หลงั 9. ความอดุ มสมบรู ณใ นการสบื พนั ธุ 10. การฟก ออกเปน ตวั นอกจากนน้ั ลกั ษณะทส่ี าํ คญั ของหา นพอ พนั ธทุ จ่ี ะตอ งพจิ ารณากค็ อื มีลักษณะแข็งแรง ขอ ขา แข็งแรง คุมฝูงเกง และมคี วามกระตอื รอื รน ในการผสมพนั ธุ อตั ราสว นของตวั ผแู ละตวั เมยี ในการผสม พันธุ สําหรบั หา นพนั ธหุ นกั ตวั ผหู นง่ึ ตวั ใชค มุ ฝงู ผสมพนั ธตุ วั เมยี 2-3 วัน สว นหา นพนั ธเุ บาตวั ผหู นง่ึ ตวั ใชค มุ ฝงู ตวั เมยี 4-5 ตวั หานท่ีเล้ียงเพ่ือใชทําพนั ธุ ไมต อ งเรง ใหเ จรญิ เตบิ โต เพียงแตป ลอ ยใหห ากนิ ตามลานหญา อยางเต็มท่ี ใหกินหญาสด พืชตระกลู ถว่ั หรอื ผักสดอ่ืนๆ อยา งเพยี งพอและมนี า้ํ สะอาดใหก นิ ตลอดเวลา หากจะปลอยเลี้ยงไวในแปลงหญา ตง้ั หบี หรอื รงั ไวใ นแปลงหญา ใชฟ างขา วหรอื หญา ปรู องพน้ื รงั หรอื จะ ก้ันคอกใหอยูใหม ขี นาดพน้ื ท่ี 5 ตารางฟตุ ตอ ตวั เพอ่ื หา นจะไดเ ดนิ เลน รอบๆบรเิ วณไว ควรมอี าหาร ผสมเสรมิ ใหก นิ วนั ละนดิ หนอ ยกเ็ พยี งพอแลว การผสมพนั ธุ การผสมพันธุของหาน ควรปลอ ยใหผ สมพนั ธเุ องตามธรรมชาติ ถา หา นไดผ สมกนั ในนา้ํ จะ ชวยใหเ ปอรเ ซน็ ตไ ขม เี ชอ้ื ดขี น้ึ การผสมแบบฝงู ใหญประมาณ 25-50 ตวั ไมน า กระทาํ เพราะนอกจาก
การเลย้ี งหา น 12 หานพอพนั ธจุ ะจกิ ตกี นั เองแลว ยังจะทาํ ใหก ารใหไ ขข องหา นแมพ นั ธลุ ดนอ ยลงดว ย ในระยะแรกจะพบวา การผสมพนั ธขุ องหา นนน้ั เปน ไปอยา งชา และลาํ บากจนกวา หา นตวั ผแู ละ ตัวเมียจะคนุ เคยกนั และหากมีความจาํ เปน ตอ งเปลย่ี นพอ พนั ธหุ รอื แมพ นั ธคุ วรแยกหา นตวั เกา ออกไป ใหไกล เพราะจะทาํ ใหหา นตัวเกา และตวั ใหมร ังแกกนั จกิ ตกี นั หรอื สง เสยี งรอ งเปน เหตใุ หห า นตวั ใหมท ่ี เปล่ียนเขาไปเกดิ ความกลวั ดงั นน้ั หากไมม คี วามจาํ เปน ไมค วรเปลย่ี นพอ พนั ธุ นอกจากหา นนน้ั มอี ายุ แกเกินไป หา นพอ พนั ธตุ ามปกตแิ ลว ยงั สามารถใชผ สมพนั ธไุ ดถ งึ อายจุ ะเกนิ 5 ป ไปแลวก็ตาม การสขุ าภิบาลและการปองกันโรค 1. รักษาความสะอาดของบรเิ วณทเ่ี ลย้ี งหา นอยเู สมอ อยาปลอยใหบริเวณที่เลี้ยงเปยกแฉะ ภาชนะทใ่ี ชใสอ าหารและนาํ้ ตอ งทําความสะอาดอยเู ปน ประจาํ 2. อาหารทใ่ี ชเ ลย้ี งหา นตอ งเปน อาหารใหมแ ละคณุ ภาพดี นา้ํ ทใ่ี ชก นิ ตอ งเปน นา้ํ สะอาด 3. ควรจดั ใหม ภี าชนะใสน า้ํ ยาฆา เชอ้ื โรคตง้ั ไว เพอ่ื ใหบ คุ คลภายนอกจมุ เทา กอ นจะเขา บรเิ วณ ที่เลี้ยงหาน 4. ไมนาํ หา นจากทอ่ี น่ื มาเลย้ี งรวมกบั หา นทเ่ี ลย้ี งไวเ ดมิ จนกวา จะไดก ักดดู อาหารกอน ประมาณ 15 วัน 5. หากมหี า นปว ยออ นแอ ใหรีบแยกเลี้ยงไวตางหาก ปรึกษาสัตวแพทยเกี่ยวกับการรักษา ถามีหานตายตอ งจดั การฝง อยา งมดิ ชดิ หรอื เผาเสยี อยา ไดน ําไปโยนทิง้ หรอื ใหส ัตวอ ่นื กิน 6. ปรึกษาสัตวแพทยเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนปองกันโรค และการถายพยาธิที่สํานกั งานปศสุ ตั ว อําเภอ หรือสาํ นกั งานปศสุ ตั วจ งั หวดั ในทอ งทต่ี า งๆ ทั่วประเทศ คณุ คา ทางอาหารของเนื้อหาน เน้ือหานก็เหมอื นกบั เนอ้ื ของสตั วเ ลย้ี งลกู ดว ยนม ประกอบดว ยนา้ํ โปรตนี ไขมนั แรธ าตุ ไว ตามนิ และคารโบไฮเดรทอกี เลก็ นอ ยกข็ น้ึ อยกู บั พนั ธุ อายุ และสภาพการเลี้ยงดู เนอ้ื ของหา นเมอ่ื ยงั เลก็ จะมีน้ํามากและมไี ขมนั ตา่ํ แตก ย็ งั มไี ขมนั มากกวา เนอ้ื ของไก คณุ สมบตั ทิ ด่ี เี ดน ของเนอ้ื สตั วป ก อยทู ค่ี ณุ คาอาหารและรางกายมนุษยส ามารถท่ีจะยอยและดูดซึมเขาสูรา งกายได เนอ้ื หา นมโี ปรตนี พอๆ กบั เนอ้ื ไก โดยเฉพาะเนอ้ื หา นทไ่ี มไ ดข นุ จะมโี ปรตนี มากกวา เนอ้ื ไกแ ละเนอ้ื หา นออ น เนอ้ื หา นขนุ จะมไี ขมนั มากกวาเนอ้ื ไก และใหป รมิ าณพลงั งานทม่ี ากกวา เนอ้ื ไก สวนประกอบทางเคมขี องเนอ้ื สตั วป ก บางชนดิ ปริมาณเปน เปอรเ ซน็ ต พลงั งานกโิ ลแคลอร่ี ชนิด ความชน้ื โปรตนี ไขมนั เกลอื แร ตอ 100 กรัม เนอ้ื ไกอ อ น 74.8 16.5 5.5 3.2 118.8 เนื้อไกแก 63.7 19.3 16.0 1.0 227.9 เน้ือหา นออ น 46.7 16.3 36.2 0.8 403.5 เนอ้ื หา นขนุ 38.0 15.9 45.6 0.5 448.3 เนอ้ื หา นไมไ ดข นุ 70.82 22.6 5.4 1.09 142.9
การเลย้ี งหา น 13 สตู รอาหารหาน รายการ ลูกหาน หานรุน หา นกําลงั ไขห รอื หา นเนอ้ื หา นผสมพนั ธุ ราํ ละเอยี ด 48 50 32 ราํ หยาบ - - 52 30 ปลายขา ว 10 20 - 20 ขาวโพด 10 10 14 - ปลาปน จดื 15 8 10 8 กากถว่ั ลสิ ง 15 10 8 8 เปลือกหอยปน 1 0.5 8 0.5 กระดูกปน 0.5 1.0 5 1.0 เกลอื ปน 0.5 0.5 2 0.5 แรธ าตไุ วตามนิ 0.5 0.5 0.5 0.5 0.5 จดั ทาํ เอกสารอิเล็กทรอนิกสโดย : สาํ นกั สง เสรมิ และฝก อบรม มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร
Search
Read the Text Version
- 1 - 13
Pages: