คูม อื เสรมิ สรา งความรูความเขา ใจ แกคูสมรส มารดาหลังคลอด และครอบครวั เร่ือง การสรา งเสรมิ ภมู คิ มุ กนั โรค และหลักการศาสนาอิสลาม สําหรับคณะกรรมการอิสลามประจาํ จังหวัดและเจา หนาทส่ี าธารณสุข ผเู ขยี น ดร.ประภาภรณ หลงั ปเู ตะ ดร.ฆอซาลี เบ็ญหมดั ซารนี ะฮ ระนี คมู ือฉบับนไี้ ดร ับการสนับสนุนจาก ศูนยอํานวยการบรหิ ารจังหวดั ชายแดนใต (ศอ.บต.) และสถาบนั วคั ซนี แหง ชาติ
คูม อื เสรมิ สรา งความรูความเขา ใจแกคสู มรส มารดาหลงั คลอด และครอบครัว เร่อื ง การสรา งเสรมิ ภมู คิ มุ กนั โรค และหลักการศาสนาอิสลาม สําหรับคณะกรรมการอิสลามประจําจังหวัดและเจา หนา ทสี่ าธารณสขุ ผูเขียน ดร.ประภาภรณ หลงั ปเู ตะ ดร.ฆอซาลี เบญ็ หมัด ซารนี ะฮ ระนี คมู ือฉบับน้ีไดร บั การสนับสนนุ จาก ศนู ยอาํ นวยการบรหิ ารจังหวัดชายแดนใต (ศอ.บต.) และสถาบนั วัคซนี แหงชาติ
ISBN : 978-616-235-338-3 พมิ พค ร้ังท่ี : 1 จํานวนพมิ พ : 3,000 เลม ปทีพ่ ิมพ : 2562 ผเู ขยี น : ดร.ประภาภรณ หลังปเู ตะ ดร.ฆอซาลี เบญ็ หมดั จดั พมิ พโดย : ซารนี ะฮ ระนี ออกแบบรปู เลม : ศนู ยอ ํานวยการบริหารจงั หวดั ชายแดนใต (ศอ.บต) พมิ พท ่ี : หสม. เพน ทบ อ็ กซ ครเี อทีฟ สตูดิโอ หสม. เพน ทบ็อกซ ครเี อทฟี สตูดโิ อ 0815996575, 0820212200 การผลติ และการลอกเลยี นแบบหนังสือเลมน้ไี มว า รูปแบบใด ๆ ตอ งไดร ับอนญุ าตเปน ลายลักษณอักษรจากผูเขียน ยกเวนกรณีการอางอิงเน้ือหาเพ่ือการศึกษาคนควาเชิงวิชาการ เทา นั้น
คํานาํ ขอความสันตจิ งมีแดท ุกทา น คูมือ “การสรางเสริมภูมิคุมกันโรคและหลักการศาสนาอิสลาม” ฉบับน้ี จัดทําข้ึนเพื่อเปนคูมือสําหรับคณะกรรมการอิสลามประจําจังหวัดและเจาหนาท่ี สาธารณสขุ ในพนื้ ทจ่ี งั หวดั ชายแดนภาคใต ในการจดั อบรมใหค วามรแู กค สู มรส มารดา หลังคลอดและครอบครัวมุสลิมในพ้ืนที่ เพ่ือเสริมสรางความรูและความเขาใจที่ ถูกตองเกี่ยวกับการสรางเสริมภูมิคุมกันโรค และหลักการศาสนาอิสลาม โดยมี เปาหมายเพื่อปองกันการแพรระบาด ความเจ็บปวย และการเสยี ชีวิตจากโรคตดิ ตอ ทีป่ องกันไดด วยวคั ซนี ในเด็กอายุ 0-5 ปในพ้ืนท่จี งั หวดั ชายแดนใต คมู อื ฉบบั นี้ ไดก ลา วถงึ เนอื้ หาหลกั ไดแ กค วามรพู นื้ ฐานเกย่ี วกบั การสรา งเสรมิ ภูมิคุมกันโรค และหลักการศาสนาอิสลามเกี่ยวกับการสรางเสริมภูมิคุมกันโรค ซึ่งเขียนโดยนักวิชาการดานการแพทยและการศาสนาที่มีประสบการณการทํางาน ในพืน้ ทีจ่ งั หวดั ชานแดนใต ตลอดจนแนวทางการวินจิ ฉัย (ฟต วา) ปญ หาศาสนาของ องคกรตาง ๆ ในโลกมุสลิม โดยไดรับการสนับสนุนจากสถาบันวัคซีนแหงชาติ มหาวิทยาลัยฟาฏอนี ศูนยอํานวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต (ศอ.บต) โดยมี นายประเวศ หมีดเส็น ผชู ว ยเลขาธิการ ศอ.บต. (ดา นสาธารณสขุ ) และนายดํารงค อนิ โท เจา พนักงานสาธารณสุขอาวโุ ส ปฏบิ ตั หิ นาทผี่ ูอาํ นวยการกลงุ งานสง เสรมิ การ ศึกษาและเสริมสรางโอกาสทางสังคม กองสงเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาฝาย พลเรอื น ศนู ยอํานวยการบริหารจงั หวัดชายแดนภาคใต เปน ผูประสานงาน ผูเขยี น ดร.ประภาภรณ หลงั ปเู ตะ ดร.ฆอซาลี เบญ็ หมัด ซารนี ะฮ ระนี
สารบัญ คาํ นํา สารบญั บทท่ี 1 8 ความรูพ้นื ฐานเก่ยี วกับการสรา งเสรมิ ภมู ิคุมกันโรค 8 กลไกการตอบสนองทางภมู ิคุม กนั ของรา งกาย 8 ชนดิ ของการสรา งเสรมิ ภูมคิ ุมกนั โรค 9 ภมู ิคมุ กนั หมู 13 ความหมายและประเภทของวคั ซีน 15 วัคซนี พ้นื ฐาน 16 โรคท่ีปอ งกนั ไดด วยวัคซนี 20 สง่ิ ทคี่ วรแจง ใหเ จาหนา ทีท่ ราบกอ นฉดี วคั ซนี 20 คาํ แนะนําในการปฏบิ ตั ติ วั ภายหลงั ไดรบั วคั ซนี 21 อาการแทรกซอ นทีไ่ มพ ึงประสงคภ ายหลังไดร บั วคั ซีน 22 บรรณานุกรม บทที่ 2 25 หลกั การศาสนาเกี่ยวกบั การสรางเสรมิ ภมู ิคุมกนั โรค 26 หลักการอสิ ลามกับการดแู ลสุขภาพ 31 อสิ ลามกับการปองกนั โรค 32 หลกั มะกอซิดชาริอะหหรือเจตนารมณแ หง บทบญั ญัตอิ ิสลาม 33 ขอ สงสยั เกย่ี วกับการใหวัคซนี 35 เงือ่ นไขใหว ัคซีนกรณีจาํ เปนสุดวสิ ัย ภาคผนวก 37 ฟตวาของศนู ยก ฎหมายอิสลามนานาชาติ กรณีใหวคั ซนี ปอ งกนั โปลิโอและอ่ืน ๆ 43 ฟต วาของคณะกรรมการถาวรเพอ่ื การฟตวาและการวจิ ัย ในประเทศซาอุดิอาระเบีย 43 ฟตวาของชัยคอบั ดลุ อาซีซ บนิ บาซ ผูน ําศาสนาอสิ ลามในประเทศซาอดุ อิ าระเบยี 45 ฟต วาของมฟุ ตียป ระเทศอียปิ ต 45 ฟต วาของจฬุ าราชมนตรี ท่ี 06/2556 เรื่อง การใหวัคซนี เพื่อปองกันโรคโปลิโอและโรคอ่ืน ๆ 47 ฟต วาของ ดร.ยซู ฟุ กอรฏอวยี 47 ฟต วาของมฟุ ตียรัฐเปรัก มาเลเซีย 47 ฟตวาของสภาอุลามาอแ อฟริกา 48 ประวัติผเู ขียน
บทท่ี 1 ความรูพนื้ ฐาน เกีย่ วกบั การสรา งเสรมิ ภูมิคมุ กันโรค
บทที่ 1 ความรูพ ้ืนฐานเกี่ยวกับการสรางเสรมิ ภมู คิ ุม กนั โรค ดร.ประภาภรณ หลงั ปเู ตะ ซารนี ะฮ ระน1ี กลไกการตอบสนองทางภมู คิ มุ กนั ของรางกาย เมอื่ รา งกายไดรับวคั ซีนเปน คร้งั แรก รางกายจะตอบสนองโดยสรา งภมู คิ มุ กนั ข้ึนอยา ง รวดเร็ว และรางกายก็จะจดจําเชื้อในวัคซีนนี้ไว ดังน้ันเม่ือไดรับเช้ือหรือวัคซีนน้ีอีกรางกายจะ ตอบสนองเรว็ กวา และสรา งภมู คิ มุ กนั ไดม ากกวา อยนู านกวา และมปี ระสทิ ธภิ าพดกี วา ครง้ั แรก จึงเปนท่ีมาของการใหวัคซีนหลายคร้ัง ท้ังนี้เพื่อใหรางกายสรางภูมิคุมกันโรคไดนานหลายป แมวา เด็กจะมารับวัคซีนลา ชากวา กําหนด ก็ไมจ ําเปนตองเริม่ ตน ใหมไมว าจะนานเทา ใด เพราะ รางกายยังจะจําเช้ือนั้นไดจึงสามารถสรางภูมิคุมกันไดทันที แตถาใหวัคซีนใกลกันเกินไปอาจ ทาํ ใหเ กดิ ภมู คิ ุมกนั ในระดบั ตํา่ กวาทคี่ วรจะเปน เพราะระดบั ภูมคิ มุ กนั ในรา งกายทเ่ี กิดจากการ ไดร ับวคั ซีนคร้ังแรกยงั คงสงู อยู จึงเขาไปจับกบั เชือ้ ในวคั ซนี ทีไ่ ดรบั เขา ไปใหมท าํ ใหก ารกระตนุ ภูมคิ มุ กนั ไมมีประสิทธิภาพ รา งกายสรางสารภูมคิ ุม กนั กระตุนใหรา งกายสรางภมู คิ ุมกัน เพ่ือตอ สกู ับเชื้อโรค ดวยการใหวคั ซีน จดจําเชื้อไว เมอื่ มกี ารตดิ เชือ้ ซํ้ารา งกายกส็ ามารถ จดั การกับเชื้อโรคไดอยา งรวดเรว็ ชนิดของการสรา งเสริมภูมิคุมกนั โรค การสรา งภูมิคมุ กันของรางกาย แบง เปน 2 ชนดิ ไดแ ก 1) การกระตุน ใหร างกายสรา งภูมคิ ุมกนั ขึ้นเอง เชน การเกดิ ภมู ิคุม กนั ภายหลงั การ ตดิ เชือ้ ตามธรรมชาติ และการเกิดภูมคิ มุ กนั ภายหลงั ไดร ับวัคซนี 8(1) คมู ือเสอรามิ จสารรา งยค โวคามรงรคูกวาารมจเขดั าตใจ้งั แคกณค ูสะมพรยสามบาารลดศาหาลสงั ตครล อมดหแาลวะทิครยอาบลคยั รฟัวาฏอนี เรอ่ื ง การสรางเสริมภูมิคุมกนั โรค และหลักการศาสนาอิสลาม
2) การใหภ ูมิคุมกันตอโรคโดยตรงเพ่อื ปอ งกนั ไมใ หเกดิ โรค คือ การไดรบั ภูมิคุมกนั โดยตรง โดยรา งกายไมไ ดส รา งเอง เชน ทารกในครรภจ ะไดร บั ภมู คิ มุ กนั บางชนดิ ผา นรกจากแม สลู กู และการไดร บั ภมู คิ มุ กันสําเรจ็ รูป เชน การไดร บั เซรมุ หรอื แกรมมา โกลบลู ิน ภูมิคุม กนั หมู การใหวัคซีนเปน วธิ ีท่ดี ีท่สี ุดทีจ่ ะชว ยใหร างกายสรางภูมิคมุ กนั เลยี นแบบธรรมชาติ แต ในความเปนจริงยังมีประชาชนบางสวนไมเขาใจอยางถองแทถึงประโยชนท่ีจะไดรับจากวัคซีน จงึ ไมใ สใ จพาบตุ รหลานของตนเองไปรบั วคั ซนี ตามกาํ หนด นอกจากนย้ี งั มเี ดก็ เกดิ ใหม มคี นยา ย ภมู ลิ ําเนาอยูเ สมอ และมีคนบางคนท่เี จ็บปว ยหรือมสี ภาพรา งกายไมพ รอมทจี่ ะไดรับวัคซนี จึง ทําใหมีโอกาสท่ีจะปวยดวยโรคติดตอที่ปองกันไดดวยวัคซีน เน่ืองจากไมมีภูมิคุมกัน ดังน้ันจึง ตองอาศัยการปองกันโรคจากกลุมประชากรท่ีมีภูมิคุมกันตอโรคแลว ซึ่งเรียกวาการสราง ภูมคิ มุ กันหมู (Herd immunity หรอื Community immunity) ภมู คิ มุ กนั หมู จะเกดิ ขน้ึ ไดต อ เมอื่ โรคนนั้ เปน โรคทตี่ ดิ ตอ จากคนสคู น หรอื ไมม แี หลง รงั โรคอืน่ นอกจากในคน ดงั น้ันการสรางภมู คิ ุมกนั หมจู งึ ไมส ามารถปองกันการระบาดของโรคทุก โรค เพราะโรคบางโรคไมไดตดิ ตอ จากคนสูคน เชน โรคบาดทะยกั ซ่ึงเกดิ จากการไดร บั เชือ้ โรค จากสิง่ แวดลอมโดยผา นทางบาดแผล ดังนน้ั เราจึงตองสรางภมู ิคมุ กันใหแกตนเอง 9คมู อื เสรมิ สรา งความรูความเขาใจแกคสู มรส มารดาหลงั คลอด และครอบครวั เร่ือง การสรางเสรมิ ภมู ิคมุ กันโรค และหลักการศาสนาอิสลาม
ภมู คิ มุ กันหมู ทม่ี า: ดัดแปลงจาก The National Institute of Allergy and Infectious Disease (NIAID) 10 คมู ือเสริมสรา งความรูค วามเขา ใจแกคสู มรส มารดาหลังคลอด และครอบครัว เรื่อง การสรา งเสริมภมู คิ ุมกนั โรค และหลักการศาสนาอสิ ลาม
ทง้ั นค้ี า รอ ยละทนี่ อ ยทส่ี ดุ ทปี่ ระชากรควรไดร บั วคั ซนี ปอ งกนั โรคนนั้ ๆ มคี า แตกตา งกนั ตามแตล ะชนดิ ของโรค (ดงั ตารางท่ี 1) ความแตกตา งดงั กลา วขน้ึ อยกู บั ความสามารถในการแพร กระจายของเชอื้ โรควา ผปู ว ย 1 ราย จะแพรเ ชอ้ื ตอ ใหผ อู นื่ ไดก รี่ าย เชน โรคหดั มคี า ความสามารถ ในการแพรก ระจายโรค 12-18 หมายความวาผปู ว ยหดั 1 คน สามารถทาํ ใหผอู ่ืนตดิ เช้ือหัดได อกี 12-18 คน ตารางที่ 1 ความสามารถในการแพรก ระจายโรค และคารอยละทน่ี อ ยที่สดุ ทปี่ ระชากรควรไดร ับวคั ซีนโรคนน้ั ๆ โรค การถา ยทอดโรค ความ คา รอ ยละท่ี สามารถใน นอ ยทส่ี ุดที่ หดั การแพร ประชากรควร ไอกรน กระจายโรค ไดรบั วัคซีน คอตีบ โรคนั้น ๆ ระบบทางเดิน 12-18 83-94% หายใจ 12-17 92-94% ระบบทางเดิน 6-7 85% หายใจ ระบบทางเดนิ หายใจ โปลิโอ ผานเขาทางปาก 5-7 80-86% หัดเยอรมัน ระบบทางเดนิ 5-7 80-85% หายใจ คางทูม ระบบทางเดนิ 4-7 75-86% หายใจ ทีม่ า: ดดั แปลงจาก © Tangled Bank Studios; data from Epidemiologic Reviews 1993 11คมู อื เสริมสรา งความรูความเขา ใจแกค สู มรส มารดาหลังคลอด และครอบครัว เร่ือง การสรา งเสริมภมู คิ ุมกนั โรค และหลกั การศาสนาอิสลาม
12 คูมอื เสรมิ สรา งความรคู วามเขา ใจแกคูสมรส มารดาหลังคลอด และครอบครัว เรื่อง การสรา งเสรมิ ภมู คิ ุม กันโรค และหลกั การศาสนาอสิ ลาม
ความหมายและประเภทของวคั ซนี วคั ซนี หมายถงึ ชวี วตั ถทุ ผ่ี ลติ ขน้ึ เพอื่ ใชก ระตนุ ใหร า งกายสรา งภมู คิ มุ กนั โรค สามารถ จาํ แนกไดเ ปน 3 ประเภท ไดแ ก ประเภทที่ 1 ทอกซอยด เปน วัคซนี ที่ไดจากพษิ ของเช้อื แบคทเี รียมาปรับแตงทําให สิ้นพิษ แตยังสามารถกระตุนใหรายกายสรางภูมิคุมกันได เชน วัคซีนคอตีบ และวัคซีน บาดทะยกั โดยท่ัวไปจะทาํ ใหม ไี ขหรือปฏิกริ ยิ าเฉพาะท่ี เชน อาการบวมแดง เจบ็ บรเิ วณท่ี ฉดี และมีไขได ทมี่ า: ดดั แปลงจาก HealthSolf, Inc. ประเภทที่ 2 วคั ซนี ชนดิ เชือ้ ตาย แบง เปน 2 ชนิด ไดแก 2.1 วัคซีนท่ีทาํ จากแบคทเี รยี หรอื ไวรสั ทั้งตัวทที่ าํ ใหตาย โดยวคั ซนี ที่ทํามาจากเชอ้ื แบคทีเรียมักจะทําใหเกิดปฏิกิริยาบริเวณท่ีฉีด บางครั้งอาจมีไขดวย วัคซีนในกลุมน้ีไดแก วัคซีนไอกรน วัคซีนโปลิโอชนดิ ฉดี วัคซีนไขส มองอักเสบเจอีชนดิ น้าํ 13คมู อื เสรมิ สรางความรคู วามเขา ใจแกคูสมรส มารดาหลงั คลอด และครอบครัว เร่ือง การสรางเสรมิ ภูมคิ ุมกันโรค และหลักการศาสนาอสิ ลาม
2.2 วคั ซนี ทีท่ าํ จากบางสวนของแบคทเี รียหรอื ไวรัส วัคซนี ในกลมุ นี้ มกั มีปฏกิ ิรยิ าหลัง ฉีดนอ ย เชน วัคซีนตบั อกั เสบบี วคั ซีนไขหวดั ใหญ วคั ซนี ฮบิ และวคั ซีนไอกรนชนดิ ไรเ ซลล ท่ีมา: ดดั แปลงจาก slidePlayer: Vaccines by Jeffry Davis สืบคนเมอ่ื 9 ก.ย. 2562 จาก https://slideplayer.com/slide/11879901/ ประเภทท่ี 3 วัคซีนชนิดเชื้อเปนออนฤทธิ์ ทําจากเช้ือที่ยังมีชีวิตอยูแตทําใหฤทธ์ิ ออ นลงแลว เชน วคั ซนี วณั โรค (BCG) วคั ซนี โปลโิ อชนดิ กนิ และวคั ซนี รวมหดั -คางทมู -หดั เยอรมนั วัคซีนในกลุมนี้เมื่อใหเขาไปในรายกายแลวจะยังไมมีปฏิกิริยาทันทีหลังฉีด แตอาจมีอาการ ขา งเคียงเล็กนอ ยหลงั จากรบั วัคซนี แลวประมาณ 1 สัปดาห 14 คมู อื เสริมสรางความรูความเขา ใจแกคสู มรส มารดาหลังคลอด และครอบครวั เรอ่ื ง การสรางเสรมิ ภมู คิ มุ กนั โรค และหลักการศาสนาอสิ ลาม
วัคซนี พ้ืนฐาน เชอื้ โรคสามารถเขา สรู า งกายได 6 ทาง ไดแ ก ระบบทางเดนิ หายใจ ระบบทางเดนิ อาหาร ผวิ หนัง เย่อื บุตา ง ๆ ระบบอวัยวะสืบพนั ธุ และสายสะดอื ซง่ึ การใหว ัคซีนเปนวิธหี น่งึ ทน่ี ยิ มนาํ มาใชใ นการปอ งกนั โรคและควบคมุ โรคหลายชนดิ โดยทก่ี ระทรวงสาธารณสขุ กาํ หนดใหเ ดก็ ไทย ทกุ คนตอ งไดร บั วัคซนี พนื้ ฐานท่จี ําเปน จํานวน 14 ชนดิ ซงึ่ เปนวัคซนี ปอ งกันโรคสาํ คญั ๆ ท่ี ติดตอไดงาย หรือโรคที่กอใหเกิดอาการรุนแรงอันตรายในเด็ก และวัคซีนที่อาจใหเสริมหรือ ทดแทนโดยไดแ บง ฉดี ในชวงอายตุ า ง ๆ ตามตารางตอ ไปนี้ ทมี่ า: สมาคมโรคตดิ เชือ้ ในเด็กแหงประเทศไทย, 2562 การใหว คั ซนี ปอ งกนั โรคเหลา นส้ี ามารถทาํ ไดโ ดยการกนิ การฉดี เขา ในผวิ หนงั ใตผ วิ หนงั หรอื กลา มเนอ้ื ซงึ่ การใหว คั ซนี ดว ยวธิ กี ารใดขน้ึ อยกู บั ชนดิ ของวคั ซนี และขอ กาํ หนด ไดแ ก อายุ ที่ควรไดรับวคั ซนี จาํ นวนคร้ังท่ตี อ งใหว คั ซนี และระยะเวลาทไี่ ดร บั วัคซีนกอนหนา เปนตน 15คูม ือเสรมิ สรา งความรคู วามเขาใจแกค สู มรส มารดาหลังคลอด และครอบครัว เรอ่ื ง การสรา งเสรมิ ภูมิคุมกันโรค และหลักการศาสนาอิสลาม
โรคที่ปอ งกนั ไดด วยวัคซนี สาระสําคัญของโรคตา ง ๆ ท่ปี องกนั ไดด ว ยวัคซีนสรุปไดด งั นี้ 1. วัณโรค มีสาเหตุจากแบคทีเรีย Myco- ตัวเหลือง ในรายที่เจ็บปวยรุนแรงมาก อาจ bacterium tuberculosis เชื้อนี้ ตดิ ตอจาก ทําใหเกิดภาวะตับวายและเสียชีวิต เด็กแรก คนสูคนทางละอองฝอยของเสมหะและลอง เกดิ ถงึ หนง่ึ ปท ต่ี ดิ เชอ้ื ไวรสั ตบั อกั เสบบี มกั ไมม ี ลอยในอากาศไดน าน ผตู ดิ เชอื้ สว นมากจะไมม ี อาการแสดงแตมีโอกาสติดเช้ือเรื้อรังไดสูงถึง อาการ เรียกวา วณั โรคระยะแฝง แตสามารถ รอ ยละ 80-90 เกิดเปนโรคในภายหลังไดหากรางกายไม แข็งแรง อาการท่ีพบไดเร็วท่ีสุดประมาณ 3. โรคคอตบี 1-6 เดือน ไดแก ไขเ รอื้ รงั เบื่ออาหาร ซึม น้ํา มีสาเหตุจากแบคทีเรีย Coryne- หนกั ลด ซดี ไอเรอื้ รงั และตอ มาอาจลกุ ลามไป ยังอวัยวะอ่ืน เชน เยื่อหุมสมอง กระดูก bacterium diphtheria โรคนี้ติดตอไดจาก และตอ มนํา้ เหลอื ง เปนตน การรบั เชอื้ ทอ่ี ยใู นละอองเสมหะ นา้ํ มกู นา้ํ ลาย ของผูปวยเขา สูร างกายทางระบบหายใจ และ อาจไดร บั เชอ้ื จากการใชภ าชนะรว มกนั ได เมอื่ ติดเชื้อจะทําใหมีไขและอาการคลายหวัดใน ระยะแรก ไอเสียงกอง เจ็บคอ เบื่ออาหาร ตรวจในคอจะพบเย่ือสีขาวปนเทาที่บริเวณ ทอนซลิ และลน้ิ ไก พษิ ของเชอื้ นจ้ี ะทาํ ใหก ลา ม เนอื้ หวั ใจและปลายประสาทอักเสบได ท่ีมา สมาคมอุรเวชชแหง ประเทศไทย สบื คนเมอ่ื 9 ก.ย. 2562 จาก https://www.thoracicsocietythai. org/2018/06/22/tb-interesting-facts/ 2. โรคตบั อักเสบบี ท่มี า : Medthai สบื คน เม่อื 9 ก.ย. 2562 มีสาเหตุจากเชื้อไวรัส Hepatitis B จาก https://medthai.com/%E0%B9%82% E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%84%E โรคนต้ี ดิ ตอ ทางเลอื ดและทางเพศสมั พนั ธแ ละ 0%B8%AD%E0%B8%95%E0%B8%B5%E0 จากมารดาสทู ารกในขณะคลอด ผตู ดิ เชอ้ื จะมี %B8%9A/ อาการออนเพลีย มีไข เบื่ออาหาร อาเจียน ปวดใตช ายโครงขวา ปสสาวะสีเขม ตาเหลอื ง 16 คมู ือเสริมสรา งความรคู วามเขาใจแกคสู มรส มารดาหลังคลอด และครอบครวั เรือ่ ง การสรางเสรมิ ภมู คิ ุมกนั โรค และหลกั การศาสนาอิสลาม
4. โรคไอกรน 7. โรคหดั มีสาเหตุจากแบคทีเรีย Bordetella มสี าเหตุจาก Measles virus โรค pertussis การตดิ ตอ ของโรคเกิดจากการหายใจเอา หัดติดตอไดงายมากโดยการสูดดมละออง ละอองเสมหะ นาํ้ มูก นํ้าลายของผูปว ยเขา สูรา งกาย ฝอยของสารคัดหล่ัง จากระบบทางเดิน ผปู ว ยจะมอี าการนา้ํ มกู ไหล คดั จมกู ไอถ่ี ๆ ตดิ ตอ กนั หายใจทั้งเสมหะ น้ํามูก นํ้าลายของผูปวย เปนชดุ และหายใจเขาลึก ๆ เปน เสยี งวปู (Whoop) เขาสูรางกาย อาการเดนของโรค คือ ไข ซ่งึ ทําใหผปู ว ยขาดอากาศหายใจและตายได นา้ํ มกู ไหล ไอ ตาแดง และผน่ื แดงทกี่ ระจาย 5. โรคบาดทะยัก ไปท่ัวตัว อาจมีโรคแทรกซอนได เชน หู อกั เสบ ปอดอกั เสบ และสมองอกั เสบ ซง่ึ ใน มีสาเหตุจากเชื้อแบคทีเรีย Clostridium เดก็ เลก็ โดยเฉพาะอยา งยง่ิ ถา ขาดวติ ามนิ เอ tetani ผปู ว ยโรคนไี้ ดร บั เชอ้ื ผา นทางบาดแผลลกึ และ อาจเสียชีวิตจากโรคแทรกซอนทางปอด ปด เชน ถกู หนาม หรอื ตะปตู าํ หรือแผลจากการตัด และสมองได สายสะดือดวยของมีคมที่ไมสะอาด อาการท่ีสําคัญ คือ ขากรรไกรแข็งอาปากไมได หนาแบบยิ้มแสยะ ท่มี า https://th.theasianparent.com กลา มเนอ้ื แขนขาเกรง็ หลงั แขง็ และแอน ถา มเี สยี งดงั หรือจับตองตัวจะชักกระตุกมากข้ึน หนาเขียวและ 8. โรคคางทมู เสยี ชวี ติ ได มีสาเหตุจากเชื้อ Mumps virus 6. โรคโปลิโอ โรคนต้ี ดิ ตอ โดยการหายใจเอาละอองฝอยท่ี มสี าเหตจุ ากเชอ้ื Polio virus โรคนต้ี ดิ ตอ มีเช้ือ ซ่ึงอยูในลําคอนํ้าลายของผูปวยท่ีไอ โดยการรบั เชอื้ ทปี่ นเปอ นมากบั อจุ จาระของผปู ว ย หรือจามออกมา หรือ สัมผัสโดยตรงกับ เขา สรู า งกายทางปาก อาการทสี่ าํ คญั คอื มอี าการ น้ําลายของผูติดเชื้อ ทําใหมีตอมน้ําลาย อมั พาต กลา มเนอื้ แขนขาลบี ไดห ากเปน อมั พาตท่ี อักเสบบวมโต ซึ่งสวนใหญเ ปน ตอ มนาํ้ ลาย กลา มเน้ือกระบงั ลม ผปู วยอาจเสียชวี ิตได หนาหู อาจเกิดอัณฑะอักเสบในผูชายซ่ึง ทาํ ใหเ ปน หมนั ได และรงั ไขอ กั เสบในผหู ญงิ ทีม่ า www.wikimedia.org (by CDC, USAID) ซงึ่ มกั พบในเดก็ โตหรอื ผใู หญ โรคแทรกซอ น ที่สําคญั ไดแก เยือ่ หุมสมองอักเสบ สมอง อกั เสบ หูหนวกเสน ประสาทหอู ักเสบ 17คมู อื เสริมสรางความรูความเขา ใจแกค สู มรส มารดาหลงั คลอด และครอบครัว เรือ่ ง การสรางเสริมภมู ิคมุ กันโรค และหลักการศาสนาอิสลาม
18 คูมอื เสรมิ สรา งความรคู วามเขา ใจแกคูสมรส มารดาหลังคลอด และครอบครัว เรื่อง การสรา งเสรมิ ภมู คิ ุม กันโรค และหลกั การศาสนาอสิ ลาม
9. โรคหดั เยอรมัน 12. โรคไขหวดั ใหญ มสี าเหตจุ ากเชอื้ Rubella virus หาก มีสาเหตุจากเชื้อไวรัส Influenza หญิงต้ังครรภติดเช้ือหัดเยอรมันระหวาง 3 virus ติดตอโดยการหายใจเอาละอองฝอย เดอื นแรกของการตัง้ ครรภ เชอ้ื ไวรสั จะผา นไป เขาไป หรือสัมผัสโดยตรงกับน้ําลายของผูติด ยังทารกในครรภ ทําใหทารกที่คลอดออกมามี เชอ้ื มอี าการสาํ คญั ไดแ ก ไขส งู หนาวสนั่ ปวด ความพกิ ารทางหู ตา หวั ใจและสมอง ดงั นน้ั ควร เม่ือยกลา มเนื้อ ไอ เจบ็ คอ ออนเพลีย ผูปวยท่ี ฉดี วคั ซนี ปอ งกนั โรคกอ นตง้ั ครรภห รอื หลกี เลยี่ ง มีอาการแทรกซอนรุนแรงอาจมีอาการหายใจ การฉดี วคั ซนี นใ้ี นขณะตง้ั ครรภ การตดิ เชอื้ เกดิ หอบเหน่ือยจากการมีปอดอักเสบ อันเปน จากการหายใจเอาละอองเสมหะ นาํ้ มกู นาํ้ ลาย สาเหตุของการเสียชีวิต ในบุคคลทั่วไปผูปวย ของผปู วยเขาสูรางกาย อาการสําคัญ คือ มไี ข มักหายไดเองใน 5-7 วัน และไมมีอาการ และผื่นขึ้นทั่วตัวคลายหัด แตตอมน้ําเหลืองท่ี แทรกซอนรุนแรง แตในผูท่ีมีปญหาทาง หลงั หู ทายทอย และหลงั คอโตดว ย สุขภาพ ผูสูงอายุ และหญิงต้ังครรภอาจเกิด 10. โรคไขสมองอักเสบเจอี อาการปวยรนุ แรงได มีสาเหตุจากเช้ือ Japanese B 13. โรคตดิ เชอ้ื ฮิบ encephalitis virus โรคนี้มียุงรําคาญเปน มีสาเหตุจากการติดเช้ือแบคทีเรีย พาหะ และมหี มเู ปน แหลง รงั โรคทสี่ าํ คญั อาการ Haemophilus influenzae type B ซงึ่ เปน ที่สําคัญ คอื มไี ข ปวดศีรษะ อาเจียน ซมึ จน เช้ือกอโรครุนแรงในเด็กเล็กหลายโรค โดย ไมร สู กึ ตวั ชกั เกรง็ และอาจเสยี ชวี ติ ได หากรอด เฉพาะเดก็ ท่อี ายุต่ํากวา 2 ป เชน โรคเยอ่ื หุม ชีวติ ผปู ว ยมักมีความพกิ ารทางสมองตามมา สมองอกั เสบ โรคปอดอักเสบ ภาวะติดเชื้อใน กระแสเลอื ด โรคขอ อกั เสบ และโรคหชู นั้ กลาง 11. โรคมะเรง็ ปากมดลูก อกั เสบ สวนใหญมีสาเหตุจากเช้ือ Human papillomavirus โดยเฉพาะสายพนั ธุ 16 และ 14. โรคอจุ จาระรว งจากไวรสั โรตา 18 ท่เี ปนสาเหตใุ หเกิดมะเรง็ ปากมดลูกในคน มสี าเหตจุ ากเชอื้ Rotavirus ซงึ่ มกั ตดิ ไทยถึงรอยละ 70-90 และนับเปนโรคติดตอ เชอื้ จากการรบั เชอื้ ไวรสั เขา ทางปาก แลว ทาํ ให ทางเพศสัมพันธ โดยผูที่มีความเสี่ยงตอการ เกดิ โรคอจุ จาระรว ง อาการสาํ คญั คอื มไี ข ถา ย เกดิ โรคไดแ ก ผทู ่ีมเี พศสมั พนั ธตงั้ แตอายุนอย เหลว อาเจียน เกิดภาวะขาดนํ้า จนทาํ ใหเ สีย มีคูนอนหลายคน และผูที่มีภูมิตานทานต่ํา ชีวิตจากภาวะชอค มักพบบอยในเด็กอายุต่ํา ผปู ว ยโรคมะเรง็ ปากมดลกู ในระยะแรกมกั ไมม ี กวา 5 ป อาการ แตจะแสดงอาการอยูในระยะลุกลาม โดยอาการที่สําคญั คือ เลือดออกผิดปกติทาง ชองคลอด ออ นเพลยี ปวดทอ งนอ ย ปวดหลงั ปวดขา เปนตน 19คูมอื เสริมสรา งความรคู วามเขา ใจแกค ูส มรส มารดาหลังคลอด และครอบครัว เรื่อง การสรา งเสรมิ ภูมิคมุ กันโรค และหลกั การศาสนาอสิ ลาม
สงิ่ ท่ีควรแจง ใหเจา หนาที่ทราบกอนฉีดวคั ซีน 1. ประวัติความเจ็บปวยในระยะ 1 สัปดาหท่ีผา นมา เพื่อประเมนิ ระดับความรนุ แรง หาก พบวามอี าการเล็กนอ ย เชน เปนหวดั ไอ ไขต าํ่ ๆ สามารถใหว ัคซนี ไดตามปกติ 2. ประวตั ิการแพย าหรอื สารอาหาร เชน ไขขาว หรืออาการผดิ ปกติภายหลงั ไดร บั วคั ซนี ใน ครั้งทีผ่ า น ๆ มา หากพบอาการเลก็ นอ ย เชน ผน่ื ขึ้น สามารถใหว คั ซีนไดต ามปกตแิ ละสังเกตอาการ หลงั ไดร บั วคั ซนี อยา งใกลช ิด แตถา เคยมีอาการแพร นุ แรง เชน หายใจลําบาก หมดสติ อาจตอ งงด วคั ซีนหรือเปลยี่ นชนดิ ของวัคซีน 3. ประวตั โิ รคประจาํ ตัวหรือภาวะเจ็บปวยเรอ้ื รงั 4. ประวตั ชิ กั หรอื มอี าการทางระบบประสาท เดก็ ทม่ี ปี ระวตั ชิ กั จากไข สามารถใหว คั ซนี ชนดิ นั้นตอไปได แตเด็กที่มีอาการชักจากความผิดปกติทางระบบประสาทตองงดรับวัคซีนชนิดนั้นหรือ เปลี่ยนชนดิ วคั ซนี 5. ประวตั กิ ารเจบ็ ปว ยดว ยโรคหรอื การรกั ษาทท่ี าํ ใหภ มู คิ มุ กนั ของรา งกายตา่ํ เชน ผทู ต่ี ดิ เชอ้ื HIV หรือ AIDS เด็กที่มีภูมคิ มุ กันผิดปกตแิ ตก ําเนิด ผูทไ่ี ดรบั ยากดภมู ิคุม กนั ผทู ไี่ ดรับรังสีรักษาหรอื ยา เคมีบาํ บดั 6. ประวตั ิการไดรับอมิ มูโนโกลบูลิน พลาสมา เลอื ดหรือผลิตภัณฑจ ากเลือด 7. การต้งั ครรภ ควรแจง ใหเจาหนา ท่ที ราบกอนฉีดวคั ซนี หากอยูในระหวา งตง้ั ครรภ คาํ แนะนําในการปฏบิ ตั ิตวั ภายหลงั ไดร บั วคั ซนี ภายหลงั จากทไี่ ดรบั วัคซีนตอ งสังเกตอาการ 30 นาทีกอนกลับบา น อาการไมพงึ ประสงคท ี่ อาจพบไดภายหลังฉีดวคั ซีนและการดแู ลรกั ษา มดี งั นี้ 1) ปวด บวมแดง หรอื มกี อนแข็งบริเวณที่ฉดี วคั ซนี หากมีอาการปวดมาก ใหร ับประทาน ยาแกปวดตามคําสั่งแพทย และใหประคบเยน็ บริเวณทีฉ่ ดี วคั ซีน ในวนั แรก หลัง 24 ช่ัวโมงไปแลวให ประคบอนุ เพอ่ื ลดอาการบวม ดแู ลทาํ ความสะอาด และไมค วรนาํ ยาตา งๆไปทาบรเิ วณทฉ่ี ดี วคั ซนี หรอื นาํ ยาผงชนดิ ตา ง ๆ ไปทาบรเิ วณทฉ่ี ดี วคั ซนี และหากเกดิ กอ นแขง็ บรเิ วณทฉ่ี ดี วคั ซนี ใหป ระคบอนุ ตอ เนอ่ื ง ประมาณ 2-3 เดือน กอ นแข็งจะยบุ ลง 2) ไข มักพบบอยหลังจากฉีดวัคซีน คอตบี ไอกรน บาดทะยัก 1-2 วัน และอาจเกิด ขึน้ ไดหลังฉีดวัคซีนรวม หดั หดั เยอรมนั คางทมู ไปแลว ประมาณ 5-10 วนั ใหด แู ลดว ยการเชด็ ตวั ลดไขด ว ยนาํ้ อนุ และรบั ประทานยาลดไขป ระเภท พาราเซตามอลตามคาํ ส่ังแพทย 20 คูม อื เสรมิ สรางความรูค วามเขาใจแกค ูสมรส มารดาหลังคลอด และครอบครัว เรอื่ ง การสรางเสริมภมู ิคุมกันโรค และหลกั การศาสนาอสิ ลาม
3) ชัก อาการชกั มักไมเกิดจากผลของวัคซีนโดยตรง แตอาจเกดิ จากไขส ูงมากเกนิ ไป ดงั นน้ั การปอ งกนั ไมใ หม ไี ขส งู จงึ มคี วามสาํ คญั และเมอ่ื เกดิ อาการชกั ใหจ บั เดก็ นอนตะแคงหนา ไมค วรนาํ สงิ่ ใดมางัดหรือใสในปากขณะเด็กกําลังชักเกร็งเน่ืองจากอาจทําใหเกิดการบาดเจ็บในชองปากหรือฟน หลดุ เขาไปอดุ ในหลอดลม ซึ่งจะเปน อันตราย และควรนําสง โรงพยาบาลทันที 4) ผ่ืนขึ้นหลังจากฉีดวคั ซีน อาจเกิดไดจ ากการแพสว นประกอบในวคั ซนี หรอื ตัวเช้อื ที่อยูในวคั ซีนโดยตรง เชน หดั เยอรมัน คางทมู อสี ุกอใี ส เน่ืองจากเชอ้ื เหลานที้ าํ ใหเกดิ ไขอ อก ผน่ื อยแู ลว ผนื่ ทขี่ น้ึ จากการฉดี วคั ซนี มกั ไมอ นั ตราย อาจขนึ้ หลงั จากฉดี ไปแลว 5-10 วนั รว มกบั อาการมไี ขด ว ย แตห ลงั จากนนั้ ประมาณ 1 สปั ดาหก จ็ ะหายไปเอง แนะนาํ ใหส วมเสอ้ื ผา ทรี่ ะบาย อากาศไดดี หากผืน่ ข้ึนนานเกิน 7 วนั หรือเปน ผนื่ จากสาเหตุการแพรว มกบั อาการบวมรอบตา รมิ ฝปาก หายใจไมออก ควรรบี ไปพบแพทยทนั ที 5) ตมุ หนอง ที่เกิดจากวคั ซีนปอ งกนั ท่มี า : shuterstock.com วัณโรค (บีซีจี) จะพบบริเวณหัวไหลทารกได หลงั ฉดี ประมาณ 2-3 สปั ดาห และเปน ๆ ยบุ ๆ อยู 3-4 สัปดาหสามารถยุบหายเองได ไม จําเปนตองใสยาหรือปดแผล ใหร ักษาบริเวณ ตุมหนองใหสะอาด โดยใชสําลีสะอาดชุบนํ้า สะอาดเชด็ ผิวหนังรอบ ๆ ตุมหนองแลวปลอย ใหแหงไมใหเจาะ บงตุมหนอง หรือทายาฆา เช้ือ หากมีตุมหนองเกิดขึ้นเปนบริเวณกวาง ลามถงึ รกั แร หรอื ตอ มนาํ้ เหลอื งโต หรอื เกดิ ตมุ หนองบรเิ วณทฉี่ ีดวัคซนี อนื่ ๆ เชน ทห่ี นาขา ควรพามาพบแพทย อาการแทรกซอนทไ่ี มพงึ ประสงคภายหลังไดรบั วคั ซนี แมว า วคั ซนี จะผา นการตรวจสอบคณุ ภาพและความปลอดภยั แลว ยงั มโี อกาสในการกอ ใหเ กดิ อาการแพอ ยา งรนุ แรงจนถงึ ขนั้ ทาํ ใหเ สยี ชวี ติ ได ซง่ึ เปน ความผดิ ปกตทิ างการแพทยท เี่ กดิ ข้ึนภายหลังไดรับการสรางเสริมภูมิคุมกันโรค และไมจําเปนตองมีสาเหตุจากการไดรับวัคซีน อาการผิดปกติท่เี กดิ ขน้ึ จําแนกไดเ ปน 2 ประเภท ดงั น้ี 1. อาการทไ่ี มร นุ แรง ไดแก อาการเฉพาะท่ี เชน ปวด บวม แดง บรเิ วณทฉี่ ีด อาการที่ เกดิ จากปฏิกริ ิยาตอระบบตา ง ๆ เชน มไี ข ผื่น ปวดกลามเนือ้ เปนตน 2. อาการทรี่ นุ แรง เชน ชกั เกลด็ เลอื ดตาํ่ อาการแพอ ยา งรนุ แรง (Anaphylaxis) เปน ตน แตพบไดนอย 21คมู อื เสรมิ สรางความรคู วามเขาใจแกคูส มรส มารดาหลังคลอด และครอบครวั เรื่อง การสรางเสรมิ ภูมิคุมกันโรค และหลักการศาสนาอิสลาม
สาเหตุของการเกิดอาการภายหลงั ไดรับการสรา งเสริมภูมิคุมกันโรค จําแนกไดเ ปน 5 ประการ ไดแ ก 1) เกิดจากวคั ซีน (Vaccine reactions) 2) ความผิดพลาดในการบริหารจดั การ (Programmatic error) 3) ความกังวลหรอื ความกลวั ตอ การฉดี วคั ซนี (Injection reactions) 4) เกิดขนึ้ โดยบงั เอญิ (Coincidental events) 5) ไมท ราบสาเหตุ (Unknown) การปอ งกนั คอื การใหข อ มลู หรอื ประวตั ติ า ง ๆ ทเ่ี กยี่ วขอ งแกเ จา หนา ทท่ี กุ ครงั้ กอ นรบั วัคซีน และการเฝาระวังอาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นภายหลังจากการไดรับวัคซีนอยางใกลชิด อยางนอ ย 30 นาที สังเกตความผดิ ปกติอยา งตอเนอ่ื งเม่อื กลับบา นไปแลว และรบี กลับมาพบ เจาหนาทีห่ ากมีความผิดปกตเิ กิดข้ึน เชน มีฝบริเวณที่ฉีด อมั พาตเฉยี บพลนั อาการแพ ปวดขอ ตาง ๆ เปน ตน บรรณานกุ รม กลุ กัญญา โชคไพบลู กจิ , เกษวดี ลาภพระ, จุฑารัตน เมฆมัลลิกา, ฐิติอร นาคบญุ นํา และอจั ฉรา ตั้งสถาพรพงษ บรรณาธกิ าร. (2558) ตําราวัคซนี และการสรางเสรมิ ภูมิคมุ กนั โรค พ.ศ. 2556. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยราชภฏั สวนสุนันทา. ชษิ นุ พันธุเจริญ, สุธีรา ฉัตรเพริดพราย, ธันยวีร ภธู นกจิ , จรงิ จติ ร งามไพบูลย. คูม ือ Vaccine 2010 และประเด็นในการสอ่ื สาร. กรุงเทพฯ: ธนาเพรส. สมาคมโรคตดิ เชอื้ ในเดก็ แหง ประเทศไทย. (2562). ตารางการฉดี วคั ซนี ในเดก็ ไทยปกต.ิ กรงุ เทพฯ: สมาคมโรคติดเช้ือในเด็กแหง ประเทศไทย สถาบันวัคซีนแหงชาติ (องคกรมหาชน) (2561). หลักสูตรเชิงปฏิบัติการสําหรับเจา หนาท่สี รา งเสรมิ ภมู คิ ุมกันโรค. กรงุ เทพ. อมรินทรพริ้นต้งิ แอนด พับลิชชง่ิ โอฬาร พรหมาลิขิต, อัจฉรา ตั้งสถาพรพงษ และอุษา ทิสยากร. (2558). วัคซีน. กรุงเทพฯ: นพชัยการพิมพ 22 คมู ือเสรมิ สรา งความรคู วามเขาใจแกคูสมรส มารดาหลังคลอด และครอบครัว เรือ่ ง การสรางเสริมภูมิคุมกันโรค และหลักการศาสนาอสิ ลาม
บทท่ี 2 หลกั การศาสนา เกี่ยวกับการสรางเสริม ภูมคิ มุ กนั โรค 23คูมือเสริมสรางความรคู วามเขาใจแกค สู มรส มารดาหลงั คลอด และครอบครวั เรือ่ ง การสรางเสริมภมู คิ มุ กันโรค และหลกั การศาสนาอิสลาม
24 คูมอื เสรมิ สรา งความรคู วามเขา ใจแกคูสมรส มารดาหลังคลอด และครอบครัว เรื่อง การสรา งเสรมิ ภมู คิ ุม กันโรค และหลกั การศาสนาอสิ ลาม
บทที่ 2 หลกั การศาสนาเก่ียวกับ การสรา งเสรมิ ภมู ิคุม กันโรค ดร.ฆอซาลี เบญ็ หมัด2 การใหวัคซีนถือเปนวิธีการท่ีสําคัญอยางย่ิงในการปองกันผลรายและการระบาดของ โรครา ยแรงทงั้ หลาย และเปน วธิ กี ารทส่ี อดคลอ งกบั หลกั การอสิ ลามทไี่ ดร บั การรบั รองโดยองคก ร หลักทางวิชาการอิสลามในระดับโลกมุสลิม จนอาจกลาวไดวาไมมีองคกรวิชาการอิสลามใด ๆ หรืออุลามาอทานใดท่ีปฏิเสธการใหวัคซีน และการใชวัคซีนในการสรางภูมิคุมกันโรคเปนสวน หนึ่งของยุทธศาสตรดานสาธารณสุข ป 2014 – 2023 ขององคก รความรว มมอื อิสลาม หรือ OIC3ตลอดจนมกี ารบญั ญตั กิ ฎหมายบงั คบั การใหว คั ซนี ในหลาย ๆ ประเทศ บางประเทศถอื เปน เง่อื นไขในการแจงเกดิ หรือเง่อื นไขในการเขา เรียน อยางไรกต็ าม สงั คมมสุ ลิมบางสวนท้งั ในประเทศไทย หรือประเทศอืน่ ๆ ก็ยังมีความ กงั วลในการใหวัคซีน โดยเฉพาะอยา งยงิ่ ในกรณกี ารใหวัคซนี ท่ีทําจากวตั ถุดิบทีเ่ ปน นะยสิ 4 วา มี ความถกู ตอ งตามหลกั การศาสนา หรอื ไมเ พยี งใด เปน การฝา ฝน ตอ ความเชอ่ื มน่ั ศรทั ธาตอ อลั ลอฮฺ และการมอบหมายตอ พระองคห รอื ไม เนอ้ื หาในบทนจี้ ะอธบิ ายหลกั การอสิ ลามในกรณดี งั กลา ว โดยใชแนวทางของปราชญอิสลามที่เปนเสาหลักทางวิชาการอิสลามในสมัยตาง ๆ ตลอดจน แนวทางการวนิ จิ ฉยั ปญ หาศาสนาขององคก รฟต วาในโลกมสุ ลมิ เพอื่ เปน แนวทางในการทาํ ความ เขาใจกรณีดังกลา วพอเปนสังเขป (2) อาจารยค ณะอสิ ลามศึกษาและนติ ิศาสตร มหาวิทยาลยั ฟาฏอนี (3) Organization of the Islamic Cooperation. The OIC Strategic Health Programme of Action 2014-2023 (OIC-SHPA), Ankara, The Statistical, Economic and Social Research and Training Centre for Islamic Countries (SESRIC), 63-64. (4) นะยสิ หมายถึง ส่งิ ทศ่ี าสนาอสิ ลามถอื วา เปน สิ่งสกปรก 25คมู ือเสริมสรา งความรูความเขา ใจแกคสู มรส มารดาหลังคลอด และครอบครัว เรือ่ ง การสรางเสรมิ ภมู คิ ุมกันโรค และหลกั การศาสนาอิสลาม
หลกั การอิสลามกบั การดแู ลสขุ ภาพ การมีสุขภาพพลานามัยที่ดีถือเปนหัวใจสําคัญของศาสนา ทําใหคน ๆ หน่ึงสามารถ ประกอบศาสนกจิ และดาํ รงชวี ติ ประจาํ วนั ไดอ ยา งปกตสิ ขุ หลกั การอสิ ลามกบั การดแู ลสขุ ภาพ มดี ังน้ี 1. การดูแลรกั ษาสขุ ภาพถอื เปน หนาที่ การมสี ขุ ภาพพลานามยั ทสี่ มบรู ณแ ขง็ แรง เปน รากฐานทสี่ าํ คญั ของการพฒั นาคณุ ภาพ ชวี ติ และกระบวนการพฒั นาในทกุ ดา น ดงั ทที่ า นนบมี ฮุ มั มดั ศอลฯ ไดก ลา วถงึ คณุ คา ของสขุ ภาพ ไววา ، ُﻣ َﻌﺎ ًﰱ ِﰲ َﺟ َﺴ ِﺪ ِه، َﻣ ْﻦ َأ ْﺻ َﺒ َﺢ ِﻣ ْﻨ ُﻜ ْﻢ آ ِﻣ ًﻨﺎ ِﰲ ِ ْﴎ ِﺑ ِﻪ َﻓﻜَﺄَ ﱠ َﺎ ِﺣﻴ َﺰ ْت َﻟ ُﻪ اﻟ ﱡﺪﻧْ َﻴﺎ، ِﻋ ْﻨ َﺪ ُه ُﻗﻮ ُت ﻳَ ْﻮ ِﻣ ِﻪ “ผูใ ดท่ตี นื่ เชา ข้ึนมา มีความปลอดภัยในชีวิต ไมมีโรคภยั ในรา งกาย และมอี าหาร สําหรับบรโิ ภคในวันนั้น ก็ประหนึ่งวา เขาผูนนั้ ไดครองโลกไวท งั้ ใบแลว”5 อิสลามถือวาการดูแลรกั ษาสุขภาพนัน้ เปน หนาที่ (วาญบิ ) สําหรับมนุษย ดังท่ีทานนบี มุฮมั มัด ศอลฯ ไดก ลาววา إن ﻟﺒﺪﻧﻚ ﻋﻠﻴﻚ ﺣﻘﺎ “และรางกายของทานนนั้ มสี ทิ ธิเหนือพวกทาน”6 ทงั้ นี้ เพราะวา การมสี ขุ ภาพทแ่ี ขง็ แรงสมบรู ณ เปน ความโปรดปราน (เนยี๊ ะมตั ) ทอ่ี ลั ลอฮฺ ทรงประทานใหแ กมนษุ ย ดงั ท่ีทา นนบีมุฮมั มดั ศอลฯ กลา ววา اﻟﺼﺤﺔ واﻟﻔﺮاغ: ﻧﻌﻤﺘﺎن ﻣﻐﺒﻮن ﻓﻴﻬ ﻛﺜ ﻣﻦ اﻟﻨﺎس “เนี๊ยะมัต (ความโปรดปราน) 2 ประการ ท่ีคนสวนใหญม ักจะหลงลืม คอื การมีสุขภาพท่ดี ีและการมีเวลาวา ง”7 (5) ติรมีซีย อบิ นิมายะฮ และอัลบุคอรี (6) อัลบคุ อรีและมสุ ลิม (7) อัลบคุ อรี 26 คมู อื เสรมิ สรา งความรูค วามเขา ใจแกค สู มรส มารดาหลงั คลอด และครอบครัว เรือ่ ง การสรางเสริมภูมิคุมกนั โรค และหลกั การศาสนาอสิ ลาม
เง่ือนไขใหวัคซนี กรณีจาํ เปนสดุ วสิ ยั 1. เปน ความจาํ เปน ทแ่ี ทจ รงิ เกดิ ขน้ึ แลว ไมใ ชเ ปน เพยี งคาดการณว า อาจจะอนั ตรายตอ ชวี ติ และทรพั ยส ิน 2. กรณคี าดการณจ ะตอ งเปน การคาดการณท ม่ี นี าํ้ หนกั ตามทศั นะของผทู มี่ ปี ระสบการณ และความเชย่ี วชาญ 3. ผทู อ่ี ยใู นสภาวะจาํ เปน จะตอ งไมม ที างอนื่ ทศี่ าสนาอนญุ าตใหใ ชเ พอื่ การปกปอ ง อันตราย อลั อซิ ซ บินอบั ดลุ สาลาม27 ปราชญใ หญใ นมัซฮับชาฟอ ยี ก ลาววา “การปอ งกันรกั ษา โรคสําคัญกวา การหลกี หา งจากนะยิส” ดว ยเหตุน้ี บรรดานกั วิชาการอิสลามจากหนวยงานดังกลา ว ตา งเหน็ พอ งกันวา วัคซนี ปองกนั โปลโิ อ วัณโรค โรคคอตบี บาดทะยกั ไอกรน ไวรสั ตบั อักเสบ โรคหัด และโรครายแรง อน่ื ๆ เปน สงิ่ วาญบิ และเปน หนา ทขี่ องผปู กครองของเดก็ อนั จะถอื วา เปน บาปหากมกี ารละเลย การใหวัคซีนดังกลาว เปนวาญิบสําหรับผูปกครองเด็กเริ่มต้ังแตวันท่ีต้ังครรภกระท่ังเติบใหญ โดยจะตองปฏิบตั ติ ามวนั เวลาท่ีกําหนดในตารางการใหวัคซนี อยางเครงครัด มฉิ ะน้นั จะทาํ ให ลูก ๆ มีโอกาสไดรบั ภัยอนั ตรายรายแรงถงึ ชวี ิต ดงั ทีท่ านนบมี ฮุ ัมมดั ศอลฯ กลาววา ﻛﻔﻰ ﺑﺎﳌﺮء إ ﺎ أن ﻳﻀﻴﻊ ﻣﻦ ﻳﻌﻮل “เปนบาปท่หี นักหนาเพียงพอสาํ หรับคน ๆ หนงึ่ ดวยการทําใหผ ูทีอ่ ยูในการรบั ผิดชอบสญู เสยี ” วคั ซนี ตา ง ๆ เหลา นแ้ี ละวคั ซนี โรคอน่ื ๆ เปน ความปลอดภยั ของอลั ลอฮใฺ หแ กม วลมนษุ ย อนั จะเปน การปองกันรกั ษาโรคระบาดเหลานี้ จนสญู หายไปเฉกเชน โรคราย เชน กาฬโรค หรือ ไขท รพิษ ที่มนุษยชาตเิ คยประสบมากอ นในอดตี (27) มชี ีวติ อยูชว ง ค.ศ.1181 - 1262 เปนปราชญอ ิสลาม คนสาํ คญั ในยุคการปกครองของราชวงศมัมลูกในอยี ิปต 35คมู ือเสรมิ สรางความรูความเขาใจแกค สู มรส มารดาหลงั คลอด และครอบครัว เรื่อง การสรา งเสริมภมู คิ มุ กันโรค และหลักการศาสนาอสิ ลาม
36 คูมอื เสรมิ สรา งความรคู วามเขา ใจแกคูสมรส มารดาหลังคลอด และครอบครัว เรื่อง การสรา งเสรมิ ภมู คิ ุม กันโรค และหลกั การศาสนาอสิ ลาม
ภาคผนวก ฟตวาของศนู ยก ฎหมายอสิ ลามนานาชาติ กรณีใหว คั ซนี ปอ งกนั โปลิโอและอน่ื ๆ ศูนยกฎหมายอิสลามนานาชาติ ขององคกรความรวมมืออิสลาม (โอไอซี) ไดออก แถลงการณ กรณีใหวคั ซนี ปอ งกนั โปลโิ อและอนื่ ๆ วา “ขอสรรเสริญตออัลลอฮฺ ขอพรแดทานนบีมุฮัมมัด ศอลฯ ตลอดจนครอบครัว และซอฮาบะฮท ุกทา น ศนู ยก ฎหมายอสิ ลามนานาชาติ ขององคก รความรว มมอื อสิ ลาม (โอไอซี ) ถอื เปน แหลง อางอิงกางกฎหมายอิสลามขององคกรและของประชาชาติอิสลาม ตลอดจนความตระหนักใน ภาระหนา ท่ีของอุลามาอทจ่ี ะตองใหค ําแนะนํา หลงั จากทไ่ี ดร บั รายงานถงึ ความสาํ เรจ็ ในการใหว คั ซนี ในประเทศมสุ ลมิ ทส่ี ามารถยบั ยงั้ การแพรหลายของโรคโปลิโอในเด็กได ยกเวนบางประเทศ เชน ปากีสถาน ไนจีเรีย และ อฟั กานิสถาน พรอมกบั การรณรงคค รง้ั ใหมของรัฐบาลในประเทศเหลา นัน้ ในการเรียกรอ งใหผู ปกครองทําการใหวัคซีนแตบุตรชายและบุตรหญิงของพวกเขา เพื่อเปนการปองกันโรคโปลิโอ ซงึ่ เปน ทยี่ อมรบั แลว วา วคั ซนี นม้ี คี วามสาํ คญั สามารถชว ยเหลอื พวกเขาดว ยการอนมุ ตั ขิ องอลั ลอฮฺ ใหพน จากโรครา ยแรงที่ไมมยี ารกั ษานไี้ ด หากทวา จะทําใหพ วกเขาพิการตลอดชีวิตและทาํ ลาย ความสุขในชวี ติ ของพวกเขา ดังน้นั การใหวัคซนี จึงเปน สิ่งจาํ เปน ตามหลักศาสนาและเปนหนา ทข่ี องผปู กครองของ เด็ก อันจะถือวาเปนบาปหากมีการละเลยการใหวัคซีนดังกลาว และมีการยืนยันของหลาย ๆ ฝา ยในโลกมสุ ลมิ วา วคั ซนี เหลา นน้ั ปราศจากสว นประกอบทไ่ี ดจ ากหมู และยนื ยนั แลว วา ไมม ตี วั ยาท่ีจะทําใหบุตรหญิงเปนหมันในอนาคต ท้ังนี้ นานาชาติรวมถึงประเทศมุสลิม เห็นพองตอง กันท่ีจะใหวัคซีนดังกลาวแกเด็กโดยไมมีการรายงานถึงผลเสียอันเปนผลขางเคียงจากวัคซีนดัง กลา ว หนา ทนี่ เี้ ปน สง่ิ จาํ เปน สาํ หรบั ผปู กครองของเดก็ เรม่ิ ตง้ั แตว นั ทเ่ี ดก็ คลอดออกมา กระทง่ั อายไุ ด 6 ขวบ โดยจะตอ งปฏบิ ตั ติ ามวนั เวลาทกี่ าํ หนดในตารางการใหว คั ซนี อยา งเครง ครดั เพอื่ การประกันประสิทธิภาพของวัคซีน ทั้งนี้ นอกจากวัคซีนปองกันโปลิโอแลว ยังรวมถึงวัคซีน ปองกนั วัณโรค และแบคทีเรียทงั้ สาม อนั ไดแก โรคคอตีบ บาดทะยกั ไอกรน ตลอดจนไวรัสตับ อักเสบ และโรคหัด วคั ซนี ตา ง ๆ เหลา นแ้ี ละวคั ซนี โรคอน่ื ๆ เปน ความปลอดภยั ของอลั ลอฮใฺ หแ กม วลมนษุ ย เนือ่ งจากโรคระบาดเหลา นี้ไดสูญหายไป ตลอดจนโรครายท่ีมนษุ ยชาติเคยประสบมากอ น เชน กาฬโรคหรือไขท รพิษ 37คมู ือเสริมสรางความรคู วามเขา ใจแกคสู มรส มารดาหลังคลอด และครอบครัว เรอ่ื ง การสรางเสรมิ ภูมิคมุ กันโรค และหลกั การศาสนาอสิ ลาม
ศูนยกฎหมายอิสลามนานาชาติเห็นวา อนุญาตใหผูนําประเทศ อันหมายถึงรัฐบาลที่ ศาสนาถือวามีภาระหนาที่จะตองดูแลรักษาผลประโยชนและปองกันอันตรายตาง ๆ ออก กฎหมายบังคับใหประชาชนปอ งกันโรค ทง้ั โดยการดูแลควบคมุ และปองกนั ไมใหร ะบาด ในเอกสารสว น (ข) มาตรา 3 ศนู ยก ฎหมายอิสลามนานาชาติไดม มี ตเิ ลขที่ 67 (7/5) 1412/1992 กรณกี ารรกั ษาโรค มคี วามวา อนญุ าตใหผ นู าํ ทาํ การบงั คบั ใหใ ชย าในบางกรณี เชน กรณีโรคระบาดและการใหยาเพอื่ การปอ งกนั โรค นักวิชาการของศูนยกฎหมายอิสลามนานาชาติ อันประกอบไปดวยตัวแทนของโลก มุสลิมตองการเห็นคนรุนใหมของประชาชาติอิสลามและเยาวชนมีสุขภาพท่ีดี ดวยความ โปรดปรานของอลั ลอฮฺ และมพี ลานามยั ทส่ี มบรู ณต ลอดไป สามารถทจ่ี ะเขา ไปสอู นาคตทดี่ งี าม ตราบใดทเ่ี ดก็ ๆ ทง้ั ชายและหญงิ มสี ขุ ภาพดี อนาคตของประชาชาตยิ อ มจะดกี วา ศนู ยก ฎหมาย อสิ ลามนานาชาติเรียกรองใหส งั คมโลกท้งั มวล ถอื วา กรณนี ้ีเปน กรณแี หงมนษุ ยชาตทิ จี่ ะตอ งให ความสําคญั เปน อนั ดับแรก และเรียกรองใหป ระเทศอสิ ลาม และองคกรตาง ๆ ถอื วากรณีนีเ้ ปน กรณีหน่ึงของประชาชาติท่ีจะตองใหความสําคัญสูงสุด และกําจัดอุปสรรคปญหาทั้งมวลท่ีขัด ขวาง ศนู ยก ฎหมายอสิ ลามนานาชาตไิ ดเ คยเอกสารแถลงการณ ในป ฮ.ศ. 1430 / ค.ศ. 2009 สนบั สนนุ การใหว คั ซนี ปอ งกนั โรคโปลโิ อ ระบรุ ายละเอยี ด ประกอบดว ยบทบญั ญตั แิ ละหลกั ฐาน ทางศาสนาท่ีเปนที่มาของการวินิจฉัยวาการใหวัคซีนเปนขอบังคับทางศาสนา เหตุผลดังกลาว สรปุ ไดพอเปน สงั เขปดังน้ี 1. คนหนง่ึ มหี นา ทป่ี กปอ งรกั ษารา งกายของตนเอง และผทู อี่ ยภู ายใตก ารดแู ลใหม คี วาม ปลอดภยั ใหพ น จากสงิ่ ทเ่ี ปน อนั ตรายทกุ อยา งเทา ทส่ี ามารถกระทาํ ได เนอ่ื งจากอลั ลอฮกฺ ลา ววา َ َوﻻَ ﺗُ ْﻠ ُﻘﻮاْ ِﺑﺄَ ْﻳ ِﺪﻳ ُﻜ ْﻢ إِ َﱃ اﻟ ﱠﺘ ْﻬﻠُﻜَ ِﺔ َو َأ ْﺣ ِﺴ ُﻨ َﻮاْ إِ ﱠن اﻟﻠّ َﻪ ﻳُ ِﺤ ﱡﺐ ا ْﻟ ُﻤ ْﺤ ِﺴ ِﻨ “ทานอยาไดท าํ อันตรายตอ ตวั เอง จงทําดี แทจ ริงอัลลอฮฺรกั ผกู ระทาํ ความด”ี 28 นอกจากนั้นการดูแลรักษารางกายใหพนจากสิ่งที่เปนภัยอันตรายถือเปนส่ิงท่ีจําเปน สูงสุดประการหน่ึงตามหลักการศาสนาอิสลาม เน่ืองจากมีหลักกฎหมายอิสลาม-กออิเดาะฮ ฟก ฮ ขอ หน่งึ กําหนดวา “ไมมีการทาํ อนั ตรายตอตัวเองและตอผอู ่ืน” อนั เปนหลกั ทีม่ าจากหะ ดษี ทีท่ า นนบมี ฮุ มั มัด ศอลฯ ไดก ลา ววา (28) อัลบะกอเราะฮ : 195 38 คูม อื เสริมสรา งความรูความเขา ใจแกคูส มรส มารดาหลังคลอด และครอบครัว เรอ่ื ง การสรางเสรมิ ภมู ิคมุ กนั โรค และหลกั การศาสนาอิสลาม
Search