184 ภาพ 5.5 สถิตอิ ุณหภูมิสูงสดุ เฉลย่ี ตามสถานีวดั ภาคใต้ ปี 2559 ทมี่ า: ดัดแปลงจากขอ้ มลู ศูนย์ภูมภิ าคเทคโนโลยีอวกาศและภมู ิสารสนเทศ (ภาคเหนอื ) (2559) ดัดแปลงจากขอ้ มลู สานกั งานสถติ แิ หง่ ชาติ (2560)
185 ภาพ 5.6 สถิตอิ ุณหภมู ิตา่ สุดเฉลย่ี ตามสถานีวดั ภาคใต้ ปี 2559 ท่มี า: ดัดแปลงจากข้อมลู ศนู ย์ภูมิภาคเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (ภาคเหนือ) (2559) ดดั แปลงจากขอ้ มลู สานักงานสถติ ิแห่งชาติ (2560)
186 5.4.5 ลม คอื อากาศซงึ่ เคลื่อนทเี่ น่อื งจากความแตกตา่ งด้านความกดอากาศ (air pressure) ของ สองพ้ืนท่ีมักจะเคล่ือนที่จากบริเวณที่มีความกดอากาศสูง (high air pressure) ไปยังบริเวณท่ีมีความกด อากาศต่า (low air pressure) มักจะเคลื่อนท่ีในแนวราบเกิดจากการแทนท่ีของอากาศ เน่ืองจากอากาศใน บรเิ วณท่รี ้อนจะลอยตวั สูงขนึ้ ขณะท่อี ากาศบริเวณใกล้เคยี งที่มีอุณหภมู ิตา่ กว่าจะเคลื่อนท่เี ขา้ มาแทนท่ี ลมท่ีเกิดมักจะเป็นลมบกและลมทะเล ภาคใต้มีลักษณะภูมิประเทศที่เป็นคาบสมุทรคือมี พ้ืนน้าขนาบทั้งสองฟากฝ่ัง แม้ว่าจะมีเทือกเขานครศรีธรรมราชและเทือกเขาภูเก็ตที่ตั้งอยู่กลาง ภูมิภาค อิทธิพลของลมจากทางตะวันตกเฉยี งใต้ได้พัดเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทาให้ภาคใต้เป็นภูมิภาคท่ี มลี มมรสมุ พัดเข้าจากทั้งสองคือทางทิศตะวันออกและตะวันตก ซงึ่ ลมทพี่ ดั จากทั้งสองฟากฝั่งนี้ได้พัด พาเอาความชนื้ เข้ามายงั คาบสมทุ รภาคใต้นีด้ ว้ ย 5.4.6 ฝน คือ ปรากฏการณ์ละอองน้าในอากาศหรือเมฆฝนรวมตัวกันแล้วตกลงมาเป็น หยาดน้าฟ้า หยาดน้าฟา้ อาจจะตกลงมาในรูปแบบของหมิ ะ ลูกเห็บ น้าค้างหรอื ฝน ฝนเป็นส่วนสาคัญ ส่วนหนึ่งของวัฏจักรของน้า (hydrologic cycle) เม็ดฝนส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นรูปทรงกลม มาตรใน การวัดปริมาณน้าฝนมหี น่วยเป็นมิลลิเมตร ลักษณะฝนในภาคใต้น้ันมีลักษณะท่ีแตกต่างจากภูมิภาคอื่นๆของประเทศไทยเน่ืองจาก ลักษณะภูมิประเทศน้ันเป็นคาบสมุทรท่ีย่ืนออกไปจากแผ่นดินขนาบด้วยพ้ืนน้าสองฝงั่ คือ ทะเลอันดา มนั และอา่ วไทยทาให้ปริมาณฝนของภาคใต้แตกต่างจากภาคอื่นๆ มีคากลา่ วทีว่ ่าภาคใต้มีฤดหู นาว ซึง่ นน่ั กห็ มายถึงฤดหู นาวของภาคใต้กค็ ือฤดูฝนนั่นเอง ซ่งึ ทาใหภ้ าคใตม้ ีฤดูฝนทยี่ าวนานถึง 8 เดือน ตาราง 5.4 สถิตปิ ริมาณน้าฝนตามสถานีวัดในภาคใตฝ้ ่งั ตะวนั ออก ปี 2558 สถานี ปริมาณนา้ ฝน (มลิ ลิเมตร) ชุมพร 2,107.8 สุราษฎร์ธานี 1,454.9 เกาะสมุย 1,421.7 พระแสง 1,714.4 นครศรีธรรมราช 2,091.0 ฉวาง 1,857.7 สงขลา 1,573.8 สนามบนิ หาดใหญ่ 1,319.6 สะเดา 917.9 สนามบนิ ปตั ตานี 1,189.7 นราธิวาส 1,987.2 ท่ีมา: กรมอตุ ุนยิ มวิทยา (2560)
187 จะเห็นได้ว่าปริมาณน้าฝนในภาคใต้มีมากและในส่วนของภาคใต้ฝ่ังตะวันตกหรือฝ่ังทะเล อนั ดามันน้นั จะมีปริมาณฝนเฉล่ยี ประมาณ 2,225.07 มลิ ลเิ มตรในขณะท่ีฝ่ังตะวันออกหรือฝั่งอา่ วไทย น้ันมีปรมิ าณฝนเฉลยี่ เพียง 1,783.72 มิลลเิ มตร จังหวัดท่ีมีปริมาณฝนเฉล่ียมากที่สุดในภาคใต้ คือ สถานีระนอง เฉลี่ยประมาณ 299.68 มิลลิเมตร และมีปริมาณฝนรวมรายปที ้งั หมด 3,596.20 มิลลเิ มตร จังหวัดที่มีปริมาณฝนเฉล่ียน้อยที่สุดในภาคใต้ คือ สถานีสะเดา จังหวัดวงขลา เฉลี่ย ประมาณ 76.49 มลิ ลิเมตร และมปี รมิ าณฝนรวมรายปที ัง้ หมด 917.90 มิลลิเมตร ตาราง 5.5 สถติ ิปริมาณน้าฝนตามสถานวี ดั ในภาคใต้ฝ่งั ตะวันตก ปี 2558 สถานี ปรมิ าณน้าฝน (มิลลเิ มตร) ระนอง 3,596.2 กระบ่ี 1,976 ภเู กต็ 2,485.7 สนามบินภเู ก็ต 2,557.6 เกาะลนั ตา 2,183.8 พังงา 3,274.5 สนามบินตรัง 1,973.5 สตลู 2,649.3 ท่ีมา: กรมอุตนุ ยิ มวทิ ยา (2560)
188 ภาพ 5.7 สถติ ปิ รมิ าณน้าฝนตามสถานวี ัดในภาคใต้ ปี 2558 ทมี่ า: ดัดแปลงจากข้อมลู ศูนย์ภมู ภิ าคเทคโนโลยอี วกาศและภมู ิสารสนเทศ (ภาคเหนอื ) (2559) ดดั แปลงจากข้อมูลกรมอตุ ุนยิ มวทิ ยา (2560)
189 5.4.7 ฤดูกาล คือ ช่วงเวลาของสภาพอากาศที่เกิดการเปล่ียนแปลงเน่ืองจากการท่ีโลก โคจรรอบดวงอาทิตย์ประกอบกับท่ีแกนของโลกเอยี งทามุม 23.5 องศา ทาให้แตล่ ะพืน้ ทข่ี องโลกได้รับ แสงแดดไมท่ วั่ ถึงเทา่ กัน อณุ หภูมิของแตล่ ะภูมิภาคของประเทศไทยจงึ ไม่เท่ากนั ในแต่ละชว่ งเวลาและ เกดิ เป็นฤดกู าลขึน้ เขตลมฟ้าอากาศของภาคใต้แบ่งออกเป็นภาคใต้ฝั่งตะวันออกรวมบางจังหวัดของภาค ตะวันตกประมาณ 10 จังหวัด ได้แก่ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลาและนราธิวาส ส่วนภาคใต้ฝั่งตะวันตก 6 จังหวัด ได้แก่ ระนอง พังงา กระบ่ี ภเู กต็ ตรังและสตูล (สุภาพ บุญไชย, 2549: 181-183) ภาคใตส้ ามารถแบ่งฤดูกาลได้แต่การแบง่ นนั้ จะแตกต่างกับภูมภิ าคอนื่ ๆ ของประเทศ การที่ ลักษณะปัจจัยทางด้านภูมิอากาศของภูมิภาคน้ีไม่เหมือนกับภาคอ่ืนๆ ทาให้ภาคใต้มีฤดูฝนที่ยาวนาน เป็นพิเศษ ประกอบไปดว้ ย 3 ชว่ งระยะเวลา ดังน้ี 1. ฤดมู รสุมตะวันตกเฉยี งใต้ เริ่มตน้ ในเดือนพฤษภาคมและส้นิ สดุ ในเดอื นตุลาคม 2. ฤดูมรสมุ ตะวันออกเฉยี งเหนือ เรมิ่ ตน้ ในเดอื นตลุ าคมและสนิ้ สุดในเดือนมกราคม 3. ฤดูลมประจาตะวันออกเฉียงใต้ เริ่มต้นจากท่ีลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนืออ่อน กาลงั ลงและสนิ้ สดุ ในชว่ งปลายเดือนเมษายน 5.4.8 ลักษณะเด่นของภูมิอากาศ คือ การที่ในพื้นที่หน่ึงๆ มีเอกลักษณ์ของอากาศที่ แตกต่างหรือสุดขั้วทั้งในด้านดีและด้านร้าย ในพื้นที่นั้นๆอาจจะประสบกับภัยพิบัติในกรณีท่ีลักษณะ อากาศเปน็ ไปในด้านลบแต่ถ้าหากเป็นไปในทางบวกอาจจะเปน็ ปรากฏการณ์ในเชิงการศึกษาหรือการ ท่องเท่ียวได้ 1. ปริมาณน้าฝนชุก “ในภาคใตน้ นั้ ไม่มีฤดูหนาว มีเพยี งแตฤ่ ดูฝนและฤดูร้อน” จากคา กล่าวน้ีทาให้ผู้ศึกษาได้ทราบว่า ภาคใต้นั้นมีปริมาณฝนตกชุกมาก โดยเฉพาะตลอดระยะเวลาช่วงฤดู หนาวของภูมิภาคอ่ืนๆ ปัจจัยเร่ืองฝนท่ีตกชุกนี้จึงมีผลกระทบกับเศรษฐกิจของภาคใต้ พืชเศรษฐกิจ ของภาคใต้ คือ ยางพารา เป็นพืชที่ต้องการน้ามากทาให้สถานการณ์เศรษฐกิจของภาคใต้นั้นมีความ กระเตื้องขึน้ เปน็ อยา่ งมาก 5.5 ประชากรภาคใต้ ประชากร คือ กลุ่มของสิ่งมีชีวิตประเภทเดียวกัน มีความเหมือนกันในด้านต่างๆ อาทิ เชื้อ ชาติ สัญชาติ ภาษา วัฒนธรรม ความเป็นอยู่และความรู้สึกเป็นพวกเดียวกัน โดยท่ีจานวนของ ประชากรจะมีมากน้อยน้ันขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ความเป็นเมือง ความเจริญก้าวหน้าทางด้าน เทคโนโลยแี ละความจาเปน็ ทางการการดารงชีวิต เป็นตน้
190 5.5.1 ลักษณะประชากรโดยรวม ประชากรของภาคใต้นั้น รูปร่างลักษณะคล้ายคลึงกับ ประชากรชาวเกาะและชาวมลายู รปู รา่ งสูงใหญ่ ผิวสอี อกคลา้ มจี านวนประชากรปานกลาง จงั หวดั ท่ี มีประชากรมากทีส่ ดุ คือ จังหวดั นครศรีธรรมราช และนอ้ ยที่สุด คอื จงั หวัดระนอง ตาราง 5.6 จานวนประชากรและความหนาแน่นของประชากรภาคใต้ 2559 2555 2550 2545 จงั หวดั /ปี พ้นื ที่ จานวน ความ จานวน ความ จานวน ความ จานวน ความ (ตร.กม.) หนา หนา หนา หนา นครศรี- ปชก แนน่ ปชก แน่น ปชก แน่น ปชก แน่น ธรรมราช 9,942.50 1,554,432 156.34 1,534,887 154.38 1,506,997 151.57 1,533,894 154.28 สงขลา 7,393.89 1,417,440 191.7 1,378,574 186.45 1,324,915 179.19 1,271,067 171.91 12,891.47 1,050,913 81.52 1,023,288 79.38 970,424 75.28 920,283 71.39 สรุ าษฎร์- ธานี นราธวิ าส 4,475.43 789,681 176.44 757,397 169.23 711,517 158.98 699,951 156.40 ปตั ตานี 1,940.36 700,961 361.25 671,615 346.13 637,806 328.71 627,955 323.63 ตรงั 4,917.52 641,684 130.48 631,920 128.50 610,332 124.11 603,072 122.64 พัทลุง 3,424.47 523,723 152.93 514,492 150.24 502,563 146.76 504,454 147.31 ยะลา 4,521.08 522,279 115.52 500,814 110.77 470,691 104.11 459,659 101.67 ชุมพร 6,009.85 507,604 84.46 495,310 82.42 481,298 80.08 473,818 78.84 กระบ่ี 4,708.51 465,931 98.95 444,967 94.50 410,634 87.21 377,954 80.27 ภเู ก็ต 543.034 394,169 725.86 360,905 664.61 315,498 580.99 270,438 498.01 สตลู 2,478.98 317,612 128.12 305,879 123.39 284,482 114.76 270,802 109.24 พังงา 4,170.90 265,579 63.67 257,493 61.74 246,887 59.19 239,401 57.40 ระนอง 3,298.05 189,154 57.35 182,648 55.38 180,787 54.82 163,160 49.47 ที่มา: สานักบรหิ ารการทะเบียน กรมการปกครอง (2560)
191 ภาพ 5.8 จานวนประชากรภาคใต้ ปี พ.ศ. 2559 ทีม่ า: ดัดแปลงจากขอ้ มลู ศูนย์ภูมภิ าคเทคโนโลยีอวกาศและภูมสิ ารสนเทศ (ภาคเหนอื ) (2559) ดดั แปลงจากขอ้ มลู สานักบรหิ ารการทะเบยี น กรมการปกครอง (2560)
192 ภาพ 5.9 ความหนาแนน่ ของประชากรภาคใต้ ปี พ.ศ. 2560 ทมี่ า: ดัดแปลงจากข้อมูลศูนย์ภมู ภิ าคเทคโนโลยอี วกาศและภูมิสารสนเทศ (ภาคเหนอื ) (2559) ดดั แปลงจากข้อมลู สานักบริหารการทะเบยี น กรมการปกครอง (2560)
193 5.5.2 การกระจายตวั ของประชากร คอื การกระจายตัวของสมาชิกของประชากรในพื้นที่ใด พื้นที่หนึ่ง ณ เวลาใดเวลาหน่งึ โดยมักจะแสดงออกมาในรูปแบบของความหนาแน่นประชากรที่แสดง ออกมาในหน่วยคนต่อตารางกิโลเมตร ในภาคใต้ประชากรจะตั้งถ่ินฐานท่ีอยู่อาศัยในพื้นท่ีต่อไปน้ี (สุภาพ บุญไชย. 2549:73) ท่ีราบลุ่มชายฝ่ังทะเลทางด้านตะวนั ออกของคาบสมุทรในภาคใต้ ซ่ึงมีพ้ืนท่ีราบของฝั่ง ตะวันออกมากกว่าฝั่งตะวันตก เพราะชายฝ่ังทางด้านตะวันออกเป็นชายฝ่ังยกตัวแต่ชายฝ่ังยุบตัวใน ชายฝั่งตะวันตก โดยพ้ืนท่ีราบขนาดใหญ่นั้นจะใช้ประโยชน์เพื่อการเกษตรกรรมประเภทพืชสวน แต่ ในบรเิ วณพนื้ ท่รี าบแคบๆ ไปจนถึงบรเิ วณภูเขาน้ันกลับเหมาะกับการใชง้ านประเภทเหมืองแรแ่ ละการ ท่องเที่ยว ยกเว้นในจังหวัดศูนย์กลางความเจริญ อาทิ สงขลา ภูเก็ต ปัตตานี ที่มีความหนาแน่นของ ประชากรสูงมากกวา่ จังหวัดอืน่ ๆ ในภมู ภิ าค 5.5.3 แนวโนม้ การเปลีย่ นแปลงประชากรภาคใต้ โดยมากภาคใต้มีการยา้ ยถนิ่ เขา้ ออกมาก มีทั้งการย้ายถ่ินแบบระหว่างประเทศและการย้ายถ่ินแบบในประเทศ ทั้งน้ีการการย้ายถ่ินของท้ังสอง กรณกี ็มีส่วนเป็นอย่างมากในการทาใหเ้ กิดการเปลี่ยนแปลงของจานวนประชากรได้ 1. การอพยพนอกประเทศ การอพยพของชาวเมียนมาร์ การอพยพของแรงงานชาวเมียนมาร์ในภาคใต้น้ันมี อยู่ในพื้นท่ีส่วนทางตะวันตกท่ีติดกับทะเลอันดามัน การอพยพโยกย้ายแรงงานชาวเมียนมาร์มาเพื่อ กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ เช่นเดียวกับภาคเหนือและภาคตะวันตกแต่จะมีความใกลเ้ คียงกับภาคตะวันตก มากกว่าในภาคเศรษฐกิจประเภทการประมงน้าเค็ม แรงงานชาวเมียนมาร์ในภาคใต้นั้นจะกระจุกตัว อยู่เป็นจานวนมากอยู่ในจังหวัดระนองตรงข้ามกับเมืองเกาะสองหรือวิคตอเรียพ้อยท์ของ ประเทศ เมียนมาร์ที่มีระยะห่างเพียง 7.18 กิโลเมตรท่ีซ่ึงเป็นพื้นท่ีที่มีการโยกย้ายประชากรระหว่างสองพ้ืนที่ เป็นจานวนมาก กิจกรรมทางเศรษฐกิจเหล่าน้ี ได้แก่ การประมงชายฝ่ังและการประมงระยะไกลรวม ไปถึงกิจกรรมทางเศรษฐกจิ ท่วั ไปตามชายฝงั่ ของภาคใตท้ ง้ั ภาคตะวนั ออกและภาคตะวนั ตก การอพยพของชาวมาเลเซีย ที่เป็นประเทศในกลุ่มพัฒนาแล้วการอพยพของ ประชากรสว่ นใหญ่จึงเป็นการย้ายถิ่นทางด้านธรุ กิจทีส่ ูงกว่าการค้าแรงงาน เปน็ ไปในลักษณะของการ ลงทุนตงั้ แตร่ ะดบั ปานกลางจนถงึ ระดับสงู 2. การอพยพในประเทศ การอพยพของประชากรในภาคใต้นั้นมีความคล้ายคลึงกับภาคภูมิภาคอ่ืนๆ คือ เป็นปัจจัยดึงดูดจากเมืองหลวง ปัจจัยในการจ้างงานทาให้พบว่ามีอัตราสูงรองจากการอพยพจากภาค ตะวันออกเฉียงเหนือเท่าน้ัน ทั้งนี้เนื่องมาจากภาคใต้น้ันมีพ้ืนท่ีจากัดพื้นท่ีไม่เหมาะสมแก่การ เกษตรกรรมในพนื้ ทบ่ี รเิ วณกว้าง แรงงานจงึ มีปรากฏการณ์ลน้ ตลาดและหลงั่ ไหลสเู่ มืองหลวง ในส่วนของปัจจัยดึงน้ันมีเพียงส่วนน้อย ในพื้นที่ท่ีมีความสาคัญทางเศรษฐกิจ อาทิ ภูเก็ต หาดใหญ่ เป็นต้น อาจจะมีการจ้างงานต้ังแต่ในระดับผู้บริหารไปจนถึงระดับแรงงาน รวม
194 ไปถึงนิคมอุตสาหกรรมต่างๆในภาคใต้ที่เป็นแหล่งจ้างงานที่สาคัญ ท้ังในระดับการประมงในพื้นที่ ต่างๆ ท่ีมีการเพ่ิมข้ึนของธุรกิจห้องเย็นรวมไปถึงแพปลาท่ีสาคัญต่างๆมากมาย ยังไม่รวมพ้ืนที่ อตุ สาหกรรมตา่ งๆในพ้ืนทนี่ คิ มอุตสาหกรรมท่ีมีแนวโน้มจะเพม่ิ มากขน้ึ ต่อไปในอนาคต 5.5.4 ชาติพันธ์ุหรือชนเผา่ พื้นเมือง ในภาคใต้มีลักษณะเป็นคาบสมุทรยื่นไปในทะเลมีกล่มุ ชาติพันธ์ุด้ังเดิมอาศัยอยู่ กลุ่มเหล่าน้ีอาศัยอยู่ร่วมกับธรรมชาติและการที่เป็นคาบสมุทรน้ที าให้มีกลมุ่ ชนชาตติ ่างๆเขา้ มาเพ่อื การคา้ ขายในยุคสมัยโบราณ (ศูนยม์ านุษยวิทยาสิรนิ ธร, 2559) ไทยเชอื้ สายมลายู (Malayu) ชาวไทยท่มี ีเชื้อสายมลายหู รือมาเลย์ อาศยั อยูท่ างภาคใต้ ของประเทศไทย ใช้ภาษาตระกูลมาลายู - โปลินีเชียน นับถือศาสนาอิสลามเป็นหลัก มีประชากรเชื้อ สายมลายูนบั เป็นร้อยละ 3 ของประเทศไทย ในภมู ิภาคน้มี ีชมุ ชนเช้ือสายมลายูกระจายอยู่ทว่ั ไป อาทิ จังหวัดสตูล จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดระนอง จังหวัดภูเก็ต จังหวัดพังงา จังหวัดกระบี่ จังหวดั ตรงั และจังหวดั ชมุ พร ซาไก (Sakai) หรือ เซมัง (Samang) เป็นกลุ่มคนที่ใช้ชีวิตเร่ร่อนอยู่ในป่าเทือกเขา บรรทัด ในพ้ืนที่ 3 จังหวัด คือ จังหวัดพัทลุง จังหวัดตรัง และจังหวัดสตูล มีลักษณะการใช้ชีวิต เหมือนกบั คนในยุคหนิ คอื มีที่พกั ชว่ั คราวเรียกว่า “ทบั ” คล้ายกับมลาบรีในภาคเหนือมักจะอาศัยอยู่ เปน็ กล่มุ ประมาณ 30 คน ชาวเล หรอื ชาวทะเล เป็นกลุม่ คนทีอ่ าศยั อย่ตู ามชายทะเล ประกอบอาชีพเกีย่ วกับการ ประมงหรือทามาหาเลี้ยงชพี โดยอาศัยทะเลเป็นหลกั อาศัยอยู่ไม่เป็นหลักแหล่งตามพ้ืนที่ชายฝ่ังทะเล อนั ดามนั ของประเทศไทยและประเทศมาเลเซยี ประกอบไปด้วย 3 กลุ่มหลกั ไดแ้ ก่ มอแกลน (Moklen) มถี ิ่นฐานอยทู่ ่ีเกาะพระทอง อาเภอคุระบุรี และชายฝัง่ ทะเล จงั หวัดพังงา อาเภอตะกั่วปา่ , บ้านลาปี อาเภอท้ายเหมือง อาเภอถลาง จังหวัดภเู ก็ต มอแกน (Moken) มีถ่ินฐานอยู่ที่เกาะพระทองและหมู่เกาะสุรินทร์ อ.คุระบุรี จังหวัดพังงา เกาะสินไห่และเกาะเหลา จังหวัดระนอง และท่ีหาดราไวย์ จังหวัดภูเก็ต และเกาะพีพี จงั หวดั กระบ่ี ในกลุม่ หมู่บ้านของชาวอรู กั ลาโว้ยอีกดว้ ย อูรักลาโว้ย (Urak lawoi) เรียกตนเองว่ากลุ่ม”ไทยใหม่” เป็นชนกลุ่มใหญ่มีถ่ิน ฐานบนเกาะสิเหร่ และท่ีหาดราไวย์ จังหวัดภูเก็ต ไปจนถึงทางใต้ของเกาะพีพีดอน เกาะลันตาใหญ่ จังหวัดกระบ่ี, เกาะอาดัง เกาะหลีเป๊ะ เกาะราวี จังหวัดสตูล พบบางส่วนอยู่บนเกาะลิบง จังหวัดตรงั ปัจจุบันกลุ่มชาวเลเหล่าน้ีได้ปรับเปลย่ี นวิถีชวี ิตใหม่ มีการต้ังฐานถาวร ประกอบอาชีพเป็นหลักแหล่ง อาทิ ประมงชายฝง่ั ทาสวน รับจ้าง เป็นต้น 5.5.5 การกาหนดเมืองสาคัญในภาคใต้ หาดใหญ่และจังหวัดสงขลา เป็นเมืองหลักของ ภาคใต้ทางฝั่งตะวันออกและจังหวัดภูเก็ตเป็นเมืองหลักของภาคใต้ทางฝั่งตะวันตก มีความสาคัญ เนื่องจากเป็นทา่ เรือน้าลึกขนาดใหญท่ ีม่ คี วามสาคัญในด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม
195 5.6 ทรัพยากร ทรัพยากรในภาคใต้อาจกล่าวได้ว่ามีน้อยแต่เม่ือเทียบกับพ้ืนท่ีของคาบสมุทรน้ันแล้ว ทรัพยากรของภาคใต้น้ันมีเป็นจานวนมาก ทั้งในส่วนของทรัพยากรป่าไม้ ทรัพยากรแร่ธาตุและ ทรัพยากรสัตว์ป่า แนวเทือกเขาภูเก็ตและเทือกเขานครศรีธรรมราชเป็นพื้นที่ที่ทรัพยากรป่าไม้และ สัตว์ป่าอยู่อย่างหนาแน่น ในส่วนของพื้นท่ีราบก็มีการจัดสรรเพื่อการเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม อยา่ งเหมาะสม 5.6.1 ทรัพยากรดิน คือ สสารท่ีเกิดขึ้นเองตามวัฏจักรธรรมชาติมีปัจจัยการเกิดคือ ธรรมชาติและเวลา ดินเป็นทรัพยากรท่ีกลา่ วได้ว่าเปน็ จุดเรม่ิ ต้นของสงั คมมนุษย์ ทรัพยากรดินจึงควร ได้รับการดูแลและรักษาเป็นอย่างดีเพื่อท่ีจะได้ใช้ไปอย่างยาวนานในอนาคต ในภาคใต้มีลักษณะภูมิ ประเทศที่เป็นคาบสมุทรที่มีเกิดจากการเคลื่อนตัวของแนวขอบรอยเลอ่ื นจึงพบลกั ษณะภูมิประเทศท่ี หลากหลาย สามารถจาแนกได้ว่าดินในภาคใต้จัดได้ว่าเป็นกลุ่มดินตามที่แบนราบและท่ีเนินเขา ปี 2478 สามารถเรยี กชอ่ื ไดต้ ามทอ้ งที่ ดังน้ี (สุภาพ บญุ ไชย, 2549: 125,126) ดินร่วนปนทรายและดินเหนียวปตั ตานี (Pattani Sandy Loams and Clays) เป็นดนิ ตะกอนใหม่ที่เกิดขึ้นบริเวณชายฝง่ั ทะเลภาคใต้ของประเทศไทย มีลักษณะเป็นดินทรายปนดินเหนยี ว และดนิ ร่วน เหมาะสมแกก่ ารทาการเกษตร ประเภท พชื สวน ยางพารา ไมผ้ ลและขา้ ว เปน็ ตน้ ดินร่วนปนทรายและปนทรายหยาบนครศรีธรรมราช (Sithammarat Sandy and Coarse Sandy Loams) เป็นดินตกคา้ ง (residual soils) จากเทือกเขาหนิ แกรนติ ทพ่ี บมากในภาคใต้ มคี วามอดุ มสมบูรณ์ในการปลูกยางพาราเละพชื เศรษฐกิจอน่ื ๆ 5.6.2 ทรัพยากรน้า คือ สสารที่อยู่ในสถานะของเหลวมีสูตรทางเคมี คือ H2O เป็น ทรัพยากรท่ีมีความจาเป็นที่สุดต่อมนุษย์ เน่ืองจากสิ่งมีชีวิตทุกประเภทบนโลกจาเป็นต้องอาศัยน้าใน การดารงชีวิต บนพ้ืนโลกส่วนท่ีเป็นผืนน้านั้นมีประมาณ 3 ส่วน (75%) และพ้ืนดิน 1 ส่วน (25%) โดยน้าที่มีความสาคัญกับมนุษย์มากท่ีสุดคือ น้าจืด โดยที่แหล่งน้าจืดขนาดใหญ่ที่สุด คือ แม่น้าและ ทะเลสาบ ทรัพยากรน้าเป็นทรัพยากรหมุนเวียน (renewable resources) ทรัพยากรน้าของภาคใต้ เป็นทรพั ยากรทส่ี าคัญประเภทหนึ่งทีม่ ีทัง้ น้าจืดและนา้ เคม็ ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศท่ีเปน็ คาบสมุทรนั้นทา ให้พื้นท่ีของภาคใตน้ น้ั ขาดแคลนนา้ จืด ท้ังทีม่ แี ม่น้าหลายสายทงั้ ที่ไหลออกอ่าวไทยและทะเลอนั ดามัน ในภาคใต้จึงมีการสร้างเข่ือนเพ่ือการกักเก็บน้าจืด ไว้เพื่อในท้ังการอุปโภคและบริโภคของประชากร แมจ้ ะมจี านวนเขื่อนไม่มากตามจานวนของแมน่ ้าแต่ปรมิ าณของน้าเพียงพอสาหรับอปุ โภคและบริโภค โดยเฉพาะสาหรับพ้ืนท่ีเกษตรกรรมที่สาคัญของเกษตรกรในภาคใต้ นอกจากน้ันแหล่งกักเก็บน้าใน ภาคใต้นย้ี ังจะเปน็ แหล่งประมงน้าจืดทส่ี าคัญถึงแมอ้ ัตราส่วนของผลผลิตจะไม่เทา่ กันกบั ในการประมง น้าเค็มกต็ าม เขอื่ นกักเกบ็ น้าทส่ี าคัญ
196 เข่ือนบางลาง สร้างขวางแม่น้าปัตตานี บริเวณตาบลยุโป อาเภอเมืองยะลา จังหวัด ยะลา พ้ืนที่ความจุอ่างประมาณ 1,400 ล้านลูกบาศก์เมตร ถูกสร้างข้ึนเพ่ือประโยชน์ด้านการผลิต กระแสไฟฟ้า การชลประทานในการเกษตรกรรม แก้ปัญหาอุทกภัย บรรเทาปัญหาน้าเค็มรุกล้าและ การประมง เขอ่ื นปตั ตานี (บา้ นคูระ) สร้างขวางแม่นา้ ปตั ตานี บรเิ วณตาบลแม่ลาน อาเภอโคกโพธ์ิ จังหวัดปัตตานี พ้ืนที่ความจุอ่างประมาณ 1,400 ล้านลูกบาศก์เมตร ถูกสร้างขึ้นเพ่ือประโยชน์ด้าน การชลประทานในการเกษตรกรรม โดยเฉพาะในฤดูแล้ง เข่ือนมูโนะ สร้างขวางคลองโต๊ะแดง บริเวณตาบลโฆษิต อาเภอตากใบ จังหวัด นราธิวาส ถูกสร้างขึ้นเพ่ือประโยชน์ด้านการชลประทานในการเกษตรกรรม แก้ปัญหาอุทกภัยและ บรรเทาปัญหานา้ เคม็ รกุ ล้า เขื่อนรัชประภา สร้างขวางแม่น้าคลองแสง บริเวณตาบลเขาพัง อาเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พื้นท่ีความจุอ่างประมาณ 5,639 ล้านลูกบาศก์เมตร ถูกสร้างขึ้นเพ่ือประโยชน์ ด้านการผลติ กระแสไฟฟ้าและการชลประทานในการเกษตรกรรม
197 ภาพ 5.10 เขือ่ นในภาคใต้ ทม่ี า: ดัดแปลงจากข้อมูลศูนย์ภูมภิ าคเทคโนโลยีอวกาศและภูมสิ ารสนเทศ (ภาคเหนอื ) (2559)
198 5.6.3 ทรัพยากรแร่ธาตุ คอื คือ สสารทเ่ี กิดขน้ึ เองตามธรรมชาติประกอบไปด้วยแร่โลหะและ แร่อโลหะ นอกจากนนั้ คือแร่พลังงาน ทรัพยากรแร่สว่ นใหญ่จะต้องผา่ นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ก่อนการใช้งานเสมอ ในประเทศไทยมีหลายพ้ืนท่ีมีความสาคัญในด้านการผลิตและขุดเจาะแร่ธาตุ บางพ้ืนท่ีมีความสาคัญในการถลุงและสกัดแรธ่ าตุ แรธ่ าตเุ ป็นทรัพยากรประเภทใช้แล้วหมดไป (non- renewable resources) ในภาคใต้มีแร่ธาตุที่สาคัญมากมาย ลักษณะภูมิประเทศท่ีเป็นกลุ่มแนวเทือกเขาตามรอย เล่ือนทาให้มีการปะทุของสินแร่ข้ึนมาเป็นจานวนมากตามแนวรอยเลื่อนเหล่าน้ี ในช่วงสมัยท่ีมีการ ปรับปรุงประเทศเข้าสู่การพัฒนาน้ันภาคใต้ถือเป็นทรัพยากรสาคัญของประเทศ ในด้านการส่งออก ทรัพยากรแร่ธาตุจาพวก ดบี กุ สงั กะสี แมงกานสี คลา้ ยคลึงกบั ประเทศมาเลเซีย ทรพั ยากรแรธ่ าตุของ ภาคใต้นั้นมีมากจนทาให้เกิดปรากฏการณ์การจ้างแรงงานสูงมากในกลุ่มอุตสาหกรรมเหมืองแร่ โดยเฉพาะอย่างยง่ิ ที่รจู้ ักกันดใี นกจิ การเรือขุดสินแร่ ในปัจจุบนั ท่ีเทคโนโลยกี ารสารวจมีความก้าวหน้า ในพื้นที่อ่าวไทยและทะเลอันดามันก็ยังพบว่าเป็นพื้นท่ีที่มีทรัพยากรจาพวกพลังงานอยู่เป็นจานวน มากเช่นกัน กระบ่ี ถา่ นหนิ ฟลูออไรล์ ซิลกิ า พลวง ชุมพร ทองคา ซิลกิ า ดบี กุ ตรัง ถ่านหนิ ไดโลไมต์ ซิลกิ า นครศรธี รรมราช แบไรต์ เฟลด์สปาร์ ยิปซ่ัม แมงกานีส พลวง ดีบุก ทังสเตน ถ่านหิน ไดโลไมต์ นราธิวาส ทองคา บอลล์เคลย์ โครไมท์ แมงกานีส ดบี ุก ปัตตานี ซิลิกา ดบี กุ พังงา ทองคา พลวง ซิลิกา ดีบุก ยเู รเนียม พัทลงุ ตะกั่ว ดบี กุ ภูเกต็ ซลิ ิกา ดบี ุก ยะลา แมงกานีส ดีบกุ ระนอง โดโลไมต์ เกาลนิ ดบี ุก สงขลา แบไรต์ ถา่ นหนิ โดโลไมต์ สตูล แบไรต์ ซิลกิ า พลวง สุราษฎร์ธานี แบไรต์ ถ่านหิน เหลก็ โดโลไมต์ ฟลอู อไรล์ ยิปซ่ัม ดีบกุ ทังสเตน 5.6.4 ทรัพยากรป่าไม้ คือ ปริมาณต้นไม้ที่รวมกันเป็นกลุ่มขนาดใหญ่มีความซับซ้อนและ หนาทึบ จัดได้ว่าเป็นสังคมของพืชพรรณธรรมชาติ ที่มีความสาคัญต่อโลก ข้อสาคัญแรกสุด คือ เปรียบเสมือนเครื่องกรองอากาศเปล่ียนสารพิษให้กลายเป็นออกซิเจน ในหลายประเทศท่ัวโลกใช้ป่า ไม้เป็นเกณฑ์ในการวัดค่าความอุดมสมบูรณ์และคุณภาพของส่ิงแวดล้อม ในขณะที่ปัจจุบันป่าไม้ใน
199 ประเทศไทยพบเพียงร้อยละ 30 เท่านั้นเน่ืองจากป่าไม้เป็นทรัพยากรประเภทใช้แล้วหมดไป (non- renewable resources) สามารถฟ้ืนฟูได้ด้วยการปลูกทดแทนแต่ต้องแลกด้วยระยะเวลาที่ยาวนาน กว่า 20-30 ปี เน่ืองจากลักษณะทางด้านภูมิอากาศจึงทาให้ป่าไม้ในภาคใต้ส่วนใหญ่เป็นป่าไม้ไม่ผลัด ใบเป็นป่าที่ต้นไม้มีใบเขียวชอุ่มตลอดท้ังปี มีการผลัดใบบ้างในบางฤดูกาลแต่ไม่ถึงกับผลัดใบจนหมด ทงั้ ตน้ (สุภาพ บญุ ไชย, 2549: 181-183) ไดแ้ ก่ 1. ปา่ ไมไ้ มผ่ ลัดใบ เปน็ ปา่ ที่ต้นไม้มีใบเขียวชอุ่มตลอดทั้งปี พชื พรรณมีลักษณะใบหนาใหญ่ พบวา่ มีการผลัดใบบ้างในบางฤดูกาลแต่ไม่ถึงกบั ผลัดใบจนหมดทั้งต้น ลักษณะความชื้นในอากาศของ ป่ามมี ากซง่ึ ส่งผลต่อความหลากหลายทางด้านระบบชีวนิเวศ ป่าดงดิบ ปา่ ดิบหรอื ปา่ ดิบชืน้ (tropical rain forest, tropical evergreen forest or tropical wet green forest ) ต้นไม้ที่ข้ึนเป็นต้นไม้ใหญ่เรือนยอดหนาแน่น เบียดชิดไม่เป็นระเบียบ แสงแดดไม่สามารถส่องถึงพ้ืนดินได้ ลักษณะดินเป็นดินเหนียวหรือดินเหนียวปนทราย ไม้ท่ีพบเป็นไม้ ขนาดใหญ่ อาทิ ยาง ตะเคียน มะหาด ไม้พื้นล่างได้ ได้แก่ ไผ่ หวาย เถาวัลย์ เป็นต้น ในภาคใต้ สว่ นมากเป็นปา่ ประเภทนี้ ป่าดงดิบแล้ง (dry evergreen forest) ลักษณะคล้ายกับป่าดิบช้ืน แต่แตกต่างตรงท่ี ความหนาแน่นของพรรณไม้ในเรือนยอดและพรรณไม้เบื้องล่าง ปริมาณฝนมีนอ้ ยกว่าป่าดิบชน้ื พบใน พน้ื ที่จงั หวัดชมุ พร ป่าดิบเขาหรือป่าดงดิบเขา (mountain forest or hill evergreen forest) เป็นป่าที่ มีระดับความสูงจากน้าทะเลมากกว่า 1,100 เมตร มีความช้ืนสูง อากาศค่อนข้างเย็น พรรณไม้ที่พบ อาทิ ก่อหรือโอค (Oak) พรรณไม้พนื้ ราบได้แก่ กลว้ ยไม้ ผกั กดู กหุ ลาบปา่ ข้าวตอกฤาษีและมอสชนิด ตา่ งๆ พบมากบริเวณ เขาหลวง จังหวดั นครศรธี รรมราช ป่าชายหาด (beach forest) คือ พ้ืนท่ีป่าที่ปกคลุมบริเวณพ้ืนท่ีชายฝ่ังทะเล บริเวณ หาดทรายหรือหาดทรายเก่าที่ระดับน้าทะเลท่วมไม่ถึง พืชพรรณส่วนใหญ่เป็นพืชทนเค็ม (halophytes) และมักจะคดงอด้วยแรงลม พืชพรรณส่วนใหญ่ของป่าได้แก่ สนทะเล ผักบุ้งทะเล หู กวาง โพธิ์ทะเล เป็นต้น พบทั่วไปตามชายทะเลที่เป็นหาดทรายของภาคใต้ฝ่ังตะวันออกต้ังแต่จังหวัด เพชรบุรีไปจนถึงแนวพรมแดนประเทศมาเลเซียส่วนภาคใต้ฝั่งตะวันตกนั้นพบตั้งแต่จังหวัดระนองไป จนถึงจังหวัดสตูล รวมไปถึงบนเกาะขนาดต่างๆในอ่าวไทยและทะเลอันดามันอีกด้วย (สานักงาน นโยบายและแผนทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม, 2552) ป่าชายเลน (mangrove forest) เป็นป่าที่มีพืชพรรณธรรมชาติท่ีแตกต่างจากป่า ประเภทอน่ื ๆ พบมากตามบริเวณรมิ ชายทะเลบรเิ วณท่มี หี าดเป็นโคลนหรือปากแมน่ ้าที่มนี า้ ทะเลท่วม ถึง พรรณไม้ท่ีพบ อาทิ โกงกาง แสม ลาพู ลาแพนเป็นต้น พบทั่วไปตามชายฝั่งของจังหวัดชุมพรไป จนถงึ จังหวัดนราธิวาส
200 ป่าพรุ (swamp forest) คือ ป่าที่มีพ้ืนท่ีลุ่มน้าขัง มีซากอินทรียวัตถุทับถมกันเป็น จานวนมากทาให้ดินอ่อนยุบตัวได้ง่าย พืชในป่าพรุมีความหลากหลาย ป่าพรุเป็นป่าที่มีลักษณะ แตกต่างไปจากป่าอื่น ๆ ไม่สามารถจาแนกประเภทของป่าพรุจะจัดได้ว่า ป่าพรุเป็นป่าในเขตร้อน ประเภทไมผ่ ลดั ใบเช่นเดยี วกบั ป่าดงดบิ ช้ืน แตส่ ภาพป่าน้ันแตกต่างจากป่าประเภทอน่ื ๆ โดยสน้ิ เชงิ ป่าพรุเกิดข้ึนได้ท้ังตามหุบเขาสูงและชายฝ่ังทะเล ในประเทศไทยพบป่าพรุได้ในแถบจังหวัดภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดนครศรธี รรมราช พัทลุง สงขลา และนราธิวาส เป็นตน้ ปา่ พรุทสี่ มบูรณ์ทส่ี ุดในประเทศ ไทย คอื ปา่ พรุโตะ๊ แดงหรอื ป่าพรสุ ริ ินธร ตาราง 5.7 เนือ้ ทป่ี า่ ไมข้ องภาคใต้ จังหวดั /ปี พ้ืนทจี่ งั หวัด 2559 2557 2551 พ้ืนที่ รอ้ ยละ พืน้ ท่ี รอ้ ยละ พื้นท่ี รอ้ ยละ นครศรีธรรมราช 9,942.50 1,768.63 17.79 1,732.75 17.43 2,113.36 21.26 สงขลา 7,393.89 845.56 11.44 1,102.17 14.91 858.94 11.62 สุราษฎร์ธานี 12,891.47 3,740.99 29.02 3,721.11 28.86 3,859.79 29.94 นราธิวาส 4,475.43 1,190.39 26.60 1,142.31 25.52 1,182.33 26.42 ปัตตานี 1,940.36 106.63 5.50 90.96 4.69 103.54 5.34 ตรงั 4,917.52 1,073.97 21.84 1,064.29 21.64 1,069.04 21.74 พัทลงุ 3,424.47 613.26 17.91 615.39 17.97 646.37 18.88 ยะลา 4,521.08 1,467.11 32.45 1,501.41 33.21 1,517.93 33.57 ชุมพร 6,009.85 1,288.93 21.45 1,292.95 21.51 1,328.80 22.11 กระบ่ี 4,708.51 881.41 18.72 877.83 18.64 984.64 20.91 ภูเก็ต 543.034 111.2 20.48 111.36 20.51 153.7 28.30 สตลู 2,478.98 1,187.02 47.88 1,173.57 47.34 962.49 38.83 พังงา 4,170.90 1,722.96 41.31 1,733.21 41.55 1,930.97 46.30 ระนอง 3,298.05 1,724.82 52.30 1,726.42 52.35 1,791.80 54.33 ท่มี า: สานักจดั การท่ีดินป่าไม้ กรมปา่ ไม้ (2560)
201 100 90 80 70 60 50 40 30 20 10 0 ร้อยละ ปี พ.ศ. 2551 ร้อยละ ปี พ.ศ. 2557 ร้อยละ ปี พ.ศ. 2559 ภาพ 2.11 ร้อยละเน้อื ท่ปี ่าไม้ของภาคใต้ ทีม่ า: ดดั แปลงจากขอ้ มูลสานกั จัดการทด่ี ินปา่ ไม้ กรมปา่ ไม้ (2560) 5.6.5 อุทยานแห่งชาติ ในภาคใต้มีความแตกต่างต่างภูมิภาคอ่ืนๆ เนื่องจากภาคใต้มี อุทยานแห่งชาติทางทะเลที่เป็นพ้ืนที่อนุรักษ์บนพ้ืนน้าที่มีความสาคัญท้ังในเชิงการอนุรักษ์และในเชิง เศรษฐกิจสาหรับประเทศไทย ประกอบไปด้วย (สานักงานอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ ปา่ และพันธพ์ุ ชื , 2557) ตะรเุ ตา ต้งั อยู่ในเขตอาเภอละงู จังหวดั สตลู มีลักษณะเป็นเกาะต้ังอยูใ่ นทะเลอัน ดามัน มหาสมุทรอนิ เดีย มีเกาะจานวนประมาณ 51 เกาะ เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งแรกของ ไทยท่ีมีประวัตศิ าสตร์ทางดา้ นการเมอื งที่ยาวนาน มพี ื้นที่โดยรวมประมาณ 1,490 ตารางกโิ ลเมตร หมู่เกาะสิมิลัน ตั้งอยู่ในเขตอาเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงาและน่านน้าของ จังหวัดพังงา เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่สวยงามที่สุดในประเทศไทย มีลักษณะเป็นเกาะต้ังอยใู่ น ทะเลอันดามัน มหาสมุทรอินเดีย มีเกาะจานวนรวม 9 เกาะ มีพ้ืนที่โดยรวมประมาณ 140 ตาราง กิโลเมตร หมู่เกาะสรุ ินทร์ ตง้ั อยูใ่ นเขตอาเภอคุระบุรี จังหวัดพงั งา เปน็ อุทยานแหง่ ชาติทาง ทะเล จานวนรวม 5 เกาะ มพี ้ืนท่ีโดยรวมประมาณ 135 ตารางกโิ ลเมตร หมู่เกาะอ่างทอง ตั้งอยู่ในเขตอาเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นอุทยาน แห่งชาตทิ างทะเล มีเกาะจานวนรวม 40 เกาะ มีพ้นื ที่โดยรวมประมาณ 102 ตารางกิโลเมตร หาดไนยาง ต้ังอยู่ในเขตอาเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตวท์ ะเล ทสี่ าคญั มพี นื้ ท่โี ดยรวมประมาณ 90 ตารางกโิ ลเมตร
202 เขาสามร้อยยอด ตั้งอยู่ในเขตอาเภอปราณบุรี อาเภอกุยบุรี จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ มีลักษณะภูมิประเทศเป็นเทือกเขาหินปูน มีพ้ืนที่โดยรวมประมาณ 98 ตาราง กิโลเมตร หาดนพรัตน์ธารา-เกาะพีพี ต้ังอยู่ในเขตอาเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ ต้ังอยู่ ทางด้านฝั่งทะเลอันดามัน ประกอบด้วยเกาะใหญ่ 2 เกาะ คือเกาะพีพีดอนและพีพีเล มีพื้นที่โดยรวม ประมาณ 308 ตารางกโิ ลเมตร อ่าวพังงา ต้ังอยู่ในเขตอาเภอเมืองพังงา อาเภอตะกั่วทุ่งและอาเภอเกาะยาว จังหวดั พงั งา เปน็ อทุ ยานแหง่ ชาติทางทะเล มีเกาะจานวนรวม 40 เกาะ มพี นื้ ท่โี ดยรวมประมาณ 401 ตารางกิโลเมตร ทะเลบัน ตงั้ อยูใ่ นเขตอาเภอเมอื งสตลู จงั หวัดสตูล เป็นอทุ ยานแหง่ ชาติทางทะเล มเี กาะจานวนรวม 40 เกาะ เปน็ พน้ื ที่ท่มี กี ารพบชาวปา่ พื้นเมืองดง้ั เดิมของภาคใต้ คอื “เงาะซาไก” มี พนื้ ทีโ่ ดยรวมประมาณ 102 ตารางกิโลเมตร เขาหลวง ตั้งอยู่ในเขตอาเภอลานสกา อาเภอพรหมคีรี อาเภอท่าศาลา อาเภอ ฉวาง อาเภอเมืองนครศรีธรรมราชและอาเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช มีพ้ืนท่ีโดยรวมประมาณ 567 ตารางกิโลเมตร เขาสก ต้ังอยู่ในเขตอาเภอพนมและอาเภอคีรีรัตนนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี รวมถึงประจวบคีรีขันธ์ โดยมีลักษณะภูมิประเทศเป็นเทือกเขาหินปนู และมีเขื่อนเชี่ยวหลานตั้งอยูใ่ น เขตอทุ ยานแห่งชาตินีด้ ว้ ย มพี ืน้ ทโ่ี ดยรวมประมาณ 646 ตารางกิโลเมตร เขาพนมเบญจา ต้ังอยู่ในเขตอาเภอเขาพนม จังหวัดกระบี่ มีลักษณะภูมิประเทศ เป็นเทอื กเขาหินปูน มพี นื้ ทโี่ ดยรวมประมาณ 50 ตารางกโิ ลเมตร หาดเจ้าไหม ต้ังอยู่ในเขตอาเภอกันตัง จังหวัดตรัง ชายฝั่งทะเลฝ่ังอันดามันยาว 20 กิโลเมตร เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเล มีเกาะจานวนรวม 9 เกาะ มีพ้ืนที่โดยรวมประมาณ 231 ตารางกโิ ลเมตร เขาป-ู่ เขาย่า ตัง้ อย่ใู นเขตอาเภอทุ่งสงและอาเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช อาเภอห้วยยอดและอาเภอเมืองตรงั จังหวัดตรงั อาเภอเมืองพัทลุง อาเภอควนขนนุ และอาเภอกงหรา จังหวัด พัทลุง ตั้งอยู่ในบริเวณเทือกเขานครศรีธรรมราช ลักษณะภูมิประเทศท่ีพบเป็นแบบหินปูน มี พน้ื ทโ่ี ดยรวมประมาณ 694 ตารางกิโลเมตร แหลมสน ตั้งอยู่ในเขตอาเภอกะเปอร์และอาเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง อาเภอคุระบรุ ี จงั หวดั พังงา เปน็ อทุ ยานแหง่ ชาตทิ างทะเล มเี กาะจานวนรวม 20 เกาะ มพี น้ื ทีโ่ ดยรวม ประมาณ 315 ตารางกโิ ลเมตร
203 หมู่เกาะเภตรา ตั้งอยู่ในเขตอาเภอละงูและอาเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล พบ ลักษณะความแตกต่างทางด้านภูมิประเทศค่อนข้างมาก เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเล มีเกาะจานวน รวม 22 เกาะ มพี ืน้ ทโี่ ดยรวมประมาณ 495 ตารางกโิ ลเมตร ศรีพังงา ตั้งอยู่ในเขตอาเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา มีลักษณะเป็นเทือกเขา สลับซับซ้อนวางตัวเป็นแนวขนานกับทะเลอันดามัน เป็นแหล่งต้นน้าลาธารและมีความหลากหลาย ทางด้านระบบนเิ วศสูง มพี ้ืนทโี่ ดยรวมประมาณ 246.08 ตารางกิโลเมตร หมู่เกาะลันตา ต้ังอยู่ในเขตอาเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบ่ี เป็นอุทยานแห่งชาติ ทางทะเล มีเกาะจานวนรวม 15 เกาะ เกาะลันตาใหญ่เป็นเกาะขนาดใหญ่ท่ีสุด มีพื้นที่โดยรวม ประมาณ 134 ตารางกิโลเมตร เขาน้าค้าง พ้ืนท่ีครอบคลุมท้องที่อาเภอนาทวี และอาเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ประกอบด้วยเทือกเขาสลับซับซ้อนเป็นแนวยาวไปตลอดจนถึงพรมแดนประเทศมาเลเซีย ประกอบด้วยยอดเขาท่ีสาคัญ คือ ควนสยา ควนเขาไหม้ ยอดเขาน้าค้างเป็นยอดเขาที่สูงประมาณ 648 เมตร เป็นแหลง่ ต้นนา้ ลาธารหลายสาย เชน่ คลองนาทวี คลองปริก คลองทบั ชา้ ง คลองทรายขาว มพี ื้นทีโ่ ดยรวมประมาณ 212 ตารางกิโลเมตร เขาหลัก-ลารู่ อยู่ในท้องท่ีอาเภอตะก่ัวป่า อาเภอกะปง อาเภอท้ายเหมือง และ อาเภอเมืองพังงา จังหวัดพังงา ภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นเทือกเขาสูงชันสลับซับซ้อน ได้แก่ เขาหลัก เขาลารู เขาแสงทอง เขาไม้แก้ว และเขาปลายบางโต๊ะเปน็ ยอดเขาสูงทีส่ ุดประมาณ 1,077 เมตร เป็น ต้นกาเนิดของแม่น้าสายสาคัญ เช่น แม่น้าตะกั่วป่า และแม่น้าพังงา มีพื้นท่ีโดยรวมประมาณ 125 ตารางกิโลเมตร แก่งกรุง อยู่ในท้องที่อาเภอท่าชนะ อาเภอไชยา และอาเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัด สุราษฎรธ์ านี ลกั ษณะภมู ิประเทศเป็นเทือกเขาสลบั ซับซ้อนสองแนวเหนือ - ใต้ แหลง่ ตน้ นา้ สาคัญ คือ ลาน้าคลองยันซึ่งเป็นต้นแม่น้าตาปีทางทิศใต้ และลาน้าคลองสระซึ่งเป็นต้นแม่น้าหลังสวนด้านทิศ เหนือ มีพืน้ ท่โี ดยรวมประมาณ 541 ตารางกิโลเมตร ใต้ร่มเย็น ครอบคลุมท้องท่ีอาเภอบ้านนาสาร อาเภอเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ ธานี มสี ภาพภมู ปิ ระเทศเปน็ เทือกเขาสลับซบั ซ้อนทอดตัวในแนวเหนือ-ใต้ มยี อดเขาสูงสดุ คอื ยอดเขา หนอง สูงประมาณ 1,530 เมตร เป็นแหล่งกาเนิดของต้นน้าลาธารท่ีสาคัญหลายสาย เช่น คลองฉวาง คลองลาพูน คลองก่ิงยาว คลองแคระ คลองตาเพชร คลองกงเสียด และในเขตอาเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี พบลักษณะภูมิประเทศเป็นหินปูนกระจายอยู่บางส่วน มีพื้นท่ีโดยรวมประมาณ 425 ตารางกิโลเมตร ธารโบกขรณี ต้ังอยู่ในท้องที่อาเภออ่าวลึกและอาเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ บางส่วนเป็นเขาสูงชันท่ีทอดตัวในแนวเหนือ-ใต้ บางส่วนมีลักษณะแบบคาร์ส โทโปกราฟี (karst topography) พบบอ่ หรือพ้นื ยุบตวั ของหินเบื้องล่าง (sink hole) พ้ืนทีเ่ ป็นแบบลูกคล่ืนแบบลอนลาด
204 และลอนชัน พบเขาโดดเต้ีย (monad rock) มหี นา้ ผาสูงชันกระจายอยู่ทัว่ ไป พน้ื ทสี่ ว่ นทเี่ ปน็ หมู่เกาะ ในทะเลอันดามันประกอบด้วย เกาะเหลาบิเละ (เกาะห้อง) เกาะเหลากา เกาะเหลาเหรียม เกาะปาก กะ เกาะเหลาลาดงิ เกาะยะลาฮูดัง เกาะเหลาบุโละ๊ (เกาะผกั เบยี้ ) เกาะกามิด เกาะปาหุเสยี เกาะฮนั ตู เกาะจาบัง เกาะเมย เกาะกาโรส เกาะแตก เกาะมีไลย เกาะอ่าวช้างตาย เกาะเลาดัว เกาะรงมารง (เกาะขลุ่ย) เกาะแหลมค้างคาว เกาะแหลมทะลุ เกาะแหลมตุโดด เกาะช่องลาดใต้ และเกาะฮาม มี พน้ื ท่โี ดยรวมประมาณ 104 ตารางกิโลเมตร หมู่เกาะชุมพร ต้ังอยู่ในท้องที่อาเภอปะทิว อาเภอเมืองชุมพร อาเภอสวี อาเภอ ทุ่งตะโกและอาเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร พบลักษณะภูมิประเทศท่ีสาคัญประเภทต่างๆ มากมาย ดังนี้ ชายฝ่ัง เป็นชายหาดท่ีเป็นทรายจนถึงเป็นโคลน พบป่าชายหาด (beach forest) ในบริเวณดา้ นหลังชายหาดในส่วนบรเิ วณท่ีไม่มีการทาเกษตรกรรมประเภทสวนมะพร้าว เร่ิม จากบริเวณอ่าวทุ่งมะขามน้อย อ่าวทุ่งมะขามใหญ่ อ่าวท้องตมใหญ่ หาดทรายรีสวี อ่าวมะม่วง อ่าว ทอ้ งตมนอ้ ย หาดอรุโณทัย ชายฝ่งั เกาะกระทะ และอา่ วท้องครก อา่ วและปากคลอง ไดร้ บั อทิ ธิพลจากการไหลลงของนา้ จืด พบป่าชายเลน (mangrove forest) เป็นโคลนละเอียด โคลนจนถึงโคลนปนทราย ในบางบริเวณพบหญ้าทะเล (sea grass) และสาหรา่ ยทะเล (sea algae) เจริญเตบิ โตติดต่อกันเปน็ ผืนใหญ่ พืน้ ทส่ี ่วนใหญ่มักมรี ะดับน้า ต้ืน บางบริเวณจะปรากฏลักษณะเป็นสันดอนโคลน (mud flat) ขนาดใหญ่ ซึ่งจะโผล่พ้นน้าเวลาน้า ลงต่าสดุ ชายฝั่งลกั ษณะน้ีประกอบด้วยพนื้ ที่สาคัญที่สดุ คืออ่าวทุ่งคา – สวี ซึ่งมคี ลองที่มนี ้าจืดไหลลง มากกว่า 10 คลอง ปัจจุบันบริเวณดังกล่าว ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น “พื้นที่ชุ่มน้านานาชาติ” นอกจากนก้ี ็มีบริเวณปากคลองอ่ืน ๆ ทมี่ ีนา้ จืดไหลลงทะเล เช่นคลองตม คลองบางหกั และคลองปาก น้าตะโก เป็นตน้ บรเิ วณปากคลองจะพบสันดอนปากคลองซ่ึงจะรูปร่างและขนาดของสนั ดอนแตกต่าง กนั ออกไป เกาะ ในเขตอุทยานแห่งชาติมีจานวนท้ังส้ิน 40 เกาะ ส่วนใหญ่เป็นเกาะ ขนาดเลก็ เกาะใหญ่จะมีชายหาดบริเวณชายฝ่ังของเกาะ ภเู ขา เปน็ ภเู ขาท่อี ยู่ติดทะเลทั้งสนิ้ มคี วามสงู ไม่มากนัก พันธไ์ุ มท้ ป่ี กคลุม ส่วนมากเป็นพันธุ์ไม้ป่าดิบช้ืน ยอดเขาท่ีสูงที่สุด คือ เขาโพงพาง สูง 145 เมตร เขาบ่อคาสูง 180 เมตร เขาประจาเหียงสงู 240 เมตรและเขากระทะสูง 300 เมตร มพี ื้นทีโ่ ดยรวมประมาณ 317 ตาราง กโิ ลเมตร เขานัน ตั้งอยู่ในท้องที่อาเภอนบพิตา อาเภอท่าศาลาและอาเภอสิชล จังหวัด นครศรีธรรมราช ลักษณะภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสูงสลับซับซ้อน มียอดเขาท่ีสาคัญ ได้แก่ เขาใหญ่ เขานันใหญ่ เขานันเมีย เขาเหล็ก เขาช่องลม และเขาใด เป็นต้น โดยมียอดสูงท่ีสุด คือ ยอดเขาใหญ่ โดยสงู ประมาณ 1,438 เมตร มีพ้ืนท่ีโดยรวมประมาณ 409.79 ตารางกโิ ลเมตร
205 น้าตกโยง ครอบคลุมท้องท่ีอาเภอทุ่งสง อาเภอนาบอน อาเภอลานสกา อาเภอ ร่อนพิบูลย์ และอาเภอช้างกลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช ลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นเทือกเขา สูงสลับซับซ้อน มียอดเขาเหมนเป็นยอดเขาสูงสุด มีความสูง 1,235 เมตร เป็นแหล่งต้นน้าที่สาคัญ ของลุ่มน้าตาปี ลุ่มน้าปากพนัง และลุ่มน้าตรัง ประกอบด้วยคลองจัง คลองลาปีเหาะ คลองกุย คลอง หอยโข่งท่ีไหลลงสู่อ่าวไทยทางแม่น้าตาปี คลองวังหีบ คลองน้าตกโยง คลองท่าโหลน คลองท่าเลา คลองเปกิ คลองชยั ศรี และคลองปากแพรกท่ีไหลไปทางทิศใต้สู่ทะเลอนั ดามันทางแมน่ ้าตรังส่ทู ะเลอัน ดามันท่ีกันตัง และคลองเถลิง คลองขุนพัง คลองลานสกา คลองเจดีย์ท่ีไหลไปทางตะวันออกลงสู่อ่าว ไทยทางแมน่ ้าปากพนงั มีพนื้ ท่โี ดยรวมประมาณ 205 ตารางกิโลเมตร น้าตกส่ีขีด ตั้งอยู่บริเวณอาเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี และ อาเภอสิ ชล จังหวัดนครศรีธรรมราช มีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบสลับกับเทือกเขาสูงชันสลับซับซ้อนก้ัน เขตแดนระหว่างจังหวัดสุราษฎร์ธานีกับจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ราบส่วนใหญ่อยู่ทางตะวันออก ยอดเขาทสี่ งู ทส่ี ุด คอื ยอดเขาคโี หมด สงู 1,303 เมตรจากระดับนา้ ทะเล เปน็ แหลง่ กาเนิดของลาห้วย ต่างๆ มากมาย เช่น คลองหวาด คลองท่าคลอง คลองท่าเรือรี ห้วยโหมด มีพื้นที่โดยรวมประมาณ 205 ตารางกิโลเมตร หาดขนอม-หมู่เกาะทะเลใต้ อยู่ในท้องท่ีเขตอาเภอขนอม อาเภอสิชล จังหวัด นครศรีธรรมราช อาเภอดอนสัก จังหวัดสรุ าษฎร์ธานีและเกาะต่างๆ ประกอบไปด้วย เกาะแตน เกาะ ราบ เกาะวังใน เกาะวังนอก เกาะมัดสุ่ม เกาะมัดโกง เกาะมัดแตง ในท้องที่ตาบลตล่ิงงาม อาเภอ เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎรธานี ธรณีสัณฐานของพื้นที่แบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ พ้ืนที่ซ่ึงเป็นกลุ่มเกาะ และผืนแผ่นดินใหญ่ ลักษณะภูมิประเทศเป็นเทือกเขาหินปูน และหินทรายหรือหินทรายปนกรวด พ้นื ท่ีส่วนใหญ่เปน็ พนื้ ที่ลุ่มนา้ ช้นั 1 ดงั นัน้ จงึ เป็นต้นนา้ ของลาห้วย ลาคลองนอ้ ยใหญห่ ลายสาย ทไี่ หล ไปหล่อเล้ียงพ้ืนที่รอบเกาะ บนเกาะวังนอกยังพบลักษณะเป็นป่าพรุอีกด้วย มีพื้นท่ีโดยรวมประมาณ 316 ตารางกิโลเมตร เปน็ พน้ื น้าประมาณ 199.26 ตารางกโิ ลเมตร น้าตกชีโป ครอบคลุมในท้องท่ีอาเภอจะนะ อาเภอระแงะ อาเภอกรือเสาะ อาเภอศรสี าคร จังหวัดนราธวิ าส ลักษณะภูมปิ ระเทศเป็นภเู ขาสูง หลายลกู สลับซบั ซอ้ นที่เรยี งตัวจาก ทิศเหนือถึงทิศใต้มีความสูงชัน พ้ืนท่ีบางส่วนเป็นพื้นท่ีราบ ยอดเขาสูงสุดคือ ยอดเขาแมะแต มีพ้ืนที่ โดยรวมประมาณ 316 ตารางกิโลเมตร บูโด-สุไหงปาดี ครอบคลุมในท้องท่ีอาเภอบาเจาะ อาเภอรือเสาะ อาเภอย่ีงอ อาเภอเจาะไอร้อง อาเภอระแงะ อาเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส อาเภอรามัน จังหวัดยะลา และ อาเภอกะพ้อ จังหวัดปัตตานี เป็นภูเขาสลับซับซ้อน ยอดเขาตาเวเป็นยอดเขาสูงท่ีสุดประมาณ 548 เมตร ลักษณะดินส่วนใหญ่เป็นดินเหนียวปนทรายและพบหินอัคนีเป็นหลัก บางส่วนเป็นหินปูนและ หนิ กรวดขนาดใหญ่ เป็นแหล่งตน้ กาเนดิ แม่นา้ หลายสาย เชน่ แม่นา้ สายบุรี และคลองบาเจาะ มพี ื้นท่ี โดยรวมประมาณ 341 ตารางกโิ ลเมตร
206 อ่าวมะนาว-เขาตันหยง ตั้งอยใู่ นพ้ืนท่ีอาเภอบาเจาะ อาเภอเมือง อาเภอสไุ หงปา ดี จังหวดั นราธิวาส พนื้ ท่บี ริเวณหาดอา่ วมะนาวมีลักษณะเป็นหาดทรายสลบั ดว้ ยโขดหนิ โผล่น้อยใหญ่ ซ่ึงหินส่วนมากเป็นหินแกรนิต ยอดสูงสุด คือ เขาตันหยง มีความสูงจากระดับน้าทะเลปานกลาง ประมาณ 293 เมตร มพี ้ืนทโี่ ดยรวมประมาณ 37.24 ตารางกิโลเมตร น้าตกทรายขาว อยใู่ นท้องที่อาเภอโคกโพธิ์ จังหวดั ปตั ตานีและอาเภอเมืองยะลา อาเภอยะหา จังหวัดยะลา และอาเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา พ้ืนท่ีอุทยานต้ังอยู่ในเทือกเขาสันกา ลาคีรี มียอดเขานางจันทร์เป็นยอดเขาที่สูงท่ีสุด เป็นท่ีเนินเขา และเป็นที่ราบ และเป็นต้นกาเนิดของ ห้วยทรายขาว ห้วยโผงโผง ห้วยบอน ห้วยแกแดะ ห้วยลาหยัง หว้ ยคลองเรือ หว้ ยต้นตะเคียน ห้วยลา ชิง ห้วยลาพะยา ลาห้วยลาธารเหล่านี้จะไหลมารวมกันเป็นแม่น้าเทพา มีพ้ืนที่โดยรวมประมาณ 69.57 ตารางกโิ ลเมตร เขาลาปิ - หาดท้ายเหมือง ตั้งอยู่ในท้องท่ีอาเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา เขต พ้ืนท่ีอุทยานถูกถนนเพชรเกษมแบ่งเป็น 2 ส่วน โดยมียอดเขาสูงสุด คือ เขาขนิม สูงประมาณ 622 เมตร ลักษณะป่าที่เขตอุทยานเป็นป่าดงดิบ เป็นแหล่งต้นน้าลาธารหลายสาย เช่น คลองลาปี คลองข นิม คลองลาหลัง คลองพลุ จึงทาให้มีความอุดมสมบูรณ์ในระบบนิเวศมาก มีพื้นที่โดยรวมประมาณ 72 ตารางกโิ ลเมตร หมู่เกาะระ-เกาะพระทอง มีพ้ืนท่ีครอบคลุมอยู่ในท้องที่อาเภอคุระบรุ ีและอาเภอ ตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ประกอบด้วยเกาะต่างๆ ในทะเลอันดามัน คือ เกาะระ เกาะคอเขา เกาะพระ ทอง เกาะปลิง–เกาะพอ่ ตา เกาะลูกตมุ้ เกาะทงุ่ นางดา และมีเกาะขนาดเล็กต่างๆ ทอ่ี ยใู่ นพ้นื ที่ป่าชาย เลนจานวน 37 เกาะ ลักษณะภูมิประเทศเป็นชายฝั่งทะเลยุบตัว อยู่ในชายฝ่ังทะเลตะวันตกของ จังหวัดพังงา เป็นหาดโคลน บริเวณปากแม่น้ามีลาน้าสาขาและลาคลองหลายสาย มีภูเขาสูงชันและ เกาะต่างๆ วางในแนวเหนือใต้ ได้แก่ เกาะระพ้ืนท่ีเป็นเขาสูงและชัน สูงจากระดับน้าทะเลประมาณ 235 เมตร เกาะพระทองมีพ้ืนที่เป็นที่ราบ เกาะคอเขาพ้ืนท่ีเป็นท่ีราบส่วนใหญ่มีภูเขาสลับ สูงจาก ระดบั น้าทะเล 310 เมตร มเี ขาบ่อไทรที่มียอดเขาสงู ท่ีสุดคือ 450 เมตร มพี ื้นทโี่ ดยรวมประมาณ 642 ตารางกิโลเมตร สิรินาถ มีพื้นท่ีครอบคลุมอยู่ในท้องที่อาเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เป็นพ้ืนที่ผืนน้า ประมาณร้อยละ 76 และเป็นพืน้ ทีผ่ ืนดินประมาณร้อยละ 24 ลกั ษณะภูมิประเทศทสี่ าคัญ คือ ป่าเขา รวกเขาเมือง เขาใสครู ธรณีสัณฐานเป็นภูเขาหินแกรนิตและเชิงเขาซ่ึงถูกกระบวนการผุพังและกัด กร่อน ยอดเขาใสครูมรี ะดับความสงู 335 เมตร โครงสร้างธรณีสณั ฐานชายฝงั่ เกดิ จากกระบวนการทับ ถมของตะกอนชายฝั่งทะเลรูปแบบต่างๆ โดยสามารถจาแนกเป็น หาดทราย ได้แก่ หาดท่าฉัตรไชย หาดทรายแก้ว หาดไม้ขาว ยาวต่อเนื่องจากทิศเหนือลงมาถึงหาดในยาง ทางด้านทิศใต้มีลักษณะเป็น แหลมยนื่ เขา้ ไปในทะเลเกิดจากการงอกของตะกอนทรายมีความยาวรวมกันประมาณ 13 กิโลเมตร มี พ้นื ทโ่ี ดยรวมประมาณ 642 ตารางกโิ ลเมตร
207 บางลาง มีพื้นที่ครอบคลุมท้องที่อาเภอบันนังสตา อาเภอธารโต อาเภอเบตง จังหวัดยะลา สภาพพื้นที่เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน สลับกับเนินเขาและพื้นที่ราบบางตอน ประกอบด้วยเขาฮาลา เขาลาซะ เขาบูโละ และเขาฮันกุล ลักษณะดินเป็นดินร่วนปนดินเหนียวและ พบดนิ ลกู รังเป็นบางส่วน เป็นแหล่งต้นนา้ หลายสายไหลมาบรรจบเปน็ แม่น้าปัตตานีและแม่น้าสายบุรี อาทิเช่น คลองชาลี คลองนีโล คลองกาวะ คลองกือนือฮง คลองโต๊ะโมะ คลองฮาลา คลองกาบูและ คลองฮาลาซะห์ มีพื้นที่โดยรวมประมาณ 261 ตารางกโิ ลเมตร น้าตกหงาว ตั้งอยู่ในอาเภอเมือง อาเภอละอุ่น จังหวัดระนองและอาเภอพะโต๊ะ อาเภอทุ่งตะโก อาเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร ลักษณะเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน พบที่ราบน้อยมาก ยอดเขาที่สูงท่ีสุด คือ ยอดเขานมสาว มีความสูง 1,089 เมตร สันเขาเป็นแนวยาวแบ่งเขตจังหวัด ระนองเเละจังหวัดชุมพร เป็นแหล่งต้นน้าลาธารที่สาคัญหลายสาย เช่น คลองสวี คลองเพรา คลอง ตะโก และคลองหลังสวนของจังหวัดชุมพร คลองละอุ่น คลองระวิ คลองหาดส้มแป้น คลองบางร้ิน คลองหงาวและคลองราชกรดู ของจังหวดั ระนอง มีพนื้ ทีโ่ ดยรวมประมาณ 205 ตารางกโิ ลเมตร ลาน้ากระบุรี ตั้งอยู่ในท้องท่ีอาเภอกระบุรี อาเภอละอุ่น อาเภอเมือง จังหวัด ระนอง มลี กั ษณะชายฝ่ังเป็นแบบชายฝ่ังจมตัว สง่ ผลใหช้ ายหาดตลอดแนวฝ่ังมีลกั ษณะที่แคบ มีลาน้า หลายสายไหลออกสู่แม่น้ากระบุรีประกอบด้วย คลองบางหมี คลองข้ีนาค คลองลาเลียง คลองบาง สองรา คลองบางใหญ่เหนือ คลองบางใหญ่ คลองละอุ่น คลองจิก คลองหลุมถ่าน คลองเสร็จตะกวด และคลองหินช้าง แม่น้าลาคลองเหล่านี้ได้พัดพาตะกอนดินมาทับถมในปากแม่น้าและชายฝั่ง เทือกเขาสูงริมฝ่ังมีลักษณะเป็นภูเขาสลับซับซ้อน ประกอบด้วย เขาง่าม เขาเส็ดตะกวด เขาหินช้าง เขาเมืองสูง เขาจอมแหลม เขาสามแหลม เขาหลมุ ถา่ น และเขานา้ ร้อน มยี อดเขาเมืองสูงเป็นยอดเขา สงู สดุ สูงประมาณ 609 เมตร มีพ้ืนท่โี ดยรวมประมาณ 160 ตารางกโิ ลเมตร หมเู่ กาะระนอง เดิมชอ่ื อทุ ยานแห่งชาตหิ มเู่ กาะพยาม ต้งั อยใู่ นท้องท่ีอาเภอหงาว จังหวัดระนอง พ้ืนท่ีเป็นชายฝ่ังทะเล มีหาดย่ืนออกไปในทะเลที่ปกคลุมไปด้วยป่าชายเลนที่เป็นป่า ชายเลนผนื ใหญท่ ีม่ คี วามอุดมสมบูรณส์ ูง มีความหลากหลายทางชวี ภาพสูง พื้นที่ใกล้ชายฝ่ัง ได้แก่ บริเวณเกาะบางจาก เกาะยิว เกาะทรายดา เกาะ สน ประกอบด้วยป่าชายเลนทางทิศตะวันออก และหาดทรายทางฝ่ังตะวันตก ส่วนพ้ืนที่บนเกาะปก คลุมไปด้วยปา่ ดงดิบ พื้นที่ห่างจากชายฝ่ัง ได้แก่ บริเวณเกาะช้าง เกาะพยาม เกาะทะลุ เกาะ ตาครุฑ เกาะหม้อ เกาะปริง เกาะไร่ และเกาะไฟไหม้ ฯลฯ โดยกลุ่มเกาะดังกล่าวขนานกับชายฝ่ัง พ้ืนที่บนเกาะปกคลุมไปด้วยป่าดงดิบและรอบเกาะมีปะการังกระจายอยู่โดยรอบ มีพ้ืนที่โดยรวม ประมาณ 160 ตารางกโิ ลเมตร แก่งกรุง ตั้งอยู่ในพื้นท่ีอาเภอท่าชนะ อาเภอไชยา อาเภอท่าฉางและก่ิงอาเภอ วภิ าวดี จังหวัดสรุ าษฎรธ์ านี ลักษณะภูมิประเทศเป็นแนวเทือกเขาสลับซับซ้อนวางตัวในแนวเหนือ-ใต้
208 ประกอบด้วย เขาไฝ เขาแดน เขายายหม่อน ยอดเขาสูงสุดประมาณ 849 เมตร ส่วนใหญ่เป็นพ้ืนท่ีมี ลักษณะเป็นเขาดินและเป็นแหล่งต้นน้าสาคัญคือ ลาน้าคลองยันตน้ แม่น้าตาปี และต้นแม่น้าหลังสวน ด้านทิศเหนือ ประกอบไปด้วย คลองสระ คลองชง ห้วยลาชี ห้วยหินโล่ ห้วยเขาแดน ห้วยปลาย ห้วย ปา่ หมาก และคลองยัน มพี ้ืนทโ่ี ดยรวมประมาณ 160 ตารางกิโลเมตร คลองพนม อยู่พ้ืนท่ีอาเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีลักษณะภูมิประเทศเป็น ภูเขาสูงมากว่าร้อยละ 80 ของพ้ืนที่ ทางตอนเหนือของพื้นท่ีเป็นภูเขาหินปูน บางพื้นที่พบหน้าผาสูง ชัน พื้นที่ราบมีอยู่ประมาณร้อยละ 20 ของพ้ืนท่ี ส่วนใหญ่เป็นท่ีราบระหว่างหุบเขา ซ่ึงเป็นแหล่งต้น น้าลาธารของคลองพนมและคลองศก ซึ่งจะไหลไปรวมกับคลองแสงเป็นต้นกาเนิดของแม่น้า พุ มดวงทเี่ ปน็ สาขาหน่งึ ของแมน่ ้าตาปี มพี ื้นที่โดยรวมประมาณ 410.4 ตารางกโิ ลเมตร ธารเสด็จ-เกาะพะงัน ต้ังอยู่ในท้องท่ีตาบลเกาะพะงัน ตาบลบ้านใต้ อาเภอเกาะ พะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี อยู่ห่างจากฝั่งจังหวัดสุราษฎร์ธานีประมาณ 80 กิโลเมตร ภูมิประเทศ ท่ัวไปเป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อนทอดยาวตามแนวทิศเหนือ - ใต้ มีที่ราบตามหุบเขาและบริเวณอ่าว ต่างๆ รอบเกาะ ยอดเขาสงู สุด คือ ยอดเขาหรา ทม่ี คี วามสงู จากระดับนา้ ทะเลปานกลาง 635 เมตร มี พื้นที่ป่าเขาท่ีอุดมสมบูรณ์ที่เป็นแหล่งต้นน้าลาธารท่ีสาคัญของเกาะพะงัน มีพื้นท่ีโดยรวมประมาณ 42.98 ตารางกิโลเมตร 5.6.6 เขตรักษาพันธ์สุ ัตวป์ ่า คือ พ้นื ท่ที ถี่ กู กาหนดขน้ึ มาเพ่ือให้เป็นท่ีอยู่อาศัยของสัตว์ ป่าอย่างปลอดภัยในการดารงชีวิตและขยายพันธ์ุต่อไปในอนาคต แต่ละเขตน้ันจะต้องมีความ เหมาะสมในการดารงชีพด้วยปัจจัยต่างๆ เช่น แหล่งน้า แหล่งอาหาร ป่าไม้ พ้ืนท่ีสูง เป็นต้น (สานัก อนรุ กั ษ์สตั ว์ป่า, 2560) ในภาคใตล้ ักษณะภูมิอากาศร้อนชื้นและมีฝนตกสม่าเสมอเป็นปจั จัยสนับสนุน ให้พ้ืนท่ีป่าดงดิบมีความหนาแน่นและซับซ้อนการเข้าถึงของผู้ล่ามักจะทาได้ยากกว่าในภูมิภาคอื่นๆ เขตรักษาพนั ธุ์สัตวป์ ่าที่มขี นาดใหญท่ สี่ ุดในภมู ภิ าคน้ี คอื เขตรักษาพนั ธ์ุสตั ว์ป่าเขาบรรทดั คลองนาคา อย่ใู นเขตจงั หวัดระนอง เน้ือทปี่ ระมาณ 300,000 ไร่ คลองแสง อยใู่ นเขตจังหวัดสรุ าษฎร์ธานี เนื้อทป่ี ระมาณ 722,500 ไร่ เขาบรรทัด อยู่ในเขตจังหวัดตรัง จังหวัดพัทลุงและจังหวัดสตูล เนื้อที่ประมาณ 791,875 ไร่ โตนงาชา้ ง อยใู่ นเขตจงั หวัดสงขลาและจงั หวัดสตูล เน้อื ทีป่ ระมาณ 113,750 ไร่ คลองพระยา อยู่ในเขตจงั หวดั กระบ่ี เนอ้ื ทปี่ ระมาณ 59,375 ไร่ เสด็จในกรมหลวง อย่ใู นเขตจังหวัดชมุ พร เน้ือทีป่ ระมาณ 283,750 ไร่
209 ภาพ 5.12 อุทยานและเขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั ว์ปา่ ภาคใต้ ที่มา: ดัดแปลงจากขอ้ มูลศนู ย์ภมู ิภาคเทคโนโลยอี วกาศและภมู ิสารสนเทศ (ภาคเหนอื ) (2559) 5.6.7 ทรพั ยากรสัตว์ปา่ และประมง
210 ในภาคใต้ที่มีพ้ืนท่ีน้อย ตามหลักการพ้ืนท่ีจะแปรตามกับจานวนทรัพยากรสัตว์ป่าแต่ด้วย ลักษณะภมู ิอากาศแบบร้อนช้ืนทาให้ทรัพยากรสัตว์ป่ากลบั มีอัตราสว่ นที่ผกผันกับพื้นท่ีทรัพยากรสัตว์ ป่าของภาคใต้โดยมากเป็นสัตว์ในเขตร้อนชื้น อาทิ กระทิง จระเข้น้าเค็ม เสือขนาดต่างๆ ทรัพยากร ประมงในภาคใตน้ ั้นกม็ เี ป็นจานวนมากเชน่ กนั ลกั ษณะการเช่นนสี้ ง่ ผลให้มีการทาการประมงชายฝ่ังใน ปรมิ าณมากโดยเฉพาะในเขตพื้นที่อา่ วไทยพืน้ ที่การประมงท่สี าคญั ประกอบไปด้วยแม่นา้ สายต่างๆ ใน ภาคใต้สว่ นใหญเ่ ป็นการประมงน้ากร่อยและนา้ เค็ม แตก่ ม็ แี ม่น้าและอา่ งเกบ็ นา้ เปน็ จานวนมาก ได้แก่ ทะเลสาบสงขลาที่เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่กินพืน้ ท่เี ป็นบริเวณกวา้ ง และเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้าท่ี สาคัญมากมาย แม่น้าชุมพร แม่น้าตาปี แม่น้าสายบุรี แม่น้ากระบุรี แม่น้าปากพนังและอ่างเก็บน้า ต่างๆ อาทิ เขื่อนบางลาง เข่ือนเชี่ยวหลาน เป็นต้น และในส่วนของการประมงน้าเค็มน้ันแบ่งได้เป็น ส่วนของทะเลฝ่ังอ่าวไทยตอนบนได้แก่ จังหวัดชุมพรและสุราษฎร์ธานีและอ่าวไทยตอนล่างได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานีและนราธิวาส ส่วนฝั่งทะเลอันดามันตอนบนได้แก่ จังหวัด ระนอง พงั งา ภูเกต็ และทะเลอนั ดามันตอนลา่ งไดแ้ ก่ จงั หวดั กระบี่ ตรงั และสตูล 5.7 สภาพเศรษฐกจิ สภาวะทางเศรษฐกิจของภาคใต้นั้นเป็นไปในด้านของเศรษฐกิจด้านการเกษตรกรรม อุตสาหกรรมและการท่องเท่ียวปะปนกันอยู่ แม้ว่าลักษณะภูมิประเทศจะไม่กวา้ งขวางเหมอื นภูมภิ าค อน่ื ๆ แต่การจดั สรรพืน้ ทข่ี องภาคใต้และลักษณะการวางยุทธศาสตร์การพฒั นาของภมู ภิ าคนนั้ เอ้ือเฟื้อ ตอ่ สภาวะเศรษฐกิจของภาคใต้เป็นอยา่ งมาก 5.7.1 ลักษณะท่ัวไป ลักษณะทางเศรษฐกิจของภาคใต้ ไม่ได้มีความโดดเด่นทางด้าน เกษตรกรรมแต่กลับไปเน้นหนักทางด้านอุตสาหกรรมและการท่องเท่ียวและการบริการเป็นส่วนใหญ่ ส่วนนี้เป็นส่วนสาคัญท่ีต่อระบบเศรษฐกิจของภาคใต้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของ ท่าเรือน้าลึกตามเมืองสาคัญต่าง ๆ และโดยเฉพาะอยา่ งย่ิงการท่องเท่ียวของภูมิภาคที่มีความโดดเดน่ ทางด้านการท่องเที่ยวและบริการบริเวณชายหาดต่างๆ ทีมีช่ือเสียงของภาคใต้ อาทิ ภูเก็ต กระบี่ สงขลา เป็นต้น 5.7.2 เกษตรกรรม ในภาคใต้มีลักษณะที่เป็นคาบสมุทรมีพ้ืนท่ีจากัดสาหรับการ เกษตรกรรม แต่ตามความเข้าใจภาคใต้ คือ พื้นที่ต้นกาเนิดอุตสาหกรรมยางพาราและพืชน้ามันของ ประเทศไทย จึงอาจสรุปใจความสาคัญได้ว่าภูมิภาคนี้มีความสาคัญต่อพืชเศรษฐกิจเฉพาะท่ีมีความ ต้องการและมีความสัมพันธ์กับระบบภูมิอากาศ โดยที่พืชเศรษฐกิจของภาคใต้ประกอบไปด้วย ข้าว เจา้ มะพร้าว ปาล์มน้ามัน นุ่น ง้ิว ยางพารา เมลด็ กาแฟ โกโก้ เปน็ ต้น
ตาราง 5.8 เนื้อทเี่ พาะปลกู ผลผลติ ทางดา้ นการเกษตรรายจงั หวัด ปี 2558 211 จังหวัด ข้าวนาปี ข้าวนาปรงั ยางพารา ปาล์ม มะพรา้ ว กาแฟ ทเุ รียน มงั คดุ นครศรี- 95,378 2,027 1,494,440 3 65,486 59,926 0 46,189 123,664 ธรรมราช 3,085 1,820 6,328 13,774 กระบี่ 435 0 832,204 958,183 14,614 1,553 43,893 15,082 พังงา 953 0 759,708 175,381 10,015 0 11,157 16,051 146,02 58,521 ภเู กต็ 0 70,482 1,336 4,641 0 2,782 4,641 4 ,096 15,412 สุราษฎรธ์ านี 5,317 0 3,179,017 976,684 170,527 3,176 12,222 7,477 2,735 1,792 ระนอง 0 0 357,324 103,144 6,091 56,959 1,586 1,470 32,984 7,639 ชุมพร 3,963 560 643,780 798,014 113,248 125,711 24,033 24,450 ตรงั 9,124 443 1,908,903 165,837 6,422 0 พัทลุง 90,354 2 6,822 939,957 47,071 5 ,565 0 สงขลา 190,767 28,728 2,132,822 50,124 14,175 0 สตูล 34,099 0 490,281 90,702 3,745 0 ปตั ตานี 13,611 0 297,623 12,154 41,572 0 ยะลา 10,092 0 1,342,659 6,098 6 ,944 0 นราธิวาส 29,561 0 993,133 46,690 37,555 0 ทีม่ า: กรมสง่ เสรมิ การเกษตร (2560) 5,000,000 4,500,000 4,000,000 3,500,000 3,000,000 2,500,000 2,000,000 1,500,000 1,000,000 500,000 0 มงั คุด ทเุ รียน กาแฟ มะพร้าว ขา้ วนาปี ปาล์ม ยางพารา ขา้ วนาปรัง ภาพ 5.13 เนอื้ ทีเ่ พาะปลกู ผลผลติ ทางด้านการเกษตรรายจงั หวัด ปี 2558 ทีม่ า: ดัดแปลงจากข้อมูลกรมสง่ เสริมการเกษตร (2560)
212 5.7.3 ปศุสัตว์ ในภาคใต้การปศุสัตวเ์ ป็นกิจกรรมทางด้านเศรษฐกิจท่ีมีความสาคัญ จะเห็น ได้วา่ ภาคใต้นัน้ มีลักษณะภูมิประเทศที่เป็นคาบสมุทรมีที่ราบค่อนข้างน้อยส่งผลกระทบต่อการทาปศุ สัตว์ขนาดใหญ่ส่งผลให้การทาปศุสัตว์ไม่ได้มีความโดดเด่นเหมือนในภูมิภาคอ่ืนๆ ของประเทศไทย ประกอบกับในหลายๆจังหวัดของภูมิภาคมีวัฒนธรรมอิสลามอยู่ ทาให้ปริมาณของการปศุสัตว์บาง ประเภทมีจานวนท่นี อ้ ยโดยเฉพาะอย่างยิง่ ในสามจังหวดั ชายแดนภาคใต้และพน้ื ที่ใกลเ้ คียง จงั หวดั ท่มี ีการทาปศุสตั ว์มากทส่ี ดุ คือ พทั ลุง จานวนประมาณ 5,803,512 ตวั จังหวัดทม่ี ีการทาปศุสัตวน์ ้อยท่ีสุด คือ ภเู ก็ต จานวนประมาณ 384,233 ตวั ไก่ คือ ประเภทการทาปศุสัตว์ท่ีมีปริมาณมากที่สุด ในภูมิภาคน้ี จานวนประมาณ 26,674,205 ตวั โคนม คือ ประเภทการทาปศุสัตว์ที่มีปริมาณน้อยท่ีสุด ในภูมิภาคน้ี จานวนประมาณ 3,691 ตวั ตาราง 5.9 สถิตกิ ารปศสุ ัตว์ปี 2558 รายจังหวดั ภาคใต้ จงั หวัด โคเนอ้ื โคนม กระบือ สกุ ร ไก่ เป็ด แพะ แกะ นครศรธี รรมราช 126,078 34 17,109 206,555 4,361,859 742,677 20,958 45 กระบ่ี 18,051 46 3,547 25,862 1,024,584 32,926 11,593 42 พังงา 5,397 - 754 32,041 1,088,379 31,904 9,374 104 ภเู กต็ 1,040 - 293 14,157 357,504 9,831 1,346 62 สุราษฎร์ธานี 53,595 244 15,365 97,383 3,221,743 231,237 5,615 2 19 ระนอง 3,080 - 575 13,695 437,664 11,180 4,159 6 ชุมพร 21,777 1,098 15,250 73,333 1,453,251 40,213 3,812 18 ตรงั 45,860 - 759 45,185 2,045,648 41,531 8,564 57 พทั ลงุ 71,608 2,139 4,655 250,333 4,988,607 334,941 14,076 165 สงขลา 99,035 - 15,583 107,356 4,648,114 890,845 41,342 1,237 สตลู 28,006 1 79 7,023 1,196,777 108,092 44,132 572 ปตั ตานี 50,588 - 476 2,371 801,685 338,476 34,571 15,740 ยะลา 37,172 78 202 15,228 626,237 165,255 44,398 2,790 นราธิวาส 54,144 51 761 5,303 422,153 165,394 27,790 940 ทมี่ า: กรมปศสุ ตั ว์ (2560)
213 นราธวิ าส 200,000 400,000 600,000 800,000 1,000,000 1,200,000 ยะลา ปัตตานี สตลู สงขลา พทั ลุง ตรัง ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี ภูเกต็ พังงา กระบ่ี นครศรธี รรมราช 0 โคเนอ้ื สุกร เปด็ ภาพ 5.14 สถติ กิ ารปศุสัตว์ (โคเนอื้ สกุ ร เปด็ ) ปี 2558 รายจังหวดั ภาคใต้ ทม่ี า: ดัดแปลงจากขอ้ มลู กรมปศสุ ัตว์ (2560) นราธวิ าส 10000 20000 30000 40000 50000 60000 70000 ยะลา ปตั ตานี สตลู สงขลา พทั ลุง ตรงั ชมุ พร ระนอง สรุ าษฎร์ธานี ภูเก็ต พังงา กระบ่ี นครศรีธรรมราช 0 โคนม กระบือ แพะ แกะ ภาพ 5.15 สถิติการปศุสัตว์ (โคนม กระบือ แพะ แกะ) ปี 2558 รายจงั หวดั ภาคใต้ ทม่ี า: ดัดแปลงจากข้อมูลกรมปศุสัตว์ (2560)
214 ไก่ นราธิวาส 4,000,000 5,000,000 6,000,000 ยะลา ปตั ตานี สตูล สงขลา พัทลุง ตรงั ชุมพร ระนอง สุราษฎรธ์ านี ภเู ก็ต พงั งา กระบ่ี นครศรีธรรมราช 0 1,000,000 2,000,000 3,000,000 ภาพ 5.16 สถิตกิ ารปศสุ ตั ว์ (ไก)่ ปี 2558 รายจงั หวดั ภาคใต้ ที่มา: ดดั แปลงจากขอ้ มลู กรมปศสุ ัตว์ (2560) 5.7.4 อุตสาหกรรมของภาคใตแ้ ตด่ ั้งเดมิ ของประเทศไทย มชี ื่อเสยี งเป็นอย่างมากเนื่องจาก อุดมสมบรู ณไ์ ปด้วยทรัพยากรแร่ธาตุ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ดบี ุก ท่ีมกี ารลงทนุ ประกอบการอุตสาหกรรม ในช่วงยุคสัมปทานท้ังจากในประเทศและต่างประเทศในปริมาณที่มาก จนเม่ือมาถึงยุคของการ เปลี่ยนแปลงทางด้านอุตสาหกรรมท่ีทาให้ภูมิภาคนี้กลายเป็นศูนย์กลางทางด้านอุตสาหกรรมแร่ธาตุ จากกลมุ่ ประเทศอ่นื ๆ ในภาคใต้มนี ิคมอตุ สาหกรรมหลักๆดังตอ่ ไปน้ี นิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ จงั หวัดสงขลา ต้ังอย่ทู อี่ าเภอหาดใหญ่ จงั หวัดสงขลา มี โรงงานอุตสาหกรรมประมาณ 33 แห่ง มพี ื้นทป่ี ระมาณ 2,247 ไร่ นิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล ต้ังอยู่ที่อาเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี มีพื้นท่ี ประมาณ 993 ไร่ 5.7.5 การคมนาคม ในภาคใต้นั้นมีความหลากหลายเนื่องจากการที่ภาคใต้มีความสาคัญ ทางด้านเศรษฐกิจทั้งระบบการค้า การท่องเที่ยวและบริการแม้ว่าลักษณะภูมิประเทศจะมีความ ยากลาบากในการเข้าถงึ แต่การเดนิ ทางนน้ั ไม่ได้มีความยุ่งยาก ประกอบไปด้วย
215 1. ทางบก เส้นทางการคมนาคมทางบกสายหลักทางตอนใต้ของประเทศไทย คือ ทาง หลวงสายท่ีขึ้นต้นด้วยหมายเลข 4 ถนนเพชรเกษม ตั้งช่ือถนนตามชื่อข้าราชการกรมทางหลวงเพื่อ เป็นเกียรติในการสร้างเส้นทางคมนาคม เร่ิมก่อสร้างในปี 2493 เริ่มต้นบริเวณสะพานเนาวจาเนียร บางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ ภาษีเจริญ บางแค หนองแขม จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดนครปฐม จังหวัด ราชบุรี จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดชุมพร จังหวัดระนอง จังหวัดพังงา จังหวัด กระบ่ี จังหวัดตรัง จังหวัดพัทลุงและ ไปสิ้นสุดที่จุดผ่านแดนถาวรสะเดา อาเภอสะเดา จังหวัดสงขลา รวมความยาวประมาณ 1,274 กิโลเมตร 2. ทางรถไฟ แรกเร่ิมมีจุดเริ่มต้นที่สถานีธนบุรีหรือสถานีบางกอกน้อย ต่อมาในสมัย รัชกาลที่ 6 มีสร้างทางแยกท่ีสถานีชุมทางบางซ่ือข้ามแม่น้าเจ้าพระยาท่ีสะพานพระรามหกไปบรรจบ กับทางรถไฟสายใต้ที่สถานีชุมทางตล่ิงชันผ่านสถานีนครชัยศรี นครปฐม ชุมทางหนองปลาดุก บ้าน โป่ง ราชบุรี เพชรบุรี หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์ โดยที่เส้นทางรถไฟสายใต้ประกอบไปด้วย 2 เส้นหลัก ไดแ้ ก่ เสน้ ทางที่ 1 เร่ิมตน้ ทส่ี ถานีชุมพร ไชยา ชมุ ทางบา้ นทุ่งโพธิ์ สรุ าษฎรธ์ านี ชมุ ทาง ทุ่งสง ชมุ ทางเขาชมุ ทอง พทั ลุง ชมุ ทางหาดใหญ่ (จังหวดั สงขลา) เทพา ปัตตานี (โคกโพธ)์ิ ยะลา กรือ เสาะ ตันหยงมัส (จังหวัดนราธิวาส) สุไหงปาดี สุดสายท่ีสถานีสุไหงโกลก (จังหวัดนราธิวาส) เพ่ือ เชื่อมต่อกับทางรถไฟของประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ รวมระยะทางจากสถานีกรุงเทพฯ - สถานีสุ ไหงโกลก รวมระยะทางประมาณ 1,159 กิโลเมตร เส้นทางท่ี 2 เริ่มต้นที่สถานีชุมทางบ้านทุ่งโพธ์ิจะมีเส้นทางแยกไปสุดสายที่สถานี คีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานีและที่สถานีชุมทางทุ่งสง มีเส้นทางแยกผ่านสถานี ห้วยยอด ตรังและ สุดสายที่สถานีกันตัง สถานีชุมทางเขาชุมทองมีเส้นทางแยกไปสุดสายที่สถานีนครศรีธรรมราชและที่ สถานีชุมทางหาดใหญ่ มีเส้นทางแยกไปสุดสายที่สถานีปาดังเบซาร์เชอ่ื มต่อกับทางรถไฟของประเทศ มาเลเซยี ผา่ นสถานบี ัตเตอร์เวร์ธ (ปีนัง) อโิ ปห์ ราวัง กรุงกวั ลาลัมเปอร์ และสดุ สายท่ปี ระเทศสงิ คโปร์ รวมระยะทางจากสถานกี รงุ เทพ - สถานปี าดงั เบซาร์ รวมระยะทางประมาณ 974 กโิ ลเมตร 3. ทางอากาศ ภาคใตม้ ีท่าอากาศยานทส่ี าคญั หลายแห่งตามจงั หวดั ตา่ งๆ ทง้ั ทา่ อากาศ ยานและท่าอากาศยานนานาชาติ รวมท้งั หมด 11 แหง่ ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ (Hat Yai International airport) ต้ังอยู่ที่อาเภอ คลองหอยโข่ง จงั หวัดสงขลา ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต (Phuket International airport) ต้ังอยู่ท่ีอาเภอถลาง จงั หวดั ภเู ก็ต ท่าอากาศยานนานาชาติสมุย (Samui International airport) ต้ังอยู่ที่อาเภอเกาะ สมุย จงั หวดั สรุ าษฎร์ธานี บรหิ ารงานโดยบรษิ ัท การบนิ กรุงเทพ จากัด
216 ทา่ อากาศยานนานาชาติกระบี่ (Krabi airport) ต้งั อย่ทู อ่ี าเภอเมืองกระบ่ี จังหวดั กระบี่ บรหิ ารงานโดยกรมการขนส่งทางอากาศ ท่าอากาศยานนราธิวาส (Narathiwat airport) ต้ังอยู่ท่ี อาเภอเมืองนราธิวาส จังหวัด นราธวิ าส ทา่ อากาศยานปัตตานี (Pattani airport) ตั้งอยู่ที่ อาเภอหนองจิก จังหวัดปตั ตานี ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช (Nakhon si thammarat airport) ต้ังอยู่ที่ อาเภอ เมืองนครศรีธรรมราข จงั หวดั นครศรธี รรมราช ทา่ อากาศยานระนอง (Ranong airport) ตัง้ อยทู่ ี่ อาเภอเมืองระนอง จงั หวัดระนอง ท่าอากาศยานนานาชาติสุราษฎร์ธานี (Surat Thani International airport) ต้ังอยู่ที่ อาเภอพนุ พนิ จงั หวัดสุราษฎร์ธานี ทา่ อากาศยานตรัง (Trang airport) ต้งั อยู่ที่ อาเภอเมอื งตรงั จังหวัดตรงั ทา่ อากาศยานชุมพร (Chumphon airport) ต้งั อย่ทู ่ี อาเภอปะทิว จงั หวดั ชมุ พร
217 ภาพ 5.17 เส้นทางคมนาคมภาคใต้ ที่มา: ดดั แปลงจากข้อมลู ศูนย์ภมู ภิ าคเทคโนโลยอี วกาศและภมู ิสารสนเทศ (ภาคเหนือ) (2559) 5.7.6 การท่องเท่ียวและบริการ ภาคใต้นั้นมีช่ือเสียงทางด้านการท่องเท่ียวทางทะเล ที่ สามารถระบุได้ตั้งแต่ จังหวัดชุมพรไปจนถึงจังหวัดภูเก็ต โดยเฉพาะอย่างย่ิงชายหาดท่ีเป็นลักษณะ
218 ทางภูมิประเทศท่ีโดดเด่นและมีจุดดึงดูดสาหรับนักท่องเท่ียวจากทุกภาคส่วน อัตราการจ้างงานใน ภาคใต้นี้จึงเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจท่ีสาคัญซ่ึงอาจจะโดดเด่นย่ิงกว่าระบบเศรษฐกิ จหลักคือการ ท่องเที่ยว สาเหตุที่ทาให้เศรษฐกิจประเภทการท่องเที่ยวและบริการน้ันมีความโดดเด่นคือ นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ท่ีเป็นส่วนสาคัญของลักษณะทางเศรษฐกิจประเภทนี้ โดยเฉพาะอย่าง ยง่ิ ธรุ กิจอาหารและบรกิ ารท่ตี อบสนองความต้องการของชาวต่างชาตทิ ้ังในกล่มุ ทีเ่ ข้ามาลงทุนและเข้า มาเพอ่ื การพักผ่อนได้เป็นอย่างดี อัตราการเพ่ิมข้ึนของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาตใิ นภาคใตส้ ว่ นใหญ่นั้น มาจากกระแสสังคมประกอบกับค่าครองชีพที่ไม่สูงมากนัก 5.8 แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติและภาคใต้ ภาคใตไ้ ด้รับอิทธิพลจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในกรณีทีภ่ าคใต้เป็นพื้นที่ เศรษฐกิจท่ีสาคัญของประเทศทั้งการค้าขายและการท่องเท่ียว ภูมิภาคนี้มีลักษณะเป็นคาบสมุทรยื่น เข้าไปในทะเลเป็นพ้ืนท่ีที่มีความเหมาะสมในการพัฒนาด้านต่างๆ ทั้งการท่องเท่ียว การประมง การ บริการรวมไปถงึ การขนส่งทางนา้ แผนพัฒนาจงึ เน้นหนักไปทางการพัฒนาเพ่ือให้ได้มาซึ่งความสาเร็จ และความมน่ั คงของภมู ิภาค มีรายละเอียดดงั นี้ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับท่ี 1 มีการขยายของการเกษตรกรรมเพ่ือ การส่งออก มีการส่งเสริมให้ปลูกพืชเศรษฐกิจท่ีสาคัญ เช่น ยางพาราที่ซ่ึงเร่ิมมีการขยายพ้ืนท่ี เพาะปลกู จากภาคใต้ไปยงั พน้ื ที่อื่นๆ การพัฒนาอตุ สาหกรรมขนั้ พ้ืนฐานที่สาคัญของภาคใต้ อาทิ ดบี ุก ถ่านหินและยิปซั่มซึ่งนาไปสู่พัฒนาการในอุตสาหกรรมระดับท่ีสูงกว่า มีการพัฒนาเส้นทางคมนาคม สายภูมิภาคที่ยังขาดความสมบูรณ์ เช่น ทางห ลวงแผ่นดินหมายเลข 4 (เส้นทางชุมพร- นครศรีธรรมราช) พัฒนาระบบการสาธารณสุขในภาคใต้ และยังมีการจัดต้ังนิคมพัฒนาชายแดนใต้ เพื่อประชาชนท่ีอพยพมาจากเขตพื้นทีน่ า้ ทว่ มจากการสรา้ งเขื่อน แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติฉบับที่ 2 มีการสง่ เสริมการปลกู พชื เศรษฐกิจท่ี สาคัญ อาทิ ข้าว ยางพารา พืชน้ามัน (ปาล์มและมะพร้าว) ศูนย์วิจัยการยางและสถานีวิจัยการยาง เป็นต้น สนับสนุนการต้ังสถานีประมงน้าจืดและชายฝ่ัง มีการเพิ่มปริมาณการผลิตทรัพยากรแร่ธาตุ ทางเศรษฐกิจ เช่น ดีบุก วุลแฟรม ตะก่ัว แมงกานีส ยิปซ่ัมและลิกไนต์ ปรับปรุงเส้นทางเดิ นเรือ ภายในประเทศโดยการสร้างท่าเรือชายทะเลภาคใต้ (ท่าเรือสงขลา ระนอง ชุมพร กระบ่ี ปากพนัง และสุราษฎร์ธานี) การขุดลอกท่าเรือกันตัง สงขลา ปัตตานี ปากพนัง สุราษฎร์ธานี นราธิวาสและ ภูเก็ต วางแผนการสร้างสนามบินตามมาตรฐานสากล เช่น สนามบินหาดใหญ่ พัฒนาระบบพลังงาน เครื่องกาเนิดไฟฟ้าพลังไอน้าจากถ่านหิน จังหวัดกระบี่ ก่อต้ังมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์เพื่อขยาย ระบบการศกึ ษาและสร้างโรงพยาบาลสงขลา เพือ่ เปน็ ศูนย์การพยาบาลหลกั ของภาคใต้
219 แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับท่ี 3 เพ่ิมระบบสาธารณูปโภคข้ันพ้ืนฐาน ประเภทน้าสะอาดที่หาได้ยาก ไฟฟ้าและน้าประปา สนับสนุนอุตสาหกรรมด้านสินแร่ ยางรถยนต์ น้ามนั ปิโตรเลียมใหม้ ีจานวนมากข้ึน แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับท่ี 4 มีการออกเอกสารสิทธ์ิ นส. 3 เพื่อ แก้ไขปัญหากรรมสิทธ์ิที่ดินในภาคใต้ ส่งเสริมการปลูกพืชเศรษฐกิจชนิดใหม่ เช่น ปาล์มน้ามันที่ สามารถเก็บเก่ียวผลผลิตได้รวดเร็วและมีค่าตอบแทนสูง ส่งเสริมการท่องเที่ยวท้ังภายในภูมิภาคและ ระหว่างประเทศในกลุ่มเอเชียอาคเนย์ ได้แก่ ประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ ในส่วนของการพัฒนา ระบบเมืองภาคใต้ฝั่งตะวันออกกาหนดให้สงขลาและหาดใหญ่เป็นเมืองหลักส่วนภาคใต้ฝั่งตะวันตก กาหนดให้ภูเก็ตเป็นเมืองหลักเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและการคมนาคมรวมถึงมีการป้องกัน ปัญหาคอมมวิ นสิ ต์และยาเสพตดิ ระบาดทางแนวรอยต่อชายแดน แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับท่ี 5 มีการกาหนดพืชเศรษฐกิจของ ประเทศข้นึ ใหม่ โดยทีภ่ าคใต้มยี างพาราเป็นพชื เศรษฐกิจหลักและยังมีการปรบั ปรุงโครงสรา้ งของการ ผลิตก๊าซธรรมชาติ การแก้ไขปัญหาความยากจนในเขตพื้นท่ีล้าหลังได้แก่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ให้มี การยกระดับในด้านการผลติ และกระจายการผลติ นอกจากเพื่อความมั่นคงแล้วยังเพ่ือแก้ปัญหาความ ขัดแยง้ ในสังคมดว้ ย แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 6 พัฒนาพื้นที่ภาคใต้ตอนบนและพน้ื ที่ ทะเลสาบสงขลา เพ่ือเป็นศูนย์กลางความเจริญและเมืองหลักแห่งใหม่ในการที่จะเชื่อมต่อกับ กรุงเทพฯ และปริมณฑลได้ง่าย รวมไปถึงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในท้องถิ่นเพื่อการว่าจ้างแรงใน พ้ืนถิ่นนนั้ ด้วย แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 7 มีการพัฒนาพ้ืนที่เมืองเพื่อเชื่อมโยง เข้ากับภูมิภาคอื่นๆของประเทศไทยและยังเช่อื มโยงไปยงั ภมู ิภาคเพื่อนบา้ นของประเทศไทย ในฐานะ ท่เี ปน็ ศูนยก์ ลางของการขนสง่ และศูนยก์ ลางของการคมนาคม แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและภาคใต้ฉบับที่ 8 พัฒนาพื้นที่อนุภาคและ พื้นท่ีชายแดนท่ีมีศักยภาพในการเป็นประตูการค้ากับประเทศเพ่ือนบ้านและนานาชาติ ได้แก่ พ้ืนท่ี ความรว่ มมือภายใตเ้ ขตเศรษฐกิจ 3 ฝ่าย ไดแ้ ก่ ไทย – อินโดนิเซยี - มาเลเซีย แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติฉบบั ที่ 9 ให้ความสาคัญกับกระแสโลกาภวิ ตั น์ และเศรษฐกิจพอเพียงดังนั้น จึงมีการพัฒนาภาคใต้เพื่อเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยว รวมไปถึง ธุรกิจภาคบริการ และยังมีการพัฒนาสู่การเป็นประตูเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงภูมิภาคและประเทศเพ่ือน บ้านผ่านทางการคมนาคมทางบก ทางน้าทางอากาศและทางระบบการส่ือสารและโทรคมนาคม แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับท่ี 10 เน้นทางด้านเทคโนโลยีที่จะทาการ สร้างความโดดเด่นเชิงพนื้ ที่ ทั้งในด้านการท่องเที่ยว มูลคา่ เพิ่มทางสินทรัพย์ทางปัญญา แต่ยังคงไว้ซึ่ง แกนหลักคือ การพฒั นาประชากรและหลกั การเศรษฐกจิ พอเพียง
220 แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับท่ี 11 พัฒนาระบบสาธารณสุขให้มีความ ครอบคลุมการเข้าถึงมากที่สุด เช่น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบล โรงพยาบาลมะเร็ง เป็นต้น พัฒนาการลงทุนจังหวัดชายแดนเพ่ือสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและสังคมในพื้นท่ีจังหวัดสาคัญที่ ตดิ กบั ประเทศเพื่อนบา้ น เชน่ สงขลา ยะลา นราธวิ าส เปน็ ตน้ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับท่ี 12 พัฒนากรอบความร่วมมือเขต เศรษฐกจิ 3 ฝา่ ยที่ประกอบไปด้วย ประเทศไทย มาเลเซยี และอินโดนเิ ซียในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจ ให้ก้าวหน้าและมีการติดต่อกันอย่างสะดวกข้ึนและยังมุ่งเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาสามจังหวัด ชายแดนภาคใต้ท่ีเป็นปัญหาเร้ือรังและมีการสูญเสยี เจ้าหนา้ ที่ของรฐั ไปเปน็ จานวนมาก มกี ารวางแผน โครงการรถไฟความเร็วสูงสายหัวหิน-ปาดังเบซาร์ แนวคิดการพัฒนาภูมิภาคท่ีสาคัญ คือ ให้มีความ หลายหลายทางดา้ นเศรษฐกิจ เช่น การทอ่ งเที่ยว อุตสาหกรรม เป็นตน้ 5.9 บทสรปุ ภาคใต้ตงั้ อยู่ระหว่างละตจิ ูดท่ี 5 องศา 35 ลิปดา ถึง 12 องศา 37 ลิปดาเหนือและลองจจิ ูด ท่ี 98 องศา 14 ลปิ ดา ถงึ 102 องศา 05 ลิปดาตะวนั ออก ภาคใต้มีลักษณะภูมิประเทศแตกต่างกับภาคอื่นๆในประเทศไทยอย่างชัดเจน คือเป็น คาบสมุทรที่ขนาบไปด้วยพ้ืนน้าท้ังสองด้าน ตอนกลางของภูมิภาคนั้นเป็นเทือกเขาสูง และค่อยๆลาด เทลงไปเรื่อยๆจนถึงชายทะเล ลักษณะภูมิประเทศของภาคใต้สามารถจาแนกออกได้เป็น 2 พ้ืนที่ คือ ภาคใต้ฝั่งตะวันตกและภาคใต้ฝั่งตะวันออก ซึ่งมีความแตกต่างกันในเชิงพ้ืนท่ีกล่าวคือ ภาคใต้ฝ่ัง ตะวันออกจะมพี ื้นที่ราบลุม่ ชายฝ่ังทะเลมากกวา่ ฝั่งตะวนั ตกทเ่ี ปน็ พนื้ ทช่ี ายเวา้ แหว่งและมีพ้ืนทีส่ ูงชนั ลักษณะภูมิอากาศของภาคใต้ส่วนมากนั้นชุกไปด้วยปริมาณฝน ระดับอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ท่ี ประมาณ 25- 30 องศาเซลเซียส ลกั ษณะอากาศร้อนชน้ื ตามลักษณะทว่ั ไปของพื้นที่ใกลเ้ สน้ ศูนย์สูตร ฤดูกาลของภาคใต้พบเพยี งฤดรู ้อนและฤดูฝนเทา่ นั้น ประชากรในภาคใต้น้ันมีชาวไทยท่ีหลากหลายเช้ือสาย โดยหลักๆ คือ ชาวไทยเช้ือสาย มลายู ชาวป่าพ้ืนเมืองและชาวเล เป็นต้น ความหลากหลายทางชาติพันธุ์เหล่านี้ทาให้ภูมิภาคน้ีมี ลักษณะของประชากรท่ีหลากหลาย ลักษณะเช่นน้ีแสดงออกมาในลักษณะทางด้านพ้ืนท่ีของแต่ละ เผ่าพันธ์ุ อาทิ กลุ่มซาไกอยู่ในพ้ืนท่ีภาคพื้นดิน กลุ่มมอแกลนอยู่ในพื้นที่ภาคพ้ืนน้า เป็นต้น ในส่วน ของอัตราการอพยพย้ายถิ่นมีค่อนข้างน้อยเน่ืองจากอัตราของการย้ายถิ่นของประชากรในภาคใต้ มักจะขึ้นอยู่กับปัจจัยทางด้านรายได้และสังคมวัฒนธรรม ในปัจจุบันกลุ่มประชากรของภาคใต้ให้ ความสาคัญกับครอบครัวและระบบเศรษฐกิจในท้องถ่ินมากกกว่าการออกไปจ้างแรงงานในต่างพ้ืนท่ี เนอื่ งจากระบบสงั คมและวฒั นธรรมได้รับความสนใจเปน็ อย่างมากจากระบบการท่องเทย่ี วและบริการ
221 ทรัพยากรธรรมชาติของภาคใต้นั้นให้ความสาคัญกับแร่ธาตุท่ีเป็นทรัพยากรท่ีสาคัญของ ประเทศ กล่าวคือ ดีบุก เป็นทรัพยากรท่ีมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงและเป็นรายได้ท่ีสาคัญของประเทศ ทง้ั ในอดตี และปจั จุบันการสัมปทานเหมืองแร่ของภาคใตเ้ ปรยี บเสมือนการลงทุนที่มีความน่าเช่ือถือสูง ที่สุดเช่นเดียวกับการสัมปทานป่าไม้ในภาคเหนือ นอกจากนี้ภาคใต้ยังมีทรัพยากรการท่องเที่ยวที่เป็น สิ่งสาคัญ อาทิ พ้ืนที่ชายฝั่ง พ้ืนที่เชิงเขา พ้ืนที่ยอดเขาและพ้ืนท่ีต้นน้าลาธาร เป็นต้น ทรัพยากรการ ท่องเท่ียวของภาคใต้ คือ ทรัพยากรที่สามารถดึงดูดนักท่องเท่ียวได้เป็นอันดับต้นๆ ของโลกและ สามารถทารายได้ให้กับประเทศไทยไดเ้ ป็นอันดับหน่ึงด้วยลกั ษณะเชิงภมู ทิ ัศน์และวัฒนธรรม ระบบเศรษฐกิจของภาคใต้นั้น สามารถจาแนกได้เป็น 3 ประเภท คือ ระบบเกษตรกรรม ระบบอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวและบริการ ทั้งสามระบบมีความสัมพันธ์กันเน่ืองจากการเข้ามา ของการท่องเท่ียวจะสามารถเช่ือมโยงถึงระบบการเข้าถึงสินค้าทางด้านเกษตรกรรมและผลิตภัณฑ์ ทางดา้ นอตุ สาหกรรมได้เชน่ กัน ภาคใต้เป็นภูมิภาคหน่ึงท่ีแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติส่งผลกระทบให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงต้ังแต่ในอดีตมาจนถึงปัจจุบัน ภาคใต้เป็นภูมิภาคที่ประเทศไทยให้ความสาคัญเน่ืองจาก เป็นพื้นที่ท่ีมีความสาคัญทางด้านระบบการขนส่งสินค้าไม่ต่างจากภาคตะวันออก ท่าเรือน้าลึกของ ภาคใต้ทั้งจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดสงขลานั้นเป็นสถานีที่มีความสาคัญสาหรับระบบเศรษฐกิจของ ประเทศไทยท่ีไดร้ ับการพัฒนาจากแผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ 5.10 แบบฝกึ หัดทา้ ยบท ตอนท่ี 1 จงอธิบายอย่างละเอียด 1. ลักษณะภูมิประเทศของภาคใต้เป็นอย่างไร ส่งผลต่อลักษณะภูมิอากาศของภาคใต้ อย่างไร 2. จงอธบิ ายความแตกต่างของชายฝั่งทะเลภาคใตฝ้ ั่งตะวันออกและฝัง่ ตะวันตกในประเด็น ทางดา้ นภูมิลกั ษณ์ 3. วัฒนธรรมทางด้านอาหารของภาคใต้เป็นอย่างไรและเพราะเหตุใดจึงมีความแตกต่าง จากภูมภิ าคอ่นื ๆ 4. กิจกรรมทางเศรษฐกิจของภาคใต้ฝั่งตะวันตก คืออะไร และเพราะสาเหตุใดจึงเป็น เช่นน้นั 5. ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้เป็นปัญหาท่ีเกิดจากแนวคิดด้านใดและมีสาเหตุมาจาก อะไร แนวทางในการแกไ้ ขควรใช้วิธใี ดเพื่อความเหมาะสม
222 ตอนที่ 2 จงเตมิ ข้อความให้สมบรู ณ์
223 บทท่ี 6 ภมู ิศาสตร์ประเทศไทยภาคตะวนั ออก ภาคตะวันออกของประเทศไทยเป็นภูมิภาคท่ีมีความพิเศษในหลายๆปัจจัย ดังจะเห็นได้ จากลักษณะภูมิประเทศที่เป็นทั้งเทือกเขา ท่ีราบและชายฝ่ัง ภูมิอากาศที่รู้จักกันว่า “ฝนแปดแดดสี่” หากพจิ ารณาภมู ิภาคน้ตี ามประวตั ิศาสตร์ ในยุคปลายกรุงศรีอยธุ ยา พระยากาแพงเพชร (พระเจา้ ตาก สินมหาราช) ภาคตะวันออกเป็นพื้นที่ท่ีรู้จักกันในเร่ืองความอุดมสมบูรณ์ทางด้านทรัพยากรเหมาะสม แก่การตั้งคา่ ยทพั ในปจั จบุ นั ชอื่ เสียงของภาคตะวันออกรู้จกั กันมีช่ือเสียงในเรอื่ ง ผลไม้ ทรัพยากรและ วัฒนธรรม เปน็ ต้น 6.1 ทตี่ ั้ง ตาแหน่งที่ต้ังของภาคตะวันออกอยู่ระหวา่ งละติจูดที่ 11 องศา 38 ลิปดา ถึง 14 องศา 27 ลปิ ดาเหนือและลองจจิ ดู ที่ 100 องศา 50 ลิปดา ถงึ 102 องศา 54 ลปิ ดาตะวนั ออก โดยทางทิศเหนือ ติดกับจังหวัดนครราชสีมาและบุรีรัมย์ทิศตะวันตกติดต่อกับจังหวัดนครนายก สมุทรปราการและ กรุงเทพมหานคร ทางทิศตะวันออกติดกับราชอาณาจักรกัมพูชาและทางทิศใต้ตดิ ต่อกับอ่าวไทย ตาม ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของภาคตะวันออกน้ันมีความคล้ายคลึงกับภาคใต้เนื่องจากมีอาณ าเขตติดต่อ กับทะเลคล้ายกัน จึงส่งผลให้มีความคล้ายคลึงกันทางด้านภูมิอากาศและสภาวะความเป็นอยู่ของ ประชากร 6.2 ขอบเขต ภาคตะวันออกมีพ้ืนท่ีโดยประมาณ 34,380 ตารางกิโลเมตร ตามการแบ่งภาคทาง ภูมิศาสตร์น้ันสามารถจาแนกภาคตะวันออกได้ 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดจันทบุรี ชลบุรี ตราด ระยอง ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว โดยจังหวัดที่มีขนาดใหญ่ท่ีสุด คือ จังหวัดสระแก้วซ่ึงมีพื้นท่ีรวม ประมาณ 7,195,436.7 ตารางกิโลเมตรและจังหวัดท่ีเล็กที่สุดคือ จังหวัดตราดมีพ้ืนท่ีรวมประมาณ 2,819 ตารางกิโลเมตร
224 ภาพ 6.1 ขอบเขตจงั หวัดในภาคตะวนั ออก ทม่ี า: ดัดแปลงจากขอ้ มลู ศนู ย์ภมู ภิ าคเทคโนโลยอี วกาศและภูมสิ ารสนเทศ (ภาคเหนือ) (2559)
225 6.3 ลักษณะภมู ิประเทศ ภูมิประเทศของภาคตะวันออกท่ีสาคัญน้ันมีลักษณะเป็นท่ีราบขนาดใหญ่ทางตอนเหนือ ภูมิภาค เรียกว่า “ทร่ี าบฉนวนไทย” บริเวณตอนกลางเป็นเขตเทอื กเขาสงู แต่ในตอนล่างนนั้ กลับพบว่า เปน็ ลักษณะภูมิประเทศแบบชายฝ่ังทะเล ภาคตะวันออกจึงถือได้เปน็ ภูมิประเทศที่มคี วามหลายหลาย ทางด้านกายภาพสูงที่สุดในประเทศไทย ภาคตะวันออกนั้นมีความหลากหลายทางด้านภูมิประเทศ ภาคตะวันออกจึงมีความน่าสนใจในการศึกษาในเชิงต่างๆมากมาย เช่น ภูมิประเทศ ภูมิสัณฐาน เป็น ตน้ 6.3.1 ลักษณะโดยท่ัวไป พ้ืนท่ีภาคตะวันออกส่วนมากสามารถจาแนกออกได้เป็น 2 ลักษณะ คือ เทือกเขาสูง ประกอบไปด้วย เทือกเขาจันทบุรีและเทือกเขาบรรทัดและที่ราบลุ่มแม่น้า ต่างๆ อาทิ แมน่ า้ บางปะกง แมน่ า้ จนั ทบุรี แมน่ า้ เวฬุ แม่นา้ ประแสร์และแมน่ ้าเมืองตราด 6.3.2 เทือกเขา ในภาคตะวันออกมีเทือกเขาที่สาคัญท้ังในทางภูมิประเทศและภูมิอากาศ ในทางภูมิประเทศน้ันเทือกเขาเหล่านี้ท้ังเป็นแนวพรมแดนธรรมชาติระหว่างประเทศ ในทาง ภูมิอากาศน้นั เปน็ แนวกน้ั ลมฟ้าอากาศท่ีพัดผา่ นเข้ามาในภูมภิ าคน้ี เทือกเขาจันทบุรี เป็นเทือกเขาขนาดใหญ่สาคัญของภาคตะวันออกมีจุดเริ่มต้นมาจาก บริเวณพ้ืนท่ีภูเขาบ่อชมพู อาเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี ไปสุดปลายเทือกเขาที่บริเวณเขาตะแบงใหญ่ จังหวัดจันทบุรี เป็นพ้ืนท่ีรอยต่อระหว่างจังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราดและเป็นพรมแดนประเทศ ไทยและประเทศกัมพูชา ความยาวของเทือกเขาน้ันรวมประมาณ 281 กิโลเมตร ยอดเขาท่ีสาคัญ ไดแ้ ก่ เขาสอยดาวเหนือระดบั ความสูงจากระดบั น้าทะเล 1,556 เมตร และเขาสอยดาวใต้ระดับความ สูงจากระดับน้าทะเล 1,670 เมตร เป็นยอดเขาที่สูงท่ีสุด ต้ังอยู่ในเขตอาเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี เป็นพืน้ ท่ตี ้นนา้ ลาธารหลายสาย อาทิ แม่นา้ ระยอง แม่นา้ ประแสร์ แมน่ า้ เวฬุและแม่น้าเมืองตราด เทือกเขาบรรทัด มีความสาคัญต่อประเทศไทยเป็นอย่างมากเนื่องจากเป็นแนว พรมแดนธรรมชาตริ ะหวา่ งประเทศไทยและประเทศกัมพชู า เป็นจุดทีม่ คี วามสาคัญทางประวัติศาสตร์ ในยุคช่วงวิกฤติการณ์เขมรแดง ชาวกัมพูชาจานวนมากอพยพเข้ามายังประเทศไทยผ่านทางเทือกเขา บรรทัดเปน็ จานวนมาก จดุ เร่ิมต้นมาจากบรเิ วณพ้ืนที่เขาตะแบงใหญ่ ระดบั ความสูงจากระดับนา้ ทะเล 914 เมตร ทางตอนเหนือของจังหวัดตราด ไปบรรจบกับเทือกเขาจันทบุรีและทอดตัวยาวไปจนถึง แหลมสารพดั พิษ บริเวณอาเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด
226 ภาพ 6.2 ลกั ษณะภมู ิประเทศภาคตะวันออก ท่มี า: ดดั แปลงจากขอ้ มลู ศูนย์ภูมิภาคเทคโนโลยีอวกาศและภูมสิ ารสนเทศ (ภาคเหนือ) (2559)
227 6.3.3 แม่น้าและแหล่งน้า แม่น้าในภาคตะวันออกเป็นแม่น้าสายส้ันๆ ที่มีต้นกาเนิดจาก เทือกเขาท่ีสาคัญ คือ เทือกเขาจันทบุรีและเทือกเขาบรรทัด แม่น้าสายต่างๆ เหล่านี้ มีความสาคัญ มากมายท้งั ในด้านการเกษตรกรรม การคมนาคมรวมไปถึงระบบอุตสาหกรรม แม่น้าบางปะกง มีต้นกาเนิดมาจากแม่น้านครนายกและแม่น้าปราจีนบุรี เทือกเขาสัน กาแพง ไหลมาบรรจบกนั ทีต่ าบลบางแตน อาเภอบา้ นสรา้ ง จงั หวดั ปราจนี บุรี เรียกว่าแมน่ ้าปราจนี บุรี เมื่อไหลผา่ นจังหวัดฉะเชิงเทราเรียกวา่ แม่น้าบางปะกงหรอื แมน่ ้าแปดร้ิว ไหลลงอา่ วไทยบรเิ วณตาบล ทา่ ข้าม อาเภอบางปะกง จงั หวัดฉะเชงิ เทรา ความยาวรวมประมาณ 122 กโิ ลเมตร แม่น้าประแสร์ อีกชื่อเรียกคือ แม่น้าแกลง ต้นกาเนิดมาจากเขาชะเมา เทือกเขา จันทบุรี พ้ืนที่บริเวณอาเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี ไหลผ่านจังหวัดระยองและไหลลงส่ทู ะเล บริเวณ อาเภอแกลง จังหวดั ระยอง ความยาวรวมประมาณ 26 กิโลเมตร แม่น้าระยอง หรือ คลองบ้านค่าย แหล่งกาเนิดจากเขาเรือแตกในเทือกเขาจันทบุรี บรเิ วณจงั หวดั ชลบรุ ี ไหลผา่ นจังหวดั ระยอง ลงส่ทู ะเลบริเวณอาเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง ความ ยาวรวมประมาณ 60 กโิ ลเมตร แม่น้าจันทบุรี แหล่งกาเนิดจากเขาสอยดาว เทือกเขาจันทบุรี บริเวณอาเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี ไหลผ่านจังหวัดจันทบุรี ลงสู่ทะเลบริเวณอาเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี ความยาว รวมประมาณ 100 กิโลเมตร แมน่ า้ เวฬุ เป็นแมน่ า้ สายสน้ั ๆ มแี หลง่ กาเนดิ จากเขาสระบาป เทือกเขาจันทบุรี บรเิ วณ อาเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี ไหลลงสู่ทะเลบริเวณอาเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี ความยาวรวมประมาณ 50 กโิ ลเมตร แม่น้าเมืองตราด หรือแม่น้าคลองใหญ่ แหล่งกาเนิดจากเขาชอุ่ม เทือกเขาบรรทัด บริเวณอาเภอเขาสมิง จังหวัดตราด ไหลลงสู่ทะเลบริเวณอาเภอเมืองตราด จังหวัดตราด ความยาว รวมประมาณ 49 กโิ ลเมตร 6.3.4 ลักษณะภูมิประเทศเฉพาะ คือ ลักษณะภูมิประเทศท่ีมีความจาเพาะเจาะจงซึ่งจะ แสดงรูปร่างหรือลักษณะออกมาตามโครงสร้างธรณีพ้ืนฐาน พื้นท่ีภาคตะวันออกส่วนใหญ่เป็นที่ราบ ดอนและราบลุ่ม (upland and swamp) ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 2 เขต คือ ที่ราบลุ่มบางปะกงและท่ี ราบฉนวนไทย (กวี วรกวิน, 2556: 29-32) ท่ีราบลุ่มบางปะกง เป็นท่ีราบท่ีตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของภูมิภาค มีแม่น้าบางปะกงเป็น แม่น้าสายหลักขนาดใหญ่ไหลผ่านท่ีราบลุ่มน้ี เป็นแหล่งเศรษฐกิจขนาดใหญ่ท่ีสาคัญและมีความอุดม สมบูรณข์ องภูมภิ าค ทง้ั ในด้านเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม ท่ีราบฉนวนไทย เป็นท่ีราบที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของภูมิภาค เนื่องจากมีความห่างไกล จากทะเลและเทือกเขาขนาดใหญ่ขวางก้ันทิศทางลมทาให้พื้นที่ราบฉนวนไทยนั้นเป็นพื้นท่ีเงาฝนที่
228 แห้งแล้งและอับฝนแต่ก็ยังมีความสาคัญในด้านกิจกรรมปศุสัตว์มาก ที่ราบฉนวนไทยยังเป็นท้ังพื้นที่ ยุทธศาสตรแ์ ละแนวพรมแดนระหว่างประเทศไทยและประเทศกัมพูชา ชายฝ่ังและเกาะ (shoreline and islands) มีลักษณะและรูปร่างคล้ายคลึงกับชายฝ่ัง และเกาะในภาคใต้ มีความสาคัญทางด้านธุรกิจหลายภาคส่วน สามารถจาแนกชายฝ่ังและเกาะ ได้ เปน็ หลายส่วน อาทิ ชายฝั่งหาดทราย แหลมและอ่าว มีลักษณะภูมิประเทศ คือ ลักษณะของมุขหรือแหลม ทยี่ ื่นเขา้ ไปในทะเล ประกอบไปด้วย แหลมแทน่ แหลมฉบัง แหลมเขาพระและแหลมเทียน จงึ เรียกว่า “ชายฝ่ังจัตุรมุข” เร่ิมตั้งแต่อาเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรีไปจนถึงอาเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี มี ระยะทางรวม 140 กโิ ลเมตร ชายฝ่ังลาดชัน มีลักษณะภูมิประเทศ คือ ชายฝั่งลาดชัน น้าลึกสลับตื้น เหมาะสาหรับ พัฒนาเป็นท่าเรือน้าลึกเพ่ือการอุตสาหกรรม เรียกว่า “ชายฝ่ังอุตสาหะ” เริ่มต้ังแต่อาเภอสัตหีบ จงั หวดั ชลบุรี ไปจนถงึ อาเภอ แกลง จงั หวัดระยอง มรี ะยะทางรวม 120 กิโลเมตร ชายฝ่ังเว้าแหว่ง ลักษณะภูมิประเทศ คือ เป็นชายฝั่งเว้าแหว่ง มีชายหาดโคลนและ ตะกอนที่สะสมบริเวณปากแม่น้าสายต่างๆ ในภูมิภาค ปัจจัยเหล่าน้ีนี้ส่งผลให้ในพ้ืนท่ีมีความอุดม สมบูรณส์ งู ในทาการประมงน้ากร่อยและน้าเคม็ โดยเฉพาะในดา้ นการอนบุ าลสัตวน์ ้ารมิ ชายฝ่ังและใน พ้ืนที่ป่าชายเลน ชายฝั่งบริเวณเรียกได้ว่า “ชายฝ่ังฉ่าวารี” เร่ิมต้นต้ังแต่อาเภอแกลง จังหวัดระยอง ผา่ นจังหวดั จนั ทบรุ ไี ปจนถงึ จงั หวัดตราด กลุ่มเกาะในอ่าวไทย เกาะขนาดใหญ่มากมายในอ่าวไทยของภาคตะวันออก ได้แก่ เกาะช้างเป็นเกาะขนาดใหญ่อันดับสองของประเทศไทย เกาะสีชัง เกาะกูด เกาะล้านและเกาะขนาด เลก็ อีกเป็นจานวนมาก
229 ภาพ 6.3 ลุ่มน้าหลกั ภาคตะวนั ออก ท่ีมา: ดัดแปลงจากขอ้ มูลศูนย์ภมู ภิ าคเทคโนโลยอี วกาศและภมู ิสารสนเทศ (ภาคเหนอื ) (2559)
230 6.4 ลกั ษณะภูมอิ ากาศ ภูมิอากาศ หมายถึง สภาพอากาศของทวีป ประเทศ เมือง หรือท้องถ่ินแห่งใดแห่งหนึ่ง ในชว่ งระยะเวลาใดเวลาหนึ่งและต้องเป็นลักษณะอากาศทมี่ ีระยะเวลาพอสมควรทจี่ ะสามารถใช้แทน สภาพอากาศได้ โดยมีองค์ประกอบต่างๆ ได้แก่ อุณหภูมิ ความชื้น ความกดอากาศ ความเร็วลม เมฆ รวมถงึ ปรมิ าณหยาดน้าฟา้ ดว้ ย 6.4.1 ลักษณะทั่วไป ภาคตะวันออกมีลักษณะภมู ิประเทศท่ีหลากหลายทงั้ เทือกเขาสูงและ แนวชายฝ่ังทะเลทาให้ภาคตะวันออกมีลักษณะภูมิอากาศที่คล้ายคลึงกับภาคตะวันตกและภาคใต้ กล่าวคือ มีอากาศเย็นและหมอกหนาบริเวณยอดเขาและมีฝนตกชุกท้ังภูมิภาคทาให้อากาศร้อนชื้น ตลอดทัง้ ปบี รเิ วณพนื้ ราบชายฝง่ั 6.4.2 ปัจจัยท่ีส่งผลต่อลักษณะอากาศของภาคตะวันออก มีหลากหลายปัจจัยแต่สาเหตุ หลกั ๆท่ีทาใหล้ กั ษณะภูมิอากาศนน้ั มีความแตกตา่ งกันประกอบไปดว้ ย 1. ละติจูด ของภาคตะวันออกนั้นได้มีผลส่วนหน่ึงต่อภูมิอากาศ ภาคตะวันออกตั้งอยู่ ใกล้กบั เสน้ ศนู ยส์ ูตรลักษณะภูมอิ ากาศจะลกั ษณะรอ้ นชน้ื อบอ้าว ในทุกฤดูกาล 2. ลักษณะภูมิประเทศ เทือกเขาสูงทางตอนบนของภูมิภาค ที่ราบลุ่มทางตอนกลาง และตะวนั ตก และทรี่ าบชายฝ่ังมีผลให้ลักษณะของภาคตะวนั ออกมีความแตกต่างกนั เช่นพื้นทีบ่ ริเวณ ที่ราบฉนวนไทยอยู่ตอนในภูมิภาคจะเป็นเขตเงาฝนตรงข้ามกับบริเวณที่ราบและชายฝั่งท่ีฝนตกหนัก ไปจนถงึ ชกุ 3. ส่งิ แวดลอ้ มและพฤติกรรมมนุษย์ เป็นปจั จยั หน่งึ ท่ีมผี ลกระทบตอ่ ลักษณะภมู ิอากาศ แม้จะเป็นเฉพาะในช่วงเวลาไม่นานมากนักก็ตาม กิจกรรมทางเศรษฐกิจของมนุษย์ในภาคตะวันออก ประเภท การคมนาคมขนส่งมีความสัมพันธ์กับอุตสาหกรรมที่มีมากในภาคตะวันออก นิคม อุตสาหกรรมขนาดใหญ่มากมายกระจายตัวกันอยู่ตามเส้นทางคมนาคม ความร้อนที่แผ่มาจาก ยานพาหนะและโรงงานอุตสาหกรรมสง่ ผลกระทบสว่ นหน่งึ ตอ่ ระบบภมู ิอากาศ 4. ระยะห่างจากทะเล ภาคตะวันออกมีด้านหนึ่งติดกับทะเล ทาให้เกิดคาว่า “ฝนแปด แดดสี่” กล่าวความหมายคือ มีฝนตกชุกมาก เน่ืองมาจากอิทธิพลของลมทะเลร่วมกับลมมรสุม ตะวันออกเฉียงใต้ ความชื้นท่ีลมพัดพาเข้ามายังผืนแผ่นดินนั้นเพิ่มปริมาณฝนและความช้ืนในแผ่นดนิ เป็นจานวนมาก ลักษณะเชน่ นี้ส่งผลกระทบในทางดตี อ่ ระบบเกษตรกรรมเป็นอย่างมาก 6.4.3 เขตภูมิอากาศ คือ ระบบการจัดหมวดหมู่หรือจาแนกพ้ืนท่ีท่ีมีลักษณะอากาศท่ีมี เอกลักษณ์เฉพาะ ตามหลักการมักจะปัจจัยทางด้านภูมิอากาศที่สาคัญเป็นเกณฑ์ อาทิ อุณหภูมิและ ความช้ืน เป็นต้น เขตอากาศจะช่วยให้การจาแนกลักษณะภูมิอากาศน้ันมีความเหมาะสมและเป็น สัดสว่ นมากยิ่งข้นึ เขตภมู อิ ากาศในภาคตะวนั ออกแบง่ ออกเป็น (กวี วรกวนิ , 2556: 102-104)
231 1. ร้อนช้ืนศูนย์สูตร – ชื้นตลอดปี ฝนตกหนักในฤดูร้อน คือ พ้ืนที่ท่ีมีฝนชุกตลอดทั้งปี ราว 8 - 11 เดือนเนื่องจากได้รับผลกระทบจากลมมรสุมตะวนั ตกเฉียงใต้และเป็นแนวปะทะด้านหน้า เขาของทั้งเทือกเขาสอยดาวและเทือกเขาบรรทัด ทาให้เป็นพื้นท่ีที่มีปริมาณฝนมากที่สุดในประเทศ ไทยแห่งหน่ึง พ้ืนที่ที่อยู่ในเขตอากาศนี้ ได้แก่ พื้นที่แนวชายฝ่ังทะเลและหมู่เกาะในอ่าวไทย ต้ังแต่ อาเภอแกลง จังหวัดระยอง จังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด โดยพื้นที่ท่ีสามารถวัดค่าปริมาณน้าฝน สูงสดุ คอื อาเภอคลองใหญ่ จังหวดั ตราด 2. รอ้ นชื้นมรสมุ - ชืน้ มาก ฝนตกหนกั คอื พ้นื ที่ท่ีเปน็ เขตรับลมมรสุมตะวนั ตกเฉียงใต้ ทาให้มีฝนตกหนักในฤดูฝน ปริมาณฝนค่อนข้างมาก ได้แก่ พ้ืนที่ด้านหน้าเขาของเทือกเขาสันกาแพง บริเวณจังหวดั ปราจีนบุรแี ละสว่ นหนงึ่ ของจงั หวดั นครนายก 3. ร้อนชื้นมรสุม - ชื้นมาก ฝนตกปานกลาง คือ พ้ืนท่ีส่วนใหญ่ของภาคตะวันออก ปริมาณฝนค่อนข้างมาก ครอบคลุมพ้ืนที่เป็นบริเวณกว้างของภูมิภาค ได้แก่ จังหวัดระยอง จังหวัด ชลบุรี จงั หวัดฉะเชงิ เทรา จังหวัดปราจีนบรุ ีและจงั หวดั สระแกว้ 4. ร้อนชื้นมรสุม - ชื้นมาก แห้งแล้งและเย็นแบบภูเขา คือ พ้ืนท่ีแนวเทือกเขาสาคัญ ของภาคตะวันออกมีอากาศเย็นเนื่องมาจากระดับความสูงของเทือกเขา ความช้ืนในอากาศมีมาก ไดแ้ ก่พนื้ ทีบ่ รเิ วณเทือกเขาสอยดาวและเทือกเขาสันกาแพง 5. ร้อนชื้นมรสุม-ชื้นปานกลาง ฝนตกน้อย คือ พื้นท่ีที่มีฝนตกปานกลางและมีปริมาณ น้าฝนเฉลี่ยมาก ได้แก่ พ้ืนท่ีบริเวณปากแม่น้าบางปะกงบริเวณแนวรอยต่อของจังหวัดฉะเชิงเทรากับ จงั หวดั ชลบรุ ี 6.4.4 อุณหภูมิ คือ การวัดค่าเฉล่ียของสสารว่าจะร้อนหรือเย็น โดยทั่วไปแล้วใน ชีวิตประจาวันเราจะวัดค่าของอุณหภูมิตามสถานที่ใดท่ีหน่ึงเพื่อเป็นเกณฑ์ในการอ้างอิงหรือเพื่อเก็บ รวบรวมเพ่ือนาไปศึกษาวิเคราะห์ สามารถวัดระดับอุณหภูมิได้จาก เครื่องมือวัดที่เรียกว่า “เทอร์โมมิเตอร์” (Thermometer) อุณหภูมิเฉลี่ยของภาคตะวันออกอยู่ท่ีประมาณ 27 - 28 องศา เซลเซียส แสดงถึงว่าภาคตะวันออกมีอากาศร้อนคล้ายคลึงกับภาคใต้เนื่องจากมีลักษณะภูมิอากาศท่ี คล้ายกันหลายส่วน รวมถึงในบางพ้ืนท่ีของภูมิภาคท่ีเป็นพื้นท่ีเงาฝนก็ทาให้อุณหภูมิในพ้ืนที่น้ันๆสูง กวา่ บรเิ วณอ่ืนๆได้ จังหวัดท่ีมีอุณหภูมิเฉล่ียสูงที่สุดของภาคตะวันออก คือ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และ ปราจนี บรุ ี เฉลย่ี ประมาณ 29.75 องศาเซลเซยี ส จังหวัดที่มีอุณหภูมิเฉลี่ยต่าท่ีสุดของภาคตะวันออก คือ ตราด เฉลี่ยประมาณ 28.42 องศาเซลเซยี ส เดือนท่ีมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงที่สุดของภาคตะวันออก คือ เมษายน เฉล่ียประมาณ 31.57 องศาเซลเซียส
232 เดือนท่ีมีอุณหภูมิเฉล่ียต่าท่ีสุดของภาคตะวันออก คือ ธันวาคม เฉล่ียประมาณ 27.29 องศาเซลเซียส ตาราง 6.1 สถิติอณุ หภูมเิ ฉลี่ยรายจังหวดั ภาคตะวันออกปี 2559-2560 จงั หวดั / มี.ค. เม.ย. พ.ค. ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. เดือน ชลบุรี 31 32 32 30 30 30 29 29 29 28 28 29 ฉะเชงิ เทรา 31 32 32 30 30 30 29 29 29 28 28 29 ระยอง 29 31 31 29 28 29 28 28 29 27 27 27 สระแก้ว 31 33 32 30 29 29 29 29 28 26 27 27 จันทบุรี 29 30 30 29 28 29 28 28 29 27 28 28 ปราจนี บุรี 31 33 32 30 29 30 29 29 29 28 28 29 ตราด 29 30 30 28 28 29 28 28 28 27 28 28 ทม่ี า: TWC Product and Technology LLC (2017)
233 ภาพ 6.4 สถิติอณุ หภูมิเฉล่ียรายจงั หวดั ภาคตะวันออกปี 2560-2561 ที่มา: ดดั แปลงจากขอ้ มูลศูนย์ภมู ิภาคเทคโนโลยอี วกาศและภูมิสารสนเทศ (ภาคเหนอื ) (2559) ดัดแปลงจากข้อมลู TWC Product and Technology LLC (2017)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387