พระราชบัญญัติ คุ้มครองพันธ์ุพืช พ.ศ. ๒๕๔๒ สานักคุ้มครองพันธ์ุพืช กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เจตนารมณ์ของกฎหมาย :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญตั ิฉบับน้ี คือ โดยที่เป็นการสมควรส่งเสริม ให้มีการปรับปรุงพันธ์ุและพัฒนาพันธ์ุพืช เพ่ือให้มพี ันธ์พุ ืชใหมเ่ พม่ิ เตมิ จากทม่ี ีอยู่เดมิ อันเป็นการส่งเสริมการพัฒนา ทางด้านเกษตรกรรม โดยการส่งเสริมและสร้างแรงจูงใจด้วยการให้สิทธิ และความค้มุ ครองตามกฎหมาย ตลอดจนเพอ่ื เป็นการอนรุ ักษแ์ ละพฒั นา การใชป้ ระโยชนพ์ ันธพ์ุ ืชพน้ื เมืองเฉพาะถิ่น พันธ์พุ ืชพื้นเมอื งท่ัวไป และพนั ธ์พุ ชื ป่า เพื่อใหช้ มุ ชนมีส่วนรว่ มในการดแู ล บารงุ รักษา และใช้ประโยชนพ์ นั ธ์พุ ชื อยา่ งยั่งยนื จึงจาเป็นต้องตราพระราชบญั ญตั นิ ้ี
สารบัญ พระราชบัญญัติคุ้มครองพันธ์ุพืช พ.ศ. ๒๕๔๒ ๑ หมวด ๑ คณะกรรมการคุ้มครองพันธ์ุพืช ๔ หมวด ๒ พันธ์ุพืช ๗ หมวด ๓ การคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ ๘ หมวด ๔ การคุ้มครองพันธุ์พืชพ้ืนเมืองเฉพาะถ่ิน ๒๑ หมวด ๕ การคุ้มครองพันธุ์พืชพื้นเมืองทั่วไปและพันธุ์พืชป่า ๒๔ หมวด ๖ กองทุนคุ้มครองพันธ์ุพืช ๒๕ หมวด ๗ การคุ้มครองสิทธิของผู้ทรงสิทธิในพันธ์ุพืช ๒๘ หมวด ๘ บทกาหนดโทษ ๒๙ อัตราค่าธรรมเนียม ๓๑
๑ ถ พระราชบัญญัติ คุ้มครองพันธ์ุพืช พ.ศ. ๒๕๔๒ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันท่ี ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๒ เป็นปีท่ี ๕๔ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรม ราชโองการโปรดเกล้าฯ ใหป้ ระกาศว่า โดยท่เี ป็นการสมควรใหม้ ีกฎหมายวา่ ดว้ ยการคุ้มครองพันธ์ุพืช พระราชบัญญัติน้ี มีบทบัญญัติบางประการเก่ียวกับการจากัดสิทธิ และเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๘ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทาได้โดยอาศัยอานาจ ตามบทบญั ญัตแิ หง่ กฎหมาย จงึ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ใหต้ ราพระราชบัญญัตขิ ึ้นไว้ โดยคาแนะนา และยินยอมของรัฐสภา ดงั ต่อไปนี้
๒ มาตรา ๑ พระราชบัญญัตนิ ้ี เรียกว่า “พระราชบัญญัติคุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ. ๒๕๔๒” มาตรา ๒ พระราชบัญญัตนิ ี้ ให้ใชบ้ ังคบั ตงั้ แต่วันถดั จากวันประกาศ ในราชกิจจานเุ บกษา เปน็ ต้นไป มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัตินี้ “พืช” หมายความว่า สงิ่ มีชีวติ ในอาณาจักรพชื และใหห้ มายความรวมถึง เห็ดและสาหร่าย แต่ไมร่ วมถึงจลุ ชีพอน่ื “พันธ์พุ ืช” หมายความวา่ กลุ่มของพชื ทม่ี พี ันธกุ รรมและลกั ษณะ ทางพฤกษศาสตร์ เหมือนหรือคล้ายคลงึ กัน มีคณุ สมบตั เิ ฉพาะตัวท่ีสม่าเสมอ คงตัว และแตกตา่ งจากกลมุ่ อืน่ ในพชื ชนิดเดยี วกัน และใหห้ มายความรวมถงึ ต้นพืชทจ่ี ะขยายพันธุ์ให้ได้กลุ่มของพืชทม่ี ีคุณสมบัตดิ งั กล่าวข้างต้น “พนั ธพ์ุ ืชพ้ืนเมืองเฉพาะถิ่น” หมายความว่า พันธ์ุพืชท่ีมอี ย่เู ฉพาะ ในชุมชนใดชมุ ชนหนึ่งภายในราชอาณาจักร และไมเ่ คยจดทะเบียนเปน็ พนั ธ์ุพชื ใหม่ ซง่ึ ได้จดทะเบยี นเปน็ พนั ธุ์พืชพนื้ เมืองเฉพาะถ่ินตามพระราชบัญญัตนิ ี้ “พนั ธพุ์ ืชปา่ ” หมายความวา่ พันธ์พุ ชื ทมี่ ี หรอื เคยมีอยู่ในประเทศ ตามสภาพธรรมชาติ และยังมิได้นามาใชเ้ พาะปลูกอยา่ งแพร่หลาย “พันธ์ุพืชพ้ืนเมืองท่ัวไป” หมายความว่า พันธุ์พืชท่ีกาเนิดภายในประเทศ หรือมอี ยู่ในประเทศ ซ่ึงได้มกี ารใชป้ ระโยชนอ์ ย่างแพร่หลาย และให้หมายความรวมถึง พนั ธุพ์ ชื ทไ่ี ม่ใชพ่ ันธุ์พืชใหม่ พันธพ์ุ ืชพน้ื เมืองเฉพาะถ่ิน หรือพนั ธพุ์ ชื ป่า “สารพันธุกรรม” หมายความว่า สารเคมที ่ที าหนา้ ท่ีกาหนดลกั ษณะ เฉพาะของสงิ่ มีชีวิต โดยสามารถเป็นตน้ แบบในการจาลองตนเอง และถ่ายทอด ไปยงั รุ่นต่อไปได้
๓ “การตัดต่อสารพันธุกรรม” หมายความว่า กระบวนการในการนา สารพันธุกรรมที่มีต้นกาเนิดจากสิ่งท่ีมีชีวิต ทั้งท่ีเป็นสารพันธุกรรมธรรมชาติ สารพันธกุ รรมที่ดัดแปลงจากธรรมชาติ หรอื สารพันธุกรรมทสี่ งั เคราะหข์ ้นึ ถ่ายเขา้ ไปรวมหรอื รว่ มอยา่ งถาวร กับสารพันธุกรรมเดิมของพืช ทาใหม้ ีลักษณะ ทไ่ี ม่เคยปรากฏมาก่อนตามธรรมชาติ “สภาพทางพันธุกรรม” หมายความว่า องค์ประกอบโดยรวม ของข้อมูลพันธุกรรมที่กาหนดการแสดงออก ซงึ่ ลกั ษณะตา่ งๆ ของสิ่งมีชีวติ รว่ มกับสภาพแวดล้อม “สว่ นขยายพันธ์ุ” หมายความวา่ พชื หรอื สว่ นหนง่ึ สว่ นใดของพชื ท่สี ามารถทาใหเ้ กิดพืชตน้ ใหม่ได้ โดยวธิ ปี กตทิ างเกษตรกรรม “นกั ปรับปรุงพันธ์ุพืช” หมายความว่า ผู้ซง่ึ ทาการปรับปรุงพันธ์ุ หรือพัฒนาพนั ธ์ุ จนได้พันธ์ุพืชใหม่ “ชมุ ชน” หมายความว่า กล่มุ ของประชาชนทตี่ ั้งถน่ิ ฐาน และสบื ทอด ระบบวัฒนธรรมรว่ มกนั มาโดยตอ่ เนือ่ ง และไดข้ น้ึ ทะเบียนตามพระราชบัญญัตินี้ “คณะกรรมการ” หมายความวา่ คณะกรรมการคุม้ ครองพนั ธ์ุพืช “พนกั งานเจา้ หน้าที่\" หมายความวา่ ผู้ซ่งึ รฐั มนตรีประกาศแตง่ ตัง้ ให้ปฏบิ ัติการตามพระราชบญั ญัตนิ ี้ “อธบิ ดี” หมายความว่า อธบิ ดีกรมวิชาการเกษตร “รฐั มนตรี” หมายความวา่ รัฐมนตรีผูร้ ักษาการตามพระราชบญั ญตั ินี้
๔ มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รักษาการ ตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอานาจแต่งต้ังพนักงานเจ้าหน้าที่ กับออก กฎกระทรวงกาหนดค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราท้ายพระราชบัญญัติน้ี และ กาหนดกจิ การอนื่ และออกประกาศเพื่อปฏิบตั ิการตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี กฎกระทรวงและประกาศนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ใหใ้ ชบ้ งั คบั ได้ หมวด ๑ คณะกรรมการคมุ้ ครองพันธุ์พชื ------------------------------ มาตรา ๕ ใหม้ คี ณะกรรมการคุม้ ครองพันธ์ุพืช ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานกรรมการ เลขาธิการ คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค อธบิ ดีกรมการค้าภายใน อธิบดีกรมทรัพย์สิน ทางปัญญา อธิบดีกรมประมง อธิบดีกรมป่าไม้ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ผู้อานวยการศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ ผู้อานวยการ สถาบันการแพทย์แผนไทย ผู้อานวยการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ และ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งต้ังสิบสองคน ในจานวนน้ีจะต้อง แต่งต้ังจากเกษตรกรหกคน นักวิชาการด้านปรับปรุงพันธ์ุพืชจากสถาบัน การศึกษาหน่ึงคน นักวิชาการด้านอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติจากสถาบัน การศึกษาหน่ึงคน ผู้แทนองค์การพัฒนาเอกชนท่ีไม่แสวงหากาไรท่ีมีกิจกรรม เกี่ยวกับการเกษตรและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติสองคน ผู้แทนสมาคม ท่ีมีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการปรับปรุงพันธ์ุและขยายพันธ์ุพืช หรือเกี่ยวกับ เมล็ดพันธ์พุ ืชสองคนเป็นกรรมการ และอธบิ ดีกรมวิชาการเกษตร เป็นกรรมการ และเลขานุการ
๕ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซ่ึงเป็นเกษตรกร ต้องเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ ดา้ นการอนรุ กั ษพ์ ฒั นาหรอื ใช้ประโยชน์จากพนั ธุพ์ ชื โดยให้คดั เลอื กจากการเสนอช่ือ ของกลุ่ม ชมรม สมาคม กลุ่มเกษตรกร หรือสหกรณ์การเกษตร ของทุกภูมิภาค โดยต้องมีกรรมการจากภูมิภาคละอย่างนอ้ ยหน่งึ คน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากองค์การพัฒนาเอกชนที่ไม่แสวงหากาไร ที่มีกิจกรรมเก่ียวกับการเกษตรและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติตามวรรคหน่ึง ใหค้ ัดเลอื กจากรายชอ่ื ทเี่ สนอโดยองคก์ ารพฒั นาเอกชนดงั กลา่ ว การคัดเลือกกรรมการผูท้ รงคุณวฒุ ิ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑแ์ ละวิธีการ ท่ีกาหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๖ ใหค้ ณะกรรมการมอี านาจหน้าที่ ดงั ตอ่ ไปนี้ (๑) เสนอแนะรัฐมนตรีในการออกกฎกระทรวงและประกาศ ตามพระราชบญั ญตั ินี้ (๒) พิจารณา วนิ ิจฉยั อทุ ธรณ์คาสั่งของอธิบดีตามมาตรา ๒๕ และ มาตรา ๒๖ (๓) ให้ความเหน็ หรือคาแนะนาแก่รฐั มนตรเี กีย่ วกบั การปฏบิ ตั ิการ ตามพระราชบญั ญัตนิ ้ี (๔) วางระเบยี บเก่ียวกับการศึกษา ทดลอง วิจัย และปรับปรงุ หรอื พัฒนาพันธ์ุพชื จากพันธ์พุ ืชพ้ืนเมอื งเฉพาะถ่นิ พนั ธุ์พชื พ้นื เมอื งทว่ั ไป และ พนั ธพุ์ ชื ป่า หรอื ส่วนหนึง่ สว่ นใดของพนั ธพุ์ ชื ดงั กลา่ ว (๕) วางระเบยี บเกยี่ วกับการบริหารกองทนุ ค้มุ ครองพันธพ์ุ ชื (๖) กาหนดหลกั เกณฑ์และวิธกี ารในการใหบ้ าเหน็จพิเศษแกล่ ูกจ้าง หรือเจ้าหน้าท่ขี องรัฐ ซ่ึงปรบั ปรงุ พันธุ์พชื ใหม่ใหแ้ กห่ น่วยงานตน้ สงั กดั (๗) กาหนดหน่วยงานหรอื สถาบนั ให้มีอานาจหน้าทีต่ รวจสอบ ประเมินผลกระทบด้านความปลอดภยั ทางชวี ภาพและสิง่ แวดล้อม (๘) ปฏบิ ตั กิ ารอื่นตามที่กฎหมายบัญญัติให้เปน็ หน้าที่ของคณะกรรมการ
๖ มาตรา ๗ กรรมการผูท้ รงคุณวฒุ ิมีวาระการดารงตาแหน่งคราวละสองปี กรรมการซึ่งพ้นจากตาแหน่ง อาจได้รับการแต่งต้ังอีกได้ แต่จะดารง ตาแหนง่ เกนิ สองวาระตดิ ต่อกนั ไม่ได้ มาตรา ๘ นอกจากการพ้นจากตาแหน่งตามวาระตามมาตรา ๗ กรรมการผทู้ รงคุณวฒุ ิพ้นจากตาแหน่ง เมื่อ (๑) ตาย (๒) ลาออก (๓) เปน็ บคุ คลล้มละลาย (๔) เป็นคนไร้ความสามารถ หรอื คนเสมือนไร้ความสามารถ (๕) ไดร้ บั โทษจาคุก โดยคาพิพากษาถงึ ที่สดุ ใหจ้ าคุก เว้นแต่เป็นโทษ สาหรับความผิดที่กระทาโดยประมาท หรือความผดิ ลหโุ ทษ ในกรณีท่ี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตาแหน่งก่อนวาระ ให้ คณะรัฐมนตรีแต่งต้ังบุคคล ซ่ึงได้รับการคัดเลือกตามมาตรา ๕ เป็นกรรมการแทน เว้นแต่วาระการดารงตาแหน่งของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เหลือไม่ถึงเก้าสิบวัน จะไม่แต่งต้ังก็ได้ และให้ผู้ได้รับแต่งตั้งให้ดารงตาแหน่งแทน อยู่ในตาแหน่ง เท่ากบั วาระทีเ่ หลอื อยูข่ องผูซ้ ่ึงตนแทน มาตรา ๙ การประชุมของคณะกรรมการ ต้องมีกรรมการมาประชุม ไม่นอ้ ยกวา่ กึ่งหนง่ึ ของจานวนกรรมการทั้งหมด จึงจะเปน็ องค์ประชุม ถ้าประธานกรรมการไม่อยู่ในท่ีประชุม หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าท่ีได้ ให้กรรมการซงึ่ มาประชมุ เลอื กกรรมการคนหนง่ึ ข้ึนทาหน้าท่แี ทน การวินิจฉัยชี้ขาดของท่ีประชมุ ให้ถือเสยี งข้างมาก กรรมการคนหนึ่ง มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในท่ีประชุม ออกเสยี งเพม่ิ ขึ้นอีกเสยี งหนึง่ เป็นเสียงช้ขี าด
๗ ในกรณีท่ี กรรมการเป็นผู้มีส่วนได้เสีย ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม ในเรื่องใด ห้ามมใิ หก้ รรมการผู้นน้ั เข้าร่วมประชมุ มาตรา ๑๐ ในการปฏิบัติหน้าทต่ี ามพระราชบัญญตั ิน้ี คณะกรรมการ มอี านาจแต่งต้ังคณะอนุกรรมการ เพ่ือปฏิบตั ิการตามที่คณะกรรมการมอบหมายได้ คณะอนุกรรมการตามวรรคหน่ึง มีอานาจหน้าท่ีตามทีค่ ณะกรรมการ มอบหมาย ให้นามาตรา ๙ มาใชบ้ งั คับแกก่ ารประชมุ ของคณะอนุกรรมการ โดยอนุโลม หมวด ๒ พันธุ์พืช ------------------------------ มาตรา ๑๑ พันธุ์พชื ตามพระราชบัญญตั ิน้ี ต้องประกอบด้วยลักษณะ ดังต่อไปนี้ (๑) มีความสม่าเสมอของลักษณะประจาพันธุ์ทางด้านสัณฐานวิทยา สรีรวิทยา หรือคุณสมบัติอ่ืน ท่ีเป็นผลเน่ืองจากการแสดงออกของสภาพทาง พนั ธกุ รรมทจี่ าเพาะตอ่ พันธพ์ุ ชื นน้ั (๒) มีความคงตัวของลักษณะประจาพันธ์ุ ท่ีสามารถแสดงลักษณะ ประจาพันธุ์ได้ในทุกครั้งของการผลิตส่วนขยายพันธุ์พืชนั้น เมื่อขยายพันธ์ุด้วย วธิ ที ว่ั ไปสาหรับพชื นนั้ (๓) มีลักษณะประจาพันธ์ุแตกต่างจากพันธ์ุอื่นอย่างเด่นชัดทาง สณั ฐานวิทยา สรีรวิทยา หรือมีคุณสมบัติอย่างหนึ่งอยา่ งใด ซึ่งเป็นผลเนื่องจาก การแสดงออกของสภาพทางพนั ธกุ รรมท่แี ตกต่างจากพนั ธุ์พชื อน่ื ลักษณะของพันธ์ุพชื ตาม (๑) ไม่ใชบ้ ังคับกับพนั ธุ์พืชปา่
๘ หมวด ๓ การค้มุ ครองพันธ์ุพืชใหม่ ------------------------------ มาตรา ๑๒ พันธพ์ุ ืชท่จี ะขอจดทะเบยี นพันธุพ์ ชื ใหม่ ตามพระราชบัญญตั นิ ้ี ตอ้ งมีองค์ประกอบ ดังต่อไปน้ี (๑) เป็นพันธุ์พชื ท่ีไม่มกี ารนาสว่ นขยายพนั ธมุ์ าใช้ประโยชน์ ไมว่ า่ จะเปน็ การขายหรือจาหน่ายด้วยประการใด ทง้ั ในหรือนอกราชอาณาจักร โดยนกั ปรับปรุงพันธ์ุ หรือด้วยความยินยอมของนักปรับปรุงพันธุ์ เกินกว่าหนึ่งปี ก่อนวันย่ืนขอ จดทะเบยี น (๒) มคี วามแตกต่างจากพันธุ์พืชอื่นท่ีปรากฏอยู่ในวันยื่นขอจดทะเบียน โดยความแตกต่างน้ัน เกี่ยวข้องกับลักษณะท่ีเป็นประโยชน์ต่อการเพาะปลูก การบริโภค เภสัชกรรม การผลิต หรือการแปรรูป และให้หมายความรวมถึง มคี วามแตกต่างจากพันธุพ์ ืช ดังตอ่ ไปนี้ดว้ ย (ก) พันธุ์พชื ท่ีไดร้ ับการจดทะเบยี นคุ้มครองไว้แลว้ ไมว่ ่าในหรอื นอก ราชอาณาจักร ก่อนวนั ยน่ื ขอจดทะเบียน (ข) พันธุ์พืชท่ีมีการยื่นขอจดทะเบียนในราชอาณาจักรไว้แล้ว และไดร้ บั การจดทะเบยี นในเวลาตอ่ มา มาตรา ๑๓ พันธ์ุพืชใหม่ท่ีมีผลกระทบอย่างรุนแรงในทางตรงหรือ ทางอ้อมต่อส่ิงแวดล้อม สุขภาพ หรือสวัสดิภาพของประชาชน ห้ามมิให้ จดทะเบยี นตามพระราชบัญญตั นิ ้ี พันธุ์พืชใหม่ที่ได้จากการตัดต่อสารพันธุกรรม จะจดทะเบียนพันธุ์พืช ใหมไ่ ด้ ต่อเม่ือผา่ นการประเมินผลกระทบทางด้านความปลอดภยั ต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพ หรือสวัสดิภาพของประชาชน จากกรมวิชาการเกษตร หรือหน่วยงาน
๙ หรือสถาบันอื่น ท่ีคณะกรรมการกาหนด ตามหลักเกณฑ์และวิธีการท่ีกาหนด ในกฎกระทรวง มาตรา ๑๔ ใหร้ ัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการมีอานาจ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา กาหนดพืชชนิดใด ให้เป็นพันธุ์พืชใหม่ที่จะได้รับ การคุม้ ครอง และพืชชนิดใดท่มี คี วามสาคัญตอ่ ความม่นั คงของประเทศ มาตรา ๑๕ ผขู้ อจดทะเบียนพันธุ์พืชใหม่ ต้องเป็นนักปรับปรุงพนั ธุ์พืช และมีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหน่ึง ดังตอ่ ไปนี้ (๑) มีสัญชาติไทย หรือเป็นนิติบุคคลท่ีมีสานักงานใหญ่ตั้งอยู่ใน ประเทศไทย (๒) มีสัญชาติของประเทศที่ยินยอมให้บุคคลสัญชาติไทยหรือนิติบุคคล ที่มีสานักงานใหญ่ต้ังอยใู่ นประเทศไทย ขอรบั การคมุ้ ครองในประเทศน้ันได้ (๓) มีสัญชาติของประเทศที่เป็นภาคีแห่งอนุสัญญาหรือความตกลง ระหวา่ งประเทศเกย่ี วกบั การคมุ้ ครองพันธุ์พืชที่ประเทศไทยเปน็ ภาคีอย่ดู ว้ ย (๔) มภี มู ลิ าเนา หรอื ประกอบอตุ สาหกรรม หรือพาณิชยกรรมอยา่ งจรงิ จัง ในประเทศไทย หรือประเทศที่เปน็ ภาคีแห่งอนุสญั ญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ เก่ยี วกับการคุม้ ครองพนั ธุ์พืชท่ปี ระเทศไทยเปน็ ภาคอี ยูด่ ว้ ย มาตรา ๑๖ สิทธิขอรับความคุ้มครองพันธ์ุพืชใหม่ สาหรับการปรับปรุง พันธุ์พชื ซงึ่ ลกู จ้างหรือผูร้ บั จา้ งได้กระทาขน้ึ โดยการทางานตามสัญญาจ้าง หรือ โดยสัญญาจ้างท่ีมีวัตถุประสงค์ให้ทาการปรับปรุงพันธุ์พืชใหม่ ย่อมตกเป็นของ นายจ้างหรือผู้ว่าจ้าง แล้วแต่กรณี เว้นแต่สัญญาจ้างระบุไว้เป็นอย่างอ่ืน ทั้งนี้ ในการจดทะเบียนพันธ์ุพืชใหม่ นายจ้างหรือผู้ว่าจ้างต้องมีคุณสมบัติตาม (๑) (๒) (๓) หรอื (๔) ของมาตรา ๑๕ ด้วย
๑๐ สิทธิขอรับความคุ้มครองพันธ์ุพืชใหม่ สาหรับการปรับปรุงพันธุ์พืช ซ่ึงเจ้าหน้าที่ของรัฐได้กระทาการตามหน้าที่ ตกเป็นของหน่วยงานของรัฐต้นสังกัด ของเจ้าหน้าทีผ่ นู้ ั้น ถ้านายจ้าง ผู้ว่าจ้าง หรือหน่วยงานของรัฐต้นสังกัดของเจ้าหน้าท่ีของรัฐ ได้รบั ผลประโยชน์จากการปรับปรุงพนั ธุ์พชื ใหม่ ใหล้ กู จ้าง ผรู้ ับจา้ ง หรอื เจา้ หนา้ ที่ ของรัฐผู้น้ัน ได้รับบาเหน็จพิเศษนอกเหนือจากค่าจ้างหรือเงินเดือนตามปกติ แลว้ แตก่ รณี การได้รับบาเหน็จพิเศษตามวรรคสาม ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และ วธิ ีการทคี่ ณะกรรมการกาหนด มาตรา ๑๗ ถา้ มีบุคคลหลายคนทาการปรับปรุงพันธุ์หรือทาการพัฒนา พนั ธุพ์ ืชใหม่ร่วมกนั บุคคลเหลา่ นัน้ มสี ิทธิขอจดทะเบียนพนั ธพุ์ ชื ใหม่รว่ มกัน ในกรณีท่ีนักปรับปรุงพันธ์ุพืชร่วมรายใด ไม่ยอมร่วมขอจดทะเบียน หรือติดตอ่ ไม่ได้ หรือขาดคุณสมบัติตามมาตรา ๑๕ นักปรบั ปรุงพันธ์ุพืชร่วมรายอ่ืน จะขอจดทะเบยี นสาหรับพันธพ์ุ ืชใหม่ทไี่ ดท้ าร่วมกนั น้นั ในนามของตนเองกไ็ ด้ นักปรับปรุงพันธุ์พืชร่วม ซึ่งไม่ได้ร่วมขอจดทะเบียน จะขอเข้าเป็น ผรู้ ่วมขอจดทะเบียนเม่ือใดก็ได้ ก่อนมีการออกหนังสือสาคัญแสดงการจดทะเบียน พันธ์ุพืชใหม่ เม่ือได้รับคาขอแล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง วา่ ผู้ร่วมขอจดทะเบียนมีสิทธิขอจดทะเบียนหรือไม่ ในการน้ี ให้พนกั งานเจ้าหน้าท่ี แ จ้ ง ก า ห น ด วั น ต ร ว จ ส อ บ แ ล ะ ส่ ง ส า เ น า ค า ข อ ไ ป ยั ง ผู้ ข อ จ ด ท ะ เ บี ย น แ ล ะ ผรู้ ว่ มขอจดทะเบียนดว้ ย ในการตรวจสอบตามวรรคสาม พนักงานเจ้าหน้าที่จะเรยี กผู้ขอจดทะเบยี น และผู้ร่วมขอจดทะเบียน มาให้ถ้อยคา ชี้แจง หรือให้ส่งเอกสารหลักฐาน เพื่อประกอบการพิจารณาก็ได้ เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ดาเนินการตรวจสอบแล้ว ให้เสนอความเห็นต่ออธิบดี เม่ืออธิบดีได้วินิจฉัยแล้ว ให้แจ้งคาวินิจฉัยไปยัง ผู้ขอจดทะเบียนและผูร้ ่วมขอจดทะเบียน
๑๑ มาตรา ๑๘ ในกรณีที่นักปรับปรุงพันธุ์พืชหลายราย ต่างทาการ ปรับปรุงพันธุ์หรือพัฒนาพันธุ์พืชใหม่ ที่เป็นพันธุ์พืชเดียวกัน โดยมิได้ร่วมกัน ให้ผซู้ ึง่ ยื่นคาขอจดทะเบียนพันธ์ุพชื ใหมไ่ วก้ อ่ น เป็นผู้มสี ทิ ธิดีกว่า ถ้าการขอจดทะเบยี นพันธุ์พืชใหม่ตามวรรคหนึ่ง ได้กระทาในวันเดียวกัน ให้ผู้ยื่นคาขอตกลงกันว่าจะให้ผู้ใดมีสิทธิแต่ผู้เดียว หรือให้มีสิทธิร่วมกัน ถ้าตกลงกันไม่ได้ภายในเวลาที่อธิบดีกาหนด ให้คู่กรณีนาคดีไปสู่ศาล ภายใน กาหนดเก้าสิบวัน นับแต่วันส้ินระยะเวลาท่ีอธิบดีกาหนด ถ้าไม่นาคดีไปสู่ศาล ภายในกาหนดเวลาดังกล่าว ให้ถือว่าบุคคลเหล่าน้ัน ละท้ิงคาขอจดทะเบียน พนั ธ์ุพชื ใหม่ มาตรา ๑๙ การขอจดทะเบียนพันธ์ุพืชใหม่ ใหเ้ ป็นไปตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่กาหนดในกฎกระทรวง คาขอจดทะเบยี นตอ้ งมีรายการ ดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) ชื่อพันธ์ุพืชใหม่ และรายละเอียดที่เป็นลักษณะสาคัญของ พนั ธพ์ุ ชื ใหม่ (๒) ช่ือนักปรับปรุงพันธุ์พืชซ่ึงมีส่วนร่วมในการปรับปรุงพันธุ์หรือ พฒั นาพันธุ์พชื ใหม่ (๓) รายละเอียดแสดงท่ีมาของพันธุ์พืชใหม่ หรือสารพันธุกรรมท่ีใช้ ในการปรบั ปรุงพันธุห์ รอื พฒั นาพนั ธุพ์ ชื ใหม่ ตลอดจนกรรมวิธใี นการปรบั ปรุงพันธพ์ุ ชื โดยต้องมีรายละเอยี ดท่ีทาใหส้ ามารถเข้าใจกรรมวธิ ดี งั กลา่ วไดอ้ ย่างชัดเจน (๔) คารับรองว่าจะส่งมอบส่วนขยายพันธุ์ของพันธุ์พืชใหม่ที่ขอ จดทะเบียน และสารพันธุกรรมที่ใช้ในการปรับปรุงพันธุ์หรือพัฒนาพันธุ์พืชใหม่ ตาม (๓) ให้แก่พนักงานเจ้าหน้าท่ี เพื่อทาการตรวจสอบตามเวลาที่พนักงานเจ้าหน้าที่ กาหนด
๑๒ (๕) ขอ้ ตกลงแบ่งปนั ผลประโยชน์ ในกรณีที่มีการใช้พนั ธพุ์ ชื พื้นเมอื งทั่วไป หรือพันธุ์พืชป่าหรือส่วนหน่ึงส่วนใดของพันธ์ุพืชดังกล่าวในการปรับปรุงพันธ์ุ สาหรบั ใชป้ ระโยชนใ์ นทางการค้า (๖) รายการอ่ืนตามท่กี าหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๒๐ ผู้ซ่ึงได้ยื่นคาขอจดทะเบียนพันธุ์พืชใหม่ไว้นอก ราชอาณาจักร ถ้ายื่นคาขอจดทะเบียนพันธุ์พืชใหม่นั้นในราชอาณาจักรภายใน หนึ่งปีนับแต่วันที่ได้ย่ืนคาขอจดทะเบียนนอกราชอาณาจักรเป็นครั้งแรก ผู้นั้นจะขอใหร้ ะบุว่าวันท่ีได้ยื่นคาขอจดทะเบียนพันธ์ุพชื ใหม่นอกราชอาณาจักร เป็นครั้งแรกเป็นวันท่ีได้ยื่นคาขอจดทะเบียนพันธุ์พืชใหม่ในราชอาณาจักรก็ได้ หากประเทศท่ีขอจดทะเบียนเป็นครั้งแรกและผู้ขอจดทะเบียนมีสัญชาติของ ประเทศท่ใี หส้ ทิ ธิทานองเดยี วกนั แก่บคุ คลสญั ชาติไทย พนักงานเจ้าหน้าท่ีอาจสั่งให้ผู้ย่ืนคาขอตามวรรคหนึ่ง ส่งสาเนาคาขอ จดทะเบียนพันธุ์พืชใหม่ที่ได้ย่ืนไว้ในต่างประเทศ พร้อมคาแปลเป็นภาษาไทย หรอื หลักฐานอืน่ ภายในเวลาท่ีกาหนด ซง่ึ จะตอ้ งไม่นอ้ ยกว่าเก้าสบิ วนั มาตรา ๒๑ ในการพิจารณาคาขอจดทะเบียนพนั ธพ์ุ ืชใหม่ ใหพ้ นกั งานเจ้าหน้าที่ทาการตรวจสอบ ดงั น้ี (๑) ตรวจสอบคาขอจดทะเบียนให้ถกู ตอ้ งตามมาตรา ๑๙ (๒) ตรวจสอบว่ามลี ักษณะเปน็ พันธ์ุพชื ตามมาตรา ๑๑ เป็นพนั ธพ์ุ ชื ใหม่ ท่ีมีคุณสมบัติตามมาตรา ๑๒ ไม่ต้องห้ามมิให้จดทะเบียนตามมาตรา ๑๓ วรรคหนึ่ง และผา่ นการประเมินตามมาตรา ๑๓ วรรคสอง ทงั้ น้ี ใหเ้ ป็นไปตามหลักเกณฑแ์ ละวิธีการทก่ี าหนดในกฎกระทรวง ถ้ามีค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบพันธ์ุพืชนั้น ให้ผู้ขอจดทะเบียน พันธุ์พืชใหม่ ชาระค่าใช้จ่ายเท่าจานวนท่ีจ่ายจริงต่อพนักงานเจ้าหน้าท่ี ภายใน หกสิบวัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ถ้าผู้ขอจดทะเบียน
๑๓ พันธุ์พืชใหม่ ไม่ชาระภายในระยะเวลาท่ีกาหนดไว้ ให้ถือว่าละท้ิงคาขอ จดทะเบียน มาตรา ๒๒ เม่ือพนกั งานเจา้ หน้าทไ่ี ดต้ รวจสอบตามมาตรา ๒๑ แล้ว ใหพ้ นกั งานเจา้ หน้าทท่ี ารายงานการตรวจสอบเสนอต่ออธบิ ดี เม่ืออธิบดีพิจารณารายงานการตรวจสอบของพนักงานเจ้าหน้าท่ีตาม วรรคหนึ่งแล้วเห็นว่า คาขอจดทะเบียนพันธุ์พืชใหม่ถูกต้อง ตามมาตรา ๑๙ ให้อธิบดีมีคาส่ังให้ประกาศโฆษณาคาขอจดทะเบียนดังกล่าว ภายในสามสิบวัน นับแต่วันท่ีได้รับรายงาน โดยให้ผู้ขอจดทะเบียนเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการ ประกาศโฆษณาตามจานวนที่จ่ายจริง ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กาหนดใน กฎกระทรวง มาตรา ๒๓ ผใู้ ดเห็นว่าตนมสี ทิ ธิในพนั ธ์ุพืชใหมด่ กี ว่าผูข้ อจดทะเบยี น พนั ธุ์พืชใหม่ หรอื เห็นว่าคาขอจดทะเบยี นพันธพุ์ ชื ใหม่ใด ไมช่ อบด้วยมาตรา ๑๒ มาตรา ๑๓ มาตรา ๑๕ มาตรา ๑๖ หรือมาตรา ๒๐ ผู้น้ันจะยื่นคาคัดค้านก็ได้ โดยให้ย่ืนต่อพนักงานเจ้าหน้าท่ี ภายในเก้าสิบวัน นับแต่วันเริ่มประกาศโฆษณา ตามมาตรา ๒๒ เมื่อพนักงานเจ้าหน้าท่ีได้รับคาคัดค้านตามวรรคหนึ่ง ให้ส่งสาเนา คาคัดค้านไปยังผู้ขอจดทะเบียนพันธ์ุพืชใหม่ ให้ผู้ขอจดทะเบียนพันธ์ุพืชใหม่ ยื่นคาโต้แย้ง ภายในเก้าสิบวัน นับแต่วันท่ีได้รับสาเนาคาคัดค้าน ถ้าผู้ขอ จดทะเบียนพันธ์ุพืชใหม่ ไม่ย่ืนคาโต้แย้งภายในกาหนดเวลาดังกล่าว ให้ถือว่า ละทง้ิ คาขอจดทะเบียนพันธ์ุพชื ใหมน่ ัน้ คาคดั ค้านและคาโตแ้ ย้ง ให้ยนื่ พรอ้ มหลกั ฐานประกอบ
๑๔ มาตรา ๒๔ ในการพิจารณาคาคัดค้านและคาโต้แย้ง ผู้คัดค้านหรือ ผ้โู ต้แย้ง จะนาพยานหลักฐานมาแสดงหรือแถลงเพิ่มเติมกไ็ ด้ ท้ังนี้ ตามระเบียบ ท่ีอธิบดีกาหนด ให้อธิบดีวินิจฉัยคาคัดค้านและคาโต้แย้งตามวรรคหนึ่ง ให้เสร็จส้ิน ภายในหกสบิ วนั นับแตว่ ันท่ีไดร้ ับคาคดั ค้านหรือคาโตแ้ ย้ง มาตรา ๒๕ ในกรณีที่ อธิบดีได้วินิจฉัยว่าผู้คัดค้านเป็นผู้มีสิทธิ ในพันธุ์พืชใหม่ดีกว่าผู้ขอจดทะเบียนพันธ์ุพืชใหม่ ให้อธิบดีสั่งยกคาขอ จดทะเบยี นพันธ์ุพชื ใหม่ ผูข้ อจดทะเบยี นพันธุ์พืชใหม่มสี ิทธิอทุ ธรณ์คาสั่งของอธิบดี ตอ่ คณะกรรมการ ภายในเกา้ สบิ วนั นบั แต่วันทไ่ี ดร้ ับแจ้งคาส่ังของอธิบดี ในกรณีท่ี ผู้ขอจดทะเบียนพันธ์ุพืชใหม่มิได้อุทธรณ์คาสั่งของอธิบดี หรือได้อทุ ธรณ์ แต่คณะกรรมการได้วินิจฉัยยืนตามคาสง่ั ของอธบิ ดี ถ้าผู้คัดค้าน ไดย้ ่ืนคาขอจดทะเบยี นพันธุ์พชื ใหม่ ภายในหน่ึงร้อยแปดสิบวัน นับแต่วันท่ีได้รบั แจ้ง คาส่ังของอธิบดี หรือคาวินิจฉัยของคณะกรรมการ แล้วแต่กรณี ให้ถือว่า ผู้คัดค้านได้ย่ืนคาขอจดทะเบียนในวันเดียวกับวันที่ผูข้ อจดทะเบียนพันธุ์พืชใหม่ ย่ืนคาขอจดทะเบียน และให้ถือว่าการประกาศโฆษณาคาขอจดทะเบียน พันธุ์พืชใหม่ของผู้ยื่นคาขอเดิม เป็นการประกาศโฆษณาคาขอจดทะเบียน พนั ธ์ุพืชใหมข่ องผ้คู ดั ค้านดว้ ย มาตรา ๒๖ ในกรณีที่ อธิบดีได้วินิจฉัยว่าผู้คัดค้านเป็นผู้ไม่มีสิทธิ ในพนั ธพ์ุ ืชใหม่ ให้อธบิ ดีสง่ั ยกคาคัดคา้ นน้ัน ผู้คัดค้านมีสิทธิอุทธรณ์คาส่ังของอธิบดีต่อคณะกรรมการ ภายใน เกา้ สิบวนั นับแต่วันท่ีไดร้ บั แจ้งคาส่งั ของอธบิ ดี ให้คณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ให้เสร็จส้ิน ภายในเก้าสิบวัน นับแต่ วันท่ีไดร้ บั คาอทุ ธรณ์
๑๕ มาตรา ๒๗ เมื่อคณะกรรมการไดว้ ินิจฉยั ตามมาตรา ๒๕ หรือมาตรา ๒๖ แล้ว ถ้าผูข้ อจดทะเบียนพันธพ์ุ ืชใหมห่ รือผู้คัดค้าน แล้วแต่กรณี ไม่เห็นด้วย กับคาวินิจฉัยของคณะกรรมการ ให้มีสิทธินาคดีไปสู่ศาลได้ ภายในหกสิบวัน นับแต่วันท่ีได้รับแจ้งคาวินิจฉัย ถ้าไม่ดาเนินคดีภายในกาหนดเวลาดังกล่าว ให้ถือวา่ คาวินิจฉัยของคณะกรรมการเป็นท่ีสุด ในกรณที ่ี ศาลไดม้ ีคาส่ังหรือคาพิพากษาถงึ ท่ีสุดให้ผ้คู ัดคา้ นเป็นผูม้ ีสิทธิ ในพันธุพ์ ืชใหม่ ให้นาความในมาตรา ๒๕ วรรคสอง มาใชบ้ งั คบั โดยอนุโลม มาตรา ๒๘ ถ้าปรากฏว่า คาขอจดทะเบียนพันธุ์พืชใหม่ไม่ชอบด้วย มาตรา ๑๒ มาตรา ๑๓ มาตรา ๑๕ มาตรา ๑๖ มาตรา ๑๙ หรือมาตรา ๒๐ ให้อธิบดีสั่งยกคาขอจดทะเบยี นพันธพ์ุ ชื ใหม่ และให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีแจ้งคาส่ัง ไปยังผู้ขอจดทะเบียนพันธ์ุพืชใหม่ รวมทั้งผู้คัดค้าน ในกรณีที่มีการคัดค้านตาม มาตรา ๒๓ ถ้าการยกคาขอจดทะเบียนพันธุ์พืชใหม่ ได้กระทาภายหลังจากการ ประกาศโฆษณาตามมาตรา ๒๒ ให้ประกาศโฆษณาคาสั่งยกคาขอจดทะเบียน พนั ธุพ์ ชื ใหม่ โดยใหน้ าความในมาตรา ๒๒ มาใชบ้ งั คับโดยอนโุ ลม มาตรา ๒๙ เม่ืออธิบดีพิจารณารายงานผลการตรวจสอบของ พนักงานเจ้าหน้าท่ีและกระบวนการขอจดทะเบียนโดยตลอดแล้วเห็นว่าไม่มี เหตุขดั ข้องในการรับจดทะเบียนพันธ์ุพืชใหม่ ใหอ้ ธบิ ดมี ีคาส่งั ใหร้ ับจดทะเบียน ให้ผู้ขอจดทะเบียนพันธุ์พืชใหม่ ชาระค่าธรรมเนียมการออกหนังสือ สาคัญแสดงการจดทะเบียนพันธ์ุพืชใหม่ ภายในหกสิบวัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้ง ถ้าผู้ขอจดทะเบียนพันธ์ุพืชใหม่ ไม่ชาระค่าธรรมเนียมภายในเวลาท่ีกาหนด ให้ถือวา่ ละทง้ิ คาขอ เมื่อผู้ขอจดทะเบียนพันธพ์ุ ืชใหม่ได้ชาระค่าธรรมเนียมตามวรรคสองแล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าท่ี จดทะเบียนพันธุ์พืชใหม่และออกหนังสือสาคัญแสดงการ
๑๖ จดทะเบียนพันธ์ุพืชใหม่ให้แก่ผู้ขอจดทะเบียน ภายในเจ็ดวัน นับแต่วันที่ได้รับ ชาระคา่ ธรรมเนยี ม หนังสือสาคัญแสดงการจดทะเบียนพันธุ์พืชใหม่ ให้เป็นไปตามแบบ ที่กาหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๓๐ ให้อธิบดีประกาศช่ือพันธ์ุพืชใหม่ท่ีได้รับการจดทะเบียน ตามพระราชบัญญตั ินี้ในราชกจิ จานเุ บกษา มาตรา ๓๑ หนังสือสาคัญแสดงการจดทะเบียนพันธพุ์ ืชใหมใ่ ห้มีอายุ ดงั ต่อไปนี้ (๑) พืชที่ให้ผลผลติ ตามลกั ษณะประจาพนั ธไุ์ ดห้ ลังจากปลูกจาก ส่วนขยายพนั ธ์ุ ภายในเวลาไม่เกินสองปี ใหม้ อี ายสุ บิ สองปี (๒) พชื ท่ีใหผ้ ลผลติ ตามลักษณะประจาพันธ์ไุ ด้หลงั จากปลูกจาก สว่ นขยายพันธ์ุ ในเวลาเกินกว่าสองปี ใหม้ อี ายสุ ิบเจ็ดปี (๓) พชื ที่ใชป้ ระโยชนจ์ ากเน้ือไมท้ ่ีให้ผลผลติ ตามลักษณะประจาพันธุ์ ได้หลังจากปลูกจากสว่ นขยายพนั ธ์ุ ในเวลาเกินกว่าสองปี ใหม้ อี ายุยี่สิบเจ็ดปี อายหุ นังสือสาคัญแสดงการจดทะเบยี นพนั ธพุ์ ชื ใหมต่ ามวรรคหน่งึ ใหน้ บั ต้งั แตว่ ันที่ออกหนงั สอื สาคัญแสดงการจดทะเบยี นพนั ธพุ์ ชื ใหม่ มาตรา ๓๒ ให้ผู้ได้รับหนังสือสาคัญแสดงการจดทะเบียนพนั ธ์พุ ืชใหม่ เป็นผทู้ รงสิทธิในพนั ธพุ์ ชื ใหม่นัน้ ผ้ทู รงสิทธใิ นพันธ์ุพืชใหม่จะอนุญาตให้บคุ คลใดใช้สิทธใิ นพนั ธ์ุพชื ใหม่ ของตน หรอื จะโอนสิทธใิ นพนั ธพ์ุ ชื ใหม่ใหแ้ กบ่ ุคคลอืน่ ก็ได้ ในกรณีท่ีบุคคลหลายคนเป็นผู้ทรงสิทธิร่วมกัน การโอนสิทธิหรือการ อนุญาตให้บุคคลอื่นใช้สิทธิ จะกระทาได้ก็แต่ด้วยความยินยอมของผู้ทรงสิทธิ ทุกคน
๑๗ การโอนสทิ ธิหรือการอนุญาตให้บุคคลอ่ืนใช้สิทธิตามวรรคสอง ต้องทา เป็นหนังสือ และจดทะเบียนต่อพนกั งานเจ้าหน้าที่ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และ เงื่อนไขท่ีกาหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๓๓ ผู้ทรงสิทธิในพันธุ์พืชใหม่มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการผลิต ขาย หรือจาหน่ายด้วยประการใด นาเข้ามาในราชอาณาจักร ส่งออกนอก ราชอาณาจักร หรือมีไว้เพ่ือกระทาการอย่างหนง่ึ อย่างใดดังกล่าว ซ่ึงส่วนขยายพันธ์ุ ของพันธุพ์ ชื ใหม่ ความในวรรคหนึง่ ไมใ่ ชบ้ ังคบั แกก่ รณี ดงั ต่อไปนี้ (๑) การกระทาเกี่ยวกับพันธ์ุพืชใหม่ท่ีได้รับความคุ้มครอง โดยไม่มี วตั ถุประสงคเ์ พอื่ ใชเ้ ปน็ ส่วนขยายพันธ์ุ (๒) การศึกษา ค้นควา้ ทดลอง หรือวิจัยเกี่ยวกับพันธุ์พืชใหม่ที่ได้รับ ความคุ้มครอง เพือ่ ปรบั ปรงุ พนั ธุ์หรือพฒั นาพันธุพ์ ืช (๓) การกระทาเก่ียวกับพันธ์ุพชื ใหม่ท่ไี ด้รับความคุ้มครอง ซ่ึงกระทา โดยสจุ รติ (๔) การเพาะปลูกหรือขยายพันธ์ุสาหรับพันธุ์พืชใหม่ที่ได้รับความ คุ้มครองโดยเกษตรกรด้วยการใช้ส่วนขยายพันธ์ุที่ตนเองเป็นผู้ผลิต แต่ในกรณีที่ รัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ ประกาศให้พันธุ์พืชใหม่น้ัน เป็นพันธุพ์ ืชท่ีควรส่งเสรมิ การปรับปรุงพนั ธ์ุ ให้เกษตรกรสามารถเพาะปลูกหรือ ขยายพนั ธ์ุได้ไม่เกินสามเท่าของปรมิ าณที่ได้มา (๕) การกระทาเกี่ยวกับพันธุ์พืชใหม่ท่ีได้รับความคุ้มครอง โดยไม่มี วตั ถปุ ระสงคเ์ พื่อการค้า (๖) การขายหรือจาหน่ายด้วยประการใด นาเข้ามาในราชอาณาจักร ส่งออกนอกราชอาณาจักร หรือมีไว้เพื่อกระทาการอย่างหน่ึงอย่างใดดังกล่าว ซึ่งส่วนขยายพันธุ์ของพันธุ์พืชใหม่ท่ีได้รับความคุ้มครอง ซ่ึงถูกนาออกจาหน่าย โดยผูท้ รงสทิ ธหิ รอื ด้วยความยินยอมของผูท้ รงสทิ ธิ
๑๘ มาตรา ๓๔ ในการขายหรอื จาหน่ายด้วยประการใด ซึ่งส่วนขยายพันธุ์ ของพันธุ์พืชใหม่ ผู้ทรงสิทธิในพันธ์ุพืชใหม่ต้องแสดงเครื่องหมายให้ปรากฏ ที่ส่วนขยายพันธ์ุของพันธ์ุพืชใหม่ ภาชนะบรรจุ หรือหีบห่อของส่วนขยายพันธ์ุ ของพันธุ์พืชใหม่ เคร่อื งหมายตามวรรคหนง่ึ ให้เป็นไปตามแบบท่อี ธิบดกี าหนด มาตรา ๓๕ การจดทะเบียนการรับโอนสิทธิในพันธ์ุพืชใหม่โดยทาง มรดก ใหเ้ ปน็ ไปตามหลกั เกณฑแ์ ละวิธกี ารทก่ี าหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๓๖ เม่ือมีความจาเป็นในการป้องกันรักษาโรคและส่งเสริม สุขภาพ การรักษาสวัสดิภาพของประชาชน การรักษาและอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพ หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะอย่างอ่ืน รัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ มีอานาจประกาศห้ามมิให้ผลิต ขาย หรือจาหน่ายด้วยประการใด นาเข้ามาในราชอาณาจักร หรือส่งออกนอก ราชอาณาจักร ซ่งึ พันธ์ุพชื ใหม่ เปน็ ระยะเวลาตามทก่ี าหนดไวใ้ นประกาศได้ เพื่อประโยชน์ต่อความม่ันคงของประเทศ ในการรักษาความมั่นคง ทางอาหาร การป้องกันการผูกขาดทางการค้า หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะ อย่างอื่น รัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ มีอานาจออกประกาศ อนุญาตให้บุคคลทั่วไป ให้กระทาการตามมาตรา ๓๓ วรรคหน่ึงได้ โดยต้องเสีย ค่าตอบแทนท่ีเหมาะสมแก่ผู้ทรงสิทธิในพันธ์ุพืชใหม่ ประกาศดังกล่าวจะต้อง กาหนดระยะเวลาอนญุ าตให้กระทาการและกาหนดอัตราคา่ ตอบแทนไวด้ ้วย หลังจากที่ได้ดาเนินการตามความในวรรคสองแล้ว แต่ยังปรากฏว่า ไม่สามารถป้องกนั หรือบรรเทาเหตุตามวรรคสองได้อย่างมีประสทิ ธผิ ล รัฐมนตรี โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ อาจมีคาส่ังเพิกถอนหนังสือสาคัญ แสดงการจดทะเบยี นพนั ธ์ุพืชใหมน่ ั้นได้
๑๙ มาตรา ๓๗ เมื่อพ้นกาหนดสามปี นับแต่วันจดทะเบียนพันธุ์พืชใหม่ บคุ คลอื่นจะยน่ื คาขอใช้สทิ ธติ ามมาตรา ๓๓ วรรคหน่ึง ตอ่ อธิบดีกไ็ ด้ ถ้าปรากฏว่า ในขณะท่ีย่ืนคาขอดังกล่าว ไม่มีการขายส่วนขยายพันธุ์ของพันธ์ุพืชใหม่ หรือ มีการขายส่วนขยายพันธ์ุดังกล่าวในปริมาณที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ของประชาชนภายในราชอาณาจกั ร หรือขายในราคาสูงเกินควร เว้นแต่ผู้ทรงสิทธิ ในพันธุ์พืชใหม่จะพิสูจน์ได้ว่าการน้ันเกิดขึ้นจากพฤติการณ์ที่ตนไม่สามารถ ควบคุมได้ หรือพันธ์ุพืชใหม่น้ันเป็นสายพันธ์ุสาหรับใช้ประโยชน์เพื่อการผลิต เมล็ดพันธ์ุลูกผสม ซ่ึงมีการผลิตเมล็ดพันธุ์ลูกผสมในปริมาณท่ีเพียงพอต่อ ความต้องการของประชาชนภายในราชอาณาจักรและขายในราคาท่ีไม่สงู เกินควร อธิบดีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ มีอานาจอนุญาตให้มี การใช้สิทธิตามมาตรา ๓๓ วรรคหน่ึงได้ โดยให้ผู้ขอใช้สิทธิจ่ายค่าตอบแทน ตามสมควรแกผ่ ู้ทรงสทิ ธิในพนั ธ์พุ ชื ใหม่ การขอใชส้ ทิ ธใิ นพนั ธพ์ุ ืชใหม่ การกาหนดค่าตอบแทน และระยะเวลา การใชส้ ทิ ธิ ใหเ้ ปน็ ไปตามหลักเกณฑ์ วธิ ีการ และเง่ือนไขที่กาหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๓๘ อธิบดีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ มีอานาจ เพกิ ถอนหนงั สือสาคญั แสดงการจดทะเบยี นพันธ์พุ ืชใหม่ได้ในกรณี ดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) พนั ธ์ุพชื นั้นไม่มีลักษณะตามมาตรา ๑๑ และมาตรา ๑๒ (๒) หนังสือสาคัญแสดงการจดทะเบียนคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ออกไป โดยไมช่ อบด้วยมาตรา ๑๓ มาตรา ๑๕ มาตรา ๑๖ มาตรา ๑๗ มาตรา ๑๙ และ มาตรา ๒๐ (๓) รายละเอียดในคาขอจดทะเบียนที่ยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม มาตรา ๑๙ เปน็ เทจ็ ในกรณีที่มีเหตุตาม (๑) (๒) หรือ (๓) บุคคลใดจะกล่าวอ้างหรือยื่นฟ้อง ตอ่ ศาล ขอให้มีคาส่งั เพกิ ถอนหนังสือสาคัญแสดงการจดทะเบียนพันธุ์พืชใหมก่ ็ได้
๒๐ มาตรา ๓๙ ผู้ทรงสิทธิในพันธ์ุพืชใหม่ต้องชาระค่าธรรมเนียมรายปี ตามอัตราและวิธีการที่กาหนดในกฎกระทรวง และต้องชาระภายในเก้าสิบวัน นับแต่วนั ที่ได้รับหนังสอื สาคัญแสดงการจดทะเบียนพันธุ์พืชใหม่ และของทุกๆ ปี ถดั ไป มาตรา ๔๐ ถ้าผู้ทรงสิทธิในพันธ์ุพืชใหม่ไม่ชาระค่าธรรมเนียมรายปี ตามมาตรา ๓๙ ต้องชาระค่าธรรมเนียมเพิม่ รอ้ ยละสามสิบของเงนิ คา่ ธรรมเนยี ม รายปีท่คี ้างชาระ ถ้ า ผู้ ท ร ง สิ ท ธิ ใ น พั น ธุ์ พื ช ใ ห ม่ ไ ม่ ช า ร ะ ค่ า ธ ร ร ม เ นี ย ม ร า ย ปี แ ล ะ ค่าธรรมเนียมเพิ่ม ภายในเก้าสิบวัน นับแต่วันส้ินกาหนดชาระค่าธรรมเนียม รายปีตามมาตรา ๓๙ ให้อธิบดีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ มีอานาจ ส่งั เพิกถอนหนังสอื สาคญั แสดงการจดทะเบียนพนั ธพ์ุ ืชใหมน่ ้นั มาตรา ๔๑ คาขอจดทะเบียนพันธ์ุพืชใหม่ คาคัดค้านการขอ จดทะเบียนพันธุ์พืชใหม่ หนังสือสาคัญแสดงการจดทะเบียนพันธุ์พืชใหม่ คาขอ จดทะเบียนการอนุญาตให้ใช้สิทธิตามหนังสือสาคัญแสดงการจดทะเบียน พันธุ์พืชใหม่ คาขอจดทะเบียนการโอนสิทธิตามหนังสือสาคัญแสดงการ จดทะเบียนพันธ์พุ ืชใหม่ ใบแทนหนังสือสาคัญแสดงการจดทะเบยี นพันธุ์พืชใหม่ ให้เสียคา่ ธรรมเนียมตามทก่ี าหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๔๒ ในกรณีท่ีหนังสือสาคัญแสดงการจดทะเบียนพันธ์ุพืชใหม่ ชารุดหรือสูญหาย ให้ผู้ทรงสิทธิในพันธุ์พืชใหม่ขอรบั ใบแทนหนังสือสาคัญแสดง การจดทะเบียนพันธ์ุพืชใหม่ได้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการท่ีกาหนดใน กฎกระทรวง
๒๑ หมวด ๔ การคมุ้ ครองพนั ธุ์พืชพน้ื เมอื งเฉพาะถ่ิน ------------------------------ มาตรา ๔๓ พันธ์ุพืชท่ีจะขอจดทะเบยี นเป็นพันธ์ุพืชพนื้ เมืองเฉพาะถิ่น ตามพระราชบัญญตั ิน้ี ตอ้ งประกอบด้วยลักษณะ ดังตอ่ ไปนี้ (๑) เปน็ พันธพุ์ ชื ทม่ี ีอยู่เฉพาะในท้องท่ีใดทอ้ งท่หี นึง่ ภายใน ราชอาณาจักรเท่านัน้ (๒) เปน็ พนั ธุ์พืชที่ไม่เคยจดทะเบยี นเปน็ พันธพ์ุ ชื ใหม่ มาตรา ๔๔ บุคคลซ่ึงบรรลุนิติภาวะแล้วที่ต้ังถิ่นฐานและสืบทอด ระบบวัฒนธรรมร่วมกันมาโดยต่อเน่ือง ซ่ึงได้ร่วมกันอนุรกั ษ์หรือพัฒนาพันธุ์พืช ท่ีเข้าลักษณะท่ีกาหนดไว้ตามมาตรา ๔๓ อาจขอขึ้นทะเบียนเป็นชุมชนตาม พระราชบัญญัตินี้ โดยต้ังตัวแทนยื่นคาขอเป็นหนังสือ ต่อผู้ว่าราชการจังหวัด แหง่ ท้องที่ คาขออย่างน้อยตอ้ งมีรายการ ดังต่อไปน้ี (๑) พันธุ์พืชที่ร่วมกันอนุรักษ์หรือพัฒนา และวิธีดาเนินการในการ อนรุ ักษ์หรอื พัฒนาพันธ์พุ ืชน้ัน (๒) รายชอ่ื ของผเู้ ปน็ สมาชิกชุมชน (๓) สภาพพ้ืนท่ี พร้อมท้ังแผนที่สังเขปแสดงเขตพื้นท่ีชุมชนและ เขตตดิ ต่อ การยน่ื คาขอและการพจิ ารณาอนุมัติขน้ึ ทะเบียนชุมชน ให้เป็นไปตาม หลักเกณฑ์และวธิ ีการที่กาหนดในกฎกระทรวง
๒๒ มาตรา ๔๕ พนั ธ์ุพืชท่ีมีอยเู่ ฉพาะในทอ้ งท่ีใดและชุมชนเป็นผู้อนุรักษ์ หรือพัฒนาพันธุ์พืชดังกล่าวแต่ผู้เดียว ให้ชุมชนน้ันมีสิทธิย่ืนคาร้องต่อองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นที่ชุมชนน้ันตั้งอยู่ในเขตปกครอง ให้ดาเนินการย่ืนคาขอ จดทะเบียนพนั ธ์พุ ชื พื้นเมอื งเฉพาะถนิ่ แทนชมุ ชนดังกลา่ วได้ เมื่อได้รับคาร้องจากชุมชนตามวรรคหนึ่ง ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ดาเนินการขอจดทะเบียนพนั ธุ์พืชพ้ืนเมืองเฉพาะถ่ินตอ่ คณะกรรมการ นับแต่วันที่ ไดร้ ับเอกสารและขอ้ มลู ที่จาเปน็ ในการขอจดทะเบยี นครบถ้วน ในกรณีที่ ชุมชนตามวรรคหนึ่ง รวมตัวกันจัดตั้งเป็นกลุ่มเกษตรกร หรือสหกรณ์ตามกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์ ให้กลุ่มเกษตรกรหรือสหกรณ์น้ัน มสี ิทธิขอจดทะเบยี นคมุ้ ครองพันธุพ์ ืชพ้ืนเมืองเฉพาะถน่ิ แทนชมุ ชนได้ มาตรา ๔๖ การขอจดทะเบียน การพิจารณาคาขอจดทะเบียน และ การออกหนงั สือสาคัญแสดงการจดทะเบียนพันธุ์พืชพ้ืนเมืองเฉพาะถิ่น ให้เป็นไป ตามหลกั เกณฑ์ วธิ ีการ และเง่ือนไขท่กี าหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๔๗ เม่ือได้จดทะเบียนคุ้มครองพันธุ์พืชพ้ืนเมืองเฉพาะถิ่น ของชุมชนใดแล้ว ให้ชุมชนน้ันมีสิทธิแต่ผู้เดียวในการปรับปรุงพันธุ์ ศึกษา ค้นคว้า ทดลอง วิจัย ผลิต ขาย ส่งออกนอกราชอาณาจักร หรือจาหน่ายด้วย ประการใด ซึ่งส่วนขยายพันธ์ุของพันธ์ุพืชพ้ืนเมืองเฉพาะถิ่น ทั้งน้ี ให้องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น กลุ่มเกษตรกร หรือสหกรณ์ ท่ีได้รับหนังสือสาคัญแสดง การจดทะเบียนพันธุ์พืชพื้นเมืองเฉพาะถ่ิน เป็นผู้ทรงสิทธิในพันธุ์พืชพ้ืนเมือง เฉพาะถ่นิ น้ัน แทนชมุ ชนดังกล่าว ความในวรรคหนงึ่ ไม่ใช้บังคับแก่กรณี ดงั ตอ่ ไปนี้ (๑) การกระทาเก่ยี วกบั พันธ์ุพืชพ้ืนเมอื งเฉพาะถ่ินที่ได้รับความคุ้มครอง โดยไม่มวี ัตถปุ ระสงคเ์ พือ่ ใชเ้ ป็นส่วนขยายพันธุ์
๒๓ (๒) การกระทาเก่ยี วกับพนั ธุพ์ ืชพ้ืนเมืองเฉพาะถ่ินที่ไดร้ ับความคุ้มครอง ซึง่ กระทาโดยสจุ ริต (๓) การเพาะปลูกหรือขยายพันธุ์สาหรับพันธ์ุพืชพื้นเมืองเฉพาะถ่ิน ที่ได้รบั ความคมุ้ ครอง โดยเกษตรกรดว้ ยการใช้สว่ นขยายพนั ธุ์ท่ตี นเองเป็นผ้ผู ลิต แต่ในกรณีที่ รัฐมนตรีโดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการ ประกาศให้พันธุ์พืช พ้ืนเมืองเฉพาะถิ่นนั้น เป็นพันธุ์พืชท่ีควรส่งเสริมการปรับปรุงพันธ์ุ ให้เกษตรกร สามารถเพาะปลูกหรอื ขยายพันธุ์ ไดไ้ มเ่ กินสามเทา่ ของปรมิ าณทีไ่ ด้มา (๔) การกระทาเกย่ี วกบั พันธุพ์ ืชพ้ืนเมอื งเฉพาะถิ่นที่ได้รับความคุ้มครอง โดยไมม่ วี ตั ถุประสงคเ์ พอื่ การคา้ มาตรา ๔๘ ผู้ใดเก็บ จัดหา หรือรวบรวมพันธุ์พืชพ้ืนเมืองเฉพาะถิ่น หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของพันธุ์พืชดังกล่าว เพื่อการปรับปรุงพันธุ์ ศึกษา ทดลอง หรือวิจัย เพื่อประโยชน์ในทางการค้า จะต้องทาข้อตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ ที่ไดร้ ับจากการใชพ้ นั ธุ์พชื พน้ื เมืองเฉพาะถิ่นนน้ั ในการอนุญาตให้ผู้ใดกระทาการตามวรรคหน่ึง และการทาข้อตกลง แบ่งปันผลประโยชน์ ใหอ้ งค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ กลุ่มเกษตรกร หรอื สหกรณ์ ที่ได้รับหนังสือสาคัญแสดงการจดทะเบียนพันธุ์พืชพื้นเมืองเฉพาะถ่ิน เป็นผู้ทา นิติกรรมแทนชุมชน ทัง้ น้ี จะตอ้ งได้รับความเหน็ ชอบจากคณะกรรมการกอ่ น มาตรา ๔๙ ผลประโยชน์ท่ีได้รับจากการอนุญาตให้ผู้อ่ืนใช้สิทธิ ในพันธ์ุพืชพื้นเมืองเฉพาะถ่ิน ให้จัดสรรแก่ผู้ซึ่งอนุรักษ์หรือพัฒนาพันธ์ุพืชน้ัน ร้อยละย่ีสิบ เป็นรายได้ร่วมกันของชุมชนร้อยละหกสิบ และองค์กรปกครอง สว่ นท้องถิน่ กลุ่มเกษตรกร หรือสหกรณ์ ที่เปน็ ผทู้ านิติกรรมร้อยละย่ีสิบ การแบ่งผลประโยชน์ในระหว่างผู้ซ่ึงอนุรักษ์หรือพัฒนาพันธ์ุพืช ใหเ้ ป็นไปตามระเบียบท่คี ณะกรรมการกาหนด
๒๔ ในกรณีที่มีข้อโต้แย้งใดๆ เก่ียวกับการจัดสรรผลประโยชน์ตามวรรคหน่ึง ใหค้ ณะกรรมการเป็นผู้วินจิ ฉยั ชี้ขาด มาตรา ๕๐ ให้นาบทบัญญัติในมาตรา ๓๑ มาใช้บังคับแก่อายุของ หนงั สอื สาคญั แสดงการจดทะเบยี นพนั ธ์ุพชื พนื้ เมืองเฉพาะถิน่ โดยอนุโลม อายุของหนังสือสาคัญแสดงการจดทะเบียนพันธ์ุพืชพ้ืนเมืองเฉพาะถิ่น ตามวรรคหนึ่ง อาจขยายเวลาต่อได้คราวละสิบปี หากอธิบดีเห็นว่าพันธ์ุพืชน้ัน ยังประกอบด้วยลักษณะตามมาตรา ๔๓ และชุมชนน้ัน ยังคงมีคุณสมบัติตาม มาตรา ๔๔ และมาตรา ๔๕ การขอขยายอายุสิทธิ และการอนุญาตให้ขยายอายุสิทธิ ให้เป็นไป ตามหลักเกณฑ์ และวธิ ีการท่กี าหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๕๑ ใหน้ าบทบญั ญัตใิ นมาตรา ๓๖ และมาตรา ๓๗ มาใชบ้ งั คบั กับพนั ธุ์พืชพน้ื เมืองเฉพาะถ่นิ โดยอนโุ ลม หมวด ๕ การคมุ้ ครองพนั ธพ์ุ ชื พ้ืนเมืองทว่ั ไปและพนั ธพ์ุ ชื ป่า -------------------------- มาตรา ๕๒ ผู้ใดเก็บ จัดหา หรือรวบรวม พันธุ์พืชพ้ืนเมืองท่ัวไป พันธุ์พืชป่า หรือส่วนหน่ึงส่วนใดของพันธ์ุพืชดังกล่าว เพื่อการปรับปรุงพันธุ์ ศึกษา ทดลอง หรือวิจัย เพื่อประโยชน์ในทางการค้า จะต้องได้รับอนุญาตจาก พนักงานเจ้าหน้าที่ และทาข้อตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ โดยให้นาเงินรายได้ ตามข้อตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ ส่งเข้ากองทุนคุ้มครองพันธุ์พืช ท้ังนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธกี าร และเงื่อนไขทีก่ าหนดในกฎกระทรวง
๒๕ ขอ้ ตกลงแบง่ ปนั ผลประโยชน์อยา่ งนอ้ ยตอ้ งมรี ายการ ดงั ต่อไปน้ี (๑) วตั ถปุ ระสงคข์ องการเกบ็ หรือรวบรวมพันธ์ุพืช (๒) จานวนหรอื ปรมิ าณของตวั อยา่ งพันธพ์ุ ืชทตี่ ้องการ (๓) ขอ้ ผกู พันของผไู้ ดร้ ับอนญุ าต (๔) การกาหนดความเปน็ เจ้าของทรัพย์สนิ ทางปัญญาในผลงาน การปรับปรงุ พันธุ์ ศกึ ษา ทดลอง หรือวิจัย ท่ีได้มาจากการใชพ้ ันธ์พุ ชื ในข้อตกลง (๕) การกาหนดจานวน อัตรา และระยะเวลาการแบ่งปันผลประโยชน์ ตามข้อตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ ในผลิตภัณฑ์ที่ได้มาจากการใช้พันธุ์พืชใน ขอ้ ตกลง (๖) อายขุ องขอ้ ตกลง (๗) การยกเลกิ ข้อตกลง (๘) การกาหนดวธิ ีการระงบั ข้อพพิ าท (๙) รายการอืน่ ตามท่ีกาหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๕๓ ผู้ใดทาการศึกษา ทดลอง หรือวจิ ัย พนั ธ์ุพืชพื้นเมืองท่ัวไป พันธุ์พืชป่า หรือส่วนหน่ึงส่วนใดของพันธ์ุพืชดังกล่าว ท่ีมิได้มีวัตถุประสงค์ เพ่ือประโยชน์ในทางการค้า ให้ปฏิบตั ิตามระเบยี บทีค่ ณะกรรมการกาหนด หมวด ๖ กองทนุ ค้มุ ครองพนั ธพุ์ ืช ------------------------------ มาตรา ๕๔ ให้จดั ต้ังกองทุนข้ึนกองทนุ หนง่ึ เรียกว่า “กองทุนคุ้มครอง พันธ์ุพืช\" ในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อเป็นทุนใช้จ่ายในการช่วยเหลือ
๒๖ และอุดหนุน กิจการท่ีเก่ียวกับการอนุรักษ์ การวิจัย และการพัฒนาพันธ์ุพืช ประกอบด้วยเงินและทรัพย์สิน ดังตอ่ ไปนี้ (๑) เงินรายไดจ้ ากข้อตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ตามมาตรา ๕๒ (๒) เงนิ หรอื ทรัพย์สนิ ทไ่ี ด้รับจากการจดทะเบียนคมุ้ ครองพันธพุ์ ืช (๓) เงนิ อดุ หนุนจากรัฐบาล (๔) เงนิ หรอื ทรพั ย์สนิ ท่มี ผี ู้อทุ ิศให้ (๕) ดอกผลและผลประโยชนอ์ ื่นใดท่ีเกิดจากกองทุน เงินและทรัพย์สินอ่ืนตามวรรคหน่งึ ให้ส่งเขา้ กองทุนโดยไม่ตอ้ งนาส่งคลัง เปน็ รายไดแ้ ผ่นดนิ มาตรา ๕๕ เงินกองทุนใหใ้ ช้จา่ ยเพอ่ื กิจการ ดังต่อไปนี้ (๑) ชว่ ยเหลือและอดุ หนุนกจิ การใดๆ ของชมุ ชน ทเ่ี กี่ยวกบั การอนรุ ักษ์ การวจิ ยั และการพฒั นาพนั ธุ์พชื (๒) ให้องคก์ รปกครองสว่ นท้องถนิ่ ใช้เพ่อื อดุ หนนุ การอนรุ ักษ์ การวจิ ยั และการพัฒนาพนั ธ์ุพืช ของชมุ ชน (๓) เป็นคา่ ใชจ้ ่ายในการบริหารกองทนุ การบริหารกองทุนและการควบคุมการใช้จ่ายเงินกองทุน ให้เป็นไป ตามระเบยี บทีค่ ณะกรรมการกาหนด โดยความเหน็ ชอบของกระทรวงการคลงั มาตรา ๕๖ ให้มีคณะกรรมการกองทุนคณะหน่ึง ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานกรรมการ และบุคคลอ่ืน ซ่ึงคณะกรรมการแต่งตั้ง ไม่เกินเจ็ดคนเป็นกรรมการ และอธิบดีกรมวิชาการเกษตร เป็นกรรมการและเลขานุการ
๒๗ มาตรา ๕๗ ให้คณะกรรมการกองทุน มอี านาจหนา้ ท่ี ดังต่อไปนี้ (๑) เสนอแนวทาง หลักเกณฑ์ เง่อื นไข และลาดับความสาคัญ ของการใชจ้ า่ ยเงินกองทนุ ตามวัตถุประสงค์ทีก่ าหนดไวใ้ นมาตรา ๕๕ ตอ่ คณะกรรมการ (๒) กาหนดระเบียบเกี่ยวกับหลักเกณฑแ์ ละวิธีการขอจัดสรร ขอเงิน ช่วยเหลอื หรือขอเงินอดุ หนุน จากกองทุน (๓) พิจารณาจัดสรรเงินกองทุน เพ่ือใช้ตามวัตถุประสงค์ที่กาหนดไว้ ในมาตรา ๕๕ ทั้งนี้ ตามแนวทาง หลักเกณฑ์ เง่ือนไข และลาดับความสาคัญ ท่คี ณะกรรมการกาหนด (๔) พจิ ารณาอนมุ ตั ิคาขอรับการสง่ เสริมและชว่ ยเหลือตามมาตรา ๕๕ (๕) ปฏิบัตกิ ารอืน่ ใดตามที่คณะกรรมการมอบหมาย มาตรา ๕๘ ใหน้ าความในมาตรา ๗ และมาตรา ๘ มาใช้บังคับแกว่ าระ การดารงตาแหน่ง และการพ้นจากตาแหน่ง ของคณะกรรมการกองทุน โดย อนโุ ลม ใหน้ าความในมาตรา ๙ มาใช้บังคับแกก่ ารประชมุ ของคณะกรรมการกองทุน โดยอนโุ ลม มาตรา ๕๙ ให้จัดสรรเงินจากกองทนุ ค้มุ ครองพันธุ์พืช ในส่วนที่ได้รับ จากการใช้ประโยชน์พันธุ์พืชพ้ืนเมืองทั่วไปตามข้อตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ ตามมาตรา ๕๒ ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ท่ีเป็นแหล่งท่ีนาพันธุ์พืช พื้นเมืองท่ัวไปมาใช้ประโยชน์ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราที่กาหนด ในกฎกระทรวง
๒๘ มาตรา ๖๐ ภายในหนึ่งรอ้ ยยสี่ ิบวัน นบั แต่วนั สิน้ ปปี ฏิทนิ ให้คณะ กรรมการกองทุน เสนองบดุลและรายงานการรับจ่ายเงนิ กองทุนในปที ลี่ ่วงมาแลว้ ตอ่ สานกั งานการตรวจเงนิ แผน่ ดนิ เพอ่ื ตรวจสอบรบั รอง และเสนอต่อคณะกรรมการ งบดุลและรายงานการรับจ่ายเงินดังกล่าว ให้คณะกรรมการเสนอ ต่อรัฐมนตรี และให้รัฐมนตรีเสนอต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อทราบ และจัดให้มี การประกาศในราชกิจจานุเบกษา หมวด ๗ การคุ้มครองสทิ ธขิ องผทู้ รงสิทธิในพันธุ์พืช ------------------------------ มาตรา ๖๑ ในกรณีที่ มีการฝ่าฝืนสิทธิของผู้ทรงสิทธิในพันธุ์พืชใหม่ หรือผู้ทรงสิทธิในพันธุ์พืชพื้นเมืองเฉพาะถ่ิน ตามมาตรา ๓๓ หรือมาตรา ๔๗ แล้วแต่กรณี ศาลมีอานาจส่ังให้ผู้ฝ่าฝืน ชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ทรงสิทธิ ตามจานวนท่ีศาลเห็นสมควร โดยคานึงถึงความร้ายแรงของความเสียหาย รวมทั้ง การสูญเสียผลประโยชน์และค่าใช้จ่ายอันจาเป็นในการบังคับตามสิทธิ ของผทู้ รงสิทธดิ ้วย มาตรา ๖๒ บรรดาพันธุ์พืช หรือส่ิงที่อยู่ในความครอบครองของ ผกู้ ระทาการ อันเป็นการฝ่าฝืนสทิ ธิของผู้ทรงสทิ ธิในพันธ์พุ ืชใหม่ หรอื ผู้ทรงสิทธิ ในพันธ์ุพืชพ้ืนเมืองเฉพาะถิ่น ตามมาตรา ๓๓ หรือมาตรา ๔๗ แล้วแต่กรณี ให้ศาลส่งั ริบเสียท้ังสิน้ บรรดาส่งิ ทศ่ี าลสง่ั ริบ ให้ตกเป็นของแผ่นดิน และให้กรมวิชาการเกษตร นาไปดาเนินการ ตามระเบียบท่ีอธิบดีกาหนด โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ
๒๙ หมวด ๘ บทกาหนดโทษ ----------------------------- มาตรา ๖๓ พนักงานเจา้ หนา้ ท่ี ผู้ใดซ่ึงมีหน้าที่เก่ียวกับการจดทะเบยี น คุ้มครองพันธ์ุพืชใหม่ เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับกรรมวิธีในการปรับปรุงพันธ์ุพืช ตามมาตรา ๑๙ (๓) ใช้ ยินยอมใหผ้ ู้อื่นใช้ หรอื ให้แก่ผู้อ่ืน ซึ่งส่วนขยายพันธ์ุของ พันธ์ุพืชใหม่ หรือสารพันธุกรรม ที่ส่งมอบให้แก่ตนตามคารับรอง ตามมาตรา ๑๙ (๔) โดยมิชอบด้วยกฎหมาย หรือมิได้รับความยินยอมจากผู้ขอจดทะเบียน ต้องระวางโทษจาคกุ ไมเ่ กินสองปี หรือปรับไม่เกนิ สี่แสนบาท หรือท้ังจาท้ังปรับ มาตรา ๖๔ ผู้ใดกระทาการอย่างใดอย่างหน่ึงตามมาตรา ๓๓ หรือ มาตรา ๔๗ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ทรงสิทธิในพันธุ์พืชนั้น ต้องระวางโทษ จาคุกไม่เกนิ สองปี หรอื ปรับไมเ่ กินสแ่ี สนบาท หรอื ท้ังจาทง้ั ปรับ มาตรา ๖๕ ผู้ทรงสิทธิในพันธ์ุพืชใหม่ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๓๔ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินสองหม่ืนบาท หรือท้ังจา ทั้งปรับ มาตรา ๖๖ ผู้ใดไมป่ ฏบิ ัติตามมาตรา ๔๘ หรอื มาตรา ๕๒ ตอ้ งระวางโทษ จาคกุ ไม่เกนิ สองปี หรือปรับไม่เกนิ สแี่ สนบาท หรอื ทั้งจาทั้งปรับ มาตรา ๖๗ ผู้ใดปลอมแปลง หรือใช้เครื่องหมายเลียนแบบ หรือ กระทาการใดๆ เพือ่ ให้บคุ คลอื่นหลงเข้าใจผิดว่า พันธพ์ุ ืชนั้นเป็นพันธุ์พืชท่ีได้รับ ความคุ้มครองตามพระราชบญั ญัตินี้ ต้องระวางโทษจาคุกตั้งแต่หกเดอื นถึงห้าปี และปรับต้งั แต่สองหมื่นถึงสองแสนบาท
๓๐ มาตรา ๖๘ ผู้ใดขอจดทะเบียนพันธุ์พืชใหม่ หรือพันธุ์พืชพื้นเมือง เฉพาะถิ่น โดยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อให้ได้ หนังสือสาคัญแสดงการจดทะเบียนพันธ์ุพืชใหม่ หรือหนังสือสาคัญแสดงการ จดทะเบียนพันธุ์พืชพื้นเมืองเฉพาะถ่ิน แล้วแต่กรณี ต้องระวางโทษจาคุก ไม่เกินสองปี หรอื ปรบั ไมเ่ กินสีแ่ สนบาท หรือทัง้ จาทั้งปรบั มาตรา ๖๙ ในกรณีท่ีผู้กระทาความผิด ซ่ึงต้องรับโทษตาม พระราชบัญญัติน้ี เป็นนิติบุคคล ผู้แทนของนิติบุคคลนั้น ต้องรับโทษตามท่ี กฎหมายกาหนดไว้สาหรับความผิดน้ันๆ ด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการกระทา ของนิตบิ คุ คลน้ัน ไดก้ ระทาโดยตนมไิ ดร้ เู้ ห็นหรอื ยนิ ยอมดว้ ย ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี (ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับกฤษฎกี า เล่ม ๑๑๖ ตอนที่ ๑๑๘ ก ลงวนั ท่ี ๒๕ พฤศจกิ ายน ๒๕๔๒)
๓๑ อตั ราค่าธรรมเนยี ม ๑. คาขอจดทะเบยี นพนั ธุพ์ ืชใหม่ ฉบับละ ๑,๐๐๐ บาท ฉบับละ ๑,๐๐๐ บาท ๒. คาคดั คา้ นการขอจดทะเบยี นพันธุ์พชื ใหม่ ฉบับละ ๑,๐๐๐ บาท ปลี ะ ๑,๐๐๐ บาท ๓. หนงั สือสาคญั แสดงการจดทะเบียนพนั ธุ์พชื ใหม่ ฉบบั ละ ๕๐๐ บาท ๔. ค่าธรรมเนยี มรายปสี าหรบั การคมุ้ ครองพันธ์พุ ืชใหม่ ฉบับละ ๕๐๐ บาท ๕. คาขอจดทะเบียนการอนญุ าตให้ใช้สทิ ธิ ฉบบั ละ ๕๐๐ บาท ตามหนังสอื สาคญั แสดงการจดทะเบยี นพันธพุ์ ืชใหม่ ๖. คาขอจดทะเบยี นการโอนสทิ ธิ ตามหนังสอื สาคญั แสดงการจดทะเบียนพนั ธุ์พชื ใหม่ ๗. ใบแทนหนังสอื สาคัญแสดงการจดทะเบียนพันธพุ์ ชื ใหม่ เจตนารมณ์ของกฎหมาย :- เหตผุ ลในการประกาศใช้พระราชบญั ญตั ิฉบับนี้ คอื โดยท่ีเป็นการสมควรส่งเสริม ให้มีการปรับปรุงพันธุ์และพัฒนาพันธ์ุพืช เพอ่ื ให้มีพนั ธพ์ุ ืชใหมเ่ พม่ิ เตมิ จากทีม่ ีอยู่เดมิ อันเปน็ การสง่ เสริมการพัฒนา ทางด้านเกษตรกรรม โดยการส่งเสริมและสร้างแรงจูงใจด้วยการให้สิทธิ และความคุ้มครองตามกฎหมาย ตลอดจนเพอื่ เปน็ การอนุรักษแ์ ละพฒั นา การใชป้ ระโยชนพ์ นั ธ์ุพืชพื้นเมอื งเฉพาะถิน่ พนั ธ์ุพืชพ้ืนเมืองท่วั ไป และพันธ์พุ ชื ป่า เพื่อใหช้ ุมชนมสี ่วนรว่ มในการดแู ล บารุงรักษา และใช้ประโยชน์พนั ธพ์ุ ืชอย่างยัง่ ยืน จึงจาเป็นตอ้ งตราพระราชบญั ญัตินี้
Search
Read the Text Version
- 1 - 34
Pages: