1 อาหารขน และอาหารหยาบสาํ หรบั โคนม ประสงค ไคลมี อมั พร นันทธีโร จัดทําเอกสารอเิ ลก็ ทรอนกิ ส : สํานักสง เสรมิ และฝก อบรม มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร สารบัญ ✰ คาํ นาํ ✰ อาหารขน และอาหารหยาบสาํ หรบั โคนม ✰ ขั้นตอนในการทําฟางหมกั ✰ ขอ ควรระวงั ในการทําฟางหมกั ✰ อาหารขน สาํ หรบั โคนม ✰ สูตรอาหารสาํ หรบั โคออ น ✰ อาหารขน สําหรบั โครนุ หรอื โคสาว ✰ อาหารขน สาํ หรบั โคใหน ม ✰ การเตรยี มอาหารขน สําหรบั โคใหน ม ✰ การเตรยี มอาหารขน สําหรบั โคนมแหง ✰ ขอแนะนาํ เพม่ิ เตมิ ✰ ข้ันตอนในการผสมอาหารขน ดว ยตนเอง
2 คาํ นาํ อาหารสําหรบั โคนม สว นใหญแ ลว คลา ยกบั อาหารโคเนอ้ื ตา งกนั ทป่ี รมิ าณโภชนะบางอยา ง นอกจากน้ีแลวผูเลย้ี งโคนมตอ งใหค วามสนใจในเรอ่ื งอาหารสาํ หรบั โคนมมากเปน พเิ ศษ เนอ่ื งจากโคนม ตองการอาหารที่มีโภชนะตาง ๆ ครบถว น ไมวาจะเปนการใหอาหารแกลูกโค โคสาว โคใหนม และ โคนมแหงเนื่องจากโคนมแตละระยะการเจริญเติบโต ตองการโภชนะไมเทากันหากอาหารที่ใหมีโภชนะ ไมครบและไมพอเพยี งจะเกิดผลเสยี หายเปน อยา งมาก เอกสารเผยแพรเรือ่ งน้ี นอกจากจะรวบรวมรายละเอยี ดของอาหารขน และอาหารหยาบสําหรับ โคนม ขน้ั ตอนในการทาํ ฟางหมกั ขอ ควรระวงั ในการทาํ ฟางหมกั สตู รอาหารขน สาํ หรบั โคออ น อาหารขน สาํ หรบั โครนุ หรอื โคสาว อาหารขน สาํ หรบั โคใหน ม การเตรยี มอาหารขน สาํ หรบั โคใหน ม การเตรียมอาหารขน สาํ หรับโคนมแหง ขน้ั ตอนในการผสมอาหารขน ดว ยตนเอง เอกสารในเรอ่ื งน้ี จะทําใหเ กษตรกรและผอู า นสามารถนําไปใช เพอ่ื เปน แนวทางในการผสมอาหารโคนมได โครงการผลติ เอกสารเผยแพร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร อาหารขน และอาหารหยาบสาํ หรับโคนม อมั พร นนั ทธโี ร ประสงค ไคลมี อาหารสําหรบั โคนม สว นใหญแ ลว คลา ยกบั อาหารโคเนอ้ื ตา งกนั ทป่ี รมิ าณโภชนะบางอยา ง นอกจากน้ีแลวผูเลย้ี งโคนมตอ งใหค วามสนใจในเรอ่ื งอาหารสาํ หรบั โคนมมากเปน พเิ ศษ เนอ่ื งจากโคนม ตองการอาหารที่มีโภชนะตาง ๆ ครบถว น ไมวาจะเปนการใหอาหารแกลูกโค โคสาว โคใหนม และ โค นมแหงเนื่องจากโคนมแตละระยะการเจริญเติบโต ตองการโภชนะไมเทากันหากอาหารที่ใหมีโภชนะ ไมครบและไมพ อเพียงจะเกดิ ผลเสยี หายเปนอยา งมาก อาหารสําหรับโคนมมี 1. อาหารหยาบ 2. อาหารขน 3. แรธ าตุ 4. วติ ามนิ
3 5. นา้ํ สําหรบั แรธ าตุ วติ ามนิ และนํา้ จะไดก ลา วไวอ ยา งละเอยี ดในเอกสารเผยแพรเ ลน ตอ ไป 1. อาหารหยาบ หมายถึง อาหารที่มีเย่อื ใยสงู เชน หญาสด หญาหมัก หญาแหง ฟาง ฟางปรงุ แตง พืชถั่วอาหาร สัตว และเศษวัสดุเหลือใชจากการเกษตรเชน ยอดออ ย ตน กลว ย ใบมนั สาํ ปะหลังตากแหง หรือแมแต วัชพืช เชน ผักตบชวา ก็จัดเปนอาหารหยาบสาํ หรบั สตั วเ คย้ี วเออ้ื งเชน กนั โดยปกตโิ คสามารถสรา งนา้ํ นมโดยกินอาหารหยาบแตเพียงอยางเดียวก็พอเพียงแลว แตน า้ํ นม ที่ใหนั้นจะมจี ํานวนนอ ย จงึ มหี ลกั วา ถา โคตวั ใดใหน า้ํ นมนอ ยกวา วนั ละ 5 ลติ ร ควรใหโ คตวั นน้ั กนิ แต อาหารหยาบท่ีมีคุณภาพดีเทานั้นก็พอเพียงไมจําเปนตองเพ่ิมอาหารขนใหกิน แตเกณฑนี้ไมใชมาตร ฐานเกษตรกรบางรายอาจจะไมเ พม่ิ อาหารขน ใหแ กโ คเลยถงึ แมโ คตวั นน้ั จะใหน มถงึ วนั ละ 7-8 ลติ รทง้ั น้ีขึ้นอยูกับความสามารถของโค ละการตดั สนิ ใจของผเู ลย้ี ง โดยยึดหลักวาหากไดเพิ่มอาหารขนใหแก นมลดลงแสดงวาปรมิ าณอาหารขน จาํ นวนสดุ ทา ยนเ้ี หมาะสมกบั ความสามารถของโคใหน มตวั นน้ั อาหารหยาบที่มีคุณภาพดี ควรจะเปนอาหารหยาบที่ไดจากหญา และถว่ั อาหารสตั วผ สมกนั ใน อัตราสวนอยางละคร่ึง ถา อาหารหยาบประกอบดวยถัว่ อาหารสัตวเ กิดกวา คร่ึง โคอาจจะเกดิ อาการทอ ง อดื ได โคสามารถแทะเลม็ หญาและพืชถวั่ อาหารสตั วท มี่ คี วามสูงระดบั 6-8 นว้ิ แตเ กษตรกรบางราย ไมนิยมปลอ ยใหโคลงแทะเลม็ มกั จะใชว ธิ ตี ดั สดแลว นํามาใหก นิ ทค่ี อก ดงั นน้ั จงึ ควรปลกู พชื อาหารสตั ว ท่ีใหผลผลติ สงู และมกี ารดแู ลจดั การทด่ี ี เกษตรกรไทยไมนิยมทําอาหารหยาบใหอยูในรูปแหง เนื่องจากมีฟางอยูเปนจํานวนมากพอ เพียงใหโคกินในหนา แลง ทง้ั ยงั ไมน ยิ มตดั สดแลว นํามาหมกั เกบ็ ไวใ หโ คกนิ ในยามขาดแคลน เนอ่ื งจาก ขบวนการมกั มวี ธิ กี ารทย่ี งุ ยากและตอ งใชเ งนิ ลงทนุ มาก สําหรับวิธีการทําทุงหญาอาหารสัตว และวธิ กี ารปลกู พืชถัว่ อาหารสตั วน ้นั สาํ นกั สง เสรมิ และ ฝกอบรม ไดผลิตเอกสารเผยแพรแจกฟรีใหแกผูสนใจแลว โปรดขอรายละเอียดไดที่ สาํ นกั สง เสรมิ และฝก อบรม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร บางเขน รหัสไปรษณีย 10903 ในจํานวนอาหารหยาบที่เมืองไทยมีมากที่สุด หาไดงา ยและราคาถกู ท่ีสุดคือ หญาสด นอกจาก น้ีแลวเมอื งไทยยงั มอี าหารหยาบสาํ รอง ซง่ึ มรี าคาถกู คอื ฟางขา ว แตฟางขา วมีคุณภาพตาํ่ และมี ปริมาณโปรตนี เพยี งแคป ระมาณ 1.2%เทาน้ัน นอกจากนฟ้ี างขา วยงั มลี กั ษณะโปรง และไมค อ ยนา กนิ ท้ังเสนใยฟางยังหยาบ จึงยอยยาก ดงั นน้ั เกษตรกรจงึ ควรทาํ ฟางปรงุ แตง เพอ่ื แกไ ขขอ เสยี ของฟางขา ว ฟางปรุงแตง ทนี่ ิยมทําคอื 1. ฟางหมัก 2. ฟางราดดว ยยเู รยี และกากนา้ํ ตาล ขอดขี องฟางปรงุ แตง 1. มีคุณภาพดกี วา ฟางธรรมดา (ฟางหมกั จะมโี ปรตนี สงู ขน้ึ ) 2. มีความนา กนิ เสน ใยฟางนมุ ขน้ึ ทําใหย อยไดงายขึน้ 3. ตนทุนการทาํ ฟางปรงุ แตง ถกู กวา การเตรยี มอาหารหยาบชนดิ อน่ื ๆ 4. เปนการใหวัสดุเหลือใชจากการเกษตรใหเกิดประโยชน
4 1. วิธีการของฟางปรงุ แตง ขบวนการหมักฟาง เกิดข้ึนเนื่องจากปุยยูเรียจะสลายตัวเกิดเปนกาซแอมโมเนีย ซึ่งกาซ แอมโมเนียนี้จะเปนตัวทําใหเสนใยฟางออนนุมและการใชปุยยูเรียเปนการเพิ่มโปรตีนในฟางหมักใหสูง กวา ฟางธรรมดาไดด ว ย วัสดุที่ใช ม:ี ฟางขา ว 100 กิโลกรัม (ประมาณ 30 มดั ) นา้ํ 100 กิโลกรัม (5ปบ) ปุยยูเรีย 6 กิโลกรัม (ใชปุยสูตร 46-0-0) วธิ ที าํ การทําฟางหมกั นน้ั จะหมกั ในหลมุ โดยขดุ หลมุ ใหก วา ง 6 เมตร ยาว 8 เมตร ความลกึ ขนาดอิฐบลอค 2 กอน ปรบั พน้ื ใหเ รยี บแลว ราดปนู ทพ่ี น้ื และรอบขา งหลมุ ทง้ั 4 ดา น หลมุ ขนาดน้ี จะหมกั ฟางได 500-1,00 กิโลกรัม ห รื อ เ ก ษ ต ร ก ร อ า จ จ ะ ไ ด ใ ห วิ ธี ห มั ก ฟ า ง บ น พื้ น ร า บ โ ด ย ใ ช พ ล า ส ติ ค ใ ส ช นิ ด บ า ง ห น า 0.04 มิลลิเมตร รองทพ่ี น้ื กอ น และในระหวา งการหมกั ฟางใหค ลมุ ดว ยพลาสตกิ หรอื ผา รม เพอ่ื ปอ งกนั กา ซ แอมโนเนยี ระเหยหนีออกจากกองฟางหมัก ข้ันตอนในการทาํ ฟางหมกั 1. นําพลาสตกิ ใสชนดิ บางปบู นพน้ื ซเี มนตห รอื ปบู นพน้ื ดนิ กะใหม คี วามกวา ง 6 เมตร ยาว 8 เมตร โดยใหร มิ ผา ซอ นเหลอ่ื มกนั จนเตม็ พน้ื ท่ี 2. นาํ ฟาง 100 กิโลกรัม ไปแผบนพลาสติกใส เกลี่ยฟางใหกระจายหนาสมา่ํ เสมอ แลวเหยียบ ฟางใหแนน 3. รดฟางดว ยนา้ํ เปลา 3 ปบ (60 ลติ ร) โดยใชบ วั รดนา้ํ รด และขณะทร่ี ดนา้ํ ใหเหยียบฟางให แนนไปดวย 4. ชั่งปุยยูเรยี สูตร 46-0-0 จาํ นวน 6 กิโลกรัม เอาปยุ ยเู รยี นไ้ี ปละลายกบั นา้ํ เปลา 2 ปบ (40 ลติ ร) ใหม อื คนใหป ยุ ยเู รียละลายนา้ํ จนหมด แลว จงึ เทใสบ วั รดน้ํา นาํ ไปรดบนกองฟางและขณะรด นั้นใหเหยียบฟางใหแนน ๆ ดว ย 5. ยกผาพลาสตกิ รอบ ๆ กองฟางขน้ึ แลว หาทอ นไมไ มไ ผส อดไวข า งลา งผา พลาสตกิ หรือจะเอา มัดฟางสองเขา ขา งใต ทาํ เปน คนั เพอ่ื กนั นา้ํ ไมใ หไ หลออกจากกองฟาง 6. ใชพลาสตกิ ใสชนดิ บางปด ทบั ขา งบน อยา งใหม รี รู ว่ั หรอื จะใชเ ตน็ ทค ลมุ กองฟางใหม ดิ ชดิ เพ่ือปองกนั กา ซแอมโมเนยี ระเหยหนอี อกจากกองฟาง 7. ใชยางรถยนตห รอื ของหนักทับขางบน เปน การปอ งกนั ลมพดั 8. หมกั ไว 21 วัน จึงนาํ มาใหส ตั วก นิ ได หากตองการหมกั ฟางเปนจาํ นวนมากใหป ฏบิ ตั ดิ งั นค้ี อื หลงั จากทป่ี ฏบิ ตั เิ ปน ลําดบั ขน้ั ตง้ั แตข อ 1 ถงึ ขอ 4 ใหม จนกระทั่งฟางหมดแลวจึงทําขอ 5 ถงึ ขอ 8 เปน ขน้ั ตอนสดุ ทา ย
5 ภาพแสดง ขั้นตอนในการทําฟางหมกั อปุ กรณ ปุยยูเรีย (ปุยสูตร 46-0-0) เครอ่ื งชง่ั บวั รดนา้ํ พลาสตกิ ใสชนดิ บาง วธิ ที าํ 2. เกลี่ยฟาง 100 กิโลกรัมใหกระจาย 1. ปูพลาสตกิ ทบั กรอบไมไ ผข นาด ทว่ั กรอบไมไ ผ กวาง 6 เมตร ยาว 8 เมตร ใหพ ลาสตกิ ใส เลยกรอบไมไ ผป ระมาณ 50 เซนตเิ มตร 3. รดดว ยนา้ํ เปลา 3 ปบ เสร็จแลวให รดดว ยนา้ํ เปลา 2 ปบ ละลายกบั ยูเรยี 6 กิโลกรัม พรอมกับเหยียบฟางใหแนน 4. หากตองการทําฟางหมกั มากกวา 100 กิโลกรัม ใหป ฎบิ ตั ติ ามขอ 2 และ 3 ซํา้ อกี โดยปฟู าง 100 กโิ ลกรมั ครง้ั ทส่ี องนท้ี บั ไปบน กองแรกเลย 5. เมื่อทาํ ฟางหมดแลว ใหยกพลาสตกิ รอบๆ กองขน้ึ คลมุ แลว ปพู ลาสตกิ ใส หรอื เตนทค ลมุ ใหม ดิ กอง ระวงั อยา ใหม รี อยรว่ั
6 6. หาของหนักทับบนกองกนั ลมพัดแลว หมักไว 21 วัน จึงนาํ ไปใหส ตั วก นิ ได 2. การทาํ ฟางราดยูเรียผสมการนาํ้ ตาล การทําฟางราดยเู รยี เพอ่ื ตอ งการเพม่ิ โปรตนี และเพม่ิ พลงั งานเสรมิ เขา ไปในฟางขา ววธิ นี ไ้ี มต อ ง เสียเวลาในการหมกั ฟาง วัสดุที่ใช ม:ี ฟางขา ว 10 กิโลกรัม นา้ํ 6 กิโลกรัม กากน้ําตาล 0.75-1 กิโลกรัม ปุยยูเรีย 150 กรัม (1 ขดี ครง่ึ ) (1,000 กรัม = 1 กิโลกรัม) วธิ ที าํ 1. ชั่งฟาง 10 กิโลกรัม แลว เทใสใ นรางอาหาร 2. ชงั่ กากนํา้ ตาล 0.75-1 กิโลกรัม และปุยยูเรีย 150 กรัม 3. ละลายวสั ดขุ อ 2 กบั นา้ํ 6 กิโลกรัม 4. นําไปรดบนฟางทอ่ี ยใู นรางอาหาร ขอควรระวังในการทาํ ฟางหมกั 1. ระมดั ระวงั การใชย เู รยี โดยชง่ั ใหต รงตามทก่ี าํ หนด 2. ตองละลายยูเรียใหห มด อยา ใหเ หลอื เปน กอ นทก่ี น ภาชนะ 3. อยา ใหมรี อยรัว่ ที่พลาสติคใสหรือผาเตน ทท ค่ี ลุมกองฟางเพราะจะทาํ ใหไ ดฟ างหมกั ที่ไดมี คณุ ภาพตํ่า
7 4. อยา ใหก องฟางถกู แสงแดด ถาเปนไปไดควรทาํ ฟางหมกั ในพน้ื ทท่ี ม่ี หี ลงั คา 5. หลังจากหมักฟางครบ 21 วนั แลว ใหป ด กองฟางทป่ี ลายดา นใดดา นหนง่ึ ออกเพยี งดา นเดยี ว แลวตักไปใหสตั วก ิน หลงั จากนน้ั ใหป ด กองฟางไวต ามเดมิ 6. กอนจะนาํ ฟางไปใหสัตวกิน ควรผึง่ ฟางหมักในทร่ี ม สกั พกั เพอ่ื ปลอ ยใหก า ซแอมโมเนยี ระเหยหนไ้ี ปจนหมดกอ นแลว จึงนาํ ไปใหสัตวกิน 7. หากตองการเพม่ิ ความนา กนิ และเพม่ิ พลงั งานในฟางหมกั กอ นนําไปใหสตั วก ินใหใ ชก ากน้ํา ตาลละลายกบั นา้ํ อตั ราสว นกากน้าํ ตาล : นา้ํ เปน 1 : 2 แลว รดดว ยบวั รดนา้ํ (ใชก ากน้าํ ตาลไดไ มเ กนิ รอ ยละ 15 ของนา้ํ หนักฟางหมัก) 8. หากตองการเพม่ิ ความนา กนิ และลดความเฝอ นทเ่ี กดิ จากยเู รยี หลงั จากหมกั ฟางครบ 21 วันแลวใหเติมเกลือ 0.5%ของนา้ํ หนักฟางหมัก ละลายกบั นา้ํ รดทฟ่ี างหมกั แลว นําไปใหสัตวกิน 9. ในการเลี้ยงโคดวยฟางหมักเพียงอยางเดียวนั้น ตอ งหาแรธ าตเุ ตรยี มไวใ หโ คสามารถกนิ ได ตลอดเวลา 10. หากตอ งการเพิม่ คุณภาพฟางหมัก ใหเติมกํามะถนั ผงอตั ราสว นไนโตรเจน : กาํ มะถนั 15 :1 2. อาหารขนสําหรบั โคนม อาหารขน หมายถึง อาหารที่ประกอบดวยโปรตีน คารโบไฮเดรท วติ ามนิ และแรธ าตอุ ยคู รบใน อัตราสวนท่ีเหมาะสมตอ การเจรญิ เตบิ โตของสตั ว เปน อาหารทม่ี คี ณุ คา สงู มเี ยอ่ื ใยนอ ย อาหารขน สาํ หรบั โคนมนน้ั เกษตรกรจะซื้อจากบริษัทหรือจะผสมขึ้นใชเองก็ได ในกรณีทเ่ี ลย้ี งโคนมจํานวนนอ ย หาซื้อวัสดุดิบคุณภาพดียากหรือวัตถุดิบมีราคาแพง ขอแนะนาํ ใหซ อ้ื อาหารเมด็ สําเร็จรูปจากกลุมสหกรณหรือจากบริษัทจะเหมาะสมกวา อาหารขน สําหรบั โคนม การจะพิจารณาวา เมอ่ื ใดควรจะใหอ าหารขน แกโ คนมหรอื ไมน น้ั สําหรับสภาพการเลี้ยงโคนม ในเมอื งไทยควรยดึ หลกั ดงั น้ี 1. ลูกโคออ น เรม่ิ หดั ใหก นิ อาหารขน เมอ่ื ลกู โคอายไุ ด 8 วัน และใหกินไดเต็มที่ เมอ่ื ลกู โคอายุ ได 2 เดือน โดยใหอ าหารขน ไมเ กนิ วนั ละ 2 กิโลกรัม อาหารขน ทใ่ี หค วรจะมโี ปรตนี ประมาณ 20% 2. โคเลก็ อาหารขน สาํ หรบั โคเลก็ ควรจะมโี ปรตนี อยรู ะหวา ง 16-18% 3. โครุนหรอื โคสาว อาหารขน สาํ หรบั โครนุ หรอื โคสาวควรจะมโี ปรตนี อยรู ะหวา ง 14-16% 4. โคใหนม ควรจะมโี ปรตนี 16-18% 5. สําหรบั โคเลก็ โครนุ และโคใหน มนน้ั หากโคไดกินอาหารหยาบที่มีคุณภาพดี(มีทั้งหญาและ พืชถั่วอาหารสัตว) เราสามารถลดปรมิ าณโปรตนี ในอาหารขน ใหล ดลงไปจากทก่ี ําหนดไวไ ดอ กี
8 6. สําหรบั โคใหน มนน้ั หากโคตวั ใดใหน มต่าํ กวา วนั ละ 5 กิโลกรัม ควรใหโ คไดกินแตอ าหาร หยาบที่มีคุณภาพดี โดยใหกินอยางเต็มที่ไมจาํ ตอ งใหอ าหารขน เสรมิ 7. ถาโคใหน มสามารถใหน มไดว นั ละ 5-10 กิโลกรัม ควรใหโคไดกินอาหารหยาบที่มีคุณภาพ ดี และเสรมิ ดว ยกากถว่ั เหลอื ง หรอื กากฝา ยเพยี งเลก็ นอ ย เพอ่ื เพม่ิ โปรตนี ในอาหารหยาบ โดยไมจาํ เปน ตองเพม่ิ อาหารขน ให 8. ถาโคใหน มสามารถใหน มไดม ากกวา 10 กิโลกรัม ในแตล ะวนั แลวั จงึ สมควรใหอ าหารขน เสรมิ เกณฑการเสริมอาหารขน ใหแ กโ คนมเหลา น้ี เกษตรกรบางรายสามารถเปลย่ี นแปลงไดต าม ความเหมาะสมโดยพิจารณาถึงรายไดและรายจายเปนหลักสาํ คญั สูตรอาหารขน สาํ หรบั ลกู โคออ น สูตรน้ีสําหรบั ลูกโคที่มอี ายุตั้งแต 8 วัน กจ็ ะสามารถใหล กู โคเรม่ิ หดั กนิ ไดแ ลว และเพม่ิ ปรมิ าณ มากขึ้นเรื่อย ๆ จนสามารถใหอ าหารขน สตู รนเ้ี มอ่ื โคอายไุ ด 2 เดอื น โดยใหไ ดไ มเ กนิ วนั ละ 2 กิโลกรัม สูตรอาหารขน สาํ หรบั ลกู โคออ นนม้ี โี ปรตนี ประมาณ 20% ประกอบดว ย ราํ ละเอยี ด 30 กิโลกรัม ขา วโพดปน 40 กิโลกรัม กากถว่ั เหลอื งปน 20 กิโลกรัม กระดูกปน 1.5 กิโลกรัม เกลอื ปน 0.5 กิโลกรัม รวม 100 กิโลกรัม สูตรอาหารขน สาํ หรบั โคเลก็ สูตรนม้ี ปี รมิ าณโปรตนี 16-18% เหมาะสําหรับโคที่มีอยูตั้งแต 2 อาทติ ยข น้ึ ไป มใี หเ ลอื กผสม ได 4 สูตร โดยใหพ จิ ารณาถงึ ราคาและคณุ ภาพของวตั ถดุ บิ เปน เกณฑ วตั ถดุ บิ แตล ะชนดิ นน้ั มหี นว ยนา้ํ หนกั เปน กโิ ลกรมั สูตรที่ 1 สูตรท่ี 2 สูตรที่ 3 สตู รท่ี 4 ราํ 30 30 30 24 ปลายขา ว 25 20 44 36 ขาวโพด 25 20 6 8 กากถว่ั เหลอื ง 17 8 18 10 ใบกระถิน - 20 - 20 กระดูกปน(หรือไดแคลเซียมฟอสเฟต) 2 11 1 เกลอื 1 1 1 1 รวม 100 กก. 100 กก. 100 กก. 100 กก. อาหารขน สาํ หรบั โครนุ หรอื โคสาว ปริมาณโปรตีนในอาหารขน สาํ หรบั โครนุ หรอื โคสาวนน้ั จะมากนอ ยเทา ใดขน้ึ อยกู บั คณุ ภาพ อาหารหยาบ นา้ํ หนกั ของโค และระยะการเจรญิ เตบิ โตของโคดว ย นอกจากนแ้ี ลว คณุ ภาพของอาหาร
9 หยาบยังขึ้นอยกู ับฤดูกาลอีกดว ย เชน ฤดฝู น อาหารหยาบจะมีคุณภาพดี แตใ นฤดแู ลง คณุ ภาพอาหาร หยาบจะไมคอยดี ดังน้ัน หากโคไดกินอาหารหยาบคุณภาพดี เราจะสามารหถเตรยี มอาหารขน ทม่ี เี ปอรเ ซน ต โปรตีนตํากวาเกณฑทั่วไปได แตถาใหโคไดกินแตฟางหรือหญาคุณภาพเลว ผเู ลย้ี งจงึ ตอ งเตรยี มอาหาร ขนท่ีมีปรมิ าณโปรตนี สงู ตงั ตวั อยา ง อาหารหยาบทโ่ี คไดก นิ อาหารขน ทจ่ี ะผสมใหโ คกนิ หญา หรือหญาและฟาง ผสมใหมีโปรตีน 12% - 14% หญาและพืชถั่วอาหารสัตว หรือหญาและ ผสมใหมีโปรตีน 10% - 12% ใบกระถิน สูตรอาหารขน สาํ หรบั โครนุ หรอื โคสาว วตั ถดุ บิ ปรมิ าณ ขาวโพด รํา กากถว่ั เหลอื ง แรธ าตุ รวม โปรตนี ปลายขา ว(กก.) (กก.) (กก.) (กก.) (กก.) 10% 70 26 2 2 100 80 15 3 2 100 93 - 5 2 100 12% 50 43 5 2 100 70 20 8 2 100 14% 50 36 12 2 100 81 - 17 2 100 หมายเหตุ สาํ หรบั แรธ าตทุ เ่ี ขยี นวา 2 กิโลกรัมนั้น ประกอบดว ยกระดูกปน 1 กโิ ลกรมั (หรือจะใหใด แคลเซยี มฟอสเฟต 1 กโิ ลกรมั กไ็ ด) และเกลอื 1 กโิ ลกรมั นอกจากนี้แลว สตู รอาหารขน ทม่ี โี ปรตนี 12% น้ัน มีสตู รเสนอใหเ ลอื กเพม่ิ เตมิ โดยพิจารณา ถึงคุณภาพและวตั ถดุ บิ ทม่ี อี ยใู นแตล ะฤดกู าลดงั ตอ ไปน้ี
10 สูตรอาหารขน สาํ หรับโคนมที่มีโปรตนี 12% สูตรที่ 1 สูตรที่ 2 สูตรที่ 3 ราํ ละเอยี ด 45 50 45 ปลายขา ว 30 - 20 มนั สาํ ปะหลัง - 25 10 กากถว่ั เหลอื ง 10 15 12 กากมะพรา ว 10 5 8 กระดูกปน (หรือไดแคลเซียมฟอสเฟต) 2 22 แรธ าตุ 2 2 2 เกลอื ปน 1 11 หมายเหตุ สาํ หรบั กระดกู ปน (หรอื จะใชไ ดแคลเซยี มฟอสเฟตกไ็ ด)แรธาตุและเกลือปนที่ระบุไวในสูตรที่ 1 สตู รท่ี 2 และสตู รท่ี 3 นน้ั ไมต อ งผสมลงไปตามสตู รกไ็ ด ถาหากผูเลี้ยงสามารถผสมแรธาตกุ อ น หรือผสมแรธาตุชนิด ผงอยา งงา ยตง้ั ไวข า งคอกใหว วั ไดเ ลยี กนิ ตลอดเวลา อาหารขน สําหรบั โคใหน ม ในทางปฏิบตั ิ เราจะปลอ ยโคใหน มไดก นิ อาหารหยาบอยา งเตม็ ท่ี และการจะเพมิ่ อาหารขมให หรือไมน น้ั มหี ลกั ควรยดึ ปฏบิ ตั ดิ งั ทก่ี ลา วไวใ นหนา 9 นอกจากน้ีแลว ยงั ตอ งพจิ ารณาถงึ ปจ จยั ตา ง ๆ ประกอบกบั การใหอ าหารขน ดว ย ดงั น:้ี 1. นา้ํ หนกั ของแมโ ค 2. จาํ นวนและคณุ ภาพ 3. เปอรเซน็ ตไ ขมนั ในนมของนา้ํ นม 4. ปรมิ าณนา้ํ นมทไ่ี ดร บั ถาผูเล้ียงสามารถเตรยี มอาหารหยาบทมี่ คี ุณภาพดีใหโ คใหน มไดกินแลว จะสามารถลดตน ทนุ อาหารขนได โดยการเตรยี มอาหารขน ใหม เี ปอรเ ซน็ ตโ ปรตนี ตา่ํ ลงกวา เกณฑป กตไิ ด ดงั ตอ ไปน้ี 1. เมอ่ื โคใหน มไดก นิ อาหารหยาบคณุ ภาพดมี าก เชน หญาแหงผสมกับพืชถั่วอาหาร สัตว หรือหญา และพชื ถว่ั อาหารสตั วห มกั ควรผสมอาหารขน ใหม ปี รมิ าณโปรตนี ระหวา ง 9-10% 2. เมื่อโคใหนมไดกินอาหารหยาบคุณภาพดี เชน หญาออนที่มีพืชถั่วอาหาร สัตวป ะปน อยู ควรผสมอาหารขน ใหม ปี รมิ าณโปรตนี 13% 3. เม่ือโคใหน มไดก นิ อาหารหยาบคณุ ภาพปานกลาง เชน หญา ออ นทม่ี ใี บมาก(แตไ มม ี พืชถั่วอาหารสัตวปะปนอย)ู ควรผสมอาหารขน ใหม ปี รมิ าณโปรตนี 15% 4. เม่อื โคใหน มไดกินอาหารหยาบคณุ ภาพตํ่า เชน หญาแกจัด หรือหญา ทมี่ ใี บนอ ย หรือใหกนิ ฟางขา ว ควรผสมอาหารขน ใหม ปี รมิ าณโปรตนี 17-20%
11 การเตรยี มอาหารขน สําหรบั โคใหน ม 1. การเตรยี มอาหารขน ใหม ปี รมิ าณโปรตนี 9-10% สตู รท่ี 1 สูตรท่ี 2 ขาวโพดบดทัง้ ฝก 530 กิโลกรัม ขาวโพดบดทั้งฝก 350 กิโลกรัม ราํ ละเอยี ด 400 กโิ ลกรมั ราํ ละเอยี ด 400 กิโลกรัม กากถว่ั เหลอื ง 70 กโิ ลกรมั มันเสน 150 กิโลกรัม กากเมลด็ ฝา ย 100 กิโลกรัม 2.การเตรยี มอาหารขน ใหม ปี รมิ าณโปรตนี 12-14% สูตรท่ี 1 สูตรที่ 2 ราํ ละเอยี ด 450 กิโลกรัม ราํ ละเอยี ด 400 กิโลกรัม ขา วโพดบดท้งั ฝก 300 กิโลกรัม ขาวโพดบดทั้งฝก 200 กิโลกรัม กากถว่ั เหลอื ง 200 กโิ ลกรมั มันเสน 100 กิโลกรัม กากเมลด็ ฝา ย 200 กิโลกรัม กากถว่ั เหลอื ง 150 กิโลกรัม 3.การเตรยี มอาหารขน ใหม ปี รมิ าณโปรตนี 15-16% สตู รท่ี 1 สูตรที่ 2 ราํ ละเอยี ด 450 กิโลกรัม ราํ ละเอยี ด 350 กิโลกรัม ขาวโพดบดทง้ั ฝก 300 กิโลกรัม ขาวโพดบดทั้งฝก 350 กิโลกรัม กากถว่ั เหลอื ง 250 กิโลกรัม กากเมลด็ ฝา ย 150 กิโลกรัม กากถว่ั เหลอื ง 150 กิโลกรัม 4.การเตรยี มอาหารขน ใหม ปี รมิ าณโปรตนี 17-20% สตู รท่ี 1 สูตรที่ 2 ขา วโพดบด 200 กิโลกรัม ขาวโพดบด 200 กิโลกรัม ราํ ละเอยี ด 200 กิโลกรัม ราํ ละเอยี ด 500 กิโลกรัม ปลายขา ว 200 กโิ ลกรมั กากถว่ั เหลอื ง 200 กิโลกรัม กากเมล็ดฝา ย 200 กโิ ลกรมั กากเมลด็ ฝา ย 100 กิโลกรัม กากถว่ั เหลอื ง 100 กิโลกรัม กากถว่ั ลสิ ง 100 กิโลกรัม การเตรยี มอาหารขน สําหรบั โคนมแหง โดยท่ัวไป เราจะใหโ คนมแหง กนิ อาหารขน วนั ละ 2.5-5 กิโลกรัม ทง้ั นข้ี น้ึ อยกู บั คณุ ภาพของ อาหารหยาบ ขนาดของโค สภาพและความสามารถในการใหน มของโค
12 สูตรอาหารขน สาํ หรบั โคนมแหง ซ่ึงมีความสมั พนั ธก บั อาหารหยาบดงั ตอ ไปน้ี: อาหารหยาบ สูตรอาหารขน คุณภาพดี สูตรที่ 1 ราํ 200 กิโลกรัม ขา วโพดบดทง้ั ฝก 300 กิโลกรัม สูตรที่ 2 ราํ 200 กิโลกรัม ขาวโพดบดทั้งฝก 200 กิโลกรัม ปลายขา ว 100 กิโลกรัม คุณภาพไมดี สูตรที่ 1 ขาวโพดบดทั้งฝก 200 กิโลกรัม ราํ ละเอยี ด 250 กิโลกรัม กากถว่ั เหลอื ง 50 กิโลกรัม สูตรที่ 2 ขาวฟา งบด 250 กิโลกรัม ขา วโพดบดท้ังฝก 150 กิโลกรัม ราํ 20 กิโลกรัม กากถว่ั เหลอื ง 50 กิโลกรัม ขอแนะนําเพม่ิ เตมิ 1.นอกจากจะใหโคไดกินอาหารหยาบ และอาหารขน แลว จะตอ งใหโ คไดก นิ นา้ํ สะอาดอยา งพอ เพียง โดยเฉพาะอยา งยง่ิ ตอ งมแี รธ าตเุ อาใหโ คไดก นิ อยตู ลอดเวลา โดยผูเลีย้ งจะเตรยี มไวใ หโคในรูป เปนผง ซง่ึ มวี ธิ กี ารเตรยี มทง่ี า ย หรอื อาจจะเตรยี มโดยอดั ใหเ ปน กอ นกไ็ ด 2.ในการผสมอาหารขน เองนน้ั ควรจะกระทาํ กต็ อ เมอ่ื มโี คนมอยจู าํ นวนมาก สามารถหาซอ้ื วตั ถุ ดิบท่ีมีอยูในสูตรไดง าย และวตั ถดุ บิ เหลา นน้ั ตอ งมคี ณุ ภาพดี คอื ใหม สด ไมม กี ลน่ิ เหมน็ หนื ไมม สี ง่ิ ปลอมปนและประการสําคัญคือ หากคํานวณดแู ลว ปรากฏวา ตน ทนุ อาหารขน ทผ่ี มเองนน้ั ราคาใกลเ คยี ง กับอาหารเมด็ ทบี่ รษิ ัทผลิตขาย อยา งน้ีแลว จึงควรวจะซื้อจากบริษัท แตห ากเกษตรมวี ตั ถดุ บิ ตา งๆ ที่ดี และมีคุณภาพ ท้งั ราคาท่ผี สมเองถกู กวาซื้อจากบริษัท ตงั นจ้ี งึ นา จะผสมไวใ ชเ อง สูตรอาหารขน ทแ่ี นะนํามาทง้ั หมดน้ี สามารถดดั แปลงได โดยพิจารณาถึงราคาและคุณภาพวัตถุ ดิบเปนเกณฑ แตใ นการเปลย่ี นสตู รอาหารแตล ะครง้ั ควรปรกึ ษากบั ผทู ม่ี คี วามรใู นดา นนก้ี อ น ข้ันตอนในการผสมอาหารขน ดว ยตวั เอง 1. ช่ังวัตถดุ บิ แตล ะชนดิ ใหไ ดน า้ํ หนกั ตามตอ งการ 2. เทวัตถุดิบทม่ี นี า้ํ หนกั มากทส่ี ดุ ทม่ี อี ยใู นสตู รอาหารนน้ั กองบนพน้ื เปน อนั ดบั แรก 3. เทวตั ถดุ บิ ทม่ี นี ้าํ หนกั กรองลงมา เททับลงไปเปนชั้น ๆ ตามลําดบั 4. โรยแรธ าตแุ ละวติ ามนิ (ถา มใี นสตู ร)เปน ลําดบั สดุ ทา ย โดยโรยใหทั่ว ๆ กอง 5. คลุกเคลา วตั ถดุ บิ ใหเ ขา กนั ทว่ั ทง้ั กอง 6. หากพบเศษวตั ถตุ า ง ๆ เชน เชอื กไนลอ น เชือกฟาง ถงุ พลาสตกิ กนบุหรี่ หลอดกาแฟ ตาปู หรือส่ิงปลอมปนอน่ื ๆ ใหเก็บออกทันทีที่พบเห็น Main Page
13
Search
Read the Text Version
- 1 - 13
Pages: