เผยแพรโดย กองเพาะเลี้ยงสัตวนํ้าชายฝง และกองสง เสรมิ การประมง โครงการพัฒนาพื้นที่ลุมนํ้าปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดําริ กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ สารบญั การแพรกระจายและแหลงที่อยูอาศัย การอนุบาลลูกปลาวัยออน ลักษณะรูปราง การเลี้ยงปลากดเหลืองในบอดิน ขนาดสมบูรณเพศและฤดูกาลวางไข การเลี้ยงปลากดเหลืองในกระชัง ลักษณะไขและความดกไข การปองกันรักษาโรคและพยาธิ การผสมเทียมปลากดเหลือง คําแนะนําการปองกันสัตวนํ้าจากภัยธรรมชาติ การเพาะเลย้ี งปลากดเหลอื ง คํานํา ปลากดเหลอื ง (Mytus nemurus, Cuv & Val) เปน ปลาน้ําจดื พน้ื บา นทไ่ี มม เี กลด็ ของไทย พบ แพรกระจายกวางขวางในแหลงน้ําธรรมชาติ ตลอดจนอางเก็บน้ําและเขื่อนตาง ๆ รวมทั้งบริเวณ ปากแมน าํ้ ทเ่ี ปน น้ํากรอ ย ปจ จบุ นั ปลากดเหลอื งเปน ปลาน้ําจืดเศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่งที่เกษตรกรสนใจทํา การเพาะเลย้ี งเปน อาชพี โดยเฉพาะในจงั หวดั นครศรธี รรมราช บรเิ วณพน้ื ทล่ี มุ น้ําปากพนัง เกษตรกรจะ นยิ มเลย้ี งปลากดเหลอื งในกระชงั และในบอ ดนิ ทเ่ี คยเลย้ี งกงุ กลุ าดํามากอ น ปลากดเหลอื งจดั วา เปน ปลา ชน้ั ดใี นทอ งตลาด จงึ เปน ทต่ี อ งการของตลาดทง้ั ในประเทศและนอกประเทศ โดยเฉพาะประเทศมาเล เซีย และสิงคโปร ปลากดเหลืองจึงเปนปลาอีกชนิดหน่ึง ท่ีคาดวาจะเปนปลาท่ีมีความสําคัญทาง เศรษฐกจิ มากในอนาคตและมศี กั ยภาพทส่ี ามารถพฒั นาการเพาะเลย้ี งในเชงิ พาณิชยตอไป
การเพาะเลี้ยงปลากดเหลือง 2 การแพรก ระจายและแหลง ทอ่ี ยอู าศยั ปลากดเหลอื ง พบแพรกระจายในแหลงนํ้าจืดทั่วไปของทวีปเอเชีย ตง้ั แตเ อเชยี ตะวนั ตก ไดแก อนิ เดยี เนปาล ปากสี ถาน และบังคลาเทศ และเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต ไดแก พมา ไทย สาธารณรฐั ประชาธิปไตยประชาชนลาว กัมพูชา เวยี ดนาม มาเลเซยี และอนิ โดนเี ซยี ในประเทศไทย พบแพร กระจายในแหลง นํ้าธรรมชาตแิ ละอา งเกบ็ น้ําทุกภาคของประเทศไทย เชน ภาคเหนือ พบในลําน้าํ กก ปง วัง ยม นา น กวานพะเยา บงึ บอระเพด็ เขอ่ื นภมู พิ ล เขอ่ื นสริ กิ ติ ต์ิ และเขอ่ื นกว่ิ ลม ภาคตะวนั ออกเฉยี ง เหนอื พบในแมน ้ํามลู แมน ้ําโขงและสาขา ในเขอ่ื นอบุ ลรตั น เขอ่ื นลําปาว เขอ่ื นลําตะคอง อา งเกบ็ น้ําพุง เปน ตน ภาคกลางพบในแมน ้ําเจาพระยา ทาจีน แมก ลอง บางปะกง ปา สกั เขอ่ื นศรนี ครนิ ทร เขอ่ื นวชริ า ลงกรณ และแกงกระจาน ภาคใตพ บในแมน ้ําปากพนงั ตาป ปต ตานี สายบุรี บางนรา โกลก และสาขา ตลอดจนบรเิ วณปากแมน ้ํายา นน้ํากรอ ยบรเิ วณชายฝง กพ็ บปลากดเหลอื งได นอกจากนพ้ี บในทะเลนอ ย ทะเลสาบสงขลา และพรุตา ง ๆ เชน พรุโตะแดง จงั หวดั นราธวิ าส พรคุ วนเครง็ จงั หวดั นครศรธี รรมราช ปลากดเหลอื งสามารถเจรญิ เตบิ โต และอาศัยอยไู ดใ นสภาพแวดลอมท่หี ลากหลาย เปน ปลาท่ี ชอบอาศยั อยตู ามพน้ื ทอ งน้ําทเ่ี ปน แอง หนิ หรอื เปน พน้ื ดนิ แขง็ น้าํ คอ นขา งใส และมีกระแสนํ้าไหลเชี่ยวไม แรงนกั พบอยใู นระดบั ความลกึ ตง้ั แต 2-40 เมตร อกี ทง้ั ชอบอาศยั หาอาหารบรเิ วณทน่ี ้ําจากตน น้ํา เหนอื เขอ่ื นหรอื อา งเกบ็ น้ําไหลมาบรรจบกบั บรเิ วณแนวน้ํานง่ิ โดยเฉพาะบริเวณปากแมนํ้า ซง่ึ มนี ้ําจืด ไหลปะทะกับแนวนํ้าเคม็ มกี งุ ปลา ปู หอย คอ นขา งสมบรู ณ ชาวประมงจะจบั ปลากดเหลอื งไดม ากใน บรเิ วณน้ี ลกั ษณะรปู รา ง ปลากดเหลอื ง เปน ปลาน้ําจดื ทไ่ี มม เี กลด็ ลําตวั กลม ยาว หวั คอ นขา งแบน กระดูกทายทอยยาว ถงึ โคนครบี หลงั มหี นวด 4 คู ครบี หลงั เปน ครบี เดย่ี ว มกี า นครบี แขง็ 1 กา น และกา นครบี ออ น 7 กา น มเี งย่ี งแขง็ และแหลมคม 1 คู มกี า นครบี ออ นขา งละ 9 กา น ครีบหางเวาลึกแฉกบนยาวกวาแฉก ลา ง ลกั ษณะสขี องลําตวั จะเปลย่ี นไปตามอายุ ขนาด และแหลงที่อยูอาศัย ปลากดเหลอื งทม่ี ขี นาดโตเตม็ วยั ลาํ ตวั บรเิ วณสว นหลงั มสี นี ้ําตาลเขม ปนดํา บรเิ วณดา นขา งลําตวั มสี นี ้ําตาลปนเหลอื ง และบริเวณสวน ทอ งมสี ขี าว ปลากดเหลอื งเปน ปลาทม่ี ขี นาดปานกลาง ขนาดใหญที่สุดยาวกวา 50 ซม. สวนใหญที่พบมี ขนาดประมาณ 30 ซม. หรอื เลก็ กวา ลักษณะปลาเพศผู 1. ลาํ ตัวเรียวยาว 2. ทอ งไมอ มู 3. ลกั ษณะเพศเปน ต่งิ เรยี วยาวและปลายแหลมยน่ื ออกมาประมาณ 1 ซม. ลกั ษณะของปลาเพศเมยี 1. ลาํ ตวั อว นปอ ม ชอ งทองขยายกวา ง 2. ลกั ษณะทองอมู เปง ชดั เจน 3. ลกั ษณะเพศเปน รกู ลม สีชมพูเรื่อ ๆ ขนาดสมบรู ณเ พศและฤดกู าลวางไข ปลากดเหลอื งเพศเมยี มไี ขแ กแ ละสามารถวางไขส บื พนั ธไุ ดม ขี นาดตง้ั แต 26.0 ซม. ขน้ึ ไป สวน ปลาเพศผมู นี ้ําเชอ้ื สมบรู ณส ามารถ สบื พนั ธไุ ดม ขี นาดตง้ั แต 24.0 ซม.ขน้ึ ไป ปลากดเหลอื งสามารถวาง ® กลับไปหนากอนนี้ ¯ หนาถัดไป กลับหนาหลัก/สารบัญ
การเพาะเลี้ยงปลากดเหลือง 3 ไขไ ดเ กอื บตลอดทง้ั ป แตส ว นใหญอ ยรู ะหวา งเดอื นกมุ ภาพนั ธ ถงึ เดอื นตลุ าคมของทกุ ป อยา งไรกต็ าม ภาคใตต อนลา ง สามารถเพาะพนั ธปุ ลากดเหลอื งไดต ง้ั แตป ลายเดอื นเมษายนจนถงึ เดอื นมกราคม แต เปน ทน่ี า สงั เกตวา ฤดกู าลวางไขข องปลากดเหลอื ง จะแตกตางกนั ไปตามสภาพและที่ตง้ั ของพน้ื ท่ี ลกั ษณะไขแ ละความดกไข ปลากดเหลอื งมไี ข 2 พู ปรมิ าณความดกของไข แมป ลาทม่ี ขี นาดความยาว 15-35 ซม. นา้ํ หนกั 28-370 กรัม มปี รมิ าณไขเ ฉลย่ี 35,000 ฟอง ไขป ลากดเหลอื งเปน ไขจ มและตดิ กบั วสั ดุ ใตน าํ้ เมอ่ื สมั ผสั กบั น้ํามสี ารเมอื กเหนยี วทร่ี อบเปลอื กไข ทําใหไ ขป ลาตดิ กบั วสั ดุ หรอื ไขต ดิ กนั เปน กลมุ กอ น ไขม ขี นาดเสน ผา ศนู ยก ลางประมาณ 1 มม. เมอ่ื ถกู น้ําจะพองออกเลก็ นอ ย การผสมเทยี มปลากดเหลอื ง ปลากดเหลอื งทน่ี ํามาเปน พอ แมพ นั ธุ ตอ งมอี ายตุ ง้ั แต 1 ปข น้ึ ไป น้าํ หนกั ไมต ่ํากวา 200 กรัม ขน้ึ ไป มาฉดี ฮอรโ มนสงั เคราะห (Suprefect) รว มกับยาเสริมฤทธิ์ (Motilium) บรเิ วณทฉ่ี ดี ฮอรโ มน คอื ทางชอ งทอ งหรอื กลา มเนอ้ื บรเิ วณสว นหลงั เหนอื เสน ขา งตวั การฉีดฮอรโมนผสมเทียมจะตองคัดเลือกพอแมพันธุปลากดเหลืองท่ีมีความสมบูรณเพศมาฉีด ฮอรโ มนสงั เคราะหแ ละยาเสรมิ ฤทธ์ิ ในปลาเพศเมยี เขม็ ท่ี 1 ฉดี ฮอรโ มนสงั เคราะห ในปรมิ าณ 7 ไมโครกรมั + และยาเสริมฤทธิ์ 5 มลิ ลกิ รมั ตอ แมป ลา 1 กิโลกรัม และเวน ระยะ 6 ชั่วโมง ก็ทาํ การฉดี เขม็ ท่ี 2 ฉดี ฮอรโ มนสงั เคราะหใ นปรมิ าณ 25 ไมโครกรมั + และยาเสริมฤทธิ์ 5 มลิ ลกิ รมั ตอ น้ําหนกั แม ปลา 1 กิโลกรัม พรอมทั้งทําการฉดี ฮอรโ มนสงั เคราะหป ลาเพศผใู นปรมิ าณ 5 ไมโครกรมั +และยาเสริม ฤทธิ์ 5 มลิ ลกิ รมั ตอ น้ําหนกั พอ ปลา 1 กิโลกรัม เวน ระยะประมาณ 8 ชั่วโมง ก็ทาํ การรดี ไขผ สมกบั น้ํา เชอื้ และลา งไขด ว ยน้ําสะอาดหลาย ๆ ครง้ั นําไขไปโรยบนแผงฟกไขเพื่อใหไขฟกเปนตัว ไขที่ ไดร บั การผสมจะมลี กั ษณะกลมสเี หลอื งสดใส สว นไขท ไ่ี มไ ดร บั การผสมจะมสี ขี าวขนุ หรอื บดิ เบย้ี ว ไข ปลากดเหลอื งจะฟก เปน ตวั ภายในเวลา 30 ชม. ในอณุ หภมู นิ ้ํา 26-28O C การอนบุ าลลกู ปลาวยั ออ น หลงั จากลกู ปลาฟก เปน ตวั ได 3 วัน มคี วามยาวลําตวั ประมาณ 3 มม. ระยะนล้ี กู ปลาจะเรม่ิ วา ย นา้ํ หาอาหาร ลกู ปลาจะมลี กั ษณะลําตวั ขาวใส อาหารที่ใหจะเปนไรแดง หรืออารทีเมีย จนลกู ปลามอี ายุ ไดป ระมาณ 1 สัปดาห จะเรม่ิ ใหอ าหารผงของปลาดกุ เลก็ (Powder feed) หรอื ปลาสดสบั ละเอยี ด วัน ละ 4 ครง้ั (8.00 น., 11.00 น., 15.00 น., และ 18.00 น.) หลงั จากนน้ั 2 สัปดาห ลกู ปลาเรม่ิ มี ขนาดแตกตางกัน จะตองหม่ันคัดขนาดลูกปลา จะชวยลดการกินกันเอง และลูกปลาจะมีขนาด 1.5-2.0 นว้ิ ในระยะเวลา ประมาณ 45 วัน การเลย้ี งปลากดเหลอื งในบอ ดนิ การเตรียมบอ 1. การสบู น้ําออกจากบอ โดยตง้ั เครอ่ื งสบู ตรงจดุ ทส่ี ามารถวดิ น้ําไดห มด เพือ่ ทุน คา ใชจา ย และการทาํ งาน การสบู น้ําควรสูบใหแหงเพื่อกําจดั ศตั รปู ลาและทําการหวา นปนู ขาวทนั ทใี น ขณะดนิ เปย ก ในอตั รา 60-100 กิโลกรัม/ไร 2. การกาํ จดั ศตั รปู ลาและการปอ งกนั ควรทาํ การกําจดั ศตั รปู ลา ไดแก ปลาชนดิ ตา ง ๆ กบ เขยี ด ปู นกชนดิ ตา ง ๆ การกําจัด อาจใชป นู ขาว โลต น๊ิ กากชา หรอื สารเคมี เชน คลอรนี ผง ® กลับไปหนากอนนี้ ¯ หนาถัดไป กลับหนาหลัก/สารบัญ
การเพาะเลี้ยงปลากดเหลือง 4 อตั รา 5 พีพีเอ็ม ละลายน้ําแลวสาดใหทั่วบอสําหรบั การปอ งกนั ศตั รปู ลา จัดทําโดยใชเ ฝอ ก อวนไนลอ น หรอื ปลกู ตะไครล อ มรอบคนั บอ 3. การกาํ จดั พนั ธไุ มน ้ําและวัชพืช พนั ธุไมนาํ้ และวัชพืชอื่น ๆ จะเปน แหลง หลบซอ นของศตั รู ปลาและสว นทต่ี ายจะเนา เสยี มผี ลตอ คณุ ภาพน้ํา ทําอนั ตรายตอ ปลาทเ่ี ลย้ี งไดแ ละวชั พชื ตา ง ๆ จะเปนอุปสรรคตอการจับปลาและทําใหการเลี้ยงไดผลผลิตไมแนนอน จึงตอง ทาํ การกําจดั พนั ธไุ มน ้ําและวัชพืชที่มีอยูภายในบอเลี้ยงใหหมด 4. การตากบอ นอกจากจะทําเพ่ือเปนการกําจัดศัตรูปลาแลว ยังเปนการชวยใหแกสพิษ บางชนดิ ทฝ่ี ง กน บอ มีโอกาสระเหยและถูกทําลายโดยแสงแดดและความรอ น ทง้ั ยงั เปน การ ฆา เชอ้ื โรคทอ่ี ยบู รเิ วณกน บอ ใหต ายลง เปน การทําใหห นา ดนิ ในบอ มคี ณุ ภาพดขี น้ึ ในกรณที ่ี บอมีเลนกนบอหนา ควรทําการปาดเลนทิ้งกอนหรือทําการไถพรวน แลวทําการหวาน ปนู ขาวและตากบอ ตอ ไป กรณที บ่ี อ เปน ดนิ ดนิ เปรยี้ วจัด ไมค วรปาดเลนทง้ิ เพราะจะทําให นา้ํ ทส่ี บู เขา มาใหมเ ปน กรดจดั ขน้ึ 5. การปรับสภาพดิน การปรบั สภาพดนิ ขน้ึ อยกู บั ความเปน กรด-ดา งของดนิ เปน หลกั การ ตรวจสอบสภาพดินท่ีเปนกรดควรปรึกษาเจาหนาท่ีประมงกอนในสภาพดินท่ีเปนกรด สังเกตพบหญาแหวทรงกระเทียมหรือกระจูดหนูกกและเสม็ด น้ํ าในบอมีสีใส แบบตาตั๊กแตน หรืออาจทดสอบโดยใชกระดาษวัดความเปนกรด-ดาง หรืออาจชิมน้ํา บรเิ วณใกลบ อ เลย้ี งจะมรี สเฝอ น ๆ และอกี วธิ หี นึง่ คอื ใชน ้ําหมากบว นลงในแหลง น้ํา ถา น้ํา หมากเปล่ียนจากสีแดงอิฐเปนสีแดงเขมแสดงวาเปนกรดจัด การปรับสภาพดนิ ทเ่ี ปน กรด อาจใชป นู ขาว ตง้ั แต 100-200 กก./ไร กรณที เ่ี ปน บอ เกา ผา นการใชง านมา 2-3 ป อาจ ดําเนินการไถพรวนดนิ กน บอ พรอ มสบู น้ําทิ้ง เพอ่ื ลดปรมิ าณสารอนิ ทรยี ใ นดนิ ทม่ี ผี ลตอ การเนา เสยี ของกน บอ แลว หวา นปนู ขาวในอตั รา 200 กก./ไร พรอ มการไถพรวนดนิ ไดย ง่ิ ดี คณุ สมบตั ขิ องปนู ขาว ชวยฆาเชื้อโรค และทําใหตะกอนทแ่ี ขวนลอยในน้ําตกตะกอน เร็วขึ้นและทําการตากบอใหแหงสนิท เปนระยะเวลา 3-4 สัปดาห จึงเปดนํ้าเขาบอ อยา งนอ ย 3-5 วัน จึงปลอ ยปลาลงเลย้ี งได ® กลับไปหนากอนนี้ ¯ หนาถัดไป กลับหนาหลัก/สารบัญ
การเพาะเลี้ยงปลากดเหลือง 5 การเลย้ี งปลากดเหลอื งในบอ ดนิ ขนาด 1 ไร จํานวน 5 บอ ของเกษตรกรอําเภอปากพนัง และอําเภอเชียรใหญ จงั หวดั นครศรธี รรมราช ในอตั ราการปลอ ย 5 ตวั /ตารางเมตร หรอื ปลอ ยบอ ละ 7,700 ตวั ขนาดเรม่ิ ปลอ ยความยาว ประมาณ 5 ซม. ใหอ าหารเมด็ ปลาดกุ เลก็ พเิ ศษในระยะเวลา2 เดอื นแรก อาหารเมด็ สตู รปลาดกุ เลก็ ในระยะเวลา 2 เดอื นถดั มา และอาหารเมด็ ปลาดกุ ใหญอ กี 2 เดอื น เปน ระยะเวลาการเลย้ี ง 6 เดอื น สามารถจบั ปลาเพอ่ื จําหนายไดจํานวนทง้ั หมด 637 กิโลกรัม/ไร ขนาดปลาทจ่ี บั ได 5-8 ตวั /กิโลกรัม อตั รารอดตาย 73.5% และอตั ราแลกเนอ้ื (FCR) เทากับ 1.72 ตารางท่ี 1 การเจรญิ เตบิ โตและผลผลติ การเลย้ี งปลากดเหลอื งในบอ ดนิ ของเกษตรกร อําเภอปากพนงั และอาํ เภอเชยี รใหญ จังหวัดนครศรีธรรมราช 1. ขนาดปลาทป่ี ลอ ย (ซม.) 5.0 2. อตั ราการปลอ ย (ตวั /ไร) 7,700 3. ระยะเวลาเลย้ี ง (วัน) 180 4. อตั ราการเจรญิ เตบิ โตจําเพาะ (% กรัม/วัน) 2.51 5. ผลผลติ (กิโลกรัม/ไร) 637 6. อตั รารอดตาย (%) 73.5 7. ขนาดปลาทจ่ี บั ได (ตวั /กิโลกรัม) 5.5 8. อตั ราการแลกเนอ้ื (FCR) 1.72 ตารางท่ี 2 ตนทุน รายได และผลตอบแทนการเลย้ี งปลากดเหลอื งในบอ ดนิ ขนาด 1 ไร 1. คา พนั ธปุ ลา (บาท) 7,700 2. คา อาหารปลา (บาท) 19,720 3. คา ปนู ขาวและยารกั ษาโรค (บาท) 1,800 4. คา แรงงานและอน่ื ๆ (บาท) 2,550 5. ราคาขายปลา (บาท/กก.) 80 6. รายไดทั้งหมด (บาท/ไร) 50,950 7. กาํ ไรเบอ้ื งตน (บาท) 19,180 ® กลับไปหนากอนนี้ ¯ หนาถัดไป กลับหนาหลัก/สารบัญ
การเพาะเลี้ยงปลากดเหลือง 6 การเลย้ี งปลากดเหลอื งในกระชงั การเลย้ี งปลากดเหลอื งในกระชงั อาจใชต าขา ยพลาสตกิ ขนาด 3x4x1.8 เมตร หรอื กระชงั อวน โพลี ปกหลักไมอยูกับที่ หรอื กระชงั มที นุ ลอยขนาด 3x4x2 เมตร จากการปลอ ยปลาขนาด 200-250 กรมั อตั ราปลอ ย 1,000 ตวั /กระชัง ใหป ลาสดสบั และสวนผสมพวกหวั อาหารปลาสําเรจ็ รปู เปน อาหาร วนั ละ 2 ครง้ั เชา-เย็น ระยะเวลา 4 เดอื น ผลปรากฎวา ปลาเจรญิ เตบิ โตมนี ้ําหนกั เฉลย่ี 540 กรัม/ตวั อตั รารอดตาย 82.0 % ผลผลติ ประมาณ 460 กิโลกรัม/กระชัง การปอ งกนั รกั ษาโรคและพยาธิ ในธรุ กจิ การเลย้ี งปลากดเหลอื ง ปญ หาท่ผี เู ล้ยี งปลาประสบอยบู อ ย ๆ คอื เรอ่ื งการเกดิ โรคปลา โดยโรคที่พบมักเกิดจากสาเหตุหลายปจจัย เชน การตดิ เชอ้ื พยาธนิ อก, การติดเชื้อพยาธิภายใน, การ ตดิ เชอื้ แบคทีเรีย, การตดิ เชอ้ื ราและน้ําทเ่ี ลย้ี งเปน พษิ เปน ตน การดําเนนิ การปอ งกนั รกั ษาจงึ ควร พจิ ารณาจากสาเหตขุ องโรคซง่ึ สามารถวนิ จิ ฉยั เบอ้ื งตน ไดด ว ยตนเองดังตอ ไปน้ี โรคพยาธิจากภายนอก 1. โรคจุดขาว (Ichthyophthirius : “Ich”) ปลาทเ่ี ปน โรคนจ้ี ะมจี ดุ สขี าวขนุ ขนาดเทา หวั เขม็ หมดุ เลก็ ๆ กระจายอยูทั่วลําตวั และครบี สาเหตขุ องโรคน้ี คอื โปรโตซวั ชนดิ ทก่ี นิ เซลลผ วิ หนงั เปน อาหาร เมอ่ื พยาธโิ ตเตม็ ทจ่ี ะออกมาจากตวั ปลา โดยจมตวั ลงสบู รเิ วณกน บอ ปลา และสรา งเกราะหมุ ตวั ตอจากนั้นจะมีการแบงเซลลเปนตัวออนจํานวนมากภายในเกราะนั้น เมื่อสภาวะแวดลอมภายนอก เหมาะสมเกราะหมุ ตวั จะแตกออกและตวั ออ นของพยาธจิ ะวา ยน้ําเขา เกาะตามผวิ หนงั ของปลาตอ ไป การปอ งกนั และรกั ษา ยงั ไมมีวิธีกําจดั ปรสติ ทฝ่ี งอยใู ตผิวหนังทไ่ี ดผลเตม็ ที่ แตวิธีการที่ควรทํา คอื การทาํ ลายตวั ออ นในน้ํา หรือทําลายตวั แกข ณะวา ยน้ําอสิ ระ โดยการใชส ารเคมดี งั ตอ ไปน้ี 1. ฟอรม าลนิ 150-200 ซีซี. ตอ น้ํา 1,000 ลติ ร แชไวนาน 1 ชั่วโมง สาํ หรบั ปลาขนาดใหญ 2. มาลาไคทกรีน 1.0-1.25 กรัม ตอ น้ํา 1,000 ลติ ร แชไวนาน 24 ชั่วโมง สาํ หรบั ปลา ขนาดใหญ หรือ 0.15 กรัม ตอ น้ํา 1,000 ลติ ร นาน 24 ชั่วโมง หรือ เมทธลิ นี บลู 1-2 กรมั ตอ น้ํา 1,000 ลติ ร แชต ิดตอ กนั 7 วัน 3. มาลาไคทก รนี และฟอรม าลนิ ในอตั ราสว น 0.15 กรัม และ 25 ซีซี. ตอ น้ํา 1,000 ลติ ร นาน 24 ชั่วโมง แชต ดิ ตอ กนั ประมาณ 7 วัน ควรเปลย่ี นน้ําใหมทุกวัน และทําการแชยาวัน เวนวันจนกระทั่งปลามีอาการดีขึ้น วิธีน้ีจะไดผ ลดมี ากเมอ่ื น้ํามอี ณุ หภมู ิ 28-30 องศา เซลเซียส 2. โรคพยาธแิ ละปลิงใส (Gyrodactylus) ปลาทม่ี พี ยาธปิ ลงิ ใสเกาะ จะมอี าการวา ยน้ํา ทรุ นทุรายลอยตัวตามผิวนํ้า ผอม กระพุงแกมเปดปด เรว็ กวา ปกติ อาจมแี ผลขนาดเลก็ เทา ปลายเขม็ หมดุ กระจายอยูทั่วตัว ถา เปน การตดิ โรคในขน้ั รนุ แรง อาจมองเหน็ เหมอื นกบั วา ปลามขี นสน้ั ๆ สขี าว กระจายอยตู ามลําตวั ซึ่งอาจทําใหป ลาตายได โดยเฉพาะลกู ปลาทเ่ี รม่ิ ปลอ ยลงบอ ดนิ ใหม ๆ ควร ระมดั ระวงั โรคนใ้ี หม าก การปอ งกนั และรกั ษา 1. ใชฟ อรม าลนิ จํานวน 25-40 มล. ตอ น้ํา 1,000 ลติ ร แชนาน 24 ชั่วโมง 2. ใชด พิ เทอรเ ร็กซ จํานวน 0.25-0.5 กรัม ตอ น้ํา 1,000 ลติ ร แชนาน 24 ชั่วโมง ® กลับไปหนากอนนี้ ¯ หนาถัดไป กลับหนาหลัก/สารบัญ
การเพาะเลี้ยงปลากดเหลือง 7 โรคที่เกิดจากพยาธิภายใน 1. โรคพยาธิใบไม (Pleurogenoides) พยาธิใบไมที่ทําใหเ กดิ โรคในปลานน้ั พบทง้ั ขณะทเ่ี ปน ตวั เตม็ วยั แลว และตวั ออ นเต็มวยั ของพยาธิ ใบไมพ บไดใ นทางเดนิ อาหารภายในชอ งทอ ง ไมคอยทําอนั ตรายตอ ปลาเทา ใดนกั ตา งกบั ตวั ออ นซง่ึ พบ ฝง ตวั อยบู รเิ วณเหงอื กและอวยั วะภายในตา ง ๆ ทําใหเ กดิ ความเสยี หายกบั เนอ้ื เยอ่ื ของเหงอื กเปน อยา ง มาก โดยเฉพาะอยา งยง่ิ ลกู ปลาทเ่ี ปน โรคนจ้ี ะมอี าการกระพงุ แกม เปด อา อยตู ลอดเวลา วา ยน้ําทรุ นทรุ าย ลอยตัวที่ผิวนํ้า ผอม เหงอื กบวมอาจมองเหน็ จดุ ขาว ๆ คลา ยเมด็ สาคขู นาดเลก็ เปน ไตแขง็ บรเิ วณเหงอื ก ได และปลาจะทยอยตายเรื่อย ๆ ปลาหลายชนดิ ในแหลง น้ําธรรมชาตอิ าจพบพยาธใิ บไมเ ตม็ วยั ได การปอ งกนั และรกั ษา 1. ควรหลกี เลย่ี งการใชป ยุ คอก เพราะอาจมไี ขข องพยาธใิ บไมต ดิ มา ถาหากจําเปน ตอ งใชป ยุ คอก ควรตากใหแ หง เปน อยา งดกี อ นใชแ ละควรกําจัดหอย ซง่ึ จะเปน ตวั ชว ยเสรมิ ในการ ระบาดของพยาธชิ นดิ นค้ี รบวงจร โดยการตากบอ ใหแหง และโรยปนู ขาวใหทัว่ ในอตั รา 30-50 กก./ไร หลงั จากจบั ปลาขน้ึ แลว ทกุ ครง้ั 2. ยงั ไมมีวิธีรักษาหรือกําจดั ตวั ออ นของพยาธใิ บไมท เ่ี กาะบนตวั ปลา โรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย 1. โรคตัวดา ง เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Columnaris ปลาทเ่ี ปน โรคนจ้ี ะมแี ผลดา งขาวตามตวั และ เมอ่ื ระยะเวลานาน แผลดา งขาวนจ้ี ะกลายเปน แผลลกึ ได โรคนม้ี กั เกดิ กบั ปลาหลงั การลําเลียง เนอ่ื งจาก อุณหภูมิของอากาศที่สูงทําใหปลามีความตานทานลดลง เช้ือแบคทีเรียน้ีจะเจริญเติบโตไดดีและ ทาํ อนั ตรายตอ ปลา ปลาทต่ี ดิ โรคนจ้ี ะตายเปน จํานวนมากอยา งรวดเรว็ การปอ งกนั และรกั ษา 1. แชย าเหลอื งในอตั ราสว น 2 มลิ ลกิ รมั ตอ น้ํา 5 ลติ ร นานประมาณครง่ึ ชว่ั โมง 2. ในขณะขนสงลําเลียงปลาควรใสเกลือเม็ดลงในนํ้าที่ใชสําหรับการขนปลาในปริมาณ 1 ชอนชา ตอ น้ํา 1 ลติ ร 3. ใชด า งทบั ทมิ เขม ขน 2 พีพีเอ็ม แชต ลอดไป 4. ใชฟ อรม าลนิ จํานวน 40-50 พีพีเอ็ม แชนาน 24 ชั่วโมง 5. ในกรณที เ่ี ชอ้ื อยใู นกระแสเลอื ดใช เทอรร ามยั ซนิ 5 กรัม ตอ น้ําหนกั ปลา 100 กก. ตอ วนั ตดิ ตอ กนั เปน เวลา 10-12 วัน 2. โรคแผลตามตวั เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Aeromonas และ Pseudomonas ปลาจะมลี กั ษณะ ผวิ หนงั บวมแดงและเปน แผลลกึ ไปจนเหน็ กลา มเนอ้ื สว นในปลาขนาดเลก็ มักจะทําใหเ กดิ อาการครบี กรอ น ทง้ั ครบี ตามลําตวั และครบี หาง การปอ งกนั และรกั ษา 1. ใชย าปฏิชีวนะจําพวกไนโตรฟรู าโซนในอตั ราสว น 1-2 มลิ ลกิ รมั ตอ น้ํา 1 ลติ ร แชปลา นานประมาณ 2-3 วัน 2. แชปลาท่ีเปนโรคในสารละลายออกซีเตตราไซคลินหรือเตตราไซคลิน ในอัตราสวน 10-20 มลิ ลกิ รมั ตอ น้ํา 1 ลติ ร นาน 1-2 วัน ตดิ ตอ กนั 3-4 ครง้ั ® กลับไปหนากอนนี้ ¯ หนาถัดไป กลับหนาหลัก/สารบัญ
การเพาะเลี้ยงปลากดเหลือง 8 3. ถา ปลาเรม่ิ มอี าการของโรค อาจผสมยาปฏชิ วี นะตามขอ 1 หรือ 2 ในอตั ราสว น 60-70 มลิ ลกิ รมั ตอ น้ําหนกั ปลา 1 กก. หรือ 2-3 กรัม ตอ อาหาร 1 กก. นานตดิ ตอ กนั 3-5 วัน 3. โรคทอ งบวม อาการของโรคจะเหน็ สว นทอ งบวมมาก และอกี แบบหนง่ึ นน้ั ผวิ หนงั จะเปน รอย ชาํ้ ตกเลอื ด การปอ งกนั และรกั ษา 1. แชป ลาในยาปฏชิ วี นะออกซเี ตตรา ไซคลนิ ในอตั ราสว น 10-20 พีพีเอ็ม 2. การฆา เชอ้ื ในบอ เลย้ี งปลา ควรใชป นู ขาวในอตั ราสว น 50-60 กก./ไร โรคที่เกิดจากปจจัยอื่น การเกดิ โรคของปลากดเปลอื ง นอกจากจะมสี าเหตมุ าจากเชอ้ื โรคชนดิ ตา ง ๆ แลว สภาพ แวดลอ มของทอ่ี ยอู าศยั ของปลา ทง้ั ทางดา นกายภาพหรอื องคป ระกอบดา นเคมี จะเปนปจจัยสําคญั อกี ประการหนง่ึ ทจ่ี ะเปน จดุ เรม่ิ ตน ทําใหป ลาออ นแอและสง ผลถงึ การตดิ เชอ้ื โรคชนดิ ตา ง ๆ ปจจัยเหลานี้ ไดแ ก ปรมิ าณออกซเิ จนในน้ํา ความเปน กรดดา งของน้ํา สารพษิ ในน้ํา ปรมิ าณคลอรนี หรือโลหะหนัก ในนาํ้ รวมถงึ สภาพอณุ หภมู ขิ องน้ําทเ่ี ปลย่ี นแปลงอยา งกระทนั หนั ดงั นน้ั การเลย้ี งปลากดเหลอื งผเู ลย้ี ง จงึ ควรทจ่ี ะศกึ ษาวธิ กี ารปอ งกนั และแกไ ขหวั ขอ ดงั กลา ว ใหอ ยใู นภาวะเหมาะสมกบั การอยอู าศยั ของปลา หลกี เลย่ี งสาเหตทุ ม่ี ผี ลทําใหส ภาพแวดลอ มเปลย่ี นแปลงไปอยา งกระทนั หนั ขา งตน คําแนะนํา การปองกันสัตวนํ้าจากภัยธรรมชาติ “ภัยธรรมชาติ” หมายถึง อนั ตรายจากสง่ิ ทเ่ี กดิ มแี ละเปน อยตู ามธรรมดา ของสง่ิ นน้ั ๆ โดย มไิ ดม กี ารปรงุ แตง อาทิ อุทกภัย และฝนแลง เปน ตน กรมประมง จงึ ของเสนอแนวทางปอ งกนั หรอื ลด ความสูญเสียและความเสียหายแกเกษตรกรผูเพาะเลี้ยงสัตวนํ้าจากการประสบภาวะฝนแลว ฝนตน ฤดู และอุทกภัย ดงั น้ี ภาวะฝนแลง ภาวะฝนแลงและฝนทิ้งชวงทํ าใหปริมาณนํ้ ามีนอยทั้งในแหลงนํ้าธรรมชาติและแหลง นา้ํ ชลประทานซง่ึ เปน แหลง น้ําสําคญั ทใ่ี ชใ นการเพาะเลย้ี งสตั วน ้ําและเกดิ ผลกระทบตอ การประมง ตลอด จนสภาพแวดลอมไมเ หมาะสมตอการแพรข ยายพันธแุ ละการเจรญิ เติบโตของสตั วน ้ํา โดยมวี ธิ กี ารปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี 1. ควบคุมการใชน้ําและรักษาปริมาณน้ําในที่เล้ียงสัตวนํ้าใหมีการสูญเสียนอย เชน การ รวั่ ซึม การกําจัดวัชพืช 2. ทาํ รม เงาใหส ตั วน ้ําเขา พกั และปอ งกนั การระเหยน้ําบางสว น 3. ลดปรมิ าณการใหอ าหารสตั วน ้ําท่ีมากเกนิ ความจําเปนจะทําใหน ้ําเสยี 4. เพม่ิ ปรมิ าณออกซเิ จนโดยใชเ ครอ่ื งสบู น้ําจากกน บอ พน ใหส มั ผสั อากาศแลว ไหลคนื ลงบอ 5. ปรบั สภาพดนิ และคณุ สมบตั ขิ องน้ํา เชน น้าํ ลกึ 1 เมตร ใสป นู ขาว 50 กก./ไร ถา พน้ื บอ ตะไครห รอื แกส มากเกนิ ไปควรใสเ กลอื 50 กก./ไร เพื่อปรับสภาพผิวดินใหดีขึ้น ® กลับไปหนากอนนี้ ¯ หนาถัดไป กลับหนาหลัก/สารบัญ
การเพาะเลี้ยงปลากดเหลือง 9 6. จับสัตวน้ําที่ไดขนาดขึ้นจําหนายหรือบริโภคในเวลาเชาหรือเย็น เพ่ือลดปริมาณสัตวน้ํา ในบอ 7. ตรวจสอบคุณสมบัติของน้ําจากภายนอกที่จะสูบเขาบอเลี้ยง เชน พบวามีตะกอนและ แรธ าตตุ า ง ๆ เขม ขน ควรงดการสบู น้ําเขา บอ 8. งดเวน การรบกวนสตั วน ้ําเพราะการตกใจจะทําใหส ตั วน ้ําสญู เสยี พลงั งานและอาจตายได 9. งดเวน การขนยา ยสตั วน ้ําโดยเดด็ ขาด หากจําเปน ตอ งทําอยา งระมดั ระวงั 10. แจง ความเสยี หายตามแบบฟอรม กรมประมง เพอ่ื การขอรบั ความชว ยเหลอื อยา งถกู ตอ ง และรวดเรว็ ภาวะฝนตน ฤดู การเตรยี มการรบั ภาวะฝนตน ฤดู เกษตรกรผเู พาะเลย้ี งสตั วน ้ําควรปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี 1. ไมควรสูบน้ําฝนแรกเขา บอ เพราะน้ําจะพัดพาสง่ิ สกปรกจากผวิ ดนิ ลงสแู หลงน้ําธรรมชาติ ควรปลอ ยใหน ้ํามปี รมิ าณเพม่ิ ขน้ึ จึงนําน้าํ ไปใชใ นการเพาะเลย้ี งสตั วน ้ํา 2. ควรสบู น้ําในบอ ใหส มั ผสั อากาศจะชว ยเพม่ิ ปรมิ าณออกซเิ จนและปอ งกนั การแบง ชน้ั ของน้าํ 3. ปองกันการไหลของน้ําฝนท่ีจะชะลางแรธาตุและสารเคมีจากผิวดินลงสูบอ ซง่ึ อาจเปน อนั ตรายตอ สตั วน ้ําได 4. งดการรบกวน การจบั และขนยา ยสตั วน ้ํา ควรรอจนกวา คณุ สมบตั ขิ องน้ํามสี ภาพดเี ปน ปกติ 5. งดจบั สตั วน ้ําเพอ่ื การอนรุ กั ษ เนอ่ื งจากสตั วน ้ําจะผสมพนั ธหุ ลงั จากฝนตกใหม ๆ ภาวะอทุ กภยั การปองกันสัตวนํ้าสูญหายจากภาวะอุทกภัยควรปฏิบัติตามสภาวะการณกอนเกิดภาวะอุทกภัย คอื ใหจ บั สตั วน ้ําทไ่ี ดข นาดตลาดตอ งการออกจําหนา ย กอ นชว งมรสมุ ในฤดฝู น พรอ มทง้ั สรา งกระชงั ไนลอน กระชงั เนอ้ื อวน บอ ซเี มนต หรอื ขงึ อวนไนลอน เพอ่ื กกั ขงั สตั วน ้ํา “ ® กลับไปหนากอนนี้ ¯ หนาถัดไป กลับหนาหลัก/สารบัญ
Search
Read the Text Version
- 1 - 9
Pages: