บรู ณาการวิทย์ พัฒนาชีวติ สอู่ าชีพ เร่อื ง นา้ สมนุ ไพรเพ่อื สขุ ภาพ ศูนย์วทิ ยาศาสตร์เพอ่ื การศึกษาพษิ ณุโลก สา้ นักงานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัย สา้ นกั งานปลัดกระทรวงศึกษาธกิ าร กระทรวงศกึ ษาธ1ิการ
ก คำนำ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาพิษณุโลก ได้จัดทาโครงการรุกถึงที่ ลุยถึงถิ่น เปิดโลกวิทยาศาสตร์แบบบูรณาการ ประจาปีงบประมาณ 2564 เพื่อส่งเสริมให้ผู้ท่ีสนใจได้รับความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์การอาหาร ตระหนักถึงความสาคัญของการประยุกต์ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในการ พัฒนาอาชีพ เป็นแนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเอง ครอบครัวและ ชุมชน ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาพิษณุโลก จึงได้จัดทาคู่มือบูรณา การวิทย์ พัฒนาชีวิตสู่อาชีพ ข้ึนมา ซ่ึงเนื้อหาภายในประกอบด้วย การน้า สมนุ ไพรเพอื่ สขุ ภาพ โดยเน้นการนาหลักการวทิ ยาศาสตรม์ าประยุกต์ใช้ คณะผู้จดั ทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารคู่มือบูรณาการวิทย์ พฒั นาชีวิต สู่อาชีพน้ี จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ท่ีสนใจ โดยสามารถใช้เป็นแนวทางในการ พฒั นาอาชีพให้มคี วามมัน่ คง ม่งั คงั่ ไดอ้ ย่างยั่งยืนสืบไป 2
สารบัญ ข ค้านา้ หนา้ สารบญั STEM ก ผลติ ภณั ฑส์ มุนไพร ข การพาสเจอร์ไรส์ 1 อุปกรณท์ ใี่ ชท้ า้ นา้ สมุนไพร 2-3 ส่วนผสม/ขนั ตอนวิธีทา้ ท้าน้าสมุนไพร 4-5 ประโยชน์นา้ สมนุ ไพร 6 เอกสารอ้างองิ 7 คณะผจู้ ัดทา้ 8 9 10 3
STEM 1 Science • การพาสเจอร์ไรส์ S T Technology • สิ่งอา้ นวยความสะดวก E วสั ดอุ ุปกรณท์ ใ่ี ชท้ า้ นา้ สมนุ ไพร M Engineering • การออกแบบผลติ ภณั ฑ์ Mathematics • การค้านวณตน้ ทนุ ,ก้าไร ปรมิ าณวัตถดุ ิบทใ่ี ช้ 4
ผลิตภณั ฑส์ มนุ ไพร 2 ผลติ ภณั ฑ์สมนุ ไพร คือ สมุนไพรแปรรูปโดยการนาส่วนของพืชสมุนไพรมาผสมปรุงหรือแปร สภาพอ่ืนๆ เช่น การต้ม การบดละเอียด โดยการเปล่ียนแปลงสถานะของ สมุนไพร ให้แตกต่างไปจากเดิม เพื่อประโยชน์ในการใช้งานที่มากขึ้น พืช สมุนไพรมีหลายชนิด และมีสรรพคุณทางยาเพื่อการรักษา บาบัด บรรเทา หรือป้องกันโรค ความเจ็บป่วย ท่ีเกิดจากพืช สัตว์จุลชีพหรือธาตุวัตถุที่มี ความแตกต่างกันของรูป รส กล่นิ สี ซึง่ เปน็ ปจั จยั หน่ึงทีม่ คี วามสาคญั เพ่ือให้ การแปรรูปผลิตภัณฑ์สมุนไพรมีคุณภาพดี ตลอดจนการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ ให้มีคุณค่าใกล้เคียงผลิตภัณฑ์เดิมมากท่ีสุด เน่ืองจากผลิตภัณฑ์บางประเภท ไม่สามารถคงสภาพอยู่ได้นาน การแปรรูปซึ่งคงไว้คุณค่า และสรรพคุณที่ดี ของพืชสมุนไพรไว้(กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข, 2559) “สมุนไพร” กับ “พชื สมนุ ไพร” มคี วามหมายแตกตา่ งกันอยา่ งไร สมุนไพร หมายถึง ยาที่ได้มาจากพืช สัตว์ แร่ธาตุจากธรรมชาติที่ไม่มี การเปล่ียนแปลงสภาพ โครงสร้างภายใน สามารถนามาใช้เป็นยารักษาโรค ต่างๆ และบารงุ ร่างกายได้ พืชสมุนไพร หมายถึง พืชท่ีใช้ทาเครื่องยา ใช้เป็นอาหารประจาวัน อาหารเสริม บารุงสุขภาพ หรือผลิตเป็นเคร่ืองสาอางโดยอาจใช้พชื สมุนไพร เพยี งชนดิ เดียว หรือหลายชนิดผสมกันก็ได้
ผลิตภัณฑส์ มุนไพรมคี วามส้าคัญอยา่ งไร 3 01 เพื่อรกั ษาคณุ ภาพและประโยชน์ของสมุนไพร 02 เพื่อเปลย่ี นลกั ษณะของผลติ ภณั ฑใ์ ห้เหมาะสมในเชงิ การคา้ 03 เพื่อเพมิ่ มลู ค่าของผลิตภณั ฑ์ให้สูงขึ้น ผลติ ภัณฑ์สมุนไพรมปี ระโยชน์ด้านใดบา้ ง ดา้ นยารักษาโรค 01 ด้านอาหาร 02 03ดา้ นใชใ้ นชวี ิตประจาวนั ดา้ นอตุ สาหกรรม 04 05ดา้ นการลดคา่ ใชจ้ ่ายในการดแู ลสุขภาพ 06ดา้ นการทาเป็นอาชพี หลัก
การพาสเจอไรส์ (pasteurization) 4 การพาสเจอไรส์ เป็นวิธีการถนอมอาหาร โดยการใช้ความร้อน มี วัตถุประสงคือ การทาลายจุลินทรีย์ท่ีทาให้เกิดโรค (pathogen) ทุกชนิด และเอนไซม์ (enzyme) ท่ีเป็นสาเหตุให้อาหารเสื่อมคุณภาพ เป็นวิธีการถนอมอาหารเพ่ือยืดอายุการเก็บรักษาอาหาร ทาให้อาหาร ปลอดภยั ต่อการบริโภค เวลาและอุณหภูมิท่ีใช้ในการพาสเจอไรส์ ต้องเพียงพอที่จะทาลาย จุลินทรีย์ก่อโรคท่ีทนต่อความร้อนให้ปลอดภัยต่อการบริโภค ใน ระยะเวลาการเก็บรักษาท่ีกาหนด ตัวอย่างเช่น อุณหภูมิและระยะเวลาที่ ใช้เพ่ือการพาสเจอไรส์น้านมระบบ (low temperature long time, LTLT) คือ 62.8 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 30 นาที สามารถทาลาย จุลินทรีย์ก่อโรค ได้แก่ Mycobacterium tuberculosis ซึ่งทาให้เกิดวัณ โรค และ Coxiella burnetti แต่มีจุลินทรีย์ 2 กลุ่มที่อาจจะมีชีวิตรอด จากการทาลายด้วยการพาสเจอไรส์คือ จุลินทรียท่ีทนต่อความร้อน และ จุลินทรีย์ที่ชอบเจริญที่อุณหภูมิสูง(thermophilic microorganism) จงึ ต้อง เก็บรักษาอาหารท่ีผ่านการพาสเจอไรส์แล้วไว้ที่อุณหภูมิต่า (cold storage) หรือหากต้องการเก็บรักษาท่ีอุณหภูมิห้อง ต้องใช้วิธีการถนอม อาหารอื่นร่วมด้วย เช่น การลดวอเตอร์แอคทิวิตี (water activity, aw) การใช้น้าตาล เกลือ ความเข้มข้นสูง การปรับให้เป็นกรด (acidification) การใชส้ ารกันเสยี (preservative) เป็นต้น
การพาสเจอร์ไรส์ 5 วิธกี ารพาสเจอร์ไรสม์ ี 2 วิธคี อื 1. วิธีใช้ความร้อนต่้า - เวลานาน (LTLT : Low Temperature - Long Time) วิธีนีใ้ ชค้ วามรอ้ นทีอ่ ุณหภูมิ 62.8 - 65.6 องศาเซลเซยี ส เป็นเวลา 30 นาที เม่ือผา่ นความรอ้ นโดยใช้เวลาตามทก่ี าหนดแลว้ ตอ้ งเก็บอาหารไวใ้ นท่เี ยน็ ซึ่งมอี ุณหภูมิต่ากว่า 7.2 องศาเซลเซยี ส กรรมวิธกี ารน้ีนอกจากจะทาลาย แบคทีเรียท่ีทาให้เกิดโรคแลว้ ยังยบั ย้ังการทางานของเอนไซมย์ ่อยไขมนั ชนิด ไลเปส (Lipase) ซ่ึงเปน็ ตวั การทาใหเ้ กดิ กลนิ่ หืนในน้านมด้วย 2. วิธีใชค้ วามรอ้ นสงู - เวลาสนั (HTST : High Temperature - Short Time) วธิ นี ใ้ี ชค้ วามรอ้ นทอ่ี ณุ หภมู สิ งู กวา่ วธิ แี รก แตใ่ ชเ้ วลานอ้ ยกวา่ คอื อณุ หภมู ิ 71.1 องศาเซลเซียส คงไว้เป็นเวลา 15 วนิ าที อาหารท่ผี ่านความร้อนแล้ว จะได้รบั การบรรจุลง กล่องหรือขวดโดยวิธปี ราศจากเชอ้ื แล้วนาไปแชเ่ ย็นท่ี อณุ หภมู ิ 7.2 องศาเซลเซียส ประโยชนแ์ ละข้อควรปฏบิ ตั ิ การพาสเจอร์ไรส์เปน็ การถนอมอาหารแบบชั่วคราว เพราะสามารถปอ้ งกนั มใิ ห้จุลชพี เจริญในชั่วระยะเวลาหน่งึ แตส่ ารอาหารยังอยู่ครบถ้วนหรอื เกอื บ ครบถว้ น ดงั นนั้ จงึ มปี ระโยชน์ต่ออาหารทต่ี ้องรับประทานเปน็ ประจาแตไ่ ม่ เกบ็ ไวน้ าน ๆ เช่น นม น้าผลไม้ ไอศกรีม กอ่ นนาไปป่ันแขง็ เป็นตน้ 8
อุปกรณท์ ี่ใชท้ ้าน้าสมุนไพร 6 หม้อ เตาแกส๊ ช้อนตวง ทพั พี ผ้าขาวบาง มดี ตาชั่ง เขยี ง กะละมัง ถว้ ยตวง บรรจุภณั ฑ์
ส่วนผสม/ขันตอนวิธที า้ น้าสมนุ ไพร 7 สว่ นผสมและสดั สว่ น วิธที ้า น้ามะตูม 1. มะตูมแห้ง 10-15 ชิน 1. นามะตูมแห้งไปยา่ งไฟหรือคัว่ ในกระทะจนมีกลิ่นหอม เตรียมไว้ 2. น้า 3-4 ลิตร 2. ใส่น้าลงในหม้อตามด้วยมะตูมท่ยี ่างไฟแลว้ ลงไปต้มด้วยไฟกลางจนนา้ เดือด 3. นา้ ตาลทรายแดง 600 กรมั และเร่ิมเปลยี่ นสี ประมาณ 10-15 นาที 3. ใสน่ ้าตาลทรายแดงลงไปคนผสมจนละลายหมด เคีย่ วไปเร่ือย ๆ จนน้า น้ากระเจี๊ยบ เปลยี่ นเปน็ สเี ข้ม ยกลงจากเตา กรองเอากากออก พักทง้ิ ไว้จนเย็น 1. ดอกกระเจี๊ยบแดง 150 กรมั 4. เทใส่แกว้ ที่มีนา้ แข็ง พรอ้ มดื่ม (แบบสดหรอื แห้งกไ็ ด้) 2. น้า 3-4 ลติ ร 1.ดอกกระเจย๊ี บสดแกะเมลด็ ออก ลา้ งนา้ ให้สะอาด 3. เกลอื ปน่ ½ ชอ้ นชา 2.เตมิ น้าใส่หม้อ ใสด่ อกกระเจ๊ยี บ ต้มเค่ยี วไฟกลางประมาณ 30-45 นาทเี คี่ยว 4. น้าตาลทราย 600 กรมั จนน้าออกสีแดงเข้ม 3.เคีย่ วน้ากระเจ๊ียบได้ท่ี ตักดอกกระเจย๊ี บออก เตมิ นา้ ตาล เกลอื นิดหนอ่ ย ชิม รสหวานตามชอบ พักใหเ้ ยน็ กรอกใสข่ วด นา้ เกก๊ ฮวย 1. ลา้ งดอกเกก๊ ฮวยให้สะอาด 1. ดอกเกก๊ ฮวยแหง้ 150 กรมั 2. ตม้ นา้ ใหเ้ ดอื ด จากน้ันใสด่ อกเก๊กฮวยลงไปตม้ ประมาณ 2-5 นาที 2. นา้ เปลา่ 3-4 ลิตร 3. จากน้นั ใหก้ รอกเอาแต่น้าด้วยผา้ ขาวบาง แลว้ พกั ไว้ใหเ้ ยน็ 3. นา้ ตาล 600 กรมั 4. เติมนา้ ตาล ตามชอบ นา้ อญั ชันมะนาว 1. ตม้ ดอกอญั ชนั ในนา้ ตม้ ประมาณ 2-3 นาที จนเดอื ด ยกลงจากเตา กรอง 1. ดอกอัญชนั สด 100-150 กรมั ดอกอัญชนั ออกเอาเฉพาะน้า 2. น้า 3-4 ลิตร 2. รอจนน้าอัญชันเรม่ิ อ่นุ ใส่นา้ เชอื่ มลงไป ตามด้วยน้ามะนาวคนผสมใหเ้ ขา้ กนั 3. น้าตาล 600 กรัม ชิมรสตามชอบ เทใส่แกว้ ท่ีมีนา้ แข็ง พรอ้ มดืม่ 4. นา้ มะนาว (ปริมาณตามชอบ) น้าตะไครใ้ บเตย 1. ใส่นา้ ลงในหม้อ ตามดว้ ยใบเตย และตะไคร้ ต้มจนเดอื ด เมอ่ื นา้ เปล่ียนสียก 1. นา้ 3-4 ลติ ร ลงกรองเอากากออก 2. ใบเตยหน่ั เป็นชนิ เลก็ 100 กรัม 2. เทน้าตะไครใ้ บเตยกลับใส่หม้อตม้ อกี ครั้ง ใสน่ า้ ตาลทราย คนผสมจนน้าตาล 3. ตะไคร้ทุบ 10-15 ต้น ทรายละลาย ยกลงจากเตา พกั ทงิ้ ไวจ้ นเยน็ 4. น้าตาลทราย 600 กรัม 3. ตักน้าตะไครใ้ บเตยลงในแกว้ ตามดว้ ยนา้ มะนาวตามชอบ ใส่นา้ แข็ง พรอ้ ม 5. นา้ มะนาว (ปริมาณตามชอบ) ดม่ื
ประโยชนน์ ้าสมุนไพร 8 ชื่อน้าสมนุ ไพร ประโยชน์ นา้ มะตูม 1.เปน็ ยาบารุงรา่ งกาย ชว่ ยรักษาธาตขุ ัน สรรพคณุ บารุงธาตไุ ฟ น้ากระเจีย๊ บ 2.ช่วยเป็นยาระบาย น้าเก๊กฮวย 3.บารุงระบบทางเดนิ อาหาร รักษาทอ้ งรว่ ง และโรคเก่ียวกบั ลาไส้ น้าอัญชันมะนาว 4.ชว่ ยรกั ษาโรคทอ้ งผูกชนดิ เรอื้ รงั 5.เปลอื กรากและลาต้นจะชว่ ยแกอ้ าการไขจ้ บั ส่ัน น้าตะไคร้ใบเตย 6.ช่วยรักษาอาการหลอดลมอักเสบ 1.แกก้ ระหาย 2.บรรเทาอาการไข้ 3.ลดความเสยี่ งของการเกดิ โรคหัวใจ 4.รักษาแผล 5.ป้องกนั การเกิดน่วิ 6.ปอ้ งกันการเกิดโรคโลหิตจาง 7.ลดไขมัน 1.แกก้ ระหาย เพ่ิมความสดช่ืน 2.แกร้ ้อนใน มฤี ทธเ์ิ ป็นยาเยน็ 3.ช่วยยับยั้งเชอ้ื ไวรัสเอดสไ์ ด้ 4.ชว่ ยดูดซับสารกอ่ มะเรง็ และจุลินทรยี ์ชนดิ ตา่ ง ๆ 5.ช่วยปอ้ งกนั การเกิดโรคหวั ใจ ภาวะหัวใจลม้ เหลว 1.ชว่ ยเสรมิ สรา้ งภูมิตา้ นทานให้กบั ร่างกายปอ้ งกันหวดั ไดด้ ี 2.มีสารต้านอนุมลู อิสสระอยูเ่ ป็นจานวนมากจึงชว่ ยบารงุ สายตา 3.ชว่ ยบารงุ สมองเนือ่ งจากดอกอัญชนั มีสว่ นชว่ ยในการไหลเวียนเลือดไดด้ ี 4.ช่วยต้านความชราชว่ ยชะลอวยั และลดรว้ิ รอย ผวิ หยาบกรา้ นให้ดขี นึ้ 5.ชว่ ยลดนา้ ตาลในเลอื ด ใชก้ บั ผู้ป่วยเบาหวานได้ 1.มสี ่วนชว่ ยในการขบั เหงือ่ 2.เป็นยาบารงุ ธาตไุ ฟให้เจริญ (ตน้ ตะไคร)้ 3.มสี รรพคุณเป็นยาบารุงธาตุ ช่วยในการเจรญิ อาหาร 4.ช่วยแกอ้ าการเบือ่ อาหาร (ตน้ ) 5.สารสกดั จากตะไคร้มีสว่ นช่วยในการป้องกันโรคมะเรง็ ลาไส้ใหญ่ 11
9 เอกสารอ้างองิ 1. https://1th.me/v2eLF 2. https://1th.me/zku70 3. https://1th.me/I13o0 4. https://1th.me/sT5N9 5. https://1th.me/Kf6i0 6. https://1th.me/gnavf 12
คณะผจู้ ดั ทา้ ท่ีปรึกษา 10 นางพชั รนิ ทร์ บวั สนทิ 13 ตาแหน่ง ผู้อานวยการศูนยว์ ิทยาศาสตรเ์ พ่อื การศกึ ษานครสวรรค์ รักษาการในตาแหนง่ ผอู้ านวยการศนู ยว์ ิทยาศาสตรเ์ พือ่ การศึกษาพิษณโุ ลก นายตันตกิ ร พรหมบตุ ร ตาแหนง่ ครผู ชู้ ่วย นายวิศวกร กิ่งจนั ทร์ ตาแหน่ง ครูผู้ช่วย นางสาวรงุ่ นภา พรหมบตุ ร ตาแหน่ง ครูผูช้ ว่ ย นางสาววิภาวี หนูภกั ดี ตาแหน่ง ครผู ้ชู ว่ ย ผู้ปรับปรงุ ขอ้ มลู ตาแหนง่ นักวิชาการศกึ ษา ตาแหนง่ นักวชิ าการศกึ ษา นายสรุ ศกั ด์ิ น้อยวัน ตาแหนง่ นักวชิ าการศกึ ษา นายปฐมพงษ์ พรมลี ตาแหน่ง นกั วชิ าการศึกษา นายสุรเชษฐ อนันตส์ วุ รรณชัย ตาแหน่ง นักวทิ ยาศาสตรศ์ ึกษา นางสาวบุญญารตั น์ ทองชมุ ตาแหนง่ นักวิทยาศาสตร์ศกึ ษา นางสาวดลยา ดลแมน้ ตาแหนง่ นักวทิ ยาศาสตร์ศึกษา ว่าทร่ี ้อยตรธี งชัย เกตคุ า นายสิทธิกาญจน์ สขุ เกตุ คณะทา้ งาน ตาแหนง่ นักวชิ าการเงนิ และบัญชี ตาแหน่ง นกั วิชาการเงนิ และบญั ชี นางสาวนภาพร พนามวัง ตาแหน่ง นกั วเิ คราะหน์ โยบายและแผน นางสาวกญั ญา อนิ ทรแ์ ตง ตาแหนง่ นักวิชาการพัสดุ นางสาวภทรวรรณ เรืองสกุ ใส ตาแหนง่ นักวชิ าการพสั ดุ นางสาวปวีณา คาโปน ตาแหน่ง นักจัดการงานท่วั ไป นางสาวปรารถนา จนั ทรเ์ จาะ ตาแหนง่ นักจดั การงานทัว่ ไป นางสาวร่งุ กานต์ อาจองค์ ตาแหน่ง นายชา่ งไฟฟา้ นางสาววราลักษณ์ แซ่เรือง ตาแหน่ง นักเทคโนโลยีสารสนเทศ นายธงชยั เหลยี่ มทองคา ตาแหน่ง นกั เทคโนโลยสี ารสนเทศ นายธนภูมิ อา่ คุ้ม ตาแหนง่ นักประชาสมั พันธ์ นางสาวสธุ าสนิ ี ประสาทชัย ตาแหนง่ พนักงานขับรถยนต์ นางสาวยุพิน นาหอ นายเสกสรรค์ ลีละเศรษฐกลุ ผู้เรยี บเรียง นายสรุ ศกั ดิ์ นอ้ ยวนั ตาแหนง่ นักวชิ าการศึกษา นกั วชิ าการศกึ ษา นายสรุ เชษฐ อนนั ตส์ วุ รรณชัย ตาแหน่ง
ศนู ย์วิทยาศาสตรเ์ พอ่ื การศึกษาพษิ ณุโลก 666 หมู่ 6 ต้าบลท่าทอง อ้าเภอเมือง จงั หวัดพษิ ณโุ ลก 65000 โทรศัพท์ 055-009546 โทรสาร 055-009547 เวบ็ ไซต์ 202.143.165.163/plk_sci/index.php 14
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: