ËÒŒ Á«×éÍ-¢Ò www.satc.or.th
คมู่ ือขนาดสนามและอุปกรณก์ ฬี า คู่มือขนาดสนามและอุปกรณ์กฬี า ห้ามซือ้ -ขาย จดั ท�ำ โดย กองวิชาการกฬี า การกฬี าแหง่ ประเทศไทย พ.ศ. 2559 1
ค่มู อื ขนาดสนามและอปุ กรณก์ ฬี า 2
คมู่ ือขนาดสนามและอปุ กรณก์ ฬี า คาํ นํา คูมือขนาดสนามและอุปกรณกีฬา เลมนี้ กองวิชาการกีฬา การกีฬาแหงประเทศไทย จัดทําขึ้นเพ่ือเผยแพรใหกับผูท่ีสนใจตองการศึกษาคนควาเก่ียวกับขนาดสนามและอุปกรณกีฬา ทไ่ี ดม าตรฐานสากล พรอ มทงั้ สามารถนาํ ขอ มลู ไปใชป ระกอบการจดั ทาํ สนาม หรอื จดั หาอปุ กรณ ไดด วยตนเอง การกีฬาแหงประเทศไทย ขอขอบคุณสมาคมกีฬา และผูมีสวนเก่ียวของทุกทาน ท่ชี ว ยใหก ารจดั ทาํ หนงั สอื เลม นีส้ าํ เร็จดวยดีมา ณ โอกาสน้ี กองวชิ าการกฬี า การกฬี าแหง ประเทศไทย พ.ศ. 2559 3
ค่มู อื ขนาดสนามและอปุ กรณก์ ฬี า 4
คู่มอื ขนาดสนามและอุปกรณก์ ฬี า สารบัญ หนา คาํ นํา 1. กรีฑา................................................................................................... 1 2. กอลฟ .................................................................................................. 39 3. กาบดั ด้.ี ............................................................................................... 48 4. คาราเตโ ด............................................................................................ 55 5. ครกิ เกต็ ................................................................................................ 60 6. จกั รยาน............................................................................................... 66 7. แชรบ อล.............................................................................................. 76 8. ซอฟทเ ทนนสิ ........................................................................................ 80 9. ซอฟทบ อล........................................................................................... 87 10. ตะกรอ................................................................................................. 101 11. ไตรกีฬา............................................................................................... 133 12. เทควนั โด.............................................................................................. 139 13. เทนนสิ ................................................................................................. 142 14. เทเบลิ เทนนสิ ........................................................................................ 148 15. เนตบอล............................................................................................... 153 16. บริดจ.................................................................................................. 156 17. บาสเกตบอล........................................................................................ 165 18. เบสบอล............................................................................................... 176 19. แบดมนิ ตนั ........................................................................................... 188 20. โบวล ิง่ .................................................................................................. 192 21. ปนหนาผา............................................................................................ 194 22. เปตอง.................................................................................................. 205 23. ปน จกั สลี ตั ........................................................................................... 209 24. ฟน ดาบ................................................................................................ 212 25. ฟุตซอล................................................................................................ 229 5
คูม่ ือขนาดสนามและอุปกรณ์กฬี า สารบัญ (ตอ) หนา 26. ฟตุ บอล................................................................................................ 236 27. ฟุตบอลชายหาด................................................................................... 240 28. ฟุตวอลเลย........................................................................................... 247 29. มวยไทยสมัครเลน................................................................................ 252 30. มวยปลาํ้ .............................................................................................. 259 31. มวยสากล............................................................................................ 262 32. ยกน้าํ หนกั ............................................................................................ 272 33. ยิงปน .................................................................................................. 285 34. ยงิ เปาบนิ ............................................................................................. 302 35. ยิงธน.ู .................................................................................................. 307 36. ยิมนาสติก............................................................................................ 317 37. ยูโด..................................................................................................... 330 38. รกั บฟี้ ตุ บอล......................................................................................... 337 39. เรือใบ.................................................................................................. 341 40. ลีลาศ................................................................................................... 346 41. ลอนโบวลส.......................................................................................... 352 42. วายนํ้า................................................................................................. 355 43. วอลเลยบ อล......................................................................................... 364 44. วอลเลยบ อลชายหาด............................................................................ 372 45. วูซู....................................................................................................... 379 46. วดู บอล................................................................................................ 389 47. สควอช................................................................................................. 395 48. สนกุ เกอรและบลิ เลยี ด.......................................................................... 398 49. หมากลอ ม............................................................................................ 402 50. ฮอกก.้ี ................................................................................................. 408 51. แฮนดบ อล........................................................................................... 416 6
การกีฬาแหง ประเทศไทย คมู่ ือขนาดสนามและอุปกรณ์กฬี า กรฑี า สนามกรฑี า 400 เมตร คําจํากัดความ สนามกรีฑา 400 เมตร คืออสสนนาามมทที่ม่ีมีทีทาางงวว่ิงเปน็ วงรอบ ประกอบดวย ทางว่ิงที่เปนทางตรงและทางโคง ถาวิ่งชิดขอบในสุดโดยหางขอบใน 30 เซนติเมตร (ขอบใน ทําดวยคอนกรีตหรือโลหะ) หรือ 20 เซนติเมตร (ขอบในทําดวยปูนขาว หรือทาดวยสี) ครบหน่งึ รอบจะไดระยะทาง 400 เมตร พอด)ี สนามกรฑี า 400 เมตร คมู ือขนาดสนามและอปุ กรณก ฬี า 1 1
การกฬี าแหงประเทศไทย คู่มือขนาดสนามและอุปกรณก์ ีฬา ส่งิ ทีค่ วรทราบ คือ ทางวง่ิ ท้งั หมด คือ เขตท่ีแบงยอยจากลูว่ิง เปนชองวิ่งที่ 1 ชองว่ิงท่ี 2 ชองวิ่งท่ี 3 ลวู ิง่ ชองว่ิงท่ี 8 มีความกวาง ชองว่ิงละ 1.22 เมตร การวัดความกวาง ชอ งวิง่ วัดจากขอบนอกถงึ ขอบใน เสนของชอ งวง่ิ กวาง 5 เซนติเมตร (ดูภาพท่ี 1) รัศมีทางวง่ิ คือ รศั มที ่ีวัดจากจดุ ศูนยกลางไปถงึ ทางว่งิ ของชองว่งิ นน้ั ๆ รศั มขี อบใน คือ รศั มีทีว่ ัดจากจดุ ศูนยก ลางไปถึงขอบในชอ งวิ่งนน้ั ๆ จุดศนู ยก ลาง ภาพท่ี 1 รศั มีทางว่งิ รศั มีขอบใน R1 = รศั มีขอบในชอ งวิ่งที่ 1 (ขอบในทําดวยคอนกรตี หรือโลหะ) R2 = รัศมีขอบในชอ งวิ่งที่ 2 r1 = รศั มที างวง่ิ ของชองวิง่ ท่ี 1 หางขอบใน 30 เซนตเิ มตร r2 = รัศมที างวิ่งของชองวง่ิ ท่ี 2 หา งขอบใน 20 เซนติเมตร 2 คูมือขนาดสนามและอปุ กรณกฬี า 2
คมู่ ือกขนาารดกสนีฬามาแแลหะอง ุปปกรรณะเ์กทฬี ศา ไทย การคาํ นวณหาทางวิ่งใหค รบ 400 เมตร จากการวง่ิ 1 รอบ ในชองว่ิงที่ 1 ขอกาํ หนด สนามมาตรฐาน มีทางวงิ่ ทางตรง ยาว 84.39 เมตร = 168.78 เมตร วง่ิ 2 ทางตรงไดร ะยะทาง 84.39 x 2 วงิ่ 2 ทางโคง ไดระยะทาง 400 - 168.78 เมตร = 231.22 เมตร หาความยาวของรัศมี มที างว่ิง โดยใชสูตร เสน รอบวง =2 π r 231.22 = 2 x 3.141592654 x r 231.22 =r 2 x 3.141592654 36.80 = r 36.80 คือ รัศมีทางวง่ิ ของชอ งว่งิ ท่ี 1 36.50 คอื รศั มขี อบในของชอ งว่ิงที่ 1 (ขอบในทาํ ดวยคอนกรีตหรอื โลหะ) วิธีการตีเสน 1. ลากเสนแกนกลางสมมตทิ ี่กลางพ้ืนท่ี ยาว 84.39 เมตร 2. ลากเสนต้ังฉากสมมติ ผานจุดหัวทายของเสนแกนกลางสมมติและต้ังฉากกับ เสนแกนกลางสมมติ 3. ใชรศั มี 36.50 เมตร ทาํ เสนขอบในชอ งวิง่ ท่ี 1 (ถา ขอบในทําดว ยคอนกรีตหรือโลหะ) หรอื 36.60 เมตร (ถา จะทาํ ขอบในดว ยปนู ขาวหรอื ส)ี แตใ นทน่ี จี้ ะกลา วถงึ เฉพาะทข่ี อบในทาํ ดว ย คอนกรตี หรอื โลหะ 4. ตอทางว่ิงทางตรง จะไดข อบในของชอ งวา งที่ 1 5. ทาํ ขอบในชองวิง่ ที่ 2 - 8 โดยใชร ศั มตี ามตารางท่ี 1 และตอทางว่ิงทางตรง คมู ือขนาดสนามและอปุ กรณก ีฬา 3 3
การคกมู่ ฬี ือขานแาหดสงนปามรแะลเะทอศปุ กไทรณยก์ ีฬา ตารางที่ 1 รัศมขี อบใน รัศมีขอบใน ช. 1 36.50 รศั มีขอบนอก ช. 2 37.72 ช. 3 38.94 ช. 4 40.16 ช. 5 41.38 ช. 6 42.60 ช. 7 43.82 ช. 8 45.04 ช. 8 46.26 หมายเหตุ ชองวิ่งกวา ง = 1.22 ม. 6. ตอทางวิ่งทางตรง สําหรับระยะ 100 เมตร 110 เมตร และเขตชะลอความเร็ว ตอเลยออกไปจากเสน ชัยประมาณ 30 เมตร ภาพท่ี 2 สนามกรฑี า 4 คูมอื ขนาดสนามและอปุ กรณกีฬา 4
ค่มู อื กขนาารดกสนฬี ามาแแลหะอง ุปปกรรณะเก์ ทีฬศา ไทย 7. ทางวงิ่ วบิ าก บอนาํ้ อยูดานนอก (ภาพท่ี 3) 7.1 วัดระยะจากขอบในชองว่ิงที่ 1 ไปถึงขอบในชองบอนํ้าตามแนวรัศมีไดระยะ เทา ใดเอาไปตอ เพมิ่ จากเสนแกนกลางสมมติ 7.2 ใชจุดศูนยกลางใหม คือ 0 รัศมี 36.60 เมตร เขียนทางโคงในและบวกกับ ความกวา งของบอ นา้ํ เขียนโคง นอก เสนโคงในควรใชเ สน ปะ 7.3 จดุ วางรั้วอีก 4 ตัว ใหห างเทาๆ กัน โดยแบง ทางวิง่ ใน 1 รอบ ออกเปน 5 สว น เทากนั ภาพท่ี 3 ทางว่งิ วบิ าก บอนํ้าอยูดา นนอก 7.4 ถา o - ó ยาว 10 เมตร วิ่ง 1 รอบจะไดระยะทาง = 400 x (2 x 10) = 420 เมตร ถา วิ่งวิบาก 3,000 เมตร ตอ งว่ิง 7 รอบ กบั อีก 60 เมตร 7.5 จากเสน เริม่ จนถึงบริเวณเสนชัยในรอบแรก ระยะ 60 เมตร ไมตอ งขา มร้ัวใดๆ ตอเมอื่ เหลือ 7 รอบ จงึ เร่ิมขา มรั้วโดยตองขามรว้ั บอน้าํ 7 คร้งั และรวั้ ธรรมดาอีก 28 คร้ัง คูมือขนาดสนามและอุปกรณกฬี า 5 5
การคกมู่ ีฬอื ขานแาหดสงนปามรแะลเทะอศุปกไทรณย์กฬี า 8. ทางวิ่งวิบาก บอนํ้าอยูดานใน (ภาพที่ 4) ภาพที่ 4 ทางว่ิงวบิ าก บอน้ําอยูดานใน 8.1 วิง่ 1 รอบ ไดระยะทางเทากบั 2 (ทางวิ่งทางตรง) + ทางวิ่งทางโคง 1 โคง + ทางโคงท่ีมีบอน้ํา = 2 (84.39) + 115.61 + ทางว่ิงทางโคงท่ีมีบอน้ํา ซ่ึงจะทราบคาไดดวยการใชเทปวัดเทาน้ัน คือ วัดตามทางว่ิง จากจุด A ผานบอน้ําไดไปถึงจุด B โดยใหสายวัดหางขอบใน 30 เซนติเมตร ตรงสวนท่ีขอบในทําดวยคอนกรีตหรือโลหะ และหางขอบใน 20 เซนติเมตร ตรงส่ วนท่ี ขอบในทําดวยคอนกรีตหรือโลหะ และหางขอบใน 20 เซนติเมตร ตรงสวนท่ีขอบในทําดวย ปนู ขาวหรอื เขยี นดว ยสี เชน สมมติวาไดคา 110.61 เมตร คาการวง่ิ 1 รอบ จกะ็จเะปเน็ปดน งัดนงั ี้ น้ี = 2(84.39) + 115.61 + 110.61 = 395 เมตร 8.2 วิ่ง 1 รอบ ไดร ะยะทาง 395 เมตร วงิ่ 7 รอบ ไดระยะทาง 395 x 7 = 2765 เมตร ถาวิ่งวิบาก 3,000 เมตร ก็ตองว่ิง 7 รอบกับอีก 235 เมตร หรือเสนเร่ิมว่ิง อยเู ลยเสน เรมิ่ วิ่ง 200 เมตร ของชองว่งิ ที่ 1 ไปอีก 35 เมตร 6 คูม ือขนาดสนามและอุปกรณกฬี า 6
คู่มอื กขนาารดกสนฬี ามาแแลหะองุปปกรรณะเก์ทีฬศา ไทย 8.3 กตกิ ากาํ หนดใหว งิ่ วบิ าก 3,000 เเมมตตรรนตน้ั ้อตงอ วง่ิ วขง่ิ ้าขมา บม่อบนอ ้�ำนาํ้ 77คครร้ังง้ั และข้า มรว้ั ธรรมดา ซ่ึงอยูหางเทากัน 28 ครั้ง ดังนั้น การวิ่งในระยะ 235 เมตรแรก จงึ ไมมต่ ตอ้ องว่ิงขา้ มบอ่ นํ้าำ� คือ ตองวิ่งไปตามทางโคงปกติและไมตองขามร้ัวธรรมดา ร้ัวธรรมดา 2 ตัว ที่อยูกอนและหลัง บอ น้าํ จึงตอ งวางหลกั จากนกั วิ่งผานจดุ น้ันไปกอน 9. เสนเรม่ิ วิ่ง 400 เมตร (ภาพท่ี 5) 9.1 เสนเร่ิมวิ่งของชองว่ิงที่ 1 คือ เสนชัยสวนที่ทอดผานชองว่ิงที่ 1 ถาว่ิงหาง ขอบใน 30 เซนติเมตรไปตลอด 1 รอบ จะไดร ะยะทาง 400 เมตร พอดี 9.2 เสนเร่ิมว่ิงของชอ งว่งิ ที่ 2 หาไดโดยใชร ัศมที างวิ่งของชชอ อ่ งงววิ่งง่ิ ทท่ี ่ี22((ดดตู ูตาารรางท่ี 2) ตารางที่ 2 รศั มขี อบใน รัศมที างวง่ิ ชอ งวิ่งที่ รัศมีขอบใน รศั มีทางว่งิ 1 36.50 36.80 2 37.72 37.92 3 38.94 39014 4 40.16 40.36 5 41.38 41.58 6 42.60 42.80 7 43.82 44.02 8 45.04 45.24 ทางวิง่ ของชอ งวิง่ ที่ 2 1 รอบ ไดจ าก ทางว่ิงทางตรง + ทางว่ิงโคง (2 π r) = 168.78 + 2 π 37.92 = 168.78 + 238.26 = 407.04 นั่นคือ ชองว่ิงที่ 1 ตองตอใหชองวิ่งที่ 2 = 7.04 โดยวิธีเดียวกัน จะคํานวณไดวา ชองที่ 1 จะตองตอใหช องวง่ิ อน่ื ๆ ตามระยะ (แสดงในตารางท่ี 3) คมู อื ขนาดสนามและอปุ กรณกฬี า 7 7
การคก่มู ฬี อื ขานแาหดสงนปามรแะลเทะอศปุ กไทรณยก์ ีฬา ตารางที่ 3 ระยะตอ ของเสนเริม่ ว่ิง 400 เมตร ช. 1 : ช. 2 เสน เรมิ่ วิง่ 400 เมตร ช. 1 : ช. 3 7.04 ช. 1 : ช. 4 14.70 ช. 1 : ช. 5 22.37 ช. 1 : ช. 6 30.04 ช. 1 : ช. 7 37.70 ช. 1 : ช. 8 45.38 53.05 9.3 วธิ ีวดั ทาํ เสน เรม่ิ วง่ิ (ภาพที่ 5) ตองวัดตามทางว่ิง จึงตองตอกหมุดทุกๆ คร่ึงเมตร โดยหมุดหางเสนขอบใน 20 เซนติเมตร เพอ่ื จะดงึ เทปวดั ตามแนวหมดุ ชองที่ 1 : ชองท่ี 2 = 7.04 ม. ชอ งที่ 1 : ชอ งที่ 3 = 14.70 ม. ภาพที่ 5 ทาํ เสน เร่มิ วงิ่ 400 เมตร 10. เสน เรม่ิ วงิ่ 200 เมตร เนอื่ งจาก วง่ิ 200 เมตร ระยะตอ เทากบั 1 โคง แต 400 เมตร ระยะตอ เทากบั 2 โคง ดังน้ัน ระยะตอของเสนเร่ิม 200 เมตร จึงเปนคร่ึั้งหน่ึงของ 400 เมตร ดังแสดง ในตารางท่ี 4 8 คูมอื ขนาดสนามและอุปกรณกฬี า 8
คมู่ อื กขนาารดกสนีฬามาแแลหะองุปปกรรณะเ์กทฬี ศา ไทย 11. เสนเร่ิมวิ่ง 800 เมตร เสน เร่มิ ว่ิง 800 เมตร ตอใหก ัน 1 โคง ระยะตอ จะหมดไปเมอ่ื ผูท่ีว่งิ ท่ี 2 - 8 วิ่งผา น เสนตดั 11.1 วิธีทําเสน ตัด ใชจุดศูนยกลางที่เสนเร่ิมวิ่ง 200 เมตร ของชองวิ่งที่ 1 หางขอบใน 30 เซนติเมตร รัศมี 84.39 เมตร เขยี นเสนโคง ตดั ชอ งวง่ิ ที่ 2 - 8 เนื่องจากการว่ิงตัดเขาชองในของผูวิ่งในชองว่ิงที่ 2 - 8 ตอ งเสียเปรียบผูวิ่ง ในชองวิ่งท่ี 1 ถาใชระยะตอของ 200 เมตร ระยะท่ีเสียเปรียบคํานวณไดโดยใชทฤษฎีบทท่ี 29 ท่ีวา พ้ืนท่ีของส่ีเหลี่ยมจัตุรัสบนดานตรงขามมุมฉากจะเทากับพื้นที่ของส่ีเหลี่ยมจัตุรัสบนดาน ประกอบมุมฉากรวมกัน ตัวอยาง การหาระยะทางท่ีเสียเปรียบของนักวิ่งท่ี 8 ว่ิงสนามที่มีทางวิ่งทางตรง ยาว 84.39 เมตร ชอ งวิ่งกวา ง 1.22 เมตร (ดานตรงขา มมุมฉาก)2 = (ดา นประกอบมมุ ฉาก 1)2 + (ดานประกอบมมุ ฉาก 2)2 (ดา นประกอบมมุ ฉาก 1)2 = (ดา นตรงขามมุมฉาก)2 - (ดา นประกอบมุมฉาก 2)2 = (84.39) - (1.22 x 6) + 1.12 ดา นประกอบมุมฉาก 1 = 83.97 เมตร นั้นคอื นักวง่ิ ชอ งวิ่งที่ 8 จะเสยี เปรยี บ นกั วง่ิ ชองวงิ่ ท่ี 1 = 84.39 - 83.97 = 42 เซนตเิ มตร ดวยการคํานวณนี้ จึงหาระยะทางที่เสียเปรียบของผูวิ่งชองที่ 2 - 8 ได ไดคาแลว นําไปบวกกับระยะตอ 200 เมตร กจ็ ะเปนระยะตอ 800 เมตร ดงั ตารางที่ 4 12. เสนเร่ิมวง่ิ 4 x 400 เมตร กําหนดใหตอ 3 โคงจึงจะตัดเขาในได จึงเอาระยะตอของ 400 เมตร ซ่งึ ตอ 2 โคง บวกกับระยะตอของ 800 เมตร ซึ่งตอ 1 โคง ซ่ึงไดบวกระยะเสียเปรียบท่ีคํานวณไวแลว ผลทีไ่ ดคอื ระยะตอของ 4 x 400 เมตร ดังตารางที่ 4 คูมอื ขนาดสนามและอุปกรณก ีฬา 9 9
การคกู่มีฬือขานแาหดสง นปามรแะลเทะอศุปไกทรณย์กีฬา ตารางที่ 4 ระยะตอ ของเสน เรม่ิ ว่ิง 200 เมตร 400 เมตร 800 เมตร ชอ งวิ่งกวาง สนาม 400 เมตร 1.22 เมตร ระยะตอ ของเสนเรม่ิ ช. 1 : ช. 2 ช. 1 : ช. 3 200 เมตร 400 เมตร เสน ตัด 800 เมตร 4 x 400 เมตร ช. 1 : ช. 4 3.52 7.04 .01 3.53 10.57 ช. 1 : ช. 5 7.35 14.70 .04 7.39 22.09 ช. 1 : ช. 6 11.19 22.37 .08 11.27 33.64 ช. 1 : ช. 7 15.02 30.03 .14 15.16 45.19 ช. 1 : ช. 8 18.85 37.70 .21 19.06 56.76 22.69 45.37 .31 23.00 68.37 26.52 53.03 .42 26.94 79.97 13. เสนเริม่ ว่ิงทีป่ ลอยเปนกลมุ โดยหลักการ ตองการใหทกุ คนวิ่งในระยะทางท่ีเทากัน ถอื วา เม่อื ทุกคนออกเริ่มวงิ่ แตละคนจะวงิ่ พุงตรงไปยงั สวนโคงทใี่ กลท่สี ดุ ในลกั ษณะของเสนสมั ผสั วง ภาพที่ 6 การทําเสน เริ่มวิ่งท่ปี ลอยเปนกลุม กลมุ เดยี ว 10 คูมอื ขนาดสนามและอปุ กรณกีฬา 10
คมู่ อื กขนาารดกสนีฬามาแแลหะองุปปกรรณะเก์ ทฬี ศา ไทย AB คือสายวัดที่ขึงตึงตามแนวทางว่ิงของชองที่ 1 จุด B ยึดติดอยูกับที่ จุด A ถูกคลี่ออกมาเร่ือยๆ เปน A1 = A6 น่ันคือ ผูว่ิงไมวาจะออกเร่ิมวิ่งที่จุด A หรือ A1 - A6 ถาว่ิงพุงตรงไปยังสวนโคงท่ีใกลที่สุดในลักษณะเสนสัมผัสวง จะวิ่งไดระยะทางเทากัน หรือ เสน AB = A1 B = A2 B = A3 B... A6 B เชนเดียวกบั เสนเรม่ิ วง่ิ 500 เมตร กจ็ ะทาํ เหมือนกับเสน เริ่มวงิ่ 10,000 เมตร สําหรับเสน 1,500 เมตร กอ็ าศยั หลกั การเดยี วกัน เพียงแตจ ดุ B จะอยทู ี่เสน เริ่มวง่ิ 200 เมตร ของชอ งวิง่ ที่ 1 หางขอบใน 30 เซนตเิ มตร และใชสายวัดยาว 100 เมตร การเสนเร่ิมว่ิงวิบาก 3,000 เมตร บอนํ้าอยูดานนอก เร่ิมจากตองวัดระยะจาก ขอบในชองวิ่งที่ 1 ไปถึงขอบในของบอนํ้าตามแนวรัศมีวาไดเทาใด เชน สมมติวาได 10 เมตร การวงิ่ วบิ าก 1 รอบ กจ็ ะไดร ะยะทาง 420 เมตร วง่ิ 7 รอบ จะไดร ะยะทาง = 420 x 7 = 2940 เมตร ยังขาดอยู 60 เมตร จงึ ตอ งวิง่ 7 รอบ กบั 60 เมตร การทาํ เสน เรมิ่ วง่ิ แบบปลอ ยเปน กลมุ อกี แบบหนง่ึ คอื การทาํ เสน เรม่ิ วง่ิ 2 ทสี่ าํ หรบั 2 กลมุ นยิ มทาํ สําหรับวิ่ง 5,000 เมตร และ 10,000 เมตร ภาพท่ี 7 เสน เร่มิ วิง่ สาํ หรับปลอย 2 กลุม พรอมกัน คมู อื ขนาดสนามและอุปกรณก ีฬา 11 11
การคกู่มฬี อื ขานแาหดสง นปามรแะลเทะอศปุ กไทรณย์กฬี า เสน เริม่ ว่งิ 10,000 เมตร ของกลมุ 2 จะทําทีเ่ สน เรมิ่ วงิ่ 800 เมตรของชอ งว่งิ ที่ 5 เสนเริ่มวิ่ง 5,000 เมตร ของกลุมที่ 2 จะทําท่ีเลยเสนเริ่มวิ่ง 200 เมตร ชองว่ิงที่ 5 เลยไป 14 เซนตเิ มตร (เทากับระยะทเี่ สยี เปรียบเมื่อนักวิง่ ชองว่งิ ท่ี 5 ตองตัดเขาในทเ่ี สน ตดั ) นักวิง่ 10,000 เมตร กลุม ท่ี 2 จะตดั เขาชองในท่ีเสน ตัด นักว่ิง 5,000 เมตร กลุมที่ 2 จะตัดเขาชองในที่เสนตัด ซึ่งอยูตรงเสนต้ังฉากสมมติ ใกลก ับเสนเรมิ่ วง่ิ 100 เมตร 14. จดุ วางรวั้ ตารางท่ี 5 ระยะวางรว้ั ประเภท วิ่งขา มรว้ั จากเสนว่ิงถงึ ความหา ง ร้วั ตวั ที่ 10 หญงิ ระยะ รวั้ ตัวที่ 1 ระหวางรั้ว ถึงเสน ชัย ชาย 13.00 100 เมตร 13.72 8.50 10.50 ชาย หญงิ 110 เมตร 45.00 9.14 14.02 400 เมตร 35.00 40.00 การวัดจุดวางร้ัว 400 เมตร ในสวนท่ีเก่ียวของกับทางโคง ตองวัดเชนเดียวกับการวัด ระยะตอ ของเสนเรมิ่ วง่ิ 200 400 800 และ 4 x 400 เมตร คอื ตองวัดตามทางวิ่ง โดยหางขอบใน 30 เซนติเมตร สําหรับชองว่ิงที่ 1 และหาง 20 เซนติเมตร สําหรับชองว่ิงอ่ืนๆ และการวัดน้ัน ควรวัดไปตามทางวิ่งคร่ึงสนาม วัดทวนทางวิ่งอีกคร่ึงสนาม วัดทวนทางวิ่งอีกครึ่งสนาม ไปบรรจบกนั เพ่อื ลดโอกาสท่จี ะเกดิ ความผดิ พลาด 15. การวัดทแยง คือ 1. การวดั จากจุดถึงจุด โดยดึงสายวัดเปน เสนตรง 2. เปนการวัดท่ีมีความแมนตรงสูงกวาการวัดตามทางวิ่ง (ถาการวัดตาม ทางวิ่งน้ันไมไ ดต อกหมดุ ตามทางว่ิง) 3. ประหยดั เวลามาก เพราะไมต อ งตอกหมุด 12 คูม อื ขนาดสนามและอุปกรณกฬี า 12
คมู่ ือกขนาารดกสนีฬามาแแลหะอง ปุ ปกรรณะเ์กทฬี ศา ไทย ขดี จํากดั ของการวดั แบบทแยง ขอมูลที่ไดจากการวัดแบบทแยงจากสนามท่ีมีทางวิ่งทางตรงยาวเทาใด จะนําไปใชได เฉพาะกับสนามท่มี ีทางวิง่ ทางตรงยาวเทากนั เทา นั้น เปนเพยี งการวัดเกบ็ ขอมลู จากผลท่ีไดจ ากการวดั ตามทางวิ่ง การวดั ทแยง เสน เริม่ วงิ่ 400 เมตร วดั ตามทางว่งิ และวัดทแยง ชองว่ิงกวา ง 1.22 เมตร อธบิ ายภาพ 1. แรกเริ่ม การทาํ เสน เรมิ่ ว่งิ ของชองว่งิ ที่ 2 - 8 ตอ งวดั ตามทางวงิ่ คอื 1 : 2 = 7.04 เมตร 1 : 3 = 14.70 เมตร 1 : 4 = 22.37 เมตร ฯลฯ 2. วัดทแยง เก็บขอ มลู ไว 1 : 2 = 6.99 เมตร 2 : 3 = 7.37 เมตร 3 : 4 = 7.15 เมตร ฯลฯ 3. นําขอมูลท่ีเก็บไวไปใชในการทําสนามคร้ังตอไป อาจเปนสนามเดิม หหรรือือสสนนาามมอเดื่นิมๆ ทหม่ีรอื ที สานงาตมรงอยน่ื าๆวทเทม่ี า่ ีทกานั งตแรลงะยมาีชว่อเทงาวกิ่งกันวแา้ ลงเะทมา่ ีชกอนั งวิ่งกวางเทา กัน ระยะตอสนาม 400 เมตร วดั ทแยง ชองวงิ่ กวา ง 1.22 เมตร ใชไ ดเฉพาะสนามมาตรฐาน ท่ีมที างวิ่งทางตรง 84.39 เมตร รัศมขี อบใน 36.50 เมตร คูมอื ขนาดสนามและอุปกรณก ฬี า 13 13
การกค่มู ฬี ือขานแาหดสง นปามรแะลเทะอศปุ ไกทรณยก์ ีฬา ชนดิ ของ ชอ งวิง่ : ชอ งวงิ่ หมายเหตุ ระยะตอ 200 ม. ช.1:ช.2 ช.2:ช.3 ช.3:ช.4 ช.4:ช.5 ช.5:ช.6 ช.6:ช.7 ช.7:ช.8 400 ม. 800 ม. 3.65 3.84 3.74 3.64 3.55 3.46 3.38 ชอ งวงิ่ กวา ง 1.22 เมตร 4 x 200 ม. 4 x 400 ม. 6.99 7.37 7.15 6.95 6.75 6.58 6.41 ร้วั 400 ตวั ท่ี 1 รัว้ 400 ตวั ท่ี 2 3.67 3.86 3.77 3.69 3.60 3.54 3.46 เสน กลางเขตรับ – สง ไมผ ลัด 4 x 200 ม. ไม 3 ร้ัว 400 ตวั ท่ี 3 4 x 400 ม. ไม 2 รว้ั 400 ตัวที่ 4 รว้ั 400 ตวั ท่ี 5 10.39 10.97 10.67 10.37 10.10 9.85 9.60 รว้ั 400 ตัวท่ี 6 รว้ั 400 ตวั ท่ี 7 5.67 5.98 5.81 5.64 5.94 5.34 5.21 วดั ถอย 5 ม. เปนเขตเรมิ่ รับไม 8 50 ม. ร้ัว 400 ตัวที่ 8 4.66 4.91 4.77 4.64 4.52 4.40 4.28 3.72 4.02 4.02 4.02 4.02 4.02 4.02 เขตรอรับไม 4 x 100 ไม 2 เสน กลางเขตรับ – สง ไม 5 x 80 ม. ไม 2 3.72 4.02 4.02 4.02 4.02 4.02 4.02 เสนกลางเขตรบั – สงไม 8 x 50 ม. ไม 2 3.72 4.02 4.02 4.02 3.96 3.85 3.76 3.09 3.25 3.17 3.09 3.01 2.93 2.80 เขตรับไม 5 x 80 ม. ไม 4 2.17 2.26 2.22 2.17 2.12 2.10 2.04 วดั เพ่มิ 5 ม. หมดเขตรบั – สงไม 8 x 50 ม. ไม 6 1.44 1.46 1.45 1.44 1.43 1.42 1.41 14 คูม ือขนาดสนามและอุปกรณก ฬี า 14
คมู่ ือขกนาาดรสกนาฬี มแาลแะหอุปง กปรณรก์ะเฬีทาศไทย ตวั อยางของรัว้ ภาพแสดงสว นตางๆ ของรั้วท่ใี ชใ นการแขง ขันวิง่ วบิ าก ภาพแสดงบอนํ้าทใี่ ชใ นการแขงขนั ว่งิ วิบาก คมู ือขนาดสนามและอุปกรณกฬี า 15 15
การคกูม่ ีฬือขานแาหดสงนปามรแะลเทะอศปุ ไกทรณยก์ ีฬา ภาพแสดงเสากระโดดสูง ไมพาดและพุกรองรับ ภาพแสดงเบาะรองรบั การกระโดดค้ํา ภาพแสดงการตดิ ตง้ั พกุ ของการกระโดดค้าํ ภาพแสดงรางกระโดดคํ้า 16 คมู ือขนาดสนามและอุปกรณก ีฬา 16
คมู่ ือกขนาารดกสนฬี ามาแแลหะอง ุปปกรรณะเ์กทีฬศา ไทย ภาพแสดงกระดานเรม่ิ และกระดานดินนํา้ มัน หมายเหตุ : เม่ือก่ึงกลางของทางว่ิงไมทับเสนกึ่งกลางของหลุมทราย ใหใชเทป 1 เสน หรือถาจําเปนใชเทป 2 เสน แบงหลุมทรายออกเปนสวนๆ กึ่งกลางของหลุมทรายที่แบงแลว จะตรงกับกึง่ กลางของทางวิ่งพอดี (ดูแผนภาพ) Centralised LJ/TJ Landing Area คมู ือขนาดสนามและอุปกรณก ฬี า 17 17
การคกมู่ ฬี อื ขานแาหดสงนปามรแะลเทะอศุปไกทรณย์กีฬา ภาพแสดงกระดานหยุด ภาพแสดงวงกลมทมุ ลูกนํา้ หนัก ภาพแสดงลักษณะของจักร ภาพแสดงวงกลมขวางจักร 18 คูม อื ขนาดสนามและอปุ กรณก ฬี า 18
คู่มือกขนาารดกสนฬี ามาแแลหะอง ปุ ปกรรณะเก์ ทฬี ศา ไทย ภาพแสดงกรงสําหรบั ขวา งจกั รและขวางคอ น ภาพแสดงวงกลมขวา งคอ น ภาพแสดงวงกลมขวา งจักรและขวา งคอ น (ในพืน้ ทเ่ี ดยี วกัน) คมู ือขนาดสนามและอุปกรณกีฬา 19 19
การกคมู่ ีฬอื ขานแาหดสงนปามรแะลเทะอศุปไกทรยณก์ ีฬา ภาพทางวิ่งในการพงุ แหลนและเซคเตอรข องการพงุ แหลน 20 คมู ือขนาดสนามและอปุ กรณก ฬี า 20
คูม่ อื กขนาารดกสนีฬามาแแลหะอง ปุ ปกรรณะเ์กทฬี ศา ไทย แหลน แหลน หญิง ยุวชน ชายยุวชน ชาย เยาวชน ประชาชน เยาวชน ประชาชน นา้ํ หนัก (รวมท้งั เชือกที่จับ) 800 กรัม 805 - 825 กรมั นอยทีส่ ุดยอมรับสถิติ 600 กรมั 700 กรมั 605 - 625 กรมั 705 - 725 กรมั 2.60 ม. สําหรับใชแ ขง ขัน 2.70 ม. 2.20 ม. 2.30 ม. 2.50 มม. ยาว นอ ยทส่ี ดุ 2.30 ม. 2.40 ม. 3.30 มม. 2.50 มม. 2.50 มม. มากทสี่ ดุ 3.30 มม. 3.30 มม. 0.90 ม. 1.06 ม. หัวแหลนยาว นอยท่สี ุด 25 มม. มากทีส่ ดุ 30 มม. 150 มม. ความยาวจากหวั 160 มม. ถึงจดุ ศนู ยถ วง นอยทส่ี ดุ 0.80 ม. 0.86 ม. 0.92 ม. 1.00 ม. มากที่สดุ เสนผา ศูนยกลาง ตรงจดุ ที่ใหญท ีส่ ดุ นอยท่สี ดุ 20 มม. 23 มม. 25 มม. 28 มม. มากท่ีสุด 140 มม. 150 มม. 150 มม. 160 มม. ความยาวของทจ่ี บั นอยที่สุด มากท่สี ดุ คูม อื ขนาดสนามและอุปกรณกีฬา 21 21
การกค่มู ีฬือขานแาหดสงนปามรแะลเทะอศปุ ไกทรณยก์ ฬี า คอน คอ น หญิง ยวุ ชน ชาย ชาย ชาย เยาวชน ประชาชน ยุวชน เยาวชน ประชาชน นํา้ หนกั ท่ใี ชแขงขันได และนาํ้ หนักตา่ํ สดุ 4.000 กก. 5.000 กก. 6.000 กก. 7.260 กก. สถติ ทิ าํ ไดเ ปน ที่ยอมรับ 4.000 กก. ถึง 5.000 กก. ถงึ 6.000 กก. ถึง 7.265 กก. ถึง นํ้าหนักของคอ นท่ีใช 4.025 กก. 5.025 กก. 6.025 กก. 7.285 กก. ในการแขง ขัน ความยาวของคอ นวดั จาก 1160 มม. 1165 มม. 1175 มม. 1175 มม. ท่จี ับดานใน อยางนอย 1195 มม. 1200 มม. 1215 มม. 1215 มม. อยา งมาก 95 มม. 100 มม. 105 มม. 110 มม. เสน ผาศูนยก ลาง 110 มม. 120 มม. 125 มม. 130 มม. หัวคอ น อยา งนอย อยา งมาก ระยะทาง ความสูง รวั้ กระโดด ระยะ ระยะทางจากรว้ั ชาย การแขง ขนั ของรั้ว ระหวางรัว้ สุดทา ยถงึ เสนชยั เมตร เมตร ระยะทางจากเสน เมตร เมตร 110 1.067 9.14 14.02 400 0.914 เริ่มว่ิงถงึ ร้ัวแรก 35 40 เมตร 13.72 45 ระยะทาง ความสงู หญงิ ระยะ ระยะทางจากรั้ว การแขง ขนั ของรว้ั ระยะทางจากเสน ระหวา งร้วั สดุ ทา ยถึงเสน ชัย เมตร เมตร เมตร เมตร 100 0.840 เรมิ่ วิง่ ถึงร้วั แรก 8.50 10.50 400 0.762 เมตร 35 40 13 45 22 คมู ือขนาดสนามและอุปกรณกีฬา 22
คมู่ อื กขนาารดสกนีฬามาแแลหะองุปปกรรณะ์กเทีฬศา ไทย ลกู น้าํ หนกั ลกู นํา้ หนกั หญงิ ยวุ ชน ชาย ชาย ชาย เยาวชน ประชาชน น้าํ หนักตาํ่ สุดซึง่ สถติ ิ เยาวชน ประชาชน ยวุ ชน ทีท่ ําไดเ ปนที่ยอมรบั 6.000 กก. 7.260 กก. ลกู นา้ํ หนกั ท่ใี ช 4.000 กก. 5.000 กก. ทําการแขงขนั อยา งนอ ย 6.005 กก. 7.265 กก. 4.005 กก. 5.005 กก. 6.025 กก. 7.285 กก. อยางมาก 4.025 กก. 5.025 กก. 105 มม. 110 มม. เสนผา ศูนยก ลาง อยา งนอ ย 95 มม. 100 มม. 120 มม. 130 มม. 110 มม. 120 มม. อยา งมาก จกั ร จกั ร หญงิ ยุวชน ชาย ชาย ชาย เยาวชน ประชาชน ยวุ ชน เยาวชน ประชาชน นา้ํ หนกั ตํ่าสุดซึ่งสถิติ 1.000 กก. 1.500 กก. 1.750 กก. 2.000 กก. ท่ที ําไดเ ปน ทยี่ อมรับ นา้ํ หนกั สําหรบั 1.005 กก. 1.505 กก. 1.755 กก. 2.005 กก. แขงขัน อยา งนอ ย 1.025 กก. 1.525 กก. 1.775 กก. 2.025 กก. อยา งมาก 180 มม. 200 มม. 210 มม. 219 มม. เสนผา ศนู ยก ลาง 182 มม. 202 มม. 212 มม. 221 มม. จากขอบนอก อยา งนอ ย 50 มม. 50 มม. 50 มม. 50 มม. อยางมาก 57 มม. 57 มม. 57 มม. 57 มม. เสนผาศนู ยก ลาง ของแผน ดมุ อยางนอ ย 37 มม. 38 มม. 41 มม. 44 มม. 39 มม. 40 มม. 43 มม. 46 มม. อยา งมาก ความหนาของ 12 มม. 12 มม. 12 มม. 12 มม. ตวั จักรวดั ทดี่ ุม อยา งนอย 13 มม. 13 มม. 13 มม. 13 มม. อยางมาก ความหนาของขอบจักรจากขอบ 6 มิลลเิ มตร อยา งนอ ย อยางมาก คมู อื ขนาดสนามและอปุ กรณก ฬี า 23 23
การกคู่มฬี อื ขานแาหดงสนปามรแะลเทะอศปุ ไกทรยณ์กีฬา 24 คูมอื ขนาดสนามและอุปกรณก ฬี า 24
คู่มือกขนาารดกสนฬี ามาแแลหะอง ปุ ปกรรณะก์เทีฬศา ไทย ผงั สนามมาตรฐาน ผงั มาตรฐานของสนามในการแขงขัน 7. สนามการขวางจักร 1. วงกลมกลางสนามฟตุ บอล 2. ลวู ิ่งมาตรฐาน 8. สนามกระโดดคํา้ ถอ 3. สนามกระโดดไกลและเขยงกา วกระโดด 9. สนามทมุ น้าํ หนัก 4. รัว้ นาํ้ 10. สนามกระโดดสงู 5. ทางว่งิ พุงแหลน 11. เสน ชัย 6. สนามการขวางจกั รและขวางคอน คมู อื ขนาดสนามและอุปกรณก ฬี า 25 25
การกคูม่ีฬอื ขานแาหดงสนปามรแะลเทะอศุปไกทรยณก์ ีฬา รัศมีทางว่งิ รศั มขี อบใน ทางว่งิ วบิ าก บอนํ้าอยูดา นนอก 26 คมู ือขนาดสนามและอปุ กรณกีฬา 26
คู่มือกขนาารดกสนีฬามาแแลหะองปุ ปกรรณะก์เทฬี ศา ไทย ทางว่ิงวิบาก บอ น้ําอยดู า นใน การทาํ เสน ว่งิ 400 เมตร คมู อื ขนาดสนามและอปุ กรณก ฬี า 27 27
การกค่มู ีฬอื ขานแาหดสง นปามรแะลเทะอศุปไกทรณยก์ ฬี า การทาํ เสน เริม่ ว่งิ ที่ปลอ ยเปน กลุม กลมุ เดียว เสน เริ่มวิง่ สําหรับปลอ ย 2 กลมุ พรอมกนั 28 คมู อื ขนาดสนามและอปุ กรณก ีฬา 28
คมู่ ือกขนาารดกสนีฬามาแแลหะอง ุปปกรรณะเก์ ทฬี ศา ไทย การวดั ทแยง เสน เร่มิ วิง่ 400 เมตร วัดตามทางวงิ่ คมู ือขนาดสนามและอปุ กรณก ีฬา 29 29
การกคู่มฬี ือขานแาหดสง นปามรแะลเทะอศปุ ไกทรณย์กีฬา ตวั อยางของรวั้ สว นตางๆ ของรวั้ ท่ใี ชใ นการแขงขนั ว่งิ วบิ าก 30 คูมือขนาดสนามและอุปกรณก ฬี า 30
คู่มือกขนาารดสกนีฬามาแแลหะองุปปกรรณะ์กเทฬี ศา ไทย บอน้ําทใี่ ชใ นการแขงขันวงิ่ วิบาก เสากระโดดสูง ไมพ าดและพุกรองรับ 31 คมู ือขนาดสนามและอุปกรณก ฬี า 31
การกคมู่ ีฬือขานแาหดสงนปามรแะลเทะอศุปไกทรณย์กีฬา เบาะรองรับการกระโดด การติดตั้งพุกของการกระโดดคาํ้ 32 คูมอื ขนาดสนามและอปุ กรณก ฬี า 32
คมู่ ือกขนาารดสกนีฬามาแแลหะอง ุปปกรรณะก์เทฬี าศไทย รางกระโดดค้าํ กระดานเริ่มและกระดานดินนํ้ามัน 33 คูมอื ขนาดสนามและอปุ กรณก ฬี า 33
การกีฬาแหง ประเทศไทย คมู่ ือขนาดสนามและอปุ กรณ์กีฬา Centralised LJ/TJ Landing Area วงกลมลกู ทุม น้าํ หนกั 34 คูมอื ขนาดสนามและอปุ กรณก ฬี า 34
ค่มู ือกขนาารดกสนฬี ามาแแลหะองุปปกรรณะเ์กทีฬศา ไทย ภาพแสดงกระดานหยุด ภาพแสดงลกั ษณะของจักร คมู ือขนาดสนามและอปุ กรณกฬี า 35 35
การกคูม่ ีฬอื ขานแาหดงสนปามรแะลเทะอศุปไกทรยณก์ ฬี า วงกลมขวางจกั ร กรงสาํ หรับขวา งจักรและขวางคอน 36 คูม อื ขนาดสนามและอุปกรณกีฬา 36
คมู่ อื กขนาารดกสนฬี ามาแแลหะองปุ ปกรรณะเ์กทีฬศา ไทย วงกลมสาํ หรบั ขวา งคอ น วงกลมขวางจกั รและขวา งคอนในพนื้ ที่เดียว คมู อื ขนาดสนามและอุปกรณก ีฬา 37 37
การกคูม่ ีฬอื ขานแาหดสง นปามรแะลเทะอศุปไกทรณยก์ ีฬา ทางว่ิงในการพงุ แหลนและเซคเตอรข องการพงุ แหลน 38 คมู อื ขนาดสนามและอุปกรณก ีฬา 38
การกีฬาแหงประเทศไทย คู่มือขนาดสนามและอปุ กรณ์กีฬา กอลฟ สนามกอลฟ กฬี ากอลฟเลน ในพ้นื ที่ซ่งึ เรียกวา “สนามกอลฟ” (อังกฤษ : Golf course) สนามกอลฟ ประกอบไปดวยหลุมหลายหลุม โดยในทางกอลฟ “หลุม” หมายถึง ท้ังหลุมท่ีเจาะลงไปใน พื้นดิน และอาณาเขตต้ังแตแทนต้ังที่ไปจนถึงกรีน สนามกอลฟสวนใหญประกอบไปดวยหลุม สิบแปดหลมุ แทน ทีออฟ การตีคร้ังแรก ในแตละหลุมเริ่มจากเขตที่เรียกวา “แทนตั้งที” (Teeing Ground) ผูเลนสามารถใชแทงหมุดขนาดเล็ก ซึ่งเรียกวา “ทีต้ังลูก” (Tee) ทําจากไมหรือพลาสติก ชวยใหการตี “ทีช็อต” งายขึ้น กอนท่ีจะมีสมัยใหมน้ัน นักกอลฟมักจะกอกองทรายเล็ก เปนทรงพีระามิดในการตั้งลูกกอลฟ สนามกอลฟสวนใหญ จะมีแทนตั้งทีหลายระยะใหเลือก ซง่ึ ทาํ ใหห ลุมนัน้ ยาวขน้ึ หรือสั้นลงไดตามแตจะเลือก บรเิ วณแทนต้งั ทน่ี นั้ มกั จะมพี น้ื ผิวราบ คมู อื ขนาดสนามและอุปกรณก ีฬา 39 39
การกคู่มีฬอื ขานแาหดสง นปามรแะลเทะอศุปไกทรณย์กฬี า แฟรเวยและรฟั หลังจากตีลูกออกจากแทนต้ังที ผูเลนจะตีลูกกอลฟ (โดยมากไปยังกรีน) จากจุด ที่ลูกมาหยุดอยู ซึ่งอาจะเปน “แฟรเวย” (Fairway) หรือวา “รัฟ” (Rough) บนแฟรเวยนั้น หญา จะถกู ตัดส้นั และเรยี บ ทํา�ำใหก้ ารตีลูกนนั้น้ันง่า ยกว่า การตีจากรัฟ ซง่ึ มกั จะไวห ญายาวกวา อปุ สรรค ในสนามกอลฟ หลุมหลายหลุมอาจมเี ขต “อุปสรรค” (Hazard) ซึง่ แบงออกเปน 2 ชนดิ คอื “เขตอปุ สรรคนา้ํ ”(Water Hazard) และ “บงั เกอร” (Bunker) (บางครงั้ เรยี กวา “หลมุ ทราย” หรือ “อุปสรรคทราย” จะมีกฎบังคับการเพ่ิมเติม ซ่ึงทําใหการเลนลําบากมากขึ้น ตัวอยางเชน ในเขตอุปสรรค ผูเลน ไมสามารถใชไมก อลฟสัมผัสพ้ืนกอ นการเลนลกู ได ลกู ทีอ่ ยูในเขตอุปสรรค สามารถเลนจากจุดท่ีลูกหยุดอยูไดโดยไมถูกปรับแตม หากไมสามารถเลนจากตําแหนงน้ันได (โดยเฉพาะในอุปสรรคน้ํา)ผผูเเู้ลลนน่ ออาาจจจจะะเเลลืออื กกเเลลน่ จากกจจุดดุ ออ่ืนน่ื โดยทั่วไปจะปรับโทษหน่ึงสโตรค (แตม) ซ่ึงตําแหนงการเลนนอกเขตนั้น ถูกบังคับอยางเขมงวดโดยกฎกอลฟ บังเกอรเปนเขต อปุ สรรคเพราะการเลน ลูกนนั้ ทําไดย ากกวา การตีจากหญา 40 คมู ือขนาดสนามและอปุ กรณกีฬา 40
การกีฬาแหง ประเทศไทย คมู่ ือขนาดสนามและอปุ กรณก์ ฬี า กรีน เมื่อลูกกอลฟอยูบน “กรีน” (Putting Green) แลว ผูเลนจะพัตลูกไปยังหลุม จนกวาจะลง “หลุม” (Hole หรือ Cup) การพัต (Putt) คือการตีลูกคร้ังหน่ึง มักจะทําบนกรีน (แตไมเสมอไป) โดยใชไมกอลฟซึ่งหนาแบบเรียบ ทําใหลูกกล้ิงไปบนพื้นโดยไมลอยจะพื้นดิน หญาบนกรีนนั้นจะตัดสั้นมาก ทําใหลูกกลิ้งไปไดอยางงายดาย ทิศทางของใบหญาและ ความลาดเอียงของพ้ืนจะสงผลตอทิศทางการกลิ้งของลูก หลุมกอลฟจะอยูบนกรีนเสมอ มีขนาด 108 มิลลิเมตร และลึกอยางนอย 100 มิลลิเมตร ตําแหนงของหลุมบนกรีน อาจเปล่ียนไปไดแตละวัน โดยท่ัวไปมักจะมีธงปกในหลุมกอลฟเพื่อใหเห็นหลุมไดจากระยะไกล แมวา อาจจะไมใชจากแทน ตัง้ ทกี ็ตาม โอบี โอบี คือ เขตท่ีอยูนอกเขตสนามท่ีกําหนดไว ซึ่งผูเลนไมสามารถตีลูกได หากลูกของ ผเู ลนตกไปยงั เขตของโอบี ผเู ลนจะตองเลน จากจดุ ท่ตี มี า และปรับแตม เพิ่มหนงึ่ สโตรค คูมอื ขนาดสนามและอปุ กรณกีฬา 41 41
การคกูม่ ีฬือขานแาหดสงนปามรและเะทอศุปกไทรณย์กีฬา เขตอืน่ บางสวนในเขตสนาม อาจจะมี “เขตพน้ื ทซ่ี อม” (Ground Under Repair หรอื G.U.R.) ซ่ึงหากลูกกอลฟ ของผูเลนเขาไปตกในเขตน้ีแลว ผูเลนสามารถหยิบออกมาเลนนอกเขตไดโดย ไมถูกปรับแตม นอกจากนี้ ยังอาจมี “สิ่งกีดขวาง”(Obstruction) ซ่ึงเปนส่ิงที่มนุษยสรางข้ึน เชนหมุดบอกระยะทางร้ัว เปนตน และมีกฎขอบังคับเฉพาะซึ่งกําหนดวิธีเลนหากลูกของผูเลน ไดร บั ผลกระทบจากสงิ่ กดี ขวาง พาร แตละหลุมในสนามกอลฟจะมีการกําหนด “พาร” (Par) ซ่ึงเปนจํานวนคร้ังการตีผูเลน ควรจะตีจนหลงลหุมลเมุ ชเนชน่ ในในหหลุมลมุพพาราสร่ีส์ ผ่ี ผูเลเู้ ลนน่ คคววรรจจะะตตีคคี รร้ังง้ั แแรรกกจจาากกแแททนน่ ตต้ังง้ั ทที ีครั้งท่ีสองไปยังกรนี และพัตอีกสองครั้ง หลุมกอลฟโดยทั่วไปมักจะมีพาร สาม ส่ี และหา ปจจุบันมีหลุมพารหก อยูบา งเลก็ นอ ย แตไ มมีในสนามกอลฟแบบดั้งเดมิ สนามกอลฟสิบแปดหลุมสวนใหญ มักจะมีหลุมพารสามและพารหาอยางละสี่หลุม และหลมุ พารส อี่ กี สบิ หลมุ รวมทง้ั สบิ แปดหลมุ เปน พาร 72 แมว า จะมกี ารผสมแบบอน่ื การแขง ขนั หลายรายการท่เี ลน บนสนามพาร 71 หรือ7700 42 คมู อื ขนาดสนามและอุปกรณกีฬา 42
ค่มู ือกขนาารดกสนฬี ามาแแลหะองปุ ปกรรณะเก์ ทฬี ศา ไทย อปุ กรณก ีฬากอลฟ หวั ไม พตั เตอร และหัวเหลก็ โดยท่ัวไปแลว นักกอลฟจะมีไมหลายอันในถุงขณะเลน โดยกฎระบุวาสามารถมีไม ไดไมเกิน 14 อัน ไมกอลฟแตละชิ้นจะมีความแตกตางกันในเร่ืองขององศาหนาไม ซึ่งสงผล ตอ เสนโคจรของลูกกอลฟ องศาหนาไมข องไมกอลฟ นน้ั วัดจากแนวต้ังฉาก หัวไม “หัวไม” (Wood) เปนไมที่ยาวท่ีสุดและมักจะใชกับช็อตท่ีตองการระยะไกล หัวของ หัวไมนั้นมีขนาดใหญ โดยดั้งเดิม หัวของหัวไมทํามาจากไมพลับหรือเมเปล ซึ่งเปนที่มาของช่ือ หวั ไมส มัยใหมมีลกั ษณะกลาง ทําจากเหล็ก ไทเทเนียม หรอื วัสดผุ สม หวั ไมทยี่ าวทีส่ ดุ เรยี กวาหวั ไมห น่งึ หรอื “ไดรเวอร” โดยหัวไมน ้ีจะมีหัวขนาดใหญท ี่สดุ ซง่ึ เหมาะสมสาํ หรบั การตจี ากที หวั ไมอ น่ื ทส่ี นั้ กวา เชน หวั ไมส าม หรอื หวั ไมห า มกั เรยี กเปน หัวไม แฟรเวย โดยหัวไมเหลานี้จะส้ันกวา และองศาหนาไมมากกวา ทําใหสามารถตีจากพื้นหญาได ไดรเวอรสามารถใชต จี ากพน้ื หญา ไดเชนกนั แตตอ งใชค วามสามารถทสี่ ูงกวาในการควบคุม คมู ือขนาดสนามและอปุ กรณกีฬา 43 43
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429