Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ระบบข้อมูลพืชผัก มหาวิทยาลัยแม่โจ้ : รูบาร์บ

ระบบข้อมูลพืชผัก มหาวิทยาลัยแม่โจ้ : รูบาร์บ

Description: ระบบข้อมูลพืชผัก มหาวิทยาลัยแม่โจ้ : รูบาร์บ.

Search

Read the Text Version

ระบบขอ มลู พชื ผัก สาขาพชื ผัก ภาควิชาพืชสวน คณะผลติ กรรมการเกษตร http;//www.mju.ac.th/fac-agr/hort/vegetable/main.htm รูบารบ ปรบั ปรุงแกไ ข มถิ นุ ายน 2548 รศ. นพิ นธ ไชยมงคล รูบารบ Rhubarb หรอื Pie plant : Rheum rhaponticum L, Rheum hybridicum L &R.rhabarbarrum L.อยูใน Order; Polyonales, Family; Polygonaceae หรือ Buckwheat family ในภาษากรกี Rha เปนช่ือของแมน าํ้ Volga สวน babaron หมายถงึ ตา งประเทศ rhabarbaru หมายถงึ พชื ตา งประเทศนาํ เขา มาจากแถบแมนาํ้ Volga เปนพืชปา พบเจริญอยทู วั่ ไปแถบภเู ขาดา นตะวัน ตกและตะวนั ตกเฉียงเหนอื ของประเทศจนี และเขตตดิ ตอ กับธิเบต นาํ มาปลกู เพ่อื การคา ในยุโรปและสหรัฐอเมริกา ประเทศจีนใชเปนพชื สมนุ ไพรกวา 2,000 ปก อนครสิ ตศกั ราช และชาวโรมนั จะใชไ หลและรากตากแหงเปน พชื สมุนไพร รูบารบเปนไมเ น้อื ออ น ขา มป อาจมีอายุถึง 20 ป ประกอบดวยใบขนาดใหญ กา นใบ หนา ใชก า นใบประกอบอาหาร มีรสชาติดี ใชป ระกอบอาหารคาว หวานหลายชนิด เชน pies, jams, jellies, sauces และ juice ลาํ ตน หรือเหงา (crowns) ซึง่ อยรู ะหวางใบและราก สว นเหงา จะเจริญทางดานขา งคลายไหล (rhizomes) และตาใบจะเจรญิ จากเหงา โดยจะเริม่ เจริญจากสวนกลางของกอและขยายออกดานขาง ทาํ ใหมีกอ ขนาดใหญตามอายขุ องพชื เม่อื กอขยายออกดานขา ง สว นกลางของกอ จะตายไป ซ่ึงเม่ือมอี ายุมากขึน้ กออาจจะขยายออกไปถึง 1 เมตร และ ทาํ ใหสวนกลางของกอที่ตายไปขยายวงกวางข้ึนตามไปดวย ตาใบ (buds) ประกอบดว ยใบขนาดเลก็ จาํ นวน 30 ใบ และเจรญิ กอนทีจ่ ะพฒั นาเปน กานใบและใบเปน เวลา 1 ป ใบทอี่ ยดู า นนอกของตาใบจะเจรญิ กอน หลังจากน้นั จะสราง ราก เพือ่ ดดู อาหารสาํ หรับการเจริญของกานใบและใบใหม สว นของใบที่สมบรู ณจะมขี นาดกวาง 30-50 ซม.และยาว 50 ซม. สวนกา นที่นาํ มาใชบ รโิ ภค มสี เี ขยี ว ชมภูหรือแดงเขม ความยาว 60-75 ซม. กวา ง 4-7 ซม. 1

ราก (roots)ประกอบดว ยรากสะสมอาหารและรากดดู กลืน รากสะสมอาหาร ทาํ หนา ที่ สะสมอาหารสาํ รอง เพอื่ การเจริญของเหงา ตาใบและใบ สว นรากดูดกลืน จะทาํ หนา ท่ีดดู ธาตุ อาหารและนาํ้ ระบบรากกวาง 90 เซนติเมตร ลกึ 30 เซนตเิ มตร ชอ ดอก จะเจริญไดดหี ลังจากผานอุณหภมู ิตาํ่ ดอก เปนแบบสมบรู ณเ พศ มขี นาดเล็ก สีขาวปนเขียว กา นดอกมี ลกั ษณะเปน หลอดกลม ชขู ้ึน ควรเดด็ ทง้ิ เน่ืองจากการเจรญิ ของดอกจะแยง อาหาร ที่ใชใ นการเจรญิ ของเหงาและใบ ทาํ ใหผ ลผลติ และคุณภาพตา่ํ ลกั ษณะอาการทแี่ สดงออกของผทู ่ไี ดร บั สาร Oxalic acid อาการลิน้ บวม แนน หนา อก นอกจากน้เี ปนอันตรายตอ ระบบหายใจ เปนสาเหตุนว้ิ ใน ไต สวนที่นาํ มาประกอบอาหารคือสวนของกานใบ ตารางท่ี 1 สว นประกอบทางเคมขี องรบู ารบ Water 91.2- Acids Ash(Mg/100g) Vitamins 96.1% Constituents Solid,Total 4.0- Malic 0.73- K 212- A1 30-100 8.48% 2.15% 425 I.U. Solids, 2.1- Oxalic acid 0.124- Na 2.2 B1 0.2ug/ Soluble 3.0% 1.360% 100g Sugars 0.3- Citric acid 0.07- Ca 44-103 B2 0.606- 2.3% 0.18g/10 0.3 0g ug/100g Nitrogen, 0.127- Acetic 0.02- Mg 13.6 C 7- Total 0.211% acid 0.16g/ 34mg/ 100g 100g Protiens 0.6 Fumalic 0.01- Fe 0.40- acid 0.10g/ 0.80 100g Fats Traces- Glucolic 0.01g/ Cu 0.13- 0.7% acid 100ml 0.50 Pectines 0.11- Succini 0.02g/ P 21.0- (Ca- 0.77% acid 100ml 31.0 pectate) Tannins 0.058- pH 3.01-3.59 S 8.2 0.110% Fiber,Crude 1.1- Cl 87 1.2% Carotenes 1.2ug/ 2

100g Ash 0.62- 1.23% คณุ คาทางโภชนาการ (จากสว นท่ีนํามาบรโิ ภค 100 กรัม) Ca P Fe Na A Thia- Ribofla- Niacin Ascorbic (mg) (mg) (mg) (mg) (IU) mine vin (mg) Acid (mg) (mg) (mg) สด 96 18 0.8 251 100 0.3 0.7 0.3 9.0 สกุ +นา้ํ ตาล 78 15 0.6 203 80 0.02 0.05 0.3 6.0 แชแ ขง็ 78 12 0.7 176 70 0.2 0.4 0.2 6.0 ทม่ี า; Watt et al. 1963 ประกอบดว ย วิตามนิ ซีและเสนใยสูง ใบประกอบดวย สาร Oxalic acid (oxalates; HOOC.COOH.2H2O)และ anthraquinone glycosides สงู Oxalic acid มี LD50 = 375 mg/kg ใบรบู ารป ระกอบดว ย oxalic acid ประมาณ 0.5 % สภาพแวดลอ ม เปน พืชท่ตี องการอณุ หภมู ิตา่ํ และชว งแสงยาว อณุ หภูมิทเ่ี หมาะสมสาํ หรบั การเจรญิ อยู ระหวาง 5-25 o ซ อุณหภมู เิ ฉลย่ี ประมาณ 23.9 o ซ ใบและกา นจะเจรญิ อยา งตอเนอ่ื งใน อณุ หภูมิท่ตี าํ่ กวา 32.2 o ซ ถา หากอณุ หภูมสิ งู กวา พืชจะชะงักการเจรญิ และจาํ กัดการพัฒนาสี แดงของกานใบ เปนสาเหตทุ าํ ใหกานใบมสี ีเขยี ว ในระยะท่ีความเขมของแสงและอุณหภมู ติ าํ่ กา นจะมีสีแดง อุณหภมู สิ งู จะจาํ กัดการเจรญิ รูบารบ ไมส ามารถเจรญิ ไดใ นสภาพอณุ หภูมสิ ูง ความชนื้ สมั พทั ธตาํ่ โดยเฉพาะอยางยง่ิ ในฤดูรอ น ในสภาพดังกลาวพชื จะพักตวั การพลางแสง ใหนาํ้ จะชวยลดความเขม ของแสงและอุณหภมู ิ การลดอุณหภูมิตา่ํ ประมาณ 4.4 o ซ จะชว ยทาํ ลายระยะพกั ตวั ในสภาพอณุ หภมู สิ ูง พชื จะมกี า นใบทเี่ ลก็ บิดงอ และจะเห่ียวอยา งรวดเรว็ ในอณุ หภูมิท่สี ูงกวา 32.2 o ซ สายพันธุ สายพันธกุ า นสีแดง ไดร บั ความนยิ มจากผูบ ริโภคสูง แตการเจริญเตบิ โตและผลผลติ ตา่ํ กวาสายพนั ธุกานสเี ขียว บางคนเช่อื วากานสีแดงมรี สหวานกวา สีเขียว แตพันธุกา นสีเขยี ว เชน Victoria จะมรี สชาติหวาน สายพันธุกานสแี ดง Crimson (Crimson Cherry, Crimson Red, Crimson Wine) กานสีแดงสด สมา่ํ เสมอ นิยมปลกู ในแคลฟิ อรเ นยี Valentine, Cherry Red (Cherry, Early Cherry) กานใบยาว ขนาดใหญ สแี ดงเขม Canada Red กานสีแดงเขม ขนาดเลก็ สัน้ แตค ณุ ภาพสูง ปลกู ในแคนาดา 3

Mammoth Red (The Giant, Stott’s Mammoth or simply Mammoth) ทรงพุมขนาด ใหญ สงู 4-5 ฟุต กา นใบสแี ดงเขม สายพันธุกา นสชี มภู Victoria (Large Victoria) นิยมปลูกจากเมล็ด สามารถเกบ็ เกยี่ วไดภายในระยะเวลา 1 ปห ลังยายปลกู มกี า นใบขนาดใหญ โคนกานใบสีชมภู สว นทต่ี ดิ กับใบมีสีเขียวใหผลผลติ และ คณุ ภาพสงู Strawberry มลี ักษณะคลายกบั Victoria Macdonald (Macdonald’s Canada Red, Macdonald Crimson) มีการเจรญิ เตบิ โตดี แขง็ แรง ใบสชี มภู กานใบสีแดงเขม ทรงพมุ ใหญ ตงั้ ตรง ทนทานตอโรคเหย่ี ว และโรครากเนา ผลผลิตสูง เหมาะสาํ หรบั ทาํ ขนมไพด บรรจกุ ระปองและแชแข็ง German Wine ลักษณะคลาย Victoria แตคอนขา งจะเจริญเตบิ โตดกี วา และกา นใบสี เขยี วเขมกวาและมีจุดประสชี มภู Sunrise ปรับปรงุ พนั ธจุ ากสายพันธุ Ruby มกี านใบขนาดใหญ ผลผลติ และคณุ ภาพสงู เหมาะสาํ หรับการผลติ ฝน ฤดู สายพันธกุ า นใบสีเขยี ว Riverside Giant มกี านใบยาว ขนาดใหญ สเี ขียว สายพนั ธทุ ี่นยิ มปลกู นอกโรงเรอื น Timperley Early, Valentine, Macdonald, German wine พันธุกา นสแี ดงที่นยิ มปลูกคอื Ruby, Canadian Red สายพนั ธุกานสีแดง จะใหผ ลผลิตตา่ํ กวา สเี ขยี ว 50 % แตในกรณีท่มี กี ารเกบ็ เก่ียวสองครัง้ ตอ ปจ ะใหผลผลิตเพ่มิ อีก 50 % สายพันธุทนี่ ิยมผลิตฝน ฤดู Timperley Early, Victoria, Crimson Red, Strawbery และ Sutton การขยายพันธุ การขยายพันธสุ ามารถทาํ ไดโ ดยการเพาะเมลด็ แยกกอปลูกและ เพาะเล้ียง เนอื้ เยอ่ื การปลกู โดยแยกกอ เร่มิ เกบ็ เกีย่ วหลงั ยา ยกอปลกู 18 เดอื น หรอื เก็บเกีย่ วหลงั จาก การเพาะเมล็ด 2 ½ ป ขนาดทรงพมุ 60 ซม. สูง 90 ซม. ผลผลิตเฉล่ีย 2.8 กิโลกรมั ตอตน ตอ ป หรอื 2,400 ถงึ 2,800 กิโลกรมั ตอไร การเพาะเมลด็ เมลด็ งอกไดด ใี นอุณหภูมิ 20- 30 o ซ กอ นเพาะควรแชเ มล็ดในนาํ้ 2-3 ชัว่ โมง เมลด็ จะ งอกภายในเวลา 10 วัน การปลูกเปนพืชฤดเู ดียว จะเพาะ กลาในเดอื นสงิ หาคม และเก็บเก่ยี วในเดอื นมนี าคมถึง พฤษภาคม พนั ธุ Victoria จะเหมาะสาํ หรับเขตก่ึงรอน แต จะมีจาํ นวนใบนอยและสีไมส มาํ่ เสมอ ผสมวสั ดุเพาะ เชน ปุยหมัก ปุยคอกเกา และปยุ 12-24-12 หยอดในถาดเพาะและ ยายลงปลกู ในถงุ ขนาด 10 ซม.หรอื เมือ่ มีใบจรงิ 3-4 ใบ หรอื สูง 3-4 นิว้ เพือ่ เตรียมปลกู ใน 4

แปลง การปลูกโดยเมล็ดจะไมเ ปน ท่นี ยิ มสาํ หรับการปลูกเพอื่ การคา เน่อื งจากใชร ะยะเวลาตัง้ แตปลูกจนถงึ เก็บเกี่ยวนาน ใหต นขนาดเลก็ และเมด็ สีแดงไมพ ัฒนาเต็มท่ี ตน ทส่ี มบูรณเ มอ่ื มี อายุ 1 ป จะสูงประมาณ 30 เซนตเิ มตร มใี บประมาณ 15 ใบ ซง่ึ จะยังไมสามารถเก็บเกยี่ วได ควรรอฤดตู อไป ตน ที่ปลกู โดยการเพาะเมลด็ จะเก็บเก่ียวหลงั จากปลกู 2 ป เพื่อใหมีใบสรา งอาหาร สะสมมาก และใหม กี อขนาดใหญ แข็งแรง การเพาะเมล็ดอาจจะไดตนท่ีมคี วามแตกตา งกันทั้ง ในดานการเจรญิ เติบ โตและคุณภาพของผลผลิต การแยกกอปลกู แยกกอจากตน ทีม่ อี ายุ 3-4ป ขึน้ ไป ตัดเหงา แตล ะสว นใหม ีตาใบสอง ตาขึน้ ไป ไมค วรแยกกอทม่ี ีขนาดเลก็ เกนิ ไป เน่ืองจากจะใหผลผลิตและคุณภาพตาํ่ การแยก กอจะสามารถคัดเลอื กตนทีใ่ หผลผลิตและคณุ ภาพ และใชข ยายพันธุตอ ไป หลังจากปลูก 4-5 ป กอจะมีขนาดใหญม าก กานใบจะเล็ก บิดงอ ควรจะขดุ และทาํ การ แยกกอปลกู ใหม หรอื ใหคงเหลอื ตน เกา 4-5 ตน การแยกกอจะทาํ หลงั จากการเก็บเกีย่ วและเม่อื หนอใหมเ ร่มิ เจริญ ทาํ การขุดดิน ระวัง อยาใหเหงา เกดิ แผล ไหลจะยาว 40 เซนติเมตร เหงาจะมีอยสู องสว น มีตาใบ 8-10 ตา ตดั แยกเหงาออกเปน สองสวน แตล ะสวนประกอบดวยไหล ราก และตาหนอ คัดเลือกสว นท่มี ีตาสมบูรณ แบง ออกเปน 8 สวน หรือ 8 ตน แตละสวนมีความยาว 8 เซนติเมตร ตรวจสอบแตละสว น เมอ่ื มีโรคเนาเขาทาํ ลาย ควรคดั ท้ิง ตดั ใบท่มี ขี นาดใหญท ี่ตดิ มากับตนออก เน่ืองจากจะมีอตั ราการคายนา้ํ สูง ใหแ ตล ะสว นมรี ากตดิ เหงา ขนาดเลก็ จะใหตา ใบขนาดเลก็ จะใหตนขนาดเลก็ สว นเหงา ขนาดใหญจ ะใหตน ทส่ี มบูรณแ ขง็ แรง ผลผลิตสูง การขยายพันธโุ ดยวธิ กี ารเล้ยี งเน้อื เยื่อ เริม่ ที่ Kentville Research Center โดยใช เนื้อเย่อื เจรญิ (minute growing tip) จากตาหนอ ตน ออนทีไ่ ดจ ากการขยายพันธุโ ดยวธิ นี ี้ จะ ปลอดโรค สามารถผลติ ตน ออ นไดตลอดป เปนจาํ นวนมาก แตจะมีราคาแพง พืน้ ท่ีปลกู และสภาพดนิ ท่ีเหมาะสม เปน พืชทต่ี องการแสงและความอุดมสมบรู ณข องดนิ สงู ดังนัน้ จะตอ งปลูกในที่ไดร ับแสง เต็มที่ เนื่องจากเปนพชื ทเ่ี จรญิ จากเหงา ผลผลิตและคณุ ภาพขึน้ อยกู ับจาํ นวนและขนาดของ เหงา ดนิ ทเี่ หมาะสมสาํ หรบั การปลกู รบู ารบ คือดนิ ทรี่ ว นซุย มีหนา ดินลกึ มีอินทรียวัตถสุ งู ระบายนาํ้ ไดด ี pH 5.5-7.0 การเตรียมแปลงปลูก เนอื่ งจากเปน พชื ทม่ี ีเหงา และเปน พืชขามป ตองการดินทม่ี ีความอุดมสมบูรณส ูง ควร เตรยี มดินใหดี โดยขุดรอ งปลูกกวา ง 50 ซม. ลึก 50 ซม. หางกนั 100-120 ซม. ปยุ คอกชว ยในการปรับปรงุ คุณภาพของดนิ รกั ษาความช้ืน และเพมิ่ ประสิทธิภาพการ นาํ ธาตอุ าหารขนึ้ ไปใชข องพืช ดงั นนั้ ควรผสมปยุ หมกั ปยุ คอกเกา อตั รา 3-6 ตันตอไร ใสปยุ 12-24-12 อัตรา 90 กรมั ตอ ตารางเมตร ผสมเขากับดนิ ปลกู ใสในรอ งปลูก หลงั ยายปลกู 1 อาทติ ย ใสป ุย 15-0-0 จาํ นวน 10 กโิ ลกรัมตอ ไร 5

กอนระยะเก็บเก่ียว ใสป ุย 13-13-21 ผสมกับ 15–0-0 ทกุ สามเดือน ในชวงเก็บเก่ยี ว ใสปยุ 15-0-0 ทุกเดอื น หลังปลูก 1 ป เจาะรองดา นขา งตนดา นใดดานหน่งึ หางจากทรงพมุ ตน 10 ซม. ลึก 10 ซม. ใสป ุยคอก ปยุ หมกั และปุย 12-24-12 และกลบดิน การใสปยุ ในปต อ ไปควรสลับขาง การปลกู ในสหรัฐอเมรกิ า (ปแรก) ใสป ยุ คอก 10 ตนั ตอไร N = 12.58-14.37 กิโลกรมั ตอไร P2O5 = 12.58-14.37 กิโลกรมั ตอ ไร K2O = 25.15-28.75 กิโลกรัมตอ ไร (ปที่สอง/ปตอไป) N = 25.15-28.75 กิโลกรมั ตอ ไร P2O5 = 12.58-14.37 กโิ ลกรัมตอ ไร K2O = 25.15-28.75 กโิ ลกรมั ตอ ไร เพมิ่ โบรอน 180-360 กรัมตอไร การใสไนโตรเจน แบงใส 3 คร้งั คือ กอ นปลูก/ ระยะทเี่ ร่มิ เจริญ/ หลังเก็บเกี่ยว การปลกู ใชระยะระหวา งตน 60-120 ซม. ระยะระหวา งแถว 100 –120 ซม. ขนึ้ อยกู ับสาย พันธุ สายพนั ธุ Victoria อายุ 2-3 ป มีทรงพุมกวาง 1.25 เมตร และสูง 90-100 เซนตเิ มตร ปลกู ลกึ 8-16 เซนติเมตร ขึ้นอยูกับขนาดของเหงา การใหน ํ้า ควรใหมีความชมุ ช้ืนอยางพอเพียงและสมา่ํ เสมอตลอดฤดปู ลกู เพ่ือใหเ กดิ การเจริญ อยางตอเนือ่ ง แตไมควรใหน าํ้ ขัง เน่ืองจากจะทาํ ใหรากเนา การผลติ ฝนฤดู เนื่องจากในสภาพพ้นื ทป่ี ลูก ทีม่ ีอุณหภูมติ า่ํ พชื จะพักตัว ไมสามารถเก็บเกยี่ วผลผลิตได จงึ ตองมีการ ผลติ ฝน ฤดู รูบารบ ท่ใี ชใ นการผลติ ฝน ฤดู จะใชตน ท่ีปลกู แยก จากแปลงปลูกท่ัวไป เพ่อื เตรยี มสาํ หรับการผลติ ฝนฤดู โดยเฉพาะ มอี ายุ 2-3 ป โดยไมผ า นการเกบ็ เกีย่ ว ระยะแรกขดุ มาเก็บไวใ นอณุ หภมู ิ 0 o ซ ความชื้นสมั พทั ธส งู เปน เวลา 3-4 อาทติ ย หลงั จากนน้ั นาํ ออกมาปลกู ในโรงเรอื น โดยใชป ยุ หมัก หรอื ข้เี ลอ้ื ย หรอื ดนิ ขุยไผผสมเปนวัสดุปลกู นาํ มาใสในภาชนะปลกู เชน กระบะ โดยใช 6

จาํ นวนตน 5 ตน ตอตารางเมตร ใชพลาสตกิ สดี าํ คลุมแปลงและ เพ่มิ อุณหภูมดิ นิ ใหอยรู ะหวาง 10-15 o ซ เพอื่ ทาํ ลายระยะพักตัวและกระตุนการเจรญิ ของใบ หลงั จากท่ีใบเจริญ เพิม่ อณุ หภมู ิ 15-18 o ซ อณุ หภูมิ 13.3 o ซ ใหผลผลิตสูงท่สี ดุ 10.0-13.3 o ซ กานใบมีสแี ดง เขม แตอัตราการเจรญิ ตาํ่ อุณหภูมิ < 10.0 o ซ ผลผลิตตาํ่ อณุ หภมู ิ > 15.6 o ซ อตั ราการ เจรญิ สงู กานใบสไี มเ ขม อุณหภูมิ > 18.3 o ซ ผลผลติ ตา่ํ อณุ หภูมิสูงกวา 20 o ซ จาํ กดั การพัฒนาของสีแดง อุณหภมู ติ าํ่ กวา 10 o ซ สจี ะแดงเขม แตจ ะอตั ราการเจริญของกา นใบตา่ํ รกั ษาความชื้นและอุณหภูมิใหส มา่ํ เสมอ การปลกู แบบฝนฤดู ในอณุ หภูมิ 15 o ซ จะเกบ็ เกยี่ วไดภ ายในเวลา 30 วนั ซึง่ จะมกี า น ใบทีอ่ อน สชี มภู ใบขนาดเลก็ ยาว 12-18 นวิ้ การเก็บเกีย่ ว ทาํ การเก็บเก่ียว 2-3 ใบตอตน /ตอ ครง้ั เกบ็ เก่ยี ว 2 ครัง้ ตอ อาทิตย และเกบ็ เก่ียวเปน เวลา 6 อาทิตย หลังจากนนั้ จะขุดตน ท้ิง เนอ่ื งจากอาหารสาํ รองจะหมด พชื ไมส ามารถเจริญตอไปได ในกรณีที่ตองการใหม ีผลผลติ สง ตลาดเปนเวลานาน ควรศกึ ษาความตอ งการของตลาดและวางแผนการผลิต โดย เกบ็ รักษาตน ในอณุ หภมู ิ < 4 o ซ หลงั จากนัน้ จึงทยอยนาํ ออก มาปลกู ผลผลิตและคณุ ภาพของการผลติ ฝน ฤดู จะขนึ้ อยกู บั ขนาดของกอหรอื เหงาและขนาด ของราก การดแู ลรกั ษา • หลังจากยา ยปลูกควรใหน าํ้ อยา งสมา่ํ เสมอ • ในระยะทมี่ อี ุณหภูมิตา่ํ ทาํ ใหอตั ราการเจรญิ เตบิ โตตาํ่ ควรคลมุ แปลงดว ยอุโมงค พลาสตกิ หรอื ฉีดพน ดวยจิบเบอเรลลคิ แอซิด (Pro-Gib) เขมขน 100 ppm • เม่ือดอกเจริญควรเดด็ ท้งิ เนือ่ งจากดอกจะใชอ าหารทจ่ี าํ เปนสาํ หรบั การเจรญิ ของ ใบมาก ทาํ ใหต นโทรมเรว็ และออนแอ • คอนขางออนแอตอ สารเคมที ี่ใชปอ งกันและกาํ จดั ศตั รูพชื • ในระยะแรกของการเจรญิ จะเปนการเจรญิ ทางราก ทาํ ใหอ ัตราการเจริญของใบตาํ่ หลังจากยา ยปลูก 8 อาทติ ย จะมีกานใบยาว 20 เซนตเิ มตร หลังจากอาทิตยท่ี 8 พชื จะเจริญอยางรวดเร็ว ในอาทิตยที่ 12 พชื จะมีใบเพิ่มอกี 3 ใบ และยาว 55 เซนตเิ มตร พรอมทจี่ ะทาํ การเกบ็ เกย่ี ว การเกบ็ เก่ียว การเพาะจากเมลด็ จะเรม่ิ เก็บเกยี่ วในปท ี่ 3 โดยเกบ็ เก่ยี วได 8-10 อาทติ ย การ ปลกู โดยวิธแี ยกกอเร่ิมเกบ็ เก่ียวไดห ลงั ยายปลูก 1 ป โดยทยอยเก็บเก่ียว 2-3 เดอื น ปแรกหลังจากยา ยปลกู ไมค วรเก็บเกย่ี ว เพือ่ ใหมกี อใหญ มีใบสรางอาหารสาํ รองเก็บ สะสมท่ีรากมาก ใหล าํ ตน และกอสมบูรณ ซง่ึ จาํ เปน สาํ หรับการเจริญของใบในปต อ ไป 7

หรอื อาจจะเก็บเก่ียวบางในกรณีทใี่ บมคี วามสมบูรณส งู ในปท ส่ี องสามารถเกบ็ เกีย่ วได ทัง้ ตน โดยอาจจะเกบ็ เกย่ี วครั้งเดยี วหรือทยอยเกบ็ เกี่ยวอาทิตยละสองครัง้ เปน เวลา 4-6 อาทิตย เกบ็ เกี่ยวอาจจะเกบ็ เก่ยี วบางสว นและเหลือใบ สาํ หรับการสรางอาหารสะสมอยางนอย 3-4 ใบตอตน การ เกบ็ เก่ียวนิยมใชวิธีจับโคนการใบใหต าํ่ ท่สี ุดเทาทีจ่ ะทาํ ได บดิ และถอนข้นึ มา ไมค วรใชม ดี เนื่องจากอาจจะเปน สาเหตุของ การแพรกระจายของเชื้อไวรัส การตดั แตงจะใหเหลอื ใบติด กาน ¼ นวิ้ เพ่ือปองกันการแตกของกา น ผลผลิตและคุณภาพจะขึ้นอยูก บั ความสมดุลยของ การสรางและใชอาหาร สว นของใบจะทาํ หนาท่ีสาํ คัญในการ สรางอาหารและตน หรือใบใหมจ ะตอ งการอาหารสาํ หรับการเจริญเตบิ โตหรอื เปน สวนทใ่ี ช อาหาร ดังนั้นจะตอ งมใี บมากพอสาํ หรับการสรา งอาหารและเกบ็ สะสมอาหารสาํ รองในราก ใน การเกบ็ เกยี่ วจงึ ตอ งเหลอื ใบไวสรางอาหารสาํ หรับฤดตู อ ไป การเกบ็ เกยี่ วมากและขาดใบสรางอาหาร เปน สาเหตใุ หอาหารท่สี ะสมในรากถกู ใชห มด ไป จะมีผลตอ เนือ่ งทาํ ใหมอี าหารไมเ พยี งพอตอ การเจรญิ ของตาใบและใบในฤดตู อไป ดังน้นั เม่อื การเจรญิ ของพืชและคุณภาพของผลผลติ ลดลงจะหยดุ เก็บเกี่ยว เพ่ือใหพชื มีโอกาสสรางอาหาร สะสม จนกระทั้งพชื เจรญิ สมบูรณจ ึงเรม่ิ เก็บเกีย่ วใหม พนื้ ท่ี ๆมีนาํ้ คางแขง็ หลังระยะท่มี ีนา้ํ คางแข็ง สาร oxalic acid อาจจะเคลอื่ นยายจากใบ ไปสะสมทกี่ า นใบ ไมค วรเกบ็ เกยี่ ว ควรตดั ทิ้ง ใชฟาง ปยุ หมักหรือวัสดคุ ลมุ แปลงปลูกหนา 2-3 น้วิ รอใหใบใหมเ จริญขน้ึ มาจึงจะเร่มิ ทาํ การเกบ็ เกยี่ ว ผลผลติ สายพันธุกานสีแดงเฉล่ีย 2,370- 4,743 กโิ ลกรมั ตอ ไร การเกบ็ เก่ยี วครั้ง แรกจะใหผลผลิต 3,162 – 3,952 กโิ ลกรัมตอไร ราคารบู ารบ มูลนธิ ิโครงการหลวงเฉล่ยี ราคา 42.11 บาทตอกิโลกรมั การเกบ็ รักษา หลงั จากเกบ็ เกยี่ วควรกาํ จดั ความรอ นแฝง (pre-cooling) โดยใชนา้ํ เย็นหรอื เปาอากาศ เยน็ ผา น ลดอุณหภูมิกา นใบใหเหลอื 0-0.6 o ซ ในเวลา 24 ช่ัวโมง 8

เก็บรกั ษาในอณุ หภูมิ 0-2 o ซ ความช้นื สมั พทั ธ 95 % สามารถเก็บรกั ษาได 4 อาทิตย ในอุณหภมู ิ 4 o ซ จะเก็บรักษาได 2 อาทิตย ในอุณหภมู ิ 10 o ซ จะเก็บรักษาได 1 อาทติ ย การจาํ หนายอาจจะตัดกา นใหม ีความยาว 1 นิ้ว บรรจุในถุงพลาสตกิ และเกบ็ รักษาใน อุณหภมู ิ 0 o ซ ความช้นื สัมพัทธ 95 % จะเก็บรักษาได 2-3 อาทติ ย การปองกันและกาํ จัดโรค แมลง รบู ารบ คอนขา งทนทานตอ โรคและแมลง การปลูกในดินท่ีมกี ารระบายนาํ้ ดี มีการกาํ จดั วัชพชื สมาํ่ เสมอ และตดั สว นทีเ่ ปนโรคทงิ้ เก็บเศษพืชออกไปท้งิ นอกแปลงปลูก จะชว ยลดการ เขาระบาดของโรคและแมลงได โรคทส่ี าํ คัญสาํ หรับแปลงปลกู คอื Bacterial soft rot (เชื้อสาเหตุ Erwinia rhapontici) ลักษณะอาการ เกดิ แผลจุดชาํ้ สีนาํ้ ตาล ที่ตาใบใกลผ ิวดนิ แผลจะเนา และขยายขน้ึ ดานบนเหนอื แผล เม่ือระบาดรุนแรงแผลจะเนา เปลีย่ นเปนสีดาํ แผลลึก ใบเปลีย่ นเปน สีแดงหรอื เหลือง กา นใบ เหี่ยว การปองกัน • ปลูกตนทป่ี ลอดโรค • ถอนตน และสว นของพืชท่ีโรคเขา ทาํ ลายทิ้ง Leaf spot เชอ้ื สาเหตุ Ascochyta rhei และ Ramularia rhei ระบาดมากเมือ่ พชื เร่ิมเจรญิ และมฝี นตกชุก ลกั ษณะอาการ Ascochyta ดา นบนของใบจะปรากฎเปนแผลขนาดเล็ก สเี หลืองปนเขียว เมอื่ แผลขยาย และเช่ือมตอ กันจะทาํ ใหมีอาการคลา ยโรคใบดาง สวนกลางของแผลเปลยี่ นเปนสขี าว แหง รวง ทาํ ใหใ บเปน รู Ramularia จะพบแผลจดุ ขนาดเล็ก สแี ดง เมื่อขยายใหญจะมลี กั ษณะกลม สขี าว มขี อบ แผลสีนา้ํ ตาลแดง และขอบรอบนอกสเี ขยี วออ น การปอ งกนั และกาํ จัด • ถอนตน และสวนของพืชทโ่ี รคเขา ทาํ ลายท้งิ Violet Root Rot เชื้อสาเหตุ Rhizoctonia crocorum 9

เชื้อราชนิดน้จี ะเขา ทาํ ลายพืชหลายชนดิ เชน หนอ ไมฝ รงั่ อารติโชค ถวั่ แขก บที กะหลาํ่ ปลี แครอท ซเี ลอร่ี เฟนเนล พารสเลย มนั ฝร่ัง มันเทศ รูบารบ และ เทอรน ปิ เปนตน โดยจะแพรร ะบาดโดยตดิ ไปกบั เมลด็ พนั ธุ สว นของพชื ดนิ เครื่องมือทนุ แรง นาํ้ เปนตน สามารถอยใู นดินไดน าน 1 ป อุณหภูมิทเี่ หมาะสมสาํ หรบั การเจริญและการเขา ทาํ ลาย พืชอยูร ะหวา ง 15-16 o ซ ลกั ษณะอาการ เชอื้ สาเหตุจะเขา ทาํ ลายสวนของพืชท่อี ยใู ตด ิน ทาํ ใหพืชชะงักการเจริญ ใบเปลย่ี นเปนสี เหลอื ง เหย่ี ว และตาย จะพบสวนของเชื้อรา มสี มี ว งปนแดง ปกคลุมสวนของพืชทีถ่ ูกทาํ ลาย และพบแผลจุดขนาดเล็กสีดาํ ในระยะแรกจะเกดิ อาการเนาแหง หลังจากนน้ั เชือ้ จลุ นิ ทรยี อน่ื ๆเขา ทาํ ลายซา้ํ ทาํ ใหเกิดอาการเนา เละ การปองกันและกาํ จัด • ปลกู พืชหมนุ เวยี น • กาํ จัดวัชชพชื • ระบายนาํ้ ออกจากพ้นื ท่ี อยา ใหน า้ํ ขังในแปลง • ปรับ pH ใหคอนขางเปนกรดหรือดาง Gray Mold เชือ้ สาเหตุ Botrytis cinerea เชื้อสาเหตจุ ะอยูขามปบ นตน รูบารบ หรือสวนของพชื ทีถ่ ูกทาํ ลาย แพรกระจายโดยลม ระบาดมากในแปลงปลูกฝน ฤดู ลักษณะอาการ เช้ือสาเหตมุ ลี ักษณะคลา ยแปงฝุน สเี ทาปกคลุมใบและลาํ ตนแก โดยเฉพาะในสภาพ อากาศทีม่ คี วามชนื้ สูง สามารถเขา ทาํ ลายกา นใบในระยะเก็บเกย่ี ว บรรจุ และระหวา งการขนสง ทาํ ใหเกดิ แผล ชาํ้ สนี า้ํ ตาลแดง เมื่อระบาดรุนแรงจะพบสว นของเชือ้ รามีลกั ษณะคลายแปง ฝุนสีเทาปกคลมุ แผล การปอ งกันและกาํ จดั • เกบ็ เศษพืชออกจากแปลงปลกู • ระบายอากาศใหใบแหง • ใชระยะปลูกใหเ หมาะสม อยา ปลกู ชิดเกินไป • หลังเกบ็ เกี่ยวควรตัดแตง ใบออก • เก็บรกั ษากา นใบในอณุ หภูมิตา่ํ • ฉีดพนดวยสารเคมี เชน Botran 75 WSB กอ นเกบ็ เก่ยี ว 3 วนั หรอื Captan 50 W กอนเกบ็ เกย่ี ว 2 วัน 10

Crown Rot เชื้อสาเหตุ Phytophthora cactorum ลักษณะอาการ เชอ้ื สาเหตอุ ยูในดิน ทาํ ใหเ กดิ แผลที่โคนกานใบ และพบเหมือกบนแผลทาํ ใหกา นใบ และใบเหย่ี ว แผลจะขยายลงไปทเี่ หงา เปน สาเหตุใหเช้ือจลุ นิ ทรียอน่ื ๆเขาทาํ ลายซาํ้ ไดงาย ระบาดมากในแปลงปลูกทเี่ ปน ดนิ เหนยี วและมีนา้ํ ขัง การปอ งกันและกาํ จัด • เตรยี มดินปลกู ใหร วนซุย ระบายนา้ํ ไดดี • ปลูกในอโุ มงคห รอื เรือนโรงพลาสตกิ ในฤดฝู น ดา นแมลงที่สาํ คัญ คือ ไวรัส ไสเ ดือนฝอย หนอนเจาะลาํ ตน เอกสารอางอิง Commercial Vegetable Guides. 2000. Rhubarb. Oregon State University. Available via the Internet at http://www.orst.edu/Dept/NWREC/rhubarb.html/ Nonnecke, Libner IB, 1989, “ Rhubarb “ Vegetable Production” An Avi Book Publishing by Van Nostrand Reinhold, NewYork, pp 584-588. Rubatzky,E.V., and M. Yamaguchi, 1997 “ Rhubarb “ World Vegetable “ Second Edition, International Thomson Pubblishing, NewYork, pp 692-695. The Rhubarb Compendium Home Page, 2000 http:// www.rhubarbinfo.com/ Everything you wanted to know about rhubarb, and some. 11

12