Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อบายมุข 6 : หนังสือสอนพระพุทธศาสนาแก่เด็ก

อบายมุข 6 : หนังสือสอนพระพุทธศาสนาแก่เด็ก

Description: อบายมุข 6 คือ วิถีชีวิต 6 อย่าง แห่งความโลภ และความหลงที่ทำให้เกิดความเสื่อม ความฉิบหายของชีวิต.

Search

Read the Text Version

(สำ� เนาจดหมายฉะบบั ท่ี ๖) วนั ที่ ๗ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๔๗๔ เจ้าองอาจ ลูกรัก พ่อได้เปิดหนทางช่ัวให้เจ้าแลเห็นมาแล้ว ๔ ทาง วันนี้ จะได้เปิดให้เจ้าเห็นอีกทางหนึ่งเป็นทางท่ี ๕ คือการคบคนชั่ว เป็นมิตร พ่อคิดว่าในทางท่ี ๕ น้ี พ่อจะต้องพูดกับเจ้ามากกว่า ทางอื่น ๆ เพราะเจ้ายังอยู่ในเขตต์อายุท่ีก�ำลังจะคบค้าสมาคม กับมิตรสหายประการ ๑ และเวลาน้ีเจ้าเป็นนักเรียนอยู่ ท่ามกลางเพ่ือนนักเรียนซึ่งอาจจะเป็นมิตรสหายอยู่แล้ว ประการ ๑ พ่อจะแยกอธิบายให้เจ้าเห็นเป็นช้ัน ๆ ดังน้ีคือ ความจ�ำเป็นจะต้องคบมิตรสหายเป็นอย่างไร อาการอย่างไร ท่ีเรียกว่าคบ อย่างไรเรียกว่าคนชั่ว แล้วจึงจะน�ำโทษของการ คบคนช่ัวเป็นมิตรสหาย ตามซ่ึงพระพุทธเจ้าท่านทรงแสดง 47

ไว้น้ัน มาอธิบายให้เจ้าฟังต่อไปคนเราเกิดมาในโลกแล้วย่อมมี ความเก่ียวข้องกับผู้อื่นอยู่รอบข้าง จะอยู่แต่ผู้เดียวโดยมิ เกี่ยวข้องกับใครนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้เลย ผู้อ่ืนรอบข้างเราที่ เกี่ยวข้องกับเราน้ัน พระพุทธเจ้าท่านเปรียบเทียบไว้เหมือนกับ ทศิ ตา่ ง ๆ มี ๖ ทศิ คอื ทิศเบอ้ื งหน้า บดิ ามารดา ทศิ เบอ้ื งขวา ครูอาจารย์ ทิศเบ้ืองซ้าย มติ รสหาย ทิศเบือ้ งหลงั บุตรภรรยา ทศิ เบอื้ งต่ำ� บา่ วหรอื คนใช้ ทิศเบอ้ื งบน สมณพราหมณ์ เร่ืองทิศ ๖ นี้ในคราวเข้าพรรษาปีกลายพ่อได้สอนให้เจ้า เข้าใจแลว้ ครง้ั หนึ่ง ในคร้งั น้นั ส�ำหรบั ทศิ เบอื้ งซา้ ยคอื ทศิ เกีย่ วกบั มิตรสหาย พ่ออธิบายไว้เพียงแต่การท่ีเจ้าจะต้องปฏิบัติต่อมิตร และการท่ีมิตรจะต้องปฏิบัติต่อเจ้าเท่าน้ัน บัดนี้พ่อจะอธิบาย เรื่องมิตรให้ชัดเจนข้ึนอีก เนื่องจากเรามิได้อยู่ในโลกแต่ผู้เดียว และตอ้ งมกี ารพบปะรจู้ กั และสมาคมหรอื การเกยี่ วขอ้ งตอ้ งท�ำกบั 48

ผู้อื่นบ้างนี้เอง จึงเกิดมีผู้ที่เราต้องรู้จักคุ้นเคยเพิ่มขึ้นจากบิดา มารดาและญาติพ่ีน้องอีกประเภทหน่ึง มิตรสหายเกิดแต่บุคคล ประเภทนี้ ในช้ันแรกก็จะเป็นเพียงพูดจาไต่ถามอะไรกันเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วต่อมาจะถึงการขอร้องให้ท�ำอะไรช่วยเหลือกันบ้าง และในทสี่ ดุ เม่ือตา่ งพอใจกันมากข้นึ กช็ กั น�ำกนั รว่ มการงานบ้าง กินนอนหรือเท่ียวด้วยกันบ้าง อาการที่ช่วยกันท�ำการงานและ กินนอนหรือเท่ียวด้วยกันนี้ เรียกว่าการคบ การคบเป็นเหตุ เบ้ืองต้นท่ีจะชักพานิสสัยใจคอของกันและกันให้เปล่ียนแปลง ไปจากสภาพเดิม ฝ่ายใดมีก�ำลังน้�ำใจมากกว่าก็ชักพาอีกฝ่าย หน่ึงให้คล้อยไปตาม จึงมีสุภาษิตกล่าวไว้ว่า “คบพาลพาไปหา ผดิ คบบณั ฑติ พาไปหาผล” หรอื “เขา้ ฝูงหงส์เป็นหงส์ เข้าฝูงกา เป็นกา” คบคนดีย่อมชักน�ำไปในทางดี คบคนช่ัวก็ย่อมน�ำไปใน ทางชวั่ เท่าน้นั เรายกมอื อนั คนช่ัวนน้ั แม้ไม่ตัง้ ใจคบ ครยู นื อยูโ่ นน้ ออกก�ำลังกาย เพยี งแต่ไปมาหาสกู่ นั ไม่กลัวเหรอ? เฉยๆ ฐานคนรูจ้ ักคุ้นเคย ก็เปน็ ส่งิ ท่ไี ม่ควรท�ำ เพราะเมอ่ื คุ้นเคยกันเข้า ยอ่ มท�ำให้เกดิ ความวางใจ ไม่ระมัดระวงั ตัว อาจคล้อยตามไป โดยตนไม่รสู้ กึ ตวั 49

และเมื่อบ่อยครั้งเข้าก็เลยติดทีเดียว เช่นไม่เคยเที่ยว กลางคนื ถกู เขาชวนไปเปน็ เพอ่ื น จะไมไ่ ปกเ็ กรงใจจ�ำใจไปกบั เขา น่ีเลยเป็นเหตุให้ติดการเที่ยวกลางคืนเลยกลายเป็นนักเที่ยว กลางคนื เสียเอง ต่อไปน้ีพ่อจะได้อธิบายลักษณะของคนเลว ๔ จ�ำพวก ใหเ้ จา้ เหน็ เพอ่ื เปน็ ทส่ี งั เกตไว้ เจา้ ก�ำลงั เปน็ นกั เรยี นยอ่ มมเี พอ่ื นฝงู มาก ใครที่มีลักษณะดงั ทพ่ี อ่ อธบิ ายมานี้ เจ้าจงเลิกคบคา้ สมาคม เสีย จ�ำพวกท่ี ๑ ใหเ้ รายมื ก่อนนะ คนปอกลอก ชะนิดนี้มนี สิ สยั คิดเอาแต่ได้ แกต่ วั เขาฝ่ายเดยี ว ส่วนความเสีย ของมติ รหาคิดไม่ เขาคบมติ ร เพราะเห็นแก่ประโยชนข์ องตวั เขา จ�ำพวกที่ ๒ คนดแี ตพ่ ดู คอื ไมท่ �ำประโยชนอ์ ะไรใหเ้ พอื่ นเลย ไดแ้ ต่เอาความลว่ งแลว้ เหลว ๆ ไหล ๆ มาเจรจาบ้าง เอาความ ทยี่ งั ไม่มาถงึ เปลา่ ๆ ปล้ี ๆ มาปราศรัยบ้าง เชน่ เราไปหาเพื่อน นักเรียนพบเขาก�ำลังเล่นสนุกอยู่ เขาพูดจารับรองแข็งแรงว่า “ฉันดีใจมากที่เพ่ือนมาหาวันนี้ คิดถึงอยู่เสมอ ถ้าหากเพื่อนมา 50

เสียแตว่ านนี้ กไ็ ดเ้ ลี้ยงกันสนุก เพราะมขี นมกินแยะ เผอิญวันน้ี หมดเสียแล้ว” ท่ีจริงเราไม่ได้ไปเพื่อจะกินขนมของเขา แต่ ประสงค์จะวานเขาเป็นเพื่อนไปธุระสักแห่งหนึ่งซึ่งเขารู้จักดี คร้นั ออกปากวาน เขาก็ปฏเิ สธว่า “เสียใจมาก วนั นี้มีธรุ ะสว่ นตัว จ�ำเป็นจริง ๆ รออีกสองสามวันค่อยมาเถิด จะพาไป” ซงึ่ ถ้าเรา มัวคอยอยู่ก็จะเสียงาน ตกลงต้องไปเอง น่าเสียดายเวลาที่มุ่ง ไปหาเพอ่ื นชะนดิ น้ีเหลอื เกิน และมติ รพวกน้ี ถ้าจะสงเคราะหก์ ็ สกั แตเ่ อาปากเปน็ ของก�ำนนั ๒๙ เชน่ บอกวา่ “ฉนั ตง้ั ใจจะใหเ้ สอ้ื แพร สกั ตวั ๑ แตเ่ ผอญิ เวลานมี้ สี �ำหรบั ฉนั ใสอ่ ยตู่ วั เดยี ว” หรอื มฉิ ะนน้ั ก็เอาเสอื้ ขาด ๆ ว่นิ ๆ มาอวดว่า “ถา้ ตวั นด้ี ีอยกู่ จ็ ะให้ไปใช”้ จ�ำพวกท่ี ๓ คนหัวประจบ ชะนิดนมี้ นี สิ สยั แต่จะท�ำใหเ้ รา ชอบใจ เราจะท�ำชั่วก็คล้อยตาม จะท�ำดีก็คล้อยตาม ต่อหน้า สรรเสรญิ ลบั หลังตัง้ นนิ ทา ลองหนอ่ ย จ�ำพวกท่ี ๔ แลว้ จะติดใจ คนชกั ชวน ในทางฉบิ หาย ชะนดิ น้มี กั ชกั ชวน ดม่ื นำ้� เมา เท่ยี วกลางคืน ใหม้ ัวเมาในการเลน่ ใหเ้ ลน่ การพะนันเป็นต้น ๒๙ ก�ำนัล 51

บัดน้เี จ้าได้ทราบแลว้ วา่ มติ รจ�ำเปน็ แกเ่ ราอยา่ งไร อาการ อย่างไรเรียกว่าคบ อย่างไรเรียกว่าคนช่ัว พ่อจะได้น�ำโทษของ การคบมิตรชั่วตามที่พระพุทธเจ้าท่านทรงแสดงไว้ ๖ สถานมา ช้ใี หเ้ จา้ เห็นตอ่ ไป โทษสถานที่ ๑ คอื น�ำใหเ้ ปน็ นกั เลงพะนนั เลน่ การพะนัน น้ันมีโทษ ๖ สถานดังที่พ่อได้อธิบายให้เจ้าแลเห็นแล้ว ใน จดหมายฉะบบั ท่ี ๕ เม่อื พ่อเปิดทางอบายมุขทางที่ ๔ ใหเ้ จ้าเหน็ พอ่ จะไมก่ ล่าวซำ้� ในทีน่ อ้ี ีก โทษสถานท่ี ๒ ท�ำใหเ้ ป็นนกั เลงเจ้าชู้ การเปน็ นักเลงเจา้ ชู้ พวกหนุ่ม ๆ ดเู หมือนจะรสู้ ึกวา่ เป็นของเกด๋ ี แตข่ อใหเ้ ชอื่ พ่อเถิด การเปน็ นกั เลงชะนดิ นไ้ี มเ่ ปน็ สง่ิ ทน่ี �ำชอื่ เสยี งดมี าสตู่ วั เลย ตรงขา้ ม กลบั ไมเ่ ปน็ ทไ่ี วว้ างใจเสยี อกี นกั เลงเจา้ ชนู้ น้ั มกั มนี สิ สยั โนม้ ไปทาง หลอกลวงท�ำลายความบริสุทธิ์ของหญิง ตลอดจนทรัพย์สมบัติ ของหญิงที่ตนได้เป็นภรรยาให้หมดส้ินไปแล้วก็ละท้ิงเสีย เท่ียว เสาะแสวงหาใหม่ แม้บางราย จะไมร่ ้ายแรง ถึงเพยี งนี้ ขอเบอร์ หนอ่ ยสิ เปน็ แต่เพยี งรัก ผู้หญิงคนนี้ แลว้ ทิ้งเสีย กลับไปรกั คนนัน้ และคนอน่ื ตอ่ ๆ ไป 52

ดังน้ีก็ท�ำให้ไม่เป็นท่ีไว้วางใจ ท�ำให้ขาดความนับถือได้ เหมือนกัน บิดามารดาท่ีเขามีลูกสาวเขาก็ไม่อยากจะคบค้าด้วย หรือถึงแม้เพื่อนของเจ้าเอง ถ้าเขาเห็นว่าเจ้าเป็นนักเลงเจ้าชู้เขา ก็ไม่อยากจะสมาคมกับเจ้า ด้วยกลัวเจ้าจะไปท�ำเหลาะแหละ กับพ่ีสาวนอ้ งสาวหรอื ญาตฝิ า่ ยหญงิ ของเขา นอกจากน้ี การเป็นนักเลงเจ้าชู้ย่อมท�ำให้เสียทรัพย์ที่จะ ต้องใช้จ่ายบ�ำเรอหญิงและแต่งตนโอ่อ่า ท�ำให้เป็นคนปากหวาน พูดจาปลิ้นปล้อนหาความจริงมิได้ และย่อมจะน�ำอันตรายร้าย แรงมาสู่ตนไดใ้ นท่ีสดุ เนอื่ งดว้ ยความโกรธแค้นท่ีเจา้ ไปเกาะแกะ กบั ผ้หู ญิงคนใดทม่ี เี จา้ ของเขาหวงแหนอยู่ อย่ามายงุ่ เจา้ อาจถูกเขา กบั เมยี ขา้ อกี นะ ลอบท�ำร้ายเอาก็ได้ หรือไมก่ ญ็ าตพิ ่ีนอ้ ง ฝ่ายหญิงที่เจ้าไป ท�ำลายความบริสทุ ธ์ิ หรือเกาะแกะ เหลาะแหละเลน่ อาจผกู ใจเจ็บ ท�ำรา้ ยเอากไ็ ด้เหมอื นกัน ล้วนเป็นทางเจ็บตัวทั้งส้ิน เจ้าจงอย่าริคบเพื่อนท่ีจะชักจูง เปน็ นกั เลงเจา้ ชู้เลย 53

โทษสถานที่ ๓ น�ำให้เป็นนักเลงเหล้า การด่ืมเหล้าหรือ ของมนึ เมามโี ทษอยา่ งไรพอ่ ไดอ้ ธบิ ายใหเ้ จา้ เหน็ อยา่ งชดั เจนแลว้ ในจดหมายฉะบบั ท่ี ๒ พอ่ จึงจะเวน้ เสยี ไมก่ ลา่ วซ�้ำในท่ีนี้อกี และ จะได้กลา่ วถึงโทษสถานที่ ๔ ต่อไป คือ น�ำให้เปน็ คนลวงเขาด้วย ของปลอม ตามธรรมดาน้นั น่ีของแท้ บรรดาคนชั่วทุจรติ รุ่นใหม่นำ� เข้าจาก ตา่ งประเทศเลยนะ ยอ่ มมนี ำ้� ใจโน้มน้อม ไปในทางทุจรติ เสมอ เมื่อเขาอาจหา ประโยชน์ ใหแ้ กต่ น ได้ในทางใด เขาย่อมจะ ไม่ละเว้นเสีย เป็นต้นว่าเขามีเข็มขัดทองเหลืองอยู่สายหน่ึงก็เอาไปชุบ ทองค�ำเสีย แล้วเท่ียวบอกใครต่อใครว่าเป็นเข็มขัดทองค�ำแท้ และจะขายให้โดยราคาถูกกว่าราคาจริง ๆ ผู้ที่ไม่รู้เท่าถึงอุบาย ก็จะหลงเช่ือซื้อเข็มขัดเก๊สายนั้นไว้ ต่อมาเม่ือรู้สึกว่าเป็นของเก๊ ตนถูกหลอกลวงก็จะน�ำต�ำรวจมาจับกุม ถ้าเจ้าเคยเป็นเพื่อนไป มาหาสู่เจ้าหมอนั่นอยู่บ้าง ก็อาจถูกจับกุมฐานเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด พลอยล�ำบากไปดว้ ย 54

โทษสถานท่ี ๕ คือ น�ำให้เป็นคนโกงเขาซ่ึงหน้า คนช่ัว ทุจริตนั้นย่อมหมดความกระดากอาย หรือเกรงกลัวอาชญา แผ่นดนิ คอื การตดิ คุกติดตะรางเสยี แล้ว เมื่อหมดโอกาสทีจ่ ะหา อุบายหลอกลวงใครได้อีก เพราะเขาเคยเห็นฤทธ์ิตนมาแต่ก่อน เจา้ หมอนน่ั อาจโกงเอาซ่ึง ๆ หนา้ ก็ได้ นม่ี ัน ค�ำว่า “โกงซึง่ ๆ หนา้ ” นี้ แบงคป์ ลอมนะ ก็ไมร่ ู้ซนิ ะ หมายความวา่ โกงต่อหนา้ ต่อตา โดยกริ ิยา อย่างอุกอาจ ไมล่ ะอาย ตอ่ ความผิดนนั้ เลย เช่นว่าเช่ารถเจ๊กมาเป็นราคา ๕๐ สตางค์ พอถึงที่หมาย จะให้เจ๊กแต่เพียง ๒๕ สตางค์เท่าน้ัน แล้วเถียงเจ๊กว่าได้ตกลง กันเพียง ๒๕ สตางค์ต่างหาก เช่นนี้เป็นการโกงอย่างซึ่งหน้า ด้วยเช่ือว่าจะหาพะยาน๓๐หลักฐานพิสูจน์ไม่ได้ ดูเป็นการหา กินได้อย่างคล่อง ๆ แต่คนเช่นน้ันถ้าใครคบเป็นเพื่อนฝูง มันก็ ชักชวนให้ประพฤติอย่างมันบ้าง ซ่ึงอาจถูกจับกุมไม่วันใดก็ วันหน่ึงแน่ทีเดียว แม้แต่มิได้ลงมือเอง เพียงแต่เดิรร่วมทาง ด้วยเท่าน้ันก็จะต้องถูกจับฐานสมรู้ร่วมคิดได้เหมือนกัน เจ้าจง ระวงั ใหจ้ งหนกั ๓๐ พยาน 55

โทษสถานที่ ๖ คือ น�ำให้เป็นนักเลงหัวไม้ บุคคลจ�ำพวก นักเลงหัวไม้นี้คือจ�ำพวกที่เท่ียวเกะกะระรานหาเหตุชวนวิวาท กับเพ่ือนบ้านหรือคนเดิรทาง เพ่ือส�ำแดงอ�ำนาจให้คนเกรงกลัว แลว้ จะไดเ้ ปน็ โอกาสของมนั ทจี่ ะเขา้ ขม่ ขเู่ อาเงนิ หรอื ของกนิ เปน็ ทางเล้ยี งชพี ต่อไป เมื่อเจา้ คบค้า เดริ ทางร่วม กบั พวกน้ี โดยเห็นวา่ ร้ไู หม แถวนี้ ใครใหญ่ เขาเป็น คนใหญโ่ ต มีคนเกรงกลัว แตท่ ีจ่ ริง หาเปน็ เช่นน้ันไม่ มแี ต่คนเกลยี ดชงั ทัง้ นั้น ทมี่ ีผยู้ อมตามค�ำรอ้ งขอ ของคนจ�ำพวกนก้ี ็เป็นด้วย ไม่อยากร�ำคาญ และไม่อยากให้ พวกมนั คิดพยาบาทอาฆาฏเอาในภายหลงั ถ้าเขามีโอกาสเมื่อใดเขาก็แก้แค้นหรือร้องฟ้องให้ต้อง เป็นโทษตามอาชญาบ้านเมือง อีกประการ ๑ นักเลงหัวไม้ใน ต�ำบลหน่ึง ๆ อาจมีได้หลายคน และอาจเกิดแก่งแย่งในอันท่ี 56

จะแผ่อ�ำนาจและเกิดตีรันฟันแทงกันข้ึนก็ได้ ถ้าเจ้าได้เป็นพรรค พวกของนักเลงหัวไม้เข้าก็จะต้องเข้าร่วมเหตุตีรันฟันแทงกับเขา ดว้ ยอาจเปน็ อนั ตรายถงึ ชวี ติ หรอื ถกู ต�ำรวจจบั กมุ ไปฟอ้ งรอ้ งฐาน กอ่ การวิวาทท�ำรา้ ยรา่ งกายดว้ ยกไ็ ด้ โทษของการคบคนช่ัวเป็นมิตรดังที่พระพุทธเจ้าท่านทรง แสดงไว้ ๖ สถาน มดี ังที่พ่อไดอ้ ธิบายมานี้ เจ้าจงระวังใหจ้ งหนัก. ทางชว่ั ทางน้ี นบั วา่ เปน็ ทางทตี่ อ้ งระวงั มากในการเลยี้ งชวี ติ พอ่ จงึ ไดเ้ ขยี นอธบิ ายมาใหเ้ จา้ ไดท้ ราบเสยี อยา่ งยดื ยาว หวงั ใจวา่ เจ้าจะอ่านดว้ ยความเอาใจใส่มากข้นึ จากพ่อทปี่ ระสงคใ์ หเ้ จ้าเป็นคนเอาตัวรอด บ�ำรงุ 57

คำ�ถามประจ�ำ บท ๑. ท�ำไมคนเรา จึงตอ้ งมมี ิตร ? ๒. ๓. อาการอย่างไร คนชัว่ มลี กั ษณะ เรียกว่าคบ ? ให้สงั เกตอยา่ งไร ? ๔. ๕. คบคนชว่ั มโี ทษก่สี ถาน คบคนชั่ว ทำ�ไมจึงจะตอ้ ง อะไรบ้าง ? เป็นคนชว่ั ไปตาม ? 58

(สำ� เนาจดหมายฉะบบั ท่ี ๗) ปา่ นนี้แลว้ ยงั ไม่ลุกจาก ทนี่ อนอกี วนั ท่ี ๒๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๔ เจ้าองอาจ ลูกรัก เปน็ เวลา ๒ อาทติ ยเ์ ตม็ ๆ ตงั้ แตพ่ อ่ ไดเ้ ขยี นจดหมายฉะบบั สดุ ทา้ ยถงึ เจา้ พอ่ ทราบดวี า่ เจา้ กระหายทจ่ี ะไดอ้ า่ นจดหมายของ พอ่ ย่ิงนกั แตพ่ ่อตอ้ งใช้เวลาท�ำกิจทสี่ �ำคญั ๆ อยา่ งอ่ืนเสีย จึงหา เวลามาเขียนจดหมายถึงเจ้าได้ยาก พ่อมีเวลาว่างวันน้ีจึงได้รีบ เขียนมาถึงเจา้ ทันที ทางช่ัว ทางที่ ๖ หรือทางสุดท้ายที่พ่อจะเปิดให้เจ้าเห็น วันนี้ คือ เกียจคร้านท�ำงาน ความขยันเป็นทางท่ีน�ำไปสู่ความ ส�ำเร็จในกิจการงานท่เี รากระท�ำ และความส�ำเร็จในกิจการท่เี รา กระท�ำน้ี กค็ อื ทางน�ำไปสคู่ วามสขุ ความเจรญิ แกต่ วั เรา ฐานะและ ครอบครัวนั่นเอง แต่เจ้าจงจ�ำไว้เถิดว่าศัตรูของความขยันนั้นคือ ความเกียจครา้ นน่ันเอง 59

พ่อจะสมมุติตัวอย่างให้เจ้าเห็นง่าย ๆ ถ้าเจ้าเป็นคนขยัน หม่ันเพียรเจ้าก็สามารถสอบไล่ได้ สอบไล่ได้น้ัน คือความส�ำเร็จ ในการศึกษาของเจ้าซ่ึงนับว่าเป็นการงานอย่างหน่ึง เม่ือสอบไล่ ได้แล้ว เจ้าก็สามารถเข้าท�ำงานหาเงินเลี้ยงตัวได้ เช่นนี้เรียกว่า ความส�ำเร็จในการงานของเจ้าคือการสอบไล่ได้น้ัน น�ำเจ้าไปสู่ ความสุขความเจรญิ คอื ไดท้ �ำงานมรี ายได้เล้ยี งตัว ถา้ เจ้ามคี วาม เกียจคร้านเจ้าจะต้องสอบไล่ตก เมื่อสอบไล่ตกก็หางานท�ำไม่ได้ และไม่มีรายได้เลี้ยงตัว จึงพูดได้ว่าศัตรูของความขยันคือความ เกียจคร้านนนั่ เอง ความขยันเปน็ สิ่ง ตอ้ งปฏิบัติ เอาไวอ้ ่าน พร่งุ นี้ก็ไดม้ ้ัง ต้องท�ำ กนั อยู่เสมอไป จะขยนั เพยี ง ชั่วคร้งั คราว แลว้ เลิกขยนั เสยี น้ันกเ็ ปน็ สง่ิ ท่ีใช้ไม่ไดเ้ หมือนกัน เพราะขณะใดที่เจ้าเลิกขยัน ขณะน้ันความเกียจคร้าน อันเปน็ ศัตรขู องความขยันกจ็ ะมาครอบง�ำเจา้ และท�ำให้เจา้ เปน็ คนเกยี จครา้ นไป เช่นเมือ่ เจ้าได้เข้าท�ำงานมีรายไดแ้ ลว้ เจ้าก็ตอ้ ง ขยนั หมน่ั เพยี รท�ำกจิ การในหนา้ ทใี่ หด้ ยี งิ่ ๆ ขนึ้ ไมท่ อดทง้ิ ใหเ้ สยี หาย 60

จะคิดเสียว่าเจ้าขยันมาต้ังแต่อยู่โรงเรียนจนสอบไล่ได้และเข้า ท�ำงานแลว้ ไมจ่ �ำเปน็ ตอ้ งขยนั อกี ตอ่ ไป เชน่ นน้ั ยอ่ มเปน็ ความคดิ ทผ่ี ดิ การงาน ในหนา้ ทข่ี องเจา้ กจ็ ะไมด่ �ำเนริ ดี มแี ตเ่ สอ่ื มทรามลง ถ่ายเดียว๓๑ ประการ ๑ เจ้ากจ็ ะถกู นายหรอื ผบู้ งั คบั บญั ชาต�ำหนิ ตเิ ตยี นหรอื อาจรา้ ยแรงถงึ ถกู ไลอ่ อกกไ็ ด้ เปน็ ทางทท่ี �ำใหค้ วามสขุ ความเจริญของตัวเจ้าเอง เสื่อมทรามลง เป็น ประการท่ี ๒ ตอ่ จากนเี้ มอ่ื ความเกยี จครา้ นเขา้ สงิ สอู่ ยใู่ นตวั เจา้ มากขน้ึ การงาน ที่จะพึงกระท�ำเพ่ือหาเงินมาเลี้ยงตัวและครอบครัวก็ไม่ได้ท�ำ จะต้องใช้เงินท่ีมีอยู่เดิมเล้ียงชีพต่อไปจนหมดสิ้น ต่อจากนี้ก็จะ ยากจนคน่ แคน้ ๓๒ เอาตัวไมร่ อด เป็น ประการที่ ๓ เนอื่ งดว้ ยความเกยี จครา้ นเปน็ เหตใุ หเ้ กดิ ความเสอื่ มทรามลง ท้ังในการงาน และ ในความสุขความเจริญของตัว และในที่สุด เอาตวั ไม่รอด ดังนี้ พระพุทธเจ้าทา่ นจึงทรงแสดงโทษของความ เกียจคร้านไว้ ๖ สถาน ล้วนเป็นเหตุให้อ้างเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ท�ำ การงานท้ังน้นั คอื ๑. มักอา้ งวา่ หนาวนกั เล่นเกม ก่อนดีกว่า ยงั เชา้ อย่เู ลย ๒. มักอา้ งว่าร้อนนกั ๓. มักอา้ งว่าเยน็ แลว้ ๔. มักอา้ งว่ายงั เช้าอยู่ ๕. มกั อา้ งวา่ หวิ นกั ๖. มกั อ้างว่ากระหายนกั ๓๑ ฝา่ ยเดียว 61 ๓๒ ข้นแค้น

คนเรา ยอ่ มตอ้ งเกยี่ วขอ้ งกบั การงานไมอ่ ยา่ งใดกอ็ ยา่ งหนง่ึ เสมอไปต้ังแต่เกิดมา ใครจะว่าไม่มีการงานอะไรเลยน้ันเป็นไป ไม่ได้ การงานท้ังหลายยอ่ มต้องเกยี่ วข้องกบั ฤดกู าลหรือเวลา หมายความว่า โดดเรยี น การงานอยา่ งหนงึ่ ไปเทย่ี วกนั ก็เหมาะท่ีจะคดิ ดกี วา่ จะท�ำในเวลาหนง่ึ หาใชเ่ หมาะเสมอไปไม่ เมื่อพน้ เวลาไปแลว้ จะคดิ ท�ำการนั้น ย่อมไม่สะดวก และยอ่ มมีความขัดขอ้ งตา่ ง ๆ นา ๆ เช่นการศึกษาเล่าเรยี นเป็นสิ่งควรกระท�ำในเวลาเด็ก ๆ ถ้า ใครมิได้ศึกษาเล่าเรียนในเวลานั้น จะมาคิดศึกษาเล่าเรียนเม่ือ เติบโตเปน็ ผู้ใหญ่กย็ ่อมไมส่ ะดวก เพราะเวลาเตบิ โตเป็นผ้ใู หญน่ ี้ เปน็ เวลาท่ี ท�ำไม ส�ำหรับท�ำ คิดไม่ออก การงานหาเล้ยี งชพี เป็นเวลาที่มี ความกังวลห่วงใยมาก จะใช้ส�ำหรับการศกึ ษาเลา่ เรยี น อย่างเดก็ ๆ ไม่ได้ นี่เปน็ ตวั อยา่ งใหญ่โต 62

พ่อจะชักตัวอย่างงา่ ย ๆ อีกสกั อนั ๑ ให้เจ้าเห็นวา่ การงาน ยอ่ มตอ้ งเหมาะกบั เวลาอยา่ งไร สมมตุ วิ า่ เจา้ เปน็ ชาวสวนและชอบ ตอนต้นไมข้ าย การตอนต้นไม้น้ี เขามักกระท�ำในฤดฝู น แตเ่ น่ืองดว้ ยเจา้ เป็นคนเกียจครา้ น ผดั วนั ประกันพรงุ่ อยู่เสมอ จนหนา้ ฝนหมดแล้วก็ยังไม่ไดต้ อน โดยบางคราวก็อ้างว่าฝนตกมาก เช้าวันน้ีอากาศหนาวนัก เอาไว้ตอนบ่ายเถิด พอตกบ่ายก็อ้างอีกว่า อากาศก�ำลังร้อนนัก ท�ำงานไม่ได้ เอาไว้ในตอนเย็นเถิด พอถึงเวลาเย็นก็อ้างอีกว่า ยังหิวอยู่เพราะยังไม่ได้กินอาหาร เอาไว้พรุ่งนี้ตอนก็ได้ ครั้นถึง พรงุ่ นีก้ ผ็ ดั เองอกี เรือ่ ย ๆ ไปไมม่ สี ิน้ สดุ ในท่สี ุดส้นิ ฤดูฝน ใบรว่ ง เลยท�ำการตอน หมดเลย ต้นไมไ้ มไ่ ดเ้ ลย นับวา่ เสียผล เพราะไมไ่ ดเ้ งิน ทคี่ วรไดจ้ ากการ ขายตน้ ไมต้ อนเหลา่ นนั้ ดงั น้ีเปน็ ต้น 63

เมอ่ื เจา้ หวงั จะเปน็ คนดเี อาตวั รอดตอ่ ไปขา้ งหนา้ จงท�ำอะไร ใหถ้ กู ตอ้ งตรงกบั เวลาทคี่ วรท�ำอยา่ บดิ พลวิ้ ผดั วนั ประกนั พรงุ่ เลย เป็นอันขาด เวลาท่ีเสียไปนั้นเอากลับคืนมาไม่ได้ และเวลามีค่า มากกวา่ ทรัพย์สิ่งของใด ๆ เพราะทรพั ย์สงิ่ ของย่อมหาไดใ้ หม่ใน เวลาภายหน้า เม่อื เจา้ จะ ท�ำการงานใด ๆ เจา้ จงเวน้ เสีย จากการแสดง เหตขุ ัดขอ้ ง ต่าง ๆ ๖ สถาน ดังที่พระพุทธเจ้า ท่านตรสั ส่งั สอนไวน้ ั้น การงานของเจ้า กจ็ ะเป็นผล ส�ำเรจ็ สมดงั ใจนึก แม้มิใช่ในวันนัน้ กค็ งส�ำเรจ็ ในวนั หน่งึ เม่ือเจ้ายังไม่ละความขยันหม่ันเพียร ยังไม่ยอมให้ความ เกียจคร้านท�ำการงานมาครอบง�ำเจ้าเสีย การงานของเจ้าก็จะ ไม่มีวันเสื่อม ความสุขความเจริญในส่วนฐานะและครอบครัวก็ จะเจรญิ ยิ่ง ๆ ขนึ้ ไป เจ้าจงตงั้ รังเกียจความเกยี จครา้ นน้ี เทา่ กบั เจ้ารังเกียจสง่ิ ทีโ่ สโครกท่ีสดุ และเลวทรามท่ีสดุ เถิด. 64

เมื่อเจ้าได้อ่านจดหมายของพ่อฉะบับนี้จบลงแล้ว ก็เป็น อันกล่าวไดว้ า่ เจา้ รจู้ ักหนทางชวั่ ๖ ทางโดยครบถ้วน ทางเหลา่ นี้ จะน�ำไปสู่ความฉิบหายเสียคน ถ้าใครเดิรหลงเข้าไป ผู้หวัง ความสุขความเจริญในภายหน้า และในการเล้ียงชีวิต ย่อมต้อง พยายามหลีกเลี่ยงทางชั่วทั้ง ๖ นี้ให้ไกลแสนไกลทีเดียว เจ้ายัง เดก็ อยู่จึงยงั ไมท่ ราบวา่ ชื่นใจ การทจ่ี ะเติบโต พ่อจัง ไปในภายหนา้ และครองตวั ใหม้ ีความสขุ ความเจรญิ นน้ั เขาท�ำอย่างไรกันบ้าง เท่าท่ีพ่อเขียนอธิบายมานี้ เป็นแต่เพียงเปิดทางชั่วให้เจ้า เห็นให้เจา้ รจู้ กั และใหเ้ จา้ รู้สกึ เกลยี ดกลัว แลว้ เริ่มหลกี หนีทางช่ัว เหลา่ นเี้ สียแต่เด๋ียวน้ที ีเดยี ว แลว้ ถา้ พ่อมีโอกาสว่างเม่ือไรกจ็ ะได้ แนะน�ำช้แี จงใหเ้ จา้ เหน็ หนทางทดี่ ตี อ่ ไป จดหมายทั้ง ๗ ฉะบับที่พอ่ เขียนมาถงึ เจา้ ในยคุ น้ี พอ่ ต้ังใจ จะให้เป็นสิ่งมีประโยชน์แทนของขวัญแก่เจ้าในวันเกิด หากเจ้า เห็นว่าควรจะเผยแผ่ให้แพร่หลายในบรรดาเพ่ือนฝูงของเจ้าแล้ว พอ่ ก็ยิ่งยินดีมากข้ึน. จากพ่อทป่ี ระสงค์ให้เจ้าเดริ ทางถูก บ�ำรงุ 65

คำ�ถามประจ�ำ บท ๑. เหตุให้อ้างเพ่ือหลีกเล่ียง ไมท่ �ำการงาน มอี ะไรบา้ ง ? ๒. ๓. ไมท่ ำ�การงาน อธิบายให้เหน็ วา่ มีโทษอย่างไรบา้ ง ? การงานเกย่ี วขอ้ ง กับเวลาอยา่ งไร ? ๔. ๕. อธิบายใหเ้ หน็ ว่า ตอ้ งมีความขยนั คนเก่ียวขอ้ งกับการงาน หมั่นเพยี รเสมอไปหรอื เพราะเหตใุ ด ? อย่างไร ? 66

ภาคผนวก อบายมุข ๖ หนงั สือสอนพระพทุ ธศาสนาแกเ่ ดก็ รองอ�ำ มาตยเ์ อก พลอ้ ย พรปรีชา แต่ง ได้รับพระราชทานรางวัลชั้นที่ ๑ ในการประกวดประจำ� พ.ศ. ๒๔๗๕ มพี ระราชนิพนธ์คำ�นำ� พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ ัว ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหพ้ มิ พพ์ ระราชทาน เน่อื งในงานพระราชพิธวี ิศาขบชู า พ.ศ. ๒๕๗๕



ค�ำน�ำ ข้าพเจ้ามีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ทราบว่า ในพุทธศกนี้มี ผูแ้ ตง่ หนังสือส�ำหรับสอนพระพทุ ธศาสนาให้แกเ่ ดก็ เข้าประกวด เปน็ จ�ำนวนมากกวา่ ปใี ด ๆ หมด, นับว่ามีผนู้ ยิ มในการประกวด เช่นนี้มากขนึ้ . และในปนี ้มี ีพระภกิ ษุสงฆแ์ ต่งหนังสือเข้าประกวด ถงึ ๕๔ ราย และสามเณรอีก ๗ ราย, เปน็ อันสมความปรารถนา ของขา้ พเจา้ ทไ่ี ดอ้ าราธนาขอใหพ้ ระภกิ ษสุ งฆร์ ะลกึ ถงึ ความส�ำคญั ในการที่จะอบรมเด็กในพระพุทธศาสนา และแต่งหนังสือเข้า ประกวดด้วย. ข้าพเจ้าขอขอบคุณพระสงฆ์เจ้าท่ีได้สนองค�ำ อาราธนาของขา้ พเจา้ ในเรอ่ื งนี้. เม่ือได้แสดงความยินดีของข้าพเจ้าท่ีได้เห็นว่ามีผู้เล่ือมใส นยิ มในการประกวดหนงั สอื ชะนดิ นม้ี ากขน้ึ ทกุ ทดี งั่ นแี้ ลว้ ขา้ พเจา้ กค็ วรจะเลา่ ถงึ เสยี งในทางไมน่ ยิ มทขี่ า้ พเจา้ ไดย้ นิ มา ไวใ้ นทน่ี ด้ี ว้ ย ดั่งต่อไปนี้. หนังสือประกวดน้ี เม่ือได้พิมพ์ขึ้นคราวไร, ข้าพเจ้า กไ็ ดใ้ หแ้ จกจา่ ยไปตามบรรดาญาตแิ ละมติ ร, ไดแ้ จกไปถงึ นกั เรยี น บางคนท่ีก�ำลังเล่าเรียนอยู่ในต่างประเทศด้วย. นักเรียนบางคน

เม่ือได้รับหนังสือแจกนึกว่าจะเป็นเร่ืองอะไรสนุกสนาน, แต่พอ เปดิ ออกอา่ นเหน็ เปน็ หนงั สอื สอนศาสนา ตา่ งกข็ วา้ งทงิ้ เสยี , และ บางคนกก็ ลา่ ววา่ “พทุ โธ่ หนงั สอื พรรณนแ้ี จกมาท�ำไมกนั กไ็ มร่ .ู้ ” การที่นักเรียนเหล่าน้ันไม่ยินดีในการที่ได้รับหนังสือแจกของ ข้าพเจ้า, ข้าพเจา้ มิได้เหน็ เป็นของแปลกประหลาด หรือเป็นเหตุ ควรรู้สึกขุ่นเคือง. ที่จริงก็เป็นของธรรมดาท่ีเด็กหนุ่มจะต้องมี ความเพลดิ เพลินเห็นแตค่ วามสนุกของโลก, ยงั ไมเ่ ห็นความทกุ ข์ และความคบั แคน้ ตา่ ง ๆ เพราะยงั มผี ใู้ หญป่ ระคบั ประคอง และยงั ไมร่ ้จู ักโลกนีพ้ อ. แตค่ รั้นเจริญวยั ขึน้ แล้ว เมอื่ ถึงเวลามีครอบครัว และได้รู้จักความกังวลและความทุกข์ต่าง ๆ, ก็จะกลับเที่ยวหัน หาสรณะท่พี ่งึ ทจ่ี ะระงับความทุกขข์ องตน. เม่ือนน้ั และ จะกลับ เขา้ หนั หาพระศาสนา และจะมคี วามยนิ ดเี ลอื่ มใสในการทมี่ ผี แู้ ตง่ “หนงั สอื พรรณน”้ี ขึน้ และอาจอยากได้ไว้เพื่อส่งั สอนบตุ รหลาน ของตน. เพราะฉะนน้ั ขา้ พเจา้ ขอแนะน�ำแกผ่ ทู้ ไ่ี ดร้ บั แจก “หนงั สอื พรรณน้”ี แม้ในเวลานีไ้ ม่ยนิ ดีและยังไมอ่ ่าน กข็ ออยา่ ให้ขวา้ งท้งิ เสยี เลย, ใหเ้ กบ็ ไวเ้ ถดิ , เพราะอาจเปน็ ประโยชนแ์ ละอาจตอ้ งการ ในภายหน้าก็เป็นได.้ ดั่งขา้ พเจ้าเองไดร้ ู้สึกความตอ้ งการมาแล้ว, จึ่งได้จัดให้มีการประกวดกันขึ้น. แม้ตนเองจะไม่ใช้ ก็อาจเป็น ประโยชน์แก่มารดา, หรือภริยา, หรือญาติ, พ่ีน้อง ที่จะมีหน้า ท่อี บรมเดก็ เล็ก ๆ ในสกลุ วงศ.์ และในภายหนา้ ตนเองก็อาจมี

ความรสู้ กึ อยากใหบ้ ตุ รหลานไดร้ บั ความอบรมในทางพระศาสนา ซ่ึงข้าพเจ้าเองเห็นเป็นสิ่งส�ำคัญอย่างยิ่ง. การอบรมในทางน้ี ใน ประเทศเรายงั บกพรอ่ งอยมู่ าก สตู้ า่ งประเทศมไิ ดเ้ ลย, ซง่ึ เปน็ ของ น่าเสียดาย. พวกนักเรียนนอกท่ีไม่ต้องการ “หนังสือพรรณนี้” ควรสังเกตดูวา่ ในประเทศท่นี บั ถอื ศาสนาคริสตงั เขามกี ารอบรม ในทางศาสนามากเพียงไร และท�ำดีอย่างยิ่งด้วย. เราก็เอาอย่าง ฝร่ังได้เกอื บทกุ อยา่ ง, ท�ำไมจะไมเ่ อาอยา่ งในเร่อื งนบ้ี า้ ง. หนังสือท่ีได้รับรางวัลท่ี ๑ ในปีนี้ ข้าพเจ้าได้เลือกจาก ๓ ส�ำนวนท่ีกรรมการได้ส่งข้ึนมาให้ข้าพเจ้าเลือก, ในจ�ำนวน ๓ ส�ำนวนทสี่ ง่ ขนึ้ มาใหเ้ ลอื กนนั้ นบั วา่ ใจความดพี อปาน ๆ กนั ทง้ั นนั้ , มตี า่ งกนั แตใ่ นเชงิ ส�ำนวน. ขา้ พเจา้ ไดเ้ ลอื กใหร้ างวลั ท่ี ๑ แกฉ่ ะบบั ของ รองอ�ำมาตย์เอก พล้อย พรปรีชา, เพราะเห็นว่าส�ำนวน ดีมาก แตง่ ชวนอา่ น อ่านไดค้ ลอ่ งและเข้าใจงา่ ย. การแตง่ หนงั สือ ให้เด็กอ่านน้ัน ส�ำนวนเป็นของส�ำคัญมาก. ถ้าแต่งยืดยาวหรือ วกวน หรอื จดื ชดื , กท็ �ำใหเ้ ดก็ เบอื่ หนา่ ยจนอาจถงึ หลบั คาหนงั สอื . การที่จะบังคับให้อ่านเป็นการยากและได้ผลน้อย เพราะไม่ ซึมซาบ. ถ้าแต่งให้มีรสให้ชวนอ่านอย่างหนังสือที่แจกฉะบับน้ี กย็ ่อมได้ผลดีกว่ามาก. ข้าพเจ้าขอแสดงความยินดีแก่ผู้ท่ีได้รางวัลในคราวน้ี และ ขอขอบใจบรรดาผูท้ ่ีไดส้ ง่ หนังสือเขา้ มาประกวดทุก ๆ ท่านด้วย.

ข้าพเจ้าหวังว่าผู้ท่ีได้รับแจกคงจะใช้หนังสือน้ีให้เป็น ประโยชนบ์ า้ งในคราวใดคราวหนง่ึ , ถา้ มใิ ชใ่ นเวลานก้ี ใ็ นภายหนา้ ตอ่ ไป. ขอจงมคี วามสุขความเจรญิ ทั่วกนั . วนั ที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๕

รายงานราชบัณฑติ ยสภา ที่ ๔/๔๑ วันที่ ๑๙ เมษายน พทุ ธศักราช ๒๔๗๕ ขอเดชะฝา่ ละอองธลุ ีพระบาทปกเกลา้ ปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานกราบบังคมทูลรายงาน การประกวดแต่งหนังสือสอนพุทธศาสนาแก่เด็ก ส�ำหรับ พิมพ์พระราชทานในงานพระราชพิธีวิศาขบูชา พ.ศ. ๒๔๗๕ ดงั ตอ่ ไปน้ี ๑. หนังสือประกวดวิศาขบูชาประจ�ำ พ.ศ. ๒๔๗๕ ราช บณั ฑติ ยสภาได้ประกาศใหแ้ ตง่ ประกวดวา่ ดว้ ยเรื่องอบายมขุ ๖ ตามนัยแห่งสิคาโลวาทสูตร มีผู้แต่งส่งเข้าประกวด ๘๔ ราย ดว้ ยกนั เปน็ พระภิกษุ ๕๔ ราย สามเณร ๗ ราย คฤหสั ถช์ าย ๒๑ ราย หญิง ๒ ราย ส่งมาแต่จังหวัดพระนคร ๕๘ ราย จังหวัดธนบุรี ๗ ราย จังหวัดนนทบุรี ๒ ราย จังหวัดมินบุรี ราย ๑ จังหวดั อยธุ ยาราย ๑ จังหวัดนครราชสมิ าราย ๑ จังหวัด อุบลราย ๑ จงั หวัดบรุ ีรัมย์ราย ๑ จงั หวัดอุตรดิษฐราย ๑ จังหวัด เชียงรายราย ๑ จังหวัดราชบุรีราย ๑ จังหวัดเพ็ชรบุรีราย ๑ จังหวัดสมุทรสาคร ๓ ราย จังหวัดนครนายก ๔ ราย จังหวัด นครศรธี รรมราชราย ๑

ตามจ�ำนวนข้างบนน้ีปรากฏว่ามีผู้แต่งเรื่องพุทธศาสนา ส�ำหรับสอนเด็กมากกว่าศกก่อน ๆ เปน็ ท่ีสอ่ ใหเ้ ห็นไดว้ ่ามีผนู้ ยิ ม ในการนี้มากขน้ึ ทุกที ควรเป็นที่เฉลมิ พระราชศรัทธาย่ิงนกั ๒. ราชบัณฑิตยสภาได้ตั้งอนุกรรมการตรวจชั้นแรกตาม ระเบียบเหมือนอย่างท่ีเคยปฏิบัติมาแต่ก่อนแล้ว อนุกรรมการ คราวนี้ คือ พระราชวรวงศเธอ กรมหม่ืนพิทยาลงกรณ เป็น ประธาน ๑ เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี ๑ พระพินิจวรรณการ ศาสตราจารยภ์ าษาบาลใี นราชบณั ฑติ ยสภา ๑ อนกุ รรมการตรวจ เลือกคัดส�ำนวนท่ีเห็นว่าสมควรจะรับพระราชทานรางวัลและ ส�ำนวนที่ใกลเ้ คยี งขึน้ เสนอกรรมการราชบัณฑติ ยสภา ๗ ส�ำนวน เพอื่ เลือกคดั ส�ำนวนท่ดี ีถงึ ขนาดขน้ึ กราบบงั คมทลู ฯ ๓ รายตาม ประกาศ ฯ กรรมการราชบัณฑติ ยสภาได้ประชุมเม่อื วนั ที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๔ มกี รรมการมาประชุมคอื (๑) สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเธอ กรมพระยาด�ำรงราชานภุ าพ นายก (๒) สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเธอ เจา้ ฟา้ กรมพระนรศิ รานวุ ดั ติวงศ กรรมการ (๓) พระราชวรวงศเธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ อุปนายก แผนกวรรณคดี (๔) พระยาโบราณราชธานนิ ทร อปุ นายกแผนกโบราณคดี (๕) สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ กรรมการ

กรรมการที่ไม่ได้มาประชุม (๑) พระวรวงศเธอ พระองคเ์ จ้าธานีนวิ ตั กรรมการ (๒) เจ้าพระยาธรรมศักด์ิมนตรี กรรมการ (๓) เจ้าพระยาวรพงศพิพัฒน์ ท�ำการแทนอุปนายกแผนก ศลิ ปากร ในจ�ำพวกกรรมการทไ่ี มไ่ ดม้ าประชมุ นี้ เจา้ พระยาธรรมศกั ด์ิ มนตรไี ด้ลงมตสิ ง่ ความเห็นมาดว้ ย ๔. เมื่อกรรมการได้พิจารณาตรวจเลือกคัดแล้ว จึงลงมติ พร้อมกันว่าหนังสือส�ำนวนท่ี ๒๓, ๓๑ กับ ๔๒ แต่งดีถึง ขนาดสมควรรบั พระราชทานรางวลั จงึ ใหเ้ ปดิ ชอ่ื ผแู้ ตง่ ปรากฏวา่ ส�ำนวนท่ี ๒๓ รองอ�ำมาตย์เอก พล้อย พรปรีชา กรมเสมียน ตรากระทรวงกลาโหม (ผู้ท่ีเคยได้รับพระราชทานรางวัลท่ี ๒ ในการประกวดเมอ่ื ปีกลายน้ี) เป็นผ้แู ต่ง ส�ำนวนท่ี ๓๑ นายเถา ศรีชลาลัย เปรียญ พนกั งานในหอพระสมุดวชริ ญาณ เปน็ ผแู้ ต่ง ส�ำนวนที่ ๔๒ พระมหาเปลยี่ น วัดราชบพธิ เป็นผแู้ ตง่ แต่ ๓ ส�ำนวนน้ีแต่งดีไปคนละอย่างไล่เลี่ยกัน และตาม ประกาศประกวดแต่งหนังสือแสดงพระพุทธศาสนาส�ำหรับสอน เด็กมอี ย่วู ่า แล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ พระราชทาน รางวลั ที่ ๑ แกส่ �ำนวนไหน ซงึ่ ราชบณั ฑติ ยสภาไดเ้ ลอื กทลู เกลา้ ฯ ถวาย ขา้ พระพทุ ธเจ้าจึงได้สง่ หนงั สือทงั้ ๓ ส�ำนวนน้นั ทลู เกล้า ฯ ถวายมาพร้อมกับรายงานฉะบับนี้ แล้วแต่จะทรงพระราชด�ำริ

เลอื กส�ำนวนไหนให้ไดร้ บั พระราชทานรางวลั ท่ี ๑ เมอื่ ทรงเลอื ก แล้วอกี ๒ ส�ำนวนนนั้ ก็เป็นอนั ควรได้รบั พระราชทานรางวัลที่ ๒ ตามประกาศประกวดแต่งหนังสือแสดงพระพุทธศาสนาส�ำหรับ สอนเดก็ . ควรมิควรแลว้ แตจ่ ะทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ขา้ พระพุทธเจา้ ด�ำรงราชานุภาพ นายกราชบัณฑิตยสภา ขอเดชะ





รองอำ�มาตยเ์ อก พลอ้ ย พรปรชี า

อบายมขุ ๖ หนังสือสอนพระพุทธศาสนาแก่เดก็ ISBN : 978-616-7975-04-7 แต่งโดย รองอำ�มาตย์เอก พล้อย พรปรชี า ได้รับพระราชทานรางวลั ชัน้ ท่ี ๑ ในการประกวดหนังสอื สอนพระพทุ ธศาสนาแกเ่ ด็กประจำ�ปี พ.ศ. ๒๔๗๕ พมิ พค์ ร้งั ที่ ๑ พ.ศ. ๒๔๗๕ พิมพ์ครัง้ ที่ ๒ (ปรับปรงุ ) พ.ศ. ๒๕๕๘ จ�ำ นวน ๓,๐๐๐ เลม่ จดั พมิ พโ์ ดย สำ�นักงานโครงการสมเด็จพระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี สวนจติ รลดา พระราชวังดสุ ติ กรุงเทพฯ ๑๐๓๐๓ โทรศพั ท์ ๐ ๒๒๘๒ ๖๕๑๑ โทรสาร ๐ ๒๒๘๑ ๓๙๒๓ ออกแบบปก/รปู เล่ม/และภาพประกอบโดย ไพยนต์ กาสี สุกัญญา บญุ ทนั และ เทิดเกียรติ ปลูกปานยอ้ ย พิมพท์ ี่ หจก. แอลซีพี ฐิติพรการพิมพ์ ๑๐๕/๖๖-๖๗ ถนนประชาอทุ ศิ ซอย ๔๕ แขวงบางมด เขตทงุ่ ครุ กรุงเทพฯ ๑๐๑๔๐