Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การเพาะเห็ดฟางจากเปลือกถั่วเขียว

การเพาะเห็ดฟางจากเปลือกถั่วเขียว

Description: การเพาะเห็ดฟางจากเปลือกถั่วเขียว.

Search

Read the Text Version

แผน ปลิวเผยแพรที่ 73 กรมสงเสริมการเกษตร เรยี บเรยี ง บุญเลิศ สอาดสทิ ธศิ กั ด์ิ สถาบนั วิจยั พืชสวน กรมวชิ าการเกษตร จัดทํา เกตุอร ทองเครอื กองเกษตรสัมพันธ เผยแพร กองเกษตรสัมพันธ สารบญั

การเพาะเห็ดฟางจากเปลือกถั่วเขียว 2 การเพาะเหด็ ฟางจากเปลอื กถ่ัวเขยี ว ประเทศไทยมีการพัฒนาการเพาะเห็ดฟางมานานถึง 50 ปแ ลว นบั วา มคี วามกา วหนา ในการเพาะเหด็ ฟาง มากประเทศหน่ึง โดยมกี ารทดลองนําวสั ดอุ น่ื ๆ นอกจากฟางมาเพาะเหด็ ฟาง เชน ผักตบชวา ไสน นุ ไสฝายเปลือกถ่ัวเหลือง เปลือกถ่ัวเขียว เปนตน ปรากฏวา วสั ดตุ า ง ๆ ซง่ึ เปน วสั ดทุ เ่ี หลอื ใชส ามารถใช เพาะเห็ดฟางได แตที่ใหผลผลิตคุมคาตอการลงทุน มากท่ีสุด คอื เปลอื กถว่ั เขยี ว ซง่ึ เปน วสั ดทุ เ่ี หลอื ใช จากการปลกู ถว่ั เขยี ว นอกจากนว้ี ธิ กี ารเพาะกส็ ามารถ ทําไดงายสะดวกรวดเร็วกวา และผลผลิตสูงกวาการ เพาะดว ยฟางขา ว 1. เชื้อเห็ดฟาง หมายถึง เสนใยเห็ดฟางที่เจริญเติบโตในปุยหมักที่ผานการฆาเช้ือโรคอยางดี แลวสามารถทจ่ี ะนาํ ไปเพาะไดเ ลย ควรเลือกซื้อเชื้อเห็ดที่มีคุณภาพราคาไมแพง 2. เปลอื กถว่ั เขยี ว ควรเลือกเปลือกของฝก ถว่ั เขยี วทม่ี ลี กั ษณะปน เลก็ นอ ยหลงั จากนวดเอาเมลด็ ออก แลว และตอ งแหง ไมถ กู นา้ํ หรอื ฝนจนกวา จะนาํ มาเพาะเห็ดฟาง 3. สถานท่ี ควรเปนที่ดอน ไมม มี ด ปลวก แมลงตาง ๆ และศตั รขู องเหด็ ฟางชนดิ อน่ื ๆ สถานทน่ี น้ั ตองไมเปน ดนิ เคม็ ดนิ ดา งจดั หรอื นา้ํ ไมท ว มขงั ควรอยใู กลแ หลง นา้ํ หรอื สามารถหานา้ํ มาใชไ ดส ะดวก ตองไมเปนทท่ี เ่ี คยเพาะเหด็ ฟางมากอ นอยา งนอ ย 1 เดอื น และที่สําคญั บรเิ วณนน้ั ตอ งไมม พี ษิ ตกคา ง ของสารเคมีปองกันกาํ จดั ศัตรูพืชใด ๆ ทั้งสิ้น ในฤดแู ลง ควรทาํ การเพาะในนาขา ว เพอ่ื เปน การเพม่ิ ปยุ หมักใหแกข าวดวย สว นในฤดฝู นควรเลอื กทต่ี อนกลางแจง ทเ่ี หมาะสม 4. นา้ํ ควรเปน นา้ํ ทส่ี ะอาดปราศจากคลอรนี และกลน่ิ เนา เหมน็ ไมเ ปน นา้ํ เคม็ หรอื นา้ํ กรอ ย 5. อาหารเสรมิ ควรหางา ยในทอ งถน่ิ มลี กั ษณะไมอ มุ นา้ํ มากเกนิ ไป มอี าหารทเ่ี หมาะสมสําหรับ เห็ดฟางไมเขมขนมากเกินไป อาหารเสรมิ ทผ่ี า นการทดลองและไดผ ลดี ไดแ กล ะอองขา วผสมมลู ควาย มูลโค และปุย หมักที่สลายตัวแลว สําหรบั อตั ราสว นของการผสมนน้ั ขน้ึ กบั สถานทด่ี ว ย เชน ละอองขา ว กบั ปยุ หมัก เทากับ 1:1 หรือ 4:3 หรือ 2:1 เปน ตน 6. แบบไมห รอื ลงั ไม มีลักษณะเปนสเ่ี หลย่ี มคางหมโู ดยมดี า นกวา งดา นบน 25 เซนตเิ มตร ดา นลา ง 30 เซนตเิ มตร ยาว 100 เซนตเิ มตร และสูง 25 เซนตเิ มตร นอกจากนี้ยังมีแผน ไมก ดใชสาํ หรบั กดเปลอื กถว่ั เขยี ว เพอ่ื ความสะดวกในการทํากองเพาะ โดยใชไม แผนขนาดกวา ง 20 เซนตเิ มตร ยาว 30 เซนตเิ มตร และมไี มส าํ หรับทาํ ดา มจบั ลกั ษณะคลา ยเกรยี งฉาบ ปูน หนากอนนี้ หนาถัดไป สารบัญ

การเพาะเห็ดฟางจากเปลือกถั่วเขียว 3 7. ผา พลาสตกิ จะใชช นดิ ใสหรอื สดี าํ กไ็ ด ขน้ึ กบั ราคาและความคงทน ถา หาไมไ ดก อ็ าจใชก ระสอบ ปุยเย็บติดตอกันแลวนําไปลางใหสะอาดปราศจากความเค็มของปุย เพราะความเค็มจะทําใหดอกเห็ด ไมเจริญเติบโต 8. โครงไมไผ หรือจะใชโครงเหล็กก็ได ซ่ึงจะใชใ นการขน้ึ โครงเมอ่ื กองเพาะมอี ายไุ ด 3-4 วนั หลงั จากวันเพาะ โดยนําไปปกใหเปนรูปครึ่งวงกลมหรือรูปฝาชีครอมกองเห็ดเพาะซึ่งมีสวนสูงไมนอยกวา 60 เซนตเิ มตร 9. บวั รดนา้ํ จอบ หรือเสียม 10. ฟางขา วหรือเศษหญาแหง สําหรบั คลมุ กองเพาะ เพื่อพรางแสงแดด อาจใชหญาคาหรือแฝกก็ได เชอ้ื เหด็ ฟาง เปลอื กถว่ั เขยี วแหง วสั ดใุ นการเพาะ หนากอนนี้ หนาถัดไป สารบัญ

การเพาะเห็ดฟางจากเปลือกถั่วเขียว 4 1. เตรยี มวสั ดเุ พาะ โดยนาํ เปลอื กถว่ั เขยี วไปแชน ้ํา ประมาณ 5-10 นาที แลว จงึ นาํ มาเทกองรวม กันคลุมดวยผาพลาสติกทิ้งไวหนึ่งคืน เพอ่ื ใหเ ปลอื กถว่ั เขยี วนม่ิ และมคี ณุ สมบตั ทิ พ่ี รอ มจะเปอ ยสลายได ระวังอยาใหมเี ช้อื ราขน้ึ บนเปลือกถ่ัวเขียวจะเพาะเหด็ ฟางไมไดผล เปลอื กถว่ั เขยี ว 1 กระสอบขา วสาร สามารถเพาะเหด็ ฟางได 10-12 กอง (แบบไม) 2. เตรยี มสถานท่ี ที่จะเพาะ โดยปรับพื้นที่ใหเรียบแลวพรวนดินแบบทําแปลงผกั ยอยดินใหแตก รวนเพราะการเพาะเหด็ ดวยวิธีน้ี ดอกเหด็ ฟางจะเกดิ บนดนิ และควรกาํ จัดวัชพืชออกดวย จากนน้ั จงึ ตกั นา้ํ รดใหช มุ ทง้ิ ไวห นง่ึ คนื 3. เตรยี มอาหารเสรมิ ปริมาณข้ึนสถานทก่ี ลา วคอื ถา เปน ดนิ ทไ่ี มเ คยทําสวนผกั มากอ น ใหใ ชล ะออง ขาวผสมมลู ควายเปน อาหารเสรมิ 4 ปบ ตอ เปลอื กถว่ั เขยี ว 25 กอง แตถาเปนดินที่เคยทาํ สวนผกั มา กอนมีความอุดมสมบรู ณม าก อาจใชล ะอองขา วอยา งเดยี วประมาณ 3 ปบก็เพียงพอ นาํ อาหารเสรมิ มา คลุกเคลากับนาํ้ แลว ใชพ ลาสตกิ คลมุ ไวห นง่ึ คนื เชน กนั โดยปกตคิ วรจะเตรยี มวสั ดเุ พาะอาหารเสรมิ และ สถานที่ ในตอนเยน็ แลว พกั ทง้ิ ไวห นง่ึ คนื รงุ เชา จงึ จะดําเนนิ การตอ ไป 4 .วางแบบไมลงบนแปลงท่ีเตรียมไว แลวโรยอาหารเสริมไปตามขอบดานในของแบบไม นําเปลือกถ่ัวเขยี วทเ่ี ตรยี มไวเ ทลงในแบบไม ใชไ มก ดเปลอื กถว่ั เขยี วใหแ นน โดยมคี วามสงู ประมาณหนง่ึ ฝามอื (ประมาณ 12-15 เซนตเิ มตร) 5. ยกแบบไมอ อก แลวทาํ กองตอ ไปใหห า งจากกองแรกประมาณหนง่ึ ฝา มอื ทําเหมอื นกบั กองแรก ควรทาํ 25 กองตอ 1 แปลง เพื่อสะดวกในการดูแลรักษา ในกรณีที่ทําแปลงละ 25 กอง จะใชเปลือกถว่ั เขียว 2 กระสอบครง่ึ เชื้อเห็ดฟาง 18 ถงุ (ขนาดถงุ ละประมาณ 2 ขดี ) สว นอาหารเสรมิ แลว แตส ภาพ ของดนิ 6. เม่ือสรา งกองเสรจ็ แลว โรยเชอ้ื เหด็ ฟางลงบนดนิ ระหวา งกองและรอบ ๆ กอง แตไ มโ รยบนกอง เปลือกถ่ัวเขยี ว ใชเชื้อเห็ดฟาง 18 ถงุ ตอ 25 กอง แลวโรยอาหารเสรมิ ทบั ลงบนเชื้อเหด็ ฟางอีกที โดย โรยบาง ๆ ถา ดนิ อดุ มสมบรู ณ แตถ า ดนิ ไมค อ ยอดุ มสมบรู ณก ใ็ หโ รยหนากวา เลก็ นอ ย แตอยาใหเกิน 1 เซนตเิ มตร 7.รดนํ้ากองเพาะใหชุม แตอยาใหโชกจนนํ้าไหลนอง เพราะน้ําจะพาเอาเสนใยเห็ดไหลไป ที่อื่น 8 .ใชผาพลาสติกคลุมกองใหมิดชิด เพื่อทําใหเกิดความรอนซ่ึงเปนสภาพท่ีเหมาะสมตอ การเจรญิ เตบิ โตของเสน ใยเหด็ ฟาง 9 .ใชฟางขาว หรือเศษหญาแหงคลุมบนผาพลาสติกอีกช้ันหน่ึง โดยคลุมใหหนา ๆ เพ่ือปองกันแสงเขา ไปในกองเพาะและชว ยรกั ษาความชน้ื ของกองเพาะอกี ดว ย หนากอนนี้ หนาถัดไป สารบัญ

การเพาะเห็ดฟางจากเปลือกถั่วเขียว 5 1. ในชว ง 1-2 วนั แรก ไมต อ งทาํ อะไรกบั กองเพาะเลย นอกจากปอ งกนั ไมใ หส นุ ขั ไก หรือ สัตวอ น่ื ๆ ไปรบกวนกองเพาะ 2. เมอ่ื เรม่ิ วนั ท่ี 3 หลงั จากวนั เพาะ ใหเ ปด กองเพาะดจู ะเหน็ วา มตี มุ เหด็ โตประมาณเกอื บเทา หวั ไม ขีดเต็มไปหมด จึงทาํ การเปด กองเพาะทง้ั หมด โดยเอาฟางและผา พลาสตกิ ออกทง้ิ ไวป ระมาณ 30 นาที เพ่ือใหสภาพของกองเพาะเย็นลงและเปนการไลแกสที่เกิดจากการหมักเนาของเปลือกถั่วเขียวออกไป ดว ย เมอ่ื กองเพาะเยน็ ตวั ลงแลว ตกั น้าํ รดกองเพาะ 1-2 หาบบัว จากนั้นจึงทําการยกโครงโดยใชไมไผ ปกหัวทา ย แลวทาํ ใหเ ปน โครงคลา ยรปู ฝาชแี ละมคี วามสงู อยา งนอ ย 60 เซนตเิ มตร แลว คลมุ ดว ย ผาพลาสตกิ และฟางขา วเชน เดมิ 3. ทําการเปด กองเพาะทกุ เชา และเยน็ ของวนั ท่ี 4-5-6-7 หลงั จากวนั เพาะ ครง้ั ละประมาณ 30 นาที ชวงน้ีใหสงั เกตดกู ารเจรญิ เตบิ โตของดอกเหด็ ดว ยวา ผดิ ปกตหิ รอื ไม ถา มเี สน ใยขน้ึ ปกคลมุ ดอกเหด็ มาก และเกดิ ผวิ ตกกระกใ็ หเ ปด กองเพาะนานกวา เดมิ 4. หลงั จากเปด กองเพาะในตอนเย็นของวนั ท่ี 7 หลงั จากวนั เพาะ ถา มดี อกเหด็ ฟางทค่ี าดวา จะเรม่ิ เก็บไดในวันรงุ ขน้ึ ประมาณครง่ึ หนง่ึ ของกองเพาะ ก็ใหต กั นํ้ารดกองเพาะประมาณ 1 หาบบัว เพื่อเปน การเพิ่มนํ้าหนักใหกับดอกเห็ดและเพ่ิมความชื้นใหกับกองเพาะดวย ถาไมรดน้ําจะไดเห็ดท่ีมีนํ้าหนัก นอ ยกวา การรดนา้ํ เปด กองเพาะสงั เกตดกู ารเจรญิ ของเหด็ ในวันท่ี 8 หลงั จากวนั เพาะกส็ ามารถเกบ็ ดอกเหด็ ไดเ ลย การเกบ็ ควรเกบ็ ในตอนเชา มดื เพอ่ื ดอก เห็ดจะไดไมบาน ดอกเห็ดท่ีเก็บควรมีลักษณะเปนรูปไขปลอกยังไมแตกและดอกยังไมบานเพราะถา ปลอยใหปลอกแตกและดอกบานแลวคอยเก็บจะทาํ ใหข ายไดร าคาตา่ํ หนากอนนี้ หนาถัดไป สารบัญ

การเพาะเห็ดฟางจากเปลือกถั่วเขียว 6 วธิ เี กบ็ ใหใ ชน ว้ิ หวั แมม อื กบั นว้ิ ชก้ี ดดอกเหด็ แลว หมนุ เลก็ นอ ยยกขน้ึ เบา ๆ ดอกเหด็ กจ็ ะหลดุ ออก มาโดยงาย ถา มดี อกเหด็ ขน้ึ อยตู ดิ กนั หลายดอก ควรเกบ็ ขน้ึ มาพรอ มกนั ทง้ั หมดทเี ดยี ว ถาเก็บเฉพาะ ดอกเหด็ ทโ่ี ตออกมาดอกท่เี หลอื จะไมโตและฝอ ตายไป ไมควรใชม ดี ดดั ดอกเหด็ เพราะจะทาํ ใหม เี ศษเหลอื อยซู ง่ึ อาจจะเนา และลกุ ลามไปทว่ั กองได เมอ่ื เกบ็ เหด็ ออกมาแลว ตองทาํ การตดั แตง เอาดนิ หรอื อาหารเสรมิ ออกใหห มด จากนน้ั นําใส ลงในภาชนะที่โปรง เชน กระบุง ตะกรา เขง ทร่ี องดว ยกระดาษ หรอื ใบกลว ย หา มพรมน้าํ หรือแชนาํ้ เดด็ ขาด เพราะจะทาํ ใหเ หด็ อมนา้ํ เกบ็ ไวไ ดไ มน าน เนา เสยี งา ยกวา ปกติ และจะทาํ ใหรสชาติเสียไปดวย สําหรบั ผลผลติ ตอ กองเพาะนน้ั ไดป ระมาณ 5 ขดี จนถงึ 1 กิโลกรัม โดยเก็บไดถึง 3 ครง้ั ขน้ึ กบั คุณภาพของเชอ้ื เหด็ ฟาง และการดแู ลรักษาดว ย 1. โรคราเมลด็ ผกั กาดหรือราหัวแข็ง เริ่มแรกจะเกดิ เปนเสน ใยขาวแผห นาเหน็ ไดช ดั พอแกจะเกิด เปนเม็ดเล็ก ๆ สขี าวตอ มากลายเปน สนี า้ํ ตาลเขม ราชนดิ นม้ี กั ทาํ ใหกองเพาะเห็ดเนาได เชอ้ื ราจะตดิ มา กับเปลือกถั่วเขียว หรอื อยบู นดนิ ทม่ี โี รคนอ้ี ยกู อ นแลว การปอ งกนั อาจทําไดโ ดยใชเ ปลอื กถว่ั เขยี วทแ่ี หง และสะอาดไมม เี ชอ้ื ราชนดิ อน่ื ขน้ึ ใชเชื้อเห็ดฟาง ที่ดี และดูแลรักษากองเพาะใหถูกวิธี อยาเพาะเห็ดฟางซํ้าที่เดิม ถา โรคนเ้ี กดิ ขน้ึ ควรนาํ ไปเผาทาํ ลายเสยี 2. โรคเนา เชอ้ื อาจตดิ มากบั เปลอื กถว่ั เขยี วหรอื นา้ํ ที่ใชรดทาํ ใหเ หด็ ฟางเนา ได การปอ งกนั เหมือนกบั โรคราเมลด็ ผกั กาด 3. แมลง ไดแก มด ปลวก จะมาทาํ รงั และกดั กนิ เชอ้ื เหด็ และรบกวนเวลาทาํ งาน หนากอนนี้ หนาถัดไป สารบัญ