Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต

คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต

Description: คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปันจักสีลัต.

Search

Read the Text Version

การกฬี าแหคมู่ ่งอื ปผฝู้ รึกะสเทอนศกไฬีทายปนั จักสลี ัต ตังเกสสัน ซกี ู (Tangkisan Siku) เทคนคิ กำรซอ้ มเพ่ือกำรยืนกับท่ี รูปที ่ 1 รปู ท ี่ 2 แขนขวาพับศอกล�าตัวเอียงข้าง มือก�าหมัด ออกแรงแกว่งศอกขวา แตะฝ่ามือซ้าย (ตัวและ แขนซ้ายแบมือแตะหมัดขวา ขาขวางอเข่าเล็กน้อย เอวหมนุ ตามแรงแกวง่ ศอก) เปลย่ี นทศิ ทางขา (ขาซา้ ย ขาซ้ายเหยยี ดตรง งอเขา่ เลก็ น้อยขาขวาเหยยี ดตรง) เทคนิคกำรซ้อมเพอ่ื กำรเคลือ่ นไหวไปขำ้ งหนำ้ ใช้กระบวนท่ำ กูดำ-กูดำ ดือปัน เซรอง (Kuda-Kuda depan serong) รูปท ี่ 3 รูปท ่ี 4 รูปที่ 5 ขาซา้ ยวางหนา้ ขาขวาวางหลงั ขาขวาชดิ ขาซา้ ยยอ่ เขา่ เลก็ นอ้ ย ขาขวาก้าวไปข้างหน้าและ ย่อตัวลง แขนทั้งสองข้างป้องตัว เอียงตัวไปทางซ้าย แขนซ้าย งอเขา่ ขาซา้ ยเหยยี ดตงึ พรอ้ มศอก สายตามองค่ตู ่อสู้ งอศอกก�าหมัด มือขวางอศอก ด้วยศอกซ้าย (แกว่งศอกจาก แบมือปิดหมัดซา้ ย ด้านข้างเข้าในล�าตัว และมือขวา แบมือปดิ ศอกซ้าย) 40 40 คมู่ ือผู้ฝึกสอนกีฬาปนั จักสลี ัต

คู่มอื ผ้ฝู ึกกสอานรกกีฬาฬี ปันาจแหกั ส่งลี ัตประเทศไทย G. ตงั เกสสัน ลตู ดุ (Tangkisan Lutut) เทคนคิ ตังเกสสัน ลูตดุ (Tangkisan Lutut) เปน็ เทคนิคท่ใี ช้ เขา่ และหน้าแขง้ รับลูกเตะของคตู่ อ่ สู้ ซงึ่ บรเิ วณนเ้ี ปน็ บรเิ วณกระดกู ทนี่ อกจากจะสามารถปอ้ งกนั ตวั ไดแ้ ลว้ กย็ งั สามารถเปน็ อาวธุ ตอบโต้ คตู่ อ่ สไู้ ดเ้ ชน่ เดียวกบั เทคนิคการตอบโต้ด้วยศอก เข่า และหน้าแข้งเป็นกระดูกท่ีแข็งแรง เป็นอวัยวะท่ีสา� คัญส�าหรับการเดิน ของร่างกายมนุษย ์ แต่ก็ เป็นอวัยวะที่แตกหักได้ง่าย หากเกิดการกระแทกอย่างรุนแรง ดังน้ัน ก่อนการซ้อมด้วยเทคนิคนี้ นักกีฬาควร เตรียมความพร้อมส�าหรับการซ้อมอย่างระมัดระวัง ต้องหม่ันฝึกซ้อมอย่างจริงจังเพ่ือให้เข่าและหน้าแข้งแข็ง แรงก่อนที่จะนา� ไปใช้ในสนามแข่งขัน หรือเพื่อป้องกนั ตัว การฝึกซ้อม เพื่อให้เข่าและหน้าแข้งเกิดความแข็งแรงท�าได้ด้วยการเข้าคู่กับเพ่ือนอย่างสม่�าเสมอ เบ้ืองต้น นักกีฬาจะเกิดอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อส่วนเข่าและหน้าแข้ง เนื่องจากยังไม่เคยเกิดการปะทะ แต่เม่ือเข้าคู่กับเพ่ือนอย่างสม่�าเสมอกล้ามเน้ือส่วนน้ีจะเกิดความเคยชิน และแข็งแรง สามารถรับแรงปะทะ จากการเตะไดด้ ขี ้นึ การป้องกันเพ่ือให้นักกีฬาบาดเจ็บน้อยท่ีสุดจากการซ้อมด้วยเทคนิคนี้ ท�าได้ด้วยการนวดยาร้อน ครมี รอ้ น หรอื น�้ามันรอ้ น เช่น นา�้ มันมวย เพื่อใหเ้ ลือดไหลเวียนไดส้ ะดวกและอาการบาดเจบ็ จะรู้สกึ ทุเลาลงได้ เทคนคิ ตงั เกสสัน ลตู ดุ (Tangkisan Lutut) แบ่งออกได้เปน็ 2 ประเภท ได้แก่ เทคนิค ตงั เกสสนั ลตู ดุ ดารีลวู รั กือดาลมั (Tanglisan Lutut dari luar ke dalam) คือเทคนคิ การเข่าโดยเหว่ียงขาจากนอกเขา้ ในล�าตวั และเทคนคิ ตงั เกสสนั ลูตดุ ดาร ี ดาลัม กอื ลูวรั (Tanglisan Lutut dari dalam ke luar) คอื เทคนคิ การเขา่ โดย เหว่ยี งขาจากในออกนอกลา� ตัว ขอ้ ควรระวงั สา� หรบั การฝกึ ซอ้ มดว้ ยเทคนคิ น ี้ คอื ระวงั อยา่ ใชห้ นา้ แขง้ ปะทะกบั บรเิ วณหวั เขา่ หรอื หนา้ แขง้ ปะทะกับหนา้ แขง้ โดยเฉพาะสว่ นกลางหน้าแข้ง ซงึ่ เปน็ สว่ นกระดกู ท่ีแข็งแรงที่สุด และเปน็ สว่ นที่สามารถ แตกหกั ได้งา่ ยเช่นเดยี วกัน ดังนัน้ นักกีฬาควรใช้บรเิ วณข้างแข้งซง่ึ เปน็ สว่ นทมี่ ีกล้ามเนื้อหนา เปน็ ส่วนท่รี บั การ ปะทะ หรอื สว่ นท่ีรับการออกอาวุธ ค่มู ือผ้ฝู กึ สอนกฬี าปันจกั สีลัต 41 41

การกีฬาแหคมู่ ง่ อื ปผู้ฝรึกะสเทอนศกไฬีทายปนั จักสลี ตั ตังเกสสนั ลตู ุด (Tangkisan Lutut) ดำรี ลวู รั กือดำลมั (dari luar ke dalam) คือ กำรเหวี่ยงจำกนอกเข้ำในลำ� ตวั รูปที่ 1 รปู ที่ 2 พบั ขาขวายกขน้ึ โดยใหเ้ ขา่ ตงั้ สงู กวา่ เอวเลก็ นอ้ ย เหวี่ยงขาขวาจากข้างล�าตัวเข้าในล�าตัว(เพื่อรับ ข้อเทา้ เหยียดลงน้ิวเทา้ ชี้พน้ื (ขาซา้ ยเหยยี ดตรงรบั น้า� การปะทะ) มอื ขวากา� หมดั มอื ซ้ายแบมอื ปอ้ งตวั ดงั รปู หนกั รา่ งกาย) มอื ขวาก�าหมดั มือซา้ ยแบมอื ป้องตัว ตังเกสสนั ลูตดุ (Tangkisan Lutut) ดำร ี ดำลมั กอื ลวู ัร (dari dalam ke luar) คอื กำรเหว่ียงจำกข้ำงในออกนอกล�ำตัว รปู ที่ 3 รูปท ่ี 4 พับขาขวายกขึ้นตรงล�าตัวหันเฉียงไปทางซ้าย เหว่ียงขาขวาจากในลา� ตัวออกนอกล�าตัว พับขา เข่าตั้งสูงกว่าเอว (ข้อขาเหยียดตรงน้ิวช้ีพื้น) มือขวา ท�ามุมเฉียงกับล�าตัว ขาซ้ายงอเข่าเล็กน้อย มือขวา กา� หมัด มอื ซา้ ยแบมือปอ้ งตวั ก�าหมดั มอื ซ้ายแบมือปอ้ งตวั ดงั รูป 42 42 ค่มู อื ผ้ฝู ึกสอนกฬี าปันจกั สีลตั

คมู่ อื ผู้ฝกึ กสอานรกกฬี าีฬปนัาจแหักส่งีลัตประเทศไทย 3.4.2 เทคนิคกำรหลบ ฮินดำรนั (Hindaran) เทคนิค ฮินดารนั (Hindaran) คอื เทคนิคการป้องกนั ตวั ด้วยวิธกี ารหลบหลกี ค่ตู อ่ สู ้ ใช้ใน การหลบหลกี เมอ่ื คตู่ อ่ สเู้ ขา้ ประชดิ ตวั โดยอาศยั ปฏภิ าณไหวพรบิ ในการสงั เกตกุ ารเคลอื่ นไหวของคตู่ อ่ ส ู้นกั กฬี า จึงต้องอาศัยความคล่องตัวของร่างกายในการเคลื่อนไหว เพ่ือให้สามารถหลบหลีกได้อย่างคล่องแคล่วและ ตอบโต้ไดอ้ ยา่ งว่องไว ผู้ฝกึ สอน ต้องเสริมสร้างสมรรถภาพร่างกายในส่วนของความคล่องตวั เชน่ การว่ิงอยูก่ ับ ท่ีแต่สลับขาซา้ ยขวาใหไ้ ว การว่ิงขนึ้ บนั ได(ขน้ั บันไดขนาดเล็กเพอื่ สลบั ขาได้คลอ่ งแคล่ว) เป็นตน้ พน้ื ฐาน เทคนคิ ฮินดารัน(Hindaran) ได้แก ่ อโี กสนั (Egosan), อลี ะกนั (Elakan) และ กอื ลิตัน (Kelitan) ดงั น้ี A. อีโกสนั (Egosan) เทคนคิ อโี กสนั (Egosan) เปน็ เทคนคิ การหลบดว้ ยการใชข้ าทง้ั สองขา้ งสลบั ขาหลบเพอ่ื เปลย่ี นทศิ ทาง ของรา่ งกาย เทคนิค อีโกสัน (Egosan) เป็นเทคนิคท่ีง่ายต่อการน�าไปใช้ ไม่ยุ่งยากหลบด้วยทิศทางการสลับขา ท่ีไม่ซับซ้อน และสามารถหลบได้ไกลจากคู่ต่อสู้ นักกีฬาสามารถถอยหลบแบบตรงหรือหลบแบบเฉียงก็ได้ แม้ผ้เู ริม่ ต้นเรยี นกส็ ามารถนา� มาใชไ้ ด้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ เทคนิคการหลบ สามารถน�ามาใชไ้ ดก้ บั ทกุ กระบวนทา่ เตะ ไมว่ า่ คตู่ อ่ สจู้ ะเตะด้วยกระบวนท่าใดกจ็ ะ สามารถหลบไดท้ นั ดงั นน้ั นกั กฬี าควรฝกึ ซอ้ มเทคนคิ การหลบอยา่ งสมา�่ เสมอ รวมทง้ั ฝกึ ซอ้ มกระบวนทา่ ในการ โต้ตอบหลังจากที่คู่ตอ่ สู้เข้าประชดิ ตัว การตอบโตต้ อ้ งตอบโตอ้ ยา่ งรวดเร็วจงึ จะสามารถเห็นผลได้ คมู่ ือผฝู้ ึกสอนกีฬาปันจักสลี ัต 43 43

การกฬี าแคหมู่ ่งอื ผป้ฝู รึกสะเทอนศกไฬี ทายปันจักสลี ัต เทคนคิ กำรหลบ อโี กสัน (Egosan) รปู ท่ี 1 รูปท ี่ 2 ตงั้ ท่า พร้อมปะทะ หน้ามองคตู่ ่อสู้ เมื่อคู่ต่อสู้ยกขาพร้อมเตะ นักกีฬายกขาขวา เตรยี มถอยหลงั สายตามองขาคตู่ อ่ สมู้ อื ทงั้ สองปอ้ งตวั รปู ที ่ 4 รปู ท ่ี 3 เม่ือคู่ต่อสู้ยืดขาเตะ นักกีฬารีบหลบถอยหลัง ถอยหลังด้วยการวางขาขวาไขว้หลังขาซ้าย โดยก้าวขาซ้าย ยาวๆ หนึ่งก้าวและงอเข่า ขาขวา สายตามองขาคตู่ อ่ สู้ เหยยี ดตรง เอียงตวั ไปตามขาซ้าย 44 44 คูม่ อื ผ้ฝู ึกสอนกฬี าปนั จกั สลี ัต

คู่มอื ผูฝ้ กึ กสอานรกกฬี าีฬปนัาจแหักสง่ ลี ตัประเทศไทย B. อีละกัน ( Elakan) เทคนิค การหลบอีละกัน( Elakan) เป็นเทคนิคการหลบด้วยการใช้ขาหลบเพียงข้างเดียวเพื่อเปล่ียน ทศิ ทางการเคลอ่ื นไหวของร่างกาย เทคนิคการหลบนี้จะเป็นเทคนิคการหลบท่ียากกว่าเทคนิคการหลบ อีโกสัน (Egosan) แต่ข้อดีของ เทคนิคน ี้ คอื เปน็ เทคนิคท่สี ามารถหลบหลกี ไดท้ ้ังการต่อยและการเตะ และหลบได้ไม่ไกลจนเกนิ ไป นักกฬี า จึงสามารถตอบโตค้ ่ตู อ่ สูไ้ ด้ทนั เทคนิคน้ี ต้องใช้ขาข้างเดียวหลบหลีกคู่ต่อสู้ นักกีฬาต้องเสริมสร้างสมรรถภาพร่างกายในส่วนของ การเคล่อื นไหว ความคลอ่ งแคล่ววอ่ งไว ปฏิกริ ิยาตอบสนอง รวมท้ังความอ่อนตวั เทคนิค กำรหลบอลี ะกนั (Elakan) รูปที ่ 1 ตัง้ ท่า เตรยี มพร้อม หนา้ มองค่ตู อ่ สู้ รูปที่ 2 รปู ท ี่ 3 เมอื่ คตู่ อ่ สยู้ กขาพรอ้ มเตะ ใหย้ กขาขวาเตรยี มถอย คู่ต่อสู้ยืดขาเตะแล้ว หลบด้วยการยกขาขวาวาง วางขา้ งหลงั ขา้ งหลงั ทนั ท(ี ขาขวางอเขา่ ขาซา้ ยเหยยี ดตรง เอยี งตวั ไปตามขาซา้ ย) คู่มอื ผู้ฝกึ สอนกีฬาปนั จักสลี ัต 45 45

การกฬี าแหคูม่ ง่ อื ปผ้ฝู รกึ ะสเทอนศกไฬีทายปนั จกั สีลัต C. กอื ลติ ัน (Kelitan) เทคนิคการหลบ กือลติ ัน (Kelitan) คือเทคนิคการหลบด้วยการใชก้ ารเอยี งขาเพ่ือเปล่ยี นทศิ ทางของ ร่างกาย เพื่อเอียงล�าตัวหลบการเตะของคู่ต่อสู้ เทคนิคน้ี ยังไม่ค่อยนิยมน�ามาใช้ในการแข่งขัน เนื่องจากไม่ สามารถหลบคตู่ อ่ สไู่ ดไ้ กลมากนกั เปน็ การเสย่ี งทจี่ ะหลบไมท่ นั แตห่ ากนกั กฬี าฝกึ ฝนจนเกดิ ความคลอ่ งตวั แลว้ การหลบดว้ ยเทคนคิ น ้ี จะเปน็ การหลบทด่ี มี าก เนอื่ งจากนกั กฬี าสามารถโตต้ อบไดถ้ งึ ตวั คตู่ อ่ สมู้ ากกวา่ เทคนคิ การหลบประเภทอืน่ ๆ นักกีฬาต้องใช้ความไวของปฏิกิริยาตอบสนอง ใช้สมาธิ รวมท้ังความคล่องตัวของขาโดยเฉพาะเข่า และลา� ตวั ตอ้ งเอียงตัวเพ่ือหลบการเตะของคตู่ อ่ สู้ เทคนคิ กำรหลบ กอื ลิตนั (Kelitan) รูปที่ 1 รปู ที ่ 2 ตั้งทา่ เตรียมพร้อม หนา้ มองคตู่ อ่ สู้ เมอื่ คตู่ อ่ สยู้ กขาเตะ นกั กฬี าหลบดว้ ยการเอยี งตวั ไปทางด้านหลัง ขาซ้ายงอเข่า ขาขวาเหยียดตรง ยกปลายขา เอยี งหลงั ตามขาซา้ ย 46 46 คมู่ อื ผฝู้ กึ สอนกีฬาปันจกั สลี ตั

คูม่ อื ผ้ฝู กึ กสอานรกกีฬาีฬปนัาแจหกั สง่ ลี ปัต ระเทศไทย ทบทวนเทคนิคกำรหลบเพอ่ื ป้องกนั ตวั รปู ท ่ี 1 การซ้อมเทคนิคป้องกันตัว ตังเกสสัน กาลัง (Tangkisan kalang) นกั กีฬาควรเอียงลา� ตัวและเอว ตามการแกวง่ ของแขน แขนทปี่ อ้ งกันควรเปน็ ขา้ งตรง ข้ามกับขาที่ก้าวไปข้างหน้า เพื่อความสะดวกต่อการ ตอบโต้ รูปท ่ี 2 การซ้อมเทคนิคป้องกันตัว ตังเกสสัน ปอตอง (Tangkisan Potong) นักกีฬาควรฝึกซ้อมด้วยการ งอศอกเลก็ น้อย ไม่ควรเหยยี ดแขนตรง เพราะแรงเตะ ทีห่ นักแนน่ อาจท�าใหแ้ ขนหักได ้ แขนท่ีใชป้ ้องกนั ควร เป็นข้างเดยี วกันกับขาทกี่ า้ วไปข้างหนา้ คมู่ ือผฝู้ กึ สอนกีฬาปนั จักสีลตั รูปท ี่ 3 การซ้อมเทคนิคป้องกันตัว ตังเกสสัน จือเปด บาวะห์ (Tangkisan Jepit Bawah) นักกีฬาควร ฝึกซ้อมโดยใช้บริเวณกระดูกข้อมือด้านบนในการ ป้องกัน ใช้ใหล่ช่วยกดขาคู่ต่อสู้ งอศอกเล็กน้อย จะสามารถเพ่มิ แรงกดได้ 47 47

การกฬี าแหคู่มง่ ือปผูฝ้ รึกะสเทอนศกไีฬทายปันจกั สลี ัต รูปที่ 4 การซ้อมเทคนิคป้องกันตัว ตังเกสสัน ซีก ู 48 (Tangkisan Siku) นักกีฬาควรฝึกซ้อมการศอกเข้า บริเวณข้อเท้าของคู่ต่อสู้ หรือบริเวณกลางหน้าแข้ง เพราะเป็นบริเวณกระดูกที่มีกล้ามเนื้อหุ้มเพียงเล็ก น้อยเท่านั้น เมื่อเกิดการปะทะ จะเกิดอาการเจ็บง่าย หรอื บาดเจบ็ ถงึ ข้ันกระดกู ร้าวหรือแตกหักได้ รูปที ่ 5 การซ้อมเทคนิคป้องกันตัว ตังเกสสัน กือดิก (Tangkisan Gedik) นักกฬี าควรฝึกซ้อมด้วยการเกร็ง แขน ชแู ขนกา� หมดั เหนอื ศรี ษะดงึ จากบนลงมาปอ้ งกนั การเตะ ให้โดนบริเวณข้อเข่าของคู่ต่อสู้ ล�าตัวและ เอวเอียงตามแขน ควรย่อเข่าเล็กน้อยเพ่ือให้การ ออกแรงมปี ระสทิ ธิภาพมากขึน้ รปู ท ี่ 6 การซ้อมเทคนิคป้องกันตัว ตังเกสสัน ตือเปส (Tangkisan Tepis) นกั กฬี าควรฝกึ ซอ้ มดว้ ยการปดั ขา โดยใช้บริเวณ ฝ่ามือปัดขาคู่ต่อสู้ น้ิวมือชิดติดกัน งอศอกเลก็ นอ้ ยเพอ่ื ปอ้ งกนั การหกั จากการเตะ ตวั และ เอวเอียงตามการปัด แขนท่ีใช้ปัดควรเป็นแขนข้าง ตรงกันข้ามกับขาซ่ึงก้าวไปข้างหน้า เพื่อสามารถ ตอบโตไ้ ดง้ า่ ย 48 คูม่ อื ผฝู้ กึ สอนกีฬาปันจกั สีลัต

คู่มือผูฝ้ กึ กสอานรกกีฬีฬาปนัาแจหักส่งีลปตั ระเทศไทย รูปท ี่ 7 การซอ้ มเทคนคิ ป้องกนั ตวั ตังเกสสนั ลูตุด ดาลมั กือลวู ัร (Tangkisan Lutut Dalam ke Luar ) นกั กีฬา ควรฝึกซ้อมด้วยการหม่ันเหวี่ยงขาจากในล�าตัว ออกนอกล�าตัว เพื่อให้กระดูกบริเวณสะโพกเกิด ความเคยชิน และหมั่นเข้าคู่กับเพ่ือนเพ่ือรับการเตะ จนกล้ามเน้ือและกระดูกหน้าแข้งเคยชินกับการ โดนปะทะ รูปที่ 8 การซอ้ มเทคนคิ ปอ้ งกนั ตวั ตงั เกสสนั ลตู ดุ ลวู รั กอื ดาลัม (Tangkisan Lutut Luar ke Dalam) นกั กีฬา ควรฝึกซ้อมด้วยการหมั่นเหวี่ยงขาจากนอกล�าตัวเข้า ในลา� ตวั เพอ่ื ใหก้ ระดกู บรเิ วณสะโพกเกดิ ความเคยชนิ เช่นเดียวกับการซ้อม เทคนิคป้องกันตัว ตังเกสสัน ลูตุด ดาลัม กือลูวัร (Tangkisan Lutut Dalam ke Luar) คมู่ อื ผู้ฝึกสอนกฬี าปนั จักสลี ัต 49 49

การกฬี าแหคูม่ ่งอื ปผฝู้ รึกะสเทอนศกไฬี ทายปนั จักสีลัต 3.5 เทคนิคกำรออกอำวธุ ซอื รังงนั (Serangan) ดังน้ี 3.5.1 กำรตอ่ ย ปูโกลลัน (Pukulan) คอื เทคนิค การใช้หมดั ตอ่ ยคูต่ อ่ สู ้ (การแขง่ ขนั ปนั จักสีลตั ประเภทตอ่ สู้ใชห้ มัดตอ่ ย ได ้ 1 คะแนน) แต่ทั้งนี้ ก่อนที่นักกีฬาจะไปเรียนรู้ ประเภทของกระบวนท่าต่อย นักกีฬาควรจะเรียนรู้ วิธีการก�าหมัดอย่าง ถูกวิธกี ่อน เนื่องจากการก�าหมดั อย่างถกู วิธีจะชว่ ยลดอาการบาดเจ็บจากการต่อย และทา� ให้กระบวนท่าตอ่ ย แตล่ ะกระบวนท่าถูกต้อง สมบูรณ ์ ก่อนที่จะเรียนรู้เรื่องกระบวนท่าต่อยแต่ละกระบวนท่า อันดับแรก นักกีฬาควรเร่ิมจากการกางน้ิว การพับน้ิว การก�าหมัดอย่างถูกวิธี ก่อนออกแรงต่อยหมัด และเร่ิมฝึกฝนด้วยการต่อยแบบอยู่กับที่ ต่อด้วย การตอ่ ยแบบกา้ วไปข้างหน้า ในส่วนของความแข็งแรงในการต่อย นักกีฬาสามารถสร้างสมรรถภาพร่างกายให้แข็งแรงได้ด้วย วธิ กี ารวิดพน้ื เชน่ วดิ พ้นื แบมอื วดิ พ้นื ดว้ ยนวิ้ มอื วดิ พืน้ ยกตัวตบมอื และวิดพนื้ ดว้ ยแขนขา้ งเดยี ว เป็นตน้ 50 50 ค่มู ือผูฝ้ ึกสอนกีฬาปันจกั สลี ตั

คู่มือผฝู้ ึกกสอานรกกฬี ฬีาปนัาแจหกั สง่ ลี ปัต ระเทศไทย มนึ บึนตุก กือปัลลัน (Membentuk Kepalan) เทคนิค กำรกำ� หมัด รปู ท่ ี 1 แบมอื นิ้วชิดตดิ กนั นิว้ โปง้ ชข้ี น้ึ รปู ท ี่ 2 พบั นวิ้ ทง้ั 4 นว้ิ เข้าหาขอ้ พับกลางน้ิว รปู ที่ 3 พบั นวิ้ อกี คร้ัง ให้ชิดติดฝ่ามือ รปู ท ่ี 4 นิ้วโป้งกดทับน้วิ ช ี้ และนิว้ นาง พร้อมออกแรงก�าหมดั คู่มอื ผฝู้ ึกสอนกฬี าปันจักสลี ัต 51 51

การกฬี าแหคู่ม่งอื ปผฝู้ รกึ ะสเทอนศกไีฬทายปนั จกั สีลตั กือซำละห์ฮัน อมู มุ (Kesalahan Umum) กำรกำ� หมดั ผดิ วธิ ี รปู ที ่ 1 หงายหมดั ขนึ้ เลยขอ้ มอื เมอ่ื ตอ่ ยดว้ ยหมดั ดังนี้ อาจเกิดอาการบาดเจ็บไปจนถึง ข้อมือซน้ หรอื หกั ได้ รปู ท ่ี 2 หมัดคว�่าลง ต่�ากว่าข้อมือ เมื่อ ตอ่ ยดว้ ยหมดั ดงั น ี้ อาจเกดิ อาการบาดเจบ็ ไปจนถึง ข้อมือซน้ หรือหักได ้ เช่นกนั รปู ท ่ี 3 การต่อยอย่างถูกวิธี คือ การก�าหมัดเป็น แนวตรงกับแขน พับขอ้ ศอกเล็กน้อย แขน และไหล่ (ช่วยในการออกแรงต่อยหมัด) เมอ่ื ตอ่ ยหมดั นกั กฬี าไมค่ วรตอ่ ยหมดั ดว้ ยการเหยยี ดแขนตรง โดยไมง่ อศอก และไมค่ วรใชข้ อ้ พบั ศอก เปน็ สว่ นของการออกแรงตอ่ ย การต่อยดว้ ยวธิ ีทผี่ ิดน้ี นกั กีฬาอาจเกดิ อาการบาดเจบ็ บริเวณข้อพบั ศอกได ้ 52 52 คมู่ อื ผฝู้ ึกสอนกีฬาปนั จักสลี ัต

ค่มู ือผฝู้ กึ กสอานรกกฬี ีฬาปาันแจหักสง่ ลี ปตั ระเทศไทย A เทคนิคกำรต่อย ปูโกลลัน ดอื ปนั (Pukulan Depan) เทคนคิ การต่อย ปโู กลลัน ดือปัน (Pukulan Depan) เปน็ เทคนิคทนี่ ิยมนา� มาใชใ้ นการแขง่ ขันประเภท ต่อสู้มากที่สุด เน่ืองจากเป็นเทคนิคที่ออกแรงหมัดได้เร็ว หนักแน่น และเมื่อต่อยแล้วนักกีฬาสามารถดึงแขน กลบั มาไดอ้ ย่างว่องไว การซ้อม เทคนคิ ปูโกลลัน ดอื ปนั (Pukulan Depan) อยา่ งถกู วิธี คือ การก�าหมัดพบั ศอก วางบริเวณ เอว ทงั้ แขนซา้ ยและแขนขวา หงายหมดั ขน้ึ ยดื แขนสง่ หมดั ไปขา้ งหนา้ เมอ่ื สดุ แขนแลว้ ใหค้ วา�่ หมดั ลง (พบั ศอก เล็กน้อย) หลังจากน้ัน ต่อยหมัดไปข้างหน้า ทีละข้าง ข้างซ้ายหรือขวาก่อนก็ได้ ขาทั้งสองกางออก งอเข่า เลก็ น้อย นักกีฬาควรออกแรงต่อยหมัด จากไหล่และแขน ล�าตัวและเอวบิดตามแรงต่อยของหมัด จะช่วยให้ หมัดแขง็ แรงหนักแนน่ ไม่ก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อแขน ชว่ ยให้ขอ้ พับศอกออกแรงน้อยลง และ ไม่เกิดอาการบาดเจ็บตรงบริเวณขอ้ พบั ศอก การต่อยมีประสทิ ธิภาพมากขึน้ คมู่ ือผ้ฝู กึ สอนกฬี าปนั จักสีลัต 53 53

การกีฬาแหคมู่ ่งอื ปผู้ฝรกึ ะสเทอนศกไีฬทายปันจักสีลตั เทคนคิ การต่อย ปโู กลลัน ดอื ปัน ( Pukulan Depan) การเคลอ่ื นไหวอยูก่ ับที่ รปู ท่ี 1 รปู ที่ 2 รูปที่ 3 ใช้กระบวนท่าน่ังม้า (kuda สง่ หมัดขวายน่ื ไปขา้ งหนา้ kuda tangah sedang) แยก เมื่อสุดแขนแล้ว คว่�าหมัดลง ขาออก งอเขา่ เลก็ นอ้ ย แขนทงั้ สอง (ไหล่และแขนช่วยออกแรงตอ่ ย) ขา้ ง กา� หมดั พบั ศอกวางบรเิ วณเอว (หมัดหงาย) เทคนิคการซ้อมเพอ่ื การเคลอื่ นไหวไปข้างหนา้ ใช้กระบวนท่า กูดา-กูดา ดือปัน เซรอง ( Kuda-Kuda depan serong) รูปท่ี 4 รูปที่ 5 รูปท่ี 6 กา้ วขาขวาไปขา้ งหนา้ (ขาขวา ขาซา้ ยวางหนา้ ขาขวาวางหลงั ขาขวาชดิ ขาซา้ ย งอเขา่ หนั ตวั งอเขา่ ขาซา้ ยเหยยี ดตรงเอยี งตวั ไป ย่อตัวลง แขนท้ังสองข้างป้องตัว เอียงไปทางขวา เลก็ นอ้ ย แขนขวา ข้างหน้าเล็กน้อย) พร้อมออกแรง พับศอกกา� หมัดวางบริเวณเอว มอื ตอ่ ยดว้ ยหมดั ขวา แขนซา้ ยพบั ศอก ตามองคู่ตอ่ สู้ แบมือป้องอก (ล�าตัวและเอวบิด ตามแรงต่อย) ซา้ ยแบมอื ปดิ หมดั ขวา 54 54 คมู่ อื ผ้ฝู กึ สอนกีฬาปันจกั สีลัต

คมู่ ือผู้ฝกึกาสรอนกกฬีฬาาปแันหจง่กั สปลี รัตะเทศไทย B เทคนคิ กำรตอ่ ย ปโู กลลัน ซ�ำเปง็ (Pukulan Samping) เทคนคิ ตอ่ ย ปโู กลลนั ซ�าเป็ง (Pukulan Samping) ตอ้ งใช้แขนเหวี่ยงหมดั จากข้างในลา� ตัวออกนอก ล�าตัว และใชบ้ ริเวณหลังมอื ในการตอ่ ย การซ้อมเทคนิคอยา่ งถูกวธิ ี คือ ใช้แขนข้างใดขา้ งหนึ่ง พับศอกมอื ก�าหมดั และวางหมดั บริเวณใตค้ าง แขนอีกข้าง (ขา้ งท่ีใช้ตอ่ ย) พบั ศอกโอบตัว มือกา� หมดั และวางหมัดใต้ใบห ู พรอ้ มเหวย่ี งแขนต่อย (ใชห้ ลังมือ ในการตอ่ ย) ออกแรงตอ่ ย โดยใชไ้ หลช่ ว่ ยเหวยี่ งหมดั เพอ่ื ใหส้ ามารถออกแรงไดด้ ี ดงั นน้ั ไมค่ วรเกรง็ ลา� ตวั ชว่ ยออก หมดั เนื่องจากจะทา� ใหเ้ สียพลงั งานโดยใชเ่ หต ุ และเสียความสมดุลของรา่ งกาย คู่มือผฝู้ กึ สอนกีฬาปันจกั สลี ัต 55 55

การกีฬาแหคมู่ ่งอื ปผฝู้ รึกะสเทอนศกไฬีทายปันจกั สลี ัต เทคนคิ กำรตอ่ ย ปโู กลลัน ซำ� เปง็ (Pukulan Samping) กำรเคล่ือนไหวอย่กู ับท่ี รปู ท่ ี 1 รูปที ่ 2 ยืนตัวตรง กางขาเล็กน้อย หันหน้าออกข้างตัว เหว่ียงแขนขวาต่อย (จากข้างในล�าตัวออกนอก แขนซ้ายป้องตัวมือก�าหมัดวางบริเวณคาง แขนขวา ล�าตวั ใชห้ ลงั มอื ต่อย) แขนซา้ ยกา� หมดั ป้องตวั พบั ศอกโอบลา� ตัว (ดงั รูป) เทคนคิ กำรซ้อมเพ่ือกำรเคลอ่ื นไหวไปขำ้ งหนำ้ ใช้กระบวนทำ่ กดู ำ-กูดำ ดือปนั เซรอง (Kuda-Kuda depan serong) รูปที ่ 3 รปู ท ่ี 4 รูปท ่ี 5 ขาซ้ายวางหน้า ขาขวาหลัง ขาขวาชิดขาซ้าย งอเข่าเล็ก ก้าวขาขวาไปขา้ งหน้า (งอเขา่ ขาซ้ายเหยียดตรงเอียงตัวมาข้าง ยอ่ ตวั ลง แขนทง้ั สองปอ้ งตวั สายตา นอ้ ย (เอยี งตวั ไปทางซา้ ย หันหนา้ หนา้ เลก็ นอ้ ย) พรอ้ มหวย่ี งแขนขวา มองคูต่ ่อสู้ ออกข้างตัว) แขนซ้ายก�าหมัดป้อง จากข้างในล�าตัว ออกต่อยนอก ตวั วางใตค้ าง แขนขวาโอบลา� ตวั กา� ลา� ตัว งอศอกเล็กน้อย (ดังรปู ) หมดั วางใกลใ้ บหู 56 56 ค่มู อื ผฝู้ ึกสอนกีฬาปนั จักสลี ัต

คู่มอื ผูฝ้ ึกกสอานรกกฬี าฬี ปนัาจแหักสง่ ีลตัประเทศไทย C. เทคนิคกำรต่อย ปโู กลลนั ซังโกล (Pukulan Sangkol) เทคนคิ การต่อย ปโู กลลัน ซังโกล (Pukulan Sangkol) หรอื เรยี กอีกช่ือวา่ เทคนิคการตอ่ ย อปั เปอร์ คัท (Upper cut) คอื การตอ่ ยกระทงุ้ จากลา่ งขึน้ บน ส่วนใหญเ่ น้นต่อยบรเิ วณ คาง ใบหนา้ ล้นิ ป่ี เปน็ ต้น แต่เทคนิคนี้ไม่นิยมน�ามาใช้ในการเข่งขันประเภทต่อสู้ ไม่ใช่เพราะเทคนิคท่ีไม่มีประสิทธิภาพ แต่การต่อยด้วยเทคนิคน้ี โอกาสต่อยโดนใบหน้ามีสูง ซึ่งการต่อยใบหน้าเป็นการต่อยท่ีผิดกติกา (กติกา การแขง่ ขนั ห้ามนักกฬี าต่อยหรอื เตะสงู ต้งั แต่ต้นคอถึงใบหนา้ ) เทคนิคการซ้อม ปูโกลลัน ซังโกล (Pukulan Sangkol) อย่างถูกวิธี คือ แขนข้างใดข้างหนึ่งแบมือ ป้องตัว ส่วนอีกข้างหนึ่ง มือก�าหมัดวางบริเวณใต้เอวเอียงตัวตามหมัดเล็กน้อย ส่งหมัดจากเอวกระทุ้งต่อย ขนึ้ บนเอวและล�าตัวบิดตามแรงตอ่ ยหมัด คู่มือผ้ฝู ึกสอนกฬี าปันจกั สีลัต 57 57

การกฬี าแหคูม่ ง่ ือปผ้ฝู รกึ ะสเทอนศกไีฬทายปนั จักสลี ัต เทคนิคกำรตอ่ ย ปูโกลลนั ซังโกล (Pukulan Sangkol) กำรเคลอื่ นไหวอยู่กับที่ รปู ที ่ 1 รปู ท ี่ 2 แขนซ้ายแบมือป้องตัว แขนขวาก�าหมัดวาง กระทุง้ แขนขวา จากดา้ นล่าง (เอว) ขึน้ บน (ลา� ตวั บรเิ วณใตเ้ อว (วางหมดั เลยลา� ตวั เลก็ นอ้ ย) แยกขาออก หรือใบหน้า) หมัดหงาย แขนซ้ายป้องตัว ล�าตัวและ ย่อเขา่ ล�าตวั กม้ ลงตามหมัด เอวบดิ ตามแรงต่อย เทคนิคกำรซ้อมเพอื่ กำรเคล่อื นไหวไปข้ำงหน้ำ ใชก้ ระบวนทำ่ กดู ำ-กดู ำ ดือปัน เซรอง (Kuda-Kuda depan serong) รูปท ่ี 3 รูปที่ 4 รปู ท ี่ 5 ขาซา้ ยวางหนา้ ขาขวาวางหลงั ขาขวาชิดขาซ้าย ล�าตัวเอียง กา้ วขาขวาไปขา้ งหนา้ (ขาขวา งอเขา่ ขาซา้ ยเหยยี ดตรงเอยี งตวั ไป ยอ่ ตวั ลง แขนทง้ั สองปอ้ งตวั สายตา ตามขาขวา งอเขา่ แขนขวางอศอก ข้างหน้า) พร้อมกระทุ้งหมัดขวา มองคู่ต่อสู้ มอื กา� หมดั วางบรเิ วณเอว แขนซา้ ย ต่อยขึ้น (สูงระดับไหล่) แขนซ้าย แบมอื ปิดหมัดขวา แบมอื ปอ้ งตวั 58 58 คู่มือผูฝ้ ึกสอนกีฬาปันจักสลี ตั

คูม่ อื ผู้ฝึกกสอานรกกีฬาีฬปันาจแหักส่งีลัตประเทศไทย D. เทคนคิ กำรต่อย ปูโกลลนั ลงิ กรั (Pukulan Lingkar) เทคนิคการต่อย ปูโกลลัน ลิงกัร (Pukulan Lingkar) คือการต่อยหมัดด้วยวิธีการเหว่ียงแขนจาก ขา้ งลา� ตวั เข้าในลา� ตัว ไหล่และเอวช่วยออกแรงเหวยี่ งเพอื่ ให้การตอ่ ยสมบรู ณ์ เทคนคิ นไ้ี มน่ ยิ มนา� มาใช้ในการแข่งขนั ประเภทต่อสเู้ ช่นเดียวกนั กบั เทคนคิ การตอ่ ย ปโู กลลนั ซังโกล (Pukulan Sangkol) สาเหตุท่ีไม่นิยมเนื่องจากการท่ีต้องเหวี่ยงแขนจากนอกล�าตัว ท�าให้ออกหมัดช้า คู่ต่อสู้ อาจจบั ทางและตอบโต้ได้ทนั แต่หากนักกีฬาสามารถฝึกฝนได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ การต่อยวอ่ งไว ก็สามารถ น�ามาใชใ้ นการแข่งขันไดเ้ ช่นเดียวกนั การตอ่ ย ปโู กลลัน ลงิ กรั (Pukulan Lingkar) อยา่ งถกู วิธ ี คอื แขนพับศอก มือกา� หมัด กางแขนออก นอกล�าตัวท�ามุม 90 องศา ออกแรงหมัดจากแรงเหว่ียงของไหล่ และเอวช่วยบิดให้หมัดออกแรงได้อย่าง หนกั แนน่ แขง็ แรง มปี ระสทิ ธภิ าพมากขน้ึ อวยั วะทใี่ ชต้ อ่ ย คอื นว้ิ ชแี้ ละนวิ้ กลาง เทคนคิ น ้ี นกั กฬี าสามารถตอ่ ย ข้างลา� ตวั หรอื บรเิ วณด้านหลังของคู่ต่อส้ไู ด ้ คูม่ ือผฝู้ กึ สอนกีฬาปันจักสีลตั 59 59

การกฬี าแหคมู่ ง่ อื ปผ้ฝู รกึ ะสเทอนศกไีฬทายปนั จกั สลี ตั เทคนคิ กำรตอ่ ย ปโู กลลัน ลงิ กัร (Pukulan Lingkar) กำรเคล่ือนไหวอย่กู ับท่ี รปู ที ่ 1 รูปท่ ี 2 แขนขวาพับศอก ทา� มมุ 90 องศา มือก�าหมดั กาง เหว่ียงหมัดขวาต่อยเข้าในลา� ตวั ไหลแ่ ละเอวบดิ แขนออกนอกลา� ตวั แขนซา้ ยพบั ศอกแบมอื ปอ้ งตวั หนั ตามแรงตอ่ ย ขาซ้ายเอยี งออกซา้ ยเล็กน้อย หน้ามองตามหมัด กางขาเล็กน้อย เทคนิคกำรซ้อมเพอ่ื กำรเคล่อื นไหวไปข้ำงหน้ำ ใช้กระบวนท่ำ กดู ำ-กดู ำ ดอื ปัน เซรอง (Kuda-Kuda depan serong) รปู ท ี่ 3 รูปท ่ี 4 รูปที่ 5 ขาซา้ ยวางหนา้ ขาขวาวางหลงั ขาขวาชิดซ้าย เอยี งตวั ไปทาง กา้ วขาขวาไปขา้ งหนา้ (ขาขวา งอเข่า ขาซ้ายเหยียดตรง เอียงตัว ย่อตัวลง แขนทั้งสองข้างป้องตัว ขวา แขนขวากา� หมัดพับศอก แขน ไปข้างหน้า) พร้อมออกแรงเหวี่ยง ตามองคู่ตอ่ สู้ ซ้ายก�าหมดั ป้องตวั (ดังรปู ) แขนต่อยเข้าในล�าตัว แขนซ้าย ปอ้ งตวั ไหลแ่ ละเอวบดิ ตามแรงตอ่ ย 60 60 ค่มู อื ผ้ฝู ึกสอนกฬี าปนั จกั สลี ตั

คู่มอื ผฝู้ ึกกสอานรกกฬี าฬี ปันาแจหกั สง่ ลี ปตั ระเทศไทย 3.5.2 เทคนคิ กำรศอก ซีกวู ัน (Sikuan) เทคนิคการศอก ซีกูวัน (Sikuan) หรือ เทคนิคการศอก เป็นเทคนิคท่ีใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อ คตู่ อ่ สเู้ ขา้ ประชดิ ตวั หรอื เขา้ ใกล ้ เนอ่ื งจากตอ้ งพบั ศอกจงึ เปน็ อาวธุ ทสี่ นั้ แตม่ คี วามแขง็ แรงและอนั ตรายส�าหรบั ผทู้ โี่ ดนศอก การศอกเป็นอาวุธทีอ่ ันตราย ผู้ทโ่ี ดนศอกจะเกิดอาการบาดเจ็บ กล้ามเนือ้ อักเสบ กระดูกร้าว จนถึง ขั้นแตกหักได้ และสามารถนา� มาใช้ในการแข่งขนั ประเภทตอ่ ส้ ู แตต่ ้องระวงั ไมใ่ ห้ศอกสงู จนเกนิ ไป โดยเฉพาะ บรเิ วณใบหน้า เทคนคิ ศอก จะใชไ้ ดด้ หี ากนกั กฬี าใชก้ ารศอกตง้ั รบั กลา่ วคอื เมอ่ื คตู่ อ่ สเู้ ตะใหน้ กั กฬี าตอบโตด้ ว้ ยการ ศอกบรเิ วณขา บรเิ วณทม่ี กั จะโดน คอื เทา้ ขอ้ ขา และหนา้ แขง้ เมอื่ คตู่ อ่ สโู้ ดนศอกจะเกดิ อาการบาดเจบ็ นกั กฬี า จะได้เปรียบในการแข่งขัน แต่ทั้งน้ี นักกีฬาก็ควรฝึกฝนเทคนิคการศอกอย่างจริงจัง เน้นในเรื่องของปฏิกิริยา โตต้ อบ ความม่นั ใจในการออกอาวุธ และความยดื หย่นุ ของกล้ามเนือ้ ขา (เพอ่ื การถอยหลบอย่างวอ่ งไว) เทคนคิ การศอกในกีฬาปันจักสลี ัต นิยมนา� มาใชม้ ี 2 กระบวนทา่ คอื เทคนคิ การศอก ซกี ูวัน ซ�าเปง็ ดาลัม (Sikuan Samping Dalam) และ ซกี วู ัน ตูซุก ซา� เปง็ (Sikuan Tusuk Samping) กระบวนท่านั่งม้า กดู า กูดา ตอื งะห์ รีงัน (Kuda kuda tengah Ringan ) เป็นกระบวนท่าซง่ึ นกั กฬี า ตอ้ งนา� มาใชใ้ นเทคนคิ การศอก เพอ่ื การเคลอื่ นไหวอยกู่ บั ท่ี และเมอ่ื นกั กฬี ารวู้ ธิ กี ารศอกอยา่ งถกู วธิ แี ลว้ จงึ เรม่ิ ฝกึ ซอ้ มดว้ ยการเคลอ่ื นไหวแบบกา้ วไปขา้ งหนา้ ข้อแนะนา� ส�าหรบั การศอก ซีกวู นั ซ�าเป็ง ดาลัม (Sikuan Samping Dalam) นักกฬี าควรกางขอ้ ศอก ออกนอกลา� ตวั (ดงึ ศอกเลยไปขา้ งหลงั ) เพอื่ สามารถเกรง็ ขอ้ ศอก ออกอาวธุ ไดอ้ ยา่ งแขง็ แรง หนกั แนน่ ไหลแ่ ละ เอวบิดตามแรงศอกเพ่อื ความสมบรู ณ์ และมีประสิทธภิ าพ สา� หรับการศอก ซีกูวนั ตซู กุ ซา� เป็ง (Sikuan Tusuk Samping) เทคนิคกระบวนท่านัง่ มา้ เปน็ เทคนิค เดยี วกนั กบั เทคนิคการศอก ซกี ูวนั ซา� เป็ง ดาลมั (Sikuan Samping Dalam) จะแตกตา่ งกนั ตรงที่ข้ันตอนศอก กล่าวคือ การศอก ซกี ูวนั ตซู กุ ซา� เป็ง (Sikuan Tusuk Samping) ใชแ้ ขนท้ังสองปดิ ป้องตัว ข้างที่ศอกวางบน แขนขา้ งทไ่ี มศ่ อก และออกแรงเหวี่ยงแขนศอกเต็มแรง ค่มู อื ผู้ฝึกสอนกฬี าปนั จักสลี ตั 61 61

การกฬี าแคหมู่ ่งอื ผปฝู้ รึกสะเทอนศกไฬี ทาปยนั จกั สีลัต เทคนิค ซีกวู ัน ซำ� เปง็ ดำลัม (Sikuan Samping Dalam) กำรเคลื่อนไหวอยู่กบั ที่ รูปที่ 1 รปู ที่ 2 ใชก้ ระบวนทา่ นง่ั มา้ กดู ากดู า ตอื งะห ์ รงี นั (Kuda เหวี่ยงแขน ศอกจากข้างล�าตัวเข้าในล�าตัว kuda tengah ringan) แขนขวาพับศอกดึงศอกออก อยา่ งเตม็ แรง ไหลแ่ ละเอวบดิ ตามการเหวยี่ ง แขนซา้ ย นอกลา� ตวั กา� หมดั (หมดั ควา่� ) แขนซา้ ยพบั ศอกแบมอื แบมือป้องล�าตัว ขาทั้งสองข้างเอียงไปทางซ้าย วางทาบกบั หมดั ขวา ไหลแ่ ละเอวเอยี งตามศอก เล็กน้อย เทคนิคกำรซอ้ มเพ่อื กำรเคลอื่ นไหวไปข้ำงหน้ำ ใช้กระบวนทำ่ กูดำ-กดู ำ ดอื ปนั เซรอง (Kuda-Kuda depan serong) รปู ท่ี 3 รปู ที่ 4 รปู ท่ี 5 ขาซา้ ยวางหนา้ ขาขวาวางหลงั ขาขวาชดิ ขาซา้ ย งอเข่า เอียง กา้ วขาขวาไปข้างหนา้ (งอเข่า ย่อตัวลง แขนทั้งสองป้องตัว ขาไปทางซา้ ยเลก็ นอ้ ย พบั ศอกซา้ ย ขาซ้ายเหยียดตรง เอียงตัวไปข้าง ตามองคูต่ อ่ สู้ ดึงศอกออกนอกล�าตัว มือก�าหมัด หนา้ เลก็ นอ้ ย) พรอ้ มออกแรงเหวย่ี ง แขนขวาพับศอกแบมือ วางทาบ ศอกซา้ ย (จากขา้ งลา� ตวั เขา้ ในลา� ตวั หมัดซา้ ย เต็มแรง) ไหล่และเอวบิดตาม แขนขวาแบมอื ปอ้ งตัว 62 62 คมู่ ือผู้ฝึกสอนกีฬาปนั จักสีลตั

คู่มือผูฝ้ กึ กสอานรกกฬี าีฬปันาจแหกั สง่ ีลปัต ระเทศไทย เทคนิค ซกี วู นั ตซู ุก ซำ� เปง็ (Sikuan Tusuk Samping) กำรเคล่อื นไหวอยู่กบั ท่ี รูปที ่ 1 รูปท ี่ 2 ใชก้ ระบวนทา่ นงั่ มา้ กดู ากดู า ตอื งะห ์ รงี นั (Kuda เหวี่ยงแขนท้ังสองข้างพร้อมกัน โดยแขนขวา kuda tengah ringan) แขนทง้ั สองข้างพบั ศอก แขน เหวยี่ งศอก แขนซา้ ยพบั ศอกวางหมดั บรเิ วณเอว (หมดั ขวาวางบนแขนซา้ ย (ขวาศอก) มือทงั้ สองขา้ งกา� หมัด หงาย) หนา้ หนั ออกขา้ งล�าตวั กางขาเลก็ น้อย เทคนิคกำรซ้อมเพ่อื กำรเคล่อื นไหวไปขำ้ งหน้ำ ใช้กระบวนทำ่ กดู ำ-กูดำ ตอื งะห์ (Kuda-Kuda tengah) รูปที ่ 3 รปู ที ่ 4 รปู ท ี่ 5 ขาซา้ ยวางหนา้ ขาขวาวางหลงั ขาขวาชดิ ขาซา้ ย (หมนุ ตวั 180 กา้ วขาขวาออกขา้ งลา� ตวั ขาทงั้ ย่อตัวลง แขนท้ังสองข้างป้องตัว องศา) งอเข่าเล็กน้อย แขนท้ังสอง สองข้างงอเข่า แขนซ้ายผลัก สายตามองคูต่ ่อสู้ พับศอก มือขวาก�าหมัด (ขวาศอก) ศอกขวา ใช้ไหล่ช่วยออกแรงศอก มอื ซา้ ยแบมอื วางทาบบนหมดั ขวา เพอ่ื ความแขง็ แรงยงิ่ ขน้ึ หนา้ หนั ออกขา้ งขวา คูม่ ือผูฝ้ ึกสอนกฬี าปันจักสลี ัต 63 63

การกีฬาแคหู่มง่ อื ผปู้ฝรึกสะเทอนศกไฬี ทายปนั จักสลี ัต 3.5.3 เทคนิคกำรเตะ ตนึ ดังงนั (Tendangan) คอื เทคนคิ การเตะเปน็ เทคนคิ ทนี่ ยิ ม นา� มาใชใ้ นการแขง่ ขนั กฬี าปนั จกั สลี ตั ประเภทตอ่ สู้ มากทส่ี ุด นกั กีฬาสามารถท�าคะแนนจากการเตะได ้ 2 คะแนนเมือ่ เตะโดน บรเิ วณเปา้ หมายที่กา� หนด จากประสบการณ์การแขง่ ขนั ปันจักสลี ตั ทีผ่ ่านมา สงั เกตไุ ดว้ ่า นักกฬี าสามารถเอาชนะ คู่แข่ง ดว้ ย เทคนคิ การเตะ มากทสี่ ุด การเตะจงึ เป็นเทคนิคท่ีไดร้ บั ความนิยมน�ามาใช้ในการแข่งขนั ตลอดมา ท้งั นเี้ ทคนิคการเตะในกีฬา ปันจกั สลี ัต มมี ากมายหลายกระบวนท่า แลว้ แต่วา่ นกั กฬี าจะน�าเทคนคิ ใดมาใชใ้ ห้ เหมาะสมกับความถนัดของตนเอง การเตะใช้อวัยวะส่วนขามากท่ีสุด พร้อมกับใช้ ล�าตัว เอว และก้นช่วยบิดส่งแรงเตะให้ สมบรู ณแ์ ละแขง็ แรงมากขึ้น วธิ กี ารเตะทถี่ กู วิธ ี คอื ตอ้ งยกเขา่ ขน้ึ สูงกว่าเอวเล็กนอ้ ย กอ่ นส่งขาเตะและเมือ่ เตะแล้วก็ ใหพ้ บั เขา่ กลบั เหมอื นเดมิ กอ่ นวางขาลงพนื้ แตห่ า้ มยกเขา่ สงู หรอื ตา�่ กวา่ เอวมากจนเกนิ ไป เนอ่ื งจากหากยกเขา่ สูงหรือต�่ากว่าเอวมากๆ จะทา� ใหก้ ารเตะไม่มแี รง และออกตวั ชา้ การเตะท่ีผิดวิธ ี จะทา� ให้นักกฬี าเกิดอาการบาดเจ็บบรเิ วณ เข่า เนอ่ื งจากการเตะด้วยการ ออกแรงเกร็งเขา่ มากเกินไป ซง่ึ การเตะทีด่ ีไมค่ วรเตะเหยียดเข่าตึง ควรงอเขา่ เลก็ น้อย ออกแรงเกร็งท้งั ขาไม่ใช่ ออกแรงเฉพาะเข่าอย่างเดยี ว หากเตะไปนานๆ จะทา� ใหเ้ กดิ อาการบาดเจ็บ เรื้อรัง นกั กฬี าสามารถสงั เกตุได้ โดยเมอื่ ลกุ น่งั จะมีอาการเจ็บบริเวณเข่า และกลา้ มเนือ้ หลังขอ้ เข่า ทา� ให้ต้องใช้เวลาในการรกั ษานาน และ ขาอาจจะไม่สามารถออกก�าลงั กายไดต้ ามปกติ ลา� ดับการฝึกซ้อมอย่างถูกวิธ ี ควรเร่มิ ต้นด้วยการเตะแบบสง่ ขาช้าๆ กอ่ น เริม่ ด้วยยกเข่า พับขาเขา้ ใกลต้ วั เรมิ่ ออกตัวสง่ ขาเตะช้าๆ เมือ่ สดุ ขา (งอเข่าเล็กนอ้ ย) กพ็ ับกลบั และวางขาอยา่ งช้าๆ แตท่ ั้งนี้ หากนกั กีฬาอยู่ภายใต้การดูแลของผ้เู ชี่ยวชาญ กจ็ ะท�าให้การเตะสมบูรณไ์ ด้เรว็ ยิ่งข้นึ 64 64 คู่มอื ผู้ฝึกสอนกีฬาปันจกั สีลตั

การกฬี าแหง่ ประเทศไทย คู่มือผู้ฝกึ สอนกฬี าปันจักสลี ตั รปู ท่ ี 1 เทคนคิ กำรเตะที่ผดิ วิธี การเตะดว้ ยการเหยยี ดเขา่ ตงึ มากจนเกนิ ไป จะทา� ใหก้ ารเตะไมม่ แี รง และออกตวั ชา้ ไปจนถงึ จะทา� ใหเ้ กดิ อาการบาดเจบ็ บรเิ วณเขา่ และกล้ามเนอ้ื ใต้เขา่ เรือ้ รังได้ รูปท่ ี 2 เทคนิคกำรเตะที่ถกู วธิ ี การเตะอย่างถูกวธิ ี คอื ไมเ่ หยยี ดเขา่ ตึงจนเกนิ ไป ควรงอเข่าเล็กนอ้ ย ออกแรงเกรง็ ขาท้ังขา ลา� ตัว เอว ก้น ไปจนถงึ การเกรง็ เท้า จะท�าให้ออกอาวธุ เตะได้หนกั แน่น รวดเร็ว และสามารถดึงขากลไับดไท้ดนัท้ ทัน่วทงว่ทงี ที คูม่ ือผฝู้ ึกสอนกีฬาปันจักสลี ัต 65 65

การกีฬาแคหมู่ ่งอื ผปฝู้ รึกสะเทอนศกไฬี ทายปนั จกั สลี ัต A เทคนิคกำรเตะ ตึงดันงนั ลูรสู (Tendangan Lurus) เปน็ ที่รูจ้ ักกันในชือ่ เทคนิค การเตะ ฟรอนท ์ คิก (Front kick) เป็นกระบวนทา่ เตะที ่ งา่ ยต่อการน�ามา ใช้ เป็นทา่ เตะพืน้ ฐานของกีฬาศิลปะต่อส้ปู ้องกันตัวประเภทอนื่ ๆ ด้วย การเตะ ลรู ูส (Lurus) เปน็ เทคนคิ การเตะไปขา้ งหนา้ อนั ดับแรก ใหย้ กเข่าขน้ึ สงู กว่าเอวเลก็ น้อย และ ส่งขาเตะไปขา้ งหน้า โดยน้วิ เทา้ งอช้ีขึ้นขา้ งบน (ปอ้ งกนั การหกั ของน้วิ เท้า เมือ่ ปะทะกับคู่ต่อส้)ู และขณะเตะก็ ไมค่ วรออกแรงเกร็งหรือออกแรงเหยยี ดเข่าตงึ จนเกนิ ไป เพราะจะทา� ใหเ้ กดิ อาการบาดเจบ็ บรเิ วณเข่าได้ การออกแรงเตะอยา่ งถกู วธิ ี คอื การออกแรงเกรง็ เตะทง้ั ขา ลา� ตวั เอว กน้ ชว่ ยสง่ แรงบดิ และชว่ ยใหก้ าร เตะแข็งแรง ออกตวั ไดอ้ ย่างรวดเร็ว บรเิ วณเปา้ หมายส�าหรบั นกั กฬี าทมี่ คี วามถนดั ในการเตะ ลรู สู (Lurus) คอื บรเิ วณล�าตวั ทอ้ ง ไปจนถงึ ใบหนา้ แต่อยา่ ลืมวา่ กตกิ าการแข่งขัน กีฬาปนั จกั สีลัต หา้ มเตะสูง โดยเฉพาะบริเวณใบหนา้ ขั้นท่ ี 1 ขั้นที่ 2 ยกเขา่ ขวาสงู กว่าเอวเลก็ น้อย กระดกน้ิวเท้าชีข้ ้นึ สง่ ขาขวาเตะไปขา้ งหนา้ ยอ่ เขา่ เลก็ นอ้ ยไมเ่ หยยี ด (ปอ้ งกนั อาการบาดเจบ็ หรือหักเมื่อปะทะ) เข่าตึงจนเกินไป เกร็งนิ้วเท้าชี้ขึ้นไปข้างบน ออกแรง ช่วยตงั้ แต่ ลา� ตวั เอว ก้นไปจนถงึ ขาทง้ั ขา แขนท้ังสอง ปอ้ งตวั ดังรูป 66 66 คมู่ ือผูฝ้ ึกสอนกฬี าปนั จกั สลี ตั

คมู่ ือผูฝ้ กึ กสอานรกกฬี ฬีาปาันแจหกั สง่ ลี ปัต ระเทศไทย B เทคนคิ กำรเตะ ตึงดนั งนั ซำบติ (Tendangan Sabit) เปน็ ท่รี ู้จกั กันในชอ่ื เทคนิค การเตะ ราวด ์ คกิ (Round kick) เป็นกระบวนทา่ เตะท่ตี อ้ งเตะบริเวณขา้ ง ลา� ตัวของคตู่ อ่ สู้ และเป็นกระบวนท่าเตะพนื้ ฐานของกีฬาศิลปะตอ่ สู้ปอ้ งกนั ตวั ประเภทอ่ืน ๆ ด้วยเชน่ เดยี วกนั เทคนิค การเตะ ซาบติ (Sabit) เปน็ การเตะออกขา้ ง ต้องบิดเอวช่วยเปลี่ยนทิศทางขา ซึ่งกอ่ นเตะขา จะตรงหาคูต่ อ่ ส ู้ แตเ่ มอื่ ต้องการเตะใหบ้ ิดเอวเปลีย่ นทิศทางล�าตัวและขา ใหห้ ันข้างให้คูต่ อ่ สูแ้ ทน แล้วคอ่ ยสง่ ขาเตะ เหยียดขาตงึ (งอเข่าเล็กน้อย) พรอ้ มเหยียดข้อขา เนอื่ งจากบริเวณหนา้ เทา้ เป็นบรเิ วณทีป่ ะทะกับคู่ตอ่ สู้ ต้องใช้ล�าตัว เอว และกน้ ช่วยบดิ เพื่อให้การเตะะมมคี คี ววาามมแเข็งแรง ออกตัวเร็ว และสามารถพับขากลบั ได้ อย่างรวดเร็วอีกดว้ ย ส�าหรบั การเตะ ซาบติ (Sabit) ในการแข่งขนั กีฬา ปนั จกั สีลตั ประเภทตอ่ ส ู้ เป็นการเตะท่จี ับขาไดง้ า่ ย มากทสี่ ดุ หากไมม่ คี วามวอ่ งไว และแขง็ แรงของกลา้ มเนอ้ื ขาแลว้ นกั กฬี าอาจโดนจบั ขาและโดนทา� ลม้ จนตอ้ ง เสยี คะแนนได้ในทสี่ ดุ ขัน้ ท ี่ 1 ขัน้ ท ี่ 2 ข้นั ท ่ี 3 ยกเข่าขน้ึ สงู กวา่ เอวเลก็ น้อย บิดเอว และล�าตัวเพื่อเปล่ียน สง่ ขาขวาเตะไปข้างหน้า ดว้ ย ทิศทางลา� ตัว (ขาซ้ายบิดตาม วิธีการเหยียดตึงข้อขา เพ่ือให้ เล็กน้อยเพือ่ การทรงตวั ท่ีด ี ดังรปู ) บริเวณหน้าเท้าเป็นบริเวณท่ีโดน คู่ต่อสู้ แขนท้ังสองข้างป้องตัว (ดงั รูป) คูม่ อื ผ้ฝู ึกสอนกีฬาปนั จกั สลี ัต 67 67

การกฬี าแคหมู่ ่งือผป้ฝู รึกสะเทอนศกไฬี ทายปันจักสลี ตั C เทคนคิ กำรเตะ ตึงดันงัน เต้ (Tendangan “T”) เปน็ ท่รี ้จู กั กันในชือ่ เทคนคิ การเตะ ไซด์ คกิ (Side kick) เป็นกระบวนท่าเตะที่ใชข้ ้างฝ่าเท้าเตะ และ เป็นกระบวนท่าเตะพ้ืนฐานของกีฬาศิลปะต่อสู้ป้องกันตัวประเภทอ่ืนๆ เช่นเดียวกันกับ ท่าเตะ ลูรูส (Lurus) และท่าเตะ ซาบติ (Sabit) เทคนคิ น ี้ เปน็ เทคนคิ ทน่ี ยิ มน�ามาใชใ้ นการแขง่ ขนั กฬี าปนั จกั สลี ตั ประเภทตอ่ สมู้ ากทส่ี ดุ เนอ่ื งจากเปน็ ท่าเตะท่ีมมคี ีคววาามมแแขขง็ ็งแแรรงงกกววา่ ท่าท่าเ่าตเะตอะน่ื อๆื่น แๆลแะลเปะน็ เปท็น่าเทต่าะเทตี่คะูต่ ทอ่ ่ีคสู่ตู ้ จ่อบั สขู้ าจยับาขกาทยส่ี าุดก ทเพี่สรุดาะเทพ่ารเาตะทน่า้สี เาตมะานร้ีสถดามึงขาารกถ ลดับงึ ขไาดก้อลยบัา่ งไดรว้อดยเา่รงว็ ร แวดลเะรงว็ า่ แยลตะ่องกา่ ายรตห่อลกบาหรลหกีล บหลีก นักกีฬาส่วนใหญ่จึงพยายามฝึกฝน กระบวนท่าเตะน้ีเพื่อให้เกิดความช�านาญ เป็นท่าเตะประจ�าตัว เนื่องจากจะได้เปรียบคแู่ ขง่ ขนั อยู่มากหากช�านาญดว้ ยกระบวนท่าเตะเต ้ “T” (side kick) น้ี เทคนคิ การเตะ เต้ “T” (side kick) เร่ิมตน้ ด้วยการยกเข่าขึน้ สงู กวา่ เอวเลก็ น้อย บดิ ล�าตวั และเอวเพ่ือ เปล่ียนทศิ ทางล�าตวั (จากหนั หน้าเข้าหาคู่ตอ่ ส ู้ เป็นออกข้างให้คตู่ อ่ สู้) ขาบิดตามการหมนุ เอวเพอ่ื การทรงตัวที่ ดี กอ่ นส่งขาเตะไปขา้ งหนา้ ให้หงายขา้ งฝ่าเทา้ ขนึ้ (เน่อื งจากขา้ งฝา่ เทา้ เปน็ บรเิ วณท่ปี ะทะกบั คูต่ อ่ ส)ู้ ออกแรง เกร็งขาทง้ั ขาไปจนถงึ เกร็งบิดฝา่ เทา้ เพ่อื การเตะทีแ่ ข็งแรง ออกตัวเรว็ และสามารถพับกลบั มาไดเ้ ร็ว (ไม่ควร เหยียดเขา่ ตึงมากจนเกนิ ไป ควรงอเข่าเลก็ น้อย) เทคนคิ ที่นกั กีฬามกั กระทา� ผดิ วธิ ี คือ นักกฬี ามกั เตะโดยไมพ่ บั เขา่ กอ่ นส่งขาเตะจนถงึ ไมพ่ บั เข่าหลัง จากเตะแล้ว และมักเตะเป็นท่าเตะ ซาบิต (Sabit ) แทนเนื่องจากวิธีการเตะคล้ายกันแต่ การเตะซาบิต (Sabit) จะง่ายกวา่ การเตะเต้ “T” (side kick) 68 68 คมู่ อื ผฝู้ กึ สอนกีฬาปันจกั สลี ตั

คู่มอื ผู้ฝึกกสอานรกกฬี ีฬาปานั แจหกั สง่ ลี ปัต ระเทศไทย เทคนิคการเตะ ตงึ ดันงัน เต้ (Tendangan “T”) รปู ที่ 1 รูปท่ี 2 ยกเข่าข้ึน สูงกวา่ เอวเล็กนอ้ ย บิดเอว ลา� ตัว ก้นเพ่ือเปล่ียนทิศทางขา (จากหัน หนา้ เปน็ หันข้าง บดิ ขาซา้ ยเล็กนอ้ ยเพอื่ ช่วยทรงตวั รูปที่ 4 รูปท่ี 3 รูป การเตะอยา่ งถกู วธิ ี จากดา้ นหน้า ส่งขาเตะไปข้างหน้า ด้วยวิธีการหงายฝ่าเท้าข้ึน เหยยี ดขาตรง งอเข่าเล็กน้อย แขนท้ังสองข้างปอ้ งตัว คมู่ อื ผ้ฝู กึ สอนกฬี าปันจกั สลี ตั (ดังรปู ) 69 69

การกีฬาแหคู่ม่งอื ปผฝู้ รึกะสเทอนศกไีฬทายปันจกั สลี ัต D เทคนิคกำรเตะ ตึงดนั งัน จอื จกั (Tendangan Jejag) เทคนคิ การเตะ จือจกั (Jejag) เปน็ เทคนิคการเตะท่ีมีความเปน็ เฉพาะตัวของกีฬาปันจกั สีลตั เท่านน้ั ศิลปะการต่อสปู้ ้องกันตวั ประเภทอืน่ ยังไมเ่ ปน็ ทรี่ ้จู ักมากนัก และเทคนคิ นีไ้ ดเ้ ขา้ มาเปน็ ที่นิยมใชใ้ นการแข่งขัน เชน่ เดียวกับการเตะประเภท เต ้ “T” (side kick) รปู แบบการเตะของเทคนคิ น ้ี จะคลา้ ยกบั การเตะ ลรู สู (Lurus) คอื การพบั เขา่ ขนึ้ สงู กวา่ เอว กม้ ตวั เลก็ นอ้ ยเพอ่ื ช่วยในการทรงตัว พรอ้ มส่งขาเตะโดยชส้ี ้นเท้าขึน้ เนือ่ งจากส้นเท้าหรือฝา่ เท้า เปน็ บริเวณที่ปะทะกับ คตู่ อ่ ส้ ู (ใช้สน้ หรอื ฝ่าเท้าถีบลา� ตัวค่ตู ่อสู้) และเมอื่ เตะแล้วล�าตวั จะเอนหลงั เลก็ นอ้ ย กำรเตะ ตงึ ดันงัน จอื จกั (Tendangan Jejag) ขน้ั ที่ 1 ขัน้ ที่ 2 ยกขาขวาข้ึนสูงกว่าเอว งอเข่า และหงาย ส่งขาเตะไปข้างหน้า (ส้นเท้าหรือฝ่าเท้าเป็น ส้นเท้าขึ้น (ขาซ้ายงอเข่าเล็กน้อยเพ่ือการทรงตัว) บริเวณที่เตะหรือถีบคู่ต่อสู้) ขณะเตะล�าตัวเอียงหลัง แขนทั้งสองปอ้ งตัว (ดงั รูป) เลก็ นอ้ ยเพื่อการทรงตวั (ดังรูป) 70 70 คมู่ ือผู้ฝึกสอนกฬี าปันจกั สลี ตั

คู่มอื ผู้ฝึกกสอานรกกีฬาฬี ปนัาจแหักส่งีลปัต ระเทศไทย E เทคนคิ กำรเตะ ตนึ ดงั งนั บอื ลำกนั (Tendangan Belakang) เทคนิคการเตะ ตึนดงั งนั บอื ลากนั (Tendangan Belakang) หรอื รู้จกั กนั ในช่อื ว่า การเตะ แบค็กคกิ (Back kick) เปน็ การเตะที่ตอ้ งใชก้ ารหมนุ ตัว หันหลังเตะคตู่ อ่ ส ู้ ดังนัน้ นักกีฬาต้องหนั หลังให้คู่ต่อสู้ขณะเตะ และใช้ส้นหรือฝา่ เทา้ เป็นอวัยวะท่ีเกดิ การปะทะกับเป้าหมายของคู่ต่อสู้ เทคนิคการเตะวิธีน้ีเป็นเทคนิคการเตะที่ต้องใช้ความระมัดระวังในการซ้อมมากกว่าเทคนิคอ่ืนๆ เนอ่ื งจากการซ้อมผดิ วธิ ี จะก่อใหเ้ กดิ อาการบาดเจ็บบรเิ วณหลัง กน้ และกลา้ มเนอ้ื หนา้ ขาได้ การเตะวิธีน ี้ ตอ้ งใชแ้ รงเหยยี ดออกตวั ดนั ขา และเปน็ ท่าท่ีแขง็ แรงมากกวา่ ท่าเตะอืน่ ๆ เพราะนักกฬี า สามารถออกแรงชว่ ยเตะจากอวัยวะต่าง ๆ ในรา่ งกาย เช่น หมนุ ลา� ตัว หันไหล่ บิดเอว เอนหลงั และกน้ ชว่ ย ออกแรงดันเตะ เกรง็ แขนปอ้ งตวั และเหยยี ดส้นหรอื ฝา่ เท้า เพ่อื การเตะทส่ี มบูรณ์ หากนักกฬี าซ้อมเข้าคู่ต้อง ระวังในเร่ืองของการออกแรงมากเกนิ ไป เพราะอาจท�าให้หัวท่มิ หน้าหงายปักพน้ื ไดเ้ ชน่ กัน วธิ ีกำรเตะทนี่ กั กีฬำมักปฏบิ ตั ิผิดวธิ ี ดงั น้ี 1. ขณะหมุนตัว ถ้านักกีฬาหมุนตัวมากเกินไปหรือเตะหมุนตัวน้อยเกินไป จนเตะไม่โดนเป้าหมาย (คู่ต่อสู้) ที่เป็นเช่นน้ี เนื่องจากนักกีฬาไม่สามารถประมาณการยืนของคู่แข่งหรือ ขณะหมุนตัวไม่มองคู่ต่อสู้ ว่าอย่ตู า� แหน่งใด ท�าใหเ้ ตะไม่โดนค่ตู อ่ สู้ 2. ขณะหมุนตัว นักกีฬาหมุนตัวยังไม่เรียบร้อย (ไม่หมุนไหล่ตาม) แต่ส่งแรงเตะคู่ต่อสู้แล้ว เช่นน้ี จะท�าให้การเตะเอียงข้าง และเสยี การทรงตัว อาจทา� ใหน้ ักกฬี าล้มลงได้ 3. ขณะเหยียดขาเตะหากนักกีฬาไม่ก้มตัวหรือ ก้มหน้าเพียงเล็กน้อยก็ท�าให้ไม่สามารถทรงตัวได ้ เช่นเดยี วกนั หรือหากนกั กีฬาไม่ใช้ส้นในการเตะแตก่ ลบั ใช้ขา้ งฝา่ เทา้ แทน เช่น การเตะ Tendangan “T” (side kick) จะทา� ใหก้ ารเตะไมม่ ีแรง และอาจท�าให้เกิดอาการบาดเจ็บ บรเิ วณกลา้ มเนื้อขาได้ เพราะนกั กฬี าบดิ ขา ผดิ วธิ ี คมู่ อื ผฝู้ กึ สอนกฬี าปนั จกั สีลัต 71 71

การกีฬาแคหู่ม่งอื ผปู้ฝรกึ สะเทอนศกไฬี ทายปนั จกั สลี ตั การเตะ ตนึ ดังงัน บือลากนั (Tendangan Belakang) ขน้ั ท่ี 1 ขัน้ ท่ี 2 ขณะประจันหน้ากับคู่ต่อสู้ ให้หันหลัง ขาขวา ยกขาขวาขน้ึ เตรยี มเตะไปทางดา้ นหลงั กม้ ตวั ลง วางหน้า ขาซ้ายยกส้นเท้าขึ้น ย่อเข่าท้ังสองข้างเล็ก เลก็ น้อย เพอื่ การทรงตัว นอ้ ย แขนท้งั สองปอ้ งตัว (ดงั รปู ) ข้นั ท่ี 3 ส่งขาขวาเตะหลัง เหยียดขาตรงเพื่อการทรงตัว พร้อมก้มตัวลง (ย่ิงก้มต่�าก็จะย่ิงเตะสูงข้ึน) แขนท้ังสอง ป้องตัว (ดังรูป) 72 72 คมู่ ือผฝู้ ึกสอนกีฬาปนั จกั สีลัต

คมู่ ือผฝู้ ึกกสอานรกกฬี ีฬาปานั แจหกั สง่ ีลปัต ระเทศไทย 3.5.4 เทคนิคกำรเขำ่ ดงึ กู ลัน (Dengkulan) เทคนคิ การเตขะ่า ดึง ก ู ลนั (Dengkulan) หรือ เทคนิคการเข่า เปน็ เทคนคิ ท่ไี ดร้ ับความนิยมกนั มากขึ้น ในการแข่งขันปันจักสีลัต เนื่องจากสามารถท�าให้คู่ต่อสู้บาดเจ็บและได้คะแนน 2 คะแนน เม่ือเขต่ะาได้ตรง เปา้ หมาย คือ นักกีฬาเขา่ โดนบริเวณ ทอ้ ง หน้าอก และหลงั ของค่ตู ่อสู้ แตเ่ นอ่ื งจากการเขา่ เปน็ การออกอาวธุ ในระยะ ประชน้ั ชดิ เพราะเปน็ อาวธุ ทสี่ น้ั ผฝู้ กึ สอนจงึ ควรฝกึ ฝน อยางจรงิ จงั พร้อมทัง้ แนะน�าการเข่าอย่างถูกวิธี ได้แก่ ใหน้ ักกีฬาพบั เขา่ ยกขน้ึ เกร็งเข่าเปน็ อาวุธ ลอ็ คข้อเท้า เพื่อใหข้ ้อเท้าชล้ี งพ้นื ใหข้ อ้ เท้าอย่ใู นแนวเดียวกันกบั ล�าแขง้ (เพือ่ ปอ้ งกนั การบาดเจ็บขณะปะทะกับค่ตู อ่ สู้) ทั้งนี้ปันจักสีลัตอนุญาตได้แค่ยกขาขึ้นเข่า โดยห้ามไม่ให้จับหรือกดคอเข่า ห้ามใช้มือหรือแขนช่วย โน้มตวั คู่ต่อส้ ู เพราะถือวา่ กระท�าผดิ กตกิ า หรอื การเขา่ นนั้ ไม่เป็นคะแนน เทคนคิ การเข่าพืน้ ฐานมี 3 กระบวนท่า คือ เทคนิคการเขา่ ดงึ กู ลัน ดอื ปัน (Dengkulan Depan) เทคนิคการเข่า ดงึ กู ลัน ซา� เปง็ ดา ลัม (Dengkulan Samping Dalam) และ เทคนิคการเขา่ ดึง กู ลนั ซา� เป็ง ล ู วัร (Dengkulan Samping Luar) ดงั นี้ ค่มู ือผ้ฝู ึกสอนกีฬาปันจกั สีลัต 73 73

การกีฬาแหค่มู ่งือปผู้ฝรึกะสเทอนศกไีฬทายปันจกั สลี ัต A เทคนิค กำรเข่ำ ดงึ ก ู ลัน ดอื ปนั (Dengulan depan) เทคนิคการเข่านี้ เป็นเทคนิคการเข่าหน้า เร่ิมเกร็งแรงเข่าตั้งแต่พับเข่ายกข้ึน ใช้เข่าบริเวณล�าตัว ดา้ นหน้าคตู่ อ่ สู้ รปู ท ี่ 1 พับเข่าขวา ยกข้ึนเข่าไปข้างหน้า (ใช้เข่าบริเวณ ด้านหน้าล�าตัวคู่ต่อสู้) เอียงล�าตัวไปข้างหลัง เลก็ นอ้ ย (เพ่อื การทรงตัว แขนทง้ั สองปอ้ งตวั ดังรปู ) 74 74 คู่มอื ผู้ฝกึ สอนกีฬาปันจักสลี ตั

ค่มู อื ผูฝ้ ึกกสอานรกกฬี าีฬปนัาจแหักสง่ ีลัตประเทศไทย B เทคนิคกำรเขำ่ ดงึ กู ลัน ซ�ำ เป็ง ดำ ลำ� (Dengkulan Samping Dalam) เทคนคิ การเขา่ น ี้ ใชเ้ มอ่ื ตอ้ งการเขา่ ขา้ งลา� ตวั คตู่ อ่ ส ู้ และ สามารถเปน็ ไดท้ ง้ั การปอ้ งกนั ตวั จากการเตะ ของคู่ตอ่ สู ้ (เมอ่ื ค่ตู อ่ สูเ้ ตะข้างล�าตัวนกั กฬี า) วธิ กี ารเขา่ คอื ใหย้ กเขา่ ขน้ึ ขา้ งลา� ตวั และเหวย่ี งเขา่ เขา้ ในลา� ตวั เมอ่ื ตอ้ งการเขา่ บรเิ วณดา้ นหนา้ ลา� ตวั คูต่ ่อส ู้ หรอื ยกเขา่ กัน้ เพ่อื ปอ้ งกันตัวจากการเตะขา้ งของค่ตู อ่ สไู้ ดเ้ ชน่ เดยี วกนั ขัน้ ท่ี 1 พับเขา่ ขวา ยกขน้ึ ขา้ งลา� ตัว (สามารถเหว่ยี งเขา้ ในล�าตัวได้ เม่ือต้องการป้องกันล�าตัวจากด้านหน้า) ขาซ้ายงอเข่าเล็กน้อยเพื่อการทรงตัว แขนท้ังสอง ป้องตัว (ดงั รูป) คู่มอื ผู้ฝกึ สอนกีฬาปันจกั สลี ตั ขั้นท ี่ 2 เหวีย่ งขาขวาจากขา้ งลา� ตัว เข่าช้ีเข้าในลา� ตัวเมอื่ ต้องการป้องกันล�าตัวหรือต้องการเข่าล�าตัวคู่ต่อสู้ (เข่าขวาเมอ่ื ยกขา้ งลา� ตวั ต้องอยู่ในลกั ษณะขวางกับ ล�าตัว ดังรปู ) 75 75

การกีฬาแคห่มู ง่ อื ผปฝู้ รกึ สะเทอนศกไีฬทายปนั จกั สีลัต C เทคนิคกำรเข่ำ ดึง ก ู ลัน ซ�ำ เป็ง ลู วงั (Dengkulan Samping Luar) เทคนิคการเข่า ดึง กู ลัน ซ�า เป็ง ลู วัง (Dengkulan Samping Luar) เร่ิมต้นด้วยการยกเข่าวาง หน้าลา� ตวั และเหวี่ยงเขา่ ออกข้างลา� ตวั แตกต่างจาก เทคนิคการเข่า ดึง ก ู ลนั ซา� เปง็ ดาลัม (Dengkulan Samping Dalam) ซ่งึ เร่ิมต้นดว้ ยการยกเข่าจากขา้ งล�าตัวเหวย่ี งเข้าในล�าตัว เทคนิคนี้ ใช้เพื่อปัดขาคู่ต่อสู้ ซ่ึงเตะเข้าบริเวณล�าตัวนักกีฬาและนักกีฬายกเข่าเหว่ียงออกข้างเพ่ือ ปอ้ งกนั การเตะ ดังนัน้ ค่ตู อ่ สจู้ ะเตะไมโ่ ดนเปา้ หมาย การเตะไม่เป็นคะแนน ขั้นท่ี 1 พับเข่าขวา ยกเข่าขึ้นจากในล�าตัว แขนท้ังสอง ป้องตวั (ดังรปู ) ขนั้ ท ี่ 2 เหวี่ยงขาขวาจากในล�าตัวออกข้างล�าตัว (เพื่อ ปดั ขาคตู่ อ่ สอู้ อกขา้ งล�าตวั ) ขาซา้ ยงอเขา่ เลก็ นอ้ ยเพอ่ื การทรงตัว แขนทง้ั สองปอ้ งตวั (ดงั รปู ) 76 76 คู่มือผฝู้ ึกสอนกีฬาปนั จักสีลตั

คมู่ ือผู้ฝกึ กสอานรกกฬี ีฬาปาันแจหักสง่ ลี ปตั ระเทศไทย 3.6 เทคนคิ ลม้ รดี ำมนั (Redaman) เทคนคิ ล้ม รี ดา มนั (Redaman) หรอื เทคนคิ การล้มเปน็ เทคนคิ ที่สา� คัญไม่แพเ้ ทคนิคอ่นื ๆ ของ กฬี าปันจักสลี ตั เนอ่ื งจากในสนามแข่ง นกั กีฬาย่อมเปน็ ได้ทง้ั ฝ่ายรกุ และฝ่ายรับ กล่าวคอื นักกฬี าย่อมเป็นได้ ทง้ั ผู้ทา� ลม้ คู่ตอ่ ส ู้ หรือโดนคู่ตอ่ ส้ทู า� ลม้ การฝึกเทคนิคนีจ้ ะสามารถป้องกันไมใ่ หเ้ กดิ อาการบาดเจบ็ จากการลม้ หรอื หากบาดเจ็บก็บาดเจบ็ เพยี งเลก็ นอ้ ยไม่กอ่ ใหเ้ กดิ อันตรายถึงชีวติ ในสนามการแข่งขนั มกั จะพบนักกฬี าเกิดอบุ ตั เิ หตจุ ากการลม้ ผิดวิธบี ่อย ๆ สว่ นใหญจ่ ะเกดิ กบั นกั กฬี าหนา้ ใหม่ มที งั้ ลม้ หวั ฟาดพนื้ บางคนหวั ฟาดแลว้ หลบั ไมร่ สู้ กึ ตวั (อนั ตรายมาก) หรอื หนา้ ฟาดพน้ื จนฟนั หรอื จมกู แตกหกั หรอื ใชแ้ ขนขา้ งเดยี วลงผดิ วธิ จี นแขนหกั หรอื นกั กฬี าชายหรอื หญงิ ลม้ ควา่� โดยไมย่ กตรงบรเิ วณ อวัยวะสา� คญั จนท�าใหเ้ กดิ อาการบาดเจ็บได้ เป็นตน้ ดังน้นั เทคนิค รี ดา มนั (Redaman) จึงเปน็ เทคนคิ การ ลม้ พ้ืนฐานทส่ี า� คัญมากสา� หรบั การแขง่ ขันประเภทต่อส ู้ เพราะเม่ือนกั กฬี าล้มอย่างถกู วิธี และถกู ตอ้ งแล้ว จะ ไมก่ อ่ ให้เกิดอนั ตราย และสามารถแขง่ ไดจ้ นจบเกม ขณะซ้อมนักกีฬาควรหาอุปกรณน์ ุ่ม ๆ เพือ่ ล้มบนอปุ กรณ์หรอื เบาะ แต่เบาะปนั จกั สีลัตเมื่อซื้อท้ัง ชดุ จะมีราคาแพง นักกฬี าจงึ สามารถใช้อปุ กรณ์อนื่ แทนได ้ เชน่ เบาะกฬี ายูโด เบาะกีฬาเทควันโด สนามหญ้า หรืออาจจะเป็นทรายก็สามารถนา� มาใชใ้ นการฝกึ ฝนการลม้ ได้เชน่ เดยี วกัน ขั้นแรก นกั กีฬาควรซ้อมด้วยการวางท่าทางอยา่ งถกู วิธ ี และเรม่ิ ด้วยการลม้ จากฐานทตี่ �่า ๆ เช่น ควรซ้อมจากการนั่งแล้วล้ม กอ่ นการซ้อมจากการยนื แลว้ ลม้ เมือ่ ซ้อมไดอ้ ย่างถกู ตอ้ งแลว้ ต่อไปจึงให้ซอ้ มจบั คู่กับค่ซู อ้ ม (ผลดั กนั ท�าล้ม) เป็นลา� ดับตอ่ ไป อาการปวดเมอ่ื ยเบอื้ งตน้ จากการซอ้ มครง้ั แรก คอื จะเกดิ อาการบาดเจบ็ บรเิ วณตน้ คอ บางคนถงึ ขั้นไม่สามารถหันคอได้เลย หรือบางคนแม้แต่อ้าปากก็ยังเกิดอาการบาดเจ็บบริเวณกรามและใบหน้า เช่นน้ี เนอ่ื งจากการล้มต้องใช้อวยั วะทั้งรา่ งกาย โดยเฉพาะบรเิ วณหัวซึง่ ตอ้ งเกร็งคอเพอ่ื ไมใ่ หล้ ้มหวั ฟาดพ้ืน แตเ่ ม่ือ นักกฬี าฝึกฝนอยา่ งสมา่� เสมอจนร่างกายเกิดความเคยชนิ แล้ว อาการบาดเจ็บดงั กล่าวกจ็ ะหายไป เทคนิคการล้มพื้นฐาน ซ่งึ เปน็ ท่ียอมรับและฝึกฝนกันอย่างแพร่หลาย ได้แก ่ เทคนคิ การล้มหนา้ จาโตฮ ดือปัน (Jatuh Depan) เทคนิคการล้มหลัง จาโตฮ บือลากัง (Jatuh Belakang) เทคนิคการล้มข้าง จาโตฮ ซา� เปง็ (Jatuh samping) และเทคนคิ การลม้ ม้วนหนา้ จาโตฮ ปูโงง (Jatuh Punggung) คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาปนั จกั สลี ัต 77 77

การกีฬาแหค่มู ่งอื ปผฝู้ รึกะสเทอนศกไีฬทายปันจกั สีลตั 3.6.1. เทคนคิ กำรลม้ หน้ำ จำโตฮ ดือปัน (Jatuh Depan) การซอ้ มเทคนคิ น้ี เรม่ิ ตน้ ดว้ ยการซอ้ ม ดว้ ยการตง้ั เขา่ ชนั พน้ื แลว้ ลม้ หนา้ (ยกลา� ตวั ขนึ้ )คอื เทคนิค จาโตฮ ดอื ปนั ซ�าเบล บรื ลตู ดุ (Jatuh Depan Sambil berlutut) เมื่อปฏิบัตถิ กู วิธีแล้ว ก็ให้ซอ้ มต่อ ดว้ ยการนัง่ ชันขาแล้วล้ม คือ เทคนคิ จา โตฮ ดอื ปัน ดืองนั บรื จองกอก (Jatuh Depan degan berjongkok) และต่อดว้ ยการซอ้ มดว้ ยการยืนแลว้ ลม้ ตัวลง คือ เทคนิค จา โตฮ ดือ ปัน ดอื งัน บืร ดรี ี (Jatuh Depan dengan berdiri) ดังนี้ A เทคนคิ จา โตฮ ดือ ปนั ซา� เบล บรื ลตู ุด (Jatuh Depan Sambil berlutut) คอื การฝกึ ลม้ หนา้ แบบชนั เขา่ แลว้ ลม้ เรม่ิ ตน้ ดว้ ยการนง่ั วางเขา่ ชนั พน้ื กางแขนทง้ั สองขา้ งไปขา้ งหนา้ สงู ประมาณไหล ่ (ฝ่ามอื คว�่าลง ตามองไปข้างหน้า) ค่อย ๆ สง่ แขนไปขา้ งหนา้ จนกระท่ังแขนถงึ เบาะ พร้อมยก ตัวขนึ้ เพ่อื ปอ้ งกนั อวัยวะสา� คญั กระแทกพ้นื (พับศอก สว่ นทีแ่ ตะเบาะคือบรเิ วณศอกถึงมือเทา่ น้นั และนวิ้ เท้า ชว่ ยยกลา� ตวั ข้ึนไมใ่ ห้สว่ นขากระแทกพื้น) B เทคนคิ จา โตฮ ดอื ปนั ดืองัน บรื จองกอก (Jatuh Depan degan berjongkok) คอื การฝกึ ลม้ หนา้ แบบนง่ั สน้ เรม่ิ ตน้ ดว้ ยการนง่ั บนสน้ เทา้ และนว้ิ เทา้ ชว่ ยชนั ลา� ตวั ขน้ึ กางแขนทง้ั สอง ขา้ งไปขา้ งหน้า สงู ประมาณไหล ่ (ฝา่ มอื คว่า� ลง ตามองไปข้างหน้า) คอ่ ย ๆ สง่ แขนและดีดขาหรอื กระโดดสง่ ตวั ไปขา้ งหน้า จนกระท่ังแขนถึงเบาะ พรอ้ มยกตัวขน้ึ เพื่อป้องกนั อวัยวะสา� คัญกระแทกพนื้ (พับศอก ส่วนทแี่ ตะ เบาะคอื บรเิ วณศอกถงึ มอื เทา่ น้นั และนว้ิ เทา้ ช่วยยกลา� ตวั ข้ึนไมใ่ ห้สว่ นขากระแทกพื้น) C เทคนคิ จา โตฮ ดอื ปัน ดอื งนั บรื ดรี ี (Jatuh Depan dengan berdiri) คือ การฝึกล้มหน้าแบบยืนแล้วล้มตัวลง ลักษณะและวิธีการล้มเหมือนกับการล้มท้ังสองประเภท เพยี งแตก่ ารลม้ ดว้ ยวธิ กี ารยนื น้ี ระยะหา่ งระหวา่ งล�าตวั กอ่ นลม้ ถงึ พนื้ จะไกลกวา่ ซง่ึ การลม้ วธิ นี ี้ เปน็ วธิ กี ารลม้ ท่ีมกั จะพบเห็นขณะแข่งขันปนั จักสลี ตั มากที่สดุ 78 78 คมู่ อื ผู้ฝึกสอนกีฬาปนั จกั สีลัต

ค่มู อื ผู้ฝกึ กสอานรกกีฬฬีาปาันแจหกั ส่งีลปตั ระเทศไทย เทคนคิ กำรลม้ หน้ำ ร ี ดำ มนั จำโตฮ ดอื ปัน Redaman Jatuh Depan วธิ ีท ี่ 1 การล้มหน้าแบบชันเข่า ชันเข่าท้ังสองบนพ้ืน ย่ืนแขน ทั้งสองไปด้านหน้า (ฝ่ามือ คว่า� ลง) วิธที ี่ 2 (การล้มหนา้ แบบชันขา) พบั เขา่ นง่ั ลงบนสน้ ขา ยน่ื แขน ท้ังสองไปด้านหน้า (ฝ่ามือ คว�า่ ลง ดังรปู ) ข้นั ตอนสุดทา้ ยของการลม้ หน้า ลม้ ตวั ลงไปขา้ งหนา้ ในลกั ษณะนอนควา่� อวยั วะทแ่ี นบ พ้ืน คือ เฉพาะข้อศอกไปจนถึงฝ่ามือ และปลายเท้า เทา่ นัน้ อวัยวะอน่ื ๆ ยกขนึ้ ไม่ตดิ พืน้ (ดังรูป) จังหวะการเอียงตัวเพ่ือ 79 วิธีที่ 3 การล้มแบบยืน ซ่ึงขณะซ้อม การล้มหน้าแบบยืน ต้องค่อยๆ เอียงตัวล้มไป ยืนตัวตรง กางขาออก ข้างหน้า เล็กน้อย ยื่นแขนไป ข้างหนา้ (ดงั รปู ) คูม่ ือผฝู้ ึกสอนกีฬาปันจกั สีลตั 79

การกีฬาแหคมู่ ่งอื ปผู้ฝรึกะสเทอนศกไีฬทายปนั จักสลี ตั 3.6.2 เทคนคิ กำรลม้ หลงั จำโตฮ บือลงกงั (Jatuh belakang) เพื่อการฝึกฝนเทคนิคการล้มหลังอย่างถูกต้อง และแม่นย�า ควรฝึกขั้นแรกด้วยการนอน แล้วลม้ หลงั ตอ่ ไปนัง่ แล้วลม้ และขน้ั สุดทา้ ยยืนแลว้ ล้มหลัง A เทคนคิ จา โตฮ บอื ลากงั ซ�า เบล ตโี ดร (Jatuh Belakang sambil tidur) คือ การฝกึ ลม้ หลงั ดว้ ยวธิ ีการนอนแลว้ ล้มหลงั เรม่ิ ต้นด้วยการนอนหงาย ยนื่ แขนและขาทงั้ สองข้าง ไปขา้ งหนา้ เกรง็ คอยกศรี ษะขนึ้ (ไมใ่ หต้ ดิ พนื้ ) และใชแ้ ขนทง้ั สองขา้ งตเี บาะพรอ้ มวางขาทงั้ สองขา้ งสพู่ น้ื สดุ ทา้ ย ให้ยกกน้ และเกรง็ คอยกศรี ษะขนึ้ อวัยวะท่อี ันตรายสา� หรับการล้มหลัง คอื การกระแทกของสนั หลัง หรือก้นและศีรษะเมอ่ื ตกกระแทก พื้น ข้ันตอนสุดท้ายจึงตอ้ งยกบรเิ วณกน้ และเกร็งศรี ษะไม่ใหก้ ระแทกพน้ื เพ่อื ป้องกันอนั ตรายทจ่ี ะเกิดข้นึ B เทคนิค จา โตฮ บือ ลากงั ดอื งนั จอง กอก (Jatuh Belakang dengan jongkok) คือ การฝึกล้มหลังด้วยวิธีการนั่งส้นแล้วล้มหลัง เริ่มต้นด้วยการพับเข่านั่งลงบนส้นเท้า (น้ิวเท้าช่วย ยกสน้ ขน้ึ ) แขนทั้งสองขา้ งยื่นไปข้างหน้า (ฝ่ามอื คว�า่ ลง) แล้วคอ่ ยๆ วางกน้ ลงพน้ื วางเอวและล�าตวั ลงพ้ืนตาม ลา� ดบั แขนทั้งสองข้างตีเบาะ สุดท้ายใหย้ กก้นและเกร็งคอยกศรี ษะขึ้น C เทคนคิ จา โตฮ บือ ลากัง ดือ งัน บืร ดีร ี (Jatuh Belakang dengan berdiri) คอื การฝกึ ลม้ หลงั ดว้ ยวธิ กี ารยนื ตวั ตรงแลว้ ลม้ หลงั เรมิ่ ตน้ ดว้ ยการยนื ตวั ตรง กางขาออกเลก็ นอ้ ย ยน่ื แขนทั้งสองขา้ งไปขา้ งหน้า (ฝ่ามือคว�่าลง) ต่อไปใหพ้ ับเข่านงั่ ลงบนส้นเท้ากอ่ นแล้วค่อยลม้ หลัง สุดทา้ ยยกก้น และเกร็งคอยกศีรษะขน้ึ เช่นเดยี วกับการล้มสองวิธดี งั กลา่ วข้างตน้ 80 80 คมู่ อื ผูฝ้ กึ สอนกีฬาปันจักสลี ัต

คูม่ ือผู้ฝึกกสอานรกกฬี ฬีาปานั แจหกั ส่งลี ปตั ระเทศไทย เทคนคิ กำรล้มหลัง รี ดำ มัน จำ โตฮ บอื ลำ กัง (Redaman Jatuh Belakang) วิธีท ่ี 1 วธิ ีที ่ 2 วิธที ่ี 3 (การลม้ หลงั แบบนอน) นอนลง (การลม้ หลงั แบบชนั ขา) พบั เขา่ (การล้มหลังแบบยืน) ยื่นตัว ย่ืนแขนและขาชไี้ ปขา้ งหนา้ นั่งลงบนขาทง้ั สอง ยกสน้ ขน้ึ พรอ้ ม ตรงกางขาออกเลก็ นอ้ ย ยนื่ แขนทง้ั ยื่นแขนไปข้างหนา้ สองข้างไปข้างหนา้ รูปท่ ี 4 วางกน้ ลง ยน่ื แขนไปขา้ งหน้า คู่มอื ผ้ฝู กึ สอนกฬี าปนั จกั สีลตั รูปท่ ี 5 81 (ล้มหลงั โดยสมบูรณ์) เกร็งคอ ยกศรี ษะและกน้ ขนึ้ เพอ่ื ปอ้ งกนั การ กระแทกพื้น 81

การกีฬาแคหู่มง่ อื ผปูฝ้ รึกสะเทอนศกไีฬทายปนั จกั สลี ตั 3.6.3 เทคนคิ กำรลม้ ข้ำง จำโตฮ ซ�ำเปง็ (Jatuh Samping) เทคนิคการล้มข้าง จ�าเป็นอย่างย่ิงที่นักกีฬาต้องฝึกฝนการล้มข้างให้เกิดความถนัดและ ถูกตอ้ งแม่นยา� ทั้ง ล้มขา้ งซ้ายและข้างขวา เพราะเม่อื ต้องเจอสถานการณจ์ ริงนักกีฬาไมส่ ามารถคาดคะเนได้ ว่าจะล้มข้างไหน ดังนั้นนักกีฬาควรฝึกฝนจนเกิดความถนัดทั้งสองข้างจึงจะสามารถป้องกันการเกิดอันตราย จากการลม้ ได้ เรมิ่ ตน้ การฝกึ ลม้ ข้าง จากการนอนหงายแล้วลม้ ขา้ ง ล�าดับต่อไปนงั่ ลงบนส้นเทา้ (นง่ั ส้น ขา้ งเดยี ว อกี ขา้ งเหยยี ดขาไปข้างหนา้ ) แล้วลม้ ข้าง และฝึกฝนด้วยการยนื แล้วล้มขา้ งเปน็ ลา� ดับสดุ ท้าย A เทคนิค จา โตฮ ซา� เปง็ ซา� เบล ตดี รู (Jatuh Samping sambil tidur) คอื เทคนิคการฝึกล้มขา้ งด้วยการนอน เร่มิ ต้นด้วยการฝึกล้มขา้ งขวาก่อน ใหน้ อนหงาย ยนื่ แขนและ ขาทง้ั สองขา้ งไปขา้ งหนา้ เกรง็ คอยกศรี ษะขน้ึ เมอื่ พรอ้ มแลว้ เอยี งตวั หนั มาทางขวา และใชแ้ ขนขวาตเี บาะ (แขน ซ้ายป้องตวั ) พรอ้ มใหข้ าขวาเหยียดพ้ืน ขาซ้ายงอเข่าชนั ข้นึ เลก็ นอ้ ย และเกร็งคอยกศีรษะขึ้น B เทคนิค จา โตฮ ซา� เปง็ ดือ งัน จองกอก (Jatuh Samping dengan Jongkok) คือ เทคนคิ การฝึกลม้ ขา้ งดว้ ยการนั่งแล้วล้มข้าง เริม่ ตน้ ด้วยการฝกึ ล้มข้างขวา โดยให้พับเข่าแลว้ น่ัง ลงบนสน้ เท้าขวา (แขนขวาป้องตัว) ขาซา้ ยพับเขา่ ย่นื ขาไปขา้ งหน้าเลก็ น้อย (ย่ืนแขนซ้ายไปขา้ งหน้า) ค่อย ๆ วางกน้ ลงหลงั พรอ้ มขาขวาชนั เขา่ (แขนขวาปอ้ งตวั ) ขาและแขนซา้ ยยกชข้ี นึ้ เมอื่ ถงึ พนื้ ใชแ้ ขนขวาตเี บาะ (แขน ซ้ายปอ้ งตวั ) พร้อมให้ขาขวาเหยียดพน้ื ขาซา้ ยงอเข่าชนั ขนึ้ เลก็ นอ้ ย และเกรง็ คอยกหวั ขึน้ C เทคนคิ จา โตฮ ซา� เปง็ ดอื งัน บืร ดีรี (Jatuh Samping dengan berdiri) คอื เทคนคิ การฝึกลม้ ขา้ งด้วยการยืนแลว้ ลม้ ข้าง เริ่มตน้ ด้วยการฝกึ ลม้ ขา้ งขวาโดยให้ยืนตวั ตรงแยก ขาออกเล็กน้อย เม่ือพร้อมแล้วใชแ้ ขนขวาปอ้ งตวั ขาซา้ ยและแขนซ้ายยกขนึ้ จากนั้นค่อย ๆ เอนตวั ลง (เอียง มาทางขวา) พบั เขา่ แลว้ นง่ั ลงบนสน้ เทา้ ขวา (แขนขวาปอ้ งตวั ) ขาซา้ ยพบั เขา่ ยนื่ ขาไปขา้ งหนา้ เลก็ นอ้ ย(ยน่ื แขน ซ้ายไปขา้ งหน้า) คอ่ ย ๆ วางกน้ ลงหลังพรอ้ มขาขวาชนั เขา่ (แขนขวาป้องตวั ) ขาและแขนซ้ายยกชี้ข้ึน เมอ่ื ถงึ พื้น ใช้แขนขวาตเี บาะ (แขนซา้ ยป้องตัว) พร้อมใหข้ าขวาเหยยี ดพนื้ ขาซา้ ยงอเข่าชันข้ึนเลก็ นอ้ ย และเกรง็ คอ ยกศีรษะขึน้ ทุกครัง้ เทนนิคการล้มข้าง ใช้ส่วนของแขนข้างใดข้างหนึ่งและข้างล�าตัวลงพื้น แขนอีกข้างป้องตัวและ เกรง็ คอยกศรี ษะข้ึนทกุ คร้งั เพ่อื ป้องกนั การกระแทก 82 82 คู่มอื ผฝู้ กึ สอนกีฬาปนั จกั สลี ัต

คมู่ อื ผฝู้ ึกกสอานรกกฬี ฬีาปาันแจหักส่งีลปัต ระเทศไทย เทคนคิ การลม้ ขา้ ง ร ี ดา มัน จา โตฮ ซ�าเปง็ (Redaman Jatuh Samping) วิธีที่ 1 วธิ ที ี่ 2 วธิ ที ่ ี 3 (การล้มข้างแบบนอน) (การลม้ ขา้ งแบบชนั ขา) (การลม้ ขา้ งแบบยืน) นอนลงย่นื แขนและขาชีไ้ ปข้างหนา้ พบั เขา่ นง่ั บนขาขา้ งใดขา้ งหนงึ่ จากการยืนให้ยกขาและ ขาอกี ขา้ งเหยยี ดไปขา้ งหนา้ แขนข้างใดขา้ งหน่ึง (ดังรปู ) พรอ้ มยน่ื แขนตาม ค่มู อื ผู้ฝกึ สอนกีฬาปันจักสลี ัต ล้มตวั ลง พรอ้ มย่นื แขนและ ขาเหยียดไปข้างหนา้ เม่ือลา� ตัวถึงพ้ืนให้ใชแ้ ขนตีพ้ืน ยกขาทงั้ สองเหยยี ดตรงขึ้นบน (ดงั รูป) ล้มขา้ ง ดว้ ยการใชข้ า้ งล�าตัว แตะพน้ื เกร็งคอและยกศรี ษะขน้ึ (ดงั รูป) 83 83

การกีฬาแหคูม่ ง่ ือปผฝู้ รกึ ะสเทอนศกไีฬทายปันจกั สลี ตั 3.64 เทคนคิ กำรล้มมว้ นหน้ำ จำโตฮ ปูโงง (Jatuh Punggung) เทคนคิ น้จี ะใช้ทกั ษะ การลม้ หนา้ ลม้ ขา้ งและล้มหลังไปพร้อมๆ กันในท่าเดยี ว แลว้ ยงั ตอ้ งใช้ เทคนคิ พ้ืนฐานของกีฬายมิ นาสติกในเรือ่ งของความสมดุลในการม้วนหนา้ เร่มิ ต้นดว้ ยการยืนตวั ตรงแยกขาออกเล็กน้อย ยนื่ แขนทั้งสองข้างไปขา้ งหนา้ แลว้ ก้มลงแขน ทง้ั สองขา้ งแตะพ้นื (ขาเหยียดตรง) ค่อยๆ ดันกน้ เพ่อื มว้ นตัว (ใช้แขนชว่ ยดันตวั ) เม่ือล�าตวั แตะพ้ืนแล้วใชแ้ ขน ยกก้นข้นึ เขา่ ทั้งสองชันพ้ืน และเกร็งคอยกศรี ษะ 84 84 คู่มอื ผู้ฝึกสอนกฬี าปันจกั สลี ตั

คู่มอื ผู้ฝึกกสอานรกกีฬาีฬปนัาจแหักสง่ ลี ตัประเทศไทย เทคนิคกำรลม้ มว้ นหนำ้ รี ดำ มัน จำ โตฮ ปูโงง (Redaman Jatuh Punggung) ก้มศีรษะลง มือทั้งสอง ยืนตัวตรง แยกขา แตะพื้น และค่อยๆ ยก ออกเลก็ นอ้ ย ยนื่ แขน ส้นเท้าขึน้ ไปด้านหนา้ ยกสน้ เทา้ พร้อมยืน่ ล�าตัวม้วนไปขา้ งหน้า (พบั คอเข้าหาลา� ตัว แขนค่อยๆ งอศอกตาม ) ลา� ตวั ขณะมว้ นหนา้ (เกรง็ แขนเพอ่ื ชว่ ย ใหศ้ รี ษะและลา� ตวั มว้ นไปข้างหนา้ ) เมอื่ ลา� ตวั ถงึ พนื้ ใชแ้ ขนตเี บาะ พรอ้ มยก กน้ ข้นึ โดยใชข้ าทง้ั สองขา้ งยกกน้ และ เกรง็ คอ ยกศีรษะขนึ้ ค่มู อื ผู้ฝึกสอนกีฬาปนั จักสีลตั 85 85

การกีฬาแคหมู่ ง่ ือผปู้ฝรึกสะเทอนศกไีฬทายปันจกั สีลัต 3.7 เทคนิค ทำ� ลม้ จำโตฮฮัน (Jatuhan) เทคนคิ จา โตฮ ฮนั (Teknik Jatuhan) หรือเทคนิคการทา� ล้ม คอื เทคนคิ เพื่อการท�าลม้ ใชแ้ ขน และขาช่วยผลกั ลา� ตวั คตู่ อ่ ส้ ู นกั กฬี าตอ้ งใชค้ วามระมัดระวังในการฝึกฝนโดยเฉพาะเมอ่ื ตอ้ งฝึกซ้อมกบั คู่ซอ้ ม ท้ังนักกีฬาและคู่ซ้อมต้องปฏิบัติเทคนิคการล้มอย่างถูกวิธีก่อนจึงจะเข้ากระบวนการฝึกฝนวิธีการท�าล้มกับ คูซ่ ้อม การท�าล้มจะได้คะแนนมากที่สุดในการแข่งขันกีฬา ปันจักสวีลัตประเภทต่อสู้ กล่าวคือ ต่อย (ตรงเป้าหมาย) ได ้ 1 คะแนน เตะ (ตรงเป้าหมาย) ได้ 2 คะแนน และเมอ่ื สามารถท�าลม้ คตู่ ่อสู ้ จะได ้ 3 คะแนน ดังนั้นเมื่อนักกีฬาสามารถฝึกฝนการท�าล้มอย่างถูกวิธีและแม่นย�าแล้ว นักกีฬาจะเป็นฝ่ายได้เปรียบในการ แขง่ ขนั เทคนคิ ทา� ลม้ พื้นฐานเปน็ ท่ีนยิ มและรู้จักกนั ทั่วไปม ี 2 เทคนคิ คือ เทคนิค ซา ปฮู วัน (Sapuan) และ เทคนคิ กนุ ติง งนั (Guntingan) ดงั น้ี 3.7.1 เทคนิค ซำ ปูฮ วนั (Sapuan) คือ เทคนคิ การท�าล้มดว้ ยการใช้ขาช่วยเกยี่ วลม้ ที่จะกล่าวนม้ี ี 6 กระบวนทา่ ได้แก่ ซาปูวนั ตอื กัก (Sapuan tegak), ซาปวู นั กือเปร็ก (Sapuan kepret), ซาเบ็ตตัน (Sabetan), ซาปูวัน รอื บะห ์ ดอื ปัน (Sapuan rebah depan), ซาปวู นั รือ บะห์ บือ ลา กัน (Supuan rebah belakang) และ บือ ซอื ตัน (besetan) ดงั นี้ 86 86 คมู่ อื ผู้ฝึกสอนกฬี าปนั จักสลี ัต

คมู่ อื ผู้ฝึกกสอานรกกีฬีฬาปานั แจหักสง่ ีลปัต ระเทศไทย A เทคนิค ซำปูวนั ตือ กกั (Sapuan tegak) คือ เทคนิคการท�าล้มด้วยการเหวี่ยงขา เพ่ือปัดขาคู่ต่อสู้ (นักกีฬาใช้บริเวณฝ่าเท้าปัด บริเวณตาตุ่ม หรือหนา้ แขง้ ชว่ งล่างของคตู่ อ่ ส)ู้ แขนช่วยผลกั ลา� ตัวคู่ตอ่ สเู้ พือ่ การท�าล้มทสี่ มบรู ณม์ ากย่งิ ขน้ึ ดงั รปู ข้นั ท่ี 1 ข้นั ท ี่ 2 ยกขาขวาขน้ึ แขนทัง้ สองป้องตวั (เตรยี มผลัก) เหวย่ี งขาขวาลงปดั ลา่ ง หงายฝ่าเทา้ ข้ึน แขนขวา ปดั ลง (ผลกั ตวั คตู่ อ่ ส)ู้ แขนซา้ ยปอ้ งอก ขาซา้ ยปอ้ งตวั เล็กน้อย (ดังรปู ) คมู่ ือผูฝ้ กึ สอนกีฬาปันจักสีลัต 87 87

การกีฬาแคหมู่ ่งือผปู้ฝรกึ สะเทอนศกไฬี ทายปนั จักสีลตั B ซำปวู ัน กอื เปร็ก (Sapuan kepret) คือ เทคนิคการทา� ลม้ ด้วยการปัด หรอื เตะบริเวณหน้าแขง้ คูต่ อ่ สู้ ซง่ึ ใช้กระบวนทา่ เดียวกันกับการเตะ ซา บติ Sabit (Round kick) ใชบ้ รเิ วณหน้าเท้าเป็นบริเวณเตะหนา้ แขง้ คู่ตอ่ สู้ ความแตกต่างระหวา่ งการท�าล้ม ซาปูวัน กือเปร็ก (Sapuan kepret) กบั เตะ ซาบติ Sabit (Round kick) คือ การเตะซาบิต ใช้แรงเหวียงขาจากเอวช่วยบิด และใช้แรงบริเวณหน้าแข้งส่วนล่างออกแรงเตะ มากทีส่ ดุ แต ่ ซาปวู นั กอื เปรก็ (Sapuan kepret) จะออกแรงเกร็งต้งั แตก่ ารพับเข่าแล้วเหว่ยี งขาเตะ (เตะเปน็ วงกลมเหมอื นเตะบอล) แล้วปดั ลงลา่ ง แต่ท้ัง 2 กระบวนทา่ ใช้บริเวณหน้าเทา้ ปดั หรือเตะเชน่ เดยี วกนั เทคนคิ การลม้ วธิ นี ี้ จะออกแรงทงั้ หมดเพอื่ การปดั หรอื เตะ แตต่ อ้ งเกบ็ แรงไวเ้ พอ่ื เกย่ี วขาคตู่ อ่ สอู้ กี ดว้ ย กล่าวคือเม่ือเหว่ียงขาเตะหรือปัด แล้วต้องออกแรงเกี่ยว (พับเข่าเก่ียว ยกขาขึ้น ทันที) เป็นล�าดับต่อจาก การเตะ นกั กฬี าควรระมดั ระวงั ในการท�ามมุ 45 องศาเมอ่ื ปดั ไมม่ ากหรอื นอ้ ยไปกวา่ น ี้ เนือ่ งจากมมุ ที ่ 45 องศา เป็นบรเิ วณที่เตะโดนหนา้ แข้งคู่ต่อสู้พอดี ล�าตัวและเอวหมุนตามแรงเหวีย่ ง ย ซำปวู นั กอื เปร็ก (Sapuan kepret) ขั้นท ่ี 1 ขน้ั ท่ี 2 ข้นั ท่ ี 3 ยกขาขวาขึ้น เหยียดข้อขาให้ตึง เหว่ียงขาปัดล่าง (ข้อเท้าเหยียด เมื่อปัดขาแล้ว ให้ยกขาขึ้นเพ่ือ แขนทงั้ สองป้องตวั (ดังรปู ) ตรง) แขนทัง้ สองปอ้ งตัว เก่ียวขาคู่ต่อสู้ ล�าตัวอยู่ในท่าเดิม ไมต่ อ้ งบดิ (ออกแรงเหวยี่ งขาอยา่ ง เตม็ ก�าลงั เพอ่ื การท�าลม้ ทส่ี มบรู ณ)์ 88 88 คมู่ ือผฝู้ กึ สอนกีฬาปนั จกั สีลตั

คูม่ ือผฝู้ กึ กสอานรกกีฬีฬาปาันแจหักส่งีลปัต ระเทศไทย C เทคนิค ซำเบ็ต ตนั (Sabetan) เทคนคิ การทา� ลม้ วธิ นี ม้ี ลี า� ดบั ขน้ั ตอน เหมอื นกนั กบั การทา� ลม้ ซาปวู นั กอื เปรก็ (Sapuan Kepret) แตก ต่างกนั เพียงแคบ่ ริเวณกล้ามเนอื้ ทใ่ี ชใ้ นการทา� ลม้ กล่าวคือ ซาปูวัน กอื เปรก็ (Sapuan Kepret ) ใช้หน้าเท้าปดั หนา้ แข้ง ส่วน ซาเบ็ต ตนั (Sabetan)ใช้ขา้ งฝ่าเทา้ ปดั หรือเตะบริเวณข้อขาหรือหนา้ แข้งลา่ ง แลว้ จงึ ยกขาเพ่ือ เก่ยี วขาคูต่ ่อส้เู ป็นลา� ดบั ต่อไป เทคนิค ซำเบต็ ตัน (Sabetan) ขนั้ ท ี่ 1 ขั้นที ่ 2 ขน้ั ที ่ 3 ยกขาขวาขึ้น แขนท้ังสองป้องอก เหวย่ี ง (แกวง่ ) ขาขวาปาดลา่ ง ควา่� เมอ่ื ปดั ขาแลว้ ใหพ้ บั เขา่ ขวายกขนึ้ (ดังรูป) ฝ่าเท้าลงปัด (ฝ่าเท้าเป็นบริเวณ เก่ียวขาคู่ต่อสู ้ แขนท้ังสองป้องตัว ปัดขา) แขนทั้งสองป้องอก ขาซ้าย (ดงั รปู ) ลงยอ่ เขา่ เล็กน้อย คมู่ ือผฝู้ ึกสอนกฬี าปันจักสีลัต 89 89