Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การตั้งตนไว้ชอบ : หนังสือสอนพระพุทธศาสนาแก่เด็ก

การตั้งตนไว้ชอบ : หนังสือสอนพระพุทธศาสนาแก่เด็ก

Description: หนังสือสอนพระพุทธศาสนาแก่เด็กเป็นหนังสือที่ประกอบด้วยเนื้อหาธรรมะและเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา เหมาะแก่การอ่าน ศึกษา ค้นคว้าและเป็นธรรมบันเทิงและการพัฒนาจิตใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยผู้ใหญ่สามารถถ่ายทอดให้ลูกหลานนำไปปฏิบัติให้เกิดผลดีในชีวิตได้.

Search

Read the Text Version

การตั้งตนไว้ชอบ หนังสือสอนพระพทุ ธศาสนาแกเ่ ดก็ นายเกษม บุญศรี เปรียญ แตง่ ไดร้ บั พระราชทานรางวัลช้ันท่ี ๑ ในการประกวดประจำ�พทุ ธศักราช ๒๕๐๗

“…ทุกคนไม่ว่าจะประกอบกิจการงานใดก็ตาม จึงต้องศึกษา ลักษณะงาน ขอบเขต และความมุ่งหมายของงานให้เข้าใจชัด แล้ว ใช้ความรู้ความสามารถซ่ึงได้รับการฝึกฝน อบรมมา เป็นพ้ืนฐานใน การปฏิบัติ พร้อมท้ังศึกษาเพ่ิมเติมให้มีความรู้ในหลักวิชาท่ีสัมพันธ์ เกี่ยวข้องกับงาน เพื่อนำ�ความรู้ทั้งนั้นมาประกอบส่งเสริมกัน แล้วใช้ ในการปฏิบัติงานให้สำ�เร็จผล เป็นประโยชน์ตามความมุ่งหมาย เมื่อ บัณฑิตสามารถทำ�งานได้สำ�เร็จลุล่วง บังเกิดผลท่ีดี ที่เป็นประโยชน์

ดังน้ี แต่ละคนก็จะเป็นบัณฑิตที่มีคุณภาพ ผู้เป็นกำ�ลังสร้างสรรค์ ความเจรญิ มน่ั คงให้แกช่ าตบิ า้ นเมอื งไดอ้ ย่างเตม็ ภาคภูมิ...” พระราโชวาท สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในพธิ พี ระราชทานปริญญาบัตรแกผ่ ูส้ ำ�เรจ็ การศกึ ษา จากมหาวิทยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ พระนครเหนือ ประจำ�ปกี ารศกึ ษา ๒๕๕๖ ณ ศูนยน์ ทิ รรศการและการประชุมไบเทค วนั พุธ ท่ี ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๘

พระสิทธารถ พระพทุ ธรูปปางมารวชิ ัย แบบพระสิงห์ ในพระวิหารรมิ คลอง หนา้ วัดราชโอรส จังหวดั ธนบรุ ี

คำ�น�ำ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระราชประสงค์ท่ีจะให้เด็กไทยสนใจศึกษาพระพุทธศาสนาให้ มากขึ้น จึงมีพระราชบัญชาให้คัดเลือกหนังสือท่ีชนะการประกวด หนงั สอื สอนพระพทุ ธศาสนาแกเ่ ดก็ นบั ตง้ั แตป่ พี ทุ ธศกั ราช ๒๔๗๑ ทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั รชั กาลท่ี ๗ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ให้พิมพ์พระราชทานในงานพระราชพิธีวิสาขบูชา มาจัดพิมพ์ใหม่ เพ่อื พระราชทานใหแ้ ก่โรงเรยี นและหอ้ งสมดุ ต่าง ๆ สำ�นักงานโครงการสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยาม- บรมราชกมุ ารี ไดค้ ดั เลอื กหนงั สอื เรอ่ื ง การตง้ั ตนไวช้ อบ ซง่ึ แตง่ โดย นายเกษม บุญศรี เปรียญ มาจัดพิมพ์ใหม่ ได้ปรับปรุงรูปแบบ ท�ำ เชิงอรรถ การสะกดคำ� และมีภาพประกอบเพือ่ ใหน้ า่ สนใจและ เหมาะแก่เด็กและเยาวชนมากย่ิงข้ึน ส่วนเน้ือหาสาระคงไว้ตาม ตน้ ฉบับเดิม หวังเป็นอย่างย่ิงว่า หนังสือน้ีจะเป็นประโยชน์ต่อเด็ก เยาวชน และผสู้ นใจทว่ั ไป สมพระราชประสงคข์ องสมเดจ็ พระเทพ- รตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี ส�ำ นกั งานโครงการ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี พุทธศักราช ๒๕๕๙



สารบญั บทน�ำ ๙ บทที่ ๑ ความเชื่อ ๒๑ บทที่ ๒ ศีล ๓๗ บทที่ ๓ จาคะ การเสียสละ ๔๗ บทส่งท้าย สรุปความ ๕๗



การตง้ั ตน ไวช้ อบ ถกู ครูท�ำํ โทษมาสนิ ะ สวัสดีครบั แม่ ถงึ เพ่งิ กลับมาป่านนี้ บทน�ำ ๑. “เหน็ ไหม ! เห็นไหม ! เหน็ ไหม ! แมบ่ อกแล้วไม่เช่ือ แม่เค่ียวเข็ญให้ทำ�ต้ังแต่ตอนเย็นวานนี้แล้ว ก็ได้แต่มัวผัดเด๋ียว ๆ อยู่จนไม่ได้ทำ�การบ้าน คงถูกครูทำ�โทษละซินะ จึงได้กลับจนเย็น จนค�ำ่ อยา่ งน”้ี เสยี งนางประไพ พฒั นาทร รอ้ งขน้ึ เมอ่ื เหน็ เดก็ ชาย สุวัฒน์ พัฒนาทร ลูกชายคนโตของตนเดินเข้าประตูบ้านมา ฝ่าย เดก็ ชายสวุ ฒั น์ ก็ไมพ่ ูดว่ากระไร๑ ไดแ้ ต่เดินตรงเขา้ มาหาแมข่ องตน ๑ อะไร 9

ยกมือไหว้ กล่าวคำ�สวัสดีครับคุณแม่แล้วรีบเดินขึ้นเรือนไป เก็บ เคร่ืองเรียนและผลัดเคร่ืองแต่งตัวตามเคย เม่ือเด็กชายสุวัฒน์ ข้ึนเรือนไปแล้ว นางประไพ จึงหันไปทางนายประหยัด พัฒนาทร พดู วา่ วา่ ไงเลา่ คณุ ! คณุ พอ่ เหน็ ไหมเลา่ เจา้ วฒั นท์ �ำ งามหนา้ เสมอ สอนไมร่ จู้ กั จ�ำ เสยี เลย ฝา่ ยนายประหยดั เมอ่ื ไดย้ นิ ดงั นน้ั จงึ พดู กบั นางประไพวา่ จะเอายงั ไงอกี เลา่ กเ็ รอ่ื งของเดก็ มนั กเ็ ปน็ อยา่ งนแ้ี หละ ๒. ประไพ : คุณละกอ้ เปน็ อยา่ งนเ้ี สมอ ประหยดั : ก็จรงิ ๆ นนี่ า ก็ลกู เรายังเลก็ แท้ ๆ นน่ี า ทีเ่ ขาอุตส่าหไ์ ปโรงเรยี นไดท้ ุกวนั อยา่ งน้ี กด็ แี ลว้ นะเธอ ประไพ : เอาละ เอาละ เอาละ เลกิ พดู กนั ที คณุ นแ่ี หละ จะท�ำ ใหล้ ูกได้ใจ ประหยัด : เอาเถอะน่า ฉันก็รู้เหมือนกันว่า ควรจะ ทำ�อย่างไรกับลูก แต่มันต้องดูว่า จะทำ�อย่างไรจึงจะเหมาะแก่เด็ก จะเอาแต่บงั คับกนั ประโคมโดมดายไปไมไ่ ดด้ อก๒นะประไพ ประไพ : เอาละ มากนิ ขา้ วกัน พอแลว้ คณุ มาเถอะ ได้แลว้ จ้ะ มารบั ประทานอาหาร กจะันคเส่ำ�ียมเาถกอไะป แลว้ ก็เรยี กลูกชาย ลูกหญิงของตน มารว่ มวงกินพรอ้ มกนั ๒ หรอก 10

ในขณะที่กินข้าวกันอยู่ ต่างคนต่างก็พูดเรื่องต่าง ๆ คนละเล็กละนอ้ ย ตา่ งก็รน่ื เรงิ กนั ดีทุกคนตามประสาแม่ ๆ ลูก ๆ ๓. เมอ่ื อิม่ แล้ว นางประไพ กบั เดก็ หญิงพฒั นา กช็ ว่ ยกันเก็บ สำ�รบั กับขา้ ว กวาดล้างเรยี บรอ้ ยแลว้ จงึ พากนั ไปนงั่ อยู่ทีร่ ะเบียงเรือน ลมพดั เยน็ ๆ ตอนหวั คำ�่ แล้วนางประไพก็เรียกลูกทั้งสองของตนมานั่งอยู่ด้วย นางประไพถามลูกทั้งสองว่า มีการบ้านไหม มีครับ มีค่ะ เสียง ลูกทั้งสองตอบพร้อมกัน นางประไพจึงบอกว่า ถ้าอย่างนั้น ก็เอา มาทำ�เสยี ใหเ้ สรจ็ ซิลกู ลกู : เอาไว้พรงุ่ นก้ี ็ได้ครบั คุณแม่ แม่ : เอาอีกแล้วละซิ ลกู หญงิ : เอาไวท้ �ำ พรงุ่ นไ้ี ดจ้ รงิ ๆ คะ่ พรงุ่ นว้ี นั อาทติ ย์ โรงเรยี นหยดุ คะ่ แม่ : เออจรงิ ซนิ ะ แตอ่ อ้ ! พรงุ่ นต้ี รงวนั พระดว้ ยซลิ กู 11

พรุ่งน้ีไปวัดกับแม่เถอะ แม่จะพาไปพอดีแล้ว ไปฟังเทศน์ฟังธรรม เสยี บา้ ง เจ้าไมไ่ ดไ้ ปกันมานานแล้วนี่ พัฒนา : ที่โรงเรียนหนู ครูท่านนิมนต์พระมาเทศน์ เสมอค่ะ คณุ แม่ สุวัฒน์ : โรงเรียนผมก็เหมือนกัน เดือนละ ๒ หน แนะ่ ครบั และถงึ ปีโรงเรยี นท�ำ บญุ เล้ยี งพระด้วยครบั ประไพ : ดีแลว้ ลูก ฟงั ไปเถอะ ได้บุญดลี ูก แต่พรุ่งนี้ กต็ ้องไปวัดกับแมด่ ว้ ย ๔. ในเช้าวันรุ่งข้นึ น่ีค่ะดอกไม้ นางประไพจัดของ สำ�หรับไปทำ�บุญเสรจ็ แลว้ บอกใหล้ กู ทัง้ สองของตน ไปเก็บดอกไม้ทีม่ ีอยู่ ในบริเวณบา้ น แล้วนายประหยดั ก็หยิบธูป เทียนออกมาให้ เมื่อทุกคนอาบน้ำ�แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว จึงชวนกันไป วดั ทอ่ี ยไู่ มห่ า่ งบา้ นนกั ถงึ แลว้ เขา้ โบสถบ์ ชู าพระ กลบั ออกมาพกั อยทู่ ่ี ศาลารวมกบั ชาวบา้ นคนอน่ื ๆ ทม่ี าท�ำ บญุ ดว้ ยกนั ตามประเพณนี ยิ ม ในถนิ่ นน้ั เมอ่ื ไดท้ �ำ บญุ และเลย้ี งดกู นั เสรจ็ แลว้ พระทา่ นประชมุ 12

ท�ำ วตั รสวดมนตต์ ามธรรมเนยี มของทา่ นแลว้ ทา่ นแสดงธรรมตอ่ ไป คนท้ังหลายที่เหลืออยู่ก็รับศีล ฟังเทศน์กัน เมื่อพระเทศน์จบแล้ว คนทง้ั หลายตา่ งกพ็ ากนั กลบั บา้ น แตบ่ างพวกกอ็ ยสู่ นทนาธรรมกนั ตลอดวนั นน้ั สว่ นนายประหยดั กบั ครอบครวั กพ็ ากนั กลบั บา้ น เมอ่ื มาถงึ บา้ นกพ็ กั กลางวนั ตามปรกตเิ มอ่ื ถงึ วนั พระเชน่ น้ี ถา้ ไมต่ รงกบั วนั อาทติ ย์ นายประหยดั กร็ บี ไปวดั แตเ่ ชา้ แลว้ เลยไปท�ำ งานอน่ื ตอ่ ไป ถ้าวันพระตรงกับวันอาทิตย์ นายประหยัดก็หยุดงานพาครอบครัว ไปวดั เปน็ ประจำ� บางครงั้ ก็อยูต่ ลอดวนั บางครัง้ กก็ ลบั เรว็ เช่นวันน้ี พอตกบ่ายก็ชวนลูกชายรดน้ำ�ต้นไม้ ฝ่ายนางประไพก็ชวนลูกสาว เข้าครัว ทำ�กับข้าว เมื่อเสร็จงานแล้วก็ร่วมกันรับประทานอาหาร เยน็ ตามปรกติ ๕. เมอ่ื รบั ประทานอาหารเสรจ็ แลว้ กพ็ ากนั มานง่ั พกั เลน่ อยทู่ ่รี ะเบยี งเรือนซ่ึงหนั หน้ารับลมอยู่ด้านหน่งึ คุณเล้ียงลกู ตามใจ แล้วผวั ๆ เมีย ๆ ก็พูด มากไปแล้วนะคะ ทำ�นองรำ�พงึ ถงึ ลกู วา่ นค่ี ุณ ! ลูกเราโตข้นึ ทุกวนั ๆ จะปลอ่ ยตามใจนกั เห็นจะไม่ได้นะคณุ ! คณุ ชอบตามใจเสมอ ไมไ่ ดน้ ะ จะไดใ้ จใหญ่ เดย๋ี วจะเอาไมอ่ ยู่ 13

ประหยัด : ฉันก็คิดเหมือนกันนะประไพ ที่ฉันต้อง ตรากตร�ำ ทำ�งานอยู่เดี๋ยวนี้ ก็เพราะลูกน่แี หละ ฉันรู้ดีวา่ จะปลอ่ ย ให้ดีเองไม่ได้ ต้องช่วยกันอบรมสั่งสอนจึงจะได้ ลูกจะดีได้ก็เพราะ พ่อแม่ได้อบรมสั่งสอน และเราผู้เป็นพ่อแม่ ก็ต้องทำ�ดีให้ลูกดูด้วย ต้องฝึกลูกให้ดีด้วย ลูกจึงจะดีได้ ฉันรู้อย่างน้ี แต่ก็ต้องปล่อยบ้าง ธรรมดาเด็กก็มกั จะชอบยก ๆ ยอ ๆ หนอ่ ย จะเอาแต่ขูบ่ งั คบั ไม่ได้ เด๋ียวใจฝ่อหมด ข้อสำ�คัญเราต้องควบคุมให้รู้จักเล่น ให้รู้จักซน เทา่ น้นั พอดเี ด็กชายสุวฒั น์ ทํำ�การบ้านกนั เกบ็ ใส่กระเปา๋ เรียน กบั เดก็ หญงิ พฒั นา เสร็จแลว้ หรอื ยัง เรยี บร้อยแล้วครับ เดนิ มาถงึ น่ังลงรว่ มวง กับพอ่ แมด่ ว้ ย เสรจ็ แล้วค่ะ ทันใดนัน้ นางประไพ จงึ ถามว่า เออนี่ ! เจา้ ทง้ั สองทำ�การบ้าน เสรจ็ แล้วหรอื เสรจ็ แลว้ ครบั เสรจ็ แลว้ คะ่ เสียงลูกทัง้ สองบอกแม่พร้อมกนั ประไพ : เอาละ ดแี ลว้ ลกู เดย๋ี วจะถกู ท�ำ โทษอกี เตรยี ม กระเป๋าท่ีจะไปโรงเรียนดีแล้วหรือ เตรียมแล้วครับ เตรียมแล้วค่ะ 14

ลูกท้ังสองตอบพร้อมกัน นางประไพพูดต่อไปว่า ง้ันก็ดีแล้ว นี่แน่ เจ้าทัง้ สองของแม่ เม่ือกลางวนั เจ้าฟังเทศน์หรอื เปลา่ ลกู : ฟงั ครับ ฟังคะ่ ๖. ประไพ : จำ�ได้ไหม ลูก : ได้ค่ะ ได้ครับ เด็กชายสุวัฒน์ต้องนึกอยู่เป็นครู่ จึงตอบออกมาได้ ประไพ : เจา้ วฒั น์ พระเทศนเ์ รอื่ งอะไรลกู สวุ ัฒน์ : เรื่องมงคล ครบั ประไพ : พฒั นาละ่ จำ�ไดไ้ หม พฒั นา : ไดค้ ะ่ พระทา่ นเทศนม์ งคล หนยู งั จ�ำ ไดอ้ กี วา่ พระท่านว่า มงคลมีถึง ๓๘ ข้อค่ะ ท่ีโรงเรียนหนู พระท่านก็มา เทศนอ์ ยา่ งนเี้ หมอื นกันค่ะ หนูจึงจำ�ได้ สุวฒั น์ : ผมนึกไดอ้ ีกแลว้ คณุ แม่ ผมจำ�ได้ว่า วันน้หี ลวงปูจ่ ะพูด ผมเคยได้ฟงั ครู เรอ่ื งมงคลใหฟ้ ังนะ ทา่ นเอาหนงั สอื สอนเด็ก เร่อื งมงคลมาอา่ น ให้นกั เรยี นฟัง และบอกให้รดู้ ้วยวา่ เป็นหนังสอื ทพ่ี ระเจ้าอยหู่ วั ทา่ นให้พิมพ์แจก แกโ่ รงเรียนตา่ ง ๆ 15

เร่อื งมงคลน้ี ครูท่านเอามาอ่านให้ฟังหลายปีแล้วครับ วฒั นย์ ังจำ�ได้เลยครับ วา่ มีเรือ่ งหนง่ึ ท่านว่า อยา่ คบคนพาล ให้คบ บัณฑติ ๗. พัฒนา : หนูก็จำ�ได้ค่ะคุณแม่ หนูจำ�คำ�กลอนได้ว่า “คบพาลพาลพาไปหาผดิ คบบณั ฑติ ทา่ นพาไปหาผล” ในทนั ใดนน้ั เดก็ ชายสวุ ฒั นก์ ต็ อ่ กลอนทจ่ี �ำ ไดท้ นั ทวี า่ “คบคนชว่ั พาตวั ใหอ้ บั จน” ไดเ้ ท่าน้เี องครบั นางประไพหัวเราะชอบใจใหญ่ คบคนชั่วพาตวั ทนั ใดนน้ั คบพาลพาลพาไปหาผดิ ใหอ้ ับจน นายประหยัด คบบณั ฑิตท่านพาไปหาผล เดนิ มาถึงพอดี ไดย้ นิ เสยี งนั้น จึงพูดขึ้นวา่ เหน็ ไหมล่ะ ลูกเราเก่งอย่างนี้ ยงั ไม่ชอบอีกหรือ นางประไพตอบวา่ ใครวา่ ไมช่ อบเลา่ คณุ ชอบนะ่ ชอบละ่ แตต่ อ้ งระวงั จะท�ำ ใหเ้ ดก็ ไดใ้ จ แลว้ หนั มาพดู กบั ลกู ทง้ั สองวา่ แมจ่ ะ บอกตอ่ ใหอ้ กี ค�ำ วา่ มงคลนน้ั ทา่ นหมายความวา่ เหตแุ หง่ ความเจรญิ คือใครอยากจะเจริญ ก็ต้องทำ�ตามมงคลเหล่านั้น แต่แม่มานึกว่า มงคลทั้ง ๓๘ ข้อน้ัน แท้จริงก็คือเป็นธรรมะที่แก้ปัญหาชีวิตของ 16

คนเรานเ่ี อง คอื วา่ คนเราทเ่ี กดิ มามชี วี ติ อยใู่ นโลกน้ี ยอ่ มจะมปี ญั หา ต่าง ๆ มากมาย เมื่อเกิดปัญหาชีวิตขึ้น ก็นำ�เอาข้อธรรมะที่เป็น มงคลนม้ี าแกไ้ ด้ทุกอยา่ ง เชน่ เจ้าไปอยู่โรงเรียน ต้องอย่กู บั ครู ตอ้ ง อยู่กับเพ่ือนนักเรียน เจ้าจะทำ�อย่างไรกับคนเหล่าน้ัน ในมงคล ทา่ นกส็ อนไว้ดงั ทเ่ี จา้ ไดอ้ า่ นมาแลว้ ๘. ในวันน้ีแม่อยากจะบอกลูกสักข้อหนึ่ง ที่พระเทศน์ นับเป็นข้อท่ี ๖ ในมงคล ๓๘ ประการ ข้อท่ี ๖ น้ีพระท่านว่า “การต้ังตนไว้ชอบ” ท่านอธิบายว่า คนที่เกิดมามีชีวิตอยู่ในโลกน้ี ไม่ไดอ้ ยูค่ นเดยี ว ต้องอยู่รวมกับคนอ่ืน ๆ มากดว้ ยกนั อยู่ในโลกนเี้ รามคี นที่ตอ้ ง และคนทเ่ี ราอยรู่ วมกนั นั้น สัมพันธม์ ากมาย ทีใ่ กลช้ ิดกนั ก็มี ที่ห่างกันก็มี ทเ่ี ป็นผใู้ หญก่ ว่าก็มี ที่เสมอกนั กม็ ี ท่ีเด็กกว่ากม็ ี ทีม่ ีความประพฤติดีกม็ ี ทีม่ ีความประพฤติไมด่ กี ม็ ี ทใี่ จดกี ็มี ท่ีใจรา้ ยก็มี และยังมีอย่างอ่นื ๆ อีกหลายอย่าง เราจำ�ต้องอย่ใู น 17

ระหว่างคนเหล่าน้ัน เม่ือเป็นเช่นน้ีก็เกิดมีปัญหาอย่างท่ีแม่ได้บอก ไวแ้ ลว้ วา่ เราจะวางตวั อยา่ งไรจงึ เหมาะ ถา้ เราวางตวั ไมเ่ หมาะ เราก็ เดอื ดรอ้ นเทา่ นน้ั เอง เราจะตอ้ งวางตวั ใหเ้ หมาะ จงึ จะอยไู่ ดอ้ ยา่ งสบาย ๙. นางประไพพดู ตอ่ ไปวา่ แตก่ อ่ นทจ่ี ะพดู วา่ ตง้ั ตนอยา่ งไร จงึ จะเป็นการตัง้ ตนโดยชอบนัน้ แมจ่ ะถามเจา้ ก่อน เจ้าสุวัฒนร์ จู้ ัก ตนไหม สุวฒั น์ : รู้ครบั ประไพ : อะไรเล่าทีเ่ รียกว่าตน สวุ ัฒน์ : ตัวผมทง้ั ตัวน่แี หละครบั คณุ แม่ ประไพ : พัฒนาเล่า ร้ไู หม พฒั นา : รู้ค่ะ ประไพ : รวู้ ่าอะไรลกู วา่ ไปซิ พฒั นา : ก็ตัวหนนู ี่กเ็ หมอื นกันแหละคะ่ คุณแม่ ประไพ : ตัวเจา้ นะ่ ไดแ้ กอ่ ะไร ลองชี้ใหแ้ ม่ดซู ิ พัฒนา : มอื เท้าหัวหูหน้าตาน่แี หละคะ่ ประไพ : อะไรอกี สวุ ฒั น์ : ปากท่พี ดู น่ดี ้วยครับ ประไพ : อะไรอกี ลูก ลูกทั้งสองน่ิงอึ้งตอบไม่ได้ นางประไพจึงรับคำ�ลูก ท้ังสองวา่ ที่ลูกแมพ่ ูดอยา่ งนน้ั กถ็ กู ท้งั คู่ คอื ถ้าพดู งา่ ย ๆ ก็ว่า กาย กับวาจา แตย่ งั ขาดอยู่อีกอย่างหนงึ่ คือ ใจ ใจน้ีส�ำ คัญนกั เปน็ ตน้ ของการท�ำ การพดู เมื่อถือตามหลักน้ี ตนกค็ อื กาย วาจา ใจ ของ 18

เรานี้เอง การต้ังตนไว้ชอบ ก็คือตั้งกาย ต้ังวาจา ตั้งใจ ให้เหมาะ ใหด้ ี จึงจะเรียกว่า ตงั้ ตนไวช้ อบ ๑๐. สุวัฒน์ : ทำ�อยา่ งไรบา้ งครับ คุณแม่ ประไพ : แมจ่ ะพูดแต่ย่อ ๆ กอ่ น คอื ทำ�ดี พดู ดี คิดดี ทำ�ดีพดู ดีคดิ ดีน้ีแหละ ท่านเรียกวา่ ต้งั ตนไวช้ อบ แม่พดู อยา่ งน้ี ลกู แมค่ งจะยงั มองไมเ่ หน็ แมจ่ ะตง้ั หวั ขอ้ ตามทพ่ี ระทา่ นสอนให้ แตเ่ จา้ ตอ้ งรวู้ า่ การตง้ั ตนไวช้ อบนัน้ หมายความว่า การวางตวั ดี หรอื ท่ีเรา ชอบเรียกกันว่า การปรับตัวให้เข้ากับสังคม คือการปรับตัวให้เข้า กบั ใคร ๆ ได้ เชน่ อยบู่ า้ น กเ็ ขา้ กบั พอ่ แม่ ปู่ ยา่ ตา ยายได้ และเมอ่ื ไปอยู่โรงเรียน ก็เข้ากับครูบาอาจารย์และเพื่อนนักเรียนด้วยกันได้ เรยี นเสรจ็ แลว้ โตเปน็ ผใู้ หญไ่ ปท�ำ งานท�ำ การ กเ็ ขา้ กบั คนรว่ มงานได้ ตง้ั แตห่ วั หนา้ จนถงึ คนรว่ มงานทง้ั หมด วางตวั ไดเ้ หมาะอยา่ งน้ี ทา่ น เรียกวา่ ตั้งตนไว้ชอบ ๑๑. นางประไพพดู ต่อไปวา่ พระท่านให้หลกั ไว้ดังนี้ ๑. ไมม่ ศี รัทธา ทำ�ใหม้ ศี รัทธา ๒. ไมม่ ีศีล ทำ�ตัวใหม้ ีศีล ๓. ไม่เคยเสยี สละ ทำ�ให้เปน็ คนเสยี สละ เอาละ ! ลกู แมจ่ �ำ หวั ขอ้ นไ้ี วใ้ หไ้ ดก้ อ่ น วนั นด้ี กึ มากแลว้ ไปนอนกันที เด็กท้ังสองยกมือไหว้แม่กล่าวคำ�ว่าสวัสดี แล้วไป บ้วนปาก แปรงฟนั ลา้ งเท้า เข้าหอ้ งนอนของตน ๆ 19

คำ� ถาม ประ จำ� บท ๑. ตนคืออะไร ? ๒. ๓. ต้ังตนอยา่ งไร นายประหยัด กับครอบครัว เรยี กวา่ ไปวดั ท�ำ ไม ? ต้ังตนไว้ชอบ ? ๔. ๕. พระท่านแสดงหัวขอ้ เด็กชายสวุ ัฒน์กบั เดก็ หญิง การตั้งตนไว้ พัฒนาปฏิบตั ิตนอย่างไร อย่างไรบา้ ง ? เม่อื ก่อนเขา้ นอน ? 20

บท๑ที่ ความเชอื่ วนั กอ่ นแม่พดู เร่อื ง การตง้ั ตนไว้ ๓ ขอ้ ยังจํำ�กันไดอ้ ยู่ไหม ๑. วนั ตอ่ มานางประไพ พฒั นาทร วา่ งงานประจ�ำ วนั แลว้ จงึ เรยี กลกู ทง้ั สองของตนเขา้ มาหา เมอ่ื สอบถามไดค้ วามวา่ ลกู ทง้ั สอง ของตนท�ำ การบา้ นเรยี บรอ้ ยแลว้ ไดถ้ ามเดก็ ชายสวุ ฒั นว์ า่ เมอ่ื วนั กอ่ น แมพ่ ดู ถึงหัวข้อการตัง้ ตนไว้ ๓ ข้อด้วยกนั เจา้ ยังจำ�ได้อยู่หรอื สุวฒั น์ : จำ�ไดค้ รบั ประไพ : พฒั นาเล่า เจ้าจำ�ไดไ้ หม พัฒนา : จำ�ได้ค่ะ คุณแม่ 21

ประไพ : ลองบอกแมห่ น่อยซิ พัฒนา : ๑. ไมม่ ศี รทั ธา ท�ำ ให้มีศรทั ธา ๒. ไม่มศี ีล ท�ำ ให้มศี ลี สวุ ัฒน์กล่าวสอดข้นึ ตอ่ ไปวา่ ๓. ต้องรู้จกั เสียสละ ประไพ : เออ ! ใหม้ นั ไดอ้ ยา่ งนซ้ี ลิ กู ของแม่ ดแี ลว้ ลกู แตค่ ำ�เหล่านี้ยงั เปน็ คำ�อรรถ ๆ อยู่ แมจ่ ะขยายความใหฟ้ ัง จงต้งั ใจ ฟงั ใหด้ นี ะลกู ถา้ ฟงั ไมเ่ ขา้ ใจค�ำ ของแมใ่ หถ้ ามแมไ่ ดท้ นั ที อยา่ ปลอ่ ย ใหข้ า้ มคืนข้ามวันไปเสยี จะลืมเสียหมด แม่จะพูดขอ้ ตน้ กอ่ น ๒. ข้อต้นที่พระท่านว่า ไม่มีศรัทธา ทำ�ให้มีศรัทธาน้ัน หมายความวา่ เมอ่ื เรารตู้ วั เราวา่ ยงั ไมม่ ศี รทั ธา เราตอ้ งปลกู ศรทั ธาขน้ึ ท่านหมายความอย่างน้ี เมื่อคิดดูให้ละเอียดแล้ว ก็เป็นจริงอย่าง ท่านว่า คำ�ว่าศรัทธาในคำ�นั้นท่านแปลว่า ความเชื่อ หมายความ ว่าต้องมีความเช่ือม่ันประจำ�ใจตน ตามปรกติคนเราทุกคนต่างก็มี ร่างกายและจิตใจด้วยกันทุกคน แต่คนเราทุกคนมีความสามารถ ไม่เทา่ กนั ท่านแบง่ ระยะของรา่ งกายและจติ ใจไว้ ๓ ระยะ ระยะท่ี ๑ ระยะท่ี ๒ ระยะท่ี ๓ เปน็ ระยะเติบโต เปน็ ระยะ เปน็ ระยะ คือเร่มิ แตอ่ อ่ นแอ ทรงตัว เสือ่ มจนถงึ ตาย ไปจนแขง็ แรง 22

ระยะที่ ๒ เมื่อกลา่ วตาม แนวของชีวติ ระยะตน้ ระยะที่ ๓ ระยะตน้ เปน็ ระยะเล่าเรยี น ระยะที่ ๒ เป็นระยะทำ�งาน ระยะที่ ๓ เปน็ ระยะหาความสงบ เม่ือเป็นเช่นนี้ คนเราจึงต้องมีความเชื่อ แต่จะเช่ือ ประโลมโดมดายไปก็ไม่ได้ ต้องรู้จักเชื่อเหมือนกัน แม่จะบอกให้ เจา้ รูไ้ วด้ งั นี้ (๑) (๒) (๓) ตอ้ งเชอ่ื พอ่ เชอ่ื แม่ ต้องเชื่อครูอาจารย์ ตอ้ งเชือ่ ผู้ปกครอง (๔) (๕) ต้องเชื่อศาสดาของ ตอ้ งเช่อื ตัวเอง ศาสนา และ 23

๓. ลูกแม่คงจะฟังคำ�เหล่าน้ีเข้าใจบ้าง แต่เพื่อให้เจ้าทำ� ตามคำ�นี้ได้ แม่จะขยายความให้ฟัง เจ้าฟังแล้วเจ้าคงจะนึกสงสัย ในใจว่า ท�ำ ไมจึงต้องให้เชอื่ พอ่ เชอื่ แม่ดว้ ย ข้อนเี้ จา้ ลองนึกดซู ิ เอา ลกู แม่สองคนนแ่ี หละเป็นตัวอย่าง เวลานล้ี ูกแม่ ยงั ท�ำ มาหาเลี้ยงตัวไมไ่ ด้ แมต่ ้องเลยี้ งเจา้ ตอ้ งใหเ้ ครือ่ งแตง่ ตัวเจา้ ตอ้ งหายาใหเ้ จา้ จึงเป็นอยูไ่ ดอ้ ยา่ งน้ี ระยะนีเ้ จา้ ยงั มกี ำ�ลังกาย ไม่พอท่ีจะทำ�การงานได้ ความคดิ เลา่ กย็ งั ไมป่ ระสา คอื ยงั ไมร่ ้ผู ดิ รู้ชอบ รู้แต่วา่ ถงึ เวลากนิ กจ็ ะกิน ถึงเวลานอนกจ็ ะนอน ถึงเวลาเล่นก็จะเลน่ เอาแต่สนกุ เขา้ ว่า ไม่ไดน้ ึกว่าไดข้ องนน้ั มาได้อยา่ งไร 24

แมก่ ต็ อ้ งเลย้ี งดู และตอ้ งเลย้ี งใหด้ ดี ว้ ย จะเลย้ี งเอาแตเ่ พยี งพอไมใ่ ห้ ตายเทา่ นน้ั ไมไ่ ด้ ตอ้ งเลย้ี งใหด้ ดี ว้ ย การทจ่ี ะเลย้ี งใหด้ ไี ด้ เชน่ จะตอ้ ง อบรมใหเ้ ปน็ คนวางตนใหพ้ อเหมาะพอดี ในการทจ่ี ะชว่ ยใหว้ างตนได้ เช่นนนั้ ข้อส�ำ คญั ข้อแรก จะต้องมีความเชอื่ และตอ้ งเชือ่ พอ่ เชือ่ แม่ ๔. ใครไม่เชือ่ พ่อเชอ่ื แม่ ก็เอาตวั ไม่รอด ถ้าเชอ่ื พอ่ เชอ่ื แม่ เอาตวั รอดทกุ คน แมจ่ ะเลา่ เรอ่ื งคนเชอ่ื พอ่ เชอ่ื แมใ่ หฟ้ งั สกั เรอ่ื งหนง่ึ จงฟังใหด้ ี ทา่ นเล่ากนั มาว่าดังน้ี :- ครง้ั โบราณ เจา้ ชายฑฆี าวุ เปน็ ลกู พระเจา้ แผน่ ดนิ แควน้ โกศล ครง้ั หนง่ึ พระเจา้ แผน่ ดนิ แควน้ กาสยี กทพั มารบ จบั พอ่ แมข่ อง เจา้ ชายฑีฆาวุได้ แต่เจ้าชายฑีฆาวุหนีไปได้ ไม่มีใครรู้จัก ปลอมตัว ไปอาศยั อาจารย์คนหน่งึ เล่าเรียนอยู่ในเมอื ง เม่ือเขานำ�พอ่ แม่ ของเจ้าชายฑฆี าวุ เท่ียวตระเวนไปจะฆา่ มีคนไปยนื ดอู ย่เู ปน็ กลมุ่ ใหญ่ ฑฆี าวุกไ็ ปยนื ดอู ย่กู บั เขาดว้ ย จะร้องทักหรือ แสดงอาการอย่างไร กก็ ลวั เขารู้ จงึ นิง่ ดอู ยู่เฉย ๆ 25

ฝา่ ยพ่อแมก่ เ็ ช่นเดยี วกนั กอ่ นท่ีเพชฌฆาตจะลงดาบ จงึ รอ้ งขน้ึ ว่า รกั ยาวให้บั่น “รกั ยาวให้บน่ั รกั สนั้ ใหต้ อ่ รกั ส้ันให้ต่อ เวรไม่ระงับด้วยการจองเวร เวรระงับด้วยการไม่จองเวร” เท่าน้นั แล้วกถ็ ูกประหารชวี ิต เจ้าชายฑีฆาวคุ ดิ จะแกแ้ คน้ อยตู่ ลอดเวลา จึงไปสมัคร เป็นคนเล้ียงช้างของพระเจ้าแผ่นดินองค์นั้น ฑีฆาวุชำ�นาญดีดพิณ เมื่อว่างงานตอนกลางคืนก็ดีดพิณ พระเจ้าแผ่นดินทรงสดับโปรด ใหเ้ ฝา้ ทรงโปรดปรานมากถงึ ประทานต�ำ แหนง่ สารถปี ระจ�ำ พระองค์ ซง่ึ เปน็ ต�ำ แหนง่ ทไ่ี วว้ างใจมาก เม่ือเจ้าชายฑีฆาวุ ตอ้ งเชื่อพอ่ แม่สิ ได้โอกาส จงึ แสดงตัว ใหป้ รากฏจะประหาร พระเจา้ แผ่นดนิ องคน์ ั้น แก้แค้น แตย่ ั้งไวไ้ ด้ ดว้ ยนกึ ถึงค�ำ ส่งั ของพอ่ ครัง้ สุดทา้ ยกอ่ นตายได้ 26

เมอ่ื พระเจา้ แผน่ ดนิ แควน้ กาสที รงทราบ จงึ ตา่ งใหอ้ ภยั แก่กัน ยกแคว้นโกศลคืนให้ครอง เจ้าชายฑีฆาวุก็ได้เป็นพระเจ้า- แผน่ ดนิ แทนพ่อ ต่อมา พระเจา้ แผ่นดนิ แคว้นกาสี ก็ยกลกู สาว ให้เปน็ มเหสดี ว้ ย เจ้าชายฑฆี าวุ ได้ทัง้ แคว้นคืน และมเหสี เพราะเช่ือคำ�พ่อแท้ ๆ นางประไพพูดต่อไปว่า ดูซิลูก เห็นไหมคนท่ีเช่ือพ่อ เชื่อแม่ ดีอย่างน้ีแหละ คนที่เชื่อพ่อแม่จึงจัดว่าเป็นคนวางตัวได้ดี อย่างหน่ึง ๕. เดก็ ชายสวุ ัฒนก์ ับเดก็ หญิงพัฒนาจงึ ถามแมว่ ่า คณุ แม่ ครับ เชอ่ื แม่คนเดียวก็พอ ไม่ต้องเช่อื ครไู ด้ไหมครับ ประไพ : ไม่ได้ ไม่ได้ ลูก ต้องเช่ือครูด้วยจึงจะได้ เพราะครูท่านสอนวิชาความรู้ให้ ถ้าใครไม่เชื่อครู ก็ไม่ได้ความรู้ เทา่ น้นั เองนะลูก 27

ครอู าจารยเ์ ปน็ บคุ คลทเ่ี จา้ ตอ้ งเชอ่ื เทา่ กบั พอ่ แมเ่ หมอื นกนั เพราะในวนั หนง่ึ ๆ ลกู แมอ่ ยบู่ า้ นกบั อยโู่ รงเรยี นเทา่ นน้ั ตอนกลางวนั ลูกแม่ไปอยู่โรงเรียนมากกว่าอยู่บ้าน ตอนกลางคืนลูกแม่อยู่บ้าน วันหน่ึง ๆ ลูกแม่ก็อยู่กับครูกับแม่เท่านั้น ครูท่านเป็นคนให้วิชา ความรแู้ กล่ กู ลกู กต็ อ้ งเชอ่ื ทา่ น ถา้ ใครไมเ่ ชอ่ื ทา่ นคนนน้ั กไ็ มม่ คี วามรู้ คนท่เี ชื่อครเู ทา่ นน้ั ตรงนตี้ ้องทำ�ํ จงึ จะมคี วามรู้ แบบนีน้ ะจ๊ะ ความรทู้ ุกอย่าง ที่เจา้ ได้มานี้ เจา้ ได้จากครูทั้งนนั้ เพราะฉะนัน้ จงึ ตอ้ งเช่อื ครู คนที่เช่อื ครู จงึ จัดว่า เปน็ คนตั้งตนไว้ชอบได้อยา่ งหน่ึง ๖. นางประไพพดู ตอ่ ไปวา่ นอกจากเชอ่ื ครแู ละเชอ่ื พอ่ แม่ แล้ว เจ้ายังจะต้องเชื่อผู้ปกครองด้วย ผู้ปกครองน้ีแม่หมายเอาคน ท่ีคอยดูแลความเป็นอยู่ของเรา เช่นอย่างลูกของแม่จะไปโรงเรียน ทางโรงเรียนเขาต้องให้เด็กทุกคนมีผู้ปกครองด้วย ผู้ปกครองเป็น ผู้รับรองเด็ก ถ้าไม่มีผู้ปกครอง ทางโรงเรียนเขาไม่รับ เขาให้มี ผู้ปกครองไว้ทำ�ไม เขาให้มีไว้สำ�หรับคอยช่วยกันควบคุมเด็ก คอย 28

ดูแลความเป็นอยู่ของเด็ก ดังน้ัน พ่อแม่จึงเป็นท้ังพ่อแม่และเป็น ผปู้ กครองดว้ ย แตถ่ า้ นกั เรยี นคนนน้ั ไปอยโู่ รงเรยี นตา่ งบา้ น ไกลบา้ น ไกลพอ่ แม่ออกไป เขาต้องให้มีผปู้ กครองอีกตา่ งหาก คอยดแู ลเดก็ อกี ด้วย ๗. อกี อยา่ งหนง่ึ ทเ่ี ราเรยี กวา่ บา้ นเมอื งนก้ี เ็ พราะมผี ปู้ กครอง ถา้ ไมม่ ผี ปู้ กครองกไ็ มเ่ รยี กวา่ บา้ นเมอื ง เพราะฉะนน้ั บา้ นเมอื งเขาจงึ จดั การปกครองเปน็ ชน้ั ๆ ตง้ั แตห่ มเู่ ลก็ จนถงึ หมใู่ หญ่ ทเ่ี ราเรยี กกนั ว่าประเทศชาติ แม่จะช้ีให้ดู ในครอบครัวของเรา ก็มีพ่อเจ้าเป็น ผปู้ กครอง ในหมบู่ า้ นของเราทเ่ี รยี กวา่ หมทู่ ่ี ๗ กม็ ผี ใู้ หญบ่ า้ นคนหนง่ึ เป็นผู้ปกครอง หลายหมู่บ้านเป็นตำ�บล อย่างตำ�บลบ้านของเรานี้ กม็ กี �ำ นนั เปน็ ผปู้ กครอง หลายต�ำ บลเปน็ อ�ำ เภอ มนี ายอ�ำ เภอคนหนง่ึ เปน็ ผปู้ กครอง หลายอ�ำ เภอเปน็ จงั หวดั มผี วู้ า่ ราชการจงั หวดั คนหนง่ึ เปน็ ผูป้ กครอง หลายจงั หวดั เป็นประเทศ เช่นประเทศไทยของเรา มคี ณะรัฐบาลของ สมเด็จพระเจา้ อย่หู วั เป็นผปู้ กครอง เราอย่ไู ดอ้ ย่างปลอดภยั ก็เพราะเรามผี ูป้ กครอง เราได้เลา่ เรียนศึกษา ไดท้ ำ�มาหากนิ อยา่ งปรกตสิ ขุ กเ็ พราะเรามีผู้ปกครอง 29

๘. การทเ่ี ราอยใู่ นบา้ นในเมอื งนน้ั ถา้ จะใหก้ ารอยขู่ องเรา เป็นปรกตสิ ขุ เราตอ้ งเช่ือผู้ปกครอง เชน่ เราไดย้ ินได้ฟังขา่ วเลา่ ลือ อย่างใด เราจะเชื่อไดเ้ พยี งไร เราต้องฟงั ว่ารฐั บาลประกาศใหท้ ราบ หรือไม่ แต่เราจะรู้ได้ว่ารัฐบาลประกาศ เราต้องฟังจากผู้ปกครอง ตามลำ�ดับ เช่นเราอยู่ในครอบครัว เราต้องเชื่อหัวหน้าครอบครัว เราอยู่ในหมู่บ้าน เราต้องเช่ือผู้ใหญ่บ้าน เราอยู่ในตำ�บล เราต้อง เช่ือกำ�นัน เราอยู่ในอำ�เภอ เราต้องเช่ือนายอำ�เภอ เราอยู่ในเมือง เราต้องเช่อื เจา้ เมืองหรอื ผู้ว่าราชการจังหวดั เราอยใู่ นประเทศ เรา ต้องเช่อื รฐั บาลของพระเจา้ อยหู่ ัว เพราะอะไรเราจึงต้องเชอื่ อยา่ งนี้ กเ็ พราะว่าผ้ปู กครองทา่ นยอ่ มจะรวู้ ่าอะไรเปน็ อะไร สิ่งใดทเ่ี ปน็ ภัย แก่เรา ท่านก็หาทางกำ�จัดหรือป้องกัน เช่นกำ�จัดเหตุร้าย ป้องกัน โรคภัยไขเ้ จบ็ เป็นต้น สง่ิ ทจี่ ะเป็น ดำ�ํ เนนิ ชวี ติ ตามหลกั ความผาสกุ แกเ่ รา เศรษฐกจิ พอเพียงดีแน่ ลกู หลาน ท่านก็สง่ เสริม หรือสร้างสรรค์ใหม้ ีขึน้ เช่น สง่ เสรมิ การทำ�มาหาเล้ยี งชีพ เปน็ ตน้ 30

ด้วยเหตุน้ีแหละเราต้องเช่ือ เม่ือเราเช่ือท่าน เราก็ ปลอดภยั เพราะฉะนน้ั การเชื่อผู้ปกครอง จึงจัดเป็นการวางตนได้ เหมาะเจาะอยา่ งหนง่ึ ๙. อีกอยา่ งหน่ึง ตอ้ งเชอื่ ศาสดาของศาสนา ข้อนหี้ มาย- ความวา่ ศาสนาทค่ี นนบั ถอื มหี ลายศาสนาดว้ ยกนั ใครถอื ศาสนาไหน ก็ต้องเช่ือศาสดาของศาสนาน้ัน นางประไพพูดว่า ในท่ีน้ีแม่จะ ยกตวั อย่างให้เจ้าเห็น ในครอบครัวของเราน้ี ถือศาสนาพทุ ธ อรหงั สมั มา... คนท่ีถือศาสนาพทุ ธ ตอ้ งเชอื่ พระพุทธเจา้ ถึงใครจะอา้ งว่า พระพทุ ธเจา้ ทา่ นไมไ่ ด้บอก หรือไมไ่ ด้บังคับ ให้ใครเชือ่ ท่าน แต่เราก็ตอ้ งเช่ือท่าน พัฒนา : ทำ�ไมจึงเป็นอยา่ งนัน้ เลา่ ค่ะ คุณแม่ ประไพ : เพราะความเชอ่ื เช่นนเี้ ปน็ สำ�คญั นัก การเช่อื พระพทุ ธเจา้ ทแ่ี ทก้ ค็ อื เชอ่ื พระธรรมของพระพทุ ธเจา้ ทพ่ี ระสงฆท์ า่ น นำ�มาสง่ั สอน ธรรมะเป็นหลักของใจ ใครก็ตาม จะทำ�อะไร ก็ตอ้ ง 31

มหี ลกั ใจ การทจ่ี ะมหี ลกั ใจดไี ดก้ ต็ อ้ งเชอ่ื พระพทุ ธเจา้ เมอ่ื เปน็ เชน่ น้ี ถึงพระพุทธเจ้าท่านจะไม่บอกให้เช่ือท่าน คนที่ถือศาสนาพุทธก็ ต้องเช่ือท่าน เม่ือไม่เชื่อท่าน ที่แท้ก็คือไม่ได้ถือศาสนาพุทธน่ันเอง พระพุทธเจ้าท่านบอกไว้ว่า “ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นพระพุทธเจ้า คือเหน็ ท่าน” ทา่ นยังบอกอกี ว่า ประพฤตติ ามธรรม “ถงึ ใครจะเกาะ ถงึ จะไดช้ อ่ื ว่าเปน็ ชายจีวรทา่ นอยทู่ ุกวนั ผอู้ ย่ใู กล้ศาสนา แตถ่ ้าไมป่ ระพฤติธรรมะ ผู้นน้ั กเ็ หมอื นอยไู่ กลท่าน ถา้ ใครประพฤตธิ รรมะ ถึงจะอยู่ไกลทา่ น ตัง้ หมน่ื ตั้งแสนโยชน์ กเ็ หมอื นอยู่ใกล้ท่าน” ๑๐. นางประไพพดู ตอ่ ไปวา่ พอ่ กบั แมจ่ ะสอนลกู ไดด้ ี กต็ อ้ ง มธี รรมะ ครอู าจารยจ์ ะใหว้ ชิ าความรแู้ กน่ กั เรยี นไดด้ ี กต็ อ้ งมธี รรมะ ผู้ปกครองจะปกครองได้ดี ก็ต้องมีธรรมะ ถ้าพ่อแม่ ครูอาจารย์ ผู้ปกครองไม่มีธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นหลักใจแล้ว จะอบรม สงั่ สอนลกู หรอื จะปกครองใหด้ ไี มไ่ ดเ้ ลยเปน็ อันขาด 32

ธรรมะของพระพุทธเจา้ ท่เี ปน็ หัวข้อใหญ่น้ัน ไดแ้ ก่ ๑. ไม่ทำ�ช่ัวทกุ อยา่ ง ๒. ทำ�ความดี ๓. ทำ�จิตใจใหบ้ รสิ ทุ ธ์ิ คนทป่ี ระพฤติตาม หลักทง้ั ๓ น้ี ได้ชื่อว่าประพฤตธิ รรมะ คนที่ประพฤติธรรมะก็ชื่อว่าเชื่อพระพุทธเจ้า คนเช่ือ พระพทุ ธเจ้าช่อื ว่าต้ังตนไวช้ อบอยา่ งนี้ ๑๑. นางประไพพดู ตอ่ ไปว่า ความเชอื่ แต่ละอยา่ ง ๆ ท่แี ม่ พูดมาแล้วนั้น ก็มีความจำ�เป็นสำ�หรับชีวิตของเราแต่ละอย่าง ๆ แต่ยังมีท่ีสำ�คัญท่ีสุดอีกอย่างหน่ึง คือ เช่ือตัวเอง ท่ีต้องเชื่อตัวเอง กเ็ พราะเรามตี ัวเป็นสำ�คัญอะไร ๆ มนั กร็ วมลงทต่ี ัวเราทงั้ นนั้ และ ตัวเราอยู่กับเราตลอดวันตลอดคืน อยู่กับคนอื่นเพียงเล็กน้อยหรือ ทั้ง ๆ ท่ีอยกู่ บั คนอืน่ นนั้ ก็อย่กู ับตวั เองดว้ ย แมจ่ ะว่าใหฟ้ งั จริงอยู่ ถึงแม้ว่า ในขณะน้ีเจ้าจะต้องเชื่อแม่ก็ตาม แต่ถ้าไม่มีเจ้าเป็นหลัก อยู่แลว้ คือถ้าเจ้าไมเ่ ชอื่ แมแ่ ล้ว แมจ่ ะทำ�อยา่ งไรได้ เจา้ เชื่อแม่ แม่ ก็สอนเจ้าได้ แต่แม่จะอยู่สอนเจ้าได้สักเท่าไร แม่ก็จะต้องตายไป ก่อนเจ้า นี่แม่ว่าตามที่เห็นโดยส่วนมากเท่านั้น ถึงครูเจ้าท่านก็จะ 33

ต้องแก่ตายไปก่อนเจ้า ถึงแม้จะไม่ตาย ท่านก็จะคอยว่าเจ้าได้แต่ ในขณะท่ีเจ้าอยูใ่ นโรงเรียนเท่าน้ัน เม่อื เจ้าออกจากโรงเรยี นไปแล้ว ถึงท่านอยากจะสอนเจ้าอีกก็ไม่ค่อยได้พบเจ้าเสียแล้ว แต่ตัวเจ้า เทา่ นน้ั ทอ่ี ยกู่ บั เจา้ เพราะฉะนน้ั เจา้ ตอ้ งเชอ่ื ตวั เจา้ เองดว้ ย การเชอ่ื ตนนี้ หมายความว่า เช่ือการกระทำ�ของตนเอง เรียกง่าย ๆ ว่า เชือ่ กรรม เชน่ เช่ือวา่ ท�ำ ดีได้ดี ท�ำ ชวั่ ได้ช่วั ๑๒. นางประไพพดู ตอ่ ไปวา่ ลกู ของแมเ่ อย๋ แมอ่ ยากจะบอก ใหล้ กู แมเ่ ขา้ ใจจรงิ ๆ วา่ แมน่ เ้ี ปน็ แตค่ นชว่ ยลกู ใหท้ �ำ ดเี ทา่ นน้ั สว่ นท่ี จะท�ำ ดีทำ�ชั่วนนั้ ตอ้ งเปน็ ตวั ลูกเอง แมบ่ อกใหท้ �ำ ดี เจา้ ไมท่ ำ� เจา้ ก็ ดไี มไ่ ด้ เชน่ แม่หาข้าวให้ลูกกิน ไม่ตงั้ ใจเรียน ครูกช็ ว่ ยอะไรเธอไมไ่ ดน้ ะ ลูกไมก่ ิน ลูกก็ไมอ่ ม่ิ แม่ก็ได้แตช่ ว่ ยหามาใหเ้ ทา่ นัน้ เรอ่ื งกนิ เปน็ เรอ่ื งของลูก ครกู ็เหมือนกัน ท่านกเ็ ปน็ แตผ่ ชู้ ว่ ย ใหเ้ ราเลา่ เรียนเทา่ น้ัน ท่านสอนวชิ าใหเ้ รา ถา้ เราไมเ่ รยี นเราก็ไม่รู้ นแ่ี หละเหน็ ไหมเลา่ ลกู ตัวเองเปน็ ส�ำ คัญอยา่ งน้ี 34

นางประไพกล่าวย้ำ�แล้วยำ้�อีกว่า แม่ขอให้ลูกแม่เช่ือว่า ทำ�ดีได้ดี ทำ�ชั่วได้ชั่ว หรือเจ้าคิดเอาเองว่าตัวเองต้องกินจึงจะอ่ิม ตัวเองต้องเล่าเรียน จึงจะมีวิชาความรู้ ตัวเองต้องขยันทำ�การงาน งานจึงจะเสร็จ ทั้งดีท้ังช่ัวตัวเองต้องทำ�เอาเองทั้งน้ัน ขอให้ลูกแม่ เช่ือตนเองอย่างน้ีเถิด การเช่ือตนเองจึงจัดว่าเป็นการต้ังตนไว้ชอบ ความเชอ่ื ทกุ ๆ อยา่ งทแ่ี มพ่ ดู ใหฟ้ งั มาน้ี เปน็ วธิ กี ารทจ่ี ะใหต้ ง้ั ตนไวช้ อบ ประการหน่งึ ขอใหล้ กู แม่จงมคี วามเช่อื เถิด วนั น้แี มพ่ ูดเท่าน้แี หละ ขอหยดุ เพยี งเทา่ น้ี สวสั ดคี รบั สวสั ดคี ะ่ เดก็ ทง้ั สองกลา่ วดงั นพ้ี รอ้ มกบั ยกมอื ไหว้ แลว้ กลับไปยังทีข่ องตน ๆ ไปพกั ผอ่ นไดแ้ ลว้ ลกู ขอบคณุ ครบั /คะ่ 35

คำ� ถาม ประ จำ� บท ๑. ๒. ความเชอื่ คืออะไร เชอื่ อยา่ งไร เรยี กว่า ท่านสอนใหเ้ ชอื่ เช่ือพ่อเชอ่ื แม่ ? อยา่ งไร ? ๓. ๔. ทำ�ไมเราตอ้ ง ทำ�อย่างไร เช่อื ครดู ้วย ? เรียกว่า เชื่อผ้ปู กครอง ? ๕. ๖. เชื่อพระพทุ ธเจ้า เชื่อตน ดอี ย่างไร ถา้ ไมเ่ ช่ือ คอื เช่ืออยา่ งไร ? จะเสยี หายหรอื ไม่ ? 36

บท๒ท่ี ศีล ๑. อยู่มาวันหนึ่งนางประไพ พัฒนาทร เห็นลูกทั้งสอง ของตนว่างธุระ เล่นอยู่ท่ีสนามหญ้าหน้าบ้าน จึงเรียกให้ข้ึนมาบน ชานเรือน พอตกคำ่�ก็พากันเข้าร่มเพื่อมิให้ถูกนำ้�ค้างมากนัก เมื่อ เดก็ ทง้ั สองมาถงึ เรยี บรอ้ ยแลว้ จงึ กลา่ วขน้ึ วา่ เจา้ ทง้ั สองท�ำ การบา้ น เสรจ็ แล้วหรอื ลกู : เสร็จแลว้ ค่ะ เสรจ็ แล้วครบั 37

ประไพ : ดีแล้วลูก วันนี้แม่จะพูดถึงหลักการต้ังตน ไว้ชอบอีกข้อหนึ่ง คือต้องมีศีล พระท่านว่าคนมีศีลเป็นคนตั้งตน ไวช้ อบ พัฒนา : ศลี นี้เป็นอย่างไรคะ ประไพ : อย่างน้ีลูก ศีลเป็นคำ�ไทยมาจากภาษาบาลี เป็นหลักความประพฤติทางกายและวาจา หรือความประพฤติดี ศีลเป็นมนุษยธรรม เป็นธรรมะที่ทำ�คนให้เป็นคน หมายความว่า เมอ่ื เกดิ มาเปน็ คนโดยรปู รา่ งแลว้ ตอ้ งมศี ลี ดว้ ยจงึ จะเปน็ คนสมบรู ณ์ ถ้าไม่มีศีลท่านว่าเป็นคนแต่รูปร่าง ความประพฤติไม่เป็นคน ต้อง มีศีลด้วยจึงจะเรียกว่าเป็นคนเต็มคน ศีลน้ีแหละเป็นเครื่องวัดให้ รู้วา่ คนต่างจากสัตวอ์ ยา่ งไร สัตว์บางชนิด เชน่ ลงิ เมือ่ เราดูอวยั วะแลว้ ก็เหมือน ๆ กับคน แตไ่ มน่ ับว่าเป็นคน เพราะไม่มศี ีล คนเรากเ็ หมอื นกนั เมอ่ื ไม่มีศีล ก็มีสภาพคล้ายสตั ว์ การตง้ั ตนในศลี จึงเปน็ วธิ หี น่งึ ทีช่ ่วยใหไ้ ด้ชือ่ วา่ ตั้งตน ไว้ชอบ 38

๒. ประไพ : เขา้ ใจหรอื ยังลูก เจ้าก็เหมอื นกัน ถ้าไม่มศี ีล กไ็ มเ่ ปน็ คนเหมอื นกันนะ สุวัฒน์ : ทำ�อยา่ งไรจึงจะมศี ีลเล่าครับ ประไพ : ตอ้ งประพฤติตามองค์ของศีลซิลกู แลว้ นาง- ประไพกล่าวต่อไปว่า ศีลน้ันมีอยู่หลายช้ัน ในท่ีน้ีแม่จะพูดถึงศีล ช้นั ต้นเทา่ นนั้ ศีลช้ันต้นท่านเรียกว่าศีล ๕ หรือเบญจศีล หรือ เบญจเวรวริ ตั ิ เจา้ จำ�งา่ ย ๆ ว่าศลี ๕ ก็แล้วกนั ท่เี รยี กวา่ ศลี ๕ นน้ั เพราะมี ๕ ข้อ หมายความว่า เม่ือจะถือแบบน้ี ก็ต้องถือให้ครบ ทั้ง ๕ เหมือนท่ีลูกแมแ่ ตง่ เคร่อื งแบบ จะเปน็ แบบลูกเสือดงั ที่ เจ้าสวุ ฒั น์แตง่ หรอื จะเปน็ แบบอนกุ าชาด เจา้ กต็ อ้ งแต่งใหค้ รบแบบ จะขาดอยา่ งใดอย่างหนง่ึ ไม่ได้ ถ้าขาดไปเราจะเรียกอย่างนั้นไม่ได้ ศลี ๕ กเ็ หมอื นกนั เราจะถอื กต็ อ้ งถอื ใหค้ รบ ๕ จะถอื แต่ขอ้ ใดข้อหนง่ึ แลว้ จะเรียกวา่ ถือศีล ๕ ไม่ได้ ตอ้ งครบทกุ ข้อจึงจะ เรียกว่าศลี ๕ 39

๓. จงต้ังใจฟังให้ดีนะลูกนะ แม่จะขยายความให้ฟังดังน้ี ศีลข้อ ๑ น้ัน มีคำ�บาลีที่เราถือเป็นธรรมเนียมในการรับศีลว่า ปาณาติปาตา เวรมณีสิกฺขาปทํ สมาทิยามิ แปลว่า เว้นฆ่าสัตว์ หมายความวา่ ไมป่ ระทุษร้ายกนั ไมท่ �ำ รา้ ยเบยี ดเบยี นกัน ไมท่ รมานกัน ไม่ทุบตชี กตอ่ ยกัน ไม่ฆา่ กัน ไม่ว่าคนหรอื สตั ว์ ไมว่ ่าสัตว์เล็กสตั ว์ใหญ่ ไม่ทำ�ทั้งนนั้ งดเว้นได้อย่างน้ี เรียกว่ามีศีลข้อท่ี ๑ เมื่องดเว้นได้ ดงั นแ้ี ลว้ ตอ้ งชว่ ยเหลอื กนั ทางกาย เหน็ คนหรอื สตั วต์ กทกุ ขไ์ ดย้ าก ตอ้ งชว่ ยเหลอื เชน่ ชว่ ยคนตกน�ำ้ ชว่ ยดบั ไฟ ชว่ ยคนเจบ็ ไข้ เปน็ ตน้ ซึ่งพวกลูกเสือเคยได้รับพระราชทานเหรียญลูกเสือสรรเสริญอยู่ เสมอ ๆ น้ีเป็นความประพฤติชอบ คือเป็นการกระทำ�ท่ีถูกท่ีควร ทางกายรวมเข้ากับศลี ขอ้ ๑ ๔. ศลี ขอ้ ๒ มคี �ำ บาลวี า่ อทนิ นฺ าทานา เวรมณสี กิ ขฺ าปทํ สมาทิยามิ แปลว่า เว้นลักทรัพย์ หมายความว่า ไม่มือไวใจเร็ว หยิบฉวยของใคร ๆ เอาตามชอบใจจนกลายเป็นขโมย กลายเป็น 40

ปล้นสะดม หรืออย่างที่นิยมพูดว่า ไม่ละเมิดกรรมสิทธ์ิในทรัพย์- สมบตั ขิ องเขา โดยทส่ี ดุ แมก้ ารท�ำ ลายทรพั ยข์ องเขา กน็ บั เขา้ ในขอ้ น้ี แม่เคยเห็นเดก็ บางคน เอาถา่ นไฟหรือ ของอย่างอื่น เทีย่ วขดี เขยี น ตามกำ�แพง หรือฝาผนัง หรอื พ้ืนถนน บางคนกท็ �ำ ถนนหนทาง ให้เปรอะเป้อื น บางคนก็เอาก้อนดินก้อนหินขว้างปาหลอดไฟฟ้าหรือ นกทเ่ี กาะอยูต่ ามหลงั คาบา้ น บางคนชกั วา่ วติดสายไฟสายโทรเลข โทรศพั ท์ ปนี ปา่ ยไปถกู ไฟฟา้ ตายไปกม็ ี อาการเหลา่ นเ้ี ปน็ การท�ำ ลาย ทรพั ยส์ มบตั ทิ ง้ั นน้ั เมอ่ื งดเวน้ ขอ้ นี้ ตอ้ งแบง่ ปนั กนั กนิ กนั ใชต้ ามควร อยา่ งท่ีเจา้ หาสง่ิ ของ ตามทท่ี างโรงเรียน กำ�หนดให้ นำ�เอาไปรวมกันแลว้ ต่างคนตา่ งจบั ฉลาก เมื่อคราววันปีใหม่นั้น กจ็ ดั วา่ เป็นการแบ่งปันกันกนิ 41

หรืออย่างท่ีแม่ให้เจ้าตักบาตรพระทุกเช้าเป็นประจำ� อยนู่ ้ี กจ็ ดั วา่ เปน็ การแบง่ ปนั กนั เมอ่ื ยงั ไมส่ ามารถจะท�ำ ไดอ้ ยา่ งนน้ั กช็ ว่ ยกนั รกั ษาทรพั ยส์ มบตั อิ นั เปน็ ของบคุ คลหรอื ของกลาง อยา่ งน้ี ก็จัดวา่ เป็นคนมศี ลี ๕. ศีลข้อ ๓ มีคำ�บาลีว่า กาเมสุมิจฺฉาจารา เวรมณี- สกิ ขฺ าปทํ สมาทยิ ามิ แปลวา่ เวน้ ประพฤตผิ ดิ ในกาม หมายความวา่ ไมผ่ ดิ ลกู ผดิ เมยี เขา ขอ้ นเ้ี จา้ ยงั เดก็ ยงั ไมร่ ไู้ มเ่ ขา้ ใจ แตเ่ ดก็ เชน่ ลกู แมน่ ้ี ในโรงเรยี นของเจ้ามีเดก็ ชายเด็กหญิง เจ้าอย่าข่มเหงเดก็ หญิง อยา่ ล้อให้ได้อาย เมื่อเจ้าโตเป็นหนุ่มขึ้นแล้ว เจ้าอย่ารังแกหญิงสาวให้ ได้อาย อย่าเคาะแคะเก้ียวพาราสี อย่าสมสู่กับเขาให้เสียตัว ต้อง ต้ังใจเล่าเรียนให้สำ�เร็จก่อน ถึงคราวจะมีครอบครัว มีเหย้ามีเรือน มผี วั มเี มีย พอ่ แม่ พี่ ปา้ นา้ อา หรอื ผ้หู ลกั ผ้ใู หญ่จะจัดการให้ตาม ประเพณนี ยิ ม ยดึ มนั่ ในรกั เดียว เมือ่ มีค่คู รองแล้ว ก็จงรักใครส่ มัครสมาน เอาอกเอาใจกัน ไมป่ ระพฤตนิ อกใจกัน จงยินดแี ตเ่ ฉพาะทเ่ี ป็น คคู่ รองของตนเท่าน้ัน อย่างทพ่ี ่อกบั แม่อยู่ด้วยกนั อย่างนี้ นีก้ ็จัดว่าเปน็ ผมู้ ีศีลขอ้ ท่ี ๓ 42

๖. ศีลข้อ ๔ มีคำ�บาลีว่า มุสาวาทา เวรมณีสิกฺขาปทํ สมาทยิ ามิ แปลวา่ เวน้ พดู เทจ็ หมายความวา่ ไมพ่ ดู ใหค้ ลาดเคลอ่ื น จากความจริง ไม่กลับเท็จเป็นจริง ไม่กลับจริงเป็นเท็จ พูดตรงไป ตรงมา เห็นอย่างไรรอู้ ย่างไร พดู อยา่ งน้ัน แสดงอยา่ งนนั้ นอกจาก ไม่พูดอยา่ งน้แี ลว้ ไม่เทยี่ วพดู ลวงมสุ า ต้องไม่พูดส่อเสียด ยุยงใหเ้ ขาแตกรา้ วกนั ต้องไมพ่ ูดคำ�หยาบคาย ดา่ ว่าให้เขาเจบ็ ชำ�้ น้ำ�ใจ ต้องไมพ่ ดู เพอ้ เจอ้ คอื ไมพ่ ูดแทรกแซง เขากำ�ลังพดู กนั อยู่ ไมพ่ ดู ไมค่ ยุ ในเวลาฟงั เทศน์ ฟงั ปาฐกถา ฟงั ค�ำ สอน เปน็ ตน้ เม่ืองดเว้นไม่พูดคำ�เหล่านี้ได้แล้ว ต้องพูดคำ�จริง คำ�อ่อนหวาน คำ�สมานสามัคคี คำ�มีหลักฐานตรงตามกาลเทศะ ดังนี้จัดว่ามีศีล ขอ้ ๔ เป็นความสภุ าพทางวาจา ๗. ศีลข้อ ๕ มีคำ�บาลีว่า สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา เวรมณีสิกฺขาปทํ สมาทิยามิ เว้นดื่มน้ำ�เมา คือ สุราและเมรัย หมายความว่า ไม่กินของเบื่อเมาถึงชนิดท่ีเรียกว่าเป็นยาเสพย์ติด๓ ใหโ้ ทษ รวมทง้ั กญั ชายาฝน่ิ และเฮโรอนี โดยทส่ี ดุ แมบ้ หุ รก่ี ค็ วรงดเวน้ ๓ ยาเสพตดิ 43

ของเบอ่ื เมาเหลา่ น้ี ท�ำ ใหล้ มื ตวั ตามปรกตคิ นเรา เมอ่ื ไมก่ นิ เหลา้ กนิ ยา กด็ เู ปน็ ปรกตดิ ี แตพ่ อกนิ เหลา้ เขา้ ไปแลว้ กลายเปน็ อกี คนหนง่ึ สง่ิ ท่ี ทำ�ไมไ่ ด้ กท็ ำ�ได้ คำ�ท่ีพดู ไมไ่ ด้กพ็ ดู ได้ หมดความละอาย เมอื่ เมาแล้ว กเ็ ปน็ เหตุ ใหท้ ะเลาะกัน วิวาททบุ ตี ชกต่อยแทงฟัน โกหกพกลม พูดพร�ำ่ ทำ�ผิด ประเพณีนิยมทด่ี งี าม เพราะเหตุน้ีของเบื่อเมาทุกชนิดจึงเป็นของควรงดเว้นให้ เด็ดขาด เมื่องดเว้นได้ จิตใจก็มีสติสัมปชัญญะ จะพูดจะทำ�ก็ไม่ ผิดพลาด ความคดิ อา่ นก็ถูกตอ้ ง นีจ้ ัดว่ามีศลี ขอ้ ๕ ๘. นางประไพพูดว่า ลูกแม่ เม่ือลูกแม่จะรักษาศีลจะรับ จากพระกไ็ ด้ หรอื จากค�ำ แนะน�ำ ของแมน่ ก้ี ไ็ ดห้ รอื ของใคร ๆ ทร่ี จู้ กั ศลี กไ็ ด้ แตท่ ด่ี ที ส่ี ดุ ควรรบั จากพระ เมอ่ื เจา้ รเู้ ชน่ นแ้ี ลว้ เจา้ จะงดเวน้ เอง ก็ได้ คนที่เกิดมาแล้ว รักษาศีลนี้ไม่ได้ แม่คิดว่าเสียทีเกิดทีเดียว พระทา่ นว่าศลี ๕ เป็นมนษุ ยธรรม เป็นธรรมะทที่ �ำ คนใหเ้ ปน็ คน 44

ลูกของแม่ แม่คิดว่า ศีล ๕ นี้แหละเป็นอุบายท่ีจะช่วยให้ เราปรับตัวให้เข้ากับสังคมได้อย่างหนึ่ง พระท่านจึงกำ�หนดว่าเป็น เครือ่ งชว่ ยให้คนเราตั้งตนไวช้ อบด้วย เอาละ วนั นีแ้ ม่พดู มามากแลว้ หยุดกันที ตวั อย่างข้างบนคือ คนทท่ี �ํำ ผดิ ศีล ๕ จะ้ ลูก 45

คำ� ถาม ประ จำ� บท ๑. ทำ�ไมเราจะตอ้ ง มีศลี ดว้ ย ? ๒. ๓. ศลี แปลวา่ กระไร ศลี มกี ช่ี ้นั หมายความว่า ทเี่ รยี กว่าศลี ๕ นน้ั คืออะไรบา้ ง ? อย่างไร ? ๔. ๕. วิธที จ่ี ะรักษาศีลน้ัน คนมศี ีล กบั คนไม่มศี ีล จะต้องท�ำ อยา่ งไร ? ตา่ งกันอยา่ งไร ? 46

บท๓ท่ี การจเสาคียะสละ คุณแมค่ รับ ! คณุ แม่ครบั ! ๑. คุณแม่ครับ ! คุณแม่ครับ ! เด็กชายสุวัฒน์ ส่งเสียง เรยี กนางประไพ พฒั นาทร แมข่ องตนซง่ึ ยนื อยทู่ ห่ี นา้ เรอื น ในขณะท่ี กลบั จากโรงเรยี น ประไพ : อะไรลกู สง่ เสียงจา้ มาเชียว สวุ ฒั น์ : ทโ่ี รงเรยี นวนั น้ี ครทู า่ นประกาศวา่ พระเจา้ อยหู่ วั ท่านเปิดโอกาสให้คนทุกคนช่วยกันสละเงินทองคนละเล็กละน้อย 47

หรอื ถา้ ใครมผี า้ นงุ่ ผา้ หม่ หรอื เสอ้ื กางเกงจะบรจิ าคใหแ้ กท่ างราชการ เพือ่ นำ�ไปชว่ ยเหลอื ชาวปักษใ์ ต้ทถ่ี ูกพายุใหญค่ ราวนคี้ รบั ประไพ : ลกู ให้เขาบ้าง หรอื เปล่าเลา่ สวุ ฒั น์ : ใหค้ รบั วันนผ้ี มเอาคา่ ขนม ท่ผี มเคยเหลอื ไวฝ้ ากออมสิน วันละสลึงนน้ั ให้ครทู า่ นไป พร่งุ นผ้ี มจะให้อีกครับ คณุ แม่ พัฒนา : ทโี่ รงเรียนหนกู ็มีเหมอื นกันค่ะ สวุ ฒั น์ : เธอใหเ้ ขาหรอื เปล่า พัฒนา พัฒนา : ให้ซิ วัฒน์ พัฒนาให้ต้ัง ๒ สลึงแน่ะ ต้อง อดขนมทั้งวนั เลย สวุ ฒั น์ : เอางน้ั เชยี วหรอื พฒั นา ถา้ อยา่ งนน้ั พรงุ่ นว้ี ฒั น์ ให้บา้ ง ยอมอดขนมเสียสกั ๒-๓ วัน แลว้ พดู ต่อไปว่า คณุ แมค่ รบั เส้ือกางเกงท่ใี ชแ้ ลว้ คณุ แมเ่ ก็บไวบ้ ้างไหม ประไพ : มีซิลูก แม่ก็คิดว่าจะรวมห่อให้ลูกเอาไปให้ รวมกบั ทีโ่ รงเรยี นเหมอื นกนั พฒั นา : คุณแมแ่ บ่งใหห้ นูดว้ ยนะคะ 48