Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore กฎเกณฑ์การพิจารณาสัตว์ที่อนุมัติตามหลักการ

กฎเกณฑ์การพิจารณาสัตว์ที่อนุมัติตามหลักการ

Description: กฎเกณฑ์การพิจารณาสัตว์ที่อนุมัติตามหลักการ.

Search

Read the Text Version

กฎเกณฑก์ ารพจิ ารณาสตั วท์ ี่อนมุ ัตติ ามหลกั การ ﴾‫﴿الحيِاًات وا يجِز أكنٍ وٌُا ووا لا يجِز‬ ] ไทย – Thai – ‫[ ثايلاًدي‬ สุลยั มาน บิน ศอลหิ ฺ อลั -เคาะรอชีย์ แปลโดย : อัสรัน นิยมเดชา ผู้ตรวจทาน : ฟยั ซอล อบั ดุลฮาดี 2010 - 1431

‫﴿الحيِاًات وا يجِز أكنٍ وٌُا ووا لا يجِز﴾‬ ‫« بالنغة التايلاًدية »‬ ‫سنيىان بي صامح الخراشي‬ ‫ثرجمة‪ :‬عصران إبراَيه‬ ‫مراجعة‪ :‬فيصل عبدالهادي‬ ‫‪2010 - 1431‬‬

ด้วยพระนามของอลั ลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานยี ่ิงเสมอ กฎเกณฑก์ ารพจิ ารณาสัตว์ท่อี นุมตั ติ ามหลกั การ [สรปุ จากหนงั สอื “อลั หะยะวานาต” เขียนโดย เชคสุลัยมาน อลั เคาะรอชี] กฎข้อท่ี 1 การรบั ประทานอาหารท่ดี ี (ฏอ็ ยยิบาต) น้ันจะส่งผลดตี อ่ ร่างกายและจติ ใจ ซงึ่ อาหารทด่ี ี ที่อัลลอฮตฺ ะอาลาทรงอนมุ ตั ินัน้ ก็คอื อาหารที่เปน็ ประโยชนต์ อ่ รา่ งกาย และสติปัญญา ส่วนอาหาร ท่ีไม่ดี (เคาะบาอิษ) ทีเ่ ป็นสิง่ ตอ้ งหา้ มนั้น ก็คืออาหาร ทเ่ี ป็นโทษตอ่ รา่ งกาย และสตปิ ัญญาน่นั เอง ซึ่งการรบั ประทานอาหารที่ ‚หะลา้ ล‛ และ ‚ฏอ็ บยิบ‛ น้ันจะทาใหจ้ ิตใจบรสิ ทุ ธิ์ อกี ทั้งยงั ทาให้ดุ อาอ์ และอบิ าดะฮถฺ กู ตอบรบั ในขณะท่ีการรบั ประทานอาหารที่ไมห่ ะล้าล ก็จะส่งผลใหด้ ุอาอ์และอิ บาดะฮฺถกู ปฏเิ สธ ดงั ที่อัลลอฮตฺ ะอาลาทรงกลา่ วถึงบรรดายะฮูดว่า ‫ْو يٌي لَول لَه وْه‬ ‫ا لَس﵀ هّلَِّذلىألَانعِي لَلَني ِّهلُِئنلَْور َلكنِئِ َلِئواُ ألَوْه ّلَِذكلاَلهل ْوهِ ئِلَن‬ ‫ا ِذّلَ ئِاي َلي لَل وْه‬ َ‫أ ْوومل‬ ِ‫ئ‬ ‫ا هّلا وْ َليا ِئ‬ ‫ي ِئر ئِد‬ ‫لَع َلا يٌا َلع‬ َ‫ل‬ ‫ِئـ‬ ‫اا‬ ‫لئِن ّلهس وْحت‬ ‫ئِ ي يٌه‬ ‫ِئ‬ ‫ِئ لَر‬ ‚ชนเหลา่ นแ้ี หละคอื ผู้ท่ีอลั ลอฮมฺ ทิ รงประสงคจ์ ะใหห้ วั ใจของพวกเขา สะอาด โดยที่พวกเขาจะไดร้ บั ความอัปยศในโลกนี้ และจะได้รับการ ลงโทษอันมหันตใ์ นอาคเิ ราะฮฺ พวกเขาชอบฟังคามุสา ชอบกนิ สงิ่ ตอ้ งห้าม‛ (อัล-มาอดิ ะฮฺ: 41-42) ซงึ่ คาว่าตอ้ งหา้ มในอายะฮฺขา้ งต้น กค็ ือสงิ่ ทีเ่ ป็นหะรอม ไม่เปน็ ทอ่ี นุมัติ ซ่ึงผู้ทมี่ ีลักษณะ เช่นน้ี จะใหอ้ ลั ลอฮฺตะอาลาทาใหห้ ัวใจเขาสะอาดบรสิ ุทธ์ิ และทรงตอบรบั คาขอของเขาได้อยา่ งไร กัน? ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลมั กลา่ วว่า “โอ้มนุษย์ แท้จริงอลั ลอฮนฺ ัน้ ดี จะไม่ทรงรบั นอกจากสิง่ ที่ดๆี และแทจ้ รงิ อัลลอฮฺทรงกาชับใช้บรรดาผศู้ รทั ธา เชน่ เดียวกบั ท่ที รงกาชบั ใชบ้ รรดา เราะสูล พระองคต์ รสั วา่ : ‫يلَا لَأيُُا ال ُر ُس ُل ُُكُِا ئِو لَي ام لَي ِيهّبا ئِت وا ْوع لَىنُِا َلصالحا‬ ‘โอ้บรรดาเราะสูล พวกทา่ นจงรบั ประทานแตส่ ่ิงท่ดี ี และจงปฏิบัตกิ าร งานทดี่ ี’ (อลั -มอุ ์มินูน: 51) และทรงกล่าวว่า ‫يَلا أيهّلُا اايي َلو ٌُِا ُُكُِا ِئو وْي َل ّهيِبَلا ئِت َلوا َل لَز ْوٌلَا ُا وْه‬ ‘โอบ้ รรดาผู้ศรัทธา พวกเจ้าจงรับประทานแต่สง่ิ ที่ดีท่เี ราได้ประทานยงั เจ้า’ (อัล-บะเกาะเราะฮฺ: 172) 1

หลงั จากนั้นทา่ นเราะสูล ศอ็ ลลลั ลอฮุอะลยั ฮิวะสัลลัม กก็ ล่าวถึงผู้เดินทางไกล ผมเผ้ายุง่ เหยิง เสอื้ ผ้าสกปรกมอมแมม ซ่ึงยกสองมอื ของเขาสเู่ บือ้ งบน พร้อมทง้ั กลา่ ววา่ โอ้ พระผู้เปน็ เจ้าของฉนั โอ้ พระผ้เู ปน็ เจ้าของฉนั (กล่าวขอดุอาอ์ ) ในสภาพทอ่ี าหารการกินของเขาหะรอม เครือ่ งด่ืมของเขาหะรอม เสือ้ ผ้าเครื่องแตง่ กายของเขาหะรอม และเขาไดป้ ระทังชวี ติ ด้วยสิ่งท่ีหะ รอม แล้วจะใหด้ ุอาอข์ องเขาจะถูกตอบรับไดอ้ ยา่ งไร?” (บันทึกโดย มสุ ลิม 1015) กฎข้อท่ี 2 หุกม่ เดมิ โดยพื้นฐานของสตั วต์ ่างๆทอี่ ัลลอฮฺตะอาลาทรงสรา้ งขน้ึ มานั้น คอื “เป็นสิ่งท่ี รบั ประทานได้” ยกเว้นสตั ว์ทีม่ หี ลักฐานระบแุ บบเจาะจง หรือโดยรวมวา่ เป็นส่งิ ตอ้ งหา้ ม หลกั ฐาน ในประเด็นน้คี ือดารัสของอลั ลอฮตฺ ะอาลา : ‫جَل ئِميوْ َلعاًا‬ ‫َل‬ ‫َل نلَ لَق مَل ُك وْه َلوا‬ ‫َُ لَِ ا لهّ ِئا وْي‬ ‫اا‬ ‫ِئ‬ ‫ْو‬ ‫ْو‬ ‫ِئ‬ ‚พระองคค์ อื ผ้ทู รงสร้างทกุ สงิ่ ในโลกเพือ่ พวกเจ้า‛ (อัล-บะเกาะเราะฮฺ: 29) ใน อายะฮฺนี้ อลั ลอฮฺตะอาลาทรงใหม้ นุษยส์ านึกในบุญคณุ ของพระองค์ ท่ีพระองค์ทรงสร้างทกุ สง่ิ เพ่ือพวกเขา ซง่ึ พระองคจ์ ะไม่ทรงใชใ้ ห้พวกเขาสานึกในส่งิ ทเี่ ปน็ ท่ีตอ้ งห้าม. หลกั ฐานอกี ขอ้ หน่ึงกค็ อื ดารสั ของอลั ลอฮตฺ ะอาลา : ‫َلو َلوا ملَ ُك وْه ألَل َذِّلا ثلَ ْو ُكنُِاْو ِئم لَذِّىا ُ ِئ َلر ا وْس ُه ا﵀ هِّ َلعنَليوْ ئٍِ َلو َل ْود فَل َِذّلص لَل مَل ُكه َذلِّوا َلح َِّلذر لَم‬ ٍ‫َلعنَليْو ُك ْوه ئِإل لَذِّا لَوا ا ْوا ُي ِئر ْو ُ وْه ئِإ لَ ْو ِئ‬ ‚และ มีอะไรเกดิ ขน้ึ แก่พวกเจา้ กระนัน้ หรือ ? ทพ่ี วกเจา้ ไมบ่ ริ โภคสิง่ ที่ พระนามของอลั ลอฮถฺ ูกกล่าวบนมัน ทงั้ ๆ ทพ่ี ระองค์ทรงแจกแจงแก่ พวกเจา้ แล้ว ซึ่งสงิ่ ที่พระองค์ไดท้ รงห้ามพวกเจา้ นอกจากส่ิงทพี่ วกเจา้ ได้รับความคบั ขนั ให้ต้องการมันเท่าน้นั ‛ (อัล-อนั อาม:119) ซงึ่ จากอายะฮฺดงั กลา่ ว สามารถเขา้ ใจไดว้ ่า : 1- อัลลอฮตฺ ะอาลาทรงตาหนิพวกเขา ท่ไี มย่ อมรับประทานส่ิงทีผ่ า่ นการกลา่ วพระนามของ พระองคแ์ ล้ว ซ่งึ ถา้ หากสตั วเ์ หลา่ น้ันมไิ ด้เป็นทีอ่ นมุ ัติโดยพ้นื ฐานแล้ว แนน่ อนว่าพวกเขาจะไมถ่ กู ตาหนิติเตยี น ซ่งึ การตาหนิพวกเขาท่ไี ม่รับประทานสตั วท์ ีผ่ า่ นการกล่าวพระนามของพระองค์ เปน็ หลักฐานบง่ ชี้ วา่ หกุ ่มเดิมโดยพื้นฐานของมนั คอื ‚เปน็ ท่ีอนุมัติ‛ ทง้ั นี้เพราะถา้ หากว่าหุก่มเดมิ ของมันเปน็ ‚หะ รอม‛ กเ็ ปน็ การถกู แล้วท่ีพวกเขาจะไมร่ ับประทานมัน และพวกเขาก็ไม่สมควรถูกตาหนิ 2- อลั ลอฮตฺ ะอาลา ตรัสวา่ ‚ท้งั ๆ ท่พี ระองค์ทรงแจกแจงแกพ่ วกเจา้ แลว้ ซ่ึงส่งิ ท่ี พระองคไ์ ดท้ รงหา้ มพวกเจา้ ‛ นน่ั คอื พระองคท์ รงบอกว่า พระองคไ์ ด้ทรงแจกแจงสง่ิ ทเี่ ป็นที่ 2

ต้องห้ามไวแ้ ล้ว ซงึ่ นั่นกห็ มายความวา่ สง่ิ ท่ีพระองค์มไิ ด้แจกแจงไวว้ ่าเปน็ ที่ตอ้ งห้าม กแ็ สดงว่ามนั ไมใ่ ชส่ ่ิงตอ้ งห้าม และเมอื่ มนั ไม่ใช่สิ่งต้องห้าม ก็แสดงว่ามันเป็นส่ิงที่หะล้าล กฎขอ้ ที่ 3 สตั ว์ ทด่ี ีมปี ระโยชน์ (ฏอ็ ยยบิ ) น้นั อนุญาตใหร้ บั ประทานได้ (หะลา้ ล) ส่วนสตั วท์ ส่ี กปรก นา่ รังเกียจ (เคาะบีษ) นนั้ ไม่อนุญาตใหร้ บั ประทาน (หะรอม) ดังที่อลั ลอฮฺตะอาลาตรัสว่า : ‫لَ ِهّرم لَعنلَيْو ئُِه ال وْخَل لبَ آئِ َلح‬ ‫َل‬ ‫ئِ هّلل‬ ‫َلو‬ ‫ام ِلَّذي ِيّه لبَا ئِت‬ ‫لهه‬ ‫لَو‬ ‚และจะอนมุ ตั ิให้แก่พวกเขาซ่ึ งสิ่งดี ๆ ทงั้ หลาย และจะให้เป็นท่ี ตอ้ งหา้ มแก่พวกเขา ซึง่ ส่ิงทเี่ ลวทั้งหลาย‛ (อัล-อะอรฺ อฟ:157) ซ่ึงการจะแยกแยะว่าสตั ว์ชนิดใดเปน็ ‚ฏ็อยยบิ ‛ หรอื ‚เคาะบษี ‛ นนั้ ก็ด้วยลักษณะของ มนั และอาหารที่มันกิน กฎข้อที่ 4 ไมจ่ าเปน็ ว่าสัตวท์ ชี่ าวอาหรับรังเกียจนัน้ จะถอื เปน็ ที่ตอ้ งหา้ มเสมอไป เพราะการที่ชนชาติ ใดชนชาตหิ น่งึ ค้นุ เคย และชอบรบั ประทานสัตวช์ นดิ ใดชนดิ หนง่ึ หรือรงั เกยี จมันเพราะเปน็ สตั ว์ที่ พวกเขาไม่คุน้ เคยนนั้ ไมไ่ ดเ้ ปน็ การบง่ บอกว่าอลั ลอฮตฺ ะอาลาทรงอนุมตั ิ หรอื ทรงห้ามรบั ประทาน สัตว์ชนดิ น้ันๆแต่อยา่ งใด ดังจะเห็นไดจ้ ากการท่ชี าวอาหรบั ในสมยั ก่อนคุ้นเคยกับการกินเลอื ดหรือ สตั ว์ ท่ตี ายเองซึง่ ส่งิ เหลา่ น้นั เปน็ ที่ต้องหา้ ม ในขณะเดียวกนั พวกเขากลับรังเกียจสัตว์บางชนิดที่ เปน็ ทอ่ี นมุ ัติ นัน่ ก็หมายความว่า การที่ชาวอาหรับรังเกยี จสตั วช์ นิดใดชนดิ หน่ึงนน้ั ไมใ่ ช่เกณฑท์ ีจ่ ะตดั สินว่า สตั ว์ชนดิ นัน้ ไม่เปน็ ที่อนมุ ตั ิ แตก่ ารทีจ่ ะระบุวา่ สัตวช์ นิดใดเป็นที่อนุมตั ินั้น กด็ ว้ ยการที่มนั เปน็ สัตว์ ท่ดี ีมีประโยชน์ ส่วนสตั วท์ ไี่ มเ่ ปน็ ท่ีอนมุ ตั นิ ัน้ กค็ ือสตั ว์ท่สี กปรกและเปน็ โทษในตัวของมนั เอง ไมใ่ ช่ จากความรสู้ กึ นกึ คดิ ของชนชาติใดชนชาติหนง่ึ กฎขอ้ ท่ี 5 สัตว์ล่าเหย่อื ทีม่ เี ขี้ยวถอื เป็นสิ่งต้องหา้ ม ไมอ่ นุญาตใหร้ บั ประทาน โดยมหี ลักฐานคือ รายงานจากทา่ นอบู ษะอฺละบะฮฺ เราะฎิยลั ลอฮอุ นั ฮฺ ว่า : ‫أَل لهّن َل ُسِ لَل ا﵀ صلى ا﵀ عنيٍ وسنه َل لََه َلع ْوي ألَ وْك ِئل لُُِهّك ئِ ْوي ًَلا ٍا ِئو لَي‬ ‫ال هِّس لبَا ئِا‬ ‚ทา่ นเราะสลู ศ็อลลลั ลอฮุอะลยั ฮิวะสัลลั ม ห้ามใหร้ บั ประทานสตั ว์ทมี่ ี เขี้ยวทุกชนิดจากบรรดาสัตวล์ ่าเหย่อื ‛ (บันทึกโดย บุคอรี 5530 และมุสลิม 13/81) 3

กล่าวคอื เปน็ สตั วท์ ใี่ ช้เขย้ี วในการกัดฉกี และลา่ เหยือ่ เชน่ สงิ โต เสือ หมาปา่ หรอื สุนขั อิหม่ามอะหมฺ ดั กลา่ วว่า ‚สตั ว์ทุกชนดิ ที่ใช้เขย้ี วในการกัดฉกี เหยื่อ ถือว่าอยใู่ นกลุม่ ของสตั ว์ ล่าเหยอื่ ‛ (ชัรหฺ อัซซัรกฺ ะชีย์ 6/675) กฎขอ้ ท่ี 6 นกทใี่ ชก้ รงเลบ็ ล่าเหยอ่ื เปน็ ท่ีต้องหา้ ม โดยอ้างองิ หลกั ฐานหะดษี ซ่ึงรายงานจากท่าน อิบนุ อับบาส เราะฎิยัลลอฮุอนั ฮุมา กล่าววา่ : ‫ وّلِّهك‬، ‫لَ لََه سِل ا﵀ صلى ا﵀ عنيٍ وسنه عي لُُهِّك ي ًا ٍاوي ال ئِسبا ِئا‬ ِ‫ي ِئ ْونَل ٍ وي ام لَي ْو ئ‬ ‚ทา่ นเราะสลู ศอ็ ลลัลลอฮุอะลยั ฮวิ ะสลั ลัม หา้ มให้รับประทานสัตว์ที่มี เขยี้ วทกุ ชนดิ จากบรรดาสตั วล์ ่าเหยื่อ และหา้ มใหร้ ับประทานนกทุก ชนดิ ที่มกี รงเล็บ‛ (บันทึกโดย มสุ ลมิ 13/83) กล่าวคอื นกทุกชนิดท่ีใชก้ รงเล็บในการไล่ล่าเหยือ่ เช่น เหย่ียว นกอนิ ทรี หรอื แร้ง ล้วนเป็น สตั ว์ที่ห้ามรบั ประทาน กฎข้อท่ี 7 สตั ว์ทกุ ชนิดท่ีมีหลักฐานระบุวา่ ทา่ นนบี ศอ็ ลลลั ลอฮอุ ะลยั ฮวิ ะสลั ลัม ใชใ้ หฆ้ ่า ถือเป็นสัตว์ ท่ีหะรอม ตามทัศนะทีถ่ กู ต้อง (นกั วิชาการมที ศั นะที่แตกต่างกนั ) อิหมา่ มนะวะวีย์ เราะหิมะฮุ ลลอฮฺ กล่าววา่ ‚สัตวช์ นิดใดทมี่ คี าสง่ั ใช้ให้เราฆ่ามัน น่ัน หมายความวา่ ไม่อนุญาตให้รับประทานมนั ‛ (อลั มจั ญฺมูอฺ 9/22) เชคชันกีฏยี ์ เราะหมิ ะฮลุ ลอฮฺ กลา่ วว่า ‛ ทชี่ ดั เจนกว่ากค็ อื ทุกสงิ่ ท่ที า่ นเราะสลู ศอ็ ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสลั ลัม อนุญาตให้ฆ่าได้ ถอื วา่ ไม่อนญุ าตใ หร้ ับประทาน (หะรอม) เพราะถ้าหากวา่ อนุญาตใหร้ บั ประทานได้ แนน่ อนว่าทา่ นเราะสลู ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ วะสัลลัม จะไม่อนญุ าตให้ทาให้มันเสียไปเปลา่ ๆ‛ (อัฎวาอลุ บะยาน 2/273) ดงั น้ัน จงึ หา้ มให้รบั ประทานสตั ว์ทีท่ า่ นนบี ศอ็ ลลลั ลอฮอุ ะลัยฮิวะสัลลมั ใชใ้ หฆ้ า่ เช่น งู , อกี า, หนู และสัตวช์ นดิ อนื่ ๆ ทีม่ หี ลกั ฐานระบุไว้ กฎข้อท่ี 8 สัตว์ ทุกชนิดท่ีท่านเราะสูล ศ็อลลลั ลอฮุอะลยั ฮิวะสลั ลัม ห้ามให้ฆ่า ถือวา่ ไม่อนญุ าตให้ รับประทาน (หะรอม) ตามทัศนะทถี่ ูกต้อง อินชาอัลลอฮฺ เพราะถา้ มันเปน็ ท่อี นุมตั ิ แน่นอนว่าทา่ นน บี ศอ็ ลลัลลอฮุอะลยั ฮิวะสลั ลัม ก็คงจะไม่หา้ มใหฆ้ ่ามัน ตัวอย่างสตั วท์ ่ีอยใู่ นกลมุ่ นี้ ก็เช่น มด , ผ้งึ , นกกระรางหัวขวาน (‫ )الهدَد‬และนกอีเสือ (‫)الصرد‬ 4

กฎข้อที่ 9 ไม่อนุญาตให้รบั ประทานสตั วห์ รือนกทุกชนดิ ท่ีกนิ ซากส่ิงมชี ีวติ หรอื สิ่งปฏกิ ลู เปน็ อาหาร แมว้ ่ามันจะไม่มีกรงเลบ็ หรอื เข้ยี วก็ตาม เพราะถอื ว่าเป็นสัตวท์ ่หี ากนิ กบั สงิ่ สกปรก และแน่นอนว่า ส่งิ สกปรกเหลา่ น้นั ก็จะซึมเขา้ สู่เนื้อหนงั ของมนั ในขณะท่ีอลั ลอฮฺตะอาลาทรงห้ามใหก้ นิ สิ่งสกปรก น่ารังเกยี จ หรือส่ิงที่เปน็ โทษ โดยพระองคต์ รัสว่า ‫َلو لَ ّهِرم لَعنلَيْو ئُِه ال ْوخَل َلب آئِ لَح‬ ‚..และให้เปน็ ทีต่ ้องหา้ มแกพ่ วกเ ขาซง่ึ ส่งิ ไม่ดีท่นี า่ รังเกยี จ ทั้งหลาย‛ (อลั -อะอรฺ อฟ : 157) และท่านเราะสูล ศ็อลลลั ลอฮอฺ ะลยั ฮวิ ะสัลลมั ก็ได้สั่งใหฆ้ า่ สัตว์ทนี่ ่ารงั เกียจ 5 ชนิด แมก้ ระทงั่ ในเขตหะรอ็ ม (เขตตอ้ งห้ามบริเวณรอบๆมักกะฮฺ ) 1 ใน 5 ชนิดนน้ั กค็ ือนกกา ซง่ึ เปน็ นก ทกี่ นิ ซากส่งิ มชี ีวิตเป็ นอาหาร จงึ อาจนาสัตวช์ นิดอ่ืนที่มลี ักษณะเช่นเดียวกนั มากยิ าส (เทยี บ) ได้ เชน่ น้นั นอกจากนี้ ท่านเราะสลู ศอ็ ลลัลลอฮอฺ ะลัยฮิวะสลั ลัม ยงั หา้ มให้กนิ “ญลั ลาละฮฺ” (ดูหะดษี เศาะหหี ซฺ ่ึงบันทกึ โดยอบูดาวุด 3811) นนั่ คอื สตั วท์ อี่ าหารส่วนใหญ่ของมันเปน็ ส่งิ สกปรก หรือส่ิงท่ี เป็นนะญิส จนกว่าจะได้รบั การกักตวั และให้อาหารทสี่ ะอาดเปน็ เวลา 40 วัน เพือ่ ให้เนอื้ ของมัน สะอาดขึ้น ตามท่ีอลุ ะมาอ์ได้ระบไุ วใ้ นตาราฟกิ ฮฺ กฎขอ้ ท่ี 10 สัตว์ทะเลทุกชนิดเป็นที่อนุมัติ อัลลอฮตฺ ะอาลาตรสั วา่ : ٍُ ‫أُ ئِح لَّذِل ملَ ُك ْوه لَصيْو ُد ا وْ َلا وْح ئِر لَو َل َلعا ُو‬ ‚เป็นทอ่ี นุมตั แิ กพ่ วกเจา้ ซ่งึ สตั วใ์ นทะเล และอาหารจากทะเล ‛ (อลั - มาอดิ ะฮฺ : 96) และทา่ นนบี ศอ็ ลลัลลอฮอฺ ะลัยฮิวะสลั ลัม ได้กล่าวถึงทะเลว่า: ٍُ ُ‫َُ َلِ ام لَي ُُِ ُ وا ُا ُه ال ِئح ُل َلويْو لَج‬ ‚ทะเลนน้ั น้าของมันสะอาด และสัตวท์ ะเลที่ตายเองกเ็ ปน็ ทอี่ นมุ ตั ิ ‛ (บันทึกโดยอะหฺมัด) กฎข้อท่ี 11 อนญุ าต ใหร้ ับประทานนกทะเลทกุ ชนดิ ได้ ทา่ นอิบนกุ ุดามะฮฺ เราะหิมะฮุลลอฮฺ กล่าววา่ “เราไม่ทราบวา่ อุละมาอจ์ ะมที ศั นะที่แตกต่างกนั เลยในประเดน็ นี้ ” (ดู อัลมฆุ นีย์ 9/329) แต่ จาเป็นต้องเชือดมันกอ่ น 5

และตามกฎนี้ อุละมาอ์มไิ ด้ยกเว้นนกทะเลชนดิ ใด นอกจากนกกระสา ( ) เพราะมนั กนิ สตั ว์ จาพวกงู กบ และหนเู ป็นอาหาร กฎข้อที่ 12 สัตว์ลกู ผสม ทเี่ กิดจากการผสมระหวา่ งสตั ว์ท่ีกนิ ได้กับสตั วท์ ก่ี ินไมไ่ ด้ ถอื ว่าหะรอมไม่ อนญุ าตให้รบั ประทาน โดยยดึ หลกั การให้นา้ หนกั ฝง่ั ท่ีเปน็ ส่ิงต้องหา้ ม (นนั่ คอื สตั วท์ ีก่ นิ ไมไ่ ด้ ) เปน็ หลกั เหนือฝ่งั ที่เปน็ ท่ีอนมุ ตั ิ (สตั ว์ทกี่ นิ ได)้ เช่น ลอ่ ซง่ึ เกิดจากการผสมระหว่างลากบั มา้ (ลาหะรอม สว่ นมา้ กนิ ได)้ ใหถ้ ือว่าหะรอม เพราะหนึ่งในสองผูใ้ ห้กาเนดิ มันเป็นสัตว์ท่ีกินไมไ่ ด้ กฎขอ้ ที่ 13 ทา่ น ชยั คุลอสิ ลาม อิบนุตยั มิยะฮฺ เราะหมิ ะฮุลลอฮฺ ได้สรปุ วา่ สาเหตุหลกั ที่ทาใหส้ ัตวบ์ าง ชนดิ เป็นทีต่ อ้ งหา้ มน้ัน มีอยู่ 3 ประการ คือ: 1- การทสี่ ตั วช์ นิดนั้นมลี กั ษณะเปน็ สัตว์ลา่ เหยอ่ื ทีด่ รุ า้ ย ซ่ึงการกินเนือ้ ของมัน อาจทาให้เราได้รบั ลักษณะดงั กล่าวน้นั มาด้วย หรืออาจจะดว้ ยเหตผุ ลอืน่ ๆทอี่ ัลลอฮตฺ ะอาลาทรงรูด้ ี 2- การที่มันหากินกบั สง่ิ สกปรกโสมม เชน่ นกหรอื สัตวท์ ก่ี นิ ซากส่ิงมีชวี ติ เป็นอาหาร 3- หรอื การที่ตวั มันเองนน้ั นา่ รงั เกยี จ เชน่ แมลงชนิดตา่ งๆ (ดู ฟะตาวาอบิ นุตยั มิยะฮฺ เล่ม 21 หนา้ 585) กฎข้อที่ 14 อนุญาตใหท้ านสัตวต์ ้องห้ามตามที่กลา่ วมาไดใ้ นภาวะจาเปน็ อลั ลอฮฺตะอาลาตรสั ว่า: ‫لَ َلى ئِي ا ْوا ُ ّذلَِ ئِ َل ْو لَى َلص ٍة لَ ْو َل ُو لجَ لَ اًئِ ٍ ِّه ِئخوْ ٍه لَف ئِ ِذَّلن ا﵀ ِذَّل َل ُِ ٌي َذلِّ ِئحي ٌيه‬ ‛ ผใู้ ดไดร้ บั ความคับขนั ในความหวิ โหย โดยมิใช่เป็นผจู้ งใจกระทาบาป แลว้ ไซร้ แน่นอนอลั ลอฮนฺ น้ั เปน็ ผทู้ รงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ ‛ (อลั -มาอิ ดะฮฺ : 3) ซึ่งภาวะคับขนั หรือภาวะจาเปน็ ในที่นี้ หมายถึง อยูใ่ นสภาพท่ีกลัววา่ หากไมก่ ินแล้วอาจถงึ ขัน้ ตาย ได้ กรณีเช่นน้ีก็อนุญาตใหก้ นิ ได้เท่าทพี่ อจะช่วยให้มชี วี ติ รอดอยไู่ ด้ ไม่กินมากไปกว่านน้ั สว่ นเหตุผลของการอนุญาตให้กนิ สิง่ ต้องห้ามเพอื่ ประทงั ชีวติ ได้น้ัน ท่านอิบนตุ ยั มยิ ะฮฺ เราะ หมิ ะฮุลลอฮฺ กลา่ ววา่ “ทีอ่ นญุ าตใหก้ ินส่งิ ต้องห้ามในกรณขี องผูท้ ่ีอยู่ในภาวะคบั ขนั นัน้ ก็เพราะวา่ ผลดีของการคงไวซ้ ง่ึ ชีวิตหน่ึงนัน้ อยูเ่ ห นอื ผลดขี องการหลีกเล่ยี งผลเสียข้ อน้ี (การกินสตั ว์ ต้องหา้ ม)” (ดู ฟะตาวา เลม่ 20 หนา้ 341) 6