Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การเพาะเห็ดในถุงพลาสติก

การเพาะเห็ดในถุงพลาสติก

Description: การเพาะเห็ดในถุงพลาสติก.

Search

Read the Text Version

ก า ร เ พ า ะ เ ห็ ด ใ น ถ ุง พ ล า ส ติ ก ! การเพาะเหด็ ในถงุ พลาสตกิ ! วัสดแุ ละอปุ กรณ ! การเตรยี มอาหารเพาะ ! วิธีการเพาะ ! สถานที่หรือโรงเรือนสาํ หรบั เปด ดอก ! เห็ดและการปฏบิ ตั ดิ แู ลระหวา งการเพาะ ! อุณหภูมิ ความชน้ื สมั พทั ธ และแสงท่ีเหมาะสม Next

2 การเพาะเห็ดในถุงพลาสติก ปจจุบันการเพาะเห็ดในถุงพลาสติกกําลังเปนท่ีนิยมทํากันมากเน่ืองจากการเพาะเห็ดในถุง พลาสติกน้ีใชวัสดุเหลือใชทางการเกษตรพวกข้ีเลื่อย หรอื ฟางขา วผสมอาหารเสรมิ สามารถทาํ ไดง า ย เพียงอานจากตาํ รา จากการเขา รบั การฝก อบรม หรอื เรยี นรจู ากเพอ่ื นบา น ดงั นน้ั การเพาะเหด็ ในถงุ พลาสติกจงึ แพรห ลายไปอยา งรวดเรว็ ครอบคลมุ หลายพน้ื ท่ี หลายพื้นที่ หลายจังหวัดของประเทศ เหตนุ ้ี จึงทําใหมีเห็ดที่เพาะจากถุงจําหนายและบริโภคกันทั่วไปและสมํ่าเสมอ เห็ดที่นิยมเพาะในถุงพลาสติก สวนมากไดแก เหด็ สกลุ นางรม (เชน เหด็ นางฟา เหด็ นางรม เห็ดภูฏาน เหด็ เปา ฮอ้ื เหด็ นางนวล และ เห็ดนางนวล และเหด็ นางรมฮังการี เปน ตน ) เห็นหูหนู เห็ดหอม เหด็ ตนี แรด เหด็ ยานางิ เปน ตน เห็ด เหลานี้สามารถเพาะไดบนวัสดุหลายชนิด โดยเฉพาะขเ้ี ลอ่ื ย หรอื อาหารหมกั จากฟาง วัสดแุ ละอปุ กรณ 1. อาหารเพาะ 2. หัวเชื้อเห็ด 3. ถุงพลาสตกิ ทนรอ นขนาด 7x11 นว้ิ , 9x13 นว้ิ 4. คอพลาสตกิ ขนาดเสน ผา ศนู ยก ลางประมาณ 1-1.5 นว้ิ 5. ฝา ยหรือสาํ สี 6. ยางรัด 7. ถังนึ่งไมอัดความดัน หรอื หมอ นง่ึ ความดนั 8. โรงเรยี นหรอื สถานทบ่ี ม เสน ใย และเปด ดอก การเตรยี มอาหารเพาะ มีหลายสตู ร ดงั น้ี สตู รท่ี 1 ขี้เลื่อยแหง 100 กิโลกรัม ราํ ละเอยี ด 3-5 กิโลกรัม ดเี กลอื 0.2 กิโลกรัม ปูนขาว (CaCo3) (หรอื เตมิ น้าํ ตาลทราย 2-3 กิโลกรัม) ผสมน้ําใหม ี ความชน้ื 60-70 เปอรเ ซน็ ตค ลกุ ผสมใหท ว่ั แลว นา้ํ บรรจถุ งุ ทนั ที จดั ทาํ เอกสารอเิ ลก็ ทรอนกิ ส โดย สํานกั สง เสรมิ และฝก อบรม มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร

3 สตู รท่ี 2 ข้ีเลอ่ื ยไมเ บญพรรณ 100 กิโลกรัม แอมโมเนยี มซลั เฟต 1 กโิ ลกรมั ปนู ขาว 1 กโิ ลกรมั หมกั กบั นาํ้ นานประมาณ 2-3 เดอื น ผสมรําละเอยี ด 3 กิโลกรัม (หรือ เพม่ิ น้าํ ตาลทราย 2 กิโลกรัม) ปรบั ความชน้ื 60-70 เปอรเ ซน็ ต สูตรที่ 3 ฟางสบั (4-6 นว้ิ ) 100 กิโลกรัม มลู ววั 25 กิโลกรัม ยูเรยี 1 กิโลกรมั ราํ ละเอยี ด 5 กิโลกรัม นา้ํ หมักฟาง มลู ววั ยูเรีย และนํา้ กองเปน รปู สามเหลย่ี มเปน เวลาประมาณ 15 วัน โดย กลับกองทุกๆ 3-4 วัน นาํ มาผสมรําละเอยี ดคลกุ ใหท ว่ั ปรบั ความชน้ื ในกองปยุ ประมาณ 60-70 เปอรเ ซน็ ต หมักไว 1 คนื จงึ สามารถนําไปใชได สูตรที่ 4 ฟางสบั (4-6 นว้ิ ) 100 กิโลกรัม ยเู รยี 1 กิโลกรมั แอมโมเนยี มซลั เฟต 2 กิโลกรัม หินปูน (CaCO3) 1-3 กิโลกรัม หรอื ปูนขาว (CaO) ยิปซั่ม (CaSO4.7H2O) 2 กิโลกรัม ดิบเบิ้ลซุปเปอรฟอสเฟต 3 กิโลกรัม นา้ํ หมกั ฟางกบั นาํ้ ประมาณ 2 วัน ผสมยูเรียหมักตอ 2-3 วัน ใสแ อมโมเนยี ซัลเฟต หมัก ตอ 2-3 วัน ใสแ อมโมเนยี ซัลเฟต หมักตอ 2-3 วัน กลบั กอง หมกั อีก 2-3 วัน ซุปเปอรฟอสเฟต หมัก 2-3 วัน นําไปใชได (ทุกคร้ังที่มีการเติมปุยควรคลุกใหทั่ว) โดยใหปุยหมักมีความช้ืน 60-70 เปอรเ ซน็ ต จดั ทาํ เอกสารอเิ ลก็ ทรอนกิ ส โดย สํานกั สง เสรมิ และฝก อบรม มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร

4 สูตรท่ี 5 ฟางสบั (2-3 นว้ิ ) 100 กิโลกรัม หินปูน (CaCO3) 2 กิโลกรัม ราํ ละเอยี ด 5-8 กิโลกรัม ผสมน้ําใหม คี วามชน้ื 60-70 เปอรเ ซน็ ต หมักสว นผสมไวน าน 8-10 วัน โดยกลับกองทุก 2 วัน สูตรท่ี 6 ฟางหรือเปลือกถั่วเขียว หรือเศษตน ถวั่ เหลืองทใี่ ชเ พาะเหน็ ฟาง หมายเหตุ 1. การทาํ ปุยหมักควรทํากองปยุ ใหส งู ไมน อ ยกวา 100 เซนตเิ มตร 2. อาหารหมักที่นาํ ไปใชเ พาะเหด็ ตอ งไมม กี ลน่ิ แอมโมเนยี เหลอื อยู เหด็ สกลุ นางรม และเห็ด ตีนแรดใชเพาะไดดี ทั้งจากขี้เลื่อยและฟางหมัก โดยปรับความช้ืนในอาหารเพาะ 60-70 เปอรเซ็นต เห็ดหูหนู และเหด็ ยานางิ ใชอ าหารเพาะจากขเ้ี ลอ่ื ยใหผ ลผลติ ดี โดยปรบั ความชน้ื ในอาหารเพาะ 60-70 เปอรเ ซน็ ต นอกจากน้ี ยงั มวี สั ดอุ กี หลายชนดิ ทส่ี ามารถนํามาใชเ พาะเหด็ สกลุ นางรม นางฟา ได ดี เชน ชานออ ย ซังขาวโพด ขุยมะพรา ว วิธีการเพาะ 1. บรรจอุ าหารเพาะลงในถงุ พลาสตกิ ทนรอ น กดใหแ นน ตงึ สงู ประมาณ 2/3 ของถงุ 2. รวบปากถุง บบี อากาศออก สวมคอพลาสตกิ แลว พบั ปากถงุ พาดลงมารดั ยางใหแ นน อุดดว ยสําลี หมุ ดว ยกระดาษ หรอื ฝาครอบพลาสตกิ 3. นําไปนง่ึ ฆา เชอ้ื ดว ยถงั นง่ึ ไมอ ดั ความดนั หรอื ใชห มอ นง่ึ ความดนั อณุ หภมู ิ 90-100 0 ซ. เปน เวลาไมน อ ยกวา 2 ชั่วโมง ทิ้งไวใหถุงเย็น 4. นําถงุ วสั ดอุ อกมาใสเ ชอ้ื จากหวั เชอ้ื ทเ่ี ลย้ี งในเมลด็ ขา วฟา ง ประมาณ 10-15 เมลด็ ก็เพียง พอ โดยเขยา เมลด็ ขา วฟา งใหก ระจายออก เปดและปดจุกสาํ ลโี ดยเรว็ โดยปฏบิ ตั ใิ นหอ งทส่ี ะอาดมดิ ชดิ ไมม ลี มโกรก 5. นาํ ไปวางในทส่ี าํ หรบั บม เสน ใย มอี ณุ หภูมติ ามทเ่ี ห็ดแตล ะชนดิ ตอ งการไมจ าํ เปน ตอ งมแี สง ไมตองใหน ้ําทก่ี อนเชือ้ จนเสน ใยเหด็ เรม่ิ รวมตวั กนั เพอ่ื เจรญิ เปน ดอกเหด็ นาํ ไปเปด ถงุ ใหอ อกดอกตอ ไป จดั ทาํ เอกสารอเิ ลก็ ทรอนกิ ส โดย สํานกั สง เสรมิ และฝก อบรม มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร

5 สถานที่หรือโรงเรือนสาํ หรบั เปด ดอก ควรเปนสถานท่ีสะอาด สามารถรกั ษาความชน้ื และถายเทอากาศไดด ี ไมร อ น ภายในอาจทาํ ชั้น วางกอนเชื้อ หรือใชแปนสําหรับแขวนกอนเช้ือโรงเรือนสําหรับเปดดอกควรใหมีขนาดที่สัมพันธกับ จํานวนกอนเชอ้ื เพอ่ื รกั ษาความชน้ื และการถา ยเทอากาศภายในโรงเรอื น เชน ขนาดกวา ง x ยาว x สูง = 3 x 4 x 2.5 เมตร สามารถบรรจกุ อ นเชอ้ื ไดป ระมาณ 1,500 กอ น เปน ตน เห็ดและการปฏิบัติดูแลระหวางการเพาะ เห็ดนางรม ช่ือวทิ ยาศาสตร : Pleurotus ostreatus (jacq.ex Fr.) Kumn. ชื่อสามัญ : เห็ดนางรมขาว, เหด็ นางรม, Oyster Mushroom ลักษณะดอก : เกิดเปนกลมุ จํานวน 4-6 ดอก มสี ขี าวหรอื สีเทา หมวกดอกคลา ยหอยนางรม กา นดอก ชูขน้ึ กา นสน้ั ครบั ดอกเปน แผน บางๆ ดอกคอ นขา งใหญ ขนาดเสน ผา ศนู ยก ลาง 2-8 เซนตเิ มตร นา้ํ หนกั ดี เกดิ ดอกงา ย จดั ทาํ เอกสารอเิ ลก็ ทรอนกิ ส โดย สํานกั สง เสรมิ และฝก อบรม มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร

6 พนั ธุ : พันธุดอกสีขาว และพันธุดอกสีเทา ระยะบมเชื้อ : เสนใยเจรญิ เตม็ อาหารผสมขเ้ี ลอ่ื ย (1,000 กรัม) ในเวลา 30-40 วัน อณุ หภูมิ 30-35 0 ซ. ระยะออกดอก : เห็ดออกดอกเกบ็ ไดน าน 2-3 เดอื น อณุ หภูมิ 20-30 0 ซ. ความช้นื สมั พัทธ 75-85 เปอรเ ซน็ ต เหด็ ตอ งการแสงสวา งอยา งนอ ย 15 นาที / วัน ผลผลติ เฉลย่ี : 200-300 กรัม/ถุง ผลผลิตจะสูง เนอ้ื ดอกจะแนน มนี า้ํ หนกั ดี เมอ่ื เพาะในชว งอากาศ เย็น อณุ หภูมปิ ระมาณ 22-26 0 ซ. ปญหาในการเพาะ : เห็ดออกดอกชา หลงั จากเปด ถงุ แลว แตส ามารถแกไขไดโดย หลงั จากทเ่ี สน ใยเดนิ เตม็ ถงุ แลว ควรปลอ ยใหเ สน ใยรดั ตวั ใหแ นน ประมาณ 8-10 วัน จากนน้ั จงึ เปด ถงุ เห็ดนางฟา ช่ือวทิ ยาศาสตร : Pleurotus sajor-caju (Fr.) Sing ชื่อสามัญ : เหด็ นางฟา , Phoenix Oyster Mushroom ลักษณะดอก : ดอกเห็ดเกดิ เปนกลมุ จาํ นวน 2-4 ดอก หรือดอกเหี่ยว หมวกดอกมเี นอ้ื แนน สนี า้ํ ตาล ดําอมเทา กา นดอกสน้ั มวี งแหวนลอ มรอบ ครบี ดอกสขี าวดอกมขี นาดเสน ผา ศนู ยก ลาง 2-8 เซนตเิ มตร พนั ธุ : พนั ธเุ บอร 1 และเบอร 2 ดอกสนี า้ํ ตาลดาํ อมเทา ระยะบมเชื้อ : เสนใยเจรญิ เตม็ อาหารผสมขเ้ี ลอ่ื ย ( 1,000 กรัม ) ในเวลา 30-40 วัน ที่อุณหภูมิ 30-33 0 ซ. ระยะออกดอก : เห็ดออกดอกเกบ็ ไวน าน 2-3 เดอื น ที่อุณหภูมิ 20-30 0 ซ. ความชน้ื สมั พนั ธ 75- 85เปอรเ ซน็ ต จดั ทาํ เอกสารอเิ ลก็ ทรอนกิ ส โดย สํานกั สง เสรมิ และฝก อบรม มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร

7 ผลผลติ เฉลย่ี : 250-300 กรัม/ถงุ ปญหาในการเพาะ : กอนเชื้อมักจะเสีย เนอ่ื งจากมเี ชอ้ื ราอน่ื ปนเปอ น การแกไขสามารถทาํ ไดโ ดย ไม ควรใสอ าหารเสรมิ ในกอ นเชอ้ื มากเกนิ ไป นง่ึ ฆา เชอ้ื ในกอ นขเ้ี ลอ่ื ยทอ่ี ณุ หภมู ิ ประมาณ 90-100 0 ซ. นาน 2 ชั่วโมง และทาํ ความสะอาดโรงเรอื นอยเู สมอหลงั จากเสรจ็ สน้ิ การเปด ดอกในแตล ะรนุ ประมาณ 90-100 0 ซ. นาน 2 ชั่วโมง และ ทาํ ความสะอาดโรงเรอื นอยเู สมอหลงั จากเสรจ็ สน้ิ การเปด ดอกในแตล ะรนุ เห็ดเปาฮื้อ ช่ือวทิ ยาศาสตร : Pleurotus cystidiosus O.K. Miller ชื่อสามัญ : เหด็ เปา ฮอ้ื , Abalone Mushroom ลักษณะดอก : ดอกเห็ดมีสีนาํ้ ตาลหรอื สขี าวนวล คลายหอยโขงทะเล ดอกหนา ผวิ ดอกมสี คี ลา้ํ ขนาด เสนผา ศนู ยก ลาง 10-12 เซนตเิ มตร กา นดอกสน้ั นา้ํ หนกั ดี การออกดอกแตล ะรนุ พรอ มกนั สมา่ํ เสมอ ระยะบมเชื้อ : เสนใยเตม็ อาหารผสมขเ้ี ลอ่ื ย (1,000 กรัม) ในเวลา 40-50 วัน ที่อุณหภูมิ 28-32 0 ซ. ระยะออกดอก : เห็ดเริ่มออกดอกหลงั จากเสน ใยเจรญิ เตม็ อาหารผสมขีเ้ ล่ือยแลว 10-15 วัน และเห็ด จะออกดอกแตล ะรน หา งกนั 20 วัน ทอี่ ุณหภูมิ 28-32 0 ซ. ความชื้อสัมพัทธ 80-85 เปอรเ ซน็ ตต อ งการแสงสวา งมาก ผลผลติ เฉลย่ี : 170-180 กรัม/เก็บ 2 ครง้ั /อาหารผสมขเ้ี ลอ่ื ย 800 กรัม ปญหาในการเพาะ : มักจะเกิดเมือกสนี า้ํ ตาลรบกวนการเกดิ ดอกบนกอ นเชอ้ื และมกี ลน่ิ เหมน็ สามารถ แกไขโดย ขดู เมอื กดงั กลา วทง้ิ และ จดั ทาํ เอกสารอเิ ลก็ ทรอนกิ ส โดย สํานกั สง เสรมิ และฝก อบรม มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร

8 เห็ดภูฏาน ช่ือวทิ ยาศาสตร : Pleurotus sp. ชื่อสามัญ : เห็ดภูฏาน , เหด็ นางรมภฏู าน , เห็ดนางฟาภูฏาน, Bhutan Oyster Mushroom ลักษณะดอก : ดอกออกเปน กลมุ ตง้ั แต 3-5 ดอก หรอื ดอกเดย่ี ว สขี าวนวลหรอื สนี า้ํ ตาลเทา ในสภาพ อากาศเยน็ อณุ หภูมิ 25-270 ซ. ดอกเหด็ จะมสี เี ทาดําหรอื ดาํ ดอกมขี นาดเสน ผา ศนู ย กลาง 3-8 เซนตเิ มตร นา้ํ หนกั ดพี อสมควร ออกดอกงา ย ระยะบมเชื้อ : เสนใยเจรญิ เตม็ อาหารผสมขเ้ี ลอ้ื ย (1,000 กรัม) ในเวลา 30-40 วัน ที่อุณหภูมิ 30-33 0 ซ. ระยะออกดอก : เห็ดออกดอกเกบ็ ไดน าน 2-3 เดอื น ที่อุณหภูมิ 25-32 0 ซ. ความชื้นสมั พัทธ 75-85 เปอรเ ซน็ ต ผลผลติ เฉลย่ี : 200-300 กรัม/ถุง ปญหาในการเพาะ : กอนเช้ือเสียเน่ืองจากมเี ชอ้ื ราอน่ื ปะปน แกไขไดโดย นง่ึ ฆา เชอ้ื กอ นขเ้ี ลอ่ื ยกอ นใส เชื้อที่อุณหภูมิ 90-100 0 ซ. นาน 2 ชั่วโมง และทาํ ความสะอาดโรงเรอื นบม เชอ้ื และโรงเรอื นเปด ดอกอยเู สมอหลงั เพาะเหด็ แตล ะรนุ เห็ดตระกลู นางรม (Pleurotus spp.)ไดแก เหด็ นางรม เหด็ นางฟา เห็ดภูฏาน เหด็ ฮังการี และ เห็ดนางนวล ใชเ วลาเจรญิ ในระยะเสน ใยประมาณ 1-1.5 เดอื นตอ อาหารเพาะ 1,000 กรัม เมอ่ื เสน ใย เร่ิมรวมตัวกันถอดสาํ ลแี ละคอขวด นาํ กอ นเชอ้ื ไปวางในโรงเรอื นเพอ่ื ใหเ กดิ ดอก รักษาอุณหภูมิ ความชน้ื สัมพันธ การถา ยเทอากาศ ตามทเ่ี หด็ ตอ งการ การใหค วามชน้ื ภายในโรงเรอื นไมค วรใหน า้ํ ขงั อยภู ายใน กอนเชื้อ และไมควรใหนาํ้ ถกู ดอกเหด็ โดยตรง ถาจาํ เปน ควรใหเ ปน ละออง จดั ทาํ เอกสารอเิ ลก็ ทรอนกิ ส โดย สํานกั สง เสรมิ และฝก อบรม มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร

9 เห็ดเปาฮื้อ ใชเ วลาในการเจรญิ ในระยะเสน ใยประมาณ 1.5-2 เดอื น เมอ่ื เสน ใยถกู กระทบ กระเทือน หรอื ถูกแสงมากๆ ทําใหเ กดิ เมลด็ หรอื ตมุ สดี ําซง่ึ ถา เกิดมากจะทําใหผ ลผลติ นอ ยลง วธิ กี ารเปด ถุงใหออกดอก และการดูแลรักษาใหปฏิบัติ เชน เดยี วกบั เหด็ นางฟา เห็ดนางรม เหด็ นางรม เหด็ ฮังการี เห็ดภูฏาน เห็นนางนวล เหด็ เปา ฮอ้ื เกบ็ เมอ่ื ดอกบานแต ขอบหมวกยังไมบานยวย เห็ดหูหนู ลักษณะดอกเปนแผนคลายหูหนู ไมม คี รบี มกี า นสน้ั มาก หรอื ไมม เี มอ่ื แกเ ตม็ ทป่ี ลายขอบดอก จะบานเปน หยัก ดอกหนานมุ ขนยาว 1. เหด็ หหู นู ช่ือวทิ ยาศาสตร : Auricularia polytricha (Mont.) Sacc. ชื่อสามัญ : เห็ดหูหน,ู Ear Mushroom, Wood Ear Mushroom ลักษณะดอก : ดอกเห็ดมีสีน้ําตาลเขม หรอื น้าํ ตาลแดง เนอ้ื ดอกหนานมุ ขนาดเสน ผา ศนู ยก ลาง 3-10 เซนตเิ มตร มขี นยาว ระยะบมเชื้อ : เสนใยเจรญิ เตม็ อาหารขเ้ี ลอ่ื ย (600 กรัม) ในเวลาประมาณ 35 วัน ที่อุณหภูมิ 25-30 0 ซ. ระยะออกดอก : เห็ดออกดอกเกบ็ ได 5-7 ครง้ั ในระยะเวลา 140 วัน ที่อุณหภูมิ 30 + 2 0 ซ. ตอ งมี แสงสวาง ความชน้ื สมั พัทธ 95 + 5 เปอรเ ซน็ ต ผลเฉลย่ี : 190-200 กรัม/ถุง ั

10 2. เหด็ หหู นดู าํ ช่ือวทิ ยาศาสตร : Auricularia fuscosuccinea ( Mont.) Farlow ชื่อสามัญ : เหด็ หูหนูดาํ , Ear Mushroom, Mu-er ลักษณะดอก : ดอกเห็ดมีลักษณะเปนกลุม มสี ดี ํา ขนาดดอกคอ นขา งเลก็ มเี สน ผา ศนู ยก ลางประมาณ 2-6 เซนตเิ มตร เนอ้ื ดอกไมห นา มขี นสน้ั ระยะบมเชื้อ : เสนใยเจรญิ เตม็ ทบ่ี นอาหารผสมขเ้ี ลอ่ื ย (600 กรัม) ในเวลา 45 วัน ที่อุณหภูมิ 30+2 0 ซ. เสน ใยบางสว นเปลย่ี นจากสขี าวเปน สนี า้ํ ตาล ระยะออกดอก : เหด็ ออกดอกเกบ็ ได 3-4 ครง้ั ในระยะเวลา 125 วัน ที่อุณหภูมิ 30+2 0 ซ. ตอ งมี แสงสวาง ความชน้ื สัมพทั ธ 95+5 เปอรเ ซน็ ต ผลผลติ เฉลย่ี : 60-80 กรัม / ถุง เห็ดหูหนใู ชเ วลาในการเจรญิ ในระยะเสน ใย ประมาณ 1.5 – 2 เดอื น จากนน้ั ถอดสาํ ลแี ละคอ ขวด มัดปากถงุ ปด ไว กรดี ขา งถงุ เปน ระยะ เพอ่ื ใหเ กดิ ดอก การใหความชื้น สามารถใหน า้ํ ทก่ี อ นเชอ้ื และ ดอกเห็ดได แตควรใหนํ้าเบาๆ มิฉะน้ันดอกเห็ดอาจช้ําและเนาเสียไดงาย โรงเรือนควรมีการถาย เทอากาศที่ดี เหด็ หหู นูเก็บเมือ่ ดอกเหด็ บานยวยเตม็ ท่ี เห็ดหอม ช่ือวทิ ยาศาสตร : Lentinus edodes (Berk.) sing. (Lentinula edodes (Berk.) Pegler ชื่อสามัญ : เห็ดหอม , Shiitake, Black Mushroom ลักษณะดอก : หมวกดอกมลี กั ษณะกลม สนี า้ํ ตาลออ น ผวิ หมวกดา นบนมสี นี ้าํ ตาลถงึ นา้ํ ตาลปนแดง มขี นรวมกนั เปน เกลด็ สขี าวบรเิ วณขอบหมวก เนอ้ื หมวกแนน ปานกลาง ตรงกลางหมวก อาจเวา ลงเลก็ นอ ย หมวกมขี นาดเสน ผา ศนู ยก ลาง 6-10 เซนตเิ มตร กา นดอกมขี นาด 1-1.5 x 5-6 เซนตเิ มตร จดั ทาํ เอกสารอเิ ลก็ ทรอนกิ ส โดย สํานกั สง เสรมิ และฝก อบรม มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร

11 พนั ธุ : พันธุเบอร 1 พนั ธเุ บอร 1 พนั ธเุ บอร 3 และเบอร 4 ของกรมวชิ าการเกษตร (พนั ธเุ บอร 1 และ เบอร 3 มีเสนใยที่ทนตออุณหภูมิที่แปรปรวนไดสูง) ระยะบมเชื้อ : เสนใยเจรญิ เตม็ อาหารผสมขเ้ี ลอ่ื ย 800-1,000 กรัม ที่อุณหภูมิ 24-26 0 ซ. ประมาณ105 – 120 วัน หรือที่ 18-28 0 ซ. ประมาณ 145 วัน ระยะออกดอก : เห็ดออกดอกเก็บได 3-4 เดอื น ที่อุณหภูมิ 13-31 องศาเซลเซยี ส ความช้ืนสมั พัทธ 65-75 เปอรเ ซน็ ต มีระยะพักตวั 10 – 15 วัน ความเปน กรดเปน ดา งอยรู ะหวา ง 3.5-4.5 เหด็ หอมตอ งการแสงในชว งการเจรญิ ของดอก ผลผลติ เฉลย่ี : 150-200 กรัม/ดอก (เหด็ หอมพนั ธเุ บอร 4) ควรเกบ็ ดอกเหด็ ในขณะทห่ี มวกยงั ไม บานเตม็ ท่ี ถาเกบ็ สําหรับทาํ แหง ควรเกบ็ เมอ่ื เยอ่ื ทย่ี ดึ หมวกและกา นเรม่ิ ขาดออก ปญหาในการเพาะ : เกิดเชื้อราอ่ืนในกอนขเ้ี ล่ือยในระหวางการเพาะ สามารถแกไ ขไดโ ดยนง่ึ ฆา เชอ้ื ใน ถงุ ขเ้ี ลอ่ื ยทอ่ี ณุ หภมู ิ 90-100 0 ซ. นานไมต า่ํ กวา 4 ชั่วโมง กอ นใสเ ชอ้ื ทําความ สะอาดโรงเรอื น และใหมอี ากาศถา ยเทไดส ะดวก เห็ดตีนแรด ใชเวลาเจริญในระยะเสนใยประมาณ 2-2.5 เดอื น เมอ่ื เสน ใยเรม่ิ รวมตวั เพอ่ื เกดิ ดอกมวี ธิ กี าร ทาํ ใหเ กดิ ดอก ดงั น้ี 1. ตัดปากถงุ ใสด นิ รว นผสมปนู ขาว 1 เปอรเ ซน็ ต และใหนาํ้ ความชน้ื 60-70 เปอรเ ซน็ ต ปดทบั กอ นเชอ้ื หนาประมาณ ½ นว้ิ 2. แกะพลาสตกิ ออก บรรจกุ อ นเชอ้ื เหด็ ลงในหลมุ ไมม นี า้ํ ขงั ลกึ เทา กบั ความสงู ของกอ นเชอ้ื เกลี่ยดินปดหนา ใหความชื้น คลมุ ดว ยพลาสตกิ สงู จากพน้ื ประมาณ 50 เซนตเิ มตร คลุมทบั ดวยฟาง หญาแหง หรือแฝกคากับแสงแดด เกบ็ ดอกเหด็ ขณะทข่ี อบหมวกดอกยงั งมุ อยู เหด็ ยานางิ ใชเวลาเจรญิ ในระยะเสน ใย ประมาณ 40-50 วัน เสนใยเห็ดยานางิหลังจากเจริญเต็มอาหาร จะเปล่ียนเปน สนี า้ํ ตาล ถอดลาํ สแี ละคอขวด รักษาอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธใหเหมาะสม เห็ดยานางิ เก็บเมอ่ื กลมุ ดอกเหด็ โตเตม็ ท่ี แตข อบหมวกเหด็ ยงั งมุ อยู และเยื่อที่ยึดขอบหมวกกับ กานดอกยังไมข าดออก โดยมเี สน ผา ศนู ยก ลางหมวกประมาณ 3-10 เซนตเิ มตร และกา นยาวประมาณ 5-11 เซนติเมตร ควรเก็บดอกเห็ดในชอเดียวกันใหหมด อยาใหมีเศษเหลือติดคางอยูกับกอนเช้ือ เนื่องจากจะทาํ ใหเ นา มเี ชอ้ื โรคและแมลงเขา ทาํ ลายได จดั ทาํ เอกสารอเิ ลก็ ทรอนกิ ส โดย สํานกั สง เสรมิ และฝก อบรม มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร

12 อุณหภูมิ ความชน้ื สมั พนั ธ และแสงท่เี หมาะสม อุณหภูมิ ระยะทเ่ี จรญิ เปน ดอกเหด็ (0 ซ.) ชนดิ เหด็ ระยะเสนใย ระยะดอก ความชื้นสัมพัทธ(%) แสง นางรม 70-90 เลก็ นอ ย นางฟา 24-32 20-28 70-90 เลก็ นอ ย เปา ฮอ้ื 70-90 เลก็ นอ ย หูหนู 24-28 25-32 70-90 เลก็ นอ ย ตนี แรด 80-95 เลก็ นอ ย ยานางิ 22-25 15-25 70-90 75-80 มาก 24-28 28-32 เลก็ นอ ย 25-32 25-35 32-35 28-32 24-26 24-30 จดั ทาํ เอกสารอเิ ลก็ ทรอนกิ ส โดย สํานกั สง เสรมิ และฝก อบรม มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร