Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อภินิหารบาดาลนคร

อภินิหารบาดาลนคร

Description: อภินิหารบาดาลนคร เป็นหนังสือ 1 ใน 7 เรื่อง ในชุด วรรณกรรมเยาวชนภาคตะวันออกฉียงเหนือ จากโครงการนิทานพื้นบ้าน 4 ภาค ประกอบด้วยนิทานภาพสำหรับเด็กอายุไม่เกิน 9 ปี และวรรณกรรมสำหรับเยาวชนอายุ 9 ปีขึ้นไป เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานเพื่อจัดตั้งอุทยานการเรียนรู้ส่วนภูมิภาคโดยจัดทำเนื้อหาสาระในรูปแบบที่เด็กและเยาวชนสนใจ ซึ่งสามารถสื่อให้เห็นความเป็นตัวของตัวเอง ได้รับรู้ถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าในท้องถิ่น รวมทั้งการรักษาและสืบทอดมนต์เสน่ห์แห่งนิทานพื้นบ้าน.

Search

Read the Text Version

50 อภินหิ ารบาดาลนคร แกสอนว่า...ใครๆก็รักชีวิตตวั เองทงั้ น้ัน อย่างสรา้ งบาปกรรม เมื่อคิดได้ จิตใจก็พลันสงบราบเรียบ ความเมตตาสงสารก่อเกิดขึ้นจับ หัวใจ ริมฝีปากขมุบขมิบ เขาตัดสินใจเปลี่ยนมาสวดบทขันธปริตตคาถาแทน ซงึ่ เปน็ บทสวดมนต์เจ็ดตำนาน ใช้ในงานประเพณีมงคลของชาวสยาม ในบทสวดกล่าวถึงพญานาคท้ังสี่ตระกูล ได้แก่...ตระกูลวิรูปักข์ เป็น พญานาคที่มีผิวกายสีทองสุกอร่าม ตระกูลเอราปัถ เป็นพญานาคท่ีมีผิวกาย สีเขียว ตระกูลฉัพยาปุตถ์ เป็นพญานาคท่ีมีผิวกายสีรุ้งเป็นเล่ือมลายส่อง ประกาย ตระกลู กัณหาโคตม์ เป็นพญานาคที่มีผวิ กายสดี ำ พญานาคทั้งส่ีตระกูลใหญ่นี้ได้กระจัดกระจายขยายเผ่าพันธุ์เป็นสอง สาย เรยี กว่านาคบก (ถลชะ) สายหน่ึง กับนาคนำ้ (ชลชะ) อีกสายหนึง่ วริ ปู ักเข หเิ ม เมตตัง เมตตัง เอรา ปะเทหมิ ะ… ...ข้าพเจา้ มีเมตตาจติ ต่องูตระกลู วิรปู กั ขะท้งั หลาย ขา้ พเจา้ มีเมตตาจติ กับงูตระกูลเอราปถะท้ังหลาย กระแสเสยี งออ่ นโยนทอดนุม่ สาวเท้าไปขา้ งหนา้ อยา่ งไม่หว่นั เกรง ฝงู งูทัพหน้ายืดตัวข้ึนสูงเตรียมจู่โจม กำพร้ายังต้ังสติม่ัน มองพวกมันด้วยความ รู้สึกดงั เดิม มา มัง อะปาทะโก หิงส ิ ...ขอสัตว์ไม่มีเทา้ อย่าได้เบียดเบยี นขา้ พเจ้าเลย ฝีเท้าสม่ำเสมอไม่มีสะดุดสักนิด จนเคล่ือนเข้าใกล้พวกมันแทบชิด ฝ่ายตรงข้ามลดระดับแม่เบี้ยลง สัมผัสต่อกระแสเมตตาน้ีได้ แต่แล้วกลับมี อำนาจคำสั่งพุ่งปลาบ พวกมันยกตัวขึ้นอีกคร้ัง ดวงตาวาว แผ่แม่เบ้ียเต็มที่ พร้อมพงุ่ เขา้ ใส ่

ประจนั หน้า 51 กะตาเมรักขา กะตาเมปะริตตา ปะฏิกกะมันตุ ภูตานิ โสหัง นะโม ภะคะวะโต ...ขอสัตว์ทั้งหลายเหล่าน้ัน จงหลบหลีกไปเสียเถิด เพราะการรักษา ป้องกันอันข้าพเจ้าได้ทำไว้แล้ว เพราะข้าพเจ้านั้น กระทำความนอบน้อม แด่ พระผ้มู พี ระภาคเจา้ อย่ ู กำพร้าไม่หวาดหวนั่ จติ ใจแนบชิดกบั บทสวด ความปรารถนาดีแผ่ออกโดยรอบ ไม่มีท่ีสุด ไม่มีประมาณ มั่นใจการ กระทำของตนแน่วแน่ ยอมสละชีพหากต้องตาย แต่หัวใจยังไม่เส่ือมคลาย คงมนั่ ต่อคุณพระรตั นตรัยที่ตนนับถือ งูร้ายเหล่านัน้ น่ิงงันเหมือนถกู สะกด กำพร้าลัดเลาะตามชอ่ งวา่ งที่พอมี เหลอื ตรงไปยงั กุฏิ อสรพิษแนน่ ขนัด กดี ขวางจนไม่มที ่ีพอให้เหยียบยา่ ง เขาพดู ออกไปดว้ ยเสยี งราบเรยี บปกติ “ช่วยหลกี ทางให้หน่อย” ขาดคำกองทัพงูแยกออกเป็นสองฝั่ง เปิดทางให้เดินสู่กึ่งกลางสนาม เกล็ดพวกมันสะท้อนแสงเป็นประกายระยิบระยับดูคล้ายมหาสมุทรกว้างถูก แบง่ ออกเพ่ือพาลงสู่กึง่ หลา้ บาดาล กำพร้าเดินตอ่ ไปท่ามกลางวงลอ้ มสตั ว์รา้ ย รอบกายเตม็ ไปด้วยศตั ร ู ครเู่ ดียว เงารางๆของบรุ ษุ หนงึ่ ปรากฏชดั เจนขน้ึ “ฝ่ากองทัพอสรพิษมาได้นับว่าไม่เลว” น่ีคงเป็นคำทักทายจากจอม นาคา “นี่เป็นเพียงการแผ่เมตตาต่อสัตว์โลก แสดงจิตเจตนาท่ีไม่เบียดเบียน ซ่ึงกันและกนั ตามแนวคำสอนของพทุ ธองค”์ “เลิกพูดถงึ ชื่อน้สี ักที ขา้ คร้านจะฟงั ” ชวี ายนาคโพล่งข้ึนอยา่ งหวั เสยี “เอาสิ ข้าอยากรู้ถ้าหากอสรพิษท้ังหมดน้ีจู่โจมเจ้าในคราวเดียว ดูสิ แค่เมตตาอยา่ งปากพดู จะช่วยรกั ษาชีวิตเจา้ ได้หรือไม”่

52 อภนิ ิหารบาดาลนคร กำพร้าอ้ึง เขาเชื่อมั่นในพระพุทธเจ้าก็จริง แต่ไม่มั่นใจว่าตนเองจะมี เมตตาธรรมมากพอที่จะหยุดยัง้ อสรพิษรา้ ยภายใตก้ ารควบคมุ ของชีวายนาคได้ ฟู.่ ..ฟ.ู่ .. เหลา่ งพู ษิ รวมตวั กันรวดเรว็ เขา้ จู่โจมกำพร้าทันที กำพร้าปักเท้าม่ัน แววตาโรจน์ หนีไม่ได้ ต้องปักหลักสู้ พร้อมกันนั้น มนตรอ์ าลัมพายน์ทีท่ ่องบ่นกห็ ลดุ ออกมาทนั ท ี “โอม...นะนะ...ชยั ยะตะทา นาคาคะณา...” ผลักมือออกไปเบ้ืองหน้า บังเกิดกระแสลมหมุนพัดฝูงงูกระจัดกระจาย เสียงซัดซ่าดังติดต่อกันราวสายฝน อำนาจแห่งมนตร์ขับไล่อสรพิษจนสับสน รวนเรต้งั ขบวนไม่ติด กำพรา้ หยดุ สาธยาย เนอื้ ตวั รอ้ นผา่ ว ความฮกึ เหมิ บงั เกดิ กวาดสายตา มองรอบๆ บนพน้ื เกล่ือนกล่นด้วยซากงเู ลื้อยลี้หนีตาย ชีวายนาคกลับลอยเด่นสูง เผยรอยย้ิมเยาะแววตาสาสมใจ ชีวายนาค ไมไ่ ดห้ วังฝงู งูเหล่านัน้ จะทำอนั ตรายเด็กน้อย ไรท้ างสู้ แตก่ ารส่ังจู่โจมกเ็ พอ่ื โยน หินถามทาง ดูกำลงั ฝ่ายตรงขา้ มวา่ รา้ ยแรงปานใด “คิดวา่ เจ้ากำลงั ทำอะไรอย่”ู “ผมทำในส่งิ ที่สมควร” กำพรา้ ยนื หยดั ตอบ “สิ่งสมควรของเจ้าคอื การกล้าทา้ ทายขา้ ” กระแสเสียงดดุ นั “แต่ผู้ท่ีท่านมุ่งร้ายเป็นพระสงฆ์ผู้ทรงศีล มีผ้าเหลืองเป็นธงชัยพระ- อรหันต์” “มันจะเปน็ อะไรไม่สำคัญ แตม่ นั เปน็ ศตั รูของข้า” กำพรา้ ถอนใจ ดูทา่ พดู ไปกไ็ ม่มีประโยชน์ “ถ้าท่านคิดอยา่ งน้ันผมก็จนใจ” “สงสยั วา่ แคก่ ารสง่ั สอน มนั จะเบาเกนิ ไป เจา้ ถงึ กลา้ ตอ่ คำกบั ขา้ เยย่ี งน”ี้ คำพดู นี้เนบิ ช้า ราบเรยี บ แฝงกระแสคกุ คามปิดไม่มดิ ความพรน่ั พรึงผุดขึน้ กลางใจ

ประจันหน้า 53 กำพรา้ รตู้ วั ดี อำนาจที่มไี มอ่ าจต่อต้านฝ่ายตรงข้าม แค่สัง่ สอนเบาะๆเขายังแทบแย ่ ถา้ ครั้งนี้ปะทะกนั จรงิ ๆผลจะเปน็ เชน่ ไร เมฆดำลอยต่ำ พายุพัดอู้ๆ กองทัพงูต่างหลบเร้น เปิดทางให้ผู้เป็น นายแสดงอำนาจบารมี กำพรา้ สำรวมใจเป็นหน่งึ กำมือแน่น ชีวายนาคกลับคืนสู่ร่างเดิม ม้วนตัวลอยสูง ลำตัวขนาดยาวมหึมา ตั้ง ทา่ เตรยี มจู่โจมอย่างแท้จรงิ “ดสู ิวา่ คราวนี้เจา้ จะเอาตัวรอดไดอ้ กี ไหม” พรอ้ มคำประกาศก้อง สว่ นหวั ของชวี ายนาคพงุ่ เข้าใส่เขาอย่างรวดเรว็ แรงปะทะทำให้เขากระเด็นไปไกล จกุ เสียด แทบขาดใจ ฝนื กำลังยันกาย รวบรวมสมาธิ จ้องเขม็งยงั รา่ ง พญานาคทล่ี อยอยูเ่ บือ้ งบน “ผมไม่เคยมีความแค้นกับท่าน แต่ถ้าจะเล่นงานกัน ผมก็ไม่ยอมถอย แน”่ เปน็ ครัง้ แรกทเี่ ขาเปล่งวาจาทา้ ทายไมก่ ลัวเกรง ชีวายนาคเลื้อยวนอย่างอหังการ ท่าทางดูหมิ่นคู่ต่อสู้ ชนิดไม่เห็นอยู่ ในสายตา “ฮา่ ...ฮา่ ...” เสียงกระหึม่ หวั เราะล่นั ดวงตานาคราชใสกระจ่าง หงอนสูง แผงคอสงา่ แสดงฤทธี แตล่ ะเกลด็ เปลง่ รัศมสี ีแดงจา้ อ้าปากพน่ เพลิงพษิ พุ่งตรงเป็นเปลวสีสม้ แดงเขา้ ใส่ ตง้ั ใจเผา คราเดยี วใหเ้ ป็นจณุ กำพรา้ เบย่ี งตวั หลบทัน เพลิงพษิ เฉียดตัวไป ไมเ่ กินสามศอก ไอร้อนและกล่ินเหม็นชวนคล่ืนเหียนกระจายคลุ้ง ยิ่งต่อต้านนาน เรีย่ วแรงย่ิงหดหาย อำนาจฝ่ายตรงข้ามกลับเพ่ิมพนู สติ สมาธิ สมั พนั ธก์ ับร่างกาย มนตราท่ีมเี ตรยี มพรอ้ มปะทะตอ่ ส้ ู

54 อภินหิ ารบาดาลนคร ลมเร่ิมแรงขึ้นจนกำพร้าแทบต้านทานไม่ไหว สู้กัดฟันเพ่งสายตา อารมณเ์ ป็นหนงึ่ เดียว มนตรอ์ าลัมพายน์ถูกสาธยายตะโกนก้องกังวาน โอม... วาจาจังหวะสอดคล้องคลา้ ยขับลำนำดนตรี ลมแรงจนแทบกลบกระแส เสียงสิน้ รอบกายชีวายนาคแผ่เปลวเร่ือเรืองฉายรอบตัว แสงสว่างและคล่ืน ความร้อนกระจายทั่วก่อนรวมเปลวไฟ ชีวายขมวดร่างกลายเป็นนาคาเพลิงพุ่ง เข้าทำร้ายเด็กชายผยู้ นื กลา้ ทา้ ทาย กำพรา้ ไมห่ วนั่ เกรง ยามทอ่ งมนตร์ อำนาจแหง่ คาถาจะแผอ่ อกคมุ้ ครอง ต่อต้านฤทธาพญานาค กระแสลมเป็นระลอกคล่ืนชักพานาคาเพลิงให้โลดแล่นจู่โจม แต่ไม่อาจ ถงึ ตวั กำพรา้ ได้ รอบร่างฉายเกราะสีเขียวเรอื งออกปอ้ งกัน กำแพงมนตรารน่ เข้าใกล้ บอกถึงความออ่ นดอ้ ยไม่อาจตา้ นทาน กำพร้ารวบรวมกำลังอีกคร้ัง กระแทกเพลงิ พษิ นนั้ กลบั คืน โครม...ปงั ... ฟ.ู่ .. งูไฟสัมผัสผ่านก็แตกสะเก็ดกระจายทั่ว จังหวะมนตร์ถูกเร่งแรง เกราะ เขียวขยายตัวออกกระแทกนาคาเพลิงจนแตกเป็นสะเก็ดไฟเล็กๆ และดับใน ทสี่ ดุ แรงตอ่ ต้านสลาย กำพรา้ เซถลากระแทกพ้นื จกุ เสียดแทบกระอัก เขารีบพลกิ ร่างเพื่อเตรียมรับการจโู่ จมอกี ครัง้ “ฮา่ ...ฮา่ ...” ชวี ายนาคหัวเราะลำพองใจทง้ั ท่เี ห็นฝา่ ยตนแตกพา่ ย นยั น์ตาคู่นัน้ ฉาย สอ่ งบอกถงึ ความไม่อับจน ครืน... แผน่ ดินสะเทือนเลือ่ นลน่ั พ้ืนเขยา่ ส่นั สดุ แรง ดวงตาชีวายนาคฉายประกายลกุ โชน ร่างสแี ดงเปล่งแสงจัดจา้

ประจันหนา้ 55 ฟ้าร้องดังล่ัน ส่ันสะเทือน สายฟ้าแลบแปลบปลาบ สีแดงจากชีวาย- นาคย่ิงสุกสว่าง และแล้วร่างแปลงพญานาคก็แตกตัวลุกเป็นลูกไฟจำนวน มหาศาลสาดใส่กำพร้าอย่างรนุ แรง กำพร้าซวนเซ ไมอ่ าจยนื ทรงตวั ลูกไฟจำนวนมหาศาลตกลงมาราวกับห่าฝน มองไปทางไหนก็พร่าง พราวดว้ ยแสงสม้ แดง ไอร้อนแผดกลา้ ไมผ่ ิดกบั นรก รวดเร็วไม่ผิดกับกระสุนเพลิงที่ยิงออกมาจากกองทัพอันเกรียงไกร มี แมท่ ัพใจคออำมหิตเป็นผู้สง่ั การ เสียงมนตร์อาลมั พายน์เข้มข้นขน้ึ กำพร้ามีเพียงสิ่งน้ีเท่านั้นท่ีใช้ต่อต้านหักหาญ เขาจึงทุ่มเทเชื่อม่ัน ใช้ กำลังทงั้ หมดสาธยายเขา้ ต่อสู้ นัยน์ตาเขาเพ่งตรงฝ่าห่ากระสุนเพลิง สมาธิจิตแนบแน่นเป็นฐาน มัน่ คง ลูกไฟจำนวนมหาศาลพงุ่ ตรงมาโดยไมอ่ าจหลบเลยี่ ง ฟ.ู่ ..ฟ.ู่ ..ฟ.ู่ .. กระสุนอัคคีเข้าใกล้ในรัศมีหนึ่งเมตรก็พลันแปรเปล่ียนลูกไฟดับกลับ กลายเป็นสายลมเย็นพดั พลิ้ว รัศมีสเี ขียวหมุนวนรอบรา่ งกำพร้า แผ่อำนาจต้านหา่ เพลิง พายุแห่งเปลวอัคคีโหมซัดกระโชกแรงเพียงแค่รอบนอก พอเข้าใกล้ รัศมีพลงั ของกำพร้าก็กลายเปน็ แคว่ าโยอ่อนๆไร้เปลว ไรพ้ ษิ สง อีกทั้งยังเปล่งแสงไปถึงพญานาคแปลงที่ลอยเบื้องบน แต่พอมาได้ครึ่ง ทางกด็ บั วบู เจอกับแรงปะทะอำนาจท่ีเหนือกวา่ เหลือบทสวดอีกไมม่ าก ถ้าท่องจนหมดยังทำอันตรายจอมนาคไม่ได้ เขาคงไม่มีความม่ันใจ เหลอื พอจะทอ่ งซำ้ อกี ครงั้ ดงั นน้ั ตอ้ งทมุ่ เท รวมเจตจำนงแนว่ เปน็ หนงึ่ ใชม้ นตรา ต่างอาวธุ เข้าสยบชีวายนาคใหไ้ ด้ ได้ผล...

56 อภนิ ิหารบาดาลนคร แสงสีเขียวเปล่งประกายเจิดจ้ากว่าเดิมหลายเท่าตัว ดวงตาชีวายนาค ทอประกายหวนั่ วบู ร่างแปลงมนุษยห์ ายไป กลายเปน็ นาคราชใหญ่บิดตวั กลาง อากาศอย่างแคน้ เคือง เสยี งฟ้ารอ้ งคำรามลั่นกอ่ นสายฝนจะตกลงมาไมล่ ืมหลู ืมตา พญานาคเมื่อได้น้ำอาการสดชื่น ขณะท่ีกำพร้าเปียกโชกลืมตาแทบไม่ ขน้ึ สตยิ ังตง้ั ม่นั กบั มนตร์ท่อนสดุ ท้าย เสย่ี งท้ิงไพ่ตาย ...ชยั ยะ ชยั ยะ คมั ภรี ะ นาเคนทะนาค.ี .. รัศมีสีเขียวจากกำพร้าส่องสว่างสูงสุด จับสายฝนเป็นประกายเรือง ก่อนพุ่งเป็นเส้นสีเข้มถี่หนาเข้าครอบคลุมชีวายนาค ประหน่ึงแหอวนขนาด ยกั ษ์ที่ทอดจับพญางูร้ายโดยเฉพาะ ชว่ งเวลาตดั สนิ มาถงึ นาคราชผทู้ รงฤทธกิ์ ลา้ ใชอ้ ำนาจทงั้ หมดทมี่ ี ดนิ้ รน สดุ กำลงั สว่ นกำพรา้ ตะโกนก้องจบวรรคสดุ ท้ายของมนตร์อาลมั พายนท์ นั ที ครนื ...ซ่.ู ..ซ.ู่ .. ฝนกระหนำ่ หนักกวา่ เดิมหลายเท่า แผน่ ดินไหว สะเทอื นรุนแรง ชีวายนาคสะบัดตวั จวนจะหลุดจากพนั ธนาการ จากน้ันพงุ่ เขา้ ใส่มนษุ ย์ น้อยสดุ กำลังด้วยแรงโกรธถงึ ขดี สดุ ชีวายนาคลอยละลอ่ งตกลำนำ้ โขงไป จมดิ่งลึกใตผ้ วิ นำ้ เยน็ ยะเยียบ พรอ้ มกบั รา่ งของกำพร้า!

57



ห้า บาดาลนคร ร่างกำพร้าจมดิ่งลึกสู่ห้วงน้ำที่ยากกำหนดความลึก เมื่อน้ำท่วมเลย ระดับศีรษะ สัญชาตญาณเอาตัวรอดส่ังให้ตะเกียกตะกายพุ่งตัวข้ึนสูดอากาศ เบ้อื งบน แต่ผลกลับตรงข้าม... ยงิ่ ดิน้ รน...ยิง่ จม...ด่ิงลกึ ลง...ลึกลง... สายนำ้ ไหลเขา้ ปากจมูกจนท่วม อึดอดั หายใจไมอ่ อก คิดวา่ ต้องตายใน ไมก่ ี่นาทีแนๆ่ “ตายเปน็ ตาย” กำพร้าคิดในใจ ดิ้นรนก็ไร้ประโยชน์ รอบด้านมีแต่ห้วงน้ำอันดำมืด ความลึกที่หย่ังไม่ ถึงก้น มองอะไรไม่เห็น ไมร่ ูต้ วั ตนอยจู่ ดุ ไหน ฉะน้นั ปลอ่ ยรา่ งกายเปน็ อิสระเสีย ทนไมไ่ ดก้ ย็ อมตาย คดิ อย่างนนั้ จงึ หยดุ ดิน้ รนท้งั แขนขาปล่อยตวั ตามกระแส จติ ด่ิงลงเพยี งชัว่ วูบกพ็ บตนเองยืนอยกู่ ลางแสงสวา่ งอนั ไรข้ อบเขต รา่ งกายเบาหววิ รอบกายไมม่ ใี คร กระทงั่ มกี ารรวมตวั ของกลมุ่ แสงสวา่ ง ณ จดุ หนง่ึ กอปรเปน็ รา่ งยนื เด่นแลตรงมายังเขา

60 อภินหิ ารบาดาลนคร “นาคน้อย” เขารำพึงในใจกลบั มีเสียงกงั วานดงั “ต้ังสติให้ดี หยิบเกล็ดนาคราชที่แม่ขาวจันมอบให้ออกมาสิ” นาคน้อย กลา่ ว เขาหยิบเกลด็ ชน้ิ นั้นออกมาจากกระเป๋าเสือ้ แม่ขาวจันจงใจมอบเกล็ดชน้ิ นีใ้ ห้เขาด้วยเหตุนี้เอง สีเขียวอ่อนของมันคล้ายเปล่งประกายเรืองๆ ความเย็นในเนื้อแผ่ กระทบมือ เขาสัมผัสกระแสบางอย่างไหลวนเอื่อยๆ อยูร่ อบเกล็ด เสมือนสนาม พลงั ดงึ ดูดใหด้ ง่ิ ลึกเข้าหา เขาตัง้ สติ นัยนต์ าจับจอ้ งอยูแ่ ต่เกล็ดน้นั สูดลมหายใจลึก ไมร่ ู้สกึ แมแ้ ต่ นดิ เดียวว่าอยใู่ ตก้ ระแสนำ้ ร่างจมลงทีละน้อย กำพร้าตามไปอยู่ใต้แม่น้ำกว้าง เน้ือตัวไม่เปียกสัก นดิ ไมเ่ หมือนคนจมน้ำ ความรสู้ กึ บนบกกับใตน้ ้ำไมแ่ ตกต่างกัน คลา้ ยความฝนั ผดิ กันทีม่ สี ตริ ตู้ ัวตลอดเวลา อาการอึดอดั สำลักนำ้ เรม่ิ คลาย ท้งั ทย่ี งั มนี ้ำไหลผา่ นปากจมกู ถึงจดุ หน่ึงร่างกายโปรง่ เบา ไมม่ ีความอดึ อดั ขดั ข้องทงั้ ท่จี มอยใู่ ตน้ ้ำ เกล็ดนาคราชเปล่งแสงสว่างเรืองรอง ครู่หนึ่งรังสีสว่างก็ฉายโชนรอบ ตัว สายน้ำท่ีรายรอบกอ็ บอุ่น มีกลนิ่ หอมอบอวล ซมึ แทรกกลมกลนื “กำพรา้ ” เขาเรยี กพรอ้ มกวักมอื ให้เข้าไปหา “ตามมาสิ” นาคน้อยไม่อารัมภบท ไม่ทักทาย เขาใช้ประโยคแรกบอกเจตนาของ ตนเองทันที “จะพาฉนั ไปไหน” เขาใชจ้ ิตใจส่งภาษาแทนวาจา “ตามมาก็รู้” นาคนอ้ ยหันหลังเดนิ นำหนา้ กำพรา้ ตอ้ งติดตาม เขาสาวเท้าเพียงสองสามก้าวก็ร่นระยะเข้ามาใกล้ แสงสว่างถอยไกล ความสลวั รางเบอื้ งหนา้ ขยายตวั ออกกวา้ งจนมองเหน็ ทอ้ งฟา้ ยามราตรี ดารดาษ ด้วยหมูด่ าว จันทร์กลมโตลอยเด่นอย่ปู ลายขอบฟ้า

บาดาลนคร 61 ทั้งสองเดินห่างกันเพียงก้าวสองก้าว กำพร้าจงใจเดินเยื้องทางซ้าย เพอ่ื มองหาจุดหมายปลายทาง เบอื้ งหน้าเปน็ บันไดนาคราชทอดยาวจากปากถำ้ ลกึ ลงสภู่ ายใน นาคน้อยหยดุ รอกำพร้าท่หี วั บนั ได กลา่ วกำชบั อีกครั้ง “เราจะลงไปข้างล่างกัน เห็นอะไรไม่ต้องถามทั้งนั้น” นาคน้อยไม่ขยับ รมิ ฝปี ากสกั นดิ แตค่ ำพูดชัดเจนในใจ กำพรา้ พยกั หน้า เทา้ เบาหววิ จดุ หมายอยู่ที่ใดสดุ ร้ ู นาคนอ้ ยลงบนั ไดทีละขัน้ ๆกา้ วต่อลงสู่เบอ้ื งลา่ ง เขาก้าวลงสู่อาณาจักรท่ีอยู่ลึกใต้ลำน้ำโขง แต่กลับไม่มืดมิด มองเห็น สีเทาอ่อนพลิ้วพราย ระลอกน้ำไหวละเลื่อม กระแสไม่หยุดหย่อน ย่ิงลึกความ สลัวรางเริม่ จางลง มีแสงสวา่ งรำไรฉายเรืองอยู่ลิบๆ น่ีคือความฝัน...หรือที่เห็นเป็นภาพมายา กำพร้าไม่อยากเชื่อ สิ่งท่ี ปรากฏต่อหนา้ จะมีอย่จู รงิ รอบกายสว่างเรืองด้วยสีทอง มันสว่างจนมองเห็นเส้นสายกระแสน้ำ จดุ ทยี่ ืนไมอ่ าจคาดวา่ ลึกเทา่ ใด แต่น่าจะลึกเกินกวา่ มนุษยธ์ รรมดาจะดำมาถึง กำพร้าพยายามนึกทบทวน คาดเดาว่าใต้ลำน้ำโขงน้ันจะเป็นเช่นไร แต่ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มีโอกาสลงมายังดินแดนแห่งน้ี เคยอ่านคำบอกเล่าเรื่อง นาคพภิ พในหนังสอื ไตรภูมพิ ระรว่ งที่อธบิ ายลกั ษณะของเมอื งบาดาลไว้ว่า ...แต่ก่อนมีท่ีเปล่า ยังมีลางแห่งเปลา่ โดยกวา้ งโดยสูงได้แล 300 โยชน์ ก็ยังมี ลางแห่งโดยกว้างโดยสูงแลได้ 500 โยชน์ก็ยังมี ลางแห่งเปล่าโดยกว้าง โดยสูงได้ 700 โยชน์กย็ ังมี แลทน่ี ัน้ กลายเป็นแผน่ ดินเสมอกันทุกแห่ง เล่อื มขาว งามดังแผ่นดินเงินยวง มีหญ้าแพรกเขียวมันเหมือนตามกันโดยสูง 4 น้ิวมือ เขยี วงาม 3 น้วิ มือ ดังแผน่ แก้วไพฑูรย์ฉนั นั้นแลฯ ดูรุ่งเรืองท่ัวแผ่นดินมีเหมือนดังนั้นทุกแห่ง และมีสระหลายอันเทียร ย่อมดาษไปด้วยดอกบัว 5 สิ่งแลดูงามนักหนา มีฝูงต้นไม้ทั้งหลายเป็นต้นเป็น ลำงามมิไดเ้ ปน็ ด้วงเป็นแลง แลเป็นลูกเปน็ ดอกดตู ระการงามนักหนา แลมีเชือก

62 อภินิหารบาดาลนคร เขาเถาวัลย์ ลางสิ่งเป็นดอกแดง ลางส่ิงเป็นดอกขาว ลางส่ิงเป็นดอกเหลือง ดู รุ่งเรืองงามแต่ท่ีนั้นทุกแห่งดังท่านแสร้งแต่งไว้แล แห่งน้ันเรียกช่ือว่านาคพิภพ แล เป็นท่ีอยู่แก่ฝูงนาคทั้งหลายแล แลมีปราสาทแก้ว แลมีปราสาทเงิน แลมี ปราสาททองงามนักหนา... กำพร้ารู้สึกว่าย่ิงลงมาลึกเท่าไร ความหนาแน่นของน้ำก็ย่ิงน้อยลง ทุกที จนถงึ จุดหนงึ่ ทีเ่ ขารสู้ ึกวา่ ไมม่ นี ำ้ อยู่เลย เหมือนเขากำลงั อยู่ในดนิ แดนอนั เป็นทิพยภาวะ บาดาลนครของพญานาคเป็นดินแดนลี้ลับยากท่ีมนุษย์ธรรมดา จะเข้าถงึ ได้ เขาเดินตามนาคน้อยลงบันไดมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงท่ีแห่งหน่ึง เบ้ือง หน้ามีทะเลสาบกว้างใหญ่ขวางอยู่ สายตาเหลือบเห็นสัตว์ประหลาดรูปร่างยาว คลา้ ยจระเขเ้ ลอ้ื ยหนี ก่อนกระโจนลงนำ้ ไป ชายแก่หน้าตาน่ากลัวในผ้าคลุมสีหม่นน่ังอยู่บนเรือกวักมือท่ีมีแต่ กระดกู ขาวโพลน เรียกนาคนอ้ ยและกำพรา้ ให้เดนิ ไปลงเรอื ท่ีจอดอย ู่ เขาเดินตามนาคน้อยลงเรอื อย่างว่าง่ายเหมือนถกู อำนาจบังคบั ทันทที ่ี นาคน้อยและกำพร้าลงเรือเรียบร้อย ชายปริศนาก็ค่อยๆ แจวเรือฝ่ากลุ่มหมอก ควันออกไปทนั ท ี กำพร้าได้ยินเสียงเหมือนสัตว์ใหญ่คำรามดังก้องอยู่ไกลๆ เขาเหลือบ เห็นเงาบางสิ่งแหวกว่ายเรืองแสงอยู่ใต้ผิวน้ำลอดใต้ท้องเรือไป ตัวมันใหญ่พอ สมควรเหมือนปลาไหลยักษ์ อากาศที่นี่หนาวยะเยือก หมอกขาวลอยอ้อยอ่ิง กำพร้านั่งกอดอกตัว เกร็ง ไมร่ วู้ ่าใตผ้ ืนนำ้ มสี ตั ว์อะไรอยู่บา้ ง ฉับพลัน สัตว์น้ำบางอย่างคล้ายมังกร ไม่มีขา กระโจนข้ึนจากผิวน้ำ ไกลๆ ทำให้น้ำกระเซน็ แตกซา่ นดังโครมใหญ่ เปียกกำพรา้ ชวนให้ขวัญกระเจงิ แต่การท่ีนาคน้อยอยใู่ กล้ๆทำใหเ้ ขารู้สึกปลอดภยั เรือลำนน้ั พายแหวกม่านหมอกทลี่ อยอ้อยองิ่ เร่ือยๆจนกระทั่ง... “ถงึ แล้ว” ชายแกค่ นน้ันบอก

บาดาลนคร 63 “ท่ีไหนน่ี ทำไมมันถึงน่ากลัวยังง้ี” กำพร้าถาม เม่ือเห็นท่ีปากถ้ำริมฝ่ัง น้ันมีประติมากรรมหินจำหลักรูปพญานาคเจ็ดเศียรแผ่พังพานขนาดมหึมา น่าเกรงขาม “น่ีแหละคือประตเู ข้าสู่บาดาลนครล่ะ” “นาคน้อย ฉนั กลวั ” “เขม้ แขง็ เข้าไว้ คมุ สตใิ หอ้ ย่”ู นาคนอ้ ยหันมาปลอบ “ขา้ พาพวกเจา้ มาสง่ ไดแ้ คน่ ้ีแหละ ทเี่ หลอื พวกเจ้าตอ้ งไปต่อเอง” ชายแก่ช้ีนิ้วท่ีมีแต่กระดูกไปเบื้องหน้า นาคน้อยขึ้นฝ่ังก่อนย่ืนมือมา ช่วยฉดุ กำพร้าขึ้นตามไป ท้ังสองเดินตามทางทล่ี าดยาวเขา้ ไปในถ้ำ คบไฟตดิ อยตู่ ามผนงั ถำ้ ส่อง ทางมลังเมลอื ง หนทางท่ีเขาให้เดนิ ไปนั้น แมจ้ ะกรนุ่ อยู่ในหมอกก็เห็นไดว้ า่ เป็น หนทางทม่ี ีหนิ ผาเปน็ ตรอกเปน็ ซอก มีหินงอกหนิ ย้อย มปี ระติมากรรมนาคราช ตั้งอยตู่ ลอดทางเดนิ กำพร้ารู้สึกเหมือนกับว่ารูปแกะสลักหินเหล่าน้ันจับตามองตามเขา ตลอดเวลา กำพร้าหนั ซ้ายทีขวาทอี ยา่ งไม่วางใจ เขาไม่รู้ว่าจะต้องเดินตามนาคน้อยไปยังท่ีใด เขาเดินไปๆ หมอกน้ัน ค่อยๆ จางลง แต่ว่าอากาศยังคงทึบๆ ไม่แจ่มแจ้ง จนกระทั่งถึงลานกว้างแห่ง หนึง่ ... กำพร้าคุกเข่าอย่างเผลอไผล ร่างดูเล็กนิดเดียวเม่ือเทียบกับสิ่งที่ ปรากฏเบื้องหน้า พญานาคขนาดมหมึ าเกลด็ สีเหลืองออ่ น ฉายเรืองเย็นตา ขด ตัวเป็นชั้นๆ รองรับพระพุทธรูปปางสมาธิองค์ใหญ่ สีทองอร่ามตา พระเนตร หลบุ ต่ำทอดมองด้วยความเมตตา ความต้ืนตนั บงั เกิดแกใ่ จ ปีตลิ น้ หัวอก ใจนึกอนโุ มทนาตอ่ ศรัทธา ทรุด กายชา้ ๆก้มกราบ ความเย็นใจแผ่ซ่านเสมอดังได้น่ังต่อเบ้ืองพระพักตร์ องค์สมเด็จพระ- สมั มาสมั พทุ ธเจา้ จริงๆ

64 อภินหิ ารบาดาลนคร “ทีน่ ่ที ไี่ หน” กำพรา้ เอ่ยถาม “บาดาลนคร ใต้แม่นำ้ โขง” คำอธิบายรวบรัด “เราตายแล้วเหรอ” กำพร้าถามเสียงแผ่ว “ยัง...เพื่อนใช้มนตร์อาลัมพายน์ แต่เพราะตบะเพื่อนยังไม่อยู่เหนือ มนตรา เพ่ือนจงึ ต้องถกู กักขังร่วมกบั ชีวายนาคท่นี ีด่ ้วย” “ถกู ขงั …ถูกขังถึงเมื่อไหร่” “เราเองกไ็ มร่ เู้ หมอื นกนั คงจนกวา่ มนตรอ์ าลมั พายนจ์ ะสน้ิ ฤทธานภุ าพ” นาคนอ้ ยพากำพร้ามายังท่แี หง่ หนง่ึ สถานท่ีแห่งน้ัน ชีวายนาคและกำพร้าถูกจองจำร่วมกันในถ้ำเล็กๆ หน้าพระพุทธรูปองค์ใหญ่ รัศมีสีทองเปล่งกำจาย มีเหล่านาคา นาคี ท้ังหลาย รายลอ้ มบำเพญ็ ตบะ ต้งั จติ ปวารณาถือศลี เขา้ พรรษา เพื่อเปน็ พทุ ธบูชา มันเป็นภาพและบรรยากาศท่งี ดงามนกั สำหรบั กำพรา้ เมืองใต้บาดาลในช่วงถือศีลเข้าพรรษา ทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบง่าย ชาวนาคสงบเสง่ียม พูดจาน้อยคำ แตล่ ะวันจะมกี ารรวมกลมุ่ สวดมนต์สรรเสริญ คณุ พระรัตนตรัย กระแสเสียงกระห่ึมไปท่วั ในทีจ่ องจำจึงเต็มไปด้วยความสงบสขุ กำพรา้ มักสำรวมจติ กำหนดสติ ให้อารมณ์น่ิงอยู่ได้เป็นเวลานานๆ พอถึงเวลาชาวเมืองสวดมนต์เขาก็จะร่วมส่ง เสยี งสวดสอดคลอ้ งประสานดว้ ยศรัทธาเดียว ภาพและบรรยากาศเช่นนี้อึดอัด ทารุณ ทรมานต่อชีวายนาคอย่างยิ่ง เขาถูกจองจำร่วมกับเด็กน้อย อิทธิฤทธ์ิอำนาจล้วนหายสาบสูญจนหมดไม่ต่าง อะไรกับงดู ินธรรมดาไร้พษิ สง ทุกวันมีแต่พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ย่ิงมองยิ่งรู้สึกขัดตาคล้ายถูกหยาม หยัน ย่ิงเห็นพญานาคที่ขดตัวเป็นฐานให้เช่นน้ัน ย่ิงรู้สึกชาติพันธุ์ของตนโดน ดูหม่นิ ดแู คลน มคี า่ ตำ่ กวา่ ปลายบาทแห่งพุทธองค ์

บาดาลนคร 65 ความทรมานทีส่ ุดคือตอ้ งทนฟงั เสยี งสวดมนตท์ ่แี สนแสบแก้วหู กระแส คลื่นของนาคท้ังเมืองรวมกับเด็กมนุษย์ผู้ต้องขังเดียวกัน ย่ิงทำให้อารมณ์ หงุดหงิดอยากอาละวาด ทำลายล้างทุกส่ิงที่ขวางหน้า แต่ยามน้ีตนเองไม่มี กำลงั กระทง่ั แหกด่านมนตรา “หยุด...หยุดเสียที ข้าเบ่ือจะฟังเสียงสวดพวกนี้แล้ว” ชีวายนาคระเบิด อารมณ์ออกมา กำพร้าหยดุ สวด มองนาคราชตรงหนา้ ดว้ ยความปรารถนาด ี “ผมสวดของผมอย่างน้ีทุกวัน ถ้าท่านรำคาญก็สวดสรรเสริญเจ้าปู่ศรี- สุทโธนาคบา้ งก็ได้ ผมไม่วา่ หรอก” “เจ้าปู่ท่านไม่ต้องการให้ใครมาพร่ำสวดด้วยวาจาอันน่าเบื่อ” คำพูด แขง็ กรา้ ว “การท่ีเราเคารพศรัทธาใครสักคน ระลึกถึงคุณธรรม เมตตาธรรม อันอเนกอนันต์ของท่าน แล้วสวดสรรเสริญเพ่ือยกย่อง ฝึกใจให้มีความสำรวม มันนา่ เบ่ือไร้สาระตรงไหน” “ศาสดาของเจ้ามีคุณธรรม เมตตาธรรมอันใด ข้าเห็นมีแต่คำสั่งสอนที่ ไร้ประโยชน์” ชีวายนาคเถียง “คำสอนข้อไหนของพระพุทธองค์ท่ีท่านว่าไร้ประโยชน์” กำพร้าถาม อยา่ งสงบเยน็ ชีวายนาคตอบไม่ถูก เพราะตนเองไม่เคยสนใจ มัวแต่คิดแค้นที่โอรส สุดรักถูกมนุษย์สงั หาร “แล้วคำสอนข้อใดของศาสดาเจ้าที่มีประโยชน์” คำย้อนด้วยปัญญา หมายให้อีกฝ่ายจนมุม กำพร้ายิ้ม นี่อาจเป็นโอกาสท่ีจะทำให้ชีวายนาคละทิฐิ รู้จักพระพุทธ- ศาสนาดีขน้ึ “ทุกคำสอนของพระองค์มีประโยชน์ท้ังสิ้น แต่ละบทแต่ละถ้อยล้วน ถอดออกมาจากพระทัยเพื่อหมู่มวลเหล่าสรรพสัตว์ที่มีความแตกต่างกันท้ังด้าน ภูมิจติ ชาติพันธ”์ุ

66 อภนิ หิ ารบาดาลนคร “แล้วเจ้าละ่ คำสอนใดท่ฟี งั แล้วได้ประโยชน์” คำพดู เหมอื นไลต่ อ้ น “ถ้าถามอย่างน้ี ผมคงตอบยาก เพราะมีมากมายเหลือเกิน เอาเป็นว่า คำกล่าวใดท่ีทำให้ผมเกิดศรัทธาในพุทธศาสนาดีกว่า” กำพร้าเรียบเรียงความ คดิ ช้าๆ “พทุ ธวจนะหนึ่ง ผมอ่านแล้วซง้ึ สะเทือนเขา้ ไปถงึ หัวอก... หากจะเอากระดูกของมนุษย์ผู้หน่ึงซ่ึงเกิดแล้วตายทุกชาติมากองรวม กัน มนั กจ็ ะมีมากมายสูงใหญย่ ิ่งกวา่ สม่ี หาขนุ เขาในโลก หากจะเอาน้ำตาของมนุษย์ผู้หนึ่งท่ีรินไหลแล้วทุกชาติทุกภพมารวม กนั กจ็ ะมปี ริมาณมากกวา่ น้ำในทะเลทง้ั สมี่ หาสมุทรรวมกันเสียอกี เม่ือได้ไตร่ตรองพินิจแล้ว ก็นึกเศร้าสลดใจ พวกเราเวียนว่ายตายเกิด กันมาเท่าใดแล้วนี่ และยังต้องเกิดตายกันอีกกี่ชาติถึงจะพอ มันช่างไม่มีอะไร แน่นอนเอาเสียเลย มีแต่พุทธองค์ผู้ตรัสรู้ชอบแล้วเท่าน้ันท่ีสามารถช้ีทางพ้น ทุกขน์ ้ีได้ น่ีไง เหตุผลที่ผมศรทั ธาพระองค”์ ชีวายนาคนิง่ ไปครใู่ หญ่ มองพระพทุ ธรปู ตรงหน้าอยา่ งไม่เชื่อถือ “ใชส่ ิ มนุษยม์ เี กดิ มตี าย แต่นาคราชมคี วามเปน็ อมตะ” วาจาแยง้ “หากนาคราชมีความเปน็ อมตะจรงิ เหตุใดโอรสของทา่ นจงึ จากท่านไป เล่า” กำพร้าหยุดวาจาไว้เพียงเท่านี้ ชีวายนาคไม่ตอบคำใด ดวงตาท่ีมอง พระพุทธรปู เร่มิ มแี ววแปลกไป ชว่ งเวลาแหง่ การถอื ศลี บำเพญ็ ตบะบารมยี งั คงดำเนนิ ตอ่ การสวดมนต์ สรรเสริญคุณพระรัตนตรัยมีเป็นปกติ ผิดก็แต่ท่าทีชีวายนาคที่เงียบงันกว่าเดิม ไม่แสดงอาการขัดข้องรำคาญต่อการได้ยินได้ฟังเสียงสวด รอจนกว่าถึงกาล ออกพรรษา หลวงตาท่านลงมาด้วยจิต ท้ังเมืองล้วนสว่างไสวด้วยแสงแห่งธรรม บารมี กำพร้าคุกเข่ากราบด้วยกิริยานอบน้อมสูงสุด ชีวายนาคเหยียดมองด้วย

บาดาลนคร 67 หางตา แม้จะรู้ว่าพญามหาสุรอุทกเวลานี้มีตบะบารมีเหนือกว่าตน แต่ความ หยิง่ ผยองก็คงอยู่ไมค่ ดิ เหลือบแลสนใจ เสียงสวดอาราธนาธรรมดังกระห่มึ กระแสคลนื่ ศรทั ธากระจายไกล จบ บทสวดทง้ั หมดนิ่งสงบเงยี บงนั รอรับฟงั ธรรมเทศนา พรายฟองอากาศผุดขึ้นมาเป็นลูกๆก่อนพญานาคตนหน่ึงจะปรากฏ กายขนึ้ ดวงตาแดงโร่ ลำตวั ยาว เกล็ดสนี ำ้ ตาล แหวกวา่ ยฉวัดเฉวยี น วนรอบ องคพ์ ระสามรอบ แสดงกิริยาเคารพ และมาขดตัวหนา้ สุด ทนั ใดนั้นปรากฏร่างชายชราในชุดขาวแทนที่ ชวี ายนาคคนุ้ เคยเป็นอย่างด.ี ..เจา้ ปศู่ รสี ทุ โธนาค ท้าวศรีสุทโธนาคนั่งพับเพียบหน้าเหล่านาคบริวารท้ังมวล ก่อนจะเร่ิม นำกล่าวอาราธนาธรรม เสียงนาคกลา่ วรับเสียงดงั ก้องปลอ่ งถำ้ หลวงพ่อกม้ กราบพระพุทธรูปก่อนเริม่ เทศน์ เสียงของทา่ นไม่เบาไมด่ งั แต่ชาวนาคล้วนได้ยินชัดเจนแจ่มแจ้ง คลื่นธรรมหลากไหลชุ่มเย็นซึมซาบสู่ จติ ใจ กำพร้าพนมมือตั้งใจฟังมีสติจดจ่อทุกคำ ปัญญาหมุนต้ิวพิจารณาตาม กระแสอรรถธรรมที่ได้รบั จติ ใจเบา ผอ่ งแผ้วใสคลา้ ยแดนพน้ ทกุ ขอ์ ยแู่ ค่เอื้อม ชีวายนาคจงใจไม่สดับรับฟังถ้อยคำจากปากศัตรูในอดีตชาติ แต่ถึง อย่างไรก็ได้ยิน พยายามทำใจไมเ่ ช่ือถอื ไมย่ อมรบั ก็มีหลายวูบความคดิ ทเ่ี ผลอ พจิ ารณาตามจนจิตเกดิ ยอมรบั ธรรมขอ้ นจ้ี รงิ ! เม่อื ความจรงิ กระแทกใจหลายคร้ัง ความเชอื่ เดมิ กเ็ ริม่ ส่นั คลอน อตั ตา ความคดิ ทง้ั หลายอยา่ งถกู เปดิ ออกใหเ้ ห็นชดั เจน พยายามทำใจไมเ่ ชื่อไมไ่ ด้ เทศนาย่ิงนานความตั้งใจแรกท่ีจะไม่สนใจเริม่ แปรเปล่ยี น กลับมาตง้ั ใจ ฟงั เพ่ือจับผดิ ภกิ ษรุ ูปนีจ้ ะพูดคำใดใหต้ นคัดคา้ นได้...ใจจดจ่อฟังเพือ่ หาชอ่ งว่าง ข้อผดิ พลาด ยิง่ ฟงั ยิง่ หาไม่เจอ หนำซ้ำใจกลบั ยอมรับโดยไมร่ ู้ตัว

68 อภนิ หิ ารบาดาลนคร คำเทศนาจบลง หลวงพ่อเดินเข้ามาโปรดท่ีคุมขังกำพร้ากับชีวายนาค ท้าวศรสี ทุ โธนาคเดินตามมาเบือ้ งหลัง “ถูกกกั ขงั เช่นนเ้ี ปน็ อย่างไรบ้าง” หลวงพอ่ ถาม “สบายดคี รบั ” กำพรา้ ตอบจากใจจริง “ร่างกายอาจไปไหนไม่ได้ แตจ่ ติ เป็นอิสระขึน้ เร่ือยๆ” “ดีแล้ว รักษาการดำเนินเช่นน้ีต่อไป” หลวงพ่อพูดเท่าน้ันก่อนหันไป ถามชวี ายนาคผ้บู ดู บ้ึง “ถกู ขังเช่นนเี้ ปน็ อย่างไรบ้าง” คำถามเดียวกบั กำพรา้ “ลองถูกกักขังดูบ้างสิ จะได้รู้ว่าเป็นสุขเย่ียงไร” คำตอบยอกย้อนและ เหนบ็ แนม หลวงพ่อเพียงย้ิมละไม ท้าวศรีสุทโธนาคปรามด้วยสายตา ชีวายนาคหน้าม่อยเหมือนเด็กซน ถูกผูใ้ หญ่ด ุ “อาตมาเคยถูกขังอยู่ในวฏั สงสารนานแล้ว ยอ่ มรู้ด”ี คำพูดเรียบง่าย “อะไรคือวัฏสงสาร” ชวี ายนาคหลดุ ปากถาม “สถานที่ซงึ่ เหลา่ สรรพสตั วท์ ั้งหลายไม่วา่ มนษุ ย์ สตั ว์ อสูร นาค เทวดา พรหม ล้วนตอ้ งเวยี นว่ายตายเกดิ กันอยา่ งไมร่ ตู้ ้นรู้ปลาย” “แสดงว่าสัตว์ทั้งหลาย แม้กระทั่งนาคก็ต้องเคยเกิดมาเป็นอย่างอื่น บ้างแล้ว” ชวี ายนาคยม้ิ เยาะถามเหมือนเยย้ “ใช่” หลวงพ่อตอบเหมือนไม่ใชเ่ รื่องแปลกประหลาด “คำพูดจะกลา่ วเช่นไรกไ็ ด”้ “เช่นนัน้ จงดูน”ี่ หลวงพอ่ ชนี้ วิ้ ไปยงั รา่ งของกำพรา้ กริ ยิ ายนื สงบนงิ่ ราวกบั ไมค่ ดิ ขนุ่ เคอื ง ต่อคำท้าทาย ช่ัวเวลาไม่นาน...ร่างของกำพร้าก็แปรเปล่ียนเป็นรูปลักษณ์หลายแบบ มนุษยช์ าย หญงิ สตั ว์แต่ละประเภท เทวบุตร เทวธดิ า อสรู กาย เปรต แลเล่อื น

บาดาลนคร 69 ไหลเรอ่ื ยๆ เหมือนไม่ร้จู กั จบสิน้ จนกระทัง่ มาถึงร่างหน่งึ ซง่ึ สะกดใหช้ ีวายนาค ตะลึงงัน “ลูกพ่อ!” พญานาคท่ีขดตัวอยู่เบื้องหน้าไม่อาจเสแสร้งแกล้งปลอมได้ ชีวายนาค รดู้ ี รา่ งทปี่ รากฏต่อหนา้ คอื โอรสผลู้ ่วงลับ สุดท้ายกลับมายังร่างของกำพร้าตามเดิม หลวงพ่อยืนสงบงันราวกับ ไม่มวี าจาใดตอ้ งพูดอกี “เด็กคนนี้เคยเป็นลูกข้าจริงๆ หรือ” ชีวายนาคหลุดปากถามอย่างไม่ อยากเชือ่ ถอื หลวงพ่อไม่ตอบคำ ไม่มคี วามจำเปน็ อกี แลว้ หากผฟู้ ังไม่คิดเชอื่ ตอ่ ให้ ออกปากรับรองหนักแน่นปานใดก็ย่อมไม่เช่ือ ถ้าใจยอมรับ สิ่งท่ีแสดงเท่าน้ีก็ เพียงพอแล้ว ท้าวศรีสุทโธนาคเดินเข้ามาลูบหัวหลานชายเบาๆ กล่าวด้วยน้ำเสียง การญุ “หลานเอ๋ย...ฟังปู่ เจ้าจงดับไฟแค้นที่สุมอกเจ้าลงเถอะ โทสะครอบงำ เจา้ จนตาเจ้ามดื บอดด้วยมจิ ฉาทิฐิ มองไมเ่ ห็นธรรม รู้จักปลอ่ ยวางเสียบา้ ง แล้ว ใจเจา้ จะเป็นสุข” ชวี ายนาคนำ้ ตาไหลปรม่ิ ก้มลงกราบเบ้ืองบาทเจา้ ปดู่ ว้ ยความเคารพ หลวงพ่อกลับข้ึนไปแล้ว ส่วนท้าวศรีสุทโธนาคก็กลับยังนครพรหม ประกายโลก บำเพญ็ ภาวนาต่อไป ชาวนาคท้ังหลายยังคงดำเนินกิจวัตรของตนไปตามปกติ เฝ้ารอวัน ออกพรรษาท่ีใกล้จะมาถึง ธรรมบารมีท่ีหลวงพ่อมอบให้สร้างความกระจ่าง แช่มชืน่ แกช่ าวนาคไม่นอ้ ย

70 อภนิ หิ ารบาดาลนคร แตก่ ับชวี ายนาค กอ่ ใหเ้ กดิ การเปล่ียนแปลงมากมาย นับจากวันท่ีได้รู้ว่าโอรสแห่งตนยังคงต้องเวียนว่ายตายเกิด แถมยังมา เป็นเผา่ พันธุ์มนุษย์ศัตรูตวั ฉกาจดว้ ยแลว้ ทำใหจ้ อมนาคเงยี บงนั ไมก่ ล่าววาจา แม้สักคร่ึงคำ ในใจบังเกิดความรู้สึกหลากหลายอธิบายไม่ถูก กระท่ังตนเองยัง บอกไม่ได้ว่ารสู้ กึ เชน่ ไร ชวี ายนาคใช้ความเงียบเพื่อสะสางปมในใจ

71



หก ประทีปแห่งศรัทธา เวลาที่ล่วงผ่านไปในบาดาลนครช้ากว่าบนโลกมนุษย์หลายเท่านัก นาคน้อยเคยบอกว่าเวลาหน่ึงเดือนที่ใต้บาดาล เท่ากับเวลาบนโลกมนุษย์เพียง หนึ่งคนื เทา่ นั้น ตลอดเวลาท่ีกำพร้าติดอยู่ที่บาดาลนคร เขาไม่รู้สึกเหงาแม้แต่น้อย เพราะนาคน้อยมานง่ั คยุ เป็นเพื่อนอยู่เสมอ “กาลครั้งหน่ึง นานมาแล้ว” นาคน้อยมักจะขึ้นต้นด้วยประโยคอย่างนี้ ย่ิงทำให้กำพร้าอยากรู้ เขากระเถิบนั่งใกล้นาคน้อย คอยรับฟังเร่ืองที่จะเล่าต่อ ไป “พระทอง ราชโอรสของพระเจ้าอาทิตยวงศ์ เจ้าผู้ครองนครอินทปรัต เสดจ็ ประพาสยังเกาะเนนิ โคกหมัน แล้วไมส่ ามารถกลบั ได้ เน่ืองจากน้ำทะเลขนึ้ ท่วมหาดทราย จึงตอ้ งประทบั รอให้นำ้ ทะเลลดลงเสยี ก่อน

74 อภนิ ิหารบาดาลนคร คร้ันตกดึกสงัด ธิดาของพญานาคชื่อนางทาวดี นำบริวารนาคีข้ึนมา จากเมอื งบาดาล แปลงกายเป็นสาวสวรรคม์ าเล่นท่ีหาดทรายตามปกติ เม่ือพระทองได้พบกับนางทาวดีก็รู้สึกถูกชะตาผูกสมัครรักใคร่ชอบพอ กัน ถึงขั้นมีการนัดหมายท่ีจะไปสู่ขอนางทาวดีต่อพญานาคเพ่ือแต่งงาน เม่ือ พระทองไปตามคำม่ันสัญญา พญานาคก็ต้อนรับขับสู้ด้วยดี และเม่ือพญานาค ซักไซ้ไต่ถามถึงตระกูลวงศ์แล้วก็ไม่ขัดข้อง ยอมยกนางทาวดีให้เป็นชายาของ พระทอง และยังแสดงอิทธิฤทธ์ิสูบคงคามหาสมุทรที่ตรงนั้นให้แห้งกลายเป็น ผืนแผน่ ดินกวา้ งใหญ่ แลว้ เนรมติ ใหเ้ ป็นพระนครบวรธาน ี พระทองจึงเป็นกษัตริย์ครองพระนครโคกหมัน โดยมีนางนาคทาวดี เป็นมเหสี คร้ันนานมาได้ผลัดนามพระนครใหม่ตามฤทธิ์พญานาคนฤมิตเรียก ว่า ‘กรงุ กมั พชู าธิบด’ี โดยมพี ระทองเปน็ ปฐมกษัตรยิ ”์ “ประเทศกัมพูชาน่ะเหรอ” กำพร้าทวนคำทำตาโต นาคนอ้ ยพยกั หนา้ “ตำนานเรื่องพระทองกับนางนาคทาวดีทำให้เกิดเพลงสำคัญข้ึนมา สองเพลงคือ เพลงนางนาคกับเพลงพระทอง เรียกกันว่าเพลงมโหรี ใช้บรรเลง ขบั กล่อมบำรงุ บำเรอเจ้านายในราชสำนักเขมรสมยั โบราณกาล เพลงพระทองและเพลงนางนาคเผยแพร่เข้าสู่ประเทศไทยต้ังแต่สมัย กรุงศรีอยุธยาสืบมาจนถึงยุคต้นรัตนโกสินทร์ โดยใช้บรรเลงในงานมงคลและ พิธีกรรมทำขวัญต่างๆ ต้ังแต่เบิกบายศรี ผูกด้ายขวัญ เวียนเทียน รวมทั้ง พรรณนาพระคุณแม่ในพิธีทำขวัญนาค ในพิธีแต่งงานแบบโบราณก็ใช้เพลง นางนาคทำขวัญแต่งงานคู่บ่าวสาวด้วย เช่ือกันว่าเมื่อพญานาคจากแม่น้ำโขง ได้ยินเข้าก็จะผดุ ขึน้ มาพ่นนำ้ เป็นฝอยแล้วกลายเปน็ ดอกไม้มาอวยชยั ให้พร” กำพร้ารู้สึกซาบซึ้งในความรักอมตะของพระทองและนางนาคท่ีก่อให้ เกดิ เพลงมงคลข้ึนอยา่ งวจิ ิตรพสิ ดาร แล้วนาคนอ้ ยก็รอ้ งเพลงใหฟ้ งั ...

ประทปี แห่งศรทั ธา 75 “เจ้าเอยนางนาค เจา้ คดิ แตเ่ ทา่ นั้นแลว้ เจ้าปักป่นิ แกว้ แล้วเจ้ามาแซมดอกไมไ้ หว จำปาสองหหู อ้ ย สรอ้ ยสงั วาลแลมาลยั ชมพูผา้ สไบ เจา้ หอ้ ยสองบ่าสงา่ งามฯ” บางทนี าคนอ้ ยก็เลา่ เรอื่ งราวเกยี่ วกับนาคบนโลกมนุษย์ใหฟ้ ัง... “ท่ีอำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี มีรูพญานาคเป็นสถานที่อยู่บริเวณ ใกล้กับพระพุทธบาทหัวบกทางทิศตะวันตก ชาวบ้านเห็นเป็นรูชอนลึกลงไป เป็นช่องใหญ่ มีความยาวถึง 24 กิโลเมตรทะลุถึงฝ่ังแม่น้ำโขงตรงท่ีเรียกว่า คอแก้ง ในอำเภอศรีเชยี งใหม่ จังหวดั หนองคาย รูพญานาคน้ีเก่ียวข้องกับตำนานอิงพุทธศาสนาว่า ในคร้ังที่พุทธองค์ ได้เสด็จมาบริเวณเทือกเขาภูพาน พระองค์ได้โปรดพญานาคท่ีมีนิสัยพาลช่ือ มิลินท์ จนกระทั่งพญานาคมิลินท์เกิดความเลื่อมใสศรัทธา และขอฝากตัวบวช ในบวรพระพุทธศาสนา แต่พระพุทธองค์ไม่ทรงอนุญาต เพราะเห็นว่าเป็นสัตว์ เดรัจฉาน พระองค์จึงเพียงแต่ประทานพรไตรสรณาคมน์ และศีลห้าให้ปฏิบัติ เท่านั้น พญานาคมิลินท์จึงขอให้ประทับรอยพระบาทไว้ตรงยอดปราสาทของ ตน เพื่อจะได้เป็นท่ีสักการะแทนพระพุทธองค์ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงประทานพระบาทขวาหันปลายพระบาทสู่ด้านทิศอุดรประทับเป็นรอยไว้ ณ ทีน่ น้ั แล้วจงึ เสด็จตอ่ ไปยงั กรุงศรีสัตนาคนหุตท่ีฝ่ังประเทศลาว พญานาคมลิ นิ ท์จึงขอสง่ เสดจ็ พระองค์ โดยเดนิ ทางเปน็ ชอ่ งไปใต้บาท- วถิ ีจากบรเิ วณน้ันไปโผลท่ ี่ถ้ำเพยี งดนิ ห่างออกไปประมาณสามกโิ ลเมตรเพอ่ื จะ ดูว่าพระพุทธองค์เสด็จไปทางไหน เมื่อเห็นพระพุทธเจ้าเสด็จทางเดียวกับตน แลว้ พญานาคมลิ นิ ทก์ ไ็ มโ่ ผลข่ น้ึ อกี เลย จนกระท่ังถึงคอแก้ง อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย ซึ่งทางท่ี พญานาคมลิ นิ ทเ์ ดินทางปรากฏเปน็ รใู หญ่ชอนเปน็ ทางลงไป ชาวบา้ นจงึ เชอ่ื กนั ว่าบริเวณนเ้ี ปน็ รพู ญานาค”

76 อภินิหารบาดาลนคร กำพร้าพยักหน้าตามอยา่ งสนอกสนใจ เวลาล่วงผา่ น... เช้าแห่งวันปวารณาออกพรรษามาถึง คุกมนตราอาลัมพายน์เส่ือม คลายอำนาจ นาคน้อยเข้ามาหากำพร้า บอกให้กลบั ขึ้นไปยังโลกมนษุ ย ์ “ถ้าเพอื่ นยงั อยู่ท่ีนี่ตอ่ สังขารรา่ งกายจะรับไม่ไหว” “แลว้ จะใหก้ ลับไปอย่างไร” “เกลด็ มรกตท่ีแม่ขาวจันมอบให้ อยทู่ ตี่ วั ไม่ใชห่ รือ” กำพรา้ ล้วงไปในกระเปา๋ เส้อื เกลด็ อันนน้ั ยงั อยทู่ ี่เดมิ “แล้วชีวายนาค...” กำพร้าลังเลเหลือบมองนาคราชท่ีไม่มีท่าทีใดๆต่อ อิสรภาพท่มี าเยือน “ต้องรอดเู อา” นาคนอ้ ยกค็ าดเดาไม่ถูก “ถา้ เขาข้นึ ไปอาละวาดอกี ครง้ั พวกเราคงแย”่ กำพรา้ นกึ เปน็ ห่วง “อยา่ งที่บอกตอ้ งรอด”ู สหายนาคายิม้ ปลอบ “แตข่ า้ มศี รทั ธาตอ่ ธรรมะของพระพทุ ธองค์ เชอ่ื วา่ ชวี ายนาคคงไดซ้ มึ ซบั ธรรมะเขา้ ไปบา้ งไมม่ ากก็น้อย” ฟังเช่นน้ีกำพร้าค่อยคลายใจ เป็นความรู้สึกของผู้ศรัทธาและเข้าใจใน ธรรมด้วยกนั ถงึ ยอมรบั กำพร้ามองเห็นชีวายนาคยังน่ังน่ิงกับท่ีดุจเดิมราวรูปสลักอันเย็นชา สีหน้าเรียบเฉย ริมฝีปากเม้มสนิท นัยน์ตาฉายแววครุ่นคิด เหมือนยังมีปัญหา สำคญั ที่สะสางไมส่ ำเรจ็ กำพร้ายกมือไหว้อำลาเป็นครั้งสุดท้าย อย่างน้อยชีวายนาคก็เคยเป็น พ่อของตนในอดตี ชาต ิ เมื่อยืนกลางลานเบื้องนอกเห็นเหล่านาคา นาคี น่ังเรียงเป็นระเบียบ กระจายออกแน่นขนัดรอบพระพุทธรูป คลื่นความศรัทธากระจายออกมาด้วย กระแสธารอนั อบอุ่น กำพรา้ มองนาคน้อย รอยยิม้ ปลาบปล้ืมประดับบนใบหนา้

ประทปี แหง่ ศรทั ธา 77 “ประทีปแหง่ ศรัทธา คืนน้พี วกเราจะจดุ ดวงประทีปแห่งศรัทธากัน” กำพร้าระลึกได้ในราตรีนี้ หลังจากเจริญศีล บำเพ็ญบารมีมาถึงสาม เดือนเต็มๆ คลื่นแห่งศรัทธาและดวงจิตที่เต็มไปด้วยความเคารพจะก่อให้เกิด ดวงประทปี น้อยลอยสูเ่ บ้ืองบนเพ่อื บูชาคุณพระพทุ ธเจ้า มันอาจเป็นส่ิงเล็กน้อยเหลือเกิน เม่ือเปรียบเทียบกับพระมหากรุณา- ธิคุณที่พระองค์มีต่อเหล่าสรรพสัตว์ มันเป็นช่วงเวลาอันแสนส้ัน เมื่อเทียบกับ ช่วงเวลาหลายอสงไขย นับแสนกัปป์ท่ีพระองค์บำเพ็ญบารมีเพ่ือตรัสรู้ธรรมมา สัง่ สอนสัตว์โลก ประทีปศรัทธา หรือบ้ังไฟพญานาคอาจเป็นปรากฏการณ์ปาฏิหาริย์ท่ี เหล่ามนุษย์ทั้งหลายมองเห็นอย่างตื่นตาต่ืนใจ ชื่นชม ศรัทธา แต่หารู้ไม่ ปาฏิหาริย์อันย่ิงใหญ่ท่ีแท้จริงคือ ปาฏิหาริย์จากพระพุทธองค์ ปาฏิหาริย์ท่ี พระองค์มาเกิด มาตรัสรู้ มาสั่งสอนสัตวโ์ ลกให้พ้นทุกข ์ เทศนาปาฏิหาริย์ของพระองค์สามารถเปลี่ยนปุถุชนให้กลายเป็นอริย บุคคลได้เพยี งชัว่ ธรรมจบบท ปาฏิหาริย์เช่นน้ีมีผู้ใดทำได้ นอกจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้ว ไม่มี ประทีปศรทั ธาก็แคแ่ สงดวงเลก็ ๆ ทเ่ี หลา่ นาคนอ้ มแสดงเพอ่ื คารวะบชู า พระพุทธคณุ อันย่ิงใหญ่... กำพร้าหันไปมองนาคน้อยผู้เป็นเพื่อน รอยย้ิมความผูกพันโยงใย ใจสใู่ จ “จุดเผอื่ เราด้วยนะ จะคอยช่นื ชมอย่ขู ้างบน” “ไดส้ เิ พอื่ น” ใบหนา้ นาคนอ้ ยผุดผ่อง ใสกระจ่าง ปีตฉิ ายชัดในแววตา เกล็ดมรกตที่แม่ขาวจันมอบให้ พากำพร้าขึ้นมาจากบาดาลนครถึงริม ฝ่ังแม่นำ้ โขงตอนเยน็ ทนั ทที ่ถี งึ ฝง่ั เกลด็ มรกตชิ้นนัน้ ก็สลายเป็นอากาศธาต ุ กำพรา้ ยกมอื ข้ึนประนม ตง้ั จิตระลึกถงึ แมข่ าวจนั

78 อภินหิ ารบาดาลนคร ภารกิจของเขาลุล่วงแลว้ แตก่ ารณ์ภายหนา้ จะเปน็ เชน่ ไร สุดแทแ้ ตเ่ วร กรรม เวลาน้ันผคู้ นตา่ งฮือฮาล่นั กบั ส่งิ ทเ่ี ห็นกลางลำนำ้ โขง… ลูกไฟกลมโตสีแดงสด มีขนาดประมาณลูกมะพร้าว นับว่าใหญ่ท่ีสุด ต้ังแต่เคยเห็นมา ลอยข้ึนเหนือลำน้ำมีจำนวนนับร้อยในคราวเดียว แสงสีแดง อาบแม่น้ำท้ังสายให้ส่องประกายระยับจับตา ความงามพาให้ทุกคนต่ืนตะลึง อ้าปากค้าง ระลอกที่หนึ่งผ่านไป มีระลอกสองตามมา ขนาดใหญ่กว่าเดิม จำนวน มากกว่านับเท่าตัว ลูกไฟกระจายขึ้นท่ัวทุกจุดของแม่น้ำ ราวกับจะอวดสายตา ทุกผคู้ นให้เหน็ ชัดเจน หลังจากน้ันทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ ผู้คนที่รออยู่ริมฝ่ังต่างนิ่ง เงียบ รับรู้ร่วมกันว่าปาฏิหาริย์บั้งไฟคืนน้ียังไม่หมด รออีกสักนิดส่ิงที่พวกเขา อาจจะได้เหน็ เพยี งคร้ังเดยี วในชีวิตจะบังเกิดข้ึน และแล้วที่ก่ึงกลางลำน้ำ ลูกไฟกลมโตขนาดเท่าพระจันทร์วันเพ็ญ ก็ลอยข้ึนช้าๆ สะกดสายตาทุกคนให้จ้องมองตะลึงงัน ไม่กล้าขยับตัว ไม่กล้า สง่ เสยี ง ราวกับกลวั สิ่งท่ีเห็นจะอันตรธานหายไปในพริบตา ลูกไฟลอยสูงเหนือระดับริมตล่ิงก็หยุดน่ิง ส่องแสงสีอ่อนกระจายท่ัว จากน้นั ปรากฏการณท์ ีท่ ำให้ผูค้ นต้องตืน่ ตะลงึ ที่สดุ ในชีวติ กเ็ กิดข้ึน ท่ามกลางแสงสีของบ้ังไฟเหนือลำน้ำโขง เงาร่างบางส่ิงบางอย่างท่ีมี ลักษณะยาวๆ เหมือนงูขนาดใหญ่กำลังแหวกว่ายไปมา แสดงความยินดีปรีดา บนศีรษะงูมองเห็นหงอนและแผงคอรางๆ แล้วส่ิงท่ีแหวกว่ายชูคอปรากฏแก่ สายตาเพียงชัว่ นาทเี ดยี วกม็ ดุ หายลงไปในน้ำ กำพรา้ สะดุง้ ใจหายวาบ...นั่นคอื ชวี ายนาค บ้งั ไฟลกู สุดทา้ ยหรล่ี งจนดบั วบู ผ้คู นเพ่ิงไดส้ ติสง่ เสียงฮอื ฮาออื้ องึ

ประทีปแห่งศรัทธา 79 กำพร้ายิ้มน้อยๆ บัดน้ีชีวายนาคสามารถคลายปมในใจออกหมดแล้ว อัตตาเดิมถูกถอดถอน ทุกส่ิงที่หลวงพ่อเทศนาให้ฟังถูกนำมาทบทวนย้อนคิด จติ เหน็ ความจรงิ ยอมรบั จนเกดิ ศรทั ธาขนึ้ อยา่ งมหาศาล และนนั่ คอื ปรากฏการณ์ บ้งั ไฟในช่วงสุดท้าย บัดน้เี มฆหมอกแห่งความอาฆาต พยาบาท ถกู สะสางจนส้ิน ความพ่ายแพ้ของนาคราชผู้น้ี ไม่ได้เกิดจากมนตร์อาลัมพายน์ แต่เกิด จากใจของตน ที่ยอมรับและมองเหน็ ความหลงผดิ แต่กาลก่อน เม่ือแสงสว่างมาถึง ความมืดย่อมถูกขจัดสิ้นไป...และเมื่อรู้ถูก ย่อม ขจัดความหลงผดิ ในใจได้ คืนออกพรรษา 15 ค่ำ เดือน 11 อ.โพนพสิ ัย จ.หนองคาย ท่าน้ำวดั ไทย ริมแมน่ ำ้ โขง จันทร์แจ่มเต็มดวงลอยเด่นเหนือแม่น้ำโขง ผู้คนมากมายหลั่งไหลจาก ทั่วสารทิศ ต่างแออัดแน่นริมท่าน้ำ เสียงจุดพลุ เสียงประทัดดังเป็นระยะ ทุก สายตาจ้องมองเหนือแม่น้ำท่ามกลางความมืดที่โรยตัวช้าๆ เสียงเฮดังล่ันเม่ือ ลกู ไฟสแี ดงลอยขน้ึ จากแมน่ ้ำ “ท่านผู้ชมคะ และน่ีคือบั้งไฟพญานาค ปรากฏการณ์มหัศจรรย์แห่ง ลำนำ้ โขงในคำ่ คืนนี้คะ่ ” พชั รมาศทำหนา้ ท่ีผ้สู ่ือข่าวภาคสนามอกี คร้งั “คุณพชั รมาศขอถ่ายรปู หนอ่ ยคะ่ ” “ขอลายเซน็ ด้วยครบั ” เสร็จจากหน้าท่ีผู้ส่ือข่าว พวกหนุ่มสาวท่ีช่ืนชอบต่างเข้ามาขอถ่ายรูป และขอลายเซน็ มากมาย พลนั สายตาเหลอื บแลเหน็ “น้องคะ” ผู้สือ่ ข่าวสาวตะโกนเรียก กำพร้าหนั กลับไปมอง

80 อภินหิ ารบาดาลนคร “พี่พัชรมาศ” เขาอยากร้องลั่นด้วยความยินดี ต่ืนเต้นปะทุหัวอกแทบ ทำอะไรไม่ถูก รอยย้ิมของนักข่าวสาวสว่างไสว ชนิดที่เห็นคร้ังเดียวก็จดจำได้ ความสวา่ งของมนั ฉายโชนถงึ จิตใจ “ได้รบั เสือ้ แลว้ ใช่ไหมจะ๊ เป็นยังไงบ้าง ชอบไหม” “ชอบ...ชอบครบั ขอบคณุ พมี่ ากครบั ” กำพรา้ พนมมอื ไหว้ ความตนื่ เตน้ ดีใจยังไม่คลายลง “แล้ววันน้ีเห็นบ้ังไฟพญานาคแล้ว ยังเช่ือเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่าจ๊ะ” นักขา่ วสาวซักไซ ้ กำพร้าส่ายหน้า สิ่งท่ีไดพ้ บเจอมาลบเลือนความเช่อื เชิงตรรกะทั้งหมด บนโลกใบนี้ ยังมีอีกหลายส่ิงท่ีความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ยัง หาคำตอบให้ไม่ได้ บั้งไฟพญานาคจึงเป็นเร่ืองนอกเหตุเหนือผลท่ีรอการพิสูจน์ จากผู้เช่ียวชาญด้านวิทยาการตอ่ ไป “บงั้ ไฟพญานาค ถ้าไม่ไดเ้ กดิ จากพญานาค แล้วจะเกิดจากอะไรได้เลา่ ครบั ” เขาตอบนักข่าวสาวเสียงใส พญานาคมีความหมายซ่อนเร้นทางจิตวิญญาณ...เป็นสัญลักษณ์และ รูปปริศนาธรรม ชวนให้คิดตีความหมาย เราพบนาคท้ังจากวรรณคดี ชาดก นิทานพื้นบ้าน ราชพงศาวดาร สุภาษิต หรือร่องรอยแห่งนาคาในรูปลักษณ์อ่ืน เช่น ‘บ้งั ไฟพญานาค’ ย่อมมคี วามหมายแล้วแต่ภูมปิ ัญญาหรือ ‘ตา’ ของผใู้ ดจะ พจิ ารณา หรอื ‘เหน็ ’ ไดด้ ้วยตนเอง

81



ภาคผนวก

84 เกร็ดนา่ รู้ บัง้ ไฟพญานาค สมัยพระพุทธเจ้าเสด็จมาโปรดสัตว์ มีพญานาคช่ือ มะรินทนานาค อาศัยอยู่ในแม่น้ำโขง เดิมพญานาคตนนี้มีความดุร้ายมาก แต่เม่ือพระพุทธเจ้า เสด็จมาโปรด พญานาคก็เกิดความเล่ือมใส คิดจะบวช แต่ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากนาคเป็นสัตว์เดรัจฉาน จึงปวารณาตนเองเป็นพุทธมามกะ และขอให้ พระพุทธเจ้าประทับรอยพระบาทไว้ที่วัดพระบาทโพนสัน (ในสาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนลาว) คร้ังเม่ือพระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดพระนางสิริมหามายา พระมารดา ท่ีสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และเสด็จลงมาทางบันไดนาคทั้งสามนั้น ตรงกับวันออก- พรรษา พุทธศาสนิกชนต่างร่วมกันเฉลิมฉลอง ส่วนพญานาคก็จุดบั้งไฟจากใต้ แม่น้ำโขงเพื่อเฉลิมฉลองเช่นกัน เราจึงเห็นดวงไฟพุ่งขึ้นจากแม่น้ำโขงในวัน ออกพรรษา หรือ 15 คำ่ เดอื น 11 เม่ือถึงวันออกพรรษาและใกล้ถึงช่วงเวลาที่บ้ังไฟพญานาคจะปรากฏ ชาวบ้าน ผู้เฒ่าผู้แก่จะเตรียมข้าวตอกดอกไม้มาสักการะแม่น้ำโขงและบั้งไฟ พญานาค เพราะชาวบ้านเชื่อว่า บั้งไฟพญานาคเกิดจากการที่เหล่านาคใต้ ลำน้ำโขงสกั การะพระพทุ ธเจา้ นัน่ เอง (เรียบเรียงจากหนงั สือ ศรทั ธาของพญานาค โดย อดุ ม เชยกวี งศ์)

85 ฮตี 12 ประเพณีของชาวอสี าน เป็นจารีตหรือประเพณี 12 อย่างประจำทั้ง 12 เดือน ที่ส่งเสริมให้คน ในสังคมได้มีโอกาสพบปะชุมนุมทำบุญกัน รู้รักสามัคคี และใกล้ชิดพุทธศาสนา มากขึ้น 1. เดือนเจียง (เดอื นอา้ ย) บุญเข้ากรรม 2. เดือนยี่ บญุ คณู ข้าว 3. เดอื นสาม บุญขา้ วจ่ ี 4. เดือนส่ี บญุ พระเวส 5. เดอื นหา้ บญุ ตรษุ สงกรานต์ 6. เดอื นหก บญุ วันวิสาขบชู า 7. เดือนเจ็ด บุญซำฮะ 8. เดือนแปด บุญเข้าพรรษา 9. เดือนเกา้ บุญขา้ วประดับดิน 10. เดือนสบิ บุญขา้ วสลาก 11. เดือนสิบเอ็ด บญุ ออกพรรษา 12. เดือนสบิ สอง บญุ กฐนิ (เรยี บเรยี งจากหนงั สอื ของดีอสี าน โดย จารุบุตร เรอื งสุวรรณ)

86 อกั ษรตวั ธรรมหรอื อกั ษรธรรมอีสาน เป็นอักษรท่ีใช้อยู่ในกลุ่มชนบริเวณลุ่มน้ำโขงต้ังแต่โบราณและแพร่ไป ยังกลุ่มไทยลื้อในสิบสองจุไทยด้วย จากศิลาจารึกในภาคอีสานและอาณาจักร ล้านช้างพบว่า อักษรตัวธรรมปรากฏในศิลาจารึกคร้ังแรกในสมัยพระเจ้าราช- แสนไทย จารึกเก่าท่ีสุดท่ีเป็นอักษรตัวธรรมลงไวเ้ ม่ือปีพ.ศ. 2003 คอื จารึกฐาน พระพุทธรูป อยู่ท่ีวัดสีสะเกด เมืองเวียงจันทน์ ส่วนจารึกลงบนแผ่นศิลาที่เป็น อกั ษรตวั ธรรมเก่าท่ีสดุ คือ จารึกวัดบา้ นสังคโลก ลงไวเ้ ม่อื ปีพ.ศ. 2070 อกั ษรตวั ธรรมนนี้ ำมาใชใ้ นอาณาจกั รลา้ นชา้ งอยา่ งแพรห่ ลาย ภายหลงั ได้เข้ามายังภาคอีสานของประเทศไทย จึงพบเอกสารใบลานต่างๆ มากมาย ในภาคอสี านยคุ กอ่ นทจ่ี ดบนั ทกึ ดว้ ยอกั ษรตวั ธรรม โดยเฉพาะเอกสารดา้ นพทุ ธ- ศาสนา ได้แก่ พระคัมภรี ์อรรถกถา ชาดก และตำราวิชาการ ภาคอีสานและอาณาจักรล้านช้างได้ตกเป็นของไทยในสมัยกรุงธนบุรี เม่ือปีพ.ศ. 2322 ส่วนภาคอีสานนั้นได้รวมเข้าเป็นดินแดนประเทศไทยอย่าง จริงจังในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 จากนั้น อกั ษรตวั ธรรมหรอื ตวั อกั ษรธรรมอสี านกเ็ สอื่ มความนยิ มลง เนอื่ งจากรชั กาลที่ 5 ได้ให้ข้าราชการหัวเมืองอีสานเรียนภาษาไทยและตัวอักษรไทย อีกทั้งยังจัดต้ัง โรงเรียนสอนหนังสือไทยในทุกหัวเมือง โดยเฉพาะมณฑลลาวกลาง (นครราช- สมี า) มณฑลลาวพวน (อุดรธาน)ี และมณฑลลาวกาว (อุบลราชธาน)ี และมกี าร ประกาศใหใ้ ช้ภาษาไทยเปน็ ภาษาราชการนับแต่ปพี .ศ. 2464 เปน็ ต้นมา ตัวเลขในอักษรธรรมอสี านมี 10 รปู ดังนี้ ๑๒๓๔๕๖๗๘๙๐ (เรยี บเรยี งจากหนงั สอื วรรณกรรมอสี าน โดย ธวชั ปุณโณทก และหนังสอื วรรณกรรมทอ้ งถิน่ ไทย โดย กตญั ญู ชชู ่ืน)

87 เครอื่ งป้ันดินเผาบ้านเชยี ง ท่ีชมุ ชนบ้านเชียงเมื่อ 5,000 กว่าปที ่ีแล้ว เมอ่ื มีคนตาย ญาติพ่ีนอ้ งจะ นำเคร่ืองมือ เครื่องใช้และเครื่องประดับขนาดเล็กบรรจุลงในภาชนะดินเผา เขยี นสี หรอื บางคร้งั ก็เป็นภาชนะดินเผาเขียนสเี ปล่าๆ วางไว้กับศพ โดยวางไว้ บริเวณใดก็ได้ ท้ังเหนือหัวผู้ตาย ปลายเท้า หรือด้านข้าง แล้วแต่แบบแผน พธิ ีการของหมบู่ า้ นนัน้ ๆ พิธีการดังกล่าวเกิดจากคติความเชื่อเกี่ยวกับความตายของชุมชน บ้านเชียงที่ว่า ผู้ตายน้ันยังไม่ตายจริง หากเปลี่ยนสภาพไปสู่อีกสถานะท่ ี ศักดิ์สิทธิ์กว่า ดังน้ันญาติพ่ีน้องจึงต้องจัดเตรียมภาชนะ เครื่องใช้ต่างๆ ทั้งที่ เปน็ ของส่วนตวั ของผตู้ ายและส่วนทค่ี วรได้เพ่ิมขึน้ ติดตัวไปดว้ ย นอกจากนีย้ ังมี ความเชอื่ ทว่ี า่ ผตู้ ายยงั ไมต่ าย หากกลบั ฟน้ื คนื ชวี ติ ขนึ้ มาอกี ครงั้ จะไดม้ เี ครอ่ื งใช้ ไมส้ อยไว้ทำมาหากิน ลวดลายทป่ี รากฏอยบู่ นเครอ่ื งปน้ั ดนิ เผาเขยี นสี ของบ้านเชียง ได้แก่ ลายเส้นโค้ง ลายก้นขดและลาย กน้ หอย ลายเรขาคณติ ลายดอกไม้ ลายรปู สตั ว์ และลาย อน่ื ๆเช่น ลายเส้นขนาน ลายสามเหลยี่ มซ้อน เปน็ ตน้ (เรยี บเรยี งจากหนังสือบา้ นเชียง โดย สุจิตต์ วงษเ์ ทศ) ท่ีมาของปก การออกแบบหน้าปกของหนังสือชุดน้ีได้นำลวดลายการ เขียนสีบนภาชนะดินเผาของบ้านเชียงมาดัดแปลงและตัดทอน เพื่อให้เกิด ความสวยงามและเหมาะสมกบั ปกหนงั สือ

ประวัติย่อผู้เขียน สรรัตน ์ จริ บวรวสิ ุทธิ์ ครเี อทีฟรายการโทรทศั นส์ ำหรับเดก็ และนักเขียนอสิ ระ ประวัติการศกึ ษา • สำเรจ็ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย จากโรงเรยี นบางปะกอกวิทยาคม พ.ศ. 2545 • สำเร็จอักษรศาสตรบณั ฑติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2549 ผลงานดา้ นส่อื สง่ิ พมิ พ์ พ.ศ. 2544 • เรือ่ งสัน้ แนวลึกลบั สยองขวญั ในนติ ยสารเร่ืองผี จำนวน 19 เรื่อง โดยสำนักพิมพ์ โอ.เอส.พรนิ้ ต้งิ จำกัด พ.ศ. 2545 • เรือ่ งส้นั “แม่มดพลัดถ่นิ ” ในการ์ตนู มหาสนุก รายสัปดาห์ โดยสำนกั พิมพ์บันลือสาส์น จำกัด 1990 พ.ศ. 2546 • เรอ่ื งสัน้ ชนะการประกวด “บวชใช้บาป” ในหนงั สอื กรรมสง่ ตรง คนส่งกรรม โดยสำนกั พมิ พ์กันตนาพบั ลชิ ชงิ่ จำกดั พ.ศ. 2549 • เรื่องส้ันแนวลึกลบั สยองขวัญในนติ ยสาร Shock Story จำนวน 4 เร่อื ง โดยบริษทั สยามอินเตอร์มัลติมเี ดีย จำกดั (มหาชน) • บทการ์ตนู ใน “จอมซนผจญภัย” ตอนที่ 14 เที่ยวทะเลกันดกี วา่ โดยบรษิ ัทอนเิ มท กรปุ๊ จำกดั ปัจจบุ นั • เขียนหนังสอื ซรี ีส่ ์นิทาน 4 ภาค ไดแ้ ก่ นิทานทรี่ าบสูง, นทิ านยอดดอย, นิทานลุม่ น้ำ และนทิ านคาบสมทุ ร โดยบริษัทสยามอนิ เตอรม์ ลั ติมเี ดีย จำกดั (มหาชน)

ประวัติย่อผู้วาดภาพประกอบ เบญจมาศ คำบุญม ี การศกึ ษา ปรญิ ญาตรี ครุศาสตรบัณฑิต เอกประถมศึกษา สถาบันราชภัฏหมู่บา้ นจอมบึง จ.ราชบุรี การทำงาน • ครูประจำโรงเรียนทานสัมฤทธ์ิ อ.เมอื ง จ.นนทบุร ี นกั วาดภาพประกอบนทิ านคอลมั น์ “เพ่ือนเดก็ ” • นิตยสารขวญั เรือน ผลงานที่ผา่ นมา พ.ศ. 2535 รางวัลภาพประกอบหนงั สอื สำหรับเดก็ เรอ่ื ง “นอ้ งจ้ีตรงต่อเวลา” จากงานสัปดาหห์ นังสือแห่งชาต ิ พ.ศ. 2536 รางวลั ภาพประกอบการต์ นู วทิ ยาศาสตร์ เร่ือง “นอ้ ยโหน่งผจญภยั ” จากสมาคมวทิ ยาศาสตร์แหง่ ประเทศไทย พ.ศ. 2537 รางวลั ภาพประกอบเก่ยี วกับสิ่งแวดล้อม เรอ่ื ง “บ้านกลางสวน” จากมลู นิธิส่ือสร้างสรรค์ พ.ศ. 2539 รางวัลภาพประกอบหนงั สอื สำหรับเดก็ เรอื่ ง “ไข่วิเศษ” จากงานสปั ดาหห์ นงั สอื แหง่ ชาติ พ.ศ. 2548 ภาพปกหนงั สอื นวนยิ าย สารคดี และเร่ืองสนั้ รวม 11 เลม่ ของ ว.ณ ประมวลมารค สำนกั พิมพน์ านม ี พ.ศ. 2549 ภาพประกอบหนังสอื สำหรบั เดก็ เร่ือง “นอนละนะพระจนั ทร”์ โครงการนทิ านเพ่อื นรกั บริษัท แปลน ฟอร์ คดิ ส์ จำกดั

เปิดโลกกว้างแหง่ การเรียนรู้ บนรากฐานภูมิปัญญาท้องถิน่ การจัดตั้งอุทยานการเรียนรู้ส่วนภูมิภาค เป็นภารกิจสำคัญประการหนึ่งของ สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ (TK Park) เนน้ การถา่ ยทอดบทเรียนการจดั การการเรยี นรู้ ภายใต้บริบทวัฒนธรรมและความสนใจท่ีสอดคล้องกันของคนในท้องถ่ิน เพื่อกระจาย โอกาสให้เด็กและเยาวชนไทยสามารถเขา้ ถงึ การเรียนรู้ไดอ้ ย่างมคี วามสุข โครงการนิทานพื้นบ้าน 4 ภาค เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานเพื่อจัดต้ัง อุทยานการเรียนรู้ส่วนภูมิภาค โดยจัดทำเนื้อหาสาระในรูปแบบท่ีเด็กและเยาวชนสนใจ ซ่ึงสามารถส่ือให้เห็นความเป็นตัวของตัวเอง ได้รับรู้ถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรม อนั ล้ำคา่ ในทอ้ งถ่ิน รวมทง้ั การรักษาและสบื ทอดมนตเ์ สนห่ แ์ ห่งนิทานพ้นื บ้าน หนังสือชุดนิทานพ้ืนบ้าน 4 ภาค ประกอบด้วยนิทานภาพสำหรับเด็กอายุ ไมเ่ กนิ 9 ปี และวรรณกรรมสำหรับเยาวชนอายุ 9 ปขี ึน้ ไป สำนักงานอทุ ยานการเรยี นรู้ ดำเนนิ การจดั พิมพ์แลว้ เสร็จ และกระจายเผยแพรท่ ัว่ ประเทศแลว้ ดังน ้ี นทิ านภาพภาคใต้ จำนวน 6 เรอ่ื ง จารอกตี อ เมอื งนา่ อยูท่ ีห่ นูรกั ไก่โกง มูสงั เปาะแซเดาะกับซามะ ไขน่ ยุ้ กับแพะน้อย ซีงอ : เจา้ ป่าผ้กู ล้าหาญ ในวันฮารรี ายอ

วรรณกรรมเยาวชนภาคใต้ จำนวน 6 เรือ่ ง ซาไก พระเศวตสุรคชาธาร รายอฆอแน จาโต : เล่หก์ ลบนกระดาน วดั ถ้ำคหู าภิมขุ แดนคนธรรพ์ นิทานภาพภาคเหนือ จำนวน 5 เรอ่ื ง ห้าสหายปราบยกั ษ์ เชยี งใหมเ่ มอื งบุญ เพลงละอ่อน พฉึ อ่ ไกผ่ ู้พชิ ิตพระอาทิตย ์ ดาววไี ก่นอ้ ย วรรณกรรมเยาวชนภาคเหนอื จำนวน 7 เรือ่ ง ผู้เฒา่ เล่าไว ้ กำพรา้ บัวทอง จนั ตะคาด สวุ รรณเมกฆะ นทิ านของอุ๊ย ออ้ มล้อมตอ่ มคำ ผีม้าบ้อง กับหมาขนคำ

นทิ านภาพภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ จำนวน 5 เร่อื ง ช้างดอ้ื อเี กงิ้ ...เดือนดาว เมอื งมหาสารคาม เส่ยี วฮกั เสยี่ วแพง ฮตี สิบสอง วรรณกรรมเยาวชนภาคตะวันออกเฉียงเหนอื จำนวน 7 เรื่อง ผีผบึ พ้มึ ผจญภัยเมอื งฟ้าแดด สินไช ตำนานขูลกู ับนางอ้วั อภนิ หิ ารบาดาลนคร เรื่องเลา่ เจ้ากำพร้า ท้าวขอ้ หลอ้