Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 35 คำถามสำหรับการปลูกมังคุด

35 คำถามสำหรับการปลูกมังคุด

Description: 35 คำถามสำหรับการปลูกมังคุด.

Search

Read the Text Version

เอกสารเผยแพร อนั ดบั ท่ี 53 35 คาํ ถามกับการปลูกมังคุด ผศ.ดร.กวศิ ร วานชิ กลุ ภาควชิ าพชื สวน คณะเกษตร ม. เกษตรศาสตร วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน อ.กาํ แพงแสน จ.นครปฐม 73140 ที่มา : เอกสารเผยแพรอันดับที่ 53 โดย ศนู ยส ง เสรมิ และฝก อบรมการเกษตรแหง ชาติ สํานกั สง เสรมิ และฝก อบรม มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร วทิ ยาเขตกําแพงแสน นครปฐม พมิ พค รง้ั ท่ี 1 พ.ศ. 2536 จัดทําเอกสารอเิ ลก็ ทรอนกิ สโ ดย : สํานักสง เสรมิ และฝก อบรม มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร 1. ตน มังคุดมีรูปรางหนาตาเปนอยางไร 2. เราสามารถปลูกมังคุดไดทั่วไปทุกแหงเลยหรือไม เพราะเหตใุ ด 3. ถา ชาวสวนสนใจปลูกมังคุดกันมาก ๆ จะมีตลาดรับซื้อหรือไม แลวราคาจะดีไหม 4. ในประเทศไทยมีการทําสวนมังคุดกันมากนอยเพียงใด 5. ดินแบบไหนที่ปลูกมังคุดไดดี และแบบไหนท่มี งั คดุ ไมช อบ 6. มงั คุดชอบอากาศแบบไหน 7. ตอ งการใหน ้าํ มังคุดมากหรือไม และตนมังคุดสามารถทนแลงทนนํา้ ไดนานแคไหน 8. ตน มังคุดออกดอกใหผลในฤดูใด และออกพรอมกันทั่วประเทศเลยหรือไม 9. มงั คดุ มีพันธุอะไรบาง และจะหาตนพันธุมังคุดปลูกไดอยางไร 10. ถา ไมต อ งการเพราะเมลด็ จะสามารถขยายพันธุโดยวิธีอื่นไดหรือไม 11. ถา ตอ งการหาซื้อตนพันธุมาปลูกจะหาซื้อไดจากที่ไหน และราคาสักเทาใด 12. การซอื้ ตนพันธุจากราน เพื่อมาปลูกควรทาํ อยางไร 13. ควรใชระยะปลูกเทาใด และควรวางแผนผังสวนอยางไร 14. วธิ กี ารปลูกมังคุดที่ถูกตองควรทําอยางไร 15. หลงั จากนําตนมังคุดลงปลูกแลว ควรดูแลรักษาในระยะแรกอยางไร 16. ควรปลกู ใหร มเงาและไมกนั ลมในสวนมงั คดุ หรือไม ถาจาํ เปนตองมีควรใชตนอะไรดี 17. การใหนา้ํ มังคุดมีวิธีการอยางไร 18. การใหป ยุ ควรใหปุยอะไร ใหมากนอยเทาใด และใหใ นระยะไหนบา ง 19. การกาํ จัดวัชพืชในแปลงปลูกมังคุดมีความจาํ เปนแคไหนและควรปลูกพืชคลุมดินดวยหรือไม 20. โรคทส่ี าํ คัญทพ่ี บในมังคดุ มีอะไรบาง และมีวิธีการปองกัน กาํ จัดอยางไร 21. แมลงศัตรูที่สาํ คัญทพ่ี บในมังคดุ มีอะไรบาง 22. มสี าเหตอุ น่ื หรอื ไม ทท่ี าํ ใหเกิดความเสียหายแกมังคุด 23. ขอใหท ําตารางการดูแลรักษามังคุดแบบงาย ๆ ใหด ว ย

35 คาํ ถามกบั การปลกู มงั คดุ ✽ 2 24. มงั คดุ เริ่มออกดอกใหผลเมื่ออายุเทาใด และการใหผลจะมากนอยเทาไหน 25. เมอื่ มงั คุดออกดอกติดผลแลว ควรดูแลรักษาผลมังคุดอยางไร 26. การเก็บเกี่ยวผลมังคุดที่ถูกตองควรทาํ อยางไร 27. หลงั จากเกบ็ ผลมังคุดจากตนแลว กอนสงตลาดควรทําอยางไร จึงจะขายไดราคาดี 28. ตลาดรับซื้อมังคุดมีที่ไหนบาง 29. การลงทุนทาํ สวนมังคุดใชเงินมากนอยแคไหน และผลตอบแทนจะคุมกันหรือไม 30. มเี ทคนิคพิเศษอะไรหรอื ไมท ี่จะทาํ ใหการทาํ สวนมังคุด แลวไดกําไรมาก ๆ 31. เคยไดย นิ วาเขามีการทํามังคุดคุณภาพ เขาทํากันอยางไร และทาํ เพื่ออะไร 32. การนาํ ผลมังคุดไปขายใหกับพอคาสงหรือผูสงออก ควรปฏิบัติอยางไร 33. ปญ หาหรืออุปสรรตาง ๆ ในการทาํ สวนมังคุดมีอะไรบาง 34. หากตอ งการติดตอขอคําปรึกษาจากนักวิชาการที่รูเรื่องเกี่ยวกับมังคุด จะติดตอไดที่ไหนบาง 35. เนอื้ ผลมังคุดใหคุณคาทางโภชนาการอะไรบาง คาํ นํา ”\"35 คําถามกบั การปลกู มงั คดุ ”””นับวาเปน เอกสารเผยแพรฉ บบั แรกทม่ี กี ารนําเสนอเนอ้ื หา และเร่ืองราวของผลไมช นดิ หนง่ึ ที่แตกตางจากเอกสารเผยแพรฉบับอื่นๆ เพราะเปน การรวบรวม คําถามตาง ๆ ทเ่ี กย่ี วชอ งกบั มงั คดุ มาเสนอแนะประเดน็ หลกั โดยมเี นอ้ื หานา สนใจ และชวนตดิ ตาม อยางมาก ซง่ึ เมอ่ื อา นจบแลว ทางคณะผูจัดทาํ หวงั วา บางคําถามทเ่ี ปน ปญ หาคา งอยใู นใจของทา นผอู า น อาจไดรบั การแกไ ขคลค่ี ลายลงบา ง และสาํ หรบั ผทู ไ่ี มม คี วามรเู กย่ี วกบั มงั คดุ มากอ น คณะผูจัดทาํ มคี วาม เช่ือม่ันวาทานจะรจู กั มงั คดุ ในแงม มุ อน่ื มากขน้ึ นอกเหนอื จากความอรอ ยของผลมงั คดุ ทท่ี า นรจู กั ดี ซึ่งคณะผูจัดทาํ ตอ งขอขอบพระคณุ ผศ.ดร.กวศิ ร วานชิ กุล เปน อยา งสงู ทไ่ี ดเ รยี บเรยี งเรอ่ื งราวเหลา น้ี มาเผยแพรใหพี่นองเกษตรกรและประชาชนผูสนใจไดรับทราบและหวังวาผูอานจะนําความรูนี้ไปใช ประโยชนไดบางรวมท้ังสามารถนําเทคนิคบางอยา งไปปรบั ใชใ นการปลกู มงั คดุ ใหไ ดผ ลผลติ ทม่ี คี ณุ ภาพ ดีและมปี รมิ าณทม่ี ากขน้ึ ตอ ไป โครงการผลติ เอกสารเผยแพร มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร

35 คาํ ถามกบั การปลูกมงั คดุ ✽ 3 35 คาํ ถามกับการปลูกมังคุด ผศ.ดร.กวศิ ร วานชิ กลุ มังคุด เปนผลไมพ้ืนบา นของเราทข่ี ายไดร าคาดี มตี ลาดรบั ซอ้ื อยา งไมจ าํ กัด ทง้ั ตลาดในเมอื ง ไทยและตลาดตา งประเทศ ชาวสวนจาํ นวนมากทง้ั ผทู เ่ี คยปลกู ไมผ ลอน่ื ๆอยแู ลว และผูที่จะเริ่มทาํ สวนใหม จงึ สนใจทจ่ี ะปลกู มงั คดุ พูดงายๆ ก็คือ อยากทําสวนมงั คดุ เพราะเหน็ วา ราคาดี มพี อ คา รับซ้ือมาก จงึ นา จะเปน ผลไมท ม่ี อี นาคตดวี า ผลไมอ น่ื ๆ อกี หลายชนดิ พอเร่ิมตนจะทําสวนมังคุดชาวสวนที่ไมเคยปลูกมังคุดหรือคนที่เคยทําสวนแตอยากจะทําสวน มังคุดมีคําถามเกดิ ขน้ึ มากมายตง้ั แตค าํ ทว่ี า ตน มงั คดุ หนา ตาเปน อยา งไร ไปจนถงึ วา เกบ็ ขายอยา งไร เพ่ือชวยใหชาวสวนรนุ ใหมค นุ เคยกบั วธิ กี ารปลกู มงั คดุ และมคี วามรเู บอ้ื งตน เกย่ี วกบั การทาํ สวนมงั คดุ อยางเพียนพอ ผูเขียนจึงไดรวบรวมคาํ ถามทท่ี า นอยา งไดค าํ ตอบมาไวใ นเอกสารเผยแพรน ้ี คาํ ตอบทม่ี ี เปนแบบปฏิบัติแทรกดวยความรูทางวิชาการคาํ ถามเบอ้ื งตน ทร่ี วบรวมไดม ี 35 คาํ ถาม คาํ ถามอน่ื ๆ นอกเหนือจากนี้มักเปนคาํ ถามที่ไมพบทั่วไป หากจะเอามาตอบทง้ั หมดคงไดต ําราเลม โตและคงไมม ใี คร ใหเงินมาพมิ พแ บบนแ้ี น ดงั นน้ั หากทา นอา นแลว ยงั ไมพ บคําถามท่ีทานอยากใหคําตอบก็อยาเสียใจไป เลยครับ เขยี นจดหมายไปถงึ ผเู ขยี นสกั หนอ ย ตามที่อยูที่ใหไวในเอกสารเผยแพรนี้ หากมีคาํ ถามมาก และซา้ํ กนั บอ ยๆ ตอนทพ่ี มิ พอ กี ครง้ั อาจจะไดเ ปลย่ี นชอ่ื เปน “40 หรือ (50) คาํ ถาม กบั การปลกู มังคุด” กเ็ ปน ไดน ะครบั ตอ ไปนเ้ี ชญิ อา นคาํ ถามกบั คาํ ตอบไดแ ลว ครบั ………. 1. ตน มงั คุดมรี ปู รางหนา ตาเปนอยางไร มังคุด เปนตนไมพ น้ื บา นทพ่ี บทางภาคใตข องเมอื งไทยนเ่ี อง ในประเทศเพอ่ื นบา นของเรา เชน มาเลเซยี อนิ โดนเี ซยี ฟลิปปนส หรือพมา กพ็ บวา มตี น มงั คดุ ปลกู อยอู ยา งเหมอื นกนั มงั คดุ เปน ตน ไมท ่ี โตชาแตวามอี ายยุ นื ยาวเราจดั มงั คดุ ไวป ระเภทของผลไมข นาดใหญ โดยตน มงั คดุ จะมขี นาดใหญข น้ึ เร่ือยๆ ตามอายุที่เพิ่มขึ้น ลาํ ตน ของมงั คดุ มกั จะตง้ั ตรง และแตกกง่ิ กา นอยา งเปน ระเบยี บ ซง่ึ กง่ิ จะมี ลักษณะเปนคๆู สลบั กนั ไป ทรงพมุ เมอ่ื งมองจากภายนอกจะมองดคู ลา ยกบั รปู กรวยควา่ํ มงั คดุ มใี บหนา ผิวใบเรียบเปน มนั ในมรี ปู รา งงกลมยาว จากการสังเกตพบวา ตนมังคุดมกั ไมคอ ยแตกก่งิ ภายในพมุ ตน ทง้ั นก้ี เ็ พราะวา ใบ ที่อยูบริเวณดานนอกจะบดบังแสงแดดไวจนหมด มงั คดุ จะออก ดอกเฉพาะทบ่ี รเิ วณปลายกง่ิ เทา นน้ั โดยอาจเปนดอกเดีย่ วหรอื เปนพวงกไ็ ด แตสวนใหญมักจะมีเพียงดอกเดียว และเมอ่ื ดอก ติดเปนผล กจ็ ะไดผ ลมงั คดุ ทม่ี รี ปู รา งคอ นขา งกลมมน ที่โคนผลี กานผลสน้ั ๆ และมกี ลบี เลย้ี ง 4 กลบี ตดิ อยู ผลมงั คดุ มเี ปลอื ก ภาพท่ี 1 ผลมังคุด หนา เมอ่ื ยงั ดบิ อยผู วิ เปลอื กจะมสี เี ขยี วภายในมยี างสเี หลอื ง เม่ือผลสุกเปลือกจะเปลย่ี นสเี ปน สมี ว งแดงหรอื มว งดํา เนอ้ื มงั คดุ มสี ขี าวแบง เปน กลบี ๆ เหมอื นสม ซึ่งจะ มีอยูป ระมาณ 4-8 กลบี แตใ นจํานวนนจ้ี ะมเี มลด็ เพยี ง 1-3 กลบี เทา นน้ั

35 คาํ ถามกบั การปลกู มงั คดุ ✽ 4 ภาพท่ี 2 ตน มังคดุ อายุ 5 ป ภาพที่ 3 ตน มังคดุ อายุ 10 ป จากการเพาะเมลด็ จากการเพาะเมลด็ ภาพท่ี 4-5 ลกั ษณะการแตกกง่ิ และใบของมงั คดุ ภาพท่ี 6 ดอกมงั คดุ และการพฒั นาของดอกมงั คดุ

35 คาํ ถามกบั การปลูกมงั คดุ ✽ 5 ภาพที่ 7 ดอกมังคุดแบบกระจุก/พวง ภาพท่ี 8 ดอกมงั คดุ แบบดอกเดย่ี ว 2. เราสามารถปลูกมังคดุ ไดท ั่วไปทกุ แหง เลยหรอื ไม เพราะเหตุใด ในประเทศไทยนน้ั มแี หลง ทช่ี าวสวนปลกู มงั คดุ กนั มากอยู 3 แหลง ใหญๆ ดวยกัน คอื พื้นที่ใน เขตภาคตะวันออก ภาคใต และภาคกลาง ในภาคตะวนั ออกกไ็ ดแ ก จังหวัดจันทบุรี ระยอง และตราด ภาคใตก็ตั้งแตจังหวัดชุมพรลงไป สวนภาคกลางก็ไดแกพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯ และจงั หวดั นนทบรุ ี สําหรับภาคอื่นๆ เชนภาคเหนือ กม็ ปี ลกู บา งเหมอื นกนั ทจ่ี งั หวดั อตุ รดติ ถ และเชียงใหม แตก ย็ งั มไี มม าก นัก สวนภาคอสี านเชนท่ี จังหวัดนครพนม หนองคาย และพน้ื ทบ่ี รเิ วณรมิ แมน า้ํ โขงก็กาํ ลงั ทดลองปลกู อยูเหมือนกัน เขตอน่ื ๆนอกเหนอื จากทก่ี ลา วมานก้ี ม็ กี ารทดลองปลกู บา งเหมอื นกนั แตมักไมคอยไดผล โดยตนมังคุดทป่ี ลกู จะเกดิ อาการแหง ตาย กอนที่จะใหผลผลิต เหตทุ เ่ี ปน เชน นก้ี เ็ พราะวา มงั คดุ เปน พชื ท่ี คายน้ําเกง ดงั นน้ั พชื ทป่ี ลกู จงึ ตอ งเปน ทท่ี ม่ี คี วามชน้ื สงู หากไปปลูกในที่มีอากาศแหงก็จะทาํ ใหใ บมกี าร คายนํ้าอยา งรวดเรว็ จนรากไมส ามารถดดู นา้ํ มาทดแทนไดทัน ตน มงั คดุ กอ็ ยไู มไ ด เพราะน้าํ ระเหยไป หมด เหมอื นกบั คนทต่ี ายเพราะโรคขาดนา้ํ ภาพท่ี 9 สวนมงั คดุ ทจ่ี งั หวดั จนั ทบรุ ี ภาพท่ี 10 ตน มงั คุดอายุ 3 ป จากการเพาะเมลด็ จงั หวดั ทมี่ กี ารปลกู มงั คดุ มากที่สดุ 4 อันดบั แรก ไดแ ก จังหวัดชุมพร นครศรธี รรมราช ระยอง และ จันทบุรี หากวา ทา นเปน ผหู นง่ึ ทไ่ี มไ ดม สี วนอยใู นเขตจงั หวดั ทเ่ี ปน แหลง ปลกู มงั คดุ ดงั รายชอื่ ขางตน แตมีความสนใจที่จะทดลองปลูกมังคดุ ดบู าง กข็ อแนะนาํ ใหน ําเมลด็ มงั คดุ ทท่ี า น รบั ประทานเนอ้ื แลว ไปทดลองเพาะดหู รอื หากมธี รุ ะผา นไป ทางภาคตะวันออกหรือภาคใตที่เขา มตี น มงั คดุ วางขายอยู จะลองซอื้ ใสร ถมาปลูกขางบานสักตนสองตน กไ็ ด แลว ดแู ลใหด ตี ามวธิ ปี ฏบิ ตั ิ

35 คาํ ถามกบั การปลูกมงั คดุ ✽ 6 ที่จะอธิยายไวในคําตอบขอหลังๆเม่ือผานไปสักปตนมังคุดยังแตกใบดีและไมพบหรือใบแหงนอยมาก อยางนี้ก็พอจะลองปลูกเปนสวนกันดูไดแตถาเพาะเมล็ดข้ึนมาแลวใบแหงตายซื้อตนมาปลูกดูอาการใบ แหงตายและรว งไปทลี ะใบสองใบจนหมดตน แบบนผ้ี เู ขยี นไมแ นะนําใหท ดลองตอ เพราะจะเสยี เงนิ เสยี เวลาไปเปลาๆ แตถ า ทา นเปน ผหู นง่ึ ทช่ี อบรบั ประทานมงั คดุ มากกค็ วรอดุ หนนุ ชาวสวนมงั คดุ กแ็ ลว กนั นะครบั 3. ถา ชาวสวนสนใจปลกู มงั คดุ กนั มากๆ จะมตี ลาดรบั ซอ้ื หรอื ไม แลวราคาจะดีไหม อยากใหถ ามคาํ ถามนก้ี อ นคําถามอน่ื ๆดว ยซา้ํ เพราะถา จะปลกู พชื อะไรเพอ่ื ขายละกต็ อ งดกู อ น วาคุมหรือไม แลวกาํ ไรจะดีไหม อกี ทง้ั ในอนาคตเรายงั สามารถขายผลผลติ ไดร าคาดเี หมอื นเดย๋ี วนห้ี รอื ไมถาตองพูดถึงควมตอ งการของตลาดตอ ผลไมชนดิ หน่ึง กค็ งจะตอ งดทู ค่ี นซอ้ื กอ นวา ชอบรบั ประทาน กันไหม แตสาํ หรบั มงั คดุ แลว ตลาดของผลไมช นดิ นย้ี งั ไปไดอ กี ไกล ทง้ั ตลาดภายในประเทศและตา ง ประเทศ โดยทต่ี ลาดภายในประเทศนน้ั ราคาขายสง ทต่ี ลาดกรงุ เทพฯ ของมงั คดุ เฉลย่ี ตลอดป ราคา ประมาณกิโลกรมั ละ 13 บาท และพอคา กย็ ินดีรบั ซือ้ ทัง้ หมด นอกจากกนต้ี ลาดสง อกกย็ งั เปน ทน่ี ยิ ม เชนกัน โดยสามารถสงออกไปไดทุกประเทศ ทง้ั นก้ี เ็ พราะวา ไมม ขี อ จาํ กดั ในเรอ่ื งของกลน่ิ หรือรสชาติ เหมือนกับผลไมชนิดอื่นๆและในขณะนี้มังคุดเปนผลไมอีประเภทหนึ่งที่กาํ ลงั ไดร บั การสง เสรมิ ใหส ง ออก ไปจําหนายยังตางประเทศอีดวยสาํ หรบั ราคาขายในการสง อกนน้ั จะสงู กวา ตลาดภายในถงึ ประมาณ 2 เทาตัว เชน ถา ตลาดภายในกโิ ลกรมั ละ 13 บาท ตลาดสง ออกจะไดถ งึ กโิ ลกรมั ละ 40 บาท เปนตน ซ่ึงราคาขยในระดับนก้ี ็พอทีจ่ ะทาํ ใหผูปลูกมีกาํ ไรและอยไู ดอ ยา งสบาย แตถาหากวาวิตกกันวา ถาปลูกกันมากๆแลวตลาดขยายตัวไมทัน แลว ราคาจะตกเชน เดยี วกบั ฝรง่ั หรอื สม นน้ั กข็ อตอบวา เปน ไป ไดยากเพราะมังคุดเปนพืชที่โตชาและใหผลชา ดงั นน้ั การเพม่ิ ผลผลติ มงั คดุ ในตลาดจงึ คอ นขา งจะ สมดุลกับการขยายตวั ของตลาดและอกี ประการหนง่ึ คแู ขง กม็ ไี มม าก เพราะในบา นเรากป็ ลกู ไดด เี ฉพาะ ในบางจังหวัดเทา นน้ั สว นในตา งประเทศกป็ ลกู ไดด ไี มก ป่ี ระเทศ และในขณะนป้ี ระเทศเหลา นน้ั ไมว า จะ เปน มาเลเซยี หรือ อินโดนีเซียก็ยังมีการปลูกแบบดัง้ เดิมกนั อยู อกี ทง้ั การพฒั นาชา กวา เราคแู ขง ของ เราจงึ นอ ยมาก 4. ในประเทศไทยมกี ารทําสวนมงั คดุ กนั มากนอ ยเพยี งใด ในขอน้ีถาจะตอบลอยๆกค็ งจะไมนาเชื่อถือ จงึ ขอยกเอาผลการสาํ รวจของกรมสง เสรมิ การ เกษตรมาแสดงใหด กู นั เลยแลว กนั ป พ.ศ. พนื้ ที่ปลูก (ไร) *เปลี่ยนแปลง ผลผลิต (ตัน) เปลี่ยนแปลง 2527 72179 - 61888 - 2528 77494 +7.36 68745 +11.08 2529 84423 +8.94 64562 -9.12 2530 93841 +0.04 6423 +4.24 2531 115644 +23.23 73349 +8.79 2532 138862 +16.72 90119 +22.86 2533 150983 +8.72 90623 +0.16

35 คาํ ถามกบั การปลกู มงั คดุ ✽ 7 พ้ืนท่ีปลูกนี้ รวมท้ังตน ทีใ่ หผ ลแลว และตนทีย่ ังไมไดใหผ ล จะเห็นไดวา มงั คดุ มพี น้ื ทป่ี ลกู และผลผลติ ยงั ไมม ากนกั เพราะมขี อ จาํ กดั ในเรอ่ื งของแหลง ปลกู หากจะเทยี บกบั ผลไมช นดิ อน่ื แลว ในป พ.ศ. 2530พน้ื ทป่ี ลกู มงั คดุ จดั อยใู นลาํ ดับที่ 17 ในขณะทผ่ี ลไม ชนดิ อน่ื ๆ เชน มะมว งมพี น้ื ทป่ี ลกู 1151342 ไร ทเุ รียนมพี ้นื ทป่ี ลกู 529413 ไร เงาะมพี น้ื ทป่ี ลกู 444697 ไร สมเขยี วหวานและสม โอ 377956 ไร เปน ตน เชนเดียวกัน กบั ในดา นปรมิ าณของ การผลติ มปี รมิ าณของผลผลติ คอื ผลผลติ มะมว งมปี ระมาณ 422237276 ตน เงาะ 448542300 ตน และสมเขียวหวาน 554668660 ตน เปน ตน ซง่ึ จะเหน็ ไดว า ผลผลติ มปี รมิ าณมากกวา มงั คดุ มากดังน้ันโอกาสทผ่ี ลผลติ มงั คดุ จะลน ตลาดจงึ มนี อ ย เมือ่ แยกผลการสาํ รวจออกเปน รายจงั หวดั โดย สาํ รวจเฉพาะผูปลูกตั้งแต 5 ไรหรือ 80 ตน ขน้ึ ไป โดยการทําสํารวจในป พ.ศ. 2530 จะไดผ ลดงั น้ี ขอ มลู ทส่ี ํารวจ จันทบุรี ระยอง ชุมพร นครศรีธรรมราช รวม พื้นที่ปลูก (ไร) 406.3 489.5 2236.7 916.3 4048.8 จาํ นวนตน (ตนั ) 7617 10532 35051 19198 72398 จาํ นวนเกษตรกร (ราย) 88 54 55 267 464 5. ดนิ แบบไหนที่ปลูกมังคุดไดด ี และแบบไหนที่มังคุดไมชอบ ดินท่ีมีหนาดนิ ลกึ มอี นิ ทรยี ว ตั ถสุ งู และระบายนา้ํ ไดด ี เปน ดนิ ทม่ี งั คดุ เจรญิ เตบิ โตไดดมี าก ซึ่ง ดินประเภทนจ้ี ะมลี กั ษณะเปน กรดออ นๆ ถา เทยี บระดบั ในทางวชิ าการ กบ็ อกไดว า มี pH ประมาณ 5.5-6 หากเปน ทล่ี มุ ระดบั น้าํ ใตด นิ สงู กค็ วรยกรอ งกอ นปลกู มงั คดุ (เชน สวนเมอื งนนท) เพราะตน มังคุดจะหยง่ั รากยดึ ดนิ ไวไ ด ทําใหต น ไมโ คน ลม งา ย และอากาศในพน้ื ดนิ มเี พยี งพอตอ การหายใจ ของราก สวนดนิ ทม่ี งั คดุ ไมช อบกค็ อื ดนิ ทม่ี ลี กั ษณะตรงกนั ขา มกบั ทก่ี ลา วมา เชน ดนิ ทม่ี หี นา ตน้ื มี อินทรียวัตถุนอยดินมีลักษณะเปนกรดมาก (ดนิ เปรย้ี ว) หรอื ดนิ ทเ่ี ปน ดา งมาก (มหี นิ ปนู ในดนิ มาก) ดินท่ีมีการระบายน้าํ ไมด ี เมอ่ื ฝนตกเพยี งเลก็ นอ ยกเ็ กดิ การขงั แฉะหรอื พอหยดุ การใหน า้ํ ก็จะแหงและ จับตัวเปนกอนแขง็ เหลา นเ้ี ปน ตน ดนิ พวกนน้ี อกจากจะไมอ นุ า้ํ และระบายนา้ํ ไมด แี ลว อากาศภายในดนิ ก็ยังมีนอยอกี ดวยทาํ ใหร ากมกี ารเจรญิ ชา หรอื ไมเ จรญิ เลย แตถ า หากวา ดนิ ในสวนของทา นผอู า นเปน ดินท่ีมีหนาดินไมล กึ และมลี กั ษณะเปน กรดหรอื ดา งมากกวา ปกตเิ ลก็ นอ ย ก็อาจแกไขไดโยใชวิธีการ ปรับปรุงดนิ เชน การเพม่ิ อนิ ทรยี ว ตั ถุ การใสป นู ขาวหรอื ปนู มาลก และการเลอื กใชป ยุ เคมใี หเ หมาะ กับดินนน้ั ก็อาจทาํ ใหท า นปลกู มงั คดุ ไดผลดเี ชน กนั 6. มงั คดุ ชอบอากาศแบบไหน นอกจากเรื่องของดินแลว ทนี ก้ี ม็ าเรอ่ื งของลมฟา อากาศกนั บา งโดยธรรมชาตแิ ลว มงั คดุ ชอบขน้ึ ในท่ีท่ีมีอากาศรอนและความชน้ื สงู อากาศรอ นกข็ นาดภาคกลางหรอื ภาคใตข องเรานแ่ี หละ อณุ หภูมิ ที่ชอบก็อยูระหวาง 25 – 35 องศาเซลเซยี ส ถา อณุ หภมู ติ ่าํ กวา 20 องศาเซลเซยี สตน มงั คดุ จะหยดุ การเจรญิ เตบิ โตและถา ต่ํากวา 5 องศาเซลเซยี ส ก็อาจทิง้ ใบและตายได ดงั นน้ั ในเขตภาคเหนอื หรอื บนภูเขาท่ีมีอากาศเยน็ จงึ ปลกู มงั คดุ ไมไ ด สว นในเรอ่ื งของฝน พน้ื ทท่ี ใ่ี ชป ลกู มงั คดุ ควรมฝี นตกอยา ง สมํ่าเสมอและมฝี นกระจายตลอดป แตถ า พน้ื ทน่ี น้ั มฝี นตกนอ ยหรอื ตกเพยี งแค 2 – 3 เดอื น แตว า นา้ํ

35 คาํ ถามกบั การปลกู มงั คดุ ✽ 8 ในดินมีปริมาณมากและสามารถใหน ้าํ อยา งสะดวก กอ็ าจปลกู มงั คดุ ไดเ หมอื นกนั ในบรเิ วณทป่ี ลกู มังคุดควรปลูกไมก นั ลมไวด ว ย ทง้ั นก้ี เ็ พอ่ื ชว ยกนั ลมและเพม่ิ ความชน้ื ใหแ กอ ากาศรอบๆตน มงั คดุ ซึ่ง ก็จะทําใหม งั คดุ มกี ารคายน้ํานอ ยลง ไมก นั ลมทน่ี ยิ มปลกู กนั กไ็ ดแ ก ตน ทองหลางหรอื ตน ไผก ใ็ ชไ ดด ี การปลูกไมกนั ลมและใหค วามชน้ื น้ี มตี วั อยา งใหเ หน็ กนั ทว่ั ไปในสวนแถบจงั หวดั นนทบรุ ี แตถาหาก เปนเขตทม่ี คี วามชน้ื ในอากาศตา่ํ ฝนตกนอ ย และมนี า้ํ ไมเ พยี งพอทจ่ี ะรดใหก บั ตน มงั คดุ ไดต ลอดทง้ั ป แลวละกพ็ น้ื ทน่ี น้ั จะไมส มควรปลกู มงั คดุ เปน อยา งยง่ิ 7. ตอ งมกี ารใหน ้ํามงั คดุ มากหรอื ไม และตนมังคุดสามารถทนแลงทนนาํ้ ขังไดนาน แคไหน น้ําจาํ เปน อยา งยง่ิ สําหรับการทาํ สวนมงั คดุ หากในเขตทจ่ี ะปลกู มงั คดุ มฝี นตกอยเู พยี งชว งสน้ั ๆ และฝนตกไมกระจายตลอดทง้ั ป จาํ เปน ตอ งมแี หลง นา้ํ ที่จะเพิ่มเตมิ แกตนมงั คดุ อยางเพยี งพอ โดย ธรรมชาติแลว มงั คดุ เปน พชื ทต่ี อ งการน้าํ ตลอดทง้ั ป ยกเวน ชว งกอ นการออกดอกประมาณ 1 เดอื น เทานั้นท่ีชาวสวนจะใหน้ํานอ ยกวา ปกติ ทง้ั นก้ี เ็ พอ่ื ใหม กี ารตดิ ดอกดขี น้ึ ธรรมชาตขิ องมงั คดุ อกี อยา ง หน่ึงก็คือมังคุดอาจจะทงิ้ ใบและตายได ดงั นน้ั ทา นทส่ี นใจปลกู มงั คดุ จงึ ควรเลอื กสถานทป่ี ลกู ใหด หี าก พื้นท่ีปลูกมีแนวโนมทจี่ ะขาดนา้ํ ไดง า ยเชน เปน ทด่ี อนหรอื เปน ทเ่ี นนิ ทม่ี คี วามลาดเท ก็ควรจะใหนาํ้ มาก ข้ึนในฤดูแลง และควรคลุมผิวดินบริเวณใตท รงพมุ ดวยฟางขาวหรือหญา แหง ใหหนา เพื่อรดการระเหย นา้ํ จากผิวดนิ แตห ากมีแนวโนม ท่นี า้ํ จะทว มขงั ไดง า ย เชน เปน ทล่ี มุ ตา่ํ ทาํ ใหม นี ้าํ ไหลไปรวมกนั ใน บรเิ วณนน้ั มาก กค็ วรขดุ รอ งระบายนา้ํ เพื่อชวยระบายนํ้าใหดวย ภาพที่ 11 สภาพแปลงปลูกมงั คดุ ในท่ีดอน

35 คาํ ถามกบั การปลกู มงั คดุ ✽ 9 8. ตน มงั คดุ ออกดอกใหผ ลในฤดใู ด และออกพรอ มกนั ทว่ั ประเทศเลยหรอื ไม มังคุดที่ปลูกอยูในแตละภาคของประเทศไทยนั้น จะออกดกและเกบ็ ผลไดใ นฤดกู าลทต่ี า งกนั โดยทั่วไปมังคุดท่ีปลูกในภาคตะวันออกจะออกดอกและเก็บผลไดกอนมังคุดที่ปลูกในภาคใตประมาณ 1 – 2 เดือน ทั้งนี้ก็เพราะวา การออกดอกของมงั คดุ จะเรม่ิ ขน้ึ กต็ อ เมอ่ื ผา นชว งแลง มาแลว ระยะหนง่ึ ซึงมักจะเปนระยะหลังฤดูฝน หากปใ ดทฤ่ี ดฝู นลา ออกไปมงั คดุ กจ็ ะออกดอกลา ไปดว ย พน้ื ท่ี ระยะเวลาออกดอก ระยะเวลาผลสกุ ภาคตะวนั ออก มกราคม - กุมภาพันธ พฤษภาคม – มนี าคม มีนาคม - เมษายน กรกฎาคม - สงิ หาคม ภาคใต สําหรับมังคุดทป่ี ลกู ในภาคเหนอื และภาคอสี านตอนบนนน้ั มกั จะมรี ะยะการออกดอกและเกบ็ ผลกอนภาคตะวนั ออกเลก็ นอ ย ทง้ั นก้ี เ็ พราะวา ฝนนน่ั จะหยดุ ตกกอ นภาคตะวนั ออก ซง่ึ การออกดอก และใหผลของมังคุดในระยะทต่ี า งกนั น้ี นบั วา สง ผลดตี อ สวนมงั คดุ เปน อยา งมากเพราะจะไมเ กดิ ปญ หา การลนตลาด ทําใหร าคาขายไมต กตา่ํ และผบู รโิ ภคยงั สามารถหาซอ้ื มงั คดุ มารบั ประทานไดห ลาย ฤดกู าลอกี ดว ย 9. มงั คดุ มพี นั ธอุ ะไรบา ง และจะหาตนพันธุมังคุดมาปลูกไดอยางไร ชาวสวนมังคุดมกั จะพดู ถงึ มงั คดุ วา มงั คดุ กค็ อื มงั คดุ เพราะยงั ไมม ใี ครแยกไดว า มงั คดุ มี หลายพันธุ แมวาจะนาํ เมลด็ มาเพราะตน ทไ่ี ดม ากย็ งั ใหผ ลเหมอื นเดมิ ทุกประการ ตา งจากไมผ ลชนดิ อ่ืนๆ เชน ทุเรียน ขนนุ สมโอ ฯลฯ ซง่ึ นําเมลด็ มาเพาะ ตน ใหมท ไ่ี ดม กั จะกลายพนั ธเุ สมอซง่ึ อาจ จะดีกวาหรอื เลวกวา เดมิ กไ็ ด ดวยเหตนุ ้เี องไมผ ลโดยทั่วไปจงึ ใชวธิ ีการขยายพนั ธุดวยวธิ ีการตอนหรือ ทาบก่ิง ทั้งนี้ก็เพื่อใหคงพันธุที่ดีไว แตสําหรบั มงั คดุ แลว ชาวสวนนยิ มขยายพนั ธโุ ดยวธิ กี ารเพาะเมลด็ ซ่ึงมังคุดท่ีปลูกเปน การคา ในปจ จบุ นั กไ็ ดจ ากการเพาะเมลด็ ทง้ั สน้ิ แมว าจะมกี ารพดู กนั วา มงั คดุ มหี ลาย พันธุไมใชมีเพียงพันธุเดียว เชน พนั ธมุ งั คดุ พวง พนั ธมุ งั คดุ ลกู เลก็ พนั ธเุ ปลอื กบาง และพนั ธปุ ลาย แหลมเปนตน แตก ย็ งั ไมม นี กั วชิ าการทา นใดมายนื ยนั ในเรอ่ื งน้ี เพราะฉะนน้ั ในขณะนใ้ี หถ อื วา มงั คดุ มี เพียงพันธุเดียวเทา น้ัน ภาพที่ 12 กลา มงั คดุ ทง่ี อกหลงั จากเพาะเมลด็ ภาพที่ 13 ตน มงั คุดอายุ 1 ป หลังจากเพาะเมล็ด 3-4 สัปดาห

35 คาํ ถามกบั การปลกู มงั คดุ ✽ 10 สําหรับการเพาะเมลด็ มังคดุ ชาวสวนมกั เลอื กเมลด็ ทม่ี ขี นาดใหญม าเพาะ ควรใชเ มลด็ ทส่ี ด และใหม ไมแกะเม็ดจากผลทิ้งไว เพราะจะทาํ ใหเ มลด็ งอกชา หรอื ไมง อดเลย กอ นเพาะควรลา งเนอ้ื ออกจากเมล็ดเสยี กอ นเพอ่ื ปอ งกนั การตดิ เชอ้ื รา ควรเพาะในทร่ี ม ซง่ึ มคี วามชน้ื สงู โดยจะตอ งใหน า้ํ อยา ง สมํ่าเสมอ เมลด็ มงั คดุ จะงอกภายใน 3 – 4 สัปดาห ถา เปน การเพาะไวใ นกระบะชาํ รวมกนั เมอ่ื มงั คดุ มใี บจรงิ แลว 2 ใบ ควรแยกใสถุงเพาะชาํ ถงุ ละ 1 ตน หลังจากชาํ ไวได 1 ป ควรเปลย่ี นถงุ เพาะ ชําใหมขี นาดใหญข น้ึ ในปท ่ี 2 ตน มงั คดุ จะแตกกง่ิ ขา ง หรอื ทเ่ี รยี กกนั วา ตน มงั คดุ มีชั้น หรือ ขึ้นชั้น เม่ือตนมงั คดุ มอี ายคุ รบ 2 ป กเ็ รม่ิ นํามาปลกู ลงแปลงได แตห ากยงั ไมพ รอ มทจ่ี ะปลกู กอ็ าจจะนําลง ปลูกในปตอ ไป คอื เมอ่ื อายุ 3 ปก็ได แตม ักจะไมเก็บไวนานกวา น้เี พราะตนจะใหญเกนิ ทําใหต น ตง้ั ตวั ไดชา แมวาการขยายพันธโุ ดยวิธเี พาะเมลด็ จะมขี อ ดที าํ ไดง า ย และไดต น ทต่ี รงตามพนั ธทุ ไ่ี ดจ ะมกี าร จัดระบบรากที่ดีก็ตาม แตว ธิ นี ก้ี ม็ ขี อ เสยี อยเู หมอื นกนั คอื วา ตอ งใชเ วลานาน 2 ถึง 3 ป กวา จะนําตน พันธุลงปลูกในแปลงได และระยะเวลาการออกดอกใหผ ลกช็ า คอื ประมาณ 7 – 8 ป หลังจากการ เพาะเมลด็ ภาพท่ี 14 มงั คดุ เรม่ิ แตกกง่ิ ขา ง (มชี น้ั หรอื ขน้ึ ชน้ั ) ภาพที่ 15 การทาบกง่ิ มงั คดุ ในปท่ี 2 10. ถาไมตองการเพาะเมลด็ จะสามารถขยายพนั ธโุ ดยวธิ อี นื่ ไดหรือไม เดิมมีชาวสวนพยายามตอนกง่ิ มงั คดุ แตเ นอ่ื งจากมงั คดุ เปน พชื ทม่ี ยี างมาก ทําใหการขยายพันธุ ดวยวิธีการตอนกง่ิ จงึ ไมป ระสบผลสาํ เรจ็ แมก ระนนั้ กย็ งั ไมล ะความพยายามที่จะขยายพนั ธุที่ออกดอก ออกผลเร็วขน้ึ วิธที ่ีใชไ ดใ นขณะน้กี ค็ ือวธิ ที าบกง่ิ และเสียบยอดซ่งึ ทง้ั 2 วิธี จะใชตนตอที่ไดจากการ เพาะเมลด็ โดยเลอื กใชต น ตอทม่ี อี ายปุ ระมาณ 2 ป วิธีการเสียบยอดที่ทําไดผ ลนน้ั เปน การเสยี บยอด แบบผากลางโดยการตดั ตน ตอใหส งู จากพน้ื ประมาณ 20 – 25 ซม. ตดั เหนอื ขอ ใบ 1 – 2 ซม. แลวผา กลางตนลึกประมาณ 1 – 2 ซม. จากนน้ั ตดั กง่ิ พนั ธใุ หม ใี บตดิ อยู 4 ใบ ใหร อยตดั ตอ อยใู ตข อ ของใบคู ลางประมาณ 1 – 2 ซม. นาํ มาตดั ใบออกครง่ึ ใบของทกุ ใบ เพอ่ื ลดการคายนา้ํ แลว าดกง่ิ พนั ธดุ า นลา ง ใหเปนรูปล่ิมเสยี บบนรอยผา ของตน ตอ พนั ดว ยพลาสตกิ ปอ งกนั น้าํ เขา แลว คลมุ ดว ยพลาสตกิ อกี ครง้ั หน่ึงเพื่อรักษาความชนื้ ยอดพนั ธจุ ะตดิ กบั ตน ตอภายใน 5 – 8 สัปดาห สําหรับการทาบกิ่งจะใชวิธี

35 คาํ ถามกบั การปลกู มงั คดุ ✽ 11 การทาบแบบปากฉลาม เหมือนกับกรทาบไมทั่วไป พบวา การทาบกง่ิ นน้ั นอกจากจะใหผ ลเรว็ ขน้ึ แลว ยังทําใหต น มงั คดุ มขี นาดเลก็ ลงอกี ดว ย นอกจากน้ียังมกี ารทอลองใชว ธิ กี ารขยายพนั ธโุ ดยการเพาะเลย้ี งเนอ้ื เยอ่ื ซง่ึ กพ็ บวา สามารถ เพ่ิมจํานวนตน พนั ธไุ ดเ รว็ กวา วธิ อี น่ื และในขณะนก้ี าํ ลงั อยใู นขน้ั ตอนการทดลองนําไปปลกู เพ่อื การ ศึกษาดวู า จะดกี วา วธิ กี ารขยายพนั ธอุ น่ื ๆ หรอื ไม 11. ถา ตอ งการหาซอ้ื ตน พนั ธมุ าปลกู จะหาซอ้ื ไดจ ากทไ่ี หนและมรี าคาสกั เทา ใด แหลงขายตนพันธุที่ใหญที่สุดในขณะนี้ คอื ทจ่ี งั หวดั จนั ทบรุ บี นเสน ทางสายสขุ มุ วทิ ระหวาง อาํ เภอเมอื งกบั อําเภอขลุง รานขายตา นไมพ นั ธบุ รเิ วณนเ้ี ปน รา นขนาดใหญแ ละมตี น พนั ธมุ งั คดุ จํานวน มาก แตหากตองการซอ้ื ตน พนั ธไุ มม ากนกั กอ็ าจหาซอ้ื ไดจ ากรา นขายพนั ธไุ มผ ลทต่ี ง้ั อยรู มิ ถนนสขุ มุ วทิ ต้ังแตอาํ เภอแกลง จังหวัดระยอง จนถงึ เขตอาํ เภอเมอื ง จงั หวดั ตราด สว นทา นทอ่ี ยทู างภาคใต หาก ตองการซ้ือตนพันธุมังคุดในปริมาณไมมากนัก อาจจะหาซ้ือไดจากรานเพาะชําตนไมในจังหวัด สุราษฏรธานหี รอื จงั หวดั นครศรธี รรมราชกไ็ ด แตร าคาอาจจะแตกตา งจากภาคตะวนั ออกไปบา ง ตนพันธุมังคดุ ทีมีขายนไ้ี ดจ ากการเพาะเมล็ดท้ังสิ้น โดยตน พนั ธทุ ข่ี ายมที ง้ั ตน ทม่ี อี ายุ 2 ป และ 3 ป แตส ว นใหญจะเปนตน พนั ธุท ม่ี อี ายุ 2 ป ราคาขายประมาณตน ละ 35 – 45 บาท แลว แตข นาด ตนหรือราท่ีขายวา จะตง้ั ราคาอยา งไร ในชว งตน ฤดฝู นตน มงั คดุ จะมรี าคาแพง เพราะมผี ตู อ งการมาก แตในชวงปลายฝนราคาจะถกู ลงเพราะความตอ งการนอ ยลงและผขู ายไมต อ งการเกบ็ ไวข ม ป อยา งไรก็ ตาม ตนพันธทุ มี กี ารขายอยใู นชว งนอ้ี าจจะนอ ยและไมม ใี หเ ลอื กมากนกั ภาพที่ 16 รานขายตน พันธุมังคุดใน จ. จันทบุรี 12. การซอ้ื ตน พนั ธจุ ากรา นเพอ่ื มาปลกู ควรทําอยางไร คําถามนี้กวางไปหนอ ย คดิ วา คงอยากใหต อบตง้ั แตก ารเลอื กซอ้ื การขนสง ตน พนั ธไุ ปจนถงึ การ เตรียมตนพันธุกอนลงปลกู กข็ อเรม่ิ ตอบตง้ั แตก ารเลอื กซอ้ื ตน พนั ธเุ ปน อนั ดบั แรก หากตกลงใจแนน นอนวาจะปลูกมังคุดควรตดิ ตอ สง่ั จองตน พนั ธไุ วล ว งหนา เนน่ิ ๆ เพอ่ื ใหแ นใ จวา มตี น พนั ธแุ นน อน และจะ มีโอกาสเลือกพันธทุ แ่ี ขง็ แรง สมบรู ณ เมอ่ื ใกลจ ะถงึ กาํ หนดปลกู ควรเดนิ ทางไปรบั ตน พนั ธมุ งั คดุ กอ น ปลูกอยางนอย 1 อาทติ ย หากภายในสวนมเี รอื นเพาะชาํ ที่ดี กอ็ าจเลอื กซอ้ื ตน พนั ธลุ ว งหนา สกั 1 – 2 เดือนก็ได เพอ่ื ใหต น พนั ธมุ เี วลาปรบั ตวั มากขน้ึ การเลอื กซอ้ื ตน พนั ธมุ งั คดุ นน้ั หากตอ งการตน

35 คาํ ถามกบั การปลูกมงั คดุ ✽ 12 พันธุท่ีจะปลูกตง้ั ตวั ดแี ละไมร บี รอ นตอ งการใหอ อกผลเรว็ กค็ วรใชต น พนั ธอุ ายุ 2 ป แตหากตองการให ออกผลเร็วเรว็ กค็ วรใชต น พนั ธอุ ายุ 3 ป การเลอื กตน พนั ธคุ วรเลอื กตน ทม่ี ขี นาดใหญ และสมาํ่ เสมอกนั อีกทั้งตนท่ีมีความแขง็ แรง ไมม โี รค ใบไมฉ กี ขาด กิ่งไมหัก ลาํ ตน ตรงไมโ คง งอ กง่ิ และใบไดข นาดสม สวน ควรซ้ือตนพันธุใหม ากกวา จาํ นวนทต่ี อ งการปลกู ประมาณรอ ยละ 5 คอื ถา ตอ งการปลกู 100 ตน ก็ควรซื้อสัก 105 ตน เพอ่ื เอาไวป ลกู ซอ มเมอ่ื ตน ทป่ี ลกู ไวต ายลง หากมไิ ดซ อ้ื ตน พนั ธสุ ํารองเอาไว แตซ้ือตนพนั ธมุ าปลกู ซอ มในปต อ ไป ตน จะเตบิ โตไมท นั กนั และใหผ ลชากวา กนั อีกดวย เม่ือเลือกตนพันธไุ ดต ามทต่ี อ งการแลว ควรนาํ ขน้ึ รถบรรทกุ อยา งระมดั ระวงั ถา เปน ไปไดค วร งดใหน้ํากอ นสกั 1 วัน รถทใ่ี ชข นสง ควรปด ดว ยผา ใบใหม ดิ ชดิ ทกุ ดา นไมค วรวางตน ซอ นทบั กนั หาก ตองการวงหลายชั้นควรใชไมกระดานวางพาดในแตละชั้น และควรขนสง ในเวลากลางคนื เพราะอากาศ เย็นไมเกิดการอบไอแดดขณะขนสง เมถ่ื งึ สวนควรจอดในทร่ี ม เปด ผา ใบโดยเรว็ และนาํ ตน พนั ธมุ งั คดุ ลง จากรถอยางระมัดระวังรดน้ําใหชุม ควรวางตน พนั ธใุ นทก่ี ง่ึ รม กง่ึ แดด กอ นถงึ เวลาปลกู สกั 7 วัน ควร ใหนํ้าในปรมิ าณเพยี งครง่ึ หนง่ึ ของการใหน า้ํ ปกติ ทง้ั นก้ี เ็ พอ่ื ใหต น พนั ธมุ คี วามทนทานตอ การเปลย่ี น สภาพแวดลอ มไดด ขี น้ึ 13. ควรใชร ะยะปลกู มงั คดุ เทา ใด และควรวางแผนผังสวนอยางไร มงั คุด เปนไมผลขนาดใหญและมอี ายยุ นื ยาว ประกอบกบั ในขณะนย้ี งั ไมม วี ธิ ที จ่ี ะตดั แตง ให ตนมังคุดมีขนาดเลก็ ลงอยางไดผ ล ดงั นน้ั จงึ ควรใชร ะยะปลกู หา ง โดยทั่วไปจะใชระยะหางระหวางตน 10-12 เมตร และระหวางแถวก็ใช 10-12 เมตรเชน เดยี วกนั การใชร ะยะปลกู ขนาดนจ้ี ะทาํ ใหมีพื้น ท่ีระหวางตนมงั คดุ อยมู ากในระยะ 6-8 ปแ รกหลงั ปลกู ดงั นน้ั อาจใชพ ชื อน่ื ทม่ี อี ายไุ มย าวนกั ปลกู แซม ลงไปเพื่อเพิ่มรายไดก็ได พืชที่ปลูกอาจเปนพวกพืชไร เชน ขาวโพด ถั่ว ฯลฯ หรือพืชสวน เชน พืช ผัก กลว ย สบั ปะรด สม เปน ตน การวางแผนผงั มงั คดุ นน้ั กเ็ หมอื นกบั ไมผ ลชนดิ อน่ื ๆ โดยสิ่งที่ควรคํานงึ ถงึ คอื ควรจะแบง เขต แปลงปลูกใหเหมาะสม กําหนดเสน ทางถนนภายในสวนและบรเิ วณทจ่ี ะใชป ลกู ใหเ หมาะสม กําหนด เสนทางถนนภายในสวนและบรเิ วณทจ่ี ะใชป ลกู สรา งอาคาร รวมทง้ั แหลง เกบ็ น้าํ กําหนดเสน ทางวางทอ ชลประทานใหท ัว่ ถึงตลอดพน้ื ที่ หากบรเิ วณนน้ั ฝนตกชกุ และเปน ทล่ี มุ ควรขดุ รอ งระบายนา้ํ ไวด ว ย ถา เปนเขตทม่ี ลี มแรงควรปลกู ไมก นั ลมไวบ รเิ วณรมิ สวน และระหวา งแปลงปลกู สาํ หรับการคํานวนหา จํานวนตน มงั คดุ ทจ่ี ะปลกู ไดใ นพน้ื ทส่ี ามารถคํานวณไดโ ดยใชส ตู รงา ยๆ ดงั น้ี จํานวนตน ทจ่ี ะปลกู ได = พ้ืนทส่ี าํ หรบั ปลกู มงั คดุ ทง้ั หมด ระยะระหวางตน x ระยะหา งระหวา งแถว นน่ั คอื เอาพื้นที่ทั้งหมดที่จะปลูกมังคุดได (ตอ งตดั พน้ื ทท่ี เ่ี ปน ถนน อาคาร สระนา้ํ ฯลฯ ออก เสียกอน) เปน ตวั ตง้ั สมมตวิ า เปน ทด่ี นิ ทง้ั หมด 10 ไร เมอ่ื คดิ เปน ตารางเมตร ( 1 ไร = 1600 ตารางเมตร) จะไดเทากับ 10*1600 = 16000 ตารางเมตร หากใชเ ปน ถนน ปลกู สรา งอาคาร ฯลฯ 400 ตารางเมตร จะเหลือพื้นที่ปลูกเพียง 16000 – 400 = 15600 ตารางเมตร ถากาํ หนด

35 คาํ ถามกบั การปลกู มงั คดุ ✽ 13 วา จะปลูกดวยระยะหางระหวางตน 10 เมตร และระหวางแถว 10 เมตร จะคํานวณตน ตามจาํ นวน สูตรไดด งั น้ี จํานวนตน ทป่ี ลกู ได = 15600 = 156 ตน 10 x 10 ดังน้ัน พื้นที่ 10 ไรน ้ี จะปลกู มงั คดุ ไดท ง้ั หมด 156 ตน หากตอ งการปลกู ระยะชดิ กวา น้ี เชน 8*8 เมตร หรือ 6*8 เมตร กย็ อ มทําไดแ ตเ มอ่ื พมุ ชนกนั แลว จาํ เปน ตอ งตดั ตน กลางออก มฉิ ะนน้ั ผลผลติ จะลดลงมาก 14. วธิ กี ารปลกู มงั คดุ ทถ่ี กู ตอ งควรทําอยา งไร กอนปลูกควรวัดพื้นที่ แบงแปลงปลูกและกาํ หนดหลมุ ปลกู ใหเ รยี บรอ ยเสยี กอ น จากนั้นจึงควร นําตนพันุท่ีซ้ือเตรยี มไวล งปลกู เวลาปลกู นน้ั อาจจะปลกู ในชว งตน ฤดฝู น คอื ตง้ั แตเ ดอื นมถิ นุ ายน เปนตนไปหรือชว งกลางฤดฝู นคอื ประมาณเดอื นกนั ยายน จนถงึ ออกพรรษากไ็ ดแ ละจะตอ งดแู ลรดนา้ํ ให ดีในตอนที่ฝนทิ้งชวง ถา หากจะปลกู มงั คดุ ทดแทนผลไมอ น่ื เชน ทเุ รยี นหรอื เงาะ ซง่ึ ใชร ะยะเวลาปลกู เทากับมังคุดอยแู ลว กส็ ามารถปลกู แซมกลางไดเ ลย โดยไมต อ งวดั แปลงปลกู ใหม หากเปนพื้นที่ที่ยังไม ไดใชประโยชนแ ละมตี น ไมเ บญจพรรณขน้ึ รกรงุ รงั ควรจะถางขดุ ไถพลิกดินเพื่อปรับพื้นที่และกาํ จัด วัชพืชเสยี กอน แลวจึงปกไมกําหนดหลมุ ปลกู การปรบั พน้ื ทน่ี น้ั ตน ไมเ บญจพรรณทง้ั หลายอยใู นแนว ปลูกของไมกันลมควรจะเวนใหเปน ไมกันลมไปในตัวซึ่งจะไดแ นวไมก นั ลมท่ีรวดเรว็ กวาการปลูกใหม เมื่อกําหนดหลมุ ปลกู ไดแ ลว จงึ ขดุ หลมุ ปลกู ซง่ึ ควรมคี วามกวา ง ความยาว และความลกึ ต้ังแต 50 ซม. ถงึ 1 เมตร ถา ดนิ ดหี นา ดนิ ลกึ กข็ ดุ หลมุ เลก็ ถา ดนิ ไมด ตี อ งขดุ หลมุ ใหม ขี นาดใหญ จากนั้นนําปุย คอกหรือปุยอนิ ทรยี อนื่ ๆ มาผสมกบั ดนิ ทข่ี ดุ ไวบ นปากหลมุ ในอตั ราดนิ 3 สว นตอ ปยุ คอก 1 สวน อาจผสมปยุ เคมสี ตู ร 15-15-15 ลงไปดว ยสกั 2-3 กํามอื และปยุ รอ็ คฟอสเฟตสัก 1 กํามอื กไ็ ด จากนั้นจึงนําตน มงั คดุ ออกจากถงุ ชาํ หรือกระถางเพาะชํา ตอ งระวงั อยา ใหร ากกระทบ กระเทือนหรือฉีกขาด ตอ งนําตน วางลงกลางหลมุ เลง็ แนวใหต รงแถวแลง กลบดนิ ใหแ นน พอสมควร ปกไมผูกยึดตนกนั ลมโยกดวย จากนน้ั จงึ คลมุ โคนตน ดว ยฟางขา วหรอื เศษใบไมแ หง แลว รดน้ําใหชุม หลังการปลูกควรทาํ รม เงาใหม งั คดุ โดยการใชท างมะพรา วหรอื เขง ไมไ ผท ไ่ี มใ ชแ ลว เปน ทบ่ี งั รม เพราะใน ระยะแรกมังคุดตองการรม เงา หากไมม รี ม เงาใหต น มงั คดุ อาจโตชา เกดิ อาการใบไหมแ ละตายได 15. หลังจากนาํ ตนมังคุดลงปลูกแลว ควรดแู ลรกั ษาในระยะแรกอยา งไร หากจะใหตน มงั คดุ ทป่ี ลกู รอดตายและเตบิ โตดี ควรจะตอ งดแุ ลรกั ษาในระยะแรกใหด ี ระยะแรก ในที่นี้หมายถึงระยะ 2 ปแรก หลงั จากปลกู โดยเฉพาะในชว งฤดแู ลงจาํ เปน ตอ งดแู ลอยา งใกลช ดิ ซง่ึ การ ดูแลรักษามงั คดุ นน้ั สิ่งจาํ เปน อนั ดบั แรกกค็ อื การใหน า้ํ โดยไมป ลอ ยใหพ น้ื ดนิ โคนตน แหง ควรใหน ้าํ เปน ระยะเพ่ือใหพน้ื ดนิ โคนตน ชมุ ชน้ื อยเู สมออาจใชว ธิ คี ลมุ โคนต ดวยฟางขาวหรือเศษพืชบาง เพื่อใหดิน แหงชา ลงนอกจากนก้ี ารกําจัดวัชพืช รวมทง้ั การปอ งกนั การกาํ จดั โรคและแมลงกเ็ ปน สง่ิ จาํ เปน เชนกนั โดยวัชพืชน้ันอาจมแี รงงานและเครอ่ื งจกั รพอจะใชว ธิ ตี ดั หรอื ถากกไ็ ด สว นการฉดี พน ยาปอ งกนั กาํ จัด

35 คาํ ถามกบั การปลกู มงั คดุ ✽ 14 ศัตรูพืช ใหตรวจดกู อ นวา มกี ารระบาดหรอื ไม ถา ไมม กี ไ็ มจ าํ เปน ตอ งฉดี เรอ่ื งตอ ไปกต็ อื การเปลย่ี นหลกั ที่ผูกยึดโคนตนและการเปลี่ยนวัสดุที่ใชทาํ รม เงา (มักใชท างมะพรา วเพราะทนทานด)ี ซง่ึ จะเปลย่ี นเมอ่ื ผุพัง สําหรับการใหปุยเคมีและปุยอินทรีย มกั จะใสป ล ะประมาณ 2 ครง้ั คอื ชว งตน ฤดฝู นและ ปลายฤดูฝน ปุยอินทรียมักจะใชปุยคอก 2-3 บงุ ก๋ี (หากเปน มลู เปด มลู ไก จะใชน อ ยกวา มลู ววั ) สวนปุยเคมมี กั ใชส ตู รเสมอเชน 15-15-15 หวา นรอบโคนตน บรเิ วณชายพมุ ซง่ึ จะใชม ากหรอื นอ ย ขึ้นอยูกับความกวางของทรงพุมตน (การใชป ยุ เคมนี น้ั หากจะใหถูกตองตามหลักวิชาการ ควรมกี าร ตรวจสอบธาตุอาหารในดินกอน แลว จงึ คอ ยเลอื กใชป ยุ ทม่ี สี ตู รเหมาะสมกบั ดนิ นน้ั ) มงั คดุ เปน พชื ท่ีมีการตอบสนองตอ ปยุ ไดด ี หากไดรับปุยอยางเพียงพอ ตน จะโตเรว็ และใหผ ลเรว็ แตไ มค วรเรง ใหปุยไนโตรเจนมากจนเกินไป เพราะจะทาํ ใหป ลอ งยดื ยาวเกง กาง หลังจากพนปที่ 2 ไปแลว มงั คดุ จะเริ่มตั้งตัวได ในระยะนจ้ี งึ ไมต อ งดแู ลรกั ษาอยา งใกลช ดิ เหมอื นในชว งแรก ๆ แตการใหนา้ํ ใหปุย ยงั จะตอ งกระทําอยา งสมา่ํ เสมอดว ย 16. ควรปลูกไมรมเงาและไมกันลมในสวนมังคุดหรือไม ถาจาํ เปน ตอ งมคี วรเลอื กใช ตน อะไรดี ไมใ หร ม เงาเปน สง่ิ จาํ เปน สําหรบั มงั คดุ โดยเฉพาะในระยะ 3-4 ปแรก ไมใ หร ม เงาทด่ี ี ตองโตเร็ว รม เงาไมท บึ ไมแ ยง อาหารจากมงั คดุ และควรจะมอี ายไุ มย าวนกั หรอื ตดั ทง้ิ ไดง า ย หากขายผลหรือขายตน ไดก ย็ ง่ิ ดี ไมใ หร ม เงาทใ่ี ชใ นสวนยกรอ งแถบนนทบรุ มี กั จะเปน ตน ทองหลาง สวน ท า ง ภ า ค ต ะ วั น อ อ ก แ ล ะ ภ า ค ใ ต  นิ ย ม ใ ช  ก ล  ว ย ป ลู ก แ ซ ม ร ะ ห ว  า ง ต  น มั ง คุ ดห รื อ ป ลู ก ล  อ ม ร อ บ ตนมังคดุ หา งจากตน มงั คดุ ประมาณ 1.5-2 เมตร เมอ่ื ตน มงั คดุ โตขน้ึ จึงตัดตนกลว ยทอ่ี ยูชิด เกินไป ออกบาง สวนตนทองหลางนน้ั มกั ปลกู แซมไปบนหลงั รอ งเลย หากมเี วลาเตรยี มการพอควรปลกู ไมใ หร ม เงาไวกอ นสกั 6 เดอื นถงึ 1 ป เพอ่ื ใหม รี ม เงาพรอ มกอ นทจ่ี ะนาํ มงั คดุ ลงปลกู หากปลูกมังคุดที่ระยะ 10 * 10 เมตร และแซมดวยกลวยระยะหาง 2-2.5 เมตร จะปลกู กลว ยไดถ งึ ไรล ะ 380-240 ตน ซึ่ง จะทํารายไดใหกับเจาของสวนในปแรกๆไดเปนอยางดีและยังมีสวนชวยใหมังคุดเติบโตดีอีกดวยหรับ กลวยทป่ี ลกู มกั ใชก ลว ยน้ําวา เพราะทนทานตอ การโคน ลม และใหผ ลไดห ลายรนุ ภาพที่ 17 การปลูกมงั คุดในระยะแรก ควรใชท าง รูปแผนผงั แสดง การปลูกกลว ยแซมในสวนมงั คดุ มะพราวคลุม เพอ่ื ใหร ม เงารว มกบั การปลกู ไมช นดิ เมอ่ื ปลกู มงั คดุ ระยะ 10*10 เมตร และกลวยระยะ ตาง ๆ ใหรมเงา 2.5*2.5 เมตร

35 คาํ ถามกบั การปลกู มงั คดุ ✽ 15 สําหรับสวนท่ีอยใู นเขตทม่ี ลี มแรง และไมม แี นวตน ไมล อ มรอบสวนควรจะปลกู ไมก นั ลมไวบ า ง เพ่ือลดความเร็วลม ซง่ึ จะชว ยปอ งกนั ไมใ หด อกและใบมงั คดุ รว ง ตน ไมท น่ี ยิ มใชป ลกู เปน แนวกนั ลมมี หลายชนดิ เชน สนไผ ทองหลาง หรอื แมแ ตต น ผลไมห ลายชนดิ เชน มะมว ง มะมว งหิมพานต ก็ใชเปนไมกันลมได โดยเมอ่ื วางแผนผงั สวนแลว ควรปลกู ไมก นั ลมเปน อนั ดบั แรก ไมก นั ลมและไมร ม เงา น้ี นอกจากจะทาํ หนา ทห่ี ลกั ดงั กลา วแลว ยงั ชว ยเพม่ิ ความชน้ื ในอากาศรอบตน มงั คดุ ใหส งู ขน้ึ อกี ดว ย 17. การใหน ้าํ มงั คดุ มวี ธิ กี ารอยา งไร วิธีการใหน า้ํ ตน มงั คดุ นน้ั เดิมที่ชาวสวนใช ภาพที่ 18 หัวปลอยนาํ้ แบบมินิสปริงเกอรที่ใชใน วิธีตักรด หากปลกู บนหลงั รอ ง หรอื ใชว ธิ สี บู นา้ํ ผา น สวนมงั คดุ สายยางรด หากปลกู ในพน้ื ร้ั าบสาํ หรบั ในเขตทร่ี าบ หรือที่ดอนน้ันในระยะหลังเมื่อนํ้าในคูคลองนอยลง ฝนตกนอยลง ประกอบกบั คา แรงงานสงู ขน้ึ ดงั นน้ั จงึ เปล่ียนมาใชวิธีการใหน้ําแบบหัวปลอยนํ้าที่โคนตน เรียกวา มนิ สิ ปรงิ เกอร หรือที่เรียกกันในหมูชาวสวน วา น้าํ เหวี่ยง บา ง น้าํ ดนั บา ง วธิ กี ารใหน า้ํ แบบน้ี สะดวกมากขน้ึ กวา เดมิ ใชแ รงงานนอ ย แตต อ งลงทนุ สูงขึ้นถึงแมจะไมประหยัดนํ้าเทาวิธีการใหน้ําแบบ หยด แตก็สะดวกในการปฏบิ ตั งิ านและประหยัดกวา วิธีอ่ืนๆ เคยใชก นั มา และยงั สามารถควบคมุ การให นา้ํ ไดด อี กี ดว ย การใหน าํ้ แบบประหยัดนั้น ควรจะใหแตน อย แตใหบอยครั้ง เพอ่ื ใหด นิ บรเิ วณรอบ ๆ รากมงั คดุ ชุมช้ืนอยูเสมอ และปอ งกนั ไมใ หน ้าํ สว นเกนิ ไหลไปทางหนา ดนิ หรอื ไหลซมึ ลงไปในดนิ ชน้ั ลา ง ซง่ึ เปน ระดับท่ีลึกกวา รากมงั คดุ ควรมบี อ หรอื สระเกบ็ นา้ํ ไวใ ชใ นหนา แลง อยา งเพยี งพอ โดยมกี ารกะประมาณ กันวาพื้นที่ที่เปนบอหรือสระควรมีสัก 5 เปอรเ ซน็ ตข องพน้ื ทท่ี ง้ั หมด เชน ที่ดิน 10 ไร ควรใชเ ปน สระ น้ําสักประมาณ 200 ตารางวาเปน ตน แตถ า มกี ารใชน า้ํ อยางประหยัดพ้ืนที่เก็บน้ํากล็ ดลงไดห รอื ในเขต ท่ีมฝี นตกกระจายตลอดป ก็ไมจําเปน ตอ งเกบ็ นา้ํ ไวม ากนกั การเตรียมการใหน ํ้ามงั คดุ นน้ั ควรเรม่ิ พรอ มกบั การวางแผนผงั สวน คอื ควรกาํ หนดพื้นที่ที่จะ ทาํ บอ หรอื สระะเกบ็ นา้ํ ใหอ ยใู นตาํ แหนงที่จะเก็บนํ้าไดด ี (ตา่ํ หรือ ลมุ กวา ทอ่ี น่ื ) และจายนาํ้ ไปยังที่ปลูก ไดอยางถว่ั ถงึ และทส่ี าํ คญั คอื ตอ งประหยดั (ใชท อ นอ ย) สําหรับการวางทอ ทอใหญควรผานกลางแปลง โดยใหอ ยใู นตําแหนงทซี่ อมแซมไดส ะดวก ควรมกี อ กนา้ํ ใหเพียงพอและควรเลือกทอที่มีราคาประหยัด และทนทานมากที่สุด ในชว งทม่ี งั คดุ จะออกดอกประมาณ 1 เดอื น จะตอ งลดปรมิ าณการใหน ้าํ กบั มงั คดุ หรือที่ชาวสวน เรียกวา งดน้าํ แตกไ็ มไดหมายถึงกบั ไมไ ดใ หเลย คือจะใหในปริมาณที่จะทําใหต น เกดิ การพักตัวเทานั้น เพราะจะทาํ ใหต น มงั คดุ ออกดอกไดด ี

35 คาํ ถามกบั การปลกู มงั คดุ ✽ 16 18. การใหป ยุ ควรใหปุยอะไร ใหม ากนอ ยเทา ใด และใหใ นระยะไหนบา ง ปุยท่ีใหกบั ตน มังคดุ อาจแยกไดเ ปน 2 พวกใหญ ๆ คอื ปยุ อินทรียแ ละปยุ เคมี ปยุ อนิ ทรี เชน ปุยคอก ปุยหมัก ปุยพืชสด ปยุ อนิ ทรยี น อกจากจะใหธ าตอุ าหารแกม งั คดุ แลว ยงั มคี ณุ สมบตั อิ น่ื ๆ อกี หลายประการ เชน ชว ยปรบั โครงสรา งของดนิ และชว ยใหธ าตอุ าหารบางอยา งเปน ประโยชนต อ มงั คดุ มากข้ึน เปนตน สําหรับการเลือกใชปุยอินทรีย ควรเลอื กใชป ยุ อนิ ทรยี ท ม่ี อี ยแู ลว ภายในสวนเปน อนั ดบั แรก เชน ปุยพืชสด และ ปุยหมัก หากจําเปน ตอ งนําเขา จากนอกสวนกค็ วรเลอื กประเภททห่ี างา ยราคา ถูก และอยใู กลส วนมากทส่ี ดุ ทั้งนี้ก็เพื่อความประหยัด เชน ฟางขา ว แกลบ ขเ้ี ลอ่ื ย และปยุ คอกตา ง ๆ เปนตน ปุยอนิ ทรยี น น้ั ควรใหแ กม งั คดุ อยา งนอ ยปล ะครง้ั ถา ใหม ากครง้ั ไดก ย็ ง่ิ ดี ทง้ั นก้ี แ็ ลว แตเ งนิ ทนุ และแรงงานที่มีอยู ซง่ึ การใหใ นแตล ะครง้ั ควรโรยทร่ี อบทรงพมุ ในปรมิ าณทพ่ี อสมควร ระยะที่เหมาะกับ การใสปุยอินทรยี  คอื หลงั จากเกบ็ ผลแลว อาจใสใ นชว งกลางของฤดฝู น และหลงั จากตดิ ผลแลว อกี สกั 1-2 ครั้ง กไ็ ดโ ดยทว่ั ไปหากดนิ อดุ มสมบรู ณด ี การใสปุยอินทรียอยางเดียวก็เพียงพอแลว สําหรับปุยเคมีน้ันแมวาจะเปนปุยที่ใหธาตุอาหารแกมังคุดในปริมาณมากและมังคุดสามารถ ตองสนองตอปุยอยางรวดเร็วก็ตาม แตปุยเคมีจะสลายตัวเร็วและอาจทาํ ใหเ กดิ ผลตกคา งอยา งอน่ื ๆ เชน ดินมีสภาพเปนกรดมากข้ึน ดินจับตัวเปนกอนและมีการระบายอากาศไมดี ดังน้ันจึงควร ใหปุยเคมเี พยี งเพอ่ื ทดแทนธาตอุ าหารในดนิ สว นทม่ี งั คดุ นําไปใชเทานั้นก็พอ ปกติชาวสวนจะใหปุย เคมีปละ 2 ครง้ั คอื หลังจากเกบ็ ผลแลวโดยใหปุย สตู รเสมอ เชน 15-15-15 และหลงั จากมงั คดุ ออก ดอกก็จะใหปุยสูตรที่มีโปรแตสเซียมสูง เชน 12-12-17-2 หรือ 13-13-21 เปน ตน การใหปุยจะ ใชวธิ หี วา นรอบตามแนวรอบทรงพมุ สวนการใหปุย ทางใบกเ็ ปน วธิ กี ารใหป ยุ เพอ่ื ใหต น มงั คดุ ตอบสนองอยา งรวดเรว็ เชน กนั แตการ ใหปุยประเภทนี้ปุยก็จะสลายตัวอยางรวดเร็วซึ่งทาํ ใหส น้ิ เปลอื งเงนิ ทนุ ทง้ั คาปุย คา แรงงานในการฉดี พน คาเชือ้ เพลงิ และคา สกึ หรอของเครอ่ื งยนต แตหากใหไปพรอมกับการฉีดพนยาปอกันกําจัดศัตรูพืช ก็จะสิ้นเปลืองนอยลง สําหรบั การใชฮ อรโ มนหรอื สารควบคมุ การเจรญิ เตบิ โตของพชื นน้ั ควรพิจารณาให รอบคอบวามปี ระโยชนเพียงใด และกอ ใหเ กดิ ผลเสยี ตอ ตน มงั คดุ ดว ยหรอื ไม 19. การกาํ จดั วชั พชื ในแปลงปลกู มงั คดุ มีความจาํ เปนแคไหน และควรปลกู พชื คลมุ ดินดวยหรือไม ในระยะทต่ี น มงั คดุ ยงั เลก็ อยู คอื ในชว ง 4-5 ปแ รกนนั้ หากไมมกี ารปลูกพืชแซมกจ็ าํ เปน ตอ งชว ย กําจัดวัชพืชใหมังคุดดวย เพราะมงั คดุ โตชา และนยิ มปลกู หา งจงึ ทาํ ใหม พี น้ื ทว่ี า งมาก วัชพืชจึงเจริญได อยางรวดเร็วถา มแี รงงานและเครอ่ื งจกั รพอ ควรใชว ธิ กี ารตดั หรอื พรวนแกลบ แลวปลอยใหเศษวัชพืช เหลานั้นเปนปุยพืชสดในแปลงปลูกตอไปหากมีความจาํ เปน จรงิ ๆ จงึ จะใชส ารเคมีกาํ จัด เมอ่ื ตน มงั คดุ มีทรงพุม แผก วา งแลว ปญ หาเร่ืองวชั พืชกจ็ ะลดนอยลง เพราะตน มงั คดุ มที รงพมุ ทบึ ทําใหวัชพืชไม สามารถขน้ึ ภายใตท รงพมุ ได แตหากยังมีวัชพืชขึ้นก็จะใชวิธีถากหรือตัดเพียง 1-2 ครง้ั วัชพืชก็จะหมด ไป นอกจากนก้ี ารคลมุ โคนตน ดวยเศษพืชหรือฟางขาว จะชวยปองกันวัชพืชไดอีกทางหนึ่งดวย หากไมม กี ารปลกู พชื แซมระหวา งตน มงั คดุ ขอแนะนาํ ใหป ลกู พชื คลมุ ดนิ ดว ย เพราะนอกจากจะ ชวยคลุมวัชพืชแลว ยงั ชว ยเพม่ิ ความอดุ มสมบรู ณข องดนิ และปอ งกนั การชะหนา ดนิ เมอ่ื ฝนตกหนกั ดว ย

35 คาํ ถามกบั การปลกู มงั คดุ ✽ 17 พืชคลุมดนิ ทน่ี ยิ มปลกู กนั กค็ อื พชื ตระกลู ถว่ั เชน เซนโตรมี า เพอราเรยี และคาโลโปโกเนยี ม เปน ตน ซึ่ง อาจจะติดตอ ขอเมลด็ พนั ธไุ ดจ ากศนู ยพ ฒั นาทด่ี นิ ใกลบ า นทา น 20. โรคสําคญั ทพ่ี บในมงั คดุ มอี ะไรบา ง และมวี ธิ กี ารปอ งกนั กาํ จัดอยา งไร ยังไมเคยพบวามังคุดมีโรคระบาดรายแรงดังเชนผลไมชนิดอื่นเลยโรคท่ีพบบอยไมทําความเสยี หายกับตน มงั คดุ มากนกั กค็ อื โรคใบจดุ และโรคแอนแทรคโนส ซึ่งจะทาํ ใหใบแหงตายเปนจุดๆ มกั เกดิ เม่ือมีฝนตกชุกโดยโรคใบจดุ นน้ั ใบของตน ทเ่ี ปน โรคจะเกดิ จดุ สนี า้ํ ตาลแหง บริเวณกลางแผลจะแหงเปน สีเทาและมีสเี ขมา ดาํ เปน จดุ ๆ ประปราย ถา อาการลกุ ลามตดิ ตอ กนั ใบจะแหง ทง้ั ใบ สารเคมที ใ่ี ชป อ ง กันกาํ จัดโรคนี้ไดแก สารประกอบทองแดง เชน คปู ราวทิ หรือ แคปแทน เชน ออรโ ธไซด หรือ แมนโค เซ็บ เชน ไดเทนเอม็ 45 หรือ เบนโนมิล เชน เบนเลท เปน ตน สว นโรคแอนแทรคโนส นน้ั มชี กั เกดิ ใน ระยะใบออน โดยจะเกิดจุดสีนาํ้ ตาลบนใบตอ มาแผลจะขยายใหญข น้ึ พบกลมุ สปอรส สี ม ของเชอ้ื รา ปรากฏใหเ หน็ ไดอ ยา งชดั เจนปอ งกนั กาํ จดั โดยใชส ารเบนโนมลิ หรือแคปแทน หรือ แมนโคเซ็บ ก็ได สวนการปองกันโรคโดยวิธีอื่นนั้น ในชว งฤดฝู นควรตดั แตง กง่ิ ทร่ี กรงุ รงั ออกบา ง สาํ หรบั สว นทเ่ี ปน โรค แนะนาํ ใหน ําไปเผาไฟ กจ็ ะชว ยลดการระบาดของโรคได ภาพท่ี 19 โรคแอนแทรคโนสในมงั คดุ 21. แมลงศตั รสู ําคญั ทพ่ี บในมงั คดุ มอี ะไรบา ง แมลงที่เปนศัตรูสําคญั ของมงั คดุ เทา ทพ่ี บมี 3 ชนดิ ดว ยกนั คอื หนอนชอนใบ หนอนกนิ ใบออ น และเพลี้ยไฟ หนอนชอ นใบมกั เขา ทาํ ลายในชว งทม่ี งั คดุ แตกใบออ น เปน หนอนของผเี สอ้ื กลางคนื ซง่ึ มา วางไวบนใบออ นทเ่ี พง่ิ เรม่ิ แตกออกมา ตวั หนอนจะกดั กนิ อยใู ตใ บ ทําใหใบออ นบดิ เบย้ี วไมเ จรญิ เตบิ โต สวนหนอนกินใบออนนั้นจะกัดกินใบออนใหเวาแหวง หนอนทง้ั สองชนดิ นห้ี ากมกี ารระบาดมาก มงั คดุ อาจไมออกดอก การปอ งกนั กาํ จดั มกั ใชว ธิ กี ารฉดี พน ดว ยสารฆา แมลงประเภทคารบ ารลิ เชน เซฟวิน หรือประเภทโมโนโครโตฟอส เชน อโซดริน นวู าเรน สว นเพลย้ี ไฟน้นั จะดดู กนิ นา้ํ เลย้ี งทใ่ี บออ น ทําให ผิวผลหยาบกราน และมียางไหล การปอ งกนั กาํ จัดทาํ ไดโ ดยการใชส ารฆา แมลงประเภทโมโนโครโตฟอส หรือ คารโบซัลแฟน เชน พอสซ คาแมง เปน ตน ปกตแิ มลงศตั รมู งั คดุ เหลา นจ้ี ะมศี ตั รธู รรมชาตคิ อย

35 คาํ ถามกบั การปลูกมงั คดุ ✽ 18 ควบคุมอยแู ลว ดงั นน้ั หากไมร ะบาดทาํ การเสียหายมากนัก ไมค วรใชส ารฆา แมลงในการปอ งกนั กาํ จัด ควรปลอ ยใหม กี ารกาํ จัดโดยธรรมชาติจะดีกวา นอกจากนี้ยังมีไรแดง ซง่ึ ไมจ ดั เปน แมลง แตก็ทําความเสยี หายไมใ ชน อ ย โดยจะดดู กนิ น้าํ เลย้ี ง จากผลออนทาํ ใหผิวผลกราน และถามีการระบาดมากจะทาํ ใหผ ลลบี ไรแดงมกั ระบาดในหนา หนาวซง่ึ เปนชวงทม่ี งั คดุ ตดิ ผลออ น อาจใชว ธิ ปี อ งกนั กาํ จัดโดยการพนดวยกาํ มะถนั ผงชนดิ ละลายนา้ํ ได หรอื สาร ไดโคโฟล เชน เคลแทน ไดโคลหรือสารโปรฟาไลท เชน โอไมท เปน ตน ตามธรรมชาติแลว มงั คดุ มคี วามตา นทานตอ โรคและแมลงเนอ่ื งจากภายใตต น มยี างมาก จึงชวย แพรกระจา ยการระบาดของเชอ้ื โรคตา ง ๆ ได และทาํ ใหแ มลงไมช อบกดั กนิ อกี ดว ย 22. มีสาเหตุอื่นหรือไมที่ทําใหเ กดิ ความเสยี หายกบั มงั คดุ สาเหตอุ น่ื ๆ ที่ทําใหเ กิดความเสยี หายกับมังคดุ พอสรปุ ไดด งั น้ี 1) การขาดน้าํ เม่ือมังคุดไดร บั นา้ํ ไมเพียงพอ จะเกิดอาการใบแหงและรวง หากมผี ลออ นผล มักจะรวงดว ย แตถ า ผลไมร ว งกจ็ ะไมเ ตบิ โตและลบี เลก็ ดงั นน้ั จึงจําเปน อยา งยง่ิ ทจ่ี ะตอ งใหน ้ําอยางเพียง พอและควรฉดี พน นา้ํ ที่ทรงพมุ บริเวณโดยรอบดว ย เพอ่ื เพม่ิ ความชน้ื ในอากาศ ซ่งึ จะชว ยลดการคายนา้ํ ของมงั คดุ ได 2) การเกดิ ผลแตก และผลบุบ เนื่องจากการเก็บเกี่ยวและการขนสงที่ไมดีพอ จะตอ งปรบั ปรงุ การเก็บเก่ียวและการขนสง ตลอดจนตอ งใชค วามระมดั ระวงั มากขน้ึ 3) การเกดิ เนอ้ื แกว เน้ือแกวคือการเนอ้ื ผลมงั คดุ เปน สใี สในบางสว น หรอื ทงั้ หมดมลี ักษณะ กรอบ แข็ง ยงั ไมม กี ารยนื ยนั แนช ดั วา อาการเนอ้ื แกว นเ้ี กดิ จากสาเหตอุ ะไร 4) อาการยางไหล เทาที่พบมี 2 แบบ คอื ยางไหลภายนอก จะมยี างไหลออกมาเกาะเปน กอ น คลายหยดน้ําอยทู ผ่ี วิ นอกของผลมงั คดุ เชอ่ื วา เกดิ จากการดดู กนิ นา้ํ เลย้ี งของเพลย้ี ไฟ หรือจากการวางไข ของแมลงวันทอง อาการยางไหลแบบนไ้ี มม ผี ลตอ เนอ้ื ภายใน อีกแบบคือยางไหลที่เกิดจากภายในผล แบบน้ีจะเกิดยางทเ่ี นอ้ื ผลหรอื ตรงกลางระหวา งกลบี ของเนอ้ื ผลทาํ ใหร บั ประทานไมไ ด 5) อาการผลแตกรา ว เน่ืองจากในชว งทผ่ี ลเจรญิ เตบิ โตไดร บั นา้ํ นอ ย เมอ่ื ไดร บั น้าํ ฝนในปรมิ าณ มากทันทีทันใด ทําใหเ ปลอื กนอกของมงั คดุ ขยายตวั ตามการขยายตวั ของเปลอื กและเนอ้ื ภายในไมท นั เปลือกนอกจงึ แตก วิธีแกควรใหนาํ้ กบั มงั คดุ อยา งเพยี งพอในชว งทผ่ี ลกาํ ลงั เจรญิ เตบิ โต ภาพที่ 20 อาการผลแตกและยางไหล

35 คาํ ถามกบั การปลูกมงั คดุ ✽ 19 23. ขอใหทําตารางการดแู ลรกั ษามงั คดุ แบบงา ย ๆ ใหดวย ตารางที่ทําใหต อ ไปน้ี ดดั แปลงมาจากตน แบบของสมาคมชาวสวนผลไมจ งั หวดั ระยอง ตารางแสดงผลการดแู ลรกั ษามงั คดุ ในรอบป เดือน การเปลี่ยนแปลง การดูแลรักษา ม.ค. ออกดอกและตดิ ผล หากมเี พลย้ี ไฟและไรแดงระบาดใหฉ ดี พน สารเคมกี าํ จัด ก.พ. ผลเจรญิ เตบิ โต 1-15 ก.พ. ใหใ สป ยุ คอกและปยุ เคมสี ตู ร 13-13-21 บาํ รุงผล หากมเี พลี้ยไฟและไรแดงระบาดใหฉ ดี พนสารเคมีกาํ จัด มี.ค. \" -- เม.ย. \" -- พ.ค. ผลแก เกบ็ เกย่ี วผล มิ.ย. การเจรญิ เตบิ โตทางตน และใบ ตดั แตง กง่ิ และใหป ยุ คอกกบั ปยุ เคมสี ตู ร 15-15-15 ก.ค. \" - - ส.ค. \" - - ก.ย. \" ใหป ยุ ครง้ั ท่ี 3 โดยใชป ยุ คอกและปยุ เคมี สูตร 15-15-15 หรอื 12-24-12 ต.ค. \" - - พ.ย. \" - - ธ.ค. \" - - ตารางน้ีใชส าํ หรบั มงั คดุ ทป่ี ลกู ในภาคตะวนั ออก สําหรบั มงั คดุ ทป่ี ลกู ในภาคอน่ื ๆ กด็ ดั แปลง หรือปรับเปลี่ยนใหเหมาะสม โดยดจู ากตารางนเ้ี ปน ตวั อยา งได และในตารางนไ้ี มไ ดร ะบเุ รอ่ื งของการดู แลรกั ษาบางอยา งไว เชน การกาํ จัดวัชพืช และการใหน า้ํ เพราะตองทาํ เปนประจาํ และผปู ลกู สามารถตดั สินใจไดเ อง 24. มังคดุ เรม่ิ ออกดอกใหผ ลเมอ่ื อายเุ ทา ใด และการใหผลมากนอยแคไหน โดยท่ัวไปตนมงั คดุ ทเ่ี กดิ จากการเพาะเมลด็ จะเรม่ิ ออกดอกเมอ่ื ตน มอี ายุ 8 ปข น้ึ ไป ถา สงั เกต จากตน จะพบวา มกี ารแตกกง่ิ ขา ง 16 ชั้น รวมเปน 32 กิ่ง (มงั คดุ จะแตกกง่ิ ขา งปล ะ 2 ชั้น ๆ ละ 2 กิ่ง) แมวาตนมงั คดุ จะโตชา แตห ลงั จากการเรม่ิ ใหผ ลแลว กจ็ ะใหเ พม่ิ ผลมากขน้ึ เรอ่ื ย ๆ ทุกป มงั คดุ จะออก ดอกท่ีบริเวณปลายยอดของกง่ิ เทา นน้ั ดงั นน้ั ถา ยง่ิ ตน โตมกี ง่ิ มากกจ็ ะยง่ิ ใหด อกและผลมากดว ย โดยเฉลย่ี แลวผลมงั คดุ ทไ่ี ดใ นแตล ะชว งอายจุ ะเปน ดังน้ี ผลผลติ อายุ 8-10 ป อายุ 10-15 ป อายุ 15 ปข น้ึ ไป 50-80 กก. 80 กก. ขน้ึ ไป ผลผลติ ตอ ตน 10-50 กก. 800-180 กก. 1280 กก. ขน้ึ ไป ผลผลติ ตอ ไร 160-800 กก. (กรณีที่ปลูกระยะ 10 x 10 เมตร) จากการสํารวจของการสง เสรมิ การเกษตรในป พ.ศ. 2530/31 พบวาพื้นที่ปลูกมังคุดเฉพาะที่ ใหผลแลว มจี าํ นวนทง้ั สน้ิ 63411 ไร ในจาํ นวนนใ้ี หผ ลผลติ 67432 ตนั ดงั นน้ั โดยเฉล่ียแลว มงั คุดจะ

35 คาํ ถามกบั การปลกู มงั คดุ ✽ 20 ใหผลผลติ ไรล ะ 1.063 ตนั หรือ 1063 กิโลกรัม แตหากจะคดิ เฉลลี่ยผลผลติ โดยรวมตนท่ีใหผ ลแลว ตนั ที่ไมใหผลเขาดวยกัน กม็ ผี ลการวจิ ยั ของสํานกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร พบวา มงั คดุ จะใหผ ลผลติ 571 กิโลกรัม/ไร โดยในภาคตะวนั ออกทม่ี กี ารดแู ลรกั ษาดกี วา จะใหผล 962.9 กิโลกรัม/ไร และในภาคใต ใหผล 403 กิโลกรัม/ไร 25. เมอ่ื มงั คดุ ออกดอกตดิ ผลแลว ควรดแู ลรกั ษาผลมงั คดุ อยา งไร การดูแลใหมงั คดุ มผี ลขนาดใหญ ผลสวย ไมม ตี ําหนนิ น้ั ทําไดโ ดยหลงั จากดอกบานแลว ใหใส ปุยคอกรอบทรงพุมประมาณ 1 เขง (หากมตี น ขนาดใหญ กใ็ สใ หม ากกวา สดั สว น) และใสป ยุ เคมสี ตู ร 13-13-21 หรือ 12-12-17-2 ก็ได ในขณะเดยี วกนั กต็ อ งคอยดวู า มเี พลย้ี ไฟและไรแดงระบาดหรอื ไม หากเห็นวา การระบาดมากขน้ึ กใ็ ชใ ชส ารเคมีฉดี พน มงั คดุ จะใชเ วลาหลงั จากดอกบานถงึ เกบ็ ผลได ประมาณ 3 เดอื น ในระยะนจ้ี ะตอ งใหน า้ํ อยา งสมา่ํ เสมอ หากมงั คดุ ขาดน้าํ ผลจะรว งได และหากฝนตก หนักก็จะทาํ ใหผ ลแตกรา วได ทาํ ใหเกิดการสูญเสีย ถา มงั คดุ ตดิ ผลมากเกนิ ไปและตดิ ในลกั ษณะเปน ชอ ผล หลังจากติดผลแลว ควรปลดิ เอาดอกออกบา งโดยเหลอื ไวเ พยี งผลเดยี ว เพอ่ื ใหผ ลทเ่ี หลอื ไวม ขี นาด ใหญและขายไดร าคา ประมาณ 2-3 อาทติ ยก อ นเกบ็ ผลควรตรวจดวู า มแี มลงเชน เพลี้ยแปง เพลี้ย หอย หรอื มดระบาดมากหรอื ไมห ากมมี ากควรใชส ารเคมจี าํ พวกคารบ าริล เชน เซฟวิน หรือ พวกคาร โบซัลแฟน เชน พอสซ ฉีดพน จะชวยทาํ ใหผลสะอาดไมม ตี ําหนแิ ละขายงา ย 26. การเกบ็ เกย่ี วผลมงั คดุ ทถ่ี กู ตอ งควรทาํ อยางไร หลังจากผานชว งดอกบานไปแลวประมาณ 3 เดอื น กจ็ ะเรม่ิ เกบ็ ผลมงั คดุ ได แตเ นอ่ื งจากมงั คดุ ออกดอกไมพรอมกนั คอื ระยะตง้ั แตอ อกดอกแรก จนถงึ ดอกสดุ ทา ยในแตล ะตน จะกนิ เวลาประมาณ 1 เดือน ผลมังคุดจึงสุกไมพรอมกันทั้งตน ดงั นน้ั จงึ ตอ งใชเ วลาในการเกบ็ ผลประมาณ 1 เดอื นดว ย ใน การเก็บผลมังคุดน้ันจะดทู ก่ี ารเปลย่ี นสขี องเปลอื ก มงั คดุ ทส่ี กุ สขี องเปลอื กจะเปลย่ี นสจี ากสเี ขยี นเปน สี มวงแดง จนถงึ มว งดาํ จะใชเ วลาเปลย่ี นแปลงประมาณ 7 วัน หลงั จากนน้ั ผลจะรว งจากตน ดงั นน้ั การ เก็บผลจึงเริ่มเก็บไดต ง้ั แตระยะทส่ี ผี ิวเปลอื กเกิดจดุ แตมหรอื ประสีมว งแดงขึน้ เพียงเลก็ นอย ซึ่งชาวสวน เรียกกันวาระยะท่ีเกิด \"สายเลอื ด\" หลงั จากหารเกบ็ ผลมาแลว สผี วิ จะเปลย่ี นเปน สมี ว งดาํ ไดเ มอื นกบั ผล ที่อยูบนตน การเกบ็ ผลมงั คดุ ชาวสวนมกั จะเกบ็ ทกุ วนั หรอื วนั เวน วนั จะไมป ลอ ยทง้ิ ชว งไวน าน เพราะจะ ทําใหมผี ลสกุ งอมมาก ซึง่ ผลทสี่ ุกงอมจะเนา เสยี เรว็ ทาํ ใหไ มส ามารถสง ไปขายตลาดทไ่ี กล ๆ ได แตเดิมชาวสวนเชอ่ื กนั วา มงั คดุ เปน ผลไมเ ปลอื กแขง็ จะเก็บแรงไปบางก็ไมเสียหายอะไรนัก แต ภายหลงั พบวา มงั คดุ ทส่ี อยหลน จากตน มากระทบกบั พน้ื น้ันมกั จะชา้ํ ดานที่กระทบกับพื้นนั้นจะมียางไหลที่ภาย ในผลและเกดิ อาการเปลอื กแขง็ ตามมา ทําใหผูซื้อไม นิยมเพราะไดผ ลเสยี ตามมามาก ดงั นน้ั ในการเกบ็ ผล จึงตองระวังไมใหผลชาํ้ วธิ เี กบ็ มงั คดุ นน้ั เดมิ มกั จะใชว ธิ ี สอยดวยเครอ่ื งมอื ตา งๆ ตามความนยิ มของแตแ ละทอ งถน่ิ เชน ใชจาํ ปา ใชไ มง า ม ใชต ะขอกระตกุ เปน ตน ภาพที่ 21 ระยะทส่ี ผี วิ เปลอื กมงั คดุ เกดิ สายเลอื ด

35 คาํ ถามกบั การปลกู มงั คดุ ✽ 21 แตเคร่ืองมือเหลา นน้ั มกั ทําใหผ ลมงั คดุ ชา้ํ ดงั นน้ั จงึ ไดม กี ารประดษิ ฐเ ครอ่ื งมอื เกบ็ มงั คดุ แบบอน่ื ๆ ขน้ึ มาซึ่งจะไมทาํ ใหผ ลมงั คดุ รว งสพู น้ื เชน เครอ่ื งมอื แบบถงุ กาแฟมเี ขย้ี ว ที่ประดิษฐโดยคุณนิวัติ พนชั่ว แหง สวนลงุ สนุ จังหวัดระยอง หรือ เครอ่ื งมอื เกบ็ มงั คดุ แบบตะกรอ ทม่ี ฟี น รอบตวั ที่ประดิษฐโดย ดร.สุรพงษ โกสิยะจินดา แหงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร และเครอ่ื งมอื เกบ็ มงั คดุ ทพ่ี ฒั นาโดยกอง เกษตรวศิ วกรรม กรมวิชาการเกษตร ซง่ึ ปจ จบุ นั ชาวสวนเรม่ิ นํามาใชก นั มากขน้ึ แตหากยังใชวิธีเก็บ ผลดวยเครอ่ื งมอื แบบดง้ั เดมิ อยู ควรจะคลมุ โคนตน ดว ยฟางขา วหรอื เศษพชื ใหห นา จะชวยลดการชาํ้ ของผลที่ตกกระทบพื้นไดบาง ภาพท่ี 22 เครอ่ื งมอื เกบ็ เกย่ี วมงั คดุ แบบตา ง ๆ ภาพท่ี 23 เครอ่ื งมอื เกบ็ เกย่ี วแบบตะกรอ ทมี่ ีฟนรอบตวั ภาพท่ี 24 เครอ่ื งมอื เกบ็ เกย่ี วแบบ กวศ. 2 ภาพท่ี 25 เครอ่ื งมอื เกบ็ เกย่ี วแบบ กวศ. 4 27. หลงั จากการเกบ็ ผลมงั คดุ จากตน แลว กอ นสง ตลาด ควรทาํ อยา งไรจงึ ขายไดร าคาดี หลักในการจดั การผลมงั คดุ ภายหลงั จากทเ่ี กบ็ ผลมงั คดุ จากตน แลว มดี งั น้ี 1. ทุกคร้ังท่ีจับหรอื เคลอ่ื นยา ยผลมงั คดุ ตอ งระวงั ไมใ หช า้ํ และไมว า งซอ นทบั กนั มากเกนิ ไป 2. เมอ่ื เกบ็ ผลมงั คดุ มาจากตน แลว กอ นอน่ื จะตอ งนํามาแยกผลที่แก- ออ นออกจากกนั ตามความ เขมของสมี ว งแดงทเ่ี ปลอื ก อาจแยกไดเปน 3 พวกคือ พวกที่ยังมีสีเขียวที่ผิวผล พวกทผ่ี ิวผลมีสีแดงออ น จนถึงนํ้าตาลแดง และพวกทผ่ี วิ ผลมสี มี ว งแดงจนถงึ มว งดาํ ซง่ึ สองพวกแรกนน้ั เหมาะสําหรบั สง ตลาดท่ี อยูไกล สว นพวกสกุ ทา ยควรเกบ็ ไวส ง ตลาดทอ งถน่ิ หรอื ตลาดทอ่ี ยไู มไ กลนกั

35 คาํ ถามกบั การปลกู มงั คดุ ✽ 22 3. หลังจากแยกมังคุดเปน 3 พวก ตามความแก - ออ นของผลแลว ในแตล ะพวกยงั จะตอ งนํา มาแยกตามขนาดของผลออกเปน 3 ประเภทดวยกันคือ ขนาดเลก็ ประมาณ 16-25 ผลตอ กโิ ลกรมั และขนาดกลางประมาณ 10-15 ผลตอ กโิ ลกรมั และขนาดใหญป ระมาณ 7-9 ผลตอ กโิ ลกรมั ซง่ึ การ แยกขนาดนจ้ี ะทาํ ใหก ารขายไดร าคาดกี วา การขายคละในกรณที จ่ี ะนาํ สงพอคาสงออกก็จะทาํ ไดง า ยขน้ึ 4. ในระหวางที่ทาํ การคัดผล ถา พบวา ผลมตี าํ หนิ ชํา้ มแี มลงเชน เพลย้ี มด ตดิ อยหู รอื เนา เสยี ควรคัดแยกไวต า งหากไมน ํามารวมกบั พวกทจ่ี ะสง ตลาด แตอาจขายใหกับคนที่จะซื้อไปเพาะเมล็ดก็ได 5. ภาชนะท่ีใชใสผ ลมงั คดุ ควรใชเ ขง ขนาดเลก็ หรอื ตะกรา พลาสตกิ ดา นในควรใชว สั ดุ เชน กระดาษ หรือกระสอบปุยกรุ เพื่อกันชํา้ หรอื ลดการเสยี ดสี ในการบรรจไุ มค วรบรรจผุ ลมงั คดุ เกนิ 20 กิโลกรัม เพราะจะทาํ ใหผลซอนทับกันมากเกินไป ในขณะนท้ี พ่ี วกชาวสวนนยิ มใชใ สผ ลมงั คดุ เพื่อสง ตลาดมที ง้ั เขง ไมไ ผ ลงั ไม และตะกราพลาสติค สําหรบั ภาชนะบรรจมุ งั คดุ ทด่ี คี วรมสี มบตั ิ 3 ประการ ดงั ตอไปนค้ี อื ขอแรก ตองมีขนาดกระทดั รดั นาํ หนกั ไมม าก สะดวกตอ การขนสง ขอทส่ี อง ตองปอ งกนั การกระทบกระแทกและรับนาํ้ หนกั ไดด ี และขอ ท่ีสามคือ มีราคาถกู และมคี วามทนทาน 6. เม่ือเก็บผลมงั คดุ จากตน แลว ควรวางผลมงั คดุ ไวใ นทร่ี ม ซง่ึ มอี ากาศถา ยเทไดด ี และเมื่อทาํ การบรรจุเสร็จควรรบี สง ตลาดทนั ทหี ากบรรทกุ บนรถ ควรมหี ลงั คาและไมค วรจอดรถในทแ่ี จง ควรจอด ใตร ม เงา ภาพที่ 26 เมอ่ื เกบ็ มงั คดุ มาแลว ควร ตัด ภาพท่ี 27 เมอ่ื แยกขนาดและคณุ ภาพเสรจ็ แลว ขนาดและ คัด คุณภาพความ จะบรรจุในเขงหรือตะกราพลาสติก แก - ออ น เพอ่ื จาํ หนายตอไป 28. ตลาดรบั ซอ้ื มงั คดุ มที ไ่ี หนบา ง ตลาดมังคดุ ภายในประเทศนน้ั แบง ออกไดด งั น้ี 1. ตลาดสง ในระดบั ทอ งถน่ิ ประกอบดว ย 1.1 ตัวแทนหรอื ผรู วบรวมสนิ คา ในทอ งถน่ิ จะรวบรวมสงพอคารายใหญในจังหวัด ตลาดกรุงเทพ พอ คา เรจ ากตา งจงั หวดั หรอื ผสู ง ออก 1.2 ตลาดกลางขายสง ในจงั หวัด จะสง ใหต ลาดกลางกรงุ เทพ ตลาดในระดบั ภาคหรอื ผสู ง ออก 1.3 พอคา เรจ ากตา งจงั หวดั มักจะซื้อจากชาวสวนหรือตัวแทนแลวนาํ ไปขายใหผูบริโภค

35 คาํ ถามกบั การปลูกมงั คดุ ✽ 23 2. ตลาดตางจังหวัด จะรับซื้อมาจากตลาดกรุงเทพ ตลาดกลางขายสง ในจงั หวดั ทป่ี ลกู มงั คดุ หรือจากพอคาเร แลว สง ขายแกพ อ คา ขายปลกี 3. ตลาดกรุงเทพ จะรบั ซอ้ื จากตลาดกลางขายสง ในจงั หวดั ทป่ี ลกู มงั คดุ หรือจากเกษตรกร แลว ขายตอใหก บั พอ คา ขายปลกี ตลาดตา งจงั หวดั หรอื ผสู ง ออกตอ ไป นอกจากนี้ยังมีผูซื้ออีก 2 ประเภท ทจ่ี ะตดิ กบั ชาวสวนโดยตรงหรอื กบั ตลาดในทอ งถน่ิ คอื ผูสงออกและผซู ้ือผลไปเพาะเมลด็ ผซู อ้ื ทง้ั สองประเภทนจ้ี ะเลอื กซอ้ื ผลมงั คดุ ทด่ี ที ส่ี ดุ และเลวทส่ี ดุ เทา นน้ั ในดานน้ันก็ข้ึนอยูก บั วา ขน้ั ตอนการขายจากชาวสวนถงึ ผบู รโิ ภคมหี ลายขน้ั ตอนหรอื ไม ถา มี นอยชั้นชาวสวนก็จะขายไดราคาสูงและผูบริโภคจะซื้อไดราคาถูก แตถ า มหี ลายขน้ั ตอนราคากจ็ ะตรงกนั ขามตลาดท่ีชวยใหราคาผลมงั คดุ สงู ขน้ึ ในระยะหลงั นค้ี อื ตลาดตา งประเทศ ซง่ึ ผสู ง ออกจะรบั ซอ้ื ผลมงั คดุ ที่มีคุณภาพดีจากชาวสวนในราคาทีส่ งู กวา ราคาปกติ 29. การลงทนุ ทําสวนมังคุดใชเงินมากนอยแคไหน และผลตอบแทนจะคุมกนั หรอื ไม ไดมีการประเมนิ ตน ทนุ การผลติ มงั คดุ โดยกรมการคา ภายใน พอสรปุ ไดว า หากปลกู มงั คดุ 16 ตัน/ไร ในเวลา 3 ป จะตอ งใชเ งนิ ลงทนุ 39352 บาท/ไร แตหากปลูก 20ตนั /ไร ในเวลา 3 ป จะตอ ง ใชเ งนิ ลงทนุ 46880 บาท/ไร ซ่ึงจะแยกรายละเอยี ดใหเ ห็นไดด งั น้ี เงนิ ลงทนุ ปลกู 16 ตนั /ไร ปลูก 20 ตนั /ไร เงินลงทนุ ปท ่ี 1 2512 3410 เงินลงทนุ ปท ่ี 2-6 ปล ะ 1880 2280 เงินลงทนุ ปท ่ี 7-13 ปล ะ 3920 4620 นอกจากนี้สํานักงานเศรษฐกิจการเกษตรไดเปรียบเทียบตนทุนและผลตอบแทนของการปลูก มังคุดทั้วในภาคใตและภาคตะวันออกโดยเฉลี่ยทุกอายุ พบวาตนทุนตอปโดยเฉลี่ยทั้งประเทศ 4430 บาท/ไร โดยการลงทนุ ในภาคใตจ ะตํ่ากวา ภาคตะวนั ออกประมาณ 2500 บาท/ไร แตพบวามังคุดที่ ปลูกในภาคตะวันออกใหผ ลผลติ สงู กวา ทางภาคใตป ระมาณ 2 เทา ดงั นน้ั เมอ่ื คดิ เปน ตน ทนุ ตอ กโิ ลกรมั

35 คาํ ถามกบั การปลกู มงั คดุ ✽ 24 ของผลมังคุดแลว ในภาคตะวันออกจะใชเพียง 6.42 บาทตอ มงั คดุ 1 กิโลกรัม ขณะที่ภาคใตใชถึง 9.01111 บาท/มงั คดุ 1 กิโลกรัม จากการคิดกาํ ไรที่จะไดรับตอพื้นที่ 1 ไรโ ดยเฉลย่ี ในแตล ะป ชาว สวนภาคตะวนั ออกจะไดก าํ ไร 2478 บาท (ขายในกโิ ลกรมั ละ 9 บาท) ในขณะทภ่ี าคใตไ ดต ่าํ กวา คอื เพียง 398 บาท (ขายในราคากโิ ลกรมั ละ 10 บาท) ทง้ั นเ้ี พราะชาวสวนในภาคตะวนั ออกใชเ ทคนคิ การ ผลิตท่ีกาวหนา และอาศยั หลกั วิชาการมากกวา ถา สงั เกตจากตวั เลขทแ่ี สดงราคาตน ทนุ และกาํ ไรของ สํานักงานเศรษฐกิจการเกษตรนี้ จะพบวา มกี ารประเมนิ ผลผลติ ตอ ไรค อ นขา งตา่ํ คอื ในภาคตะวนั ออก เพียง 962 กิโลกรัม/ไร ซง่ึ เปน การคดิ คา เฉลย่ี ในชว ง 1-15 ปข องการปลกู แตห ลงั จากนผ้ี ลผลติ ตอ ไร จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กําไรจงึ ควรจะเพม่ิ มากขน้ึ ตามไปดว ยชาวสวนมงั คดุ ภาคตะวนั ออกผมู ปี ระสบการณ บอกวา การทําสวนมงั คดุ นน้ั จะคนื ทนุ ไดใ นปท ่ี 12 หลงั จากนน้ั จะไดก าํ ไรมากขน้ึ เรอ่ื ย ๆ ซง่ึ เมอ่ื เปรยี บ เทียบกับผลไมอ น่ื ๆ กจ็ ะเหน็ ไดว า ทนุ คนื ชา กวา แตใ นระยะยาวแลว มน่ั คงกวา 30. มเี ทคนคิ พเิ ศษอะไรหรอื ไมท จ่ี ะทาํ ใหก ารทําสวนมังคุดแลวไดกาํ ไรมากๆ คาํ วา ทําใหไดกําไรมาก ๆ ที่ผูถาม ถามมานค้ี ดิ วา คงหมายถงึ ทาํ ใหไ ดผ ลผลติ สงู และตน มีความแข็งแรง สามารถเกบ็ ผลไดน านหลายสบิ ป การทําใหไดกําไรมากนถ้ี า มองอกี มมุ หนง่ึ จะเปน การ ใหไดกําไรมากโดยเรว็ เรยี กวา การอยากรวยเรว็ วา งน้ั เถอะ ซง่ึ กม็ กั จะใชว ธิ กี ารมงั คบั ใหต น มงั คดุ ออก ดอกใหผลผลดิ ไปจากธรรมชาติ เชน ออกดอกมากเกนิ ไป หรอื ออกดอกนอกฤดกู าลปกติ เปน ตน เปรียบเสมือนกบั การฆา หา นทไ่ี ขเ ปน สที องเพราะอยากไดไ ขใ นทอ งหา นโดยเรว็ จงึ ไมข อตอบคาํ ถาม ในแนวทางนี้ ขอกลับมาที่การทาํ กําไรมาก ๆ โดยใหผลผลิตสูง และใหผ ลผลิตนาน ๆ อคี รง้ั กอ นอน่ื ขอยา้ํ เร่ืองผลผลิตสูงเสยี กอ นวา ไมใ ชใ หผ ลดกเกนิ กวา ธรรมชาติ แตใหผลดกพอประมาณ โดยทต่ี น สามารถ เลี้ยงผลไดและใหผ ลดกไดสมา่ํ เสมอทกุ ป รวมทง้ั ผลมงั คดุ ทไ่ี ดจ ะตอ งมขี นาดใหญพ อเหมาะ และไมม ี ตําหนิเสียหายดวย หมายความวา จะตอ งขายไดร าคาดดี ว ยนน่ั เอง การทําแบบนี้ทาํ ใหไดผลตอบแทน (ตัวเงิน) ท่ีสูง แมว า จะมผี ลมงั คดุ ออกขายไมม าก พดู งา ย ๆ กค็ อื ขายไดร าคานน่ั เอง เทคนคิ หรือวิธี การที่จะทาํ ใหไดกําไรมาก ๆ ดงั ทต่ี อบไวข า งตน พอสรปุ เปน ขอ ๆ ไดด งั น้ี 1. ตอ งวางแผนผงั สวนและแผนการดแู ลรกั ษาใหด ี ซึ่งก็จะชวยทาํ ใหการดูแลรักษาทาํ ไดง า ย อกี ทั้งยังเปนการใชประโชนืจากพื้นที่ไดอยางคุมคาและประหยัดเงินลงทุน นอกจากนค้ี วรมแี หลง นา้ํ สํารองเพยี งพอและถา มกี ารการปลกู พชื แซมดว ย ก็จะยิ่งทาํ ใหม รี ายไดเ พม่ิ มากขน้ึ 2. ตอ งถอื หลกั ทว่ี า ลงทนุ นอ ยทส่ี ดุ แตไดกาํ ไรมากทสี่ ุด โดยดจู ากเปอรเ ซน็ ตก ําไรตอ เงนิ ลงทุน ตวั อยา งเชน ถา ลงทนุ 30000 บาทตอ ไร ไดกําไร 3000 บาท เทากับกําไร 10 เปอรเ ซน็ ตแ ตถ า ลงทนุ 40000 บาทตอไร ไดกํา 3500 บาท แบบนด้ี จู ากตวั เงนิ ทไ่ี ดก ําไรแลว จะเห็นวา สงู กวา แตเ มอ่ื คดิ เปน เปอรเ ซน็ ตแ ลว จะไดเพยี ง 8.15 เปอรเ ซน็ ต แบบนต้ี อ ง ทบทวนดูใหดี การลงทนุ แค 30000 บาทตอ ไร อาจจะดีกวาก็ได 3. ตองบํารุงตนใหแข็งแรงสมบูรณ ตน มงั คดุ ทแ่ี ขง็ แรงสมบรู ณไ มม โี รคภยั เบยี ดเบยี นนน้ั นอก จากจะเก็บผลไดม ากและใหผ ลสมา่ํ เสมอทกุ ปแ ลว ยงั มอี ายยุ นื สามารถเกบ็ ผลไดน านหลายสบิ ปด ว ย การทําตน ใหแ ขง แรงสมบรู ณ ไมไ ดห มายความวา ตอ งฉดี พน สารเคมปี อ งกนั กาํ จดั ศตั รพู ชื เสมอไป การ ตัดแตงก่ิงแหงออกไป การใหปุยและนาํ้ อยา งเหมาะสมรวมทง้ั การไมป ลอ ยใหต ดิ ผลดกจนเกนิ ไป ตลอด

35 คาํ ถามกบั การปลกู มงั คดุ ✽ 25 จนการรักษาใหเ กดิ สมดลุ ของธรรมชาตใิ นการกาํ จดั ศตั รขู องมงั คดุ ลวนเปนวิธีการที่ทาํ ใหต น มงั คดุ แข็งแรงสมบรู ณไ ดท ง้ั สน้ิ 4 .การจัดการใชแรงงานคนและเครื่องมือเคร่ืองจักรที่คุมคาที่สุดการใชแรงงานคนให เหมาะสมกบั ความสามารถและใหทาํ งานอยา งมปี ระสทิ ธภิ าพ จะทาํ ใหประหยัดคาจางแรงงานได อีกทั้ง มีเคร่ืองมือเคร่ืองจกั รทเ่ี หมาะสมกจ็ ะลดการจา งแรงงานไปไดม าก เครอ่ื งมอื เครอ่ื งจกั รทจ่ี ะซอ้ื มาใชแ ต ละชิ้นควรตรวจสอบกอนซื้อวาใชคุมคากับเงินที่เสียไปหรือไม เชน เปรยี บเทียบกบั การใชแ รงงานคน หรือเปรียบเทียบกบั เครอ่ื งจกั รชนดิ หรอื ยห่ี อ อน่ื ทง้ั ในดา นความบอ ยครง้ั ในการใชง านความทนทาน และผลงานที่ได การใชเครื่องจักรจะชวยใหทาํ งานไดเ รว็ ขน้ึ แตถ า ซอ้ื มาเพอ่ื ใชป ล ะ 1 ครง้ั กไ็ มค มุ คา 5. ขายผลมังคุดไหไดราคาดีที่สุด จะตอ งเตรยี มผลมงั คดุ ใหม คี ณุ ภาพดี และเลอื กขายให กับตลาดที่รับซื้อราคาสูง ปจ จบุ นั ผสู ง ออกใหร าคาดกี วา ตลาดทอ งถน่ิ 2-3 เทา แตจ ะรบั ซอ้ื ผลมงั คดุ ทม่ี ี คุณภาพตามที่กําหนดเทา นน้ั เพราะฉะนน้ั หากจะขายใหก บั ผสู ง ออก กต็ อ งมกี ารดแู ลรกั ษาและเกบ็ ผล ใหไ ดผ ลมงั คดุ ทม่ี คี ณุ ภาพตามทเ่ี ขากาํ หนดไว 31. เคยไดย นิ มาวา เขามกี ารทํามงั คุดคณุ ภาพ เขาทํากนั อยา งไรและทําเพื่ออะไร ทานเคยซ้ือผลมงั คดุ มา 1 กิโลกรัม แลว รบั ประทานไดเ พยี งครง่ึ กโิ ลกรมั หรอื ไมห ลายคน คงตอบวาเคยถาเปน อยา งนท้ี า นจะเขด็ ไปอกี นาน หากทา นเปน ชาวสวนผปู ลกู มงั คดุ ทานคงไมอยากให คนซอ้ื \"เขด็ \" ไมกลาซอ้ื มงั คดุ อกี เพราะถา คนซอ้ื ไมซ อ้ื ทา นกจ็ ะขายไมไ ด ราคากจ็ ะตก ถามวา แลว มังคุดเสียมากๆ นเ่ี กดิ จากอะไรละกต็ อบไดว า เปน เพราะไมม ี \"คุณภาพ\" นะซี แลวเจาตัวคุณภาพนี้ ถามีแลว คนซอ้ื มงั คดุ จะกนิ ไดห มด ทุกลูกทั้ง 1 กิโลกรัม ทซ่ี อ้ื มาเลยหรอื ไม ตอบวา \"ออ ! แนน อน\" ถา จะเสียก็ลูกสองลกู คนซอ้ื เขาคงไมถ อื แถมถา มงั คดุ ทข่ี ายมคี ณุ ภาพดดี ว ยแลว นอกจากคนซอ้ื กนิ ไดท ง้ั หมดแลวยงั อยากจะซื้อดวย เพราะลูกใหญ รสดเี ปลอื กบาง เนอ้ื มาก แหม! มนั ดไี ปซะทง้ั นน้ั อยา งน้ี ราคาสงู ไปอกี กโิ ลกรมั ละ 5 บาท ก็ยังจะซื้อ เพราะคมุ คา กวา นแ่ี หละครบั แลวทานไมคิดทาํ ใหคุณภาพ มังคดุ ของทา น \"มี\" และ \"ดี\" บา งหรอื ครบั ถาทานตอ งการใหม งั คดุ ของทา นมคี ฯุ ภาพดี อยากจะแนะนาํ ใหล องทาํ ตามดดู งั น้ี 1. เตรียมการเกบ็ ผลไดแ นะนาํ ไปเปน สว นใหญแ ลว ในคําตอบขอ 25 ในทน่ี ท้ี า นจะขอเพม่ิ เตมิ อีกเล็กนอยคือ ในการบยาํ รงุ ตน หลงั จากเกบ็ ผลไปจนถงึ ชว งทม่ี งั คดุ ออกดอกในปต อ ไปนน้ั ไมค วรเรง ปุยไนโตรเจนมากจนเกนิ ไป เพราะอาจเกดิ การ \"เฝอ ใบ\" ได แตสิ่งที่จําเปน คอื ตอ งดแู ลรกั ษาใหใ บทม่ี อี ยู สมบูรณไมขาดวิ่น หรือแหงตาย เพราะใบจะเปน แหลง สรา งอาหารทส่ี าํ คญั ของมงั คดุ 2.การจัดการเมอ่ื เกบ็ ผลและหลงั จากเกบ็ ผลจากตน แลว วิธีการเกบ็ ผลและการจัดการหลงั เก็บ ผลไดอธิบายไวค อ นขา งละเอยี ดแลว ในคาํ ตอบขอ ท่ี 26-27 สิ่งที่อยากจะเพิ่มเติมก็คือ หลกี เลย่ี งการ เก็บผลขณะทฝ่ี นตกหรอื แดดรอ นจดั พยายามแยกผลเสียหรือผลที่มีตําหนิออกจากผลดีทันทีที่พบ การ คัดสีแยกความแกและการคดั ขนาดนน้ั ตอ งมเี ขา ขา งตวั เอง ในขณะเกบ็ เกย่ี วหากมีผลรว งมากระทบพนื้ อยางแรงตองแยกไปรวมกับพวกที่มีตาํ หนแิ ละหลงั จากการคดั ขนาดแลว ควรจะนาํ สง ตลาดทนั ทไี มค วร เก็บไวค า งคนื หรอื นานเกนิ ไป

35 คาํ ถามกบั การปลกู มงั คดุ ✽ 26 32. การนาํ ผลมงั คดุ ไปขายใหก บั พอ คา สง ออก ควรปฏบิ ตั อิ ยา งไร พอคาสงออกมงั คุด มกี ฎเกณฑการรบั ซอ้ื มงั คุดที่แตกตางไปจากตลาดภายในประเทศ คอื จะ เลือกซ้ือมงั คดุ ทม่ี คี ณุ ภาพทเ่ี ขาตอ งการ ซง่ึ มลี กั ษณะดงั นค้ี อื 1. จะรับซ้ือผลมงั คดุ ทม่ี ขี นาดกลางหรอื คอ นขา งใหญ มนี า้ํ หนกั ผลละ 70-100 กรัม หรือ ประมาณ 10-15 ผลตอ กโิ ลกรมั จะไมร บั ซอ้ื ผลมงั คดุ ทม่ี ขี นาดใหญห รอื เลก็ เกนิ ไป ดงั นน้ั กอ นนําไป ขายควรคดั ขนาดเสยี กอ น 2. ผิวผลมังคุดจะตอ งสะอาด ไมด า งดํา ไมม แี มลงหรอื ราดําตดื อยู ไมม รี อยแผลหรอื รอยกดั รอย ดูดของแมลง ผิวไมหยาบกรานหรือตกสะเก็ด กลบี เลย้ี งใกลข ว้ั ผลควรมสี เี ขยี วสด ไมเหี่ยวแหง ถา มี อาการยางไหลอาจใชม ดี ขดู ยางออกใหห มดกจ็ ะนําไปขายได 3. บริเวณใกลกลีบเล้ยี ง หรอื ซอกมมุ อน่ื ๆ ของผลมงั คดุ ตอ งสะอาดไมม แี มลงอาศยั อยู เร่ืองน้ีเปนสง่ิ สาํ คญั เพราะบางประเทศจะหามนาํ ผลมงั คดุ ไปขาย หากตรวจพบวามีแมลงติดอยูที่ผล ดงั น้ันหากพบควรใชผ า เชด็ ใชแ ปรงเขย่ี ออกหรอื อาจใชล มเปา กไ็ ด 4. ตองเปนมังคดุ ทใ่ี ชร บั ประทานเนอ้ื ไดท ง้ั หมด ไมม อี าการเปลอื กแขง็ ยางไหล เนื้อแกวหรือ เนาเสีย จึงจาํ เปน ตอ งคดั เลอื กผลทเ่ี สยี หรอื มตี าํ หนิออกทุกครั้งที่พบ ตง้ั แตเ กบ็ ผลถงึ กอ นสง ขาย ขณะท่ี สงขายก็จะตองไมบรรจุในภาชนะทีใ่ หญเกนิ ไป เพราะอาจจะทาํ ใหผ ลทอ่ี ยดู า นลา งช้าํ ได สวนการรับซื้อของผูสงออกนนั้ มที ง้ั ทม่ี าตดิ ตอ รบั ซอ้ื ถงึ สวนหรอื ตดิ ตอ ผา นนายหนา หรอื ผูท่ีรวบรวมในทองถนิ่ แลวแตวาจะเปนแบบไหนจะสะดวกกวากัน หากในทอ งถน่ิ นน้ั มกี ารรวมตวั ของ ชาวสวนเปนกลุมผูผลิตมังคุดคุณภาพหรือกลุมผูผลิตมังคุดเพ่ือการสงออกจะงายกวาการติดตอกับพอ คาสงออกมากยง่ิ ขน้ึ เพราะพอ คา จะเขา มาตดิ ตอ กบั กลมุ ไดโ ดยตรง สาํ หรับราคาขายใหกับ พอคาสงออกนัน้ ในชว ง 2-3 ปท ผ่ี า นมาราคาคอ นขา งสงู คอื อยใู นชว ง 30-40 บาทตอ กิโลกรัม ซึ่งเปนราคาขายที่ดีทีเดียว 33. ปญ หาหรอื อปุ สรรคในการทาํ สวนมงั คดุ มอี ะไรบา ง ทานไดอานคาํ ถามตอ มา 32 ขอ แลว อาจคดิ วา การปลกู มงั คดุ นด่ี ไี ปทกุ อยา ง ราคากด็ ี ตลาด รับซ้ือก็มีมาก โรคแมลงกน็ อ ย นา ปลกู เสยี จรงิ แตอ นั ทจ่ี รงิ แลว การปลกู มงั คดุ กย็ งั มปี ญ หาอยหู ลายขอ เหมอื นกนั ซง่ึ พอจะสรปู ไดด งั น้ี 1. ปญหาเร่ืองของการใหผ ลชา เนอ่ื งจากชาวสวนนยิ มปลกู มงั คดุ โดยวธิ เี พาะเมลด็ แมจะ ไมกลายพันธุ แตก วา จะเรม่ิ ขายไดก ต็ อ งมอี ายถุ งึ 8 ปห รอื ปลกู ลงในแปลงแลว 5-6 ป ในระหวา งนห้ี าก ไมมีรายไดทางอนื่ หรือไมไ ดป ลกุ พืชแซม ผปู ลกู กค็ งจะสน้ิ เปลอื งเงนิ ทนุ มาก ขณะนน้ี กั วชิ าการกาํ ลังหา วิธียนระยะเวลาชว งดงั กลา วใหน อ ยลงเชน ลองทาบกง่ิ เสยี บกง่ิ เพาะเลย้ี งเนอ้ื เยอ่ื แตกย็ ังอยใู นระหวาง การทดลองจึงยังไมสามารถตอบไดวาการใชวิธีไหนจึงจะดีที่สุดและจะแกปญหาไดแคไหน 2. เรื่องของคุณภาพมังคุด ปญ หาใหญก ค็ อื เรอ่ื งของการเกบ็ ผล และการจัดการหลังเก็บผล การ เก็บผลน้ันตองทําอยา งระมดั ระวงั ไมใ หห ลน กระทบพน้ื แมจ ะมีการพัฒนาเครือ่ งมือเกบ็ เกี่ยวทใ่ี ชไดผ ล คอนขางดีแลวกต็ าม แตก ย็ งั เกบ็ ผลไดช า เพราะมงั คดุ ไมส กุ พรอ มกนั ทง้ั ตน และตน มงั คดุ กส็ งู มากดว ย ทําใหส้ินเปลืองคา แรงเกบ็ ผลมากยง่ิ ขน้ึ ในอนาคตคา แรงงานคนจะแพงมากขน้ึ เรอ่ื ย ๆ ถา ปลกู เปน แปลง

35 คาํ ถามกบั การปลกู มงั คดุ ✽ 27 ใหญแลวเก็บผลไมทันก็คงจะเสียหายมาก ดงั นน้ั ผปู ลกู จะตอ งคดิ ถงึ เรอ่ื งนไ้ี วด ว ยกอ นทจ่ี ะปลกู มงั คดุ สวนการจัดการหลงั การเกบ็ ผลมาแลว นน้ั ตอ งเรยี นรกู นั พอสมควร ตองคดั แยกใหเปน และผลที่เสีย ตอ งคดั ทง้ิ ไป ทาํ ใหม งั คดุ ทข่ี ายไปมคี ณุ ภาพเชอ่ื ถอื ได เร่ืองนย้ี งั มปี ญ หามากพอสมควร เพราะชาว สวนเกิดความเสียดาย จึงอยากจะขายแบบคละกัน แตเ มอ่ื มาคดิ ดแู ลว การขายแบบคละนน้ั จะไดร าคา ตา่ํ กวาการขายแบบแยกมาก 3. ปญหาเร่ืองสภาพแวดลอ ม ปจ จบุ นั มปี ญ หาเรอ่ื งฝนแลง และนบั วนั กจ็ ะยง่ิ แลง มากขน้ึ ทาํ ให เกดิ ปญหาใหมกับมงั คดุ 2 ประการดว ยกนั คอื ประการแรก หากฝนไมตก แตย งั มบี อ หรอื สระใหส บู น้ํามารดไดแ มจ ะผลติ มงั คดุ ไดเ หมอื นเดมิ แตค า ใชจ า ยในการลงทนุ ไมว า จะเปน คา เครอ่ื งจกั ร คา นา้ํ มนั คาทอ หรอื คา แรงงานยอ มเพม่ิ ขน้ึ ทําใหอาจจะขาดทันได ประการที่สองคอื นอกจากฝนไมต กแลว น้าํ ในบอยังแหง อกี ดว ย แบบนี้อาจจะทาํ ใหต น มงั คดุ ทรดุ โทรมหรอื ตายได ดงั นน้ั กอ นปลกู มงั คดุ ในพน้ื ทใ่ี ด ตองตรวจสอบกอ นวา มฝี นตกมาก และการกระจา ยตวั ของฝนดหี รอื ไม อกี ทง้ั มแี หลง นา้ํ พอที่จะสูบมาใช รดมังคุดไดต ลอดหนา แลง หรอื ไม 34. หากตอ งการตดิ ตอ ขอคาํ ปรกึ ษาจากนกั วชิ าการทร่ี เู รอ่ื งเกย่ี วกบั มงั คดุ จะตดิ ตอ ได ที่ไหนบาง เทาที่ไดตรวจสอบดูนักวิชาการที่ทาํ เรอ่ื งเกย่ี วกบั มงั คดุ มอี ยู 4 แหง ทจ่ี ะตดิ ตอ ขอคําปรกึ ษาได คอื 1. ศนู ยว จิ ยั พชื สวนจนั ทบรุ ี ต.ตะปอน อ.ขลงุ จ. จนั ทบรุ ี 22110 2. ศูนยว จิ ยั พชื สวนสรุ าษฎรธ านี อ.กาญจนดิษฐ จ. สรุ าษฎรธ านี 84160 3. ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตร มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร วทิ ยาเขตกําแพงแสน นครปฐม 73140 4. ภาควชิ าพชื ศาสตร คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร อ. หาดใหญ จ. สงขลา 90110 หากทานตองการเรียนรูเร่ืองการปลกู หรอื การปฏบิ ตั ดิ แู ลรกั าาทว่ั ไปอาจตดิ ตอ กบั เจา หนา ทข่ี อง กรมสง เสรมิ การเกษตร เชน เกษตรตําบล หรอื เกษตรอําเภอ นอกจากน้ี ชาวสวนทป่ี ลกู มงั คดุ มานานกอ็ าจจะใหข อแนะนําในทางปฏบิ ตั ไิ ดเ ชน เดยี วกนั 35. เนอ้ื ผลมงั คดุ ใหค ณุ คา ทางโภชนาการอะไรบา ง คุณคาทางโภชนาการของเนอ้ื ผลมงั คดุ จากการตรวจสอบของนกั วชิ าการ พอสรปุ ไดด งั น้ี ในสวนประกอบของเนอ้ื ผลมงั คดุ 100 กรัม ประกอบไปดว ย นา้ํ 79.2 กรัม พลงั งาน 79 แคลอรี่ โปรตนี 0.8 กรัม ไขมนั 1 กรมั

35 คาํ ถามกบั การปลูกมงั คดุ ✽ 28 คารโ บไฮเดรท 18.8 กรัม เสน ใย 1.6 กรัม แคลเซี่ยม 10 กรัม ฟอสฟอรสั 15 กรัม เหล็ก 0.8 กรัม วิตามนิ บี 1 0.03 มิลลกิ รมั วิตามนิ บี 2 0.01 มิลลกิ รมั ไนอาซนิ 0.5 มิลลกิ รมั วติ ามนิ ซี 3 มิลลกิ รมั (ขอ มลู จากหนงั สอื ตารางแสดงคุณคาทางอาหารไทยในสว นทกี่ นิ ได 100 กรมั ของกองยวุ กาชา กรมพลศกึ ษา)