Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การจัดการดินและปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพ

การจัดการดินและปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพ

Description: การจัดการดินและปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพ.

Search

Read the Text Version

ค�ำ แนะน�ำ ท่ี 2/2563 การจดั การดนิ และปยุ๋ อยา่ งมีประสิทธภิ าพ จัดพมิ พ ์ : กรมสง่ เสรมิ การเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พิมพ์ท ี่ : กลุ่มโรงพิมพ์ สำ�นักพฒั นาการถา่ ยทอดเทคโนโลยี ปีทพ่ี ิมพ์ : พ.ศ. 2563 พิมพ์ครั้งท่ี 2 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2562) จำ�นวน 5,000 เล่ม

คำ�นำ� การผลิตพืชเพื่อให้ได้ผลผลิตสูง คุ้มค่าการลงทุน ก่อนอื่นต้องรู้จัก ธรรมชาติของดินก่อนว่ามีสมบัติอย่างไร เหมาะสมกับพืชท่ีปลูกหรือไม่ ถ้ายัง ไม่เหมาะสมหรือเหมาะสมน้อยก็จะต้องมีการจัดการดิน เพ่ือให้พืชสามารถเจริญ เติบโตและให้ผลผลิตได้ตามปกติ จากนั้นจึงพิจารณาในเรื่องของธาตุอาหาร ในดินว่ามีเพียงพอกับความต้องการของพืชหรือไม่ ควรต้องมีการใส่ปุ๋ยชนิดใด อัตราเท่าไร ช่วงเวลาใด และมีวิธีการอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ และคุ้มค่า การลงทุน ซ่ึงท่ีผ่านมาการใช้ประโยชน์จากพ้ืนท่ีเพาะปลูก และการใช้ปุ๋ยของ เกษตรกร ส่วนใหญ่ยังไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ ทำ�ให้การใช้ประโยชน์จากที่ดิน และปุ๋ยยังไมเ่ กิดประสิทธภิ าพเทา่ ทีค่ วร กรมส่งเสริมการเกษตรจึงได้จัดทำ�คำ�แนะนำ�ความรู้ทางการเกษตร เรือ่ ง การจดั การดินและปุ๋ยอยา่ งมีประสิทธภิ าพ เพือ่ ให้ผูอ้ ่านมคี วามรู้ความเขา้ ใจ ในเร่ืองที่เก่ียวกับดินและปุ๋ยเบื้องต้น นำ�ความรู้ไปจัดการดินและปุ๋ยให้สามารถ ลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มผลผลิตอย่างมีคุณภาพ สอดคล้องกับความต้องการ ของผู้บริโภค และเป็นการรักษาทรัพยากรดิน ให้สามารถผลิตพืชผลได้อย่างย่ังยืน ตอ่ ไป กรมสง่ เสริมการเกษตร 2563

สารบัญ หนา้ ดิน 1 ความหมาย 1 สว่ นประกอบของดนิ 1 สมบัติของดิน 3 ดนิ ทม่ี ปี ัญหาและแนวทางการจัดการ 5 การจดั การความเปน็ กรดเปน็ ดา่ งของดิน 7 การเก็บตวั อยา่ งดนิ เพือ่ การตรวจวเิ คราะห์ 8 การตรวจวิเคราะหด์ ิน 10 ธาตุอาหารทีจ่ �ำ เป็นสำ�หรบั พืช 11 หนา้ ทแ่ี ละความส�ำ คญั ของธาตอุ าหารพชื และอาการขาดธาตอุ าหารพชื 12 ป๋ยุ และการใช้ปุย๋ 16 ความหมาย 16 ประเภทของปยุ๋ 16 สูตรปยุ๋ 19 เรโชของป๋ยุ 20 การเลือกซอ้ื ปุ๋ยให้คุม้ ค่า 20 การใช้ปุย๋ อย่างมีประสิทธิภาพ 23 การใช้ปุ๋ยตามคา่ วเิ คราะหด์ ินหรอื ปยุ๋ ส่งั ตดั 25 การใชป้ ุ๋ยถกู ตอ้ งชว่ ยลดตน้ ทุนการผลิต 25 ข้อดขี อ้ เสียของปยุ๋ อนิ ทรีย์ ปยุ๋ เคมี และปยุ๋ ชีวภาพ 27 บรรณานุกรม 28

ดนิ ความหมาย ดินเป็นส่ิงที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติจากการสลายตัวผุพังของ อนินทรียสาร ได้แก่ หินและแร่ กับอินทรีย์สาร ได้แก่ ซากพืชและซากสัตว์ ผสมคลุกเคล้ากันอย่างต่อเน่ืองเป็นระยะเวลายาวนาน เมื่อมีนำ้�และอากาศ มารวมกันอย่างเหมาะสมจะชว่ ยค�ำ้ จนุ และเป็นแหลง่ อาหารของพืช สว่ นประกอบของดิน ดินในแต่ละพ้ืนที่จะมีส่วนประกอบ ที่แตกต่างกัน โดยความแตกต่างน้ี จะมีมากข้นึ หากมนุษย์เข้าไปเก่ยี วข้อง และใชป้ ระโยชนจ์ ากดนิ สว่ นประกอบ ของดิน แบง่ เปน็ 4 สว่ น คอื 1. อนินทรียวัตถ ุ เป็นส่วนท่ีได้จาก การสลายตวั ผพุ ังของหนิ และแร่ อนั เปน็ แหล่งกำ�เนิดธาตุอาหารพืชและควบคุม โครงสร้างของดนิ 2. อินทรียวัตถุ เป็นส่วนท่ีเน่าเปื่อยผุพัง หรือ เกิดจากการสลายตัวของซากพืชและซากสัตว์ อันเป็น แหล่งกำ�เนิดธาตุอาหารพืช ให้พลังงานแก่จุลินทรีย์ดิน และควบคุมสมบัติของดิน ท้งั ทางกายภาพ เคมี และชวี ภาพ การจัดการดินและปุ๋ยอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ 1

3. อากาศ เป็นส่วนของก๊าซต่าง ๆ ท่ีอยู่ในช่องว่างระหว่างก้อนดิน หรืออนุภาคดนิ 4. น�้ำ เ ปน็ สว่ นของน�้ำ ทพ่ี บอยใู่ นชอ่ งวา่ งของดนิ หรอื อนภุ าคของดนิ ดนิ ในอดุ มคตทิ เ่ี หมาะสมตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของพชื ควรมสี ว่ นประกอบตามสดั สว่ น โดยปริมาตร ดังนี้ อนินทรียวัตถุหรือแร่ธาตุ ร้อยละ 45 น้ำ�หรือสารละลาย รอ้ ยละ 25 อากาศ รอ้ ยละ 25 และอนิ ทรยี วัตถุ ร้อยละ 5 แผนภมู ิแสดงส่วนประกอบของดนิ 25 % น้ำ�หรอื สารละลาย 45 % อนินทรยี วตั ถหุ รอื แร่ธาตุ 25 % อากาศ 5% อนินทรยี วัตถุหรือแร่ธาตุ น้�ำ หรอื สารละลาย อนิ ทรียวตั ถุ อากาศ อินทรยี วตั ถุ 2 กรมสง่ เสรมิ การเกษตร

สมบัติของดนิ 1. เน้ือดิน บ่งบอกถึงความหยาบและความละเอียดของอนุภาคดิน โดยแบ่งออกไดเ้ ปน็ 3 ชนิดใหญ่ ๆ คอื 1.1 ดนิ ทราย ประกอบดว้ ยอนภุ าคทรายตง้ั แตร่ อ้ ยละ 85 ขน้ึ ไป เป็นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ตำ่� มีความสามารถในการอุ้มนำ้�ต่ำ� นำ้�ซึมผ่าน ไดง้ ่ายมาก 1.2 ดนิ รว่ น เ ปน็ ดนิ ทป่ี ระกอบดว้ ยอนภุ าคของทรายและดนิ เหนยี ว ในปริมาณใกล้เคียงกัน เป็นดินท่มี ีความเหมาะสมต่อการปลูกพืช ไถพรวนได้ง่าย มีการระบายนำ�้ และถา่ ยเทอากาศดี มักเปน็ ดนิ ทมี่ ีความอดุ มสมบรู ณส์ งู 1.3 ดนิ เหนยี ว เปน็ ดนิ ทม่ี อี นภุ าคของดนิ เหนยี วรอ้ ยละ 40 ขน้ึ ไป เน้ือละเอียดแน่น อุ้มน้ำ�ได้ดี และไม่ยอมให้นำ้�ซึมผ่านได้ง่าย ไม่เหมาะสมในการ เพาะปลกู พืช 2. สดี นิ ขน้ึ อยกู่ บั ชนดิ ของแรท่ เ่ี ปน็ องคป์ ระกอบในดนิ สภาพแวดลอ้ ม และระยะเวลาการพฒั นา ใชป้ ระโยชนใ์ นการจ�ำ แนกชดุ ดนิ 3. ความเปน็ กรดเปน็ ดา่ งของดนิ หรอื พเี อช (pH) ของดนิ จะบอก เป็นตัวเลขต้ังแต่ 0-14 ถ้าดินมีค่าพีเอชน้อยกว่า 7 แสดงว่าดินน้ันเป็นดินกรด ยิ่งมีค่าน้อยกว่า 7 มาก ก็จะเป็นกรดมาก แต่ถ้าดินมีพีเอช มากกว่า 7 จะเป็นดินด่าง ยิ่งมีค่ามากกว่า 7 มาก ก็จะเป็นด่างมาก สำ�หรับดินท่ีมีพีเอช เท่ากับ 7 พอดี แสดงว่าดินเป็นกลาง พีเอช (pH) ของดินท่ีเหมาะสมต่อการ เจริญเติบโตของพชื จะมีคา่ อยู่ในชว่ ง 5.6 ถงึ 7.3 พเี อช (pH) ของดนิ มคี วามส�ำ คญั ต่อการปลกู พชื มาก เพราะเปน็ ตัว ควบคุมการละลายธาตุอาหารในดินออกมาอยู่ในสารละลายหรือนำ้�ในดิน ถ้าดิน มีพีเอชไม่เหมาะสม ธาตุอาหารในดินอาจจะละลายออกมาได้น้อย ไม่เพียงพอ ต่อความตอ้ งการของพืช หรือในทางตรงกันข้าม ธาตุอาหารบางชนิดอาจจะละลาย ออกมามากเกนิ ไปจนเปน็ พิษตอ่ พืชได้ การจดั การดนิ และปยุ๋ อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ 3

4.5 ระดบั pH ของดินกบั ความเปน ประโยชนข องธาตอุ าหารพชื 5.0 5.5 ระดับ pH 6.04.0 8.0 6.5 7.0ไนโตรเจน (N) 7.5ฟอสฟอรสั (P) โพแทสเซียม (K) กำ�มะถนั (S) แคลเซยี ม (Ca) แมกนีเซยี ม (Mg) เหล็ก (Fe) แมงกานสี (Mn) โบรอน (B) ทองแดง (Cu) สงั กะสี (Zn) โมลิบดนิ มั (Mo) 4 กรมสง่ เสริมการเกษตร

ดินทมี่ ปี ญั หาและแนวทางการจดั การ ดินมีปัญหา คือ ดินซ่ึงมีสมบัติอย่างใดอย่างหน่ึงหรือหลายอย่างที่ไม่ เหมาะสมหรอื เหมาะสมนอ้ ยตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของพืช ประเภทของดินมปี ัญหา ไดแ้ ก่ 1. ดินเค็ม หมายถึง ดินท่ีมีปริมาณเกลือ ทล่ี ะลายอยู่ในสารละลายดนิ มากเกนิ ไป จนมผี ลกระทบ ตอ่ การเจริญเตบิ โตและผลติ ผลของพชื การจัดการแก้ไข เลือกปลูกพืช ทนเค็ม เช่น หน่อไม้ฝรั่ง มะเขือเทศ กุยช่าย บรอกโคลี คะน้า เป็นต้น ให้น้ำ�ระบบน้ำ�หยด คลุมดินเพื่อรักษาความชื้น และเพิ่มอินทรียวัตถุ ใหแ้ กด่ นิ โดยใชป้ ยุ๋ อนิ ทรยี แ์ ละวสั ดอุ นิ ทรยี ์ เชน่ ปยุ๋ หมกั ปุ๋ยคอก ปุ๋ยพืชสด แกลบ ขี้เถ้าแกลบ กากอ้อย เป็นต้น 2. ดินเปร้ียวจัดหรือดินกรดกำ�มะถัน หมายถึง ดินที่มีสภาพ ความเป็นกรดสูงมาก ส่งผลกระทบต่อการปลูกพืช โดยพบแร่จาโรไซต์จุดประ สเี หลืองฟางข้าวในหนา้ ตดั ดนิ ความรุนแรงข้ึนกับความลกึ ที่พบแรจ่ าโรไซต์ การจัดการแก้ไข เช่น ใส่ปูนใช้น้ำ�ขังแล้วระบายออก ควบคุม ระดับน้ำ�ใต้ดินโดยยกร่องสูงเพื่อปลูกไม้ผล และยกร่องตำ่�เม่ือปลูกผัก เพ่ิมเติม อนิ ทรียวัตถุให้แกด่ ิน และเลือกปลูกพชื ท่ีทนความเป็นกรดสูง 3. ดนิ ต้นื หมายถึง ดนิ ที่พบชนั้ ลูกรัง ช้ันกรวด ช้นั เศษหนิ ชั้นหินพืน้ ในระดับตน้ื กว่า 50 เซนติเมตร ดินมีปรมิ าณ ของเน้ือดินน้อย ส่งผลให้มีการเกาะยึดตัวของดินไม่ดี เกิดการชะล้างพังทลายของดินได้ง่าย มีปัญหาในการ ไถพรวนดิน มีความอุดมสมบูรณ์ตำ่�และความสามารถ ในการดูดซับน้ำ�ต�่ำ การจดั การดินและปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพ 5

การจดั การแกไ้ ข เชน่ การเตรยี มดนิ ปลกู ไมผ้ ล ควรขดุ หลมุ ปลกู ให้มีขนาดใหญ่กว่าปกติ นำ�หน้าดินจากท่ีอ่ืนมาใส่ก้นหลุม พร้อมกับการใส่ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอกผสมดินรองก้นหลุม ช่วยให้ระบบรากพืชเจริญเติบโตแผ่ขยายได้ เพิ่มอนิ ทรยี วัตถคุ ลมุ ดินรักษาความชนื้ 4. ดินกรด หมายถงึ ดินทีม่ ีระดบั pH ตำ�่ กว่า 7 โดยดินกรดท่มี คี า่ pH ของดินต่ำ�กว่า 5 จะมีข้อจำ�กัดในด้านความเป็นประโยชน์ของธาตุอาหาร บางชนิด เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม เป็นต้น และธาตุอาหารบางชนิดอาจละลาย มากจนเปน็ พษิ กบั พชื เช่น เหลก็ แมงกานสี เป็นต้น การจัดการแก้ไข เช่น ใช้ปูน และเลือกชนิดพืชและพันธุ์พืช ที่เจรญิ เตบิ โตไดด้ ีในดนิ กรด เช่น ขา้ ว แตงโม ข้าวโพด ขา้ งฟ่าง ออ้ ย มนั สำ�ปะหลงั ถั่ว ยางพารา ปาล์มนำ้�มัน กาแฟ กล้วย มะม่วง มะม่วงหิมพานต์ ยาสูบ สบั ปะรด เปน็ ต้น 5. ดนิ ดา่ ง เปน็ ดนิ ทม่ี รี ะดบั pH สงู กวา่ 7 มเี ฉพาะบรเิ วณเขาหนิ ปนู เชน่ จังหวัดสระบรุ ี จังหวดั ลพบรุ ี เปน็ ตน้ การจดั การแกไ้ ข เชน่ ใสธ่ าตกุ �ำ มะถนั ในขณะทด่ี นิ ชน้ื ไถดนิ ใหล้ กึ เพือ่ พลกิ ดนิ บนลงขา้ งลา่ ง และใสป่ ยุ๋ พวกท่ีมฤี ทธ์ติ กคา้ งเป็นกรด เชน่ แอมโมเนยี ม ซัลเฟต (สตู ร 21-0-0) เป็นตน้ 6 กรมสง่ เสรมิ การเกษตร

การจัดการความเป็นกรดเปน็ ด่างของดิน หากผลวิเคราะห์พบว่าดินเป็นกรด (pH ตำ่�กว่า 5) ควรต้องยกระดับ พเี อชใหส้ งู ขน้ึ ใกลเ้ ปน็ กลาง (pH 5.6-7.3) มฉิ ะนน้ั ธาตอุ าหารบางชนดิ จะอยใู่ นรปู ที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อพืช แต่สำ�หรับในนาข้าวถ้าค่าพีเอชไม่ต่ำ�กว่า 4 ไม่จำ�เป็น ตอ้ งใชป้ นู เพราะสภาพนำ้�ขงั จะช่วยยกระดับพีเอชให้สูงขึ้น ปริมาณหินปูนบดละเอียดท่ีแนะนำ�ให้ใชใ้ นการแก้ไขความเป็นกรดของดิน เพ่ือยกระดบั pH ให้เทา่ กบั 7 หินปนู บดละเอียด (กิโลกรัมตอ่ ไร่) คา่ pH เดิม ดินทราย ดินร่วน ดนิ รว่ น ดินเหนียว/ ปนทราย ร่วนเหนยี ว 5.0 200 400 4.5 700 300 1,000 500 4.0 1,100 800 1,800 1,100 3.5 1,600 1,300 2,500 2,100 2,000 3,000 หมายเหตุ : ปูนที่ใช้แก้ความเป็นกรดมีหลายชนิด ถ้าไม่ใช้หินปูนบดละเอียด ใหใ้ ช้ค่าตอ่ ไปนีใ้ นการค�ำ นวณปริมาณปูนชนดิ อนื่ ทตี่ ้องการนำ�มาใชแ้ ทน 1. ปนู ขาว = ตัวเลขในตาราง x 0.74 กโิ ลกรมั ต่อไร่ 2. หนิ ปูนเผา หรอื เปลือกหอยเผา = ตวั เลขในตาราง x 0.56 กโิ ลกรัมตอ่ ไร่ 3. ปนู โดโลไมท ์ = ตัวเลขในตาราง x 0.92 กิโลกรมั ต่อไร่ 4. ปูนมารล์ = ตัวเลขในตาราง x 1.25 กิโลกรัมต่อไร่ การจดั การดินและปยุ๋ อย่างมีประสทิ ธภิ าพ 7

การเก็บตัวอยา่ งดินเพอ่ื การตรวจวเิ คราะห์ 1. หลักส�ำ คัญ คอื 1.1 ควรเก็บหลังจากเก็บเก่ียวผลผลิตแล้ว หรือก่อนเตรียมดิน ปลกู พชื ส�ำ หรบั พชื อายสุ ัน้ 1.2 พ้ืนทเี่ ก็บตวั อย่างดินไมค่ วรเปียกแฉะหรือมีน้�ำ ทว่ มขัง 1.3 ไม่เก็บตัวอย่างดินบริเวณที่เคยเป็นคอกสัตว์ หรือบริเวณ ท่มี ีป๋ยุ ตกคา้ ง 1.4 อุปกรณ์ท่ีใช้เก็บตัวอย่างดินต้องสะอาด ไม่เป้ือนดินอ่ืน ปยุ๋ สารป้องกนั กำ�จัดศตั รูพืช หรอื สารเคมีอ่นื ๆ 1.5 ต้องบันทึกรายละเอียดเก่ียวกับตัวอย่างดินของแต่ละ ตัวอย่างให้มากท่ีสุด เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการให้คำ�แนะนำ�การจัดการดินและปุ๋ย ให้ถูกต้องที่สดุ 2. วธิ ีเกบ็ ตัวอยา่ งดนิ การเก็บตัวอย่างดินไม่ ควรเก็บขณะที่ดินแฉะหรือมีความชื้น มากเกินไป 2.1 ถางหญา้ ก วาดเศษพชื ออกจากบริเวณท่ีจะเก็บ แต่อย่าแซะหน้า ดินออก 2.2 เกบ็ ตวั อยา่ งดิน - พืชท่วั ไป เก็บกระจายให้ท่วั แปลงในแนวทแยงประมาณ 20-25 จุด ในพน้ื ที่ไม่เกิน 25 ไร่ - ไมผ้ ลไมย้ นื ตน้ เกบ็ ในรศั มี ทรงพมุ่ ตน้ ละ 4 จดุ จ�ำ นวนตน้ ท่เี ก็บประมาณรอ้ ยละ 10-15 ของจำ�นวนตน้ ในแปลง 8 กรมสง่ เสริมการเกษตร

2.3 แต่ละจุดขุดดินเป็นหลุม รูป V หรือรูปคมขวาน ความลึกถึงกน้ หลุม 1) ข้าว 10 เซนติเมตร 2) พชื ไร่ 15-20 เซนตเิ มตร 3) ไม้ผล ไม้ยืนต้น 30 เซนติเมตร (ต้นเล็ก 15 เซนตเิ มตร) 2.4 แซะดินด้านหนึ่งของหลุม ต้งั แต่ผิวดินถึงก้นหลุม ให้เป็นแผ่นหนา 2-3 เซนตเิ มตร น�ำ มาแบง่ ออกเปน็ 3 สว่ นเทา่ ๆ กนั ตามแนวดง่ิ ใชเ้ ฉพาะสว่ นตรงกลางเปน็ ตวั แทน ของดิน 1 จดุ ใส่รวมกนั ในกระป๋องพลาสติก 2.5 เทดนิ ในกระปอ๋ งลงบนผา้ พลาสตกิ คลกุ เคลา้ ใหเ้ ขา้ กนั ถา้ ดนิ เปยี ก ตากในท่รี ม่ ให้แหง้ ห้ามตากแดด 2.6 ย่อยดินเป็นก้อนเล็ก ๆ กองดินเป็นรูปฝาชี แบ่งดินเป็น 4 ส่วน เก็บดินไว้ส่วนเดียว ทำ�ซ้ำ�จนได้ดิน 1 ส่วน หนักประมาณ 0.5-1 กิโลกรัม 2.7 บดดนิ ใหล้ ะเอยี ดโดยอาจ ใช้ขวดแก้วที่สะอาด แล้วเก็บใส่ถุงพลาสติก เขียนรายละเอียดของดินที่เก็บ เพื่อนำ�ไปตรวจวเิ คราะห์ จอบ พลั่ว เสยี ม ชนิดทอ่ ชนิดสวา่ น การจดั การดนิ และปยุ๋ อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ 9

การตรวจวิเคราะห์ดนิ หากต้องการได้ผลวิเคราะห์ดินอย่างละเอียดพร้อมคำ�แนะนำ� การจัดการดินและการใช้ปุ๋ย ให้นำ�ตัวอย่างดินส่งวิเคราะห์ท่ีห้องปฏิบัติการของ กรมวิชาการเกษตร หรือกรมพัฒนาท่ีดิน ท้ังในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ซึ่ง ส่วนใหญ่ให้บริการแก่เกษตรกรโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย หรือสถาบันการศึกษา เช่น ภาควิชาปฐพีวิทยา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มีค่าบริการตรวจวิเคราะห์ดิน) เป็นต้น หากไม่สะดวกส่งวิเคราะห์ท่ีห้องปฏิบัติการ สามารถใช้ชุดตรวจสอบ N-P-K และ pH ในดินแบบรวดเร็ว (KU Soil Test Kit) ซ่ึงเกษตรกรสามารถ วิเคราะห์เองได้ และทราบผลวิเคราะห์เบื้องต้นว่ามี N-P-K สูง ปานกลาง ตำ่� อย่างไรได้ภายใน 30 นาที 10 กรมสง่ เสริมการเกษตร

ธาตุอาหารทจี่ �ำ เปน็ ส�ำ หรบั พืช พืชมีความต้องการธาตุอาหารต่าง ๆ เพื่อใช้ในการเจริญเติบโต ซึ่งธาตุอาหารท่ีจำ�เป็นต่อการเจริญเติบโตของพืชมีอยู่ด้วยกัน 16 ธาตุ ได้จากนำ้� และอากาศ 3 ธาตุ ไดแ้ ก่ คารบ์ อน ไฮโดรเจน และออกซเิ จน และไดจ้ ากดนิ 13 ธาตุ หากขาดธาตหุ นง่ึ ธาตใุ ด พชื จะแสดงอาการขาดธาตอุ าหารนน้ั โดยแบง่ ตามปรมิ าณ ความตอ้ งการของพชื ได้ ดังน้ี ธาตุอาหารหลัก 3 ธาตุ เป็นธาตุท่ีมีความสำ�คัญต่อการเจริญ เติบโตของพืชและพืชต้องการในปริมาณมาก แต่ในดินมักจะขาดธาตุอาหารหลัก จงึ ต้องเพิ่มเติมใหใ้ นรปู ของปุย๋ ไดแ้ ก่ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซยี ม ธาตุอาหารรอง 3 ธาตุ เป็นธาตุท่ีมีความสำ�คัญต่อการเจริญ เตบิ โตของพืชและพชื ต้องการในปรมิ าณมาก แต่น้อยกวา่ ธาตุหลัก ได้แก่ แคลเซยี ม กำ�มะถนั และแมกนเี ซยี ม ธาตุอาหารเสริม 7 ธาตุ เป็นธาตุ ทพี่ ชื ตอ้ งการในปรมิ าณน้อย แต่พืชจะขาดธาตุ เหล่าน้ีไม่ได้ ได้แก่ ทองแดง โบรอน สังกะสี เหลก็ แมงกานสี โมลบิ ดินัม และคลอรนี การจัดการดนิ และป๋ยุ อย่างมีประสิทธภิ าพ 11

หนา้ ทแ่ี ละความส�ำ คญั ของธาตอุ าหารพชื และอาการขาดธาตอุ าหารพชื ธาตุอาหารพชื หน้าทแี่ ละความส�ำ คัญตอ่ พืช อาการขาดธาตุอาหารพืช ใบเหลอื ง ใบมขี นาดเล็กลง ธาตอุ าหารหลกั ล�ำ ตน้ แคระแกร็น ใหผ้ ลผลติ ต่ำ� 1. ไนโตรเจน เปน็ ส่วนประกอบของโปรตนี (N) ช่วยใหพ้ ชื มสี ีเขียว เร่งการเจรญิ เตบิ โตทางล�ำ ต้น และใบ 2. ฟอสฟอรสั เรง่ การเจริญเติบโตและ ระบบรากจะไมเ่ จริญเตบิ โต (P) การแพร่กระจายของราก ใบแก่จะเปล่ียนจากสเี ขยี ว ควบคุมการออกดอก เปน็ สีมว่ ง แลว้ กลายเปน็ ออกผลและการสรา้ งเมล็ด สนี ้�ำ ตาลและหลุดร่วง ล�ำ ตน้ แกร็นไมผ่ ลดิ อกออกผล 3. โพแทสเซียม ชว่ ยในการสังเคราะห์น้ำ�ตาล พืชจะไม่แขง็ แรง ลำ�ต้น (K) แป้ง และโปรตนี อ่อนแอ สง่ เสรมิ การเคลอ่ื นยา้ ยน�ำ้ ตาล ผลผลิตมคี ุณภาพต�ำ่ สไี ม่สวย จากใบไปส่ผู ล รสชาติไมด่ ี ชว่ ยในการออกดอกและ สรา้ งเมลด็ ท�ำ ใหผ้ ลโตเรว็ และมคี ณุ ภาพดี ชว่ ยใหพ้ ชื แข็งแรง ตา้ นทาน ต่อโรคและแมลงบางชนิด 12 กรมสง่ เสริมการเกษตร

ธาตอุ าหารพืช หน้าท่ีและความสำ�คญั ต่อพืช อาการขาดธาตอุ าหารพืช ธาตอุ าหารรอง พบมากในบรเิ วณยอดและ ปลายราก ยอดอ่อนจะแห้ง 4. แคลเซยี ม ช่วยสง่ เสรมิ การน�ำ ธาตุ ตาย (Ca) ไนโตรเจนจากดนิ มาใช้ ใบทีเ่ จรญิ ใหม่จะหงกิ งอ ใหเ้ ปน็ ประโยชน ์ รากสนั้ ในระยะออกดอกและระยะ ผลแตก ทสี่ รา้ งเมล็ดพชื จะมคี วาม คณุ ภาพไมด่ ี จำ�เปน็ มาก เพราะธาตุ แคลเซียมจะมีสว่ นในการ เคลอ่ื นย้ายและเก็บรักษา คารโ์ บไฮเดรตและโปรตีน ในพืช เพ่อื นำ�ไปใช้ในการ สร้างผลและเมล็ดตอ่ ไป 5. กำ�มะถนั เปน็ องค์ประกอบของกรด ใบบนและใบลา่ งจะมีสีเหลอื ง (S) อะมิโน โปรตีนและวิตามนิ ซดี มีผลตอ่ การสรา้ งสีเขียว ล�ำ ต้นอ่อนแอ ของใบพืช 6. แมกนีเซียม เปน็ องคป์ ระกอบของคลอโรฟลิ ล์ ใบพืชจะเหลอื งซีด ยกเว้น (Mg) มบี ทบาทส�ำ คญั ในการสร้าง เสน้ ใบยังเขียวอยู่ อาหารและโปรตีนพชื ถา้ หากอาการขาดรนุ แรง ใบแกจ่ ะมีอาการมากกว่า ใบอ่อน การจัดการดนิ และปุ๋ยอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ 13

ธาตุอาหารพชื หนา้ ทีแ่ ละความสำ�คัญตอ่ พืช อาการขาดธาตอุ าหารพชื ธาตอุ าหารเสริม 7. ทองแดง ชว่ ยในการสงั เคราะหค์ ลอโรฟลิ ล์ ใบพชื จะมสี ีเขยี วจัดผิดปกติ (Cu) การหายใจ การใช้โปรตนี แลว้ ตอ่ มาจะคอ่ ย ๆ เหลอื งลง และแปง้ โดยแสดงอาการจากยอดลงมา กระตนุ้ การท�ำ งานของเอนไซม์ ถึงโคน บางชนดิ ตายอดจะชะงักการเจรญิ เติบโตและกลายเปน็ สีดำ� ใบอ่อนเหลือง พชื ท้งั ตน้ จะชะงักการเจรญิ เติบโต 8. โบรอน ชว่ ยใหพ้ ชื ดดู ธาตแุ คลเซียมและ สว่ นท่ียอดและตายอด (B) ไนโตรเจนไปใช้รว่ มกนั อย่างมี จะบิดงอ ใบอ่อนบางและ ประสิทธิภาพมากขึน้ โปร่งใสผิดปกติ เสน้ กลางใบ 9. สังกะสี ชว่ ยให้พืชใช้ธาตโุ พแทสเซียม หนากรา้ นและตกกระ (Zn) ไดม้ ากขึ้น มีบทบาทในการ มีสารเหนียว ๆ ออกมาตาม สังเคราะหแ์ สง การยอ่ ยโปรตนี เปลือกของลำ�ต้น กงิ่ ก้าน คารโ์ บไฮเดรต และเพม่ิ คณุ ภาพ แลดเู ห่ียว ทงั้ รสชาติ ขนาด และนำ�้ หนกั ผลเล็ก และแข็งผดิ ปกติ ของผล มีเปลือกหนา บางทผี ลแตก ควบคมุ การดูดและคายน้ำ� เป็นแผลได้ ของพืช เปน็ องค์ประกอบจำ�เปน็ ใบออ่ นจะมีสเี หลอื งซดี และ ในออกซิน และฮอร์โมนพชื ปรากฏสีขาว ๆ ประปราย ชว่ ยในการสังเคราะหฮ์ อรโ์ มน ตามแผน่ ใบ โดยเสน้ ใบยงั เขยี ว IAA จ�ำ เปน็ ตอ่ การสงั เคราะห์ รากสัน้ ไม่เจรญิ ตามปกติ คลอโรฟลิ ล์ และเมล็ดพชื 14 กรมสง่ เสริมการเกษตร

ธาตอุ าหารพืช หน้าทแี่ ละความสำ�คัญตอ่ พืช อาการขาดธาตอุ าหารพืช ธาตอุ าหารเสรมิ (ต่อ) 10. เหล็ก ชว่ ยในการสงั เคราะหค์ ลอโรฟลิ ล์ ใบออ่ นจะมสี ขี าวซดี (Fe) มบี ทบาทส�ำ คญั ในการ ในขณะทีใ่ บแก่ยังเขยี วสด สังเคราะห์แสง และหายใจ 11. แมงกานีส ชว่ ยในการสงั เคราะหแ์ สง ใบออ่ นจะมีสีเหลืองในขณะ (Mn) และการทำ�งานของเอนไซม์ ที่เสน้ ใบยังเขยี ว ตอ่ มาใบทม่ี ี บางชนดิ อาการดังกล่าวจะเหีย่ ว แลว้ รว่ งหล่น 12. โมลบิ ดนิ มั ชว่ ยใหพ้ ชื ใชไ้ นโตรเจนให้เป็น พืชจะมีอาการคลา้ ยขาด (Mo) ประโยชน์และเก่ียวขอ้ งกับ ไนโตรเจน ใบมีลักษณะโคง้ การสงั เคราะหโ์ ปรตนี คลา้ ยถว้ ย ปรากฏจุดเหลือง ๆ ตามแผน่ ใบ 13. คลอรีน มบี ทบาทบางประการ พืชเห่ียวง่าย (Cl) เกี่ยวกบั ฮอรโ์ มนในพืช ใบสีซีด และบางสว่ นแหง้ ตาย และมคี วามสำ�คญั ตอ่ กระบวนการสังเคราะหแ์ สง การจัดการดนิ และปุ๋ยอยา่ งมีประสิทธภิ าพ 15

ป๋ยุ และการใช้ป๋ยุ ความหมาย ปุ๋ย คือ สารอินทรีย์ อินทรีย์ สังเคราะห์ อนินทรีย์ หรือจุลินทรีย์ ไม่ว่าจะ เกิดขึ้นโดยธรรมชาติหรือทำ�ข้ึนก็ตาม สำ�หรับ ใช้เป็นธาตุอาหารพืชได้ไม่ว่าโดยวิธีใด หรือ ทำ�ให้เกิดการเปล่ียนแปลงทางเคมี กายภาพ หรอื ชีวภาพในดิน เพื่อบ�ำ รงุ ความเติบโตแกพ่ ืช ประเภทของปยุ๋ ปยุ๋ แบ่งเป็น 3 ประเภท คอื ปุย๋ อนิ ทรยี ์ ปยุ๋ เคมี และป๋ยุ ชวี ภาพ 1. ปุ๋ยอินทรีย์ คือ ปุ๋ยที่ได้หรือทำ�มาจากวัสดุอินทรีย์ ซึ่งผลิต ด้วยกรรมวธิ ที �ำ ใหช้ น้ื สบั หมกั บด ร่อน สกัด หรอื ดว้ ยวธิ ีการอน่ื และวสั ดอุ ินทรยี ์ ถูกย่อยสลายสมบูรณ์ด้วยจุลินทรีย์ ช่วยปรับปรุงสมบัติทางกายภาพ เคมี และ ชวี ภาพของดนิ ปุ๋ยอินทรีย์มีปริมาณธาตุอาหารน้อยเม่ือเปรียบเทียบกับปุ๋ยเคมี และธาตุอาหารพืชส่วนใหญ่อยู่ในรูปของสารประกอบอินทรีย์ พืชไม่สามารถ ดูดไปใช้ประโยชน์ได้ทันที ต้องผ่านกระบวนการย่อยสลายโดยจุลินทรีย์ในดินก่อน แล้วจึงปลดปลอ่ ยธาตุอาหารออกมาในรูปไอออนเชน่ เดยี วกับปุ๋ยเคมี พชื จงึ ดูดไปใช้ ประโยชนไ์ ด้ ปยุ๋ อนิ ทรีย์ มี 3 ประเภท ได้แก่ 16 กรมส่งเสริมการเกษตร

1.1 ปุ๋ยคอก เป็นปุ๋ยอินทรีย์ ทไ่ี ด้มาจากสง่ิ ขบั ถ่ายของสตั ว์ เชน่ โค กระบือ สุกร เปด็ ไก่ ห่าน เป็นตน้ โดยนำ�ไปหมักให้เกดิ การยอ่ ยสลายกอ่ นแลว้ ค่อยนำ�ไปใช้ 1.2 ปุ๋ยหมัก เป็นปุ๋ยอินทรีย์ ซึ่งได้จากการนำ�ชิ้นส่วนของพืชวัสดุเหลือใช้ ทางการเกษตร หรือวัสดุเหลือใช้จากโรงงาน อุตสาหกรรม เช่น หญ้าแห้ง ใบไม้ ฟางข้าว ซังข้าวโพด กากอ้อยจากโรงงาน น้ำ�ตาล แกลบจากโรงสีข้าว ขี้เล่ือยจากโรงงาน แปรรูปไม้ เป็นต้น มาหมักในรูปของการกอง ซ้อนกันบนพื้นดิน หรือในหลุม เพื่อให้ผ่าน กระบวนการย่อยสลายให้เน่าเป่ือย โดยอาศัย กิจกรรมของจลุ ินทรยี ด์ ิน 1.3 ปุ๋ยพืชสด เป็นปุ๋ยอินทรีย์ซึ่งได้จากการไถกลบต้น ใบ ดอก และส่วนต่าง ๆ ของพืช โดยเฉพาะพืชตระกูลถ่ัวไถกลบในระยะช่วงออกดอก จนถึงดอกบานเต็มที่ ซึ่งเป็นช่วงท่ีมีธาตุไนโตรเจนในลำ�ต้นสูงสุด แล้วปล่อยไว้ ให้เน่าเปื่อยผุพัง ย่อยสลายเป็นอาหารแก่พืช ท่ีจะปลูกตามมา พืชตระกูลถั่วที่ใช้เป็น ปุ๋ยพืชสด เช่น ถั่วพุ่ม ถ่ัวเขียว ถ่ัวพร้า ถ่ัวมะแฮะ ปอเทือง โสนอัฟริกัน เป็นต้น ปุ๋ยพืชสดนอกจากจะให้ธาตุไนโตรเจน ซึ่งเป็น ธาตุอาหารหลกั แกพ่ ชื แลว้ ยังใหธ้ าตอุ าหารอ่นื ๆ ท่ีจำ�เปน็ แกพ่ ชื ดว้ ย การจัดการดนิ และปยุ๋ อย่างมีประสทิ ธภิ าพ 17

2. ปุ๋ยเคมี คือ ปุ๋ยที่ได้จากสาร อนนิ ทรยี ห์ รอื อนิ ทรยี ส์ งั เคราะห์ รวมถงึ ปยุ๋ เชงิ เดย่ี ว ปุ๋ยเชิงผสม ปุ๋ยเชิงประกอบ และป๋ยุ อินทรีย์เคมี แต่ไม่รวมถึงสารปรับปรุงดินต่าง ๆ เช่น ปูนขาว ด นิ มารล์ โดโลไมท์ ยิปซัม แมป่ ยุ๋ คอื ปยุ๋ เคมที ม่ี ธี าตอุ าหาร คือ ไนโตรเจน (N) หรือฟอสฟอรัส (P) หรือ โพแทสเซียม (K) เป็นองค์ประกอบอยู่หนึ่งหรือ สองธาตุมีความเข้มข้นสูง นำ�มาใช้ได้โดยตรงหรือ ใชผ้ สมเปน็ ป๋ยุ สูตรต่าง ๆ ทนี่ ิยมใช้ ได้แก่ 1) แมป่ ยุ๋ N ยูเรยี (46-0-0) 2) แมป่ ๋ยุ P ไดเเอมโมเนียมฟอสเฟต (18-46-0) 3) แมป่ ุย๋ K โพแทสเซยี มคลอไรด์ (0-0-60) 3. ปยุ๋ ชวี ภาพ คือ ปยุ๋ ท่ีได้จากการ นำ�จุลินทรีย์ที่มีชีวิตที่สามารถสร้างธาตุอาหาร หรือช่วยให้ธาตุอาหารเป็นประโยชน์กับพืช มาใช้ในการปรับปรุงบำ�รุงดินทางชีวภาพ ทางกายภาพ หรอื ทางชวี เคมี และหมายรวมถงึ หวั เช้อื จุลินทรยี ์ 18 กรมสง่ เสริมการเกษตร

ปยุ๋ ชีวภาพแบง่ ออกเปน็ 2 ประเภท คอื 3.1 กลุ่มจุลินทรีย์ท่ีสามารถสังเคราะห์ สารประกอบอาหารพืชไนโตรเจนได้เอง ได้แก่ ไรโซเบียมที่อยู่ในปมรากพืชตระกูลถ่ัว สาหร่าย สีเขียวแกมน้ำ�เงินท่ีอยู่ในโพรงใบของแหนแดง และยังมีจุลินทรีย์ท่ีอาศัยอยู่ในดินอย่างอิสระ อีกมาก ที่สามารถตรึงไนโตรเจนจากอากาศ ให้แกพ่ ืชไดเ้ ชน่ กัน 3.2 กลุ่มจุลินทรีย์ท่ีช่วยทำ�ให้ธาตุอาหารพืชในดิน ละลายออกมา เป็นประโยชน์ต่อพืชมากข้ึน เช่น พีจีพีอาร์ ที่ช่วยให้ฟอสฟอรัสท่ีถูกตรึงอยู่ ในดินละลายออกมาอยู่ในรูปทพ่ี ืชดูดไปใชป้ ระโยชน์ได้ สตู รป๋ยุ ตัวเลขท่ีปรากฏบนกระสอบปุ๋ย เรียกว่า สูตรปุ๋ย คือตัวแทนของ ธาตุอาหารหลักโดยเรียงลำ�ดับ ไนโตรเจน-ฟอสฟอรัส-โพแทสเซียม (N-P-K) มีความหมายว่าปุ๋ยน้ำ�หนัก 100 กิโลกรัม มีไนโตรเจน-ฟอสฟอรัส-โพแทสเซียม อยา่ งละก่ีกโิ ลกรัม ตวั อยา่ ง ปุ๋ยสูตร 15-7-18 หมายความวา่ ปุ๋ยน�้ำ หนัก 100 กิโลกรมั (2 กระสอบ กระสอบละ 50 กโิ ลกรมั ) ประกอบด้วย 1. ธาตไุ นโตรเจนทัง้ หมด (N) น้�ำ หนัก 15 กโิ ลกรัม 2. ธาตุฟอสฟอรัสในรปู ทเี่ ปน็ ประโยชน์ (P2 O5) น�ำ้ หนัก 7 กโิ ลกรัม 3. ธาตุโพแทสเซียมในรูปที่ละลายนำ้� (K2O) น้ำ�หนัก 18 กิโลกรัม รวมเป็นธาตุอาหารท้ังหมด 40 กิโลกรัม ในปุ๋ยน้ำ�หนัก 100 กิโลกรัม ท่ีเหลือ 60 กิโลกรัม เป็นสารตัวเติม เช่น ดินขาว โดโลไมท์ ยิปซ่ัม เป็นต้น ซ่ึงไม่ได้ ให้ธาตุอาหารพืชโดยตรง ใส่เพื่อให้นำ้�หนักครบ 100 กิโลกรัม ตามท่ีกำ�หนด ในพระราชบัญญตั ิป๋ยุ สว่ นแมป่ ุ๋ยไม่มสี ารตวั เตมิ แต่เป็นองค์ประกอบทางเคมี การจัดการดินและปุย๋ อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ 19

เรโชของปุ๋ย เรโชของปุ๋ย คือ สัดส่วนเปรียบเทียบกันระหว่างธาตุ อาหารไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ในสูตรปุ๋ย เรโชปุ๋ยจะบอกเป็นตัวเลขลงตัวน้อย ๆ ระหว่างไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรัส (P2 O5 ) และโพแทสเซียม (K2O) ของสูตรปุ๋ยนั้น ๆ เช่น สตู ร 16-16-8 มเี รโช คอื 2 : 2 : 1 (ไดจ้ ากการหาร ตลอดด้วยตัวเลขที่น้อยสุดซ่ึงก็คือ 8) สูตร 20-10-5 มีเรโช คือ 4 : 2 : 1 (ได้จากการหารตลอดด้วย 5) เปน็ ต้น โดยปยุ๋ ทมี่ ีเรโชเดียวกนั สามารถใช้แทนกันได้ แต่ใช้ในปรมิ าณท่ีแตกต่างกัน เนือ่ งจากมีความเข้มข้นของธาตอุ าหารต่างกนั ก ารเลือกซ้อื ปยุ๋ ให้ค้มุ ค่า เกษตรกรโดยท่ัวไปมักตัดสินใจในการเลือกซื้อปุ๋ยโดยมักพิจารณา จากราคาต่อกระสอบเป็นหลกั กระสอบใดราคาถูกกว่าก็มกั เลอื กซอ้ื ป๋ยุ กระสอบน้ัน วิธีการน้ีเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้อง การเลือกซื้อปุ๋ยที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่า จะต้อง ได้ธาตุอาหารพืชคุ้มค่ากับเงินท่ีจ่าย ให้ใช้วิธีการคำ�นวณเปรียบเทียบราคาของปุ๋ย ตอ่ น้�ำ หนกั ธาตุอาหารพืช 1 หน่วย (กก.) ตัวอย่างเช่น 1. การเปรียบเทียบราคาปุ๋ยสตู ร 46-0-0 และปยุ๋ สูตร 21-0-0 (1) สูตร 46-0-0 ราคาตันละ 13,400 บาท (2) สตู ร 21-0-0 ราคาตันละ 8,000 บาท วิธีค�ำ นวณ (1) สตู ร 46-0-0 หมายความวา่ ปุ๋ย 1,000 กก. มีไนโตรเจน 460 กก. ราคา = 13,400 บาท เพราะฉะนนั้ ไนโตรเจน 1 กก. ราคา = 13,400/460 = 29.13 บาท 20 กรมสง่ เสรมิ การเกษตร

(2) สูตร 21-0-0 หมายความว่า ปยุ๋ 1,000 กก. มไี นโตรเจน 210 กก. ราคา = 8,000 บาท เพราะฉะน้ัน ไนโตรเจน 1 กก. ราคา = 8,000/210 = 38.10 บาท ดังน้นั สตู ร 46-0-0 มรี าคาถกู กวา่ สตู ร 21-0-0 2. การเปรยี บเทยี บราคาปยุ๋ สตู ร 15-15-15 และปยุ๋ สตู ร 16-16-16 (1) สตู ร 15-15-15 ราคาตนั ละ 12,000 บาท (2) สูตร 16-16-16 ราคาตนั ละ 12,000 บาท วธิ คี �ำ นวณ (1) สูตร 15-15-15 หมายความวา่ ปยุ๋ 1,000 กก. มีธาตุอาหารพชื N-P-K (150+150+150) = 450 กก. ราคา = 12,000 บาท เพราะฉะนั้น ธาตอุ าหารพืช 1 กก. ราคา = 12,000/450 = 26.67 บาท (2) สตู ร 16-16-16 หมายความวา่ ปยุ๋ 1,000 กก. มีธาตุอาหารพชื N-P-K (160+160+160) = 480 กก. ราคา = 12,000 บาท เพราะฉะนั้น ธาตอุ าหารพืช 1 กก. ราคา = 12,000/480 = 25.00 บาท ดังนั้น สูตร 16-16-16 มีราคาถกู กว่าสตู ร 15-15-15 ตัวอยา่ งการผสมแมป่ ุย๋ เพอ่ื ให้ไดป้ ุ๋ยผสมตามสูตรทตี่ อ้ งการ ถา้ ต้องการปยุ๋ สูตร 25-7-7 น้�ำ หนัก 100 กิโลกรัม ต้องใช้แม่ปุ๋ย ยูเรยี (46-0-0) แม่ปุย๋ ไดแอมโมเนยี มฟอสเฟต (18-46-0) และแมป่ ุ๋ยโพแเทสเซยี ม คลอไรด์ (0-0-60) ปรมิ าณอย่างละเท่าไร การคำ�นวณทำ�ได้ ดังน้ี การจัดการดินและป๋ยุ อย่างมีประสทิ ธิภาพ 21

1. ให้คำ�นวณแม่ปุ๋ยไดแอมโมเนียมฟอสเฟต (18-46-0) ก่อน เพราะมธี าตุ N ตดิ มาดว้ ย จากสตู ร 18-46-0 ฟอสฟอรสั (P) 46 กโิ ลกรมั ตอ้ งใช้ แม่ปุ๋ยไดแอมโมเนียมฟอสเฟต 100 กิโลกรัม ดังน้ัน ถ้าต้องการฟอสฟอรัส (P) 7 กิโลกรัม ต้องใช้แม่ปุ๋ยไดแอมโมเนียมฟอสเฟต = (100 x 7)/46 เพราะฉะน้ัน ตอ้ งใช้แมป่ ยุ๋ ไดแอมโมเนียมฟอสเฟต (18-46-0) ~ 16 กโิ ลกรัม 2. แม่ปุ๋ยไดแอมโมเนียมฟอสเฟต (18-46-0) จะมีธาตุ N อยู่ด้วย คือ แม่ปุ๋ยไดแอมโมเนียมฟอสเฟต 100 กิโลกรัม มีธาตุ N 18 กิโลกรัม ดังน้ัน แม่ปุ๋ยไดแอมโมเนยี มฟอสเฟต 16 กิโลกรัม มธี าตุ N = (18 x 16)/100 กโิ ลกรมั = 2.9 กโิ ลกรมั แต่ N ทีต่ อ้ งการ คือ 25 กิโลกรมั จงึ ยงั ขาด N อกี 22.1 กิโลกรมั 3. คำ�นวณแม่ปุ๋ยยูเรีย (46-0-0) ที่ต้องใช้ โดยจากสูตร 46-0-0 ไนโตรเจน (N) 46 กิโลกรัม ต้องใช้แม่ปุ๋ยยูเรีย 100 กิโลกรัม ดังน้ัน ถ้าต้องการ ไนโตรเจน (N) 22.1 กิโลกรมั ต้องใช้แมป่ ุ๋ยยูเรยี = (100 x 22.1)/46 เพราะฉะนน้ั ตอ้ งใช้แมป่ ุ๋ยยูเรีย (46-0-0) ~ 48 กิโลกรมั 4. คำ�นวณแม่ปุ๋ยโพแทสเซียมคลอไรด์ (0-0-60) ท่ีต้องใช้ โดยจาก สูตร 0-0-60 โพแทสเซียม (K) 60 กิโลกรัม ต้องใช้แม่ปุ๋ยโพแทสเซียมคลอไรด์ 100 กิโลกรัม ดังน้ัน ถ้าต้องการโพแทสเซียม (K) 7 กิโลกรัม ต้องใช้แม่ปุ๋ย โพแทสเซียมคลอไรด์ = (100 x 7)/60 เพราะฉะนั้น ต้องใช้แม่ปุ๋ยโพแทสเซียม คลอไรด ์ (0-0-60) ~ 12 กิโลกรัม สรุป ถา้ ตอ้ งการปุ๋ยสตู ร 25-7-7 น�ำ้ หนัก 100 กโิ ลกรัม ต้องใช้ (1) แมป่ ุ๋ยยเู รยี (46-0-0) จำ�นวน 48 กโิ ลกรัม (2) แมป่ ยุ๋ ไดแอมโมเนยี มฟอสเฟต (18-46-0) จ�ำ นวน 16 กโิ ลกรมั (3) แมป่ ยุ๋ โพแทสเซียมคลอไรด์ (0-0-60) จำ�นวน 12 กโิ ลกรมั (4) สารตวั เตมิ จ�ำ นวน 24 กโิ ลกรมั (ไมจ่ �ำ เปน็ ตอ้ งใสส่ ารตวั เตมิ ) หมายเหตุ การคำ�นวณปริมาณปุ๋ย กรณีมีเศษทศนิยมให้ปัดเป็น จำ�นวนเตม็ 22 กรมส่งเสริมการเกษตร

ตวั อยา่ งการผสมแม่ปุ๋ยเพ่อื ให้ได้ปุ๋ยผสมตามสตู รท่ีต้องการ จ�ำ นวนนำ�้ หนักแมป่ ุ๋ยเคมที ี่ต้องใชผ้ สม (กก.) ที่ ปุย๋ สูตรท่ตี ้องการ ยเู รีย ไดแอมโมเนียม โพแเทสเซียม สารตวั เตมิ (น�ำ้ หนัก 100 กก.) (46-0-0) ฟอสเฟต คลอไรด์ (กก.) (18-46-0) (0-0-60) 1 25-7-7 48 16 12 24 2 15-15-15 20 33 25 22 3 13-13-21 17 29 35 19 4 16-11-14 26 24 23 27 5 16-20-0 18 44 - 38 หมายเหตุ ผสมใช้เองไมจ่ ำ�เปน็ ต้องเติมสารตัวเตมิ (filler) การใชป้ ุย๋ อย่างมีประสทิ ธภิ าพ การใชป้ ุ๋ยเคมีให้มีประสทิ ธภิ าพ มีหลกั เกณฑใ์ นการใส่ปยุ๋ ดังนี้ 1. ใช้ปุ๋ยให้ถูกสูตร ถูกอัตรา โดยการวิเคราะห์ดินก่อนการปลูกพืช หรือก่อนการใส่ปุ๋ย เพ่ือทราบความอุดมสมบูรณ์ของดิน ณ ขณะน้ัน และใช้ปุ๋ย ตามค่าวิเคราะห์ดินหรือปุ๋ยสั่งตัดซ่ึงเป็นการใช้ปุ๋ยเท่าที่จำ�เป็น (พอดี) กับ ความตอ้ งการของพืช ถกู ชนิด และถูกอตั รา ลดผลกระทบจากการใชป้ ๋ยุ ไมถ่ ูกตอ้ ง 1.1 การใช้ปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ดิน เป็นการนำ�เฉพาะ ผลวิเคราะห์ N-P-K ในดินท่ีเป็นปัจจุบัน มาตรวจสอบหาคำ�แนะนำ�การใช้ปุ๋ย ทส่ี อดคลอ้ งกับผลวิเคราะห์ดิน 1.2 การใช้ปุ๋ยสั่งตัด เป็นการนำ�ข้อมูลชุดดินของพ้ืนที่เพาะปลูก โดยตรวจสอบจากแผนที่ชุดดินระดับตำ�บล มาพิจารณาประกอบร่วมกับผล วิเคราะห์ธาตุอาหาร N-P-K ในดินท่ีเป็นปัจจุบัน เพื่อได้รับคำ�แนะนำ�การใช้ปุ๋ยที่มี ความแม่นยำ�เฉพาะพ้ืนท่ีมากกว่าวิธีการแรก เนื่องจากคำ�แนะนำ�ได้จากโปรแกรม การคำ�นวณทางคณิตศาสตร์ ท่ีนำ�ปัจจัยหลักที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตและ การจัดการดนิ และป๋ยุ อย่างมีประสทิ ธภิ าพ 23

การให้ผลผลิตของพืชได้แก่ พันธ์ุพืช แสงแดด อุณหภูมิ ความช้ืน ปริมาณนำ้�ฝน มารว่ มก�ำ หนดค�ำ แนะน�ำ การใชป้ ยุ๋ ดว้ ย (มคี �ำ แนะน�ำ เฉพาะขา้ ว ขา้ วโพดเลย้ี งสตั ว์ ออ้ ย) 2. ใส่ปุ๋ยให้พืชในขณะที่พืชต้องการ การใส่ปุ๋ยต้องตรงกับช่วงเวลา ที่พืชมีความต้องการธาตอุ าหารนั้น ๆ มากทีส่ ดุ 2.1 พืชท่ีมีอายุส้ัน เช่น พืชไร่และข้าว จะมีความต้องการ ธาตุอาหารทแี่ ตกตา่ งกัน 3 ชว่ ง คอื 1) ช่วงท่ีพืชเริ่มงอก พืชมักจะต้องการธาตุอาหารน้อย เพราะระยะน้ีระบบรากยังนอ้ ย และต้นยงั เลก็ 2) ช่วงที่มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว เป็นระยะท่ีพืช ต้องการธาตุอาหารเป็นจำ�นวนมาก เป็นระยะท่ีเร่งสร้างตาดอก สำ�หรับข้าว จะเปน็ ระยะท่ีก�ำ ลงั แตกกอ 3) ช่วงที่มีการเติบโตเต็มที่แล้วและเป็นระยะสร้างเมล็ด หรือสร้างผล ความต้องการธาตุอาหารในระยะน้ีจะลดลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งฝัก หรอื เมล็ดแก่ 2.2 ไม้ผล ความตอ้ งการปุ๋ยสามารถแบ่งได้เปน็ 3 ช่วง คือ 1) ระยะสรา้ งใบ ระยะน้ีมักอยใู่ นช่วงต้นฤดูฝนหรือช่วงที่ เก็บเก่ียวผลผลิตหมดแล้ว ต้นไม้ต้องการสร้างอาหารสะสมไว้เพื่อการออกดอกและ ใหผ้ ลผลติ ในฤดกู าลตอ่ ไป ป๋ยุ ทใ่ี ห้ควรเปน็ ปยุ๋ ท่มี ีไนโตรเจนสูง เชน่ สูตร 25-10-10 เป็นตน้ 2) ระยะสร้างดอก ระยะนี้มักเป็นช่วงฤดูฝน พืชต้องการ ธาตอุ าหารในการสรา้ งตาและดอกคอ่ นขา้ งสงู ปยุ๋ ทค่ี วรใหจ้ งึ เปน็ ปยุ๋ ทม่ี ฟี อสฟอรสั สงู เช่น สูตร 12-24-12 เปน็ ตน้ 3) ระยะติดผล พืชต้องการโพแทสเซียมสูงขึ้น เพ่ือช่วย ให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ ท้ังด้านรสชาติและการเก็บรักษาหลังเก็บเกี่ยว ปุ๋ยท่ีควร ให้จึงเปน็ ปุ๋ยทีม่ โี พแทสเซียมสงู เชน่ สตู ร 13-13-21 เป็นตน้ 3. ใส่ปุ๋ยให้พืชตรงบริเวณท่ีพืชสามารถนำ�ไปใช้ประโยชน์ได้ง่าย และเร็วท่ีสุด โดยการใส่ปุ๋ยควรใส่ใกล้รากพืชพอสมควร เพ่ือสามารถนำ�ไปใช้ ประโยชน์ได้ทันที แต่ไม่ใกล้จนเป็นอันตรายต่อรากพืช และควรกลบปุ๋ยหลังการใส่ ปยุ๋ ทนั ทีเพื่อลดการสญู เสยี จากการระเหดิ ของปยุ๋ 24 กรมสง่ เสรมิ การเกษตร

การใชป้ ุย๋ ตามค่าวเิ คราะห์ดนิ หรอื ป๋ยุ ส่ังตดั มที างเลือก 2 ทาง 1. ใชป้ ยุ๋ ส�ำ เรจ็ รปู สตู รทใ่ี หธ้ าตอุ าหาร N-P-K ใกล้เคียงกับคำ�แนะนำ�ตามค่าวิเคราะห์ดิน 2. ผสมปุ๋ยใช้เอง โดยนำ�แม่ปุ๋ย เช่น ปุ๋ยสูตร 46-0-0, 18-46-0 และ 0-0-60 มาผสมใช้เอง ผลดี คือ แม่ปุ๋ยมีความเข้มข้นของ ธาตุอาหารสูง ไม่มีสารตัวเติม และปลอมยาก ส า ม า ร ถ นำ � ม า ผ ส ม ใ ห้ ไ ด้ สู ต ร ห ล า ก ห ล า ย ตามความตอ้ งการ เกษตรกรไมต่ อ้ งแบกสารตวั เตมิ ท่ีไม่มีจุดประสงค์ให้ธาตุอาหารโดยตรงท่ีปกติ จะมีอยู่ในปุ๋ยสำ�เร็จรูปลงไปในเรือกสวนไร่นา ช่วยลดตน้ ทุนคา่ สารตวั เติม ลดแรงงาน การใชป้ ุ๋ยถูกต้องชว่ ยลดต้นทนุ การผลิต การใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินและปุ๋ยส่ังตัด ช่วยให้เกษตรกรใช้ปุ๋ยถูกสูตรและถูกอัตรา ทำ�ให้สามารถ ลดตน้ ทนุ การผลติ ทง้ั กรณที ส่ี ามารถลดตน้ ทนุ การใชป้ ยุ๋ เคมี ลงจากที่เคยใช้ในปริมาณมาก หรืออาจต้องใช้ปุ๋ยเคมี เพ่ิมมากข้ึน เน่ืองจากเมื่อก่อนใช้น้อยกว่าท่ีควรจะเป็น แต่เม่ือใช้ปุ๋ยถูกต้องตามค่าวิเคราะห์ดินหรือปุ๋ยสั่งตัด ทำ�ให้ต้องใส่ปุ๋ยเคมีมากขึ้น แต่ผลผลิตที่ได้จะเพ่ิมขึ้น กว่าการใชป้ ยุ๋ แบบเดมิ ท�ำ ใหม้ ีรายไดเ้ พม่ิ ขน้ึ ซ่งึ ถอื ว่าเป็นการ ลดตน้ ทนุ ตอ่ หนว่ ยการผลติ และท�ำ ใหช้ ว่ ยรกั ษาความอดุ มสมบรู ณ์ ไมท่ ำ�ให้ดนิ เสือ่ มโทรม การจัดการดินและปยุ๋ อย่างมีประสิทธิภาพ 25

ศูนยจ์ ดั การดินปยุ๋ ชุมชน (ศดปช.) กรมส่งเสรมิ การเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร ร้อยละ ได้จัดตั้งศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชน 100 (ศดปช.) 882 ศูนย์ ใน 77 จงั หวดั 80 ทบ่ี รหิ ารจดั การโดยเกษตรกร เพอ่ื เปน็ 60 กลไกในการขับเคลื่อนขยายผล เทคโนโลยกี ารใชป้ ยุ๋ ตามคา่ วเิ คราะห์ 40 จำ�นวนเกษตรกรใชป้ ยุ๋ ตามค่าวิเคราะหด์ ิน ดินและปุ๋ยส่ังตัด ไปสู่ชุมชน ศพก. 20 พืน้ ที่ใชป้ ยุ๋ ตามค่าวิเคราะห์ดิน และแปลงใหญ่ เพื่อให้เกษตรกร 0 สามารถลดตน้ ทนุ การผลิต 2558 2559 2560 2561 2562 ปี พ.ศ. ผลการดำ�เนินงาน สมาชิก ศดปช. 17,640 ราย จาก 882 ศูนย์ เป็นตัวอย่าง ในการนำ�เทคโนโลยีการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินและปุ๋ยส่ังตัดไปใช้ โดยมีการยอมรับนำ�ไป ปฏบิ ัตเิ พ่ิมขึน้ ทกุ ปี ปี 2562 สมาชกิ ศดปช. มพี น้ื ทก่ี ารน�ำ เทคโนโลยฯี ไปใชเ้ พม่ิ ขน้ึ เปน็ 222,293 ไร่ ลดตน้ ทุนปุย๋ เคมีไดเ้ ฉลย่ี 24.8% ขณะท่ีผลผลิตเฉลี่ยเพ่ิมข้นึ 11.4% พื้นที่ใชป้ ุย๋ ตามคา่ คา่ ปุ๋ยเฉลีย่ ลดลง 24.8% ผลผลิตเฉล่ียเพิ่มขน้ึ 11.4 % วเิ คราะหด์ นิ (ไร่) ผลผลติ (กก./ไร่) ผลผลิตเพมิ่ ขนึ้ พชื ค่าปุ๋ย (บาท/ไร่) ค่าป๋ยุ ลดลง วธิ ีเกษตรกร วธิ วี เิ คราะหด์ นิ (กก./ไร)่ (%) วธิ ีเกษตรกร วธิ วี เิ คราะหด์ นิ (บาท/ไร)่ (%) ข้าว 159,186 732 534 198 27 643 703 60 9 ขา้ วโพดเลีย้ งสตั ว์ 5,600 1,041 871 170 16 812 918 105 13 ออ้ ย 1,749 1,162 700 462 40 10,321 12,865 2,544 25 มันสำ�ปะหลัง 13,994 1,682 1,402 280 17 4,036 4,507 472 12 ปาล์มนำ�้ มัน 12,507 2,453 2,064 389 16 2,595 3,002 407 16 ยางพารา 13,880 1,614 1,253 361 22 319 391 72 22 พชื ผกั 2,503 2,934 2,277 657 22 1,303 1,403 99 8 ไมผ้ ล 12,874 3,024 2,476 549 18 1,562 1,851 289 19 หมายเหต :ุ 1. ข้อมูลจาก ศดปช. 882 ศนู ย ์ 2. ค่าปุ๋ยเฉล่ยี และผลผลติ เฉลยี่ ค�ำ นวณโดยวธิ ถี ่วงน้ำ�หนกั ดว้ ยพน้ื ทีใ่ ช้ปยุ๋ ตามคา่ วเิ คราะห์ดนิ ทม่ี า : กลมุ่ ส่งเสรมิ การจดั การดินปุย๋ กองส่งเสริมการอารกั ขาพชื และจัดการดินปยุ๋ กรมส่งเสริมการเกษตร 26 กรมสง่ เสรมิ การเกษตร

ขอ้ ดีขอ้ เสียของปุ๋ยอนิ ทรยี ์ ปยุ๋ เคมี และปยุ๋ ชีวภาพ 1. ปุย๋ อนิ ทรีย์ ขอ้ ดี ข้อเสยี ชว่ ยปรบั ปรงุ สมบตั ิทางกายภาพ เคมี มีปริมาณธาตอุ าหารต่อนำ้�หนักปุ๋ยต�ำ่ และชวี ภาพของดนิ ใช้เวลานานในการปลดปล่อยธาตอุ าหาร อยู่ในดินนาน (ค่อย ๆ ปล่อยธาตุอาหาร ท่ีเป็นประโยชนต์ อ่ พืช ใหแ้ ก่พืชอย่างช้า ๆ) ไม่สามารถให้ธาตุอาหารพชื ตรงกับ ช่วยปรบั ความเป็นกรดเป็นดา่ งของดนิ ช่วงเวลาทีพ่ ืชตอ้ งการ ให้เหมาะสม ไม่สะดวกในการน�ำ ไปใช้ เป็นอาหารส่งิ มชี วี ิตที่เป็นประโยชนใ์ นดิน ราคาแพงกว่าป๋ยุ เคมี เมือ่ เทียบตอ่ หน่วย เมอ่ื ใชร้ ่วมกบั ป๋ยุ เคมี จะสง่ เสริมให้ปุ๋ยเคมี ธาตุอาหารพืช เป็นประโยชนแ์ กพ่ ืชมากขึ้น 2. ปยุ๋ เคมี ข้อดี ขอ้ เสยี มีปริมาณธาตุอาหารพชื สงู มาก ปยุ๋ บางชนดิ เม่ือใช้ติดตอ่ กัน (ใชป้ รมิ าณนอ้ ยก็เพียงพอ) เป็นเวลานานทำ�ใหด้ ินเป็นกรด ปลดปล่อยธาตุอาหารใหแ้ ก่พืชได้เร็ว ไม่ได้ช่วยปรบั ปรงุ สมบตั ิทางกายภาพ พืชใช้ประโยชนไ์ ด้ทันที ของดิน เชน่ ความโปรง่ ร่วนซยุ ราคาถกู เม่อื เทียบต่อหน่วยธาตุอาหารพชื มีความเคม็ หาซ้ือไดง้ ่ายและใชส้ ะดวก ผูใ้ ชต้ อ้ งมคี วามรพู้ อสมควร 3. ปยุ๋ ชวี ภาพ ขอ้ ดี ข้อเสีย เปน็ จลุ นิ ทรยี ์ทส่ี ามารถสังเคราะหธ์ าต ุ ใหธ้ าตุอาหารพชื บางชนดิ อาหารท่ีเปน็ ประโยชนใ์ ห้กบั พชื ใช้ได้ในโอกาสจ�ำ กดั เป็นปุ๋ยตน้ ทนุ ต่ำ� เช่น ใช้คลุกเมล็ดพืช เปน็ ต้น ใช้ร่วมกบั ปุย๋ เคมี ชว่ ยลดการใชป้ ุ๋ยเคมี ต้องระวังในการเก็บรักษาเน่อื งจาก ไมท่ ำ�ใหเ้ กิดผลกระทบตอ่ สง่ิ แวดลอ้ ม ประกอบดว้ ยจุลินทรยี ์ท่ีมีชีวติ ใช้ไดเ้ ฉพาะกับพืชบางชนิด การจัดการดินและปยุ๋ อย่างมีประสิทธิภาพ 27

บรรณานกุ รม กองส่งเสรมิ การอารกั ขาพชื และจดั การดินป๋ยุ . (2558). ดินและปุย๋ . กรมส่งเสรมิ การเกษตร. กรุงเทพฯ. 247 หน้า ทัศนีย์ อัตตะนันทน์ และประทีป วีระพัฒนนิรันดร์. (2558). ธรรมชาติของ ดนิ และปุย๋ . นภาพร พันธ์ุกมลศิลป์. (2558). เอกสารประกอบการบรรยายการฝึกอบรม ความรู้ด้านดินและปุ๋ยแก่เจ้าหน้าท่ีกรมส่งเสริมการเกษตร ภายใต้ โครงการสง่ เสรมิ การใชป้ ยุ๋ เพอ่ื ลดตน้ ทนุ การผลติ ปี 2559 วนั ท่ี 23-27 พฤศจิกายน 2558 ณ โรงแรมเอบีน่า เฮา้ ส์ หลักสี่ กรุงเทพฯ. สารานุกรมไทยสำ�หรับเยาวชน. ดินและปุ๋ย. แหล่งท่ีมา : http://kanchana- pisek.or.th/. ส�ำ นกั นเิ ทศและถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารพฒั นาทด่ี นิ . (2551). เทคนคิ การเลอื กซอ้ื ปุ๋ยท่ีค้มุ คา่ . กรมพัฒนาท่ีดนิ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. ส�ำ นักสำ�รวจวจิ ัยทรัพยากรดนิ . ความรู้เรือ่ งดินส�ำ หรบั เยาวชน. กรมพฒั นาทด่ี นิ แหล่งทม่ี า : http://oss101.ldd.go.th/. 28 กรมส่งเสริมการเกษตร

ค�ำ แนะนำ�ท่ี 2/2563 การจัดการดินและป๋ยุ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ทป่ี รึกษา อธบิ ดีกรมส่งเสริมการเกษตร รองอธิบดีกรมสง่ เสรมิ การเกษตร นายเขม้ แข็ง ยตุ ิธรรมดำ�รง รองอธบิ ดีกรมส่งเสรมิ การเกษตร นางกลุ ฤดี พฒั นะอ่ิม รองอธบิ ดีกรมส่งเสรมิ การเกษตร นายชาตรี บุญนาค รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร นายทวี มาสขาว ผ้อู �ำ นวยการส�ำ นกั พฒั นาการถ่ายทอดเทคโนโลยี นายอาชวช์ ยั ชาญ เลย้ี งประยรู ผู้อำ�นวยการกองส่งเสริมการอารกั ขาพชื นายวุฒชิ ยั ชณิ วงศ์ และจัดการดินปุ๋ย นายทวีพงศ์ สุวรรณโร เรยี บเรียง นางชญั ญา ทิพานกุ ะ ผู้อ�ำ นวยการกล่มุ ส่งเสรมิ การจัดการดนิ ป๋ยุ นางสาวสดุ ารตั น์ แชม่ ช้อย นักวชิ าการเกษตรช�ำ นาญการ กล่มุ ส่งเสรมิ การจดั การดินปุย๋ กองสง่ เสริมการอารักขาพชื และจัดการดินปุย๋ บรรณาธกิ าร ผู้อ�ำ นวยการกลุ่มพัฒนาส่ือสง่ เสรมิ การเกษตร นางสาวพนิดา ธรรมสรุ ักษ์ นายสรุ นนั ท์ หลำ�รวิ้ นักวชิ าการเผยแพรช่ �ำ นาญการ กลมุ่ พัฒนาสอ่ื สง่ เสรมิ การเกษตร สำ�นักพฒั นาการถ่ายทอดเทคโนโลยี ออกแบบ กลมุ่ โรงพิมพ์ สำ�นักพัฒนาการถ่ายทอดเทคโนโลยี กรมส่งเสริมการเกษตร www.doae.go.th