Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ผักกาดเขียวปลี

Description: ผักกาดเขียวปลี.

Search

Read the Text Version

ที่ปรึกษา อาํ ภา ตนั ตสิ ริ ะ กองสง เสรมิ พชื สวน เรยี บเรยี ง อรสา ดิสถาพร กองสง เสรมิ พชื สวน ธงชยั สถาพรวรศกั ด์ิ กองสง เสรมิ พชื สวน จิราภา จอมไธสง กองสง เสรมิ พชื สวน จดั ทําภาพ วิเชียร ภิรมยสุภาพ กองเกษตรสมั พนั ธ อรพรรณ วเิ ศษสงั ข กรมวิชาการเกษตร วนิ ยั รัชตปกรณชัย กรมวิชาการเกษตร เรงิ ชยั ชุมภิรมย กรมวชิ าการเกษตร เรณู ดอกไมหอม กรมสง เสรมิ การเกษตร พิมพครั้งที่ 1 ตลุ าคม 2540 สารบัญ ! สภาพแวดลอ มทเ่ี หมาะสม ! พนั ธุ ! การเตรยี มเมลด็ พนั ธุ ! การเตรยี มดนิ ! การปลกู ! การดแู ลรักษา ! การเกบ็ เกย่ี ว ! โรคและแมลงศตั รทู ส่ี าํ คัญ ! ขอ ควรคาํ นงึ กอ นการปลกู ผกั กาดเขยี วปลี ! การแปรรปู ผกั กาดเขยี วปลี

ผกั กาดเขยี วปลี 2 ผกั กาดเขยี วปลี ผักกาดเขียวปลี เปนพืชในตระกูลเดียวกับกะหลาํ่ ปลี กะหลํ่าดอกและคะนา เปนผักอายุปเดียว อายุการเก็บเกี่ยว 55-75 วัน กา นและใบสเี ขยี ว ออ นกรอบ โคนกา นยดึ ตดิ กบั รากและพน้ื ดนิ ปลสี เี ขยี ว ออนมีใบออ นหมุ อยโู ดยรอบ สามารถปลกู ไดต ลอดป ในประเทศไทยจะปลกู มากในเขตภาคเหนอื และภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื โดยเฉพาะ ในจงั หวดั เชียงราย เชียงใหม ตาก นา น นครราชสมี า และในเขตภาคตะวนั ตก คอื กาญจนบุรี ผักกาดเขียวปลีเปนผักที่ไมนิยมบริโภคสด จะนิยมนํามาดองในระยะแรกจะเปนการดอง ในระดับครอบครัว แตตอมาความตองการในตลาดสงู ขน้ึ มกี ารสง ออกไปจาํ หนา ยยงั ตลาดตา งประเทศ เพ่ิมมากขึ้น ประกอบกับเทคนิคในการดองไมซับซอน อุตสาหกรรมการดองผักกาดเขียวปลจี ึงมีการ ขยายตัว ทําใหเกษตรกรเพิ่มพื้นที่ปลูกมากขึ้น แตอ ยางไรก็ตามเกษตรกรควรจะมีแหลงจาํ หนา ยผลผลติ ท่ีแนน อนเสยี กอ น ที่จะทาํ การปลกู ผกั กาดเขยี วปลี สภาพแวดลอ มทเ่ี หมาะสม ผักกาดเขียวปลสี ามารถขน้ึ ไดใ นดนิ แทบทกุ ชนดิ แตที่เหมาะสมที่สุดคือ ดนิ รว นซยุ โดยเฉพาะ อยางยิ่งดินนํ้าไหลทรายมูลสภาพของดินเปนกลาง แปลงปลูกควรไดร บั แสงแดดเตม็ ท่ี สว นอณุ หภมู ิ ที่เหมาะสมคือ 15-20 องศาเซลเซยี ส ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนา ถดั ไป ๐ กลบั หนา หลกั /สารบญั

ผกั กาดเขยี วปลี 3 พันธุ แบงไดเ ปน 2 ประเภทใหญๆ คอื 1. พันธปุ ลีกลม มีลักษณะใบกวา งหนา น้าํ หนกั ผลผลติ ตอ ไรส งู แตม กั เกดิ อาการปลแี ตก พันธุป ลีกลม 2. พนั ธปุ ลแี หลม มีลักษณะหัวปลแี หลม น้าํ หนกั ผลผลติ ตอ ไรต า่ํ กวา พนั ธปุ ลกี ลม แตไ มค อ ย เกดิ อาการปลแี ตก สําหรับพันธุผักกาดเขียวปลีที่มีจําหนายในประเทศไทยมีหลายพันธุแตท่ีนิยมในทองตลาด มีดงั น้ี 1. บลซู นิ ใหปลขี นาดใหญเ หมาะสมสําหรบั ปรงุ อาหาร และดองอายเุ กบ็ เกย่ี ว 95-100 วัน ฤดูปลูกที่เหมาะสมจะอยูในชวงเดือนกันยายน-มกราคม เหมาะสําหรับปลูกในภาคเหนือและภาค ตะวันออกเฉยี งเหนอื บางจงั หวดั เชน เลย 2. กูดเวอร เปนพันธุที่เหมาะสําหรับการดองอายุเก็บเก่ียว 50-55 วัน ปลูกไดตลอดป และทุกภาพ 3. แม็ค ใหป ลขี นาดใหญ เหมาะสําหรบั การดองอายเุ กบ็ เกย่ี วประมาณ 50-55 วัน ปลกู ไดต ลอดปแ ละทกุ ภาพ การเตรยี มเมลด็ พนั ธุ ผักกาดเขยี วปลใี ชเ มลด็ ในการขยายพนั ธุ ซึ่งจาํ นวนเมลด็ ทใ่ี ชต อ พน้ื ท่ี 1 ไร จะแตกตา งกนั คอื 1. ใชหวานโดยตรงในแปลงปลกู อตั ราการใชเ มลด็ พนั ธปุ ระมาณ 1-2 กิโลกรัม 2. ใชหยอดหลุมหรือโรยเปนแถวในแปลงปลูก อตั ราการใชเ มลด็ พนั ธปุ ระมาณ 350-400 กรัม 3. ใชวิธีเพาะกลา แลว ยา ยลงแปลงปลกู อตั ราการใชเ มลด็ พนั ธุ 35-40 กรัม ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนา ถดั ไป ๐ กลบั หนา หลกั /สารบญั

ผกั กาดเขยี วปลี 4 เมลด็ พนั ธนุ า้ํ หนกั 1 กรัม จะมีจาํ นวนเมลด็ ประมาณ 700 เมลด็ กอนเพาะเมลด็ ควรนําไปแชนาํ้ อนุ อณุ หภมู ปิ ระมาณ 50 องศาเซลเซยี ส (ใชน า้ํ รอ นผสมกบั น้าํ เย็น อตั ราสว น 1:1) แชไ วน านประมาณ 30 นาที การเตรยี มดนิ 1. แปลงเพาะกลา ยอยดนิ ใหละเอียดคลกุ เคลา ปุย คอกหรอื ปยุ หมกั ที่สลายตัวแลว ทํารอ งลกึ ประมาณ 1 เซนตเิ มตร โรยเมลด็ เปน แถว แลว กลบดว ยดนิ ผสมบางๆ รดน้าํ ดว ยฝอยละเอยี ดคลมุ ดว ย หญาแหงหรือฟาง แตเน่ืองจากกลาผักกาดเขียวปลคี อนขา งออนแอ จึงควรยายลงถุงเพาะชาํ ครง้ั หนง่ึ กอนเมอ่ื อายุ 20-25 วัน แลว จงึ ยา ยกลา ลงแปลงปลกู เมอ่ื อายุ 30-35 วัน 2. แปลงปลกู ผกั กาดเขยี วปลคี วรขดุ ไถดนิ ลกึ ประมาณ 15-20 ซม. ตากดนิ ประมาณ 5-7 วัน ใสปุยอินทรียเ ชน ปุยคอก ปุยหมักที่สลายตัวแลวประมาณ 2-3 ตนั /ไร พรวนยอยชั้นหนาดินให ละเอียดถา ดนิ เปน กรดควรปรบั โดยการใสป นู ขาว การปลกู มี 3 วิธี คอื 1. การปลูกแบบหวาน นําเมลด็ ไปหวา นใหท ว่ั แปลงทไ่ี ดเ ตรยี มดนิ ไวแ ลว จากนน้ั ใชป ยุ คอก หรือปุยหมักท่ีสลายตวั ดแี ลวหวานโรยทบั ลงไปหนาประมาณ 0.5-0.8 ซม. คลุมทับดวยฟางหรือหญา แหงบางๆ รดน้าํ ดว ยฝอยละเอยี ด เมอ่ื มใี บจรงิ 3-4 ใบ ใหถ อนตน ทไ่ี มส มบรู ณเ บยี ดชดิ กนั ออกทง้ิ ควร ใหไดร ะยะหา งระหวา งตน ประมาณ 50x50 ซม. 2. การปลกู แบบหยอดเมลด็ ทําไดทง้ั โรยเมลด็ เปน แถวและหยอดเมลด็ เปน หลมุ โดยมีระยะ หา งระหวา งแถวตน 50x50 ซม. หยอดเมลด็ หลมุ ละประมาณ 3-5 เมลด็ กลบดวยปุยคอกหรือปุยหมัก ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนา ถดั ไป ๐ กลบั หนา หลกั /สารบญั

ผกั กาดเขยี วปลี 5 ท่ีสลายตัวดีแลว รดนํ้าดวยฝอยละเอียด ใชฟางหรือหญาแหงคลุมบางๆ เรม่ิ ถอนแยกเมอ่ื ตน กลา มี ใบจรงิ 1-2 ใบ จนถงึ 3-4 ใบใหเ หลอื หลมุ ละ 1 ตน 3. การปลกู แบบเพาะกลา การปลูกโดยวิธีจะประหยักเมล็ดพันธุไดมากกวา 2 วิธีแรกที่กลาว มา โดยเฉพาะในการใชเมล็ดพันธุที่มีราคาแพง มักทําในแปลงท่ีมีขนาดใหญ และตองการผักที่มี คุณภาพสูง โดยการหวา นหรอื โรยเมลด็ เปน แถวในแปลงกลา ทไ่ี ดเ ตรยี มไวแ ลว แตเ นอ่ื งจากกลา ผกั กาด เขียวปลีคอ นขา งออ นแอ ควรยายลงถุงเพาะชาํ เมอ่ื อายไุ ด 20 วัน แลวยายปลูก เมอ่ื อายไุ ด 30 วัน การดแู ลรกั ษา 1. การใหปุย สัดสวนใสปุยที่จะใชกับผักกาดเขียวปลีควรประกอบดวยไนโตรเจน 1.5-2 สวน ฟอสฟอรสั 1 สวน และโปตัสเซี่ยม 1.5-2 สวน เชน ปุยสูตร 14-14-21 หรือ 13-13-21 รว มกบั ปุยไนโตรเจน เชน ยูเรีย โดยใสเ ปน ปยุ รองพน้ื ปรมิ าณ 50-150 กก./ไร ขน้ึ กบั ความอดุ มสมบรู ณ ของดินและใสปุยเสริมคือปุยไนโตรเจน 2 ครง้ั อตั รา 20-25 กก./ไร เมอ่ื ผกั กาดเขยี วปลมี อี ายุ 14 และ 30 วัน ตามลําดบั นอกจากน้ีแลวควรใหธาตุอาหารท่ีจําเปนแกผักกาดเขียวปลี คือโบรอน ซึ่งอาจทําในรปู ของ โบแรกซ อตั ราประมาณ 2-4 กก./ไร หรอื ละลายฉดี พน ใบ อตั ราสว น 40 กก./น้าํ 20 ลติ ร ฉีดใหทั่ว ทุกตนระหวางการเจริญเติบโต 2. การใหน ํ้า ผักกาดเขียวปลีตองการนํ้าบอยครั้งและสม่ําเสมอในระยะกลาและปริมาณมาก ขึ้นในชวงการเจริญเติบโต แตต อ งการนอ ยลงเมอ่ื ตน เขา ระยะหอ ปลี 3. การพรวนดนิ กาํ จัดวัชพืช ควรทาํ พรอ มกบั การถอนแยกในระยะแรก การเกบ็ เกย่ี ว อายุการเก็บเกย่ี วของผกั กาดเขยี วปลตี ง้ั แตว นั หยอดเมลด็ ถงึ วนั เกบ็ เกย่ี ว ประมาณ 55-75 วัน เลือกตัดหัวที่เขาปลีแนนไดขนาดท่ีตองการโดยใชมีดสะอาดตัดทีเดียวใหขาด เก็บใสภาชนะรีบนาํ เขา รมเพอ่ื รอการขนสง ตอ ไป การเก็บเกี่ยว ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนา ถดั ไป ๐ กลบั หนา หลกั /สารบญั

ผกั กาดเขยี วปลี 6 โรคและแมลงศัตรูที่สาํ คญั โรคของผกั กาดเขยี วปลที ส่ี ําคญั มดี งั น้ี 1. โรคเนาคอดิน สาเหตเุ กดิ จากเชือ้ รา ลักษณะอาการ สวนโคนตน กลา ทอ่ี ยรู ะดบั ดนิ จะมลี กั ษณะเปน รอยชา้ํ สนี า้ํ ตาลเกดิ จากแปลง ผักชื้นแฉะอยูเสมอ หรอื ตน พชื หนาแนน จนเกนิ ไป อากาศถา ยเทไมส ะดวก จะทาํ ใหพ ืชตายอยา งรวดเรว็ เปนหยอมๆ ยอดจะแหงคลายกับถูกนาํ้ รอ นลวก ในสภาพที่มีอากาศเย็น และมคี วามชน้ื สงู อาจพบเสน ใยสีขาว คลายปุยสาํ ลขี องเชอ้ื ราขน้ึ คลมุ บรเิ วณทเ่ี กดิ โรค การปอ งกนั กําจดั 1. คลกุ เมลด็ กอ นนําไปปลกู ดว ยยาปอ งกนั กําจดั เชอ้ื รา 2. อยาเพาะกลา หนาแนน เกนิ ไป ควรถอนกลา ออกบา ง เพ่ือใหอ าการถายเทไดด ี 3. ระวงั เรอ่ื งความชน้ื อยา ใหน า้ํ มากโดยไมจาํ เปน 4. เลือกแปลงปลกู ทไ่ี มเ คยเปน โรคมากอ น 2. โรคเนา เละ สาเหตเุ กดิ จาก เชอ้ื รา ลักษณะอาการ อาการเร่ิมแรกจะปรากฎเปนจุดสีคล้ําฉํ่านํ้าใสๆ ตรงบริเวณแผลท่ีเชื้อเขา ทําลายตอมาบรเิ วณเนา จะขยายลกุ ลามไปเรอ่ื ยๆ สเี หลอื งออ น เนอ้ื เยอ่ื บรเิ วณแผลยบุ ตวั ลง แผลเปยก เปนเมอื กเยม้ิ มกี ลน่ิ เหมน็ โรคเนา เละ ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนา ถดั ไป ๐ กลบั หนา หลกั /สารบญั

ผกั กาดเขยี วปลี 7 การปอ งกนั กําจดั 1. ระมัดระวงั อยา ใหเ กดิ แผล หรือรอยชาํ้ ขณะเกบ็ เกย่ี วและขนสง 2. แปลงปลกู ใหม กี ารระบายนา้ํ ดี 3. อยา ใหน า้ํ มากเกนิ ไป 3. โรคโอกนึ หรอื โอเกง็ สาเหตุ ขาดธาตโุ บรอน ลักษณะอาการ พืชจะแคระแกรน มรี อยแตกขน้ึ ตามผวิ ของสว นตา งๆ เชน ลาํ ตน กา นใบ การปอ งกนั กําจดั ใหธาตอุ าหารพวกโบรอนลงไปในดนิ 4. โรคใบดา ง (Mosaic) สาเหตเุ กดิ จาก เชอ้ื วสิ า Tumip Mosaic Virus (TuMV) ลักษณะอาการ ใบดางเหลือง ชะงักการเจริญ เนอ้ื ใบหยกิ เปน คลน่ื โดยเฉพาะใบสว นยอด ถาโรคนี้เขาทําลายตั้งแตตนยังเล็กพืชจะไมเขาปลีหรือลงหัว เช้ือวิสาชนิดน้ีสามารถถายทอดได อยางรวดเร็วดวยการสัมผัส แตไ มต ดิ ไปกบั เมลด็ พนั ธ โดยธรรมชาติจะถายทอดโดยเพลี้ยออน โรคใบดา ง การปอ งกนั กําจดั 1. ระมัดระวงั ในการปฏบิ ตั งิ าน เพื่อลดการกระจายโรคโดยการสัมผัส 2. ถอนตน ทเ่ี ปน โรคออกเผาทาํ ลายทันทีที่พบ 3. กาํ จดั แมลงที่จะทาํ ใหโรคแพรระบาด ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนา ถดั ไป ๐ กลบั หนา หลกั /สารบญั

ผกั กาดเขยี วปลี 8 แมลงศตั รทู ส่ี าํ คญั มี ดงั น้ี 1. หนอนกระทูผัก ตัวหนอนมีลักษณะลาํ ตวั อว นปอ ม ผิวหนงั เรียบ มสี ตี า งๆ กัน สว นหวั มจี ดุ สดี าํ ใหญต รงปลอ ง ที่ 3 หนอนท่ีเกดิ ใหมจ ะอยรู วมกนั เปน กลมุ เมอ่ื โตเตม็ ทม่ี ขี นาด 3-4 เซนตเิ มตร เคลื่อนไหวชาระยะ ตัวหนอนประมาณ 15-20 วัน และจะเขา ดักแดใ ตผิวดิน ระยะดกั แดป ระมาณ 7-10 วัน การทําลาย จะกัดกา นใบ และปลใี นระยะเขา ปลี การปอ งกนั กําจดั 1. หม่ันตรวจดูสวนผักเปนระยะๆ เมื่อพบไขและตัวหนอนท่ีกําลังอยูกนั เปน กลมุ กท็ าํ การเกบ็ ทาํ ลาย 2. การใชสารเคมี มกั ไมค อยมีปญหา เพราะหนอนออ นแอตอ สารเคมี ปอ งกนั และกาํ จดั แมลง โดยใชส ารเคมกี ลมุ เมธามโิ ดฟอสหรอื โมโนโครฟอส และหยดุ ใชส ารเคมีกอนเกบ็ เกี่ยว 7-10 วัน หนอนกระทูผัก 2. หนอนใยผัก ตัวเต็มวัยของหนอนใยผักเปนผีเสื้อกลางคืนขนาดเล็กประมาณ 6-7 มม. มสี เี ทาสว นหลงั มีแถบสีเหลืองสม ตวั เตม็ วยั มอี ายุ 5-7 วัน สามารถวางไขไ ดห ลายครง้ั วางไขไ ดส งู โดยเพศเมยี วางไข เปนฟองเดี่ยวๆ ประมาณ 2-10 ฟอง วางทง้ั บนและใตใ บพชื ตวั เตม็ วยั เพศเมยี ตวั หนง่ึ ๆ วางไขไ ด ประมาณ 47-407 ฟอง ไขม สี เี หลอื งออ นเปน มนั ระยะไข 3-4 วัน หนอนเมอ่ื ฟก ออกจากไขใ หมๆ จะ อาศัยกัดกินอยภู ายในใบ หลงั จากนน้ั จะออกมากดั กนิ ภายนอกทาํ ใหผักเปนรูพรุน หนอนมลี กั ษณะ หัว แหลม ทายแหลม ลาํ ตวั เรยี วยาว สว นทา ยมปี มุ ยน่ื เปน 2 แถว หนอนมสี เี ขยี วออ นเทาหรอื เขยี วปน เหลือง เม่ือถกู ตวั จะดน้ิ อยา งรนุ แรงและทง้ิ ตวั ลงกอ นโดยการสรา งใย การปอ งกนั กําจดั 1. ใชเชื้อแบคทีเรีย บาซิลลัสทรูรนิ เจนซสิ (บีที) ฉดี พน ใบเวลาบา ยหรอื เวลาเชา 2. ใชกับดักกาวเหนียวสีเหลือง เพอ่ื จบั ตวั เตม็ วยั ของหนอนใยผกั ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนา ถดั ไป ๐ กลบั หนา หลกั /สารบญั

ผกั กาดเขยี วปลี 9 3. เลือกชวงเวลาปลูกที่เหมาะสม เนอ่ื งจากหนอนใยผกั จะระบาดในชว งฤดแู ลง สว นในชว งฤดู ฝนทาํ ลายเพยี งเลก็ นอ ย 4. การใชสารเคมปี อ งกนั กาํ จดั แมลง แตต อ งใชอ ยา งระมดั ระวงั เพราะอาจจะกอใหเกิดปญหา แมลงด้ือตอสารเคมี และพษิ ตกคา งตอ สง่ิ แวดลอ ม ผีเสอ้ื หนอนใยผกั 3. ดว งหมดั ผกั ดวงหมัดผัก มี 2 ชนิด คอื ชนดิ มแี ถบสนี า้ํ ตาลออ นพาด 2 แถว (ชนดิ ลาย) และชนดิ สนี า้ํ เงนิ เขม ลักษณะการทําลายดวงหมัดผักเต็มวัยจะกัดกินใบจนรูพรุน และตวั ออ นอาศยั อยใู นดนิ เขา กดั กนิ สวนของรากและชอนไชกัดกินโคนตน ทําใหตนชะงกั การเจรญิ เติบโตตนเห่ยี วเฉา การปอ งกนั กําจดั 1. ไถตากหนา ดนิ ในฤดแู ลง เพื่อทาํ ลายตวั ออ นหรอื ดกั แดใ นดนิ 2. ใชย าฆา แมลงพวก เซพวิน 85% 20-30 กรมั ตอ นา้ํ 20 ลติ ร 3. หมุนเวียนชนิดผัก ควรหยุดชวงการปลูกผักตระกูลกะหล่ําและหาผักชนิดอื่นมาปลูก สลบั บา ง ขอควรคํานงึ กอ นการปลกู ผกั กาดเขยี วปลี 1. ควรมีแหลงจาํ หนา ยผลผลติ ทแ่ี นน อน 2. ควรมีการขนสง ทด่ี ี การคมนาคมสะดวกและมปี ระสทิ ธภิ าพ การขนสง สงู ซง่ึ จะทาํ ใหธุรกิจมี ความคลอ งตวั 3. ควรมีการตกลงกําหนดมาตรฐานคุณภาพและราคาของผกั กาดเขยี วปลี ระหวางเกษตรกร และโรงงาน 4. ควรผลิตเปนกลุมเพื่อใหเจาหนาท่ีของทางราชการและโรงงานชวยแกปญหาการผลิตและ รับซอ้ื ไดส ะดวก ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนา ถดั ไป ๐ กลบั หนา หลกั /สารบญั

ผกั กาดเขยี วปลี 10 การแปรรปู ผกั กาดเขยี วปลี ผักกาดเขยี วปลดี อง สวนประกอบ 1 กิโลกรัม ผกั กาดเขยี วปลี 10 – 15 (ละลายเกลอื 100-250 กรมั ในน้าํ สะอาด 1 ลติ ร) นา้ํ เกลือรอยละ 1 ชอ นโตะ นา้ํ ตาลทรายขาว วธิ ที าํ 1. ลางผักใหสะอาด ผึ่งแดดใหผักเหี่ยวประมาณ 1 วัน ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนา ถดั ไป ๐ กลบั หนา หลกั /สารบญั

ผกั กาดเขยี วปลี 11 2. เรียงผักลงไหที่สะอาด เทน้ําเกลอื ผสมนา้ํ ตาลใหท ว มหาของหนกั ๆ ทบั ไวตอนบนทิง้ ไวจน เปร้ียวรับประทานได ซง่ึ ระยะเวลาจะขน้ึ อยกู บั ปรมิ าณเกลอื ทใ่ี ช ถา ใชเ กลอื นอ ยกจ็ ะเปรย้ี วเรว็ ผักกาดดองปรงุ รส สว นประกอบ ผักกาดเขยี วปลดี อง นา้ํ ปรงุ รส ประกอบดว ย น้าํ ปลาหรอื ซอี ว้ิ ขาว 750 มิลลลิ ติ ร นา้ํ สะอาด 750 มิลลลิ ติ ร นา้ํ ตาลทรายขาว 700 กรัม หรือ 7 ขดี ขา ปน 2 ชอนโตะ หรือ ประมาณ 8 กรัม วธิ ที าํ 1. ผักกาดดองเค็มตัดเปนทอนๆ ยาวประมาณ 3.5 เซนตเิ มตร สว นมากจะใชแ ตก า นไมใ ชใ บ แชนํ้าใหร สเคม็ ออกไปบา งประมาณ 1 ชั่วโมง (ถา ดองเคม็ จดั ) เอาขน้ึ ใหส ะเดด็ นา้ํ 2. ตมนํ้าปรุงรสทง้ิ ใหเย็น เรยี งผกั ลงไปเตมิ น้าํ ปรงุ รสใหผ กั อยใู ตน ้ําปรงุ รสตลอดเวลาทด่ี อง ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนา ถดั ไป ๐ กลบั หนา หลกั /สารบญั