ที่ปรึกษา อาํ ภา ตนั ตสิ ริ ะ กองสง เสรมิ พชื สวน เรยี บเรยี ง อรสา ดิสถาพร กองสง เสรมิ พชื สวน ธงชยั สถาพรวรศกั ด์ิ กองสง เสรมิ พชื สวน จิราภา จอมไธสง กองสง เสรมิ พชื สวน จดั ทําภาพ วิเชียร ภิรมยสุภาพ กองเกษตรสมั พนั ธ อรพรรณ วเิ ศษสงั ข กรมวิชาการเกษตร วนิ ยั รัชตปกรณชัย กรมวิชาการเกษตร เรงิ ชยั ชุมภิรมย กรมวชิ าการเกษตร เรณู ดอกไมหอม กรมสง เสรมิ การเกษตร พิมพครั้งที่ 1 ตลุ าคม 2540 สารบัญ ! สภาพแวดลอ มทเ่ี หมาะสม ! พนั ธุ ! การเตรยี มเมลด็ พนั ธุ ! การเตรยี มดนิ ! การปลกู ! การดแู ลรักษา ! การเกบ็ เกย่ี ว ! โรคและแมลงศตั รทู ส่ี าํ คัญ ! ขอ ควรคาํ นงึ กอ นการปลกู ผกั กาดเขยี วปลี ! การแปรรปู ผกั กาดเขยี วปลี
ผกั กาดเขยี วปลี 2 ผกั กาดเขยี วปลี ผักกาดเขียวปลี เปนพืชในตระกูลเดียวกับกะหลาํ่ ปลี กะหลํ่าดอกและคะนา เปนผักอายุปเดียว อายุการเก็บเกี่ยว 55-75 วัน กา นและใบสเี ขยี ว ออ นกรอบ โคนกา นยดึ ตดิ กบั รากและพน้ื ดนิ ปลสี เี ขยี ว ออนมีใบออ นหมุ อยโู ดยรอบ สามารถปลกู ไดต ลอดป ในประเทศไทยจะปลกู มากในเขตภาคเหนอื และภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื โดยเฉพาะ ในจงั หวดั เชียงราย เชียงใหม ตาก นา น นครราชสมี า และในเขตภาคตะวนั ตก คอื กาญจนบุรี ผักกาดเขียวปลีเปนผักที่ไมนิยมบริโภคสด จะนิยมนํามาดองในระยะแรกจะเปนการดอง ในระดับครอบครัว แตตอมาความตองการในตลาดสงู ขน้ึ มกี ารสง ออกไปจาํ หนา ยยงั ตลาดตา งประเทศ เพ่ิมมากขึ้น ประกอบกับเทคนิคในการดองไมซับซอน อุตสาหกรรมการดองผักกาดเขียวปลจี ึงมีการ ขยายตัว ทําใหเกษตรกรเพิ่มพื้นที่ปลูกมากขึ้น แตอ ยางไรก็ตามเกษตรกรควรจะมีแหลงจาํ หนา ยผลผลติ ท่ีแนน อนเสยี กอ น ที่จะทาํ การปลกู ผกั กาดเขยี วปลี สภาพแวดลอ มทเ่ี หมาะสม ผักกาดเขียวปลสี ามารถขน้ึ ไดใ นดนิ แทบทกุ ชนดิ แตที่เหมาะสมที่สุดคือ ดนิ รว นซยุ โดยเฉพาะ อยางยิ่งดินนํ้าไหลทรายมูลสภาพของดินเปนกลาง แปลงปลูกควรไดร บั แสงแดดเตม็ ท่ี สว นอณุ หภมู ิ ที่เหมาะสมคือ 15-20 องศาเซลเซยี ส ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนา ถดั ไป ๐ กลบั หนา หลกั /สารบญั
ผกั กาดเขยี วปลี 3 พันธุ แบงไดเ ปน 2 ประเภทใหญๆ คอื 1. พันธปุ ลีกลม มีลักษณะใบกวา งหนา น้าํ หนกั ผลผลติ ตอ ไรส งู แตม กั เกดิ อาการปลแี ตก พันธุป ลีกลม 2. พนั ธปุ ลแี หลม มีลักษณะหัวปลแี หลม น้าํ หนกั ผลผลติ ตอ ไรต า่ํ กวา พนั ธปุ ลกี ลม แตไ มค อ ย เกดิ อาการปลแี ตก สําหรับพันธุผักกาดเขียวปลีที่มีจําหนายในประเทศไทยมีหลายพันธุแตท่ีนิยมในทองตลาด มีดงั น้ี 1. บลซู นิ ใหปลขี นาดใหญเ หมาะสมสําหรบั ปรงุ อาหาร และดองอายเุ กบ็ เกย่ี ว 95-100 วัน ฤดูปลูกที่เหมาะสมจะอยูในชวงเดือนกันยายน-มกราคม เหมาะสําหรับปลูกในภาคเหนือและภาค ตะวันออกเฉยี งเหนอื บางจงั หวดั เชน เลย 2. กูดเวอร เปนพันธุที่เหมาะสําหรับการดองอายุเก็บเก่ียว 50-55 วัน ปลูกไดตลอดป และทุกภาพ 3. แม็ค ใหป ลขี นาดใหญ เหมาะสําหรบั การดองอายเุ กบ็ เกย่ี วประมาณ 50-55 วัน ปลกู ไดต ลอดปแ ละทกุ ภาพ การเตรยี มเมลด็ พนั ธุ ผักกาดเขยี วปลใี ชเ มลด็ ในการขยายพนั ธุ ซึ่งจาํ นวนเมลด็ ทใ่ี ชต อ พน้ื ท่ี 1 ไร จะแตกตา งกนั คอื 1. ใชหวานโดยตรงในแปลงปลกู อตั ราการใชเ มลด็ พนั ธปุ ระมาณ 1-2 กิโลกรัม 2. ใชหยอดหลุมหรือโรยเปนแถวในแปลงปลูก อตั ราการใชเ มลด็ พนั ธปุ ระมาณ 350-400 กรัม 3. ใชวิธีเพาะกลา แลว ยา ยลงแปลงปลกู อตั ราการใชเ มลด็ พนั ธุ 35-40 กรัม ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนา ถดั ไป ๐ กลบั หนา หลกั /สารบญั
ผกั กาดเขยี วปลี 4 เมลด็ พนั ธนุ า้ํ หนกั 1 กรัม จะมีจาํ นวนเมลด็ ประมาณ 700 เมลด็ กอนเพาะเมลด็ ควรนําไปแชนาํ้ อนุ อณุ หภมู ปิ ระมาณ 50 องศาเซลเซยี ส (ใชน า้ํ รอ นผสมกบั น้าํ เย็น อตั ราสว น 1:1) แชไ วน านประมาณ 30 นาที การเตรยี มดนิ 1. แปลงเพาะกลา ยอยดนิ ใหละเอียดคลกุ เคลา ปุย คอกหรอื ปยุ หมกั ที่สลายตัวแลว ทํารอ งลกึ ประมาณ 1 เซนตเิ มตร โรยเมลด็ เปน แถว แลว กลบดว ยดนิ ผสมบางๆ รดน้าํ ดว ยฝอยละเอยี ดคลมุ ดว ย หญาแหงหรือฟาง แตเน่ืองจากกลาผักกาดเขียวปลคี อนขา งออนแอ จึงควรยายลงถุงเพาะชาํ ครง้ั หนง่ึ กอนเมอ่ื อายุ 20-25 วัน แลว จงึ ยา ยกลา ลงแปลงปลกู เมอ่ื อายุ 30-35 วัน 2. แปลงปลกู ผกั กาดเขยี วปลคี วรขดุ ไถดนิ ลกึ ประมาณ 15-20 ซม. ตากดนิ ประมาณ 5-7 วัน ใสปุยอินทรียเ ชน ปุยคอก ปุยหมักที่สลายตัวแลวประมาณ 2-3 ตนั /ไร พรวนยอยชั้นหนาดินให ละเอียดถา ดนิ เปน กรดควรปรบั โดยการใสป นู ขาว การปลกู มี 3 วิธี คอื 1. การปลูกแบบหวาน นําเมลด็ ไปหวา นใหท ว่ั แปลงทไ่ี ดเ ตรยี มดนิ ไวแ ลว จากนน้ั ใชป ยุ คอก หรือปุยหมักท่ีสลายตวั ดแี ลวหวานโรยทบั ลงไปหนาประมาณ 0.5-0.8 ซม. คลุมทับดวยฟางหรือหญา แหงบางๆ รดน้าํ ดว ยฝอยละเอยี ด เมอ่ื มใี บจรงิ 3-4 ใบ ใหถ อนตน ทไ่ี มส มบรู ณเ บยี ดชดิ กนั ออกทง้ิ ควร ใหไดร ะยะหา งระหวา งตน ประมาณ 50x50 ซม. 2. การปลกู แบบหยอดเมลด็ ทําไดทง้ั โรยเมลด็ เปน แถวและหยอดเมลด็ เปน หลมุ โดยมีระยะ หา งระหวา งแถวตน 50x50 ซม. หยอดเมลด็ หลมุ ละประมาณ 3-5 เมลด็ กลบดวยปุยคอกหรือปุยหมัก ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนา ถดั ไป ๐ กลบั หนา หลกั /สารบญั
ผกั กาดเขยี วปลี 5 ท่ีสลายตัวดีแลว รดนํ้าดวยฝอยละเอียด ใชฟางหรือหญาแหงคลุมบางๆ เรม่ิ ถอนแยกเมอ่ื ตน กลา มี ใบจรงิ 1-2 ใบ จนถงึ 3-4 ใบใหเ หลอื หลมุ ละ 1 ตน 3. การปลกู แบบเพาะกลา การปลูกโดยวิธีจะประหยักเมล็ดพันธุไดมากกวา 2 วิธีแรกที่กลาว มา โดยเฉพาะในการใชเมล็ดพันธุที่มีราคาแพง มักทําในแปลงท่ีมีขนาดใหญ และตองการผักที่มี คุณภาพสูง โดยการหวา นหรอื โรยเมลด็ เปน แถวในแปลงกลา ทไ่ี ดเ ตรยี มไวแ ลว แตเ นอ่ื งจากกลา ผกั กาด เขียวปลีคอ นขา งออ นแอ ควรยายลงถุงเพาะชาํ เมอ่ื อายไุ ด 20 วัน แลวยายปลูก เมอ่ื อายไุ ด 30 วัน การดแู ลรกั ษา 1. การใหปุย สัดสวนใสปุยที่จะใชกับผักกาดเขียวปลีควรประกอบดวยไนโตรเจน 1.5-2 สวน ฟอสฟอรสั 1 สวน และโปตัสเซี่ยม 1.5-2 สวน เชน ปุยสูตร 14-14-21 หรือ 13-13-21 รว มกบั ปุยไนโตรเจน เชน ยูเรีย โดยใสเ ปน ปยุ รองพน้ื ปรมิ าณ 50-150 กก./ไร ขน้ึ กบั ความอดุ มสมบรู ณ ของดินและใสปุยเสริมคือปุยไนโตรเจน 2 ครง้ั อตั รา 20-25 กก./ไร เมอ่ื ผกั กาดเขยี วปลมี อี ายุ 14 และ 30 วัน ตามลําดบั นอกจากน้ีแลวควรใหธาตุอาหารท่ีจําเปนแกผักกาดเขียวปลี คือโบรอน ซึ่งอาจทําในรปู ของ โบแรกซ อตั ราประมาณ 2-4 กก./ไร หรอื ละลายฉดี พน ใบ อตั ราสว น 40 กก./น้าํ 20 ลติ ร ฉีดใหทั่ว ทุกตนระหวางการเจริญเติบโต 2. การใหน ํ้า ผักกาดเขียวปลีตองการนํ้าบอยครั้งและสม่ําเสมอในระยะกลาและปริมาณมาก ขึ้นในชวงการเจริญเติบโต แตต อ งการนอ ยลงเมอ่ื ตน เขา ระยะหอ ปลี 3. การพรวนดนิ กาํ จัดวัชพืช ควรทาํ พรอ มกบั การถอนแยกในระยะแรก การเกบ็ เกย่ี ว อายุการเก็บเกย่ี วของผกั กาดเขยี วปลตี ง้ั แตว นั หยอดเมลด็ ถงึ วนั เกบ็ เกย่ี ว ประมาณ 55-75 วัน เลือกตัดหัวที่เขาปลีแนนไดขนาดท่ีตองการโดยใชมีดสะอาดตัดทีเดียวใหขาด เก็บใสภาชนะรีบนาํ เขา รมเพอ่ื รอการขนสง ตอ ไป การเก็บเกี่ยว ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนา ถดั ไป ๐ กลบั หนา หลกั /สารบญั
ผกั กาดเขยี วปลี 6 โรคและแมลงศัตรูที่สาํ คญั โรคของผกั กาดเขยี วปลที ส่ี ําคญั มดี งั น้ี 1. โรคเนาคอดิน สาเหตเุ กดิ จากเชือ้ รา ลักษณะอาการ สวนโคนตน กลา ทอ่ี ยรู ะดบั ดนิ จะมลี กั ษณะเปน รอยชา้ํ สนี า้ํ ตาลเกดิ จากแปลง ผักชื้นแฉะอยูเสมอ หรอื ตน พชื หนาแนน จนเกนิ ไป อากาศถา ยเทไมส ะดวก จะทาํ ใหพ ืชตายอยา งรวดเรว็ เปนหยอมๆ ยอดจะแหงคลายกับถูกนาํ้ รอ นลวก ในสภาพที่มีอากาศเย็น และมคี วามชน้ื สงู อาจพบเสน ใยสีขาว คลายปุยสาํ ลขี องเชอ้ื ราขน้ึ คลมุ บรเิ วณทเ่ี กดิ โรค การปอ งกนั กําจดั 1. คลกุ เมลด็ กอ นนําไปปลกู ดว ยยาปอ งกนั กําจดั เชอ้ื รา 2. อยาเพาะกลา หนาแนน เกนิ ไป ควรถอนกลา ออกบา ง เพ่ือใหอ าการถายเทไดด ี 3. ระวงั เรอ่ื งความชน้ื อยา ใหน า้ํ มากโดยไมจาํ เปน 4. เลือกแปลงปลกู ทไ่ี มเ คยเปน โรคมากอ น 2. โรคเนา เละ สาเหตเุ กดิ จาก เชอ้ื รา ลักษณะอาการ อาการเร่ิมแรกจะปรากฎเปนจุดสีคล้ําฉํ่านํ้าใสๆ ตรงบริเวณแผลท่ีเชื้อเขา ทําลายตอมาบรเิ วณเนา จะขยายลกุ ลามไปเรอ่ื ยๆ สเี หลอื งออ น เนอ้ื เยอ่ื บรเิ วณแผลยบุ ตวั ลง แผลเปยก เปนเมอื กเยม้ิ มกี ลน่ิ เหมน็ โรคเนา เละ ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนา ถดั ไป ๐ กลบั หนา หลกั /สารบญั
ผกั กาดเขยี วปลี 7 การปอ งกนั กําจดั 1. ระมัดระวงั อยา ใหเ กดิ แผล หรือรอยชาํ้ ขณะเกบ็ เกย่ี วและขนสง 2. แปลงปลกู ใหม กี ารระบายนา้ํ ดี 3. อยา ใหน า้ํ มากเกนิ ไป 3. โรคโอกนึ หรอื โอเกง็ สาเหตุ ขาดธาตโุ บรอน ลักษณะอาการ พืชจะแคระแกรน มรี อยแตกขน้ึ ตามผวิ ของสว นตา งๆ เชน ลาํ ตน กา นใบ การปอ งกนั กําจดั ใหธาตอุ าหารพวกโบรอนลงไปในดนิ 4. โรคใบดา ง (Mosaic) สาเหตเุ กดิ จาก เชอ้ื วสิ า Tumip Mosaic Virus (TuMV) ลักษณะอาการ ใบดางเหลือง ชะงักการเจริญ เนอ้ื ใบหยกิ เปน คลน่ื โดยเฉพาะใบสว นยอด ถาโรคนี้เขาทําลายตั้งแตตนยังเล็กพืชจะไมเขาปลีหรือลงหัว เช้ือวิสาชนิดน้ีสามารถถายทอดได อยางรวดเร็วดวยการสัมผัส แตไ มต ดิ ไปกบั เมลด็ พนั ธ โดยธรรมชาติจะถายทอดโดยเพลี้ยออน โรคใบดา ง การปอ งกนั กําจดั 1. ระมัดระวงั ในการปฏบิ ตั งิ าน เพื่อลดการกระจายโรคโดยการสัมผัส 2. ถอนตน ทเ่ี ปน โรคออกเผาทาํ ลายทันทีที่พบ 3. กาํ จดั แมลงที่จะทาํ ใหโรคแพรระบาด ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนา ถดั ไป ๐ กลบั หนา หลกั /สารบญั
ผกั กาดเขยี วปลี 8 แมลงศตั รทู ส่ี าํ คญั มี ดงั น้ี 1. หนอนกระทูผัก ตัวหนอนมีลักษณะลาํ ตวั อว นปอ ม ผิวหนงั เรียบ มสี ตี า งๆ กัน สว นหวั มจี ดุ สดี าํ ใหญต รงปลอ ง ที่ 3 หนอนท่ีเกดิ ใหมจ ะอยรู วมกนั เปน กลมุ เมอ่ื โตเตม็ ทม่ี ขี นาด 3-4 เซนตเิ มตร เคลื่อนไหวชาระยะ ตัวหนอนประมาณ 15-20 วัน และจะเขา ดักแดใ ตผิวดิน ระยะดกั แดป ระมาณ 7-10 วัน การทําลาย จะกัดกา นใบ และปลใี นระยะเขา ปลี การปอ งกนั กําจดั 1. หม่ันตรวจดูสวนผักเปนระยะๆ เมื่อพบไขและตัวหนอนท่ีกําลังอยูกนั เปน กลมุ กท็ าํ การเกบ็ ทาํ ลาย 2. การใชสารเคมี มกั ไมค อยมีปญหา เพราะหนอนออ นแอตอ สารเคมี ปอ งกนั และกาํ จดั แมลง โดยใชส ารเคมกี ลมุ เมธามโิ ดฟอสหรอื โมโนโครฟอส และหยดุ ใชส ารเคมีกอนเกบ็ เกี่ยว 7-10 วัน หนอนกระทูผัก 2. หนอนใยผัก ตัวเต็มวัยของหนอนใยผักเปนผีเสื้อกลางคืนขนาดเล็กประมาณ 6-7 มม. มสี เี ทาสว นหลงั มีแถบสีเหลืองสม ตวั เตม็ วยั มอี ายุ 5-7 วัน สามารถวางไขไ ดห ลายครง้ั วางไขไ ดส งู โดยเพศเมยี วางไข เปนฟองเดี่ยวๆ ประมาณ 2-10 ฟอง วางทง้ั บนและใตใ บพชื ตวั เตม็ วยั เพศเมยี ตวั หนง่ึ ๆ วางไขไ ด ประมาณ 47-407 ฟอง ไขม สี เี หลอื งออ นเปน มนั ระยะไข 3-4 วัน หนอนเมอ่ื ฟก ออกจากไขใ หมๆ จะ อาศัยกัดกินอยภู ายในใบ หลงั จากนน้ั จะออกมากดั กนิ ภายนอกทาํ ใหผักเปนรูพรุน หนอนมลี กั ษณะ หัว แหลม ทายแหลม ลาํ ตวั เรยี วยาว สว นทา ยมปี มุ ยน่ื เปน 2 แถว หนอนมสี เี ขยี วออ นเทาหรอื เขยี วปน เหลือง เม่ือถกู ตวั จะดน้ิ อยา งรนุ แรงและทง้ิ ตวั ลงกอ นโดยการสรา งใย การปอ งกนั กําจดั 1. ใชเชื้อแบคทีเรีย บาซิลลัสทรูรนิ เจนซสิ (บีที) ฉดี พน ใบเวลาบา ยหรอื เวลาเชา 2. ใชกับดักกาวเหนียวสีเหลือง เพอ่ื จบั ตวั เตม็ วยั ของหนอนใยผกั ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนา ถดั ไป ๐ กลบั หนา หลกั /สารบญั
ผกั กาดเขยี วปลี 9 3. เลือกชวงเวลาปลูกที่เหมาะสม เนอ่ื งจากหนอนใยผกั จะระบาดในชว งฤดแู ลง สว นในชว งฤดู ฝนทาํ ลายเพยี งเลก็ นอ ย 4. การใชสารเคมปี อ งกนั กาํ จดั แมลง แตต อ งใชอ ยา งระมดั ระวงั เพราะอาจจะกอใหเกิดปญหา แมลงด้ือตอสารเคมี และพษิ ตกคา งตอ สง่ิ แวดลอ ม ผีเสอ้ื หนอนใยผกั 3. ดว งหมดั ผกั ดวงหมัดผัก มี 2 ชนิด คอื ชนดิ มแี ถบสนี า้ํ ตาลออ นพาด 2 แถว (ชนดิ ลาย) และชนดิ สนี า้ํ เงนิ เขม ลักษณะการทําลายดวงหมัดผักเต็มวัยจะกัดกินใบจนรูพรุน และตวั ออ นอาศยั อยใู นดนิ เขา กดั กนิ สวนของรากและชอนไชกัดกินโคนตน ทําใหตนชะงกั การเจรญิ เติบโตตนเห่ยี วเฉา การปอ งกนั กําจดั 1. ไถตากหนา ดนิ ในฤดแู ลง เพื่อทาํ ลายตวั ออ นหรอื ดกั แดใ นดนิ 2. ใชย าฆา แมลงพวก เซพวิน 85% 20-30 กรมั ตอ นา้ํ 20 ลติ ร 3. หมุนเวียนชนิดผัก ควรหยุดชวงการปลูกผักตระกูลกะหล่ําและหาผักชนิดอื่นมาปลูก สลบั บา ง ขอควรคํานงึ กอ นการปลกู ผกั กาดเขยี วปลี 1. ควรมีแหลงจาํ หนา ยผลผลติ ทแ่ี นน อน 2. ควรมีการขนสง ทด่ี ี การคมนาคมสะดวกและมปี ระสทิ ธภิ าพ การขนสง สงู ซง่ึ จะทาํ ใหธุรกิจมี ความคลอ งตวั 3. ควรมีการตกลงกําหนดมาตรฐานคุณภาพและราคาของผกั กาดเขยี วปลี ระหวางเกษตรกร และโรงงาน 4. ควรผลิตเปนกลุมเพื่อใหเจาหนาท่ีของทางราชการและโรงงานชวยแกปญหาการผลิตและ รับซอ้ื ไดส ะดวก ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนา ถดั ไป ๐ กลบั หนา หลกั /สารบญั
ผกั กาดเขยี วปลี 10 การแปรรปู ผกั กาดเขยี วปลี ผักกาดเขยี วปลดี อง สวนประกอบ 1 กิโลกรัม ผกั กาดเขยี วปลี 10 – 15 (ละลายเกลอื 100-250 กรมั ในน้าํ สะอาด 1 ลติ ร) นา้ํ เกลือรอยละ 1 ชอ นโตะ นา้ํ ตาลทรายขาว วธิ ที าํ 1. ลางผักใหสะอาด ผึ่งแดดใหผักเหี่ยวประมาณ 1 วัน ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนา ถดั ไป ๐ กลบั หนา หลกั /สารบญั
ผกั กาดเขยี วปลี 11 2. เรียงผักลงไหที่สะอาด เทน้ําเกลอื ผสมนา้ํ ตาลใหท ว มหาของหนกั ๆ ทบั ไวตอนบนทิง้ ไวจน เปร้ียวรับประทานได ซง่ึ ระยะเวลาจะขน้ึ อยกู บั ปรมิ าณเกลอื ทใ่ี ช ถา ใชเ กลอื นอ ยกจ็ ะเปรย้ี วเรว็ ผักกาดดองปรงุ รส สว นประกอบ ผักกาดเขยี วปลดี อง นา้ํ ปรงุ รส ประกอบดว ย น้าํ ปลาหรอื ซอี ว้ิ ขาว 750 มิลลลิ ติ ร นา้ํ สะอาด 750 มิลลลิ ติ ร นา้ํ ตาลทรายขาว 700 กรัม หรือ 7 ขดี ขา ปน 2 ชอนโตะ หรือ ประมาณ 8 กรัม วธิ ที าํ 1. ผักกาดดองเค็มตัดเปนทอนๆ ยาวประมาณ 3.5 เซนตเิ มตร สว นมากจะใชแ ตก า นไมใ ชใ บ แชนํ้าใหร สเคม็ ออกไปบา งประมาณ 1 ชั่วโมง (ถา ดองเคม็ จดั ) เอาขน้ึ ใหส ะเดด็ นา้ํ 2. ตมนํ้าปรุงรสทง้ิ ใหเย็น เรยี งผกั ลงไปเตมิ น้าํ ปรงุ รสใหผ กั อยใู ตน ้ําปรงุ รสตลอดเวลาทด่ี อง ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนา ถดั ไป ๐ กลบั หนา หลกั /สารบญั
Search
Read the Text Version
- 1 - 11
Pages: