Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานการวิจัยแนวทางการอนุรักษ์วัฒนธรรมเปอรานากันเพื่อพัฒนาศักยภาพ

รายงานการวิจัยแนวทางการอนุรักษ์วัฒนธรรมเปอรานากันเพื่อพัฒนาศักยภาพ

Description: รายงานการวิจัยแนวทางการอนุรักษ์วัฒนธรรมเปอรานากันเพื่อพัฒนาศักยภาพ.

Search

Read the Text Version

42 ป่ินตั้งป่ินตั้งเป็นจี้สาหรับห้อยคอ หรือใช้กลัดติดเส้ือ มักออกแบบเป็นลายดอกไม้ กลีบหรือ เกสรประดับเพชร อกี แบบหน่ึงออกกแบบรูปทรงเปน็ ทรงนูนคลา้ ยหลังเตา่ ประดบั ด้วยเพชรหรืออัญมณี ต่างๆ ปิ่นต้ังในภาษามาเล แปลว่าดาว มีจุดเด่นเป็นรูปทรงดาวหกแฉกเคร่ืองประดับช้ินน้ี มักใช้ประดับ ตกแต่งเป็นเตบนเส้ือครุยยาวจานวนหลายๆช้ิน เจ้าบ่างมักประดับปิ่นต้ังบนหมวกและปกเสื้อสูท ผู้ชาย ท่ตี ิดปิน่ ตง้ั บนปกเสื้อสูทจะคดิ วา่ ตวั เองเปน็ เจ้าชายหรอื เป็นพวกขนุ นางทางยโุ รปมยี ศฐานบรรดาศักดิ์ กอรอสังKerongsangกอรอสังเปน็ เครื่องประดับสามชิน้ มตี วั ใหญ่อยู่ด้านบนใตป้ กเส้ือตัวในนิยม เ รี ย ก ”ตั ว แ ม่ ( Mother piece,Kerrongsangibu) ”ด้ า น ล่ า ง เ รี ย ก ว่ า ”ตั ว ลู ก ( Child piece,Kreongsanganak)”หรือทเี่ รยี กวา่ ”aset of mother and child” ใช้กลัดแทนกระดุม สาหรับ ชุดเส้ือครุยมักมีลักษณะคลา้ ยรูปหัวใจหรือลกู พืช(Paisley Pattern)เป็นตัวแม่ซึ่งเป็นจุดเด่นของชุดครุย ยาวของเจ้าสาว ตรงส่วนปลายของกอรอสังจะเอียงช้ีไปทางซ้ายเล็กน้อย คือชี้ไปท่ีหัวใจของผู้สวมใส่ มี ตวั ลูกจะทาเปน็ วงกลมขนาดย่อมกวา่ ตัวแมส่ องอันตกแต่งเป็นลวดลายตา่ งๆกอรอสงั อีกแบบหน่ึงจะเป็น ชุดเข็มกลัดสามช้ินมีโซ่เล็กๆเกี่ยวเน่ืองกับเป็นชุดๆสามารถถอดโซ่ออกได้กอรอสังส่วนใหญ่มักทาจาก ทองคา เงนิ นาก ประดับดว้ ยเพชรซกี หรือ เพชรลกู นิยมใช้กับเสือ้ ยา่ หยา กาไรข้อเท้า “หม้ัคตีน” Maiteenจะใส่เป็นคู่มีการแกะฉลุลวดลายท่ีมีความหมายมงคล ทา ดว้ ยทองคาแท้ ตโี ปร่งทาใหม้ นี ้าหนักเบาบางวงก็เป็นทองเรยี บ บ้างกเ็ หมือนเกลยี วเชือก ขอ้ ไผ่ มหี วั เป็น ดอกบัวแสดงถึงความเป็นบริสุทธิ์และความสวยงามของเจ้าสาวในพิธีแต่งงานมีส่วนเว้าระหว่างรอยต่อ เพ่ือความสะดวกในการสวมใส่ หรอื กาเป็นวงกลมท่ีมีสกรูเพ่ือช่วยขยายกรอบกาไล บ้างก็ใส่กระพรวนไว้ ด้วยหม้ัคตีนนิยมใส่กับชุดครุยยาวเน่ืองในโอกาสพิเศษหรือพิธีการท่ีสาคัญเครื่องประดับทองที่ถูกมาใช้ (หากไมใ่ ช่ทองก็จะชุบทอง) เปน็ ของประดับกายเพือ่ แสดงฐานะและความเชอื่ ทางประเพณี กาไรข้อมือเพชร ลายดอกไม้หรือเถาวัลย์ใช้ลูกเพชรหรือเพชรซีกเรียงแถวตรงกลางใหญ่และ ลดหล่นั กันไป ต่างหูEarrings ต่างหูมีหลากหลายลักษณะได้แก่”ต่างหูหางหงส์”เป็นต่างหูติดแนบกับใบหู ลักษณะกลีบลายดอกไม้มีความอ่อนช้อยถอดยาวคล้ายขนของหงส์และ ”ต่างหูตุ้งต้ิง”เป็นต่างหูทีเอย ระย้า พลวิ้ ไหวได้เม่ือยางเดินหรือส่ายศรีษะไปมา เข้ากับชุดแต่งงานสาวจีน ใสค่ ูก่ บั ชดุ แต่งงานตะวันตก หรือชดุ ครุยยาวก็ไดต้ ่างหูเหลา่ น้ีลว้ นประดบั ด้วยเพชรลกู หรอื เพชรซกี กระเป๋าถกั เงินหรอื ทองsilvrr and gold wovrn bagสมยั ก่อนสตรีบ้าบ่าจะใช้กระเป๋าเป็นเพยี ง เคร่ืองประดับมีผ้าเช็ดหน้าหน่ึงผืนเท่าน้ันกระเป๋ายุควิคตอเรียแบบตาข่ายนี้ดูอ่อนช้อยแต่แข็งแรงด้วย การผลิตคล้ายๆกับวิธีทากล้องเหล็กตรงสายกระเปา๋ จะมีที่เก่ียวคล้ายแหนบเอาไปเหน็บกับเข็มกลัดเงนิ หรอื เขม็ กลัดทอง สร้อยคอโกป้ีจี้เป็นสร้อยคอยาวลดหลั่นหลากหลายความยาวความกว้างและความหนาดีไซน์ ของสร้อยมีความน่าสนใจมีพื้นผิวเรียบเกาะลายสลับข้อโซ่สร้อยโซ่น้เี อาไว้แต่งเสื้อครุยยาวประดับปิ่นต้ัง 6-12ดอก แหวนบาเย๊ะ คือเครื่องประดับท่ีสวมใส่ติดตัวในชีวิตประจาวันสาหรับคนบ้าบ๋านิยมทาแหวน เป็นลายดอกไม้เรียกว่า แหวนหัวดอกพิกุล ใช้เพชรลูกเป็นหัวแหวนรายรอบด้วยเพชรซีกบ้างทาหัว แหวนเป็นรปู สี่เหลย่ี มขนมเปียกปนู สี่เหลย่ี มเข้าหลามตัดเจา้ สาวจะต้องสวมแหวนบาเย๊ะหรือแหวนดอก พกิ ลุ เป็นเลขคู่หรือสวมแหวนให้ครบทงั้ 10น้ิวเปน็ การแสดงออกถึงฐานะยศถาบรรดาศักดิแ์ ละแสดงออก ถงึ ความม่นั คงม่ังมีของวงศ์ตระกูลน้นั ๆ

43 เข็มขัดสตรีบ้าบ๋านุ่งผ้าบาเต๊ะเก่งมากไม่ว่าจะทางานบ้านหรือออกไปธุระนอกบ้านจะนุ่งผ้าบา เต๊ะได้อย่างสวยงามและแน่นหนาดีด้วยดังนั้นต้องมีเข็มกลัดคนละ1ช้ินเรยี กเข็มกลัดน้วี ่าสายเอวซึ่งสาย เอวที่ใช้มีทั้งทาด้วยทอง90%,95% หรือสายเอวนาก40%,45% หรือทาจากเงินก็มีข้ึนอยู่กับฐานะของผู้ สวมใส่ จ้ีฮัวหนาจี้แบบช่อดอกไม้มีลวดลายอ่อนช้อยประดับด้วยเพชรเม็ดงามห้อยตุ้งติ้งลงมาจากช่อ ดอกไม้อีกรูปแบบคือเป็นแบบพวงองุ่น สตรีบ้าบ๋านิยมสวมใส่กับชุดย่าหยาซ่ึงมีลักษณะเป็นเสื้อลูกไม้ โปรง่ กับผ้าปาเต๊ะ กระดุมทองเสื้อคอตั้งแขนจีนสาหรับผู้มีฐานะใช้กระดุมทาด้วยทองฝักเพชรเนื่องจากเส้ือไม่มี กระดุมต้องใช้กระดุม5-7เม็ดเดียวกันมีสายทองร้อยอยู่หลังเพื่อยึดติดกระดุมรูปแบบของกระดุมเป็น ดอกไม้ฝังด้วยเพชรซกี (หมายเหตุ: ข้อมลู จากพพิ ิธภัณฑเ์ ปอรานากนั ถนนถลาง จังหวัดภูเกต็ ) 2. เพ่ือศึกษาความเป็นไปได้ ของการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของจังหวัดภูเก็ตจากการส่งเสริมด้าน วัฒนธรรมการแต่งกายของชาวเปอรานากัน จากผลการวิจัยด้านการพัฒนาเปน็ แหล่งท่องเทีย่ ว พบว่าถา้ มกี ารนาเอาวฒั นธรรมของชาวเปอ รานากันมาส่งเสริมการท่องเท่ียวผู้ตอบแบบสอบถามเลือกที่จะให้เหตผุ ลในการพัฒนาการท่องเท่ียวเชิง วัฒนธรรมโดยมีร้อยละสูงสุดคือ มีความเหมาะสมในการพัฒนาเป็นการท่องเท่ียวเชิงวัฒนธรรมของคน ในชมุ ชนโดยมคี ่าเฉลีย่ อยู่ที่ 3.35 และมคี า่ SD. อยูท่ ี่ 0.73 รองลงมาคือมีเอกลักษณ์เฉพาะตวั ทแ่ี ตกต่าง จากวฒั นธรรมอ่นื ๆโดยมคี า่ เฉล่ียอยู่ที่ 3.33 และมีค่า SD. อย่ทู ี่ 0.85 รองลงมาคือ ชุมชนใหค้ วามสาคัญ กับการแต่งกายแบบบ้าบ๋าย่าหย่าโดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ท่ี 3.20 และมีค่า SD. อยู่ที่ 0.77 รองลงมาคือ มี องค์ประกอบที่เหมาะสมในการพัฒนาการท่องเท่ียว ได้แก่ความมีเอกลักษณ์ ความสวยงาม ความมี ชือ่ เสียงความแปลกใหม่ที่คงความเปน็ บ้าบา๋ และย่าหยา่ ด้งั เดิมโดยมีคา่ เฉล่ียอยู่ท่ี 3.14 และมีค่า SD. อยู่ ที่ 0.82 จากการเก็บข้อมูลแก่กลุ่มนักท่องเท่ียวกลุ่มตัวอย่างมีความเห็นชอบให้มีการนาเอาวัฒนธรรม เปอรานากนั ไปพัฒนาเปน็ การท่องเท่ยี ว

บทที่ 5 อภปิ รายผลการวจิ ยั จากการศึกษาข้อมูล โดยผู้วิจัยกาหนดลักษณะของวัฒนธรรมเปอรานากัน ออกเป็น 3 กลุ่ม คอื วฒั นธรรมการกนิ วัฒนธรรมการแตง่ กายและวัฒนธรรมดา้ นประเพณี พบว่า 5.1 อภปิ รายผลการวจิ ยั 1. วฒั นธรรมการกนิ ของชาวเปอรานากนั ในจังหวัดตรังและภูเก็ต ท่ีมาของอาหารเปอรานากันน้ัน เป็นผลพวงมาจากการแต่งงานข้าม เช้ือชาติ ซ่ึงเปอรานากันหรือบ้าบ๋า-ย่าหยา เป็นคาเรียกขานชายหญิงที่มีวิถีชีวิตและวัฒนธรรมแบบ ผสมผสานจีน-มลายู ที่เป็นวัฒนธรรมใหม่มีเอกลักษณ์ของตัวเอง และได้ส่งผลมาถึงอาหารด้วย เพราะ สาวย่าหยาได้นาส่วนดีที่สุดของอาหารทั้งสองชาติมารวมกัน จนกลายเป็นอาหารเปอรานากัน ซึ่งใน เมืองไทยก็มีภูเก็ตท่ีถือเป็นชุมชนใหญ่ของชาวเปอรานากันอาศัยอยู่ อาหารเปอรานากันจึงกลายเป็น อาหารท้องถ่ินของภูเก็ตไปด้วย และได้ช่ือว่าเป็นอาหารที่อร่อย ใช้เวลาปรุงนาน เพราะสาวย่าหยาจะ พิถีพิถันในการปรุงอาหารให้ถูกใจหนุ่มบ้าบ๋า โดยมีหญิงย่าหยาสูงวัยคอยกากับดูแล เป็นการสืบทอด สูตรอาหารรนุ่ สรู่ ุ่น อาหารเปอรานากันได้นาส่วนประกอบของอาหารจีน เช่น หมู ซีอิ๊ว เต้าหู้ย้ี มาปรุงกับเริมปะห์ (Rempah) เคร่ืองผัดของชาวมลายู กะทิ และน้ามะขาม ท่ีเลือกใช้หมูก็เพราะชาวเปอรานากันไม่ใช่ มุสลิมจึงใช้หมูมาเป็นส่วนประกอบของอาหารได้ โดยมีอาหารที่ได้รับความนิยมเช่น แกงหมูน้ามะขาม (บาบีอาซัม) และหมสู ะเตะ๊ ทานกับน้าจิม้ ถว่ั ลิสงใสส่ บั ปะรด นอกจากหมแู ลว้ ชาวเปอรานากันยงั ชอบท่ี จะรับประทานเป็ด (ทั้งท่ีชาวมลายูไม่นิยม) เช่นการนาเป็ดมาตุ๋นท้ังตัว ใส่แกงหรือต้มส้ม (อีตะก์ ซีโย) ส่วนไก่นั้นใช้รับประทานท่ัวไป โดยสามารถทาอาหารได้หลายอย่าง เช่น ไก่ต้มกะทิรสจัด (กาปีตันไก่) และไก่ทอดพร้อมน้าจ้ิม (เอินจิก์ กาบิน) สาหรับเมนูท่ีมีขายในหลายประเทศ แต่แตกต่างกันไปตาม วัฒนธรรมของท้องถิ่นก็เช่น ละก์ซา (Laksa) ซึ่งอาหารต้นฉบับย่าหยามีสองแบบ คือ แบบมะละกาจะ เป็น ละก์ซา ลมะก์ (แกงละก์ซา) ประกอบด้วยเส้นก๋วยเต๋ียว กุ้ง และเคร่ืองอ่ืนๆ ในน้าแกงท่ีเข้มข้น ส่วนอาซัม ละก์ซา เป็นอาหารท่ีข้ึนช่ือของชาวย่าหยาในปีนัง ซ่ึงได้รับอิทธิพลมาจากไทย เป็นก๋วยเต๋ยี ว ปลาน้าใส โรยหน้าด้วยแตงกวาดิบ และใบสะระแหน่ ดังบทความของสาโรจน์ มีวงษ์สม (2553) ท่ี กล่าวถึง อาหารเพอรานากันมีลักษณะที่โดดเด่นโดยการผสมระหวา่ งสองวฒั นธรรม ที่บรรดาย่าหยาได้ นาส่วนดีที่สุดของอาหารทั้งสองชาติมารวมกัน อาทิ ส่วนประกอบของอาหารจีน เช่น หมู ซีอ๊ิว เต้าหู้ย้ี มาปรงุ กบั เริมปะห์หรือเครอ่ื งผดั ของชาวมลายู นอกจากนี้ ส่ิงที่สังเกตได้จากการเยือนดินแดนของชาวจีนบาบ๋าในภูมิภาคนี้คือ การเรียกช่ือ อาหารเป็นภาษาจีน เช่น อาโป้ง (Apom) หรือการเรียกชื่อขนมว่า “โก๊ย” (Kueh) ที่มีรากศัพท์มาจาก ภาษาจีนฮกเก้ียน ชาวจีนบาบ๋าท่ีอื่นๆ เองก็เรียกชื่อเดียวกัน อย่างขนมโก๊ยตาหลาม (KuehTalam) โก๊ยบูลู้ (KuehBulu) และขนมตา่ งๆ เหล่านี้ยังเปน็ ขนมทท่ี าขึน้ เพอื่ สอื่ ความหมายที่ดีใหแ้ กผ่ ้รู บั ประทาน ในโอกาสพิเศษต่างๆอย่าง อั่งกู้โก๊ย (Angkookueh) มาจากคาว่า “อั่ง” แปลว่าสีแดง คาว่า “กู้”

45 แปลว่าเต่า และคาวา่ “โก๊ย” แปลวา่ “ขนม” รวมความแลว้ เปน็ ความหมายจากสัญลกั ษณแ์ ละสีทีด่ ีเป็น สริ มิ งคลแปลว่าขนมเตา่ สีแดง แม้วา่ ชาวจีนภูเก็ตจะนิยมอาหารทเี่ กิดจากการรงั สรรค์ระหว่างอาหารจีน ฮกเกย้ี น มาเลย์ อนิ โดนีเซยี และไทย จนกลายมาเป็นอาหารบาบ๋าทม่ี ีความคล้ายคลึงกันท้ังหน้าตาและ รสชาติแต่คนจีนภูเกต็ เองกม็ เี มนูอาหารทม่ี คี วามพิเศษแตกตา่ งจากที่อื่นน่ันคือ “การทานา้ ชบุ หยา” เป็น วิธกี ารทานา้ พรกิ จากกะปโิ ดยใช้มือขยาแทนการใสค่ รกตา แตผ่ ้ชู ายชาวจีนทีม่ าจากฮกเกี้ยนไมน่ ิยมทาน กะปิและรสเผ็ดมาก น้าชุบหยาจึงเป็นอาหารสาหรับชาวจีนบาบ๋าในรุ่นต่อๆมา เมื่อมีงานบุญหรืองาน ประเพณีท่ีสาคัญต่างๆ คนภูเก็ตมักช่ืนชอบการรับประทานหมูฮ้องคู่กับน้าชุบหยาอยู่เสมอ และ นอกจากน้ี อาหารของชุมชนชาวบาบ๋าที่ปรากฏอยู่บริเวณฝั่งอันดามันภาคใต้ของไทยยังพบความ หลากหลายประเภททั้งอาหารคาวเช่น ต้มกระดูกหมูกับฟองเต้าหู้ สะตอผัดเคยกับกุ้งสด ปลาต้มเค็ม (ปลาฮ้อง) ต้มกะทยิ อดเต่ารา้ งเป็นต้น และอาหารหวาน เช่น บีถ้ ่ายบัก เก่ียมโก้ยเปาลงั้ เปน็ ตน้ (เมฆาณี และสมพิศ, 2556) 2. วัฒนธรรมการแต่งกาย วัฒนธรรมการแต่งกายของเปอรานากัน หมายถึง การแต่งกายของคนภูเก็ตจะเป็นการ ผสมผสานของหลายชนชาตอิ อกมาอยา่ งสวยงาม ซง่ึ ปัจจบุ ันชาวภูเกต็ ยงั คงรกั ษาวฒั นธรรมการแต่งกาย แบบจีนบาบ๋าไว้โดยปรับเปล่ียนรายละเอียดให้เหมาะสมกับยุคสมัย โดยชุดแต่งกายที่นาเสนอจะเป็น การแต่งกายของคนภเู ก็ต เม่ือสมยั ร้อยกวา่ ปมี าแล้ว ซึ่งเป็นการผสมผสานของหลายชนชาติออกมาอย่าง สวยงาม ชุดเส้ือคอต้ังแขนจีบใช้ได้ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงผู้สูงอายุ ใช้ในชีวิตประจาวันในโอกาสไปตลาด ไป วดั ไปไหวพ้ ระทศ่ี าลเจ้า ผ้านุ่งเป็นผา้ ปาเต๊ะ ตวั เสอื้ ความยาวระดบั เอวชายเสือ้ แต่งขอบดว้ ยลูกไม้ คอต้ัง ติดคอผ่าหน้าติดกระดุมทองหรือเข็มกลัดแถว แขนเส้ือยาวจีบปลายแขน มีกระเป๋าใบใหญ่สองข้าง ชุด นายเหมืองและภรรยา ชุดนายเหมือง ประกอบด้วยกางเกงและเสื้อคอต้ัง แขนเส้ือยาว มีกระเป๋าคล้าย ชุดราชประแตน สวมหมวกกะโล่ สาหรับผู้สูงวัยก็จะใช้ไม้เท้าด้วย ส่วนภรรยา หากออกงานพิธีการ สาคัญๆ จะแต่งชุด เสื้อครุย ประกอบด้วยเสื้อตัวในเป็นเสอ้ื คอตั้งปลายแขนจีบเหมือนชุดเสอ้ื คอต้ังแขน จบี ท่ัวไป น่งุ ผา้ ปาเต๊ะ สวมทับด้วยเสื้อครยุ ยาวผา้ ป่านรูเบียหรือผ้ามัสลินมีลวดลาย ติดเขม็ กลัดช้ินใหญ่ เป็นชุด เรียกว่า ชุดโกสัง ซึ่งมี 3 ตัว ใส่กาไลข้อเท้า สวมรองเท้าปักดิ้นหรือลูกปัด ทรงผม เกล้าผมทรง สูง ด้านหนา้ เรยี บตงึ ด้านหลังโปง่ ออกเรียกวา่ ชักอโี บย เกลา้ มวยไวบ้ นศรี ษะ ส่วนดา้ นข้างสองขา้ งดึงให้ โปง่ ออกเรยี กว่า อเี ปง มวยด้านบนดึงขึ้นเปน็ รูปหอยโขง่ ใชด้ อกมะลิหรอื ดอกพดุ ตมู ประดับรอบมวยผม แล้วปักป่ินทอง ชุดเจ้าสาว มีลักษณะเคร่ืองแต่งกายและทรงผมแบบเดียวกับชุดคหปตานี ต่างกันที่เสื้อ ครุยเจ้าสาวส่วนใหญ่จะใช้ผ้าลูกไม้โปร่งหรือผ้าป่านแก้ว ส่วนผ้านุ่งจะใช้ปาเต๊ะสีสด รอบมวยผมเป็น ฮั่วก๋วน หรือ มงกุฎเจ้าสาวประดับด้วยดอกไม้ไหวซึ่งทาจากทองคา ปักป่ินทองคา เคร่ืองประดับเป็น ทองและเพชรอลังการ ใส่ตุ้มหูระย้า สวมสร้อยคอทอง เรียกว่า หลั่นเต่ป๋าย ท่ีหน้าอกเส้ือจะประดับ ประดาดว้ ยปนิ่ ต้ังทองคาเหมือนรูปดาวเต็มหน้าอก หอ้ ยสายสร้อยทอง สวมแหวน กาไลมือ กาไลข้อเท้า สวมรองเทา้ ปักดน้ิ เงินดนิ้ สว่ นชุดเจ้าบา่ วจะหันมานิยมสวมสทู แบบตะวันตก แตย่ ังนาจ้สี ร้อยคอหรือปิ่น ตั้งมาติดที่ปกเสื้อ ชุดย่าหยา เป็นชุดลาลอง ตัวเส้ือตัดด้วยผ้าลูกไม้หรือผ้าป่านรูเบีย แขนยาว เข้าเอว รัดรูป ปักลายฉลุท้ังที่คอเส้อื ชายเส้ือ และปลายแขน ตัวเสื้อด้านหนา้ ปลายแหลมยาว ความยาวตัวเสือ้ จะอยู่ระดับสะโพกบน ปกเสื้อด้านหน้าแบะออกสาหรับติด โกสังหรือ กระดุมทองฝังเพชรที่ร้อยเช่ือม

46 ด้วยสร้อยทอง ส่วนผ้านุ่งปัจจุบันนิยมใช้ผ้าปาเต๊ะปักเล่ือม เพ่ือสนับสนุนงานฝีมือของกลุ่มแม่บ้านใน ชมุ ชน ดงั ภาพที่ 5.1 ภาพที่ 5.1 ลักษณะชดุ ย่าหย่า ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ด้านการแต่งกายของชาวเปอรานา กัน ของปราณี สกุลพิพัฒน์(2555) เป็นการศึกษาระบบความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับเคร่ืองแต่งกาย ของชาวเปอรานากันของจังหวัดภูเก็ต ผ่านข้ันตอนการลงพื้นที่เพื่อสัมภาษณ์ผู้ผลิตผ้า ผู้ถือครอง ผู้สืบ ทอดมรดกภูมิปัญญา ผู้จาหน่ายผ้า และเยาวชนท่ีมีความสนใจ เม่ือกระบวนการจัดเก็บความรู้สว่ นหนึ่ง สัมฤทธิ์ผล กระบวนการกระตุ้นให้เกิดความสานึกในการสืบทอดและสงวนรักษาวัฒนธรรมไว้ จึงเป็น เป้าหมายต่อไปในการรวบรวมความเปน็ เอกลักษณ์ของพลเมืองในท้องถนิ่ เคร่ืองแตง่ กายของชาวเปอรา นากันถือเป็นเครื่องหมายหน่ึงท่ีแสดงให้เห็นถึง อัตลักษณ์ของความเป็นกลุ่มชาติพันธ์หนึ่งในประเทศ ไทย การทาความเข้าใจเกี่ยวกับเคร่ืองแต่งกายจึงจาเป็นต้องเชื่อมโยงกับบริบทของชาวเปอรานากันใน จังหวดั ภูเกต็ และสอดคล้องกับ จักรพนั ธ์ เชาวป์ รีชา (2555) บทเรียนประวัตศิ าสตร์ที่นา่ ภาคภมู ใิ จของ ลูกหลานชาวเปอรานากันในการยึดถือปฏิบัติตามกรอบความแนวความคิดเพื่อนามาปรับใช้กับการ เปล่ียนแปลงทางสังคมอย่างรวดเรว็ ในปจั จุบัน การนาเสนอเร่ืองราวเคร่ืองแต่งกายของชาวเปอรานากัน ในอดีตเป็นดั่งกระจกที่สะท้อนความเจริญรุ่งเรืองของชุมชนชาวเปอรานากันและเป็นการบอกเล่าความ เป็นมาที่งดงามของวัฒนธรรมลูกผสม การร่วมมือร่วมใจของคนในชุมชน เพ่ือสร้างกลยุทธ์การสืบทอด องค์ความรู้ทางวัฒนธรรมการแต่งกายเปอรานากันนี้เป็นส่วนท่ีสาคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ แม้ วิวัฒนาการโลกจะปรับเปล่ียนไปจากเดิมมาก แต่แนวทางการดาเนินชีวติ และความเป็นตัวตนยังคงมีให้ เห็นอยใู่ นวฒั นธรรมการแต่งกาย ของบรรพบรุ ษุ ชาวเปอรานากนั 3. วัฒนธรรมด้านประเพณีต่างๆ ของชาวเปอรานากัน ประเพณีที่ชาวไทยเชื้อสายจีนในภาคใต้ฝั่งอันดามันยังคงยึดถือปฏิบัติสืบทอดกันมาจนถึง ปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นประเพณีที่เก่ียวข้องกับการระลึกถึงบุญคุณของบรรพบุรุษได้แก่ 1) ประเพณีโจ้ก่ี หรือการราลกึ ถึงญาติท่ีสนิ้ ชีวิตไปแล้วด้วยการเซ่นไหวท้ ี่ป้ายวญิ ญาณซงึ่ ถือว่าเป็นตวั แทนของบรรพบุรุณ

47 2) ประเพณีวันสารทจีนหรือผ้อต่อ ตรงกับวันเพ็ญเดือนเจ็ดจีน เป็นการแสดงความเคารพแก่วิญญาณ บรรพบุรษุ วิญญาณทเ่ี รร่ ่อน รวมถงึ สรรพสัตวท์ ง้ั หลายให้ช่วยคุ้มครองมนุษย์ให้พ้นจากภยั อันตราย โดย ใช้ขนมเตา่ สีแดงเปน็ สัญลักษณข์ องการเซน่ ไหวว้ ญิ ญาณเหล่านนั้ เพ่ือให้เกิดความสุขสวสั ด์ิแกล่ ูกหลานใน วงศ์ตระกูล 3) ประเพณเี ชง็ เบง๋ หรือการไปทาความสะอาดสสุ าน ถอื เป็นวันที่สาคัญวันหน่ึงของลกู หลาน ชาวจนี ทไ่ี ดโ้ อกาสมาพบกนั ทั้งตระกลู เรยี กวา่ “วนั รวมญาติ” 4) ประเพณตี รุษจนี หรือการเฉลมิ ฉลองวัน ปีใหม่จีน คนภูเก็ตเรียกว่า “เดือนสาม” ซึ่งเป็นวันท่ีชาวจีนทั้งในแผ่นดินใหญ่และลูกหลานที่อยู่โพ้น ทะเลนิยมจัดงานประเพณีนี้อย่างย่ิงใหญ่ที่สุดและยาวนานท่ีสุดในรอบปี5) ประเพณีถือศีลกินผักหรือ เจีย้ ะฉา่ ย เปน็ ความภาคภูมิใจของชาวจีนบาบา๋ ในเมอื งไทยที่ยงั คงรักษาประเพณนี ี้ได้ และแตล่ ะปีก็แทบ จะปรากฏจานวนผู้เข้าร่วมถือศีลกินผักทั้งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและกลุ่มคนไทยเชื้อสายจีนในช่วง ระยะเวลา 9 วันน้ีอย่างล้นหลาม และยังพบว่าอัตราการเพ่ิมข้ึนของจานวนผู้บริโภคผักในช่วงเวลา ดังกล่าว (บรรเจิด อ้างถึงใน ปราณี สกุลพิพัฒน์.2555)ด้วยความรู้สึกสานึกรักในแผ่นดินบ้านเกิดเมือง ทาให้ทราบว่าผู้ร่ารวยมงั่ ค่ังเหลา่ นไ้ี มเ่ คยลืมชาติกาเนิดของตน พวกเขาได้รว่ มมือร่วมใจกนั ก่อตง้ั สมาคม หรือศาลเจ้าชาวจีนตามชาติพันธ์ุหรือแซ่ตระกูลเพื่อเป็นศูนย์กลางเชื่อมความสัมพันธ์ของคนในชุมชน ชาวจนี บาบ๋าเชน่ สมาคมฮกเก้ยี น ศาลเจา้ ไหหลา ศาลเจ้าแสงธรรม (เป็นศาลเจา้ ของกลมุ่ ตระกูลแซ่ตัน) เปน็ ตน้ นอกจากน้ี ยงั รวมถึงการให้ความชว่ ยเหลือชาวจีนด้วยกนั เองหรือคนในท้องถ่ินจากผู้สนับสนุนที่ เปน็ คหบดีรายใหญท่ ม่ี ีฐานะรา่ รวย เชน่ การก่อตงั้ สถานสงเคราะห์คนยากจน การสร้างโรงเรยี นจีน หรือ แม้แต่การสร้างโรงพยาบาล เป็นต้น จุดกาเนิดและการสืบทอดของวัฒนธรรมจีนที่สาคัญต่างๆจึงเป็น เคร่ืองบ่งบอกความเจริญทางจิตใจของผู้ที่ดารงรักษาวัฒนธรรมเหล่าน้ันได้ ส่วนหนึ่งของการสนับสนุน การจัดกิจกรรมท่ีเก่ียวกับประเพณีของจีนบาบ๋าน้ันเกิดจากนโยบายทางภาครัฐบาลที่อยากให้เกิดจาก ความร่วมมือของคนในชุมชน แต่เจตจานงค์ของความร่วมมือร่วมใจกันน้ีจาเป็นต้องถือกาเนิดจากกลุ่ม คหบดีที่เป็นท่ีนับหน้าถือตาของประชาชนด้วยการช่วยเหลือเก้ือกูลในลักษณะเกิดข้ึนบ่อยคร้ังในสังคม ชาวจีนบาบ๋าในแถบชายฝง่ั ทะเลอนั ดามนั ภาคใต้น(ี้ ปราณี สกลุ พพิ ฒั น.์ 2555) จากการวิเคราะห์ข้อมูลเร่ือง การรับรู้ภาพลักษณ์วัฒนธรรมของจังหวัดตรังและจังหวัดภูเก็ต โดยการประเมนิ จากแบบสอบถาม ดงั ผลการวิจัยจากตารางตอ่ ไปน้ี ตารางที่ 5. 1 ความสมั พันธร์ ะหว่างปัจจยั สว่ นบคุ คลของนักท่องเท่ยี ว ท่มี าเทยี่ วจังหวัดตรงั และภเู กต็ กบั ภาพลกั ษณข์ องวัฒนธรรมเปอรานากนั วฒั นธรรมเปอรานากัน อาหาร เทศกาลตา่ งๆ การแต่งกาย รวม ปัจจยั ส่วนบุคคล จานวน จานวน จานวน จานวน (รอ้ ยละ) (รอ้ ยละ) (รอ้ ยละ) (ร้อยละ) อายุ 20 ปี หรอื ต่ากวา่ 3(10.34) 11(37.93) 15(51.72) 29(100.00) 21 – 30 ปี 23(13.22) 38(21.84) 113(64.94) 174(100.00) 31 – 40 ปี 16(13.79) 26(22.41) 74(63.79) 116(100.00)

48 41 – 50 ปี 7(15.91) 12(27.27) 25(56.82) 44(100.00) 19(51.35) 37(100.00) 51 ปี ข้นึ ไป 11(29.73) 7(18.92) Chi-square X2 = 14.367* df = 8 p-value = .042 สถานภาพ โสด 29(12.55) 56(24.24) 146(63.20) 231(100.00) 87(62.14) 140(100.00) สมรส 25(17.86) 28(20.00) 13(44.83) 29(100.00) หม้าย/หยา่ รา้ ง 6(20.69) 10(34.48) Chi-square X2 = 8.897* df = 2 p-value = .034 จากตารางที่ 5.1 พบว่า อายุมีความสัมพันธก์ ับภาพลักษณ์ของวฒั นธรรมเปอรานากัน อย่างมี นัยสาคญั ทางสถติ ิ .05 โดยนักท่องเทย่ี วท่ีมาเท่ียวจงั หวดั ตรังและภเู ก็ต ทมี่ ีอายรุ ะหวา่ ง 21-30 ปี มกี าร จดจาวัฒนธรรมเปอรานากันประเภทการแตง่ กาย มากทีส่ ุด รองลงมาคอื เทศกาลตา่ งๆ สถานภาพมีความสัมพันธ์กับภาพลักษณ์ของวัฒนธรรมเปอรานากัน อยา่ งมีนัยสาคัญทาง สถติ ิ .05 โดย นักท่องเท่ียวที่มาเที่ยวจังหวัดตรังและภูเก็ต ที่มีสถานภาพโสด มีการจดจาวัฒนธรรมเปอรานากัน ประเภทการแต่งกายมากทสี่ ดุ 5.2 สรปุ ผล ในการวิจัยนี้จะดาเนินการวิจัยโดยการวิเคราะห์ลักษณะของวัฒนธรรมเปอรานากันจาก ขอบเขต 3 ประการ คือ การกินของชาวเปอการแต่งด้านประเพณีต่างๆ ของชาวเปอรานากันโดยแต่ละ วัฒนธรรมจะมีเอกลักษณ์เฉพาะของตนเองได้อย่างชัดเจน กล่าว คือ ด้านการกินของชาวเปอรานากัน นิยมนาวัตถุดิบพื้นถิ่นผสมรวมกับวัตถุดิบหลัก ซ่ึงสอดคล้องกับพุมรี อรรถรัฐเสถียร (2556) กล่าวถึง ลักษณะของอาหารตามแบบวัฒนธรรมเปอรานากันว่าเป็นอาหารที่มีการผสมผสานกัน โดยชาวเปอรา นากนั จะนาเคร่อื งปรงุ ของท้องถิ่นมาใช้ประกอบอาหาร สว่ นดา้ นวัฒนธรรมการแต่งกายผู้หญิงจะนยิ มใส่ ชุดชุดบ้าบ๋าซึ่งเป็นชุดท่ีสามารถใช้ได้ต้ังแต่วัยเด็กจนถึงผู้สูงอายุ ใช้ในชีวิตประจาวันในโอกาสไปตลาด ไปวดั ไปไหว้พระทีศ่ าลเจา้ ผ้านุง่ เป็นผา้ ปาเตะ๊ ตวั เสื้อความยาวระดับเอวชายเสือ้ แตง่ ขอบด้วยลกู ไม้ คอ ต้ังติดคอผ่าหน้าติดกระดุมทองหรือเข็มกลัดแถว แขนเส้ือยาวจีบปลายแขน มีกระเป๋าใบใหญ่สองข้าง และบางคนยังนิยมสวมใสช่ ดุ ย่าหย่าซ่ึงจะแบ่งออกเปน็ 3 แบบด้วยกนั ไดแ้ ก่ เคบายาลินดานิยมใช้ในช่วงประมาณปี พ.ศ. 2463-2473 นิยมใช้กับผ้าป่านหลายสีหรือผ้าหนาที่มีลาย ดอก ปลายเสื้อด้านหน้าแหลมยาวแต่ด้านหลังจะส่ันกว่าคลุมสะโพก เข้ารูปเล็กน้อยไม่ถึงกับรัดรูป ชายเสื้อ ปลายแขนเสื้อ ขอบปกและคอเส้ือติดผ้าลูกไม้จากยุโรป ฮอลันดาเป็นประเทศที่มีช่ือเสียงใน ด้านการผลิตผ้าลูกไม้ทามือคนขายผ้าในภูเก็ตเรียกว่า รูเบีย แต่ชาวอังกฤษ เรียกว่า ออกันดี ลูกไม้ตก แต่งตัวเสื้อจะมีสีขาวเท่าน้ัน ใช้เคร่ืองประดับกอรอสังท่ีมีเข็มกลัด 3 ตัว กลัดรวมกันลักษณะเป็นลาย เครือเถาช่อดอกไม้หรือรูปสัตว์มงคลแมลงปอ ใบไม้โยงด้วยสายสร้อยเชื่อมต่อกัน ทาด้วยทอง ทองเหลือง หรือนาก โซ่ติดเส้ือแทนกระดุม เป็นเสื้อเข้ารูปในภาษามาลายูเรียกว่า “Kebaya” สาหรับ ชาวจีนเรยี กว่า “ปว่ั ต่งึ เต้”(ครึ่งส้นั คร่งึ ยาว)

49 เคบายา บีกู (KebayaBiku) นิยมในช่วงประมาณปี พ.ศ. 2473 -2483 ซ่ึงถือเป็นการพัฒนา แฟช่ันเส้ือของผู้หญิงบ้าบ๋าอีกรูปแบบหน่ึง เน่ืองจากความเจริญด้านเทคโนโลยีทาให้รูปแบบของเส้ือ เปลี่ยนไป เสอ้ื แบบนม้ี กี ารฉลุลายเลก็ ๆริมขอบสาบเส้ือด้านหน้ารอบสะโพกคลา้ ยคตั เวิรค์ ลายที่นิยมคือ ลายหอยแครง จักรเย็บผ้าสามารถทาอะไรได้มากขึ้นผ้าที่ใช้ตัดเส้ือเป็นผ้าพ้ืน ผู้หญิงบ้าบ๋าส่วนใหญ่จะ ปักลายของเสอื้ ดว้ ยตนเอง เคบายา ซูแลม (KebayaSulam) นิยมอยู่ในช่วงประมาณปี พ.ศ. 2ประกอบด้วยกางเกงและ เส้ือคอต้ัง แขนเสื้อยาว มีกระเป๋าคล้ายชุดราชประเต็น สวมหมวกกะโล่ สาหรับผู้สูงวัยก็จะใช้ไม้เท้า 483-2500 ลักษณะคล้ายเคบายาบีกู แตกต่างกันตรงลายฉลุที่งดงามกว่าเน้นการฉลุลายด้วนสีสัน สวยงามทงั้ ดา้ นหนา้ และดา้ นหลัง เส้อื แบบน้ปี รากฏในภูเกต็ จนถึง ประมาณหลังสงครามโลกคร้งั ท2่ี เส้ือ ย่าหยา แบบเคบายาบีกู และเคบายา ซูแลม ค่อยข้างเน้นทรวดทรงมากและเส้ือตัวในซึ่งเป็นเส้ือซับใน ปรับเปลย่ี นจากเสอ้ื คอกระเช้า รมิ ตดิ ลกู ไม้เล็กๆมาเปน็ เสือ้ ช้นั ในบราเซยี ส่วนทางด้านผู้ชาย นิยม ชุดนายเหมืองประกอบด้วยกางเกงและเสื้อคอต้ัง แขนเสื้อยาว มี กระเป๋าคล้ายชุดราชประเต็น สวมหมวกกะโล่ สาหรับผู้สูงวัยก็จะใช้ไม้เท้า หรือชุดแบบสากล เส้ือเชิ้ต แขนยาวผูกเนคไทใส่สูตรโดยท่ัวไปเจ้าบ่าวจะแต่งกายสวมเส้ือนอกแบบยุโรปเช่นกัน เพราะคนภูเก็ต ค่อนข้างจะมีวิถีไปทางยุโรป เป็นกลุ่มคนท่ีมีฐานะเสื้อเจ้าบ่าวมักจะมีเข็มกลัดติดพู่สีชมพูตกแต่งเพ่ือ ความสวยงาม ชาวบ้าบ๋าในยคุ นัน้ จะมีคาเรียกการแตง่ กายแบบสากลวา่ .”สวมแม่เสือ้ ใส่เกือกแบเรต็ ” ด้านประเพณี จะนิยมจัดงานมงคล เช่น งานแต่งงาน มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการสืบทอด ประเพณีโบราณ รวมทั้งเป็นการให้เกียรติแก่ฝ่ายเจา้ สาวและครอบครัว ให้มีความม่ันใจในตัวเจ้าบ่าว ท่ี จะสามารถดูแลเจ้าสาวอย่างมีความสุขด้วยการหม้ันหมาย เรียกว่า \"ผ่างเต๋\" คือ การเชิญญาติผู้ใหญ่จบิ นา้ ชา และ \"เวยี นสาดเวยี นหมอน\" คอื พิธีสง่ ตัวบา่ วสาวหอ โดยมี อ่ึมหลาง คอื แม่สอ่ื และ แมก่ าร เปน็ ผู้ดาเนินพิธีการต่างๆ ให้ ความพิเศษของพิธีแต่งงานบาบ๋า มีหลายอย่างด้วยกัน โดยเร่ิมตั้งแต่ชุด แต่งงานของ บ่าว-สาว ชุดของเจ้าบ่าวมีลักษณะเป็นสูทแบบฝร่ัง เพ่ือเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความม่ัง คงั่ และการดาเนนิ ชีวติ ของชาวพารานากนั ทค่ี ้าขายกับบริษทั ชาวต่างชาติ สว่ นชุดเจ้าสาว จะใส่ชดุ ปนั จู ปนั จงั เปน็ ชดุ ยาวที่มีความงดงามดว้ ยลายผ้าเส้ือตัวในเปน็ เส้ือลูกไมส้ ีขาวคอต้งั แขนจีบ นุ่งผา้ ลายปาเต๊ะ สวมเสื้อครุยผ้าป่านรูเปีย หรือผ้ามัสลินปักลวดลาย ซึ่งจะเลือกสีคลุมโทนเดียวกับผ้านุ่ง สวมใส่ เคร่ืองประดับประจาตระกูล ติดเครอ่ื งประดับทองชุดใหญ่ ทเ่ี รียกว่า โกสงั มเี ขม็ กลัดชน้ิ ใหญ่ และอีก 3 ชิ้นเล็ก ใส่กาไลข้อเท้า สวมรองเท้าปักด้ิน หรือลูกปัด ทรงผมมีเอกลักษณ์ คือ ทรงผมเกล้าสูง มีช่ือ เรียกว่า ทรงซักอีโบย และท่ีสาคัญ คือ เจ้าสาวต้องใส่มงกุฎทอง \"ดอกไม้ไหว\" ท่ีทาด้วยทองคา (ไทยรัฐ ออนไลน์, 2557) นอกจากน้ียังมีการจัดงานประเพณีที่ระลึกถึงบรรพบุรุษของชาวเปอรานากัน เช่น เทศกาลกินเจ ด้านการจดจาภาพลกั ษณ์เป็นการเก็บข้อมูลจากแบบสอบถามนักท่องเท่ยี วชาวไทย พบว่า อายุ มีความสัมพันธ์กับภาพลักษณ์ของวัฒนธรรมเปอรานากัน โดยนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวจังหวัดตรังแล ะ ภเู กต็ จะมอี ายุระหว่าง 21-30 ปี กลมุ่ น้ีจะมีการจดจาวัฒนธรรมเปอรานากันประเภทการแตง่ กาย มาก ท่ีสุด รองลงมาคือเทศกาลต่างๆ ด้านสถานภาพของนักท่องเท่ียวกลุ่มที่มีความสัมพันธ์กับภาพลักษณ์ ของวัฒนธรรมเปอรานากัน คือนักท่องเที่ยวท่ีมาเที่ยวจังหวัดตรังและภูเก็ต ท่ีมีสถานภาพโสด มีการ จดจาวัฒนธรรมเปอรานากนั ประเภทการแต่งกายมากทีส่ ุด

50 5.3 ขอ้ เสนอแนะ จากการวิจัยสามารถนาแนวทางการพัฒนาวัฒนธรรมเปอรานากันมาปรับใส่ในการกาหนด นโยบายการทอ่ งเทย่ี วโดยม่งุ เนน้ การทอ่ งเท่ยี วเชงิ คุณภาพมากกวา่ เชิงปรมิ าณ ทง้ั น้ใี หค้ านงึ ถึงการจดจา ภาพลักษณ์ทสี่ าคญั ของวฒั นธรรมเปอรานากันผ่านมมุ มองของนักท่องเท่ียวทเี่ ดนิ ทางเข้ามาท่องเท่ียวใน จงั หวดั ตรังและภเู ก็ต

บรรณานกุ รม

บรรณานกุ รม การแตง่ กายพื้นเมอื งภูเก็ต.[ระบบออนไลน์].เขา้ ถงึ ได้จาก:http://itp531.blogspot.com/p/blog- page_2792.html เม่ือวนั 17 ธนั วาคม 2560 ไกรฤกษ์ ป่นิ แก้ว.(2556). แหลง่ ทอ่ งเทยี่ วเชงิ วฒั นธรรม.[ระบบออนไลน์].เข้าถึงได้จาก: http://tourism-dan1.blogspot.com.17,ธันวาคม,2560. จรรยส์ มรผลบุญ. (2558). ววิ ฒั นาการและการพฒั นารปู แบบการสบื สานวฒั นธรรมการแสดงของคน ไทยเชอื้ สายมลาย.ู ไม่ปรากฏสานกั พิมพ์. จิราพร รอดคุ้ม.(2559).การศกึ ษาเอกลกั ษณช์ าวเขาเผา่ มง้ อาเภอพบพระจงั หวดั ตากเพอื่ การออกแบบ เครื่องประดบั .หน้า 135.ไมป่ รากฏสานกั พิมพ์. จุฑามาศ คงสวัสด.์ิ (2550). การศกึ ษาแนวทางการสง่ เสริมการท่องเทยี่ วเชงิ วฒั นธรรมจงั หวดั นครปฐม. หน้า 1.นครปฐม:ภาควิชาพนื้ ฐานทางการศึกษา มหาวิทยาลัยศิลปากร. ชาชิวัฒน์ ศรแี ก้ว.(2554). รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทยพทุ ธศกั ราช 2540.หน้า 71. กรงุ เทพมหานคร: สมานการพิมพ์. ดวงสมร ฟกั สังข.์ (2552). การสารวจทนุ ทางสงั คมและการจดั เสน้ ทางท่องเทย่ี วเชงิ วฒั นธรรมของ ชมุ ชนในเขตเทศบาลตาบลศาลายาจงั หวดั นครปฐม.หนา้ 26. กรงุ เทพมหานคร: มหาวทิ ยาลัยราชภัฏ-สวนสุนนั ทา. ธรี ยุทธ์ มลู ละออง.(2553).การศกึ ษาและพฒั นาเคร่อื งแตง่ กายไทยทรงดาเพอื่ ธรุ กจิ ชมุ ชน.หน้า 4.ไม่ ปรากฏสานักพิมพ.์ ปราณี สกลุ พิพัฒน.์ (2555).มรดกภมู ปิ ญั ญาทางวฒั นธรรมการแตง่ กายของชมุ ชนบา้ บา๋ แปอรานา กัน.[ระบบออนไลน์].เข้าถึงได้จาก: http://ich.culture.go.th/index.php/en/research/376-pernaragan. 6,ธันวาคม,2560. ปราณี สกุลพิพัฒน์.(2553).เปอนารากนั หรือบา้ บา๋ ยา่ หยา.[ระบบออนไลน์].เข้าถงึ ได้: จาก https://www.dekd.com/board/view/1594798.6,ธันวาคม,2560. ปริวรรตธรรมาปรีชากรและนิสติ มโนต้งั วรพนั ธ.์ุ (2553).หน้า 63.เรยี นรวู้ ฒั นธรรมเปอรานากนั บ้าบา๋ ยา่ หยา จากเครอื่ งประดบั นนยา.หนา้ 63. พจนา บุญคุม้ . (2556). บทบาทของชมุ ชนในการเสรมิ สรา้ งอตั ลกั ษณข์ องแหลง่ ท่องเทย่ี วเชงิ วฒั นธรรม ในจงั หวดั นครปฐม.หน้า 33.นครปฐม: มหาวิทยาลัยศิลปากร. พระยาอนุมานราชธน (2515).วฒั นธรรมและประเพณไี ทย.หน้า 6.กรงุ เทพฯ : กองวัฒนธรรม. พยอมธรรมบตุ ร.(2549). เอกสารประกอบการเรยี นการสอนเรอื่ งหลกั การทอ่ งเทยี่ วเชิงอนรุ ักษ์. กรงุ เทพฯ: สถาบันพัฒนาการท่องเท่ียวเพื่ออนรุ ักษส์ งิ่ แวดล้อม. พุมรี อรรถรฐั เสถยี ร.(2556).เปอรานากนั เลอื ดลกู ผสม.หน้า 91-95.วารสารรูสมแิ ล.

53 พิพิธภณั ฑเ์ ปอรานากนั .[ระบบออนไลน์].เข้าถึงไดจ้ าก : http://peranakanphuketmuseum.com/peranakanphuketmuseumticket/.6, ธันวาคม,2560. มาณพ มานะแซม.(2547).พัฒนาการเครอ่ื งแตง่ กายชาวลา้ นนา ไทยวน.หน้า 132-133. รสกิ าอังกรู (2552). คมู่ อื การจดั การทอ่ งเทยี่ วโดยชมุ ชนสานกั งานพฒั นาการท่องเทยี่ วกระทรวงการ ทอ่ งเทย่ี วและกฬี ารว่ มกบั มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช.นนทบุร:ีโรงพิมพ์อมั รนิ ทรพ์ รนิ้ ทต์ ้งิ ระวีวรรณชอ่มุ พฤกษ์.( 2528).มนุษยวทิ ยาวฒั นธรรม. ภาควิชาสงั คมศาสตร์ คณะมนุษย์และ สังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์ วิทยาเขตปัตาณี. ราณีอิสชิ ัย.(2546). ความรู้เบอื้ งตน้ เกยี่ วกบั การท่องเทยี่ วเอกสารชดุ ฝกึ อบรมทางไกลหลักสตู รการ จดั การทอ่ งเทีย่ วชมุ ชนอยา่ งยงั่ ยืน.สานักงานพฒั นาการท่องเท่ยี วกระทรวง การทอ่ งเท่ียวและกีฬาร่วมกบั มหาวทิ ยาลยั สุโขทัยธรรมาธริ าช. นนทบรุ ี : มปท. อารงสทุ ธาศาสน์.(2519). ปญั หาความขดั แยง้ ในสจี่ งั หวดั ภาคใต้. หน้า 132-133. กรงุ เทพฯ :ประชาพิทกั ษ์.

ภาคผนวก

ภาคผนวก ก แบบสอบถาม เรอ่ื ง ศกึ ษาลกั ษณะการแตง่ กายของชาวเปอรานากนั เพอ่ื สง่ เสรมิ การทอ่ งเทยี่ วเชงิ วฒั นธรรมของจงั หวัดภเู กต็ โดยมีวัตถปุ ระสงค์ทจ่ี ะศึกษาลกั ษณะการแตง่ กายของชาวเปอรานากันเพ่ือสง่ เสริมการ ท่องเทย่ี วเชงิ วฒั นธรรมของจังหวัดภเู ก็ต ดังน้ี ตอนท่ี 1 ข้อมลู ทัว่ ไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ตอนท่ี 2 ความรู้และความเข้าใจของลักษณะการแตง่ กายของชาวเปอรานากนั ตอนท่ี 3 ความเป็นไปได้เกี่ยวกบั ลกั ษณะการแตง่ กายของชาวเปอรานากนั ตอนท่ี 4 ข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ ตอนท่ี 1 ข้อมลู ทวั่ ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม เพศ ชาย หญิง อายุ ตา่ กว่า 20 ปี 20-30 ปี 31-40 ปี 41-50 ปี 50 ปขี ้ึน อาชีพ รบั ราชการ/รัฐวิสาหกิจ พนักงานบรษิ ัท ทาธรุ กิจส่วนตัว เกษตรกร นกั เรยี น/นกั ศึกษา รบั จา้ งทว่ั ไป อน่ื ๆ (โปรดระบุ) ............................ รายได้/เดอื น ไม่มีรายได้ 5000-10000 บาท 10001-20000 มากกวา่ 20000 สถานภาพ โสด หยา่ ร้าง แตง่ งานแล้ว การศึกษา ต่ากวา่ มธั ยมศึกษามธั ยมศึกษา/ประกาศนียบตั รวิชาชพี ประกาศนียบตั รวิชาชพี ชัน้ สูง ปรญิ ญาตรี สงู กวา่ ปริญญาตรี ตอนท่ี 2 ความรู้และความเข้าใจของลักษณะการแตง่ กายของชาวเปอรานากัน (โปรดทาเครื่องหมาย √ ตามความเปน็ จรงิ ) ลาดับ ข้อคาถาม รู้ ไมร่ ู้ 1 บา้ บ๋าคอื ลักษณะการแต่งกายของชาวภเู กต็ 2 ยา่ หย่าเป็นชดุ ของผู้หญิงในจังหวดั ภูเก็ต 3 การแตง่ กายของชาวบ้าบา๋ และยา่ หยา่ จะต้องใสเ่ ครื่องประดบั ให้ถกู ต้องตาม กาลเทศะ 4 เครือ่ งประดบั แต่ละช้นิ จะมีความหมายตามลกั ษณะกิจกรรมที่ใส่รวมกบั ชุด เชน่ ดอกไม้ไหว กระดุม เหลา่ นเ้ี ป็นต้น 5 ชดุ บา้ บ๋า ยา่ หย่าเป็นชุดของชาวเปอรานากนั

56 6 ชดุ ของชาวเปอรานากันสามารถสวมใสในพธิ ีการต่างๆ โดยการสวมใส่ในแต่ละพิธี การจะมีการประดบั เคร่ืองประดับไมเ่ หมือนกัน ตอนท่ี 3 ความเป็นไปไดเ้ กยี่ วกับลักษณะการแต่งกายของชาวเปอรานากัน(โปรดทาเครื่องหมาย √ ตาม ความเปน็ จริง) ความเปน็ ไปได้เกย่ี วกบั ลักษณะการแตง่ กาย ระดบั คะแนน ลาดบั ของชาวเปอรานากนั ในจงั หวดั ภเู กต็ ทม่ี คี วามเหมาะสม ในการพฒั นาเปน็ แหลง่ ท่องเที่ยว มาก มาก ปาน นอ้ ย นอ้ ย ทส่ี ดุ ทสี่ ุด กลาง 1 5432 ดา้ นเครอื่ งแต่งกาย 1 เอกลกั ษณ์และความเปน็ วัฒนธรรม 2 รูปแบบและความสวยงามของชดุ 3 ความเหมาะสมในการแต่งกายตามกาลเทศะ 4 การออกแบบลกั ษณะลวดลายของชดุ 5 ความสวยงามของเครื่องประดับ 6 ความโดดเดน่ ของรองเทา้ ท่ีสวมใส่ 7 ความทันสมัยในสวมใส่ 8 ความคงทนของเส้อื ผา้ ของชาวเปอรานากัน 9 ความสนใจของลักษณะการแตง่ กายของชาวเปอรานากนั 10 ลวดลายและความเรยี บงา่ ยของชุด ด้านการพฒั นาเปน็ แหลง่ ทอ่ งเทยี่ ว 1 มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวท่ีแตกต่างจากวฒั นธรรมอน่ื ๆ มี อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ข อ ง วั ฒ น ธ ร ร ม ที่ เ ห ม า ะ ส ม ใ น ก า ร 2 พัฒนาการท่องเที่ยว ได้แก่ ความมีเอกลักษณ์ ความ สวยงาม ความมีชื่อเสียง ความแปลกใหม่ที่คงความเป็น บ้าบา๋ และยา่ หย๋า ดงั้ เดิม 3 มีความเหมาะสมในการพัฒนาเป็นการท่องเทย่ี วเชงิ วัฒนธรรมของคนในชมุ ชน

57 4 ชมุ ชนให้ความสาคญั กับการแต่งกายแบบบ้าบ๋า และ ย่าหย๋า ตอนที่ 4 ขอ้ คิดเห็น/ข้อเสนอแนะ ............................................................................................................................. ........................ .............................................................................................................................. ..................................... .............................................................................................. ..................................................................... ............................................................................................................................. ...................................... ..................................................................................................................................................... .............. ..... ***ขอขอบพระคุณท่านเปน็ อยา่ งสูงทีท่ ่านกรณุ าให้ความร่วมมอื ในการตอบแบบสอบถามน้*ี **

ภาคผนวก ข ภาพท่ี ข.1 ชดุ บ้าบ๋า ภาพที่ ข.2 เสอ้ื ยา่ หยา่

59 ภาพที่ ข.3 ชดุ ยา่ หยา่ เคบายาลินดา ภาพท่ี ข.4 ชุดย่าหย่า เคบายา่ บกี ู

60 ภาพที่ ข.5 ชุดย่าหยา่ เคบายาซูแลม ภาพท่ี ข.6 ชุดแต่งงานเจา้ สาว เจ้าบ่าว

61 ภาพท่ี ข.7 ชุดนายหญิงและชุดนายเหมือง ภาพที่ ข.8 เส้ือบราเซีย

62 ภาพที่ ข.9 เสื้อลกู ไมข้ องชาวเปอรานากนั ภาพท่ี ข.10 ชุดประยกุ ตข์ องชาวเปอรานากัน

63 ภาพที่ ข.11 ชุดเด็กผหู้ ญิงในงานแต่งงาน ภาพที่ ข.12 ชุดเดก็ ผู้ชายในงานแต่งงาน

64 ภาพที่ ข.13 ชดุ เดก็ ผ้หู ญงิ วัยรุ่น ภาพท่ี ข.14 ชดุ ตงึ ผา่ ว หรือ ชุดกีเ่ ผา้ ยาว

65 ภาพที่ ข.15 ชดุ ผ้ชู ายแบบจีนยกุ ตแ์ รกๆ . ภาพท่ี ข.16 ชดุ พอ่ ค้า

66 ภาพท่ี ข.17 ชุดชาวประมง ภาพท่ี ข.18 ผา้ ปาเต๊ะ

67 ภาพที่ ข.19 รองเทา้ ลกู ปัด ภาพที่ ข.20 มงกฎุ เจ้าสาว ผีเสอื้ และหงส์

68 ภาพที่ ข.21 องคป์ ระกอบของมงกฎุ เจ้าสาว ภาพที่ ข.22 ปิ่นตั้ง

69 ภาพท่ี ข.23 สรอ้ ยหลัน่ เตป่ ๋าย ภาพที่ ข.24 กอรอสงั แม่ลูก

70 ภาพที่ ข 25.กอรอสังสายสร้อย ภาพที่ ข.26 กาไลขอ้ มือเพชร

71 ภาพที่ ข.27 กาไลข้อเทา้ ภาพที่ ข.28 สรอ้ ยคอโกป้จี ้ี

72 ภาพที่ ข.29 ตา่ งหูหางหงส์ ภาพที่ ข.30 แหวนบาเย๊ะ

73 ภาพท่ี ข.31 กระเป๋าถักเงินถักทอง ภาพท่ี ข.32 เขม็ ขดั

74 ภาพที่ ข.33 จฮ้ี ัวหนา ภาพที่ ข.34 กระดมุ ทอง

75 ภาพที่ ข.35 เจ้าหน้าทีป่ ระจาพิพิธภัณฑเ์ ปอรานากนั ใหข้ ้อมลู เกยี่ วกบั ลกั ษณะเคร่ืองแตง่ กายของ ชาวเปอรานากนั ภาพที่ ข.36 เจ้าหนา้ ทป่ี ระจาพพิ ิธภณั ฑเ์ ปอรานากันให้ข้อมลู เกยี่ วกบั เคร่ืองประดบั

76 ภาพท่ี ข.37 เจา้ หน้าที่ประจาพพิ ิธภัณฑเ์ ปอรานากันได้กรอกแบบสอบถาม ภาพที่ ข.38 เจา้ หนา้ ทปี่ ระจาพพิ ิธภณั ฑ์เปอรานากันไดก้ รอกแบบสอบถามและให้ข้อมลู เพมิ่ เตมิ

77 ภาพท่ี ข.39 แม่คา้ และพอ่ คา้ ทย่ี ่านเมอื งเก่าใหข้ ้อมูลเกี่ยวกับลกั ษณะบ้าบ๋ายา่ หย่า ภาพที่ ข.40 เจ้าหนา้ ทป่ี ระจาบ้านชนิ ประชาใหข้ ้อมลู เกยี่ วกับลกั ษณะการแต่งกายของชาวเปอรานากัน