เอกสารค�ำแนะนำ� ที่ 6/2560การปลูกถั่วเขยี วในฤดูแลง้พิมพค์ รง้ั ท่ี 1 : จ�ำนวน 10,000 เลม่ กนั ยายน พ.ศ. 2560จัดพิมพ์ : กรมสง่ เสรมิ การเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิมพ์ที่ : บรษิ ทั นวิ ธรรมดาการพมิ พ์ (ประเทศไทย) จำ� กัด
ค�ำนำ� เอกสารคำ� แนะนำ� เรอ่ื ง “การปลกู ถว่ั เขยี วในฤดแู ลง้ ”เล่มน้ี จัดท�ำข้ึนเพ่ือเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการเกษตร เกษตรกรและบคุ คลทวั่ ไปทมี่ คี วามสนใจและตอ้ งการศกึ ษาการปลกู ถวั่ เขยี วในฤดูแล้งอย่างถูกต้องและเหมาะสม เน่ืองจากวิกฤติภัยแล้งในปัจจบุ ันสง่ ผลกระทบต่อการปลกู พืชของเกษตรกร ถ่ัวเขียว เป็นพืชท่ีมีความต้องการใช้น�้ำน้อยกว่าการท�ำนาปรัง ถ่ัวเขียวจึงเหมาะเป็นพืชทางเลือกชนิดหน่ึงให้แก่เกษตรกรปลูก ดังนั้น หวังเป็นอย่างย่ิงว่าเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการเกษตร เกษตรกร และบุคคลทั่วไป จะได้ศึกษาและท�ำความเข้าใจในเนื้อหาของเอกสารค�ำแนะน�ำเล่มน้ี และใช้เป็นแนวทางในการปฏบิ ตั ติ ่อไป กรมส่งเสริมการเกษตร 2560
สารบัญ หน้า พฤกษศาสตรท์ ่ัวไป 1 สภาพแวดล้อมทเ่ี หมาะสมในการปลกู ถวั่ เขยี วฤดูแล้ง 2 พันธ์ุถว่ั เขยี ว 3 • ถวั่ เขียวผิวมัน 3 • ถวั่ เขยี วผิวด�ำ 7 วธิ ปี ลูก 8 • ช่วงเวลาการปลกู 8 • การเตรียมดิน 9 • การคลกุ เมลด็ พนั ธุด์ ้วยเชื้อไรโซเบียม 10 • วธิ ีการปลกู และระยะปลูก 11 การดูแลรักษา 13 • การใส่ปุ๋ย 13 • การใหน้ ำ้� 15 ศัตรพู ชื 16 • วัชพืชที่สำ� คัญและการป้องกันก�ำจัด 16 ตารางท่ี 1 สารป้องกันก�ำจัดวัชพชื 18 • โรคทีส่ ำ� คญั และการป้องกนั ก�ำจดั 20 ตารางท่ี 2 สารปอ้ งกันกำ� จดั โรคถว่ั เขยี ว 24 • แมลงศัตรพู ืชทสี่ �ำคญั และการปอ้ งกนั ก�ำจัด 25 ตารางที่ 3 การใช้สารป้องกนั กำ� จดั แมลงศตั รพู ชื ถ่วั เขยี ว 32 การเก็บเกย่ี วและวิทยาการหลังการเก็บเก่ียว 33 เอกสารอ้างองิ 36
การปลกู ถั่วเขยี วในฤดแู ลง้ ถ่ัวเขียว จัดอยู่ในกลุ่มพืชที่ผลิตไว้ใช้ในประเทศ ถ่ัวเขียวเป็นพืชท่ีมีโปรตนี สงู นยิ มใชท้ งั้ การบรโิ ภคและแปรรปู เปน็ ผลติ ภณั ฑต์ า่ งๆ หลายรปู แบบ ไดแ้ ก่ถ่ัวงอก วุ้นเส้น ขนมหวาน แป้งถั่วเขียว สบู่และครีมทาผิว เป็นต้น รวมถึงการใช้ประโยชน์ด้านการเกษตรในการปรับปรุงบ�ำรุงดิน เนื่องจากถ่ัวเขียวเป็นพืชอายุส้ันมีประสิทธิภาพการตรึงไนโตรเจนในอากาศ 10 - 56 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี และต้นถ่ัวเขียวยังสามารถใช้เป็นปุ๋ยพืชสดได้ดี โดยทั่วไปจะให้ปริมาณไนโตรเจนสูงถึง5 - 6 กโิ ลกรัมตอ่ ไร่พฤกษศาสตรท์ ่ัวไปวงศ์ (Family) : Papilionaceaeจีนสั (Genus) : Vignaสปชี สี ์ (Species) : radiataชอ่ื สามญั (Common na me) : ถว่ั เขยี วผิวมนั (mungbean, green gram) ถ่วั เขียวผวิ ด�ำ (black gram)ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ (Scientific name) : ถว่ั เขยี วผวิ มนั (Vigna radiata (L.) Wilczek) ถวั่ เขยี วผวิ ดำ� (Vigna mungo (L.) Hepper) การปลูกถัว่ เขียวในฤดแู ลง้ 1
สภาพแวดลอ้ มทีเ่ หมาะสมในการปลูกถว่ั เขยี วฤดแู ลง้ ถั่วเขียวฤดูแล้งเหมาะสําหรับการปลูกในนาหลังจากเก็บเกี่ยวขาวแลวปลูกในเดือนมกราคม เก็บเกี่ยวในเดือนมีนาคม การปลูกในฤดูแลงน้ีไมเหมาะสมสําหรบั ภาคเหนอื และภาคตะวันออกเฉยี งเหนือเพราะมีอากาศหนาวเยน็ เนือ่ งจากถั่วเขียวเมอื่ ตนเล็กไมทนทานตออากาศทเี่ ยน็ เกินไป สภาพพ้ืนท ่ี สามารถปลูกได้ในดินแทบทุกสภาพพื้นท่ี ทั้งเป็น ทีร่ าบ ที่ราบเชงิ เขาและทีด่ อน มกี ารระบายนำ้� ดี ไมชอบน้ําขงั ควรปลกู ถว่ั เขยี วในดนิ ท่ีระบายน้ําไดด ี มหี นาดนิ ลึก อนิ ทรียวตั ถุสูง สภาพดิน ถั่วเขียวเจริญเติบโตไดท้ังในดินเหนียวและดินทราย มคี า่ ความเปน็ กรดเปน็ ดา่ ง ประมาณ5.5-7.0ควรหลกี เลยี่ งดนิ ดา่ งหรอืดนิ เคม็ (สงั เกตเห็นก้อนเล็กๆ สขี าวข้นึ ประปราย เช่น ดินชดุ ตาคลี) เพราะจะท�ำให้ต้นแคระแกร็น ใบด่างเหลือง ผลผลิตต�่ำ และหากดินเป็นกรดจัดหรือดินเปรี้ยวควรหว่านปูนขาวเพ่อื ลดความเปน็ กรดและลดพิษของธาตุอลมู ินมั่ และเหลก็ สภาพภูมิอากาศ การก�ำหนดวันปลูกต้องค�ำนึงถึงปริมาณความ ชน้ื ในดนิ ตลอดจนอณุ หภมู ขิ ณะมกี ารเจรญิ เตบิ โตทางลำ� ตน้ ถวั่ เขยี วไมท่ นตอ่ สภาพอากาศหนาว ถา้ อณุ หภมู เิ ฉลยี่ ประมาณ 15 องศาเซลเซยี ส หรอื ตำ่� กวา่ถ่ัวเขียวจะชะงักการเจริญเติบโต โดยเฉพาะเมื่อต้นยังเล็ก ดังน้ันจึงควรหลีกเล่ียงการปลูกถ่ัวเขียวช่วงอากาศหนาวจัด อุณหภูมิที่เหมาะสมกับการปลูกถ่ัวเขียวเฉลีย่ ประมาณ 25 องศาเซลเซยี ส สภาพนำ้� การปลกู ถวั่ เขยี วในดนิ นาควรระบายนา้ํ ออกจากแปลงกอ น ความชน้ื ในดนิ ทเี่ หมาะสมหลงั การทำ� นาจะทำ� ใหถ้ วั่ เขยี วเจรญิ เตบิ โตและสุกแกไดโดยไมตองใหนํ้าชลประทานเพราะถ่วั เขยี วมีอายุส้ัน2 กรมสง่ เสริมการเกษตร
พันธถุ์ วั่ เขยี ว ใช้เมล็ดพันธุ์ที่มีความสมบูรณ์ ความงอกไม่ต�่ำกว่า 80 เปอร์เซ็นต์คณุ ภาพดี ตรงตามความตอ้ งการของตลาด ต้านทานหรอื ทนทานต่อโรคและแมลงที่สำ� คัญ เจรญิ เตบิ โตดีเหมาะกับชนิดของดิน และสภาพภมู ิอากาศ ถัว่ เขยี วท่นี ิยมปลูกมี 2 ชนดิ ไดแ้ ก่ ถ่ัวเขยี วผิวมัน หรอื ทเ่ี รยี กว่า ถ่วั มันและถ่วั เขยี วผวิ ดำ� หรอื ท่เี รียกว่า ถ่วั แขก1. ถ่วั เขียวผิวมนั พันธ์ุกำ� แพงแสน 1 1.1 พันธุ์ก�ำแพงแสน 1 อายุประมาณ 65 - 75 วัน ผลผลิตเฉลี่ย208 กิโลกรัมต่อไร่ ลักษณะเด่นคือ ฝักส่วนใหญ่อยู่เหนือทรงพุ่ม น้�ำหนัก1,000 เมล็ด ประมาณ 69 กรัม ต้านทานโรคใบจุดสีน�้ำตาลและโรคราแป้งในระดับปานกลาง เหมาะสำ� หรับการปลกู ในฤดฝู นหรอื ในเขตชลประทาน ขอ้ ด้อยคือ ค่อนข้างอ่อนแอตอ่ ดินด่าง การปลกู ถว่ั เขียวในฤดูแล้ง 3
พนั ธก์ุ �ำแพงแสน 2 1.2 พันธุ์ก�ำแพงแสน 2 อายุประมาณ65 - 75 วนั ผลผลิตเฉลยี่ 193 กิโลกรัมต่อไร่ น้�ำหนกั1,000 เมลด็ ประมาณ 66 กรมั ลกั ษณะเดน่ ฝกั อยเู่ หนอืทรงพุ่ม ต้านทานโรคใบจุดสีน�้ำตาลและโรคราแป้งในระดบั ปานกลาง เหมาะสำ� หรบั ปลกู ในฤดแู ลง้ นอกเขตชลประทาน ขอ้ ด้อยคอื อ่อนแอมากตอ่ ดินด่าง พันธ์ชุ ยั นาท 60 1.3 พันธุ์ชัยนาท 60 อายุเก็บเก่ียว 55 - 60 วัน ผลผลิตเฉลี่ย 175กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่ นำ�้ หนกั 1,000 เมลด็ ประมาณ 62 กรมั ลกั ษณะเดน่ ทรงพมุ่ เลก็ ตน้ เตย้ีฝักอยู่เหนือทรงพุ่มเด่นชัด อายุเก็บเก่ียวส้ัน เหมาะส�ำหรับการปลูกต้นฝนทนดนิ ด่าง ข้อดอ้ ยคอื ฝักแก่ค่อนข้างแตกงา่ ย ออ่ นแอตอ่ โรคใบจดุ สนี ำ�้ ตาล4 กรมสง่ เสริมการเกษตร
พันธ์ุชัยนาท 36 1.4 พนั ธช์ุ ัยนาท 36 อายเุ ก็บเกี่ยว 67 วนัผลผลิตเฉลีย่ 216 กโิ ลกรัมต่อไร่ น้�ำหนกั 1,000 เมลด็ประมาณ 72 กรมั ลกั ษณะเดน่ ขนาดเมลด็ ใหญ่ ทนทานดนิ ดา่ ง ตา้ นทานใบจดุ สนี ำ�้ ตาลปานกลาง เหมาะสำ� หรบัการปลูกปลายฝนและฤดูแล้ง เป็นพันธุ์ท่ีมีการสุกแก่ของฝักชุดแรกและชุดสุดท้ายใกล้เคียงกันมากท่ีสุด คือฝกั แรกแก่ห่างจากฝักสดุ ทา้ ยประมาณ 12 วัน ขอ้ ดอ้ ยคอื ไม่ตา้ นทานตอ่ โรคราแปง้ พนั ธช์ุ ยั นาท 72 1.5 พันธุ์ชัยนาท 72 มีอายุเก็บเก่ียว 63 วนั ผลผลิตเฉลย่ี 224 - 230 กิโลกรมั ต่อไร่ น�้ำหนกั 1,000 เมลด็ ประมาณ 66 กรัม ลักษณะเดน่ ปลกู ได้ ในทกุ ฤดแู ละทกุ ภาค ตา้ นทานหนอนแมลงวนั เจาะลำ� ตน้ ปานกลาง การปลกู ถั่วเขียวในฤดูแล้ง 5
พันธุ์ มอ. 1 1.6 พนั ธ์ุ มอ. 1 ปรบั ปรงุ พนั ธโ์ุ ดยมหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์ อายปุ ระมาณ65 - 75 วัน ผลผลิตเฉลี่ย 208 กิโลกรัมต่อไร่ ลักษณะเด่น เป็นพันธุ์ท่ีทนต่อสภาพน�้ำขัง เหมาะส�ำหรับการปลูกในภาคใต้ เช่น ปลูกแซมในสวนยาง มีความต้านทานโรคใบจุดสีน�ำ้ ตาลปานกลาง ข้อด้อยคอื คอ่ นข้างออ่ นแอต่อดนิ ด่าง พนั ธ์ุ มทส. 1 1.7 พันธ์ุ มทส. 1 อายปุ ระมาณ 65 - 70 วนั ผลผลติ เฉลยี่ 221 กโิ ลกรมัต่อไร่ ลักษณะเด่น ฝักมีลักษณะเป็นหวีอยู่เหนือทรงพุ่ม เก็บเก่ียวง่าย ฝักไม่มีขนฝักเหน่ียวไม่แตกง่าย เวลาถูกฝนน้�ำไม่ซึมผ่านฝักเข้าไปหาเมล็ด ดังน้ันจึงสามารถรอเก็บเกี่ยวฝักรุ่น 1 และรุ่น 2 พร้อมกันได้ ทนทานต่อโรคใบจุดสีน้�ำตาลและราแป้งปานกลาง ข้อดอ้ ยคอื ยงั มลี กั ษณะเมล็ดตนั หลงเหลืออยู่6 กรมส่งเสรมิ การเกษตร
2. ถัว่ เขยี วผวิ ด�ำ พันธ์ุอู่ทอง 2 2.1 พันธุ์อทู่ อง 2 อายุประมาณ 90 วนั ผลผลิตเฉล่ยี 180 กิโลกรัมต่อไร่น้�ำหนกั 1,000 เมล็ด ประมาณ 44 กรมั เมลด็ สีนำ้� ตาลหรือสีแดง ขนาดเมลด็ เลก็สมำ�่ เสมอ พันธุพ์ ิษณุโลก 2 2.2 พันธ์ุพษิ ณโุ ลก 2 มที รงพมุ่ เตยี้ แคบและโปร่งกวา่ พันธอ์ุ ทู่ อง 2 อายุประมาณ 77 วนั ผลผลติ เฉลย่ี 190 กิโลกรัมตอ่ ไร่ นำ�้ หนัก 1,000 เมลด็ ประมาณ50 กรมั การปลกู ถัว่ เขยี วในฤดูแล้ง 7
วธิ ปี ลูก การปลกู ถวั่ เขยี วฤดูแลง้ เป็นการปลกู ถัว่ เขยี วหลงั การเก็บเก่ียวข้าวนาปี 1. ช่วงเวลาปลูก การปลกู ถวั่ เขยี วฤดแู ลง้ นยิ มปลกู ในพนื้ ทนี่ าหลงั จากเกบ็ เกยี่ วขาวนาปแี ลวในช่วงเดือนธันวาคมถึงมกราคม ถ้าต้องการผลผลิตสูงไม่ควรปลูกเกินปลายเดอื นมกราคม แตถ่ า้ อากาศหนาวอณุ หภมู ติ ำ�่ กวา่ 15 องศาเซลเซยี ส ควรเลอ่ื นการปลูกออกไปโดยให้เก็บเกี่ยวในช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมก่อนฝนตกชุกควรปลกู ถว่ั เขยี วทนั ทที เ่ี กบ็ เกย่ี วขา้ วแลว เพราะจะไดอ าศยั ปริมาณนาํ้ ในดนิ สําหรบัการเจริญเตบิ โตของถว่ั เขยี วแทนการใหนา้ํ ชลประทาน8 กรมส่งเสริมการเกษตร
การเตรียมดนิ 2. การเตรียมดิน การเตรียมดินให้เหมาะสมในการปลูกถั่วเขียวเป็นส่ิงส�ำคัญมาก วิธีการเตรียมดนิ ขึน้ อยกู่ บั สภาพพื้นท่ี และลกั ษณะดินจะสัมพนั ธก์ ับวธิ กี ารปลูก กรณีที่เป็นดินร่วนปนทรายหลังเก็บเกี่ยวข้าว เกษตรกรตัดตอซังเม่ือดินหมาดหรือความชื้นพอเหมาะจึงหว่านเมล็ดพันธุ์ถั่วเขียว แล้วใช้ผาน 7 ไถกลบในคราวเดียวกัน บางแห่งที่มีปัญหาเรื่องวัชพืชจะไถดะด้วยผาน 3 ตากดินทิ้งไว้และเม่อื เกบ็ เศษวัชพืชออก จึงไถดว้ ยผาน 7 อีกครัง้ กอ่ นหวา่ นเมลด็ ถวั่ เขียว แลว้คราดกลบเมล็ด กรณีเป็นดินเหนียวจัด ให้ท�ำร่องระบายน้�ำรอบแปลง และท�ำการปลูกโดยไมไ่ ถเตรยี มดนิ กลา่ วคอื หลงั เกบ็ เกย่ี วขา้ ว พอดนิ หมาดใหต้ ดั ตอซงั ทำ� รอ่ งระบายนำ�้ รอบกระทงนาแลว้ หวา่ นเมลด็ ถัว่ เขยี ว โดยไม่มีการไถเตรียมดินและไถคราดกลบหลังหว่านเมล็ด วิธีนีเ้ ปน็ การปลูกโดยไม่ให้นำ้� จะท�ำไดใ้ นบรเิ วณทม่ี ีระดบั นำ�้ ใต้ดินคอ่ นข้างสูง แต่การใช้วธิ ีนีใ้ ชอ้ ตั ราเมล็ดพนั ธ์ุปลูก 8 - 10 กิโลกรมั ต่อไร่ (เผื่อเมล็ดไม่งอกและนกมาจิกกินเมล็ดถ่ัวเขยี วหลังปลูก) กรณีปลูกในเขตชลประทานที่เป็นดินเหนียวจัด ต้องท้ิงไว้ให้ดินแห้งกอ่ น แลว้ ปลอ่ ยนำ�้ เขา้ ใหท้ ว่ มแลว้ ระบายนำ้� ออกทนั ที ทงิ้ ใหด้ นิ หมาดจงึ คอ่ ยไถพรวนวิธีนี้ดินจะแตกออกเป็นก้อนเล็กได้ง่าย เพราะหากไถพรวนทันทีหลังเกี่ยวข้าวดนิ ยงั มคี วามชนื้ สงู เมอื่ ไถดนิ จะจบั เปน็ กอ้ นโตทำ� ใหก้ ลบเมลด็ พนั ธไ์ุ มด่ ี ความชมุ่ ชน้ืในดินจะสูญหายไปเร็วมาก การปลูกถ่ัวเขียวฤดูแล้งจะต้องรักษาความช้ืนในดินให้มกี ารสญู เสียน้อยทีส่ ดุ การปลกู ถ่วั เขยี วในฤดูแลง้ 9
3. การคลกุ เมล็ดพนั ธุ์ด้วยเช้ือไรโซเบียม ไรโซเบียมถวั่ เขยี ว ปมรากถ่วั เกษตรกรควรคลุกเชื้อไรโซเบียมกับถ่ัวเขียวกอนปลูก โดยใชเช้ือไรโซเบียมท่ีใชสําหรับคลุกเมล็ดถ่ัวเขียวโดยเฉพาะ เช้ือไรโชเบียม 1 ถุง หนัก 200 กรัมสามารถคลุกกบั เมลด็ ถั่วเขยี วไดพอสําหรบั การปลูก 1 ไร่ ในแปลงท่ีเคยปลูกถั่วเขียวติดตอกันและถั่วเขียวมีการติดปมดีแลวอาจไมจําเปนตองคลุกเชื้อไรโซเบียมอีก มีงานทดลองยืนยันวาถั่วเขียวสามารถเกิดปมกับเชอ้ื ไรโซเบียมหลายชนดิ ในดินได การคลกุ เช้อื ไรโซเบียมจะทําใหถว่ั เขยี วตรงึ ไนโตรเจนจากอากาศเพอื่ การเจรญิ เตบิ โตของถว่ั เขยี ว ปรมิ าณไนโตรเจนทตี่ รงึ ได้จะเป็นอาหารของต้นถั่วเขียว ท�ำให้ดินอุดมสมบูรณ์ และเปนการประหยัดการใหปุย๋ ไนโตรเจนเปน็ การชว่ ยเพ่ิมผลผลติ ให้สูงขึน้ ข้อควรระวงั ในการคลุกเชือ้ ไรโซเบยี ม คอื v ใช้เช้ือไรโซเบียมสำ� หรบั ถ่ัวเขียวเทา่ น้นั v เมลด็ พันธ์ถุ วั่ เขียวทคี่ ลกุ ไรโซเบียมแลว้ ควรใช้ใหห้ มดทันที v ไม่ควรปลกู ถ่วั เขียวที่คลกุ เชื้อไรโซเบียมในดนิ ทแี่ ห้งมากๆ เพอื่ รอฝน v เมอื่ หยอดเมลด็ พันธุถ์ ว่ั เขยี วแลว้ ควรรีบกลบทันที เพอ่ื ไมใ่ หเ้ มล็ดถูก แดดเผา10 กรมส่งเสรมิ การเกษตร
4. วิธกี ารปลกู และระยะปลกู การปลูกแบบหว่าน 4.1 การปลกู แบบหว่าน การปลูกถ่ัวเขียวหลังนาโดยอาศัยความชื้นในดิน หลังเก็บเก่ียวข้าวแล้วให้ไถดินขณะที่ดินยังมีความช้ืนเพียงพอส�ำหรับการงอกของเมล็ด ควรเตรียมดินให้ละเอียด ให้หว่านเมล็ดถั่วเขียวแล้วพรวนดินกลบทันทีเพื่อปิดผิวหน้าดินกันการระเหยของน�้ำใต้ดิน ในกรณีดินเหนียวที่แห้งเกินไป ความช้ืนไม่เพียงพอส�ำหรับการงอก ควรปล่อยให้ดินแห้งจนแตกระแหงแล้วจึงปล่อยน�้ำเข้าให้ท่วมและระบายออกทนั ที ทง้ิ ไวจ้ นดินหมาดหรือความชนื้ พอเหมาะ แล้วจงึ ไถพรวน การปลูกถ่วั เขยี วในฤดแู ลง้ 11
การปลกู เปน็ แถว 4.2 การปลกู เปน็ แถว ใชเ้ มล็ดพันธ์ุถ่ัวเขยี วอตั รา 4 - 5 กิโลกรัมตอ่ ไร่ ปลูกแบบแถวคบู่ นสันร่อง ระยะระหวา่ งแถว 50 เซนตเิ มตร ระยะระหวา่ งตน้ 10 เซนตเิ มตร จำ� นวน 2 ตน้ ตอ่ หลมุ ไดจ้ �ำนวนตน้ 64,000 ต้นตอ่ ไร่ ปลูกเป็นแถวโดยใช้เคร่อื งปลกู 4.3 การใช้เครือ่ งปลกู ควรเตรียมดินให้ละเอียด และสม่�ำเสมอก่อนปลูก ใช้ระยะระหว่างแถว 50 เซนติเมตร จำ� นวน 20 - 25 ต้น ตอ่ แถวยาว 1 เมตร ได้จำ� นวนต้น 64,000 - 80,000 ต้นตอ่ ไร่12 กรมสง่ เสริมการเกษตร
KPNการดูแลรกั ษา 1. การใสป่ ๋ยุ ถั่วเขียวเป็นพืชที่มีความต้องการไนโตรเจนสูง แต่โดยธรรมชาติของพืชตระกูลถ่วั สามารถตรึงไนโตรเจนจากอากาศมาใชเ้ ป็นประโยชน์โดยการท�ำงานของจลุ ินทรียไ์ รโซเบยี มท่ปี มราก จึงควรคลุกเมล็ดด้วยเชื้อไรโซเบียมถ่ัวเขียวก่อนปลกู v ถ้าดินมีความเป็นกรดเป็นด่าง (pH) ต�่ำกว่า 5.5 ให้หว่านปูนขาวหรอื ปนู มาร์ล อัตรา 100 - 200 กิโลกรัมตอ่ ไร่ พรวนกลบแลว้ ปล่อยทิง้ ไว้ 14 วันก่อนปลกู การปลูกถวั่ เขียวในฤดแู ล้ง 13
v ถา้ ในดนิ มอี นิ ทรยี วตั ถสุ งู กวา่ 1.5 เปอรเ์ ซน็ ต์ ฟอสฟอรสั เปน็ ประโยชน์มากกว่า 10 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และโพแตสเซียมท่ีแลกเปล่ียนได้มากกว่า 60มลิ ลกิ รมั ต่อกิโลกรมั ไม่ตอ้ งใส่ปุย๋ เคมี v ก• ารปใสุย่ปไนยุ๋ โเตครมเีจนไม่จ�ำเป็นต้องใส่ หากมีการคลกุ เชื้อไรโซเบียม • ปกอยุ นฟปอลสฟูกอรสั มหี ลกั เกณฑก์ ารใสป ยุ ฟอสฟอรสั ดงั ตารางตอ ไปนี้ปริมาณฟอสฟอรสั ในดนิ ปริมาณปุยฟอสฟอรสั (P2O5) ทใ่ี ห 1 ไร นอ ยกวา 8 พีพีเอม็ 9 - 15 กิโลกรมั 3 - 6 กโิ ลกรมัระหวาง 8 - 15 พีพเี อม็ ไมตอ งใส สงู กวา 15 พพี ีเอ็ม* พีพีเอ็ม (ppm) : ปริมาณสว นในลานสวน • ปุยฟอสโปแตสเซียม ควรใหเม่ือดินที่ปลูกเปนดินทรายจัดและมีโปแตสเซียมตํ่ากวา 40 สวนในลานสวน (พีพีเอ็ม) ควรใชปุยโปแตสเซียมอไมาเจกทินําไ6ดโ ดกยิโลกการรัมหวKา2นOปยุ ตลองไใรนแดตินสกําอหนรกับาดรินไถเหเตนรียียวมนด้ันินไเมพจือ่ ําปเปลนกู ตถ่ัวอเงขใยีชว การให้ปุย14 กรมสง่ เสรมิ การเกษตร
2. การใหน้ ำ้� ถั่วเขยี วเปน็ พืชทนแลง้ ใชน้ ้ำ� นอ้ ยตลอดฤดูปลูกประมาณ 220 มิลลิเมตรแต่ช่วงวิกฤติถวั่ เขยี วไมค่ วรขาดน้ำ� คอื ระยะออกดอก และตดิ ฝัก ต้นถว่ั เขียวควรได้รบั น�้ำเพยี งพอ มิฉะนัน้ ผลผลิตอาจตกต�ำ่ ได้ v การปลูกถั่วเขียวในฤดูแล้งเขตชลประทาน ควรให้น้�ำทันทีหลังปลูกหรือเมื่อดินมีความชื้นไม่เพียงพอส�ำหรับการงอก โดยท่ัวไปจะให้น�้ำประมาณ3 - 4 ครั้ง ตลอดฤดกู าล v ในพนื้ ทท่ี รี่ ะดบั นำ�้ ใตด้ นิ สงู และลกั ษณะดนิ เปน็ ดนิ เหนยี วหรอื ดนิ รว่ นปนเหนียว สามารถปลูกถ่ัวเขียวโดยการให้น้�ำเพียงคร้ังเดียวหรือไม่ให้น้�ำเลย เช่นในกรณีปลูกในนาหลังเกี่ยวข้าว หว่านเมล็ดแล้วไถกลบถั่วเขียว ก็สามารถเจริญเติบโตและใหผ้ ลผลติ สูงพอสมควร v ในกรณีท่ีมีน้�ำจ�ำกัด ควรใช้วัสดุ เช่น ฟางข้าวคลุมดิน เพ่ือลดความรุนแรงของการขาดนำ�้*** ข้อควรระวัง อยา่ ให้ถัว่ เขียวขาดน้ำ� ในระยะงอก ออกดอก และติดฝกั เพราะจะทำ� ให้ผลผลติ ลดลงอยา่ งมาก การปลกู ถว่ั เขยี วในฤดูแลง้ 15
ศตั รพู ืช 1. วชั พชื ที่สำ� คญั และการปอ้ งกนั กำ� จดั 1.1 ชนดิ วัชพืช 1) วัชพืชฤดูเดียว เป็นวัชพืชท่ีครบวงจรชีวิตภายในฤดูเดียวสว่ นมากขยายพันธ์ุ ดว้ ยเมลด็ แบง่ เป็น ประเภทใบแคบ เช่น หญ้านกสีชมพู หญ้าตีนนก หญ้าตีนกาหญ้าปากควาย หญา้ รงั นก และ หญ้าดอกขาว เป็นต้นหญา้ รงั นก หญ้าปากควาย ประเภทใบกวา้ ง เชน่ ผักยาง ผกั ยางผักปลาบ ผักโขม ปอวัชพืช ผักเบ้ียหินผักเสี้ยนผี สาบแร้งสาบกา ผักคราดหัวแหวนผักไผ่น�้ำ หญ้าก�ำมะหยี่ เทียนนาและกะเม็งเป็นต้น ประเภทกก เช่น กกทราย กกทราย เป็นตน้16 กรมสง่ เสริมการเกษตร
2) วัชพืชข้ามปี เป็นวัชพืชที่ขยายพันธุ์ด้วยต้น ราก เหง้า หัวและไหล ไดด้ ีกว่าการขยายพนั ธดุ์ ว้ ยเมลด็ แบง่ เป็น ประเภทใบแคบ เชน่ หญา้ แพรกหญ้าตนี ติด และหญา้ ชนั กาด เป็นต้น หญา้ แพรก ประเภทใบกวา้ ง เช่น สาบเสือไมยราบเครอื และตดหมู ตดหมา เปน็ ตน้ สาบเสือ ประเภทกก เช่น แห้วหมู กกและกกดอกต้มุ เป็นต้น ข้อแนะน�ำ แห้วหมู 1) การเตรยี มแปลงทด่ี กี อ่ นการปลกู จะชว่ ยลดปรมิ าณวชั พชื ในแปลงไดม้ าก 2) การปลกู ถวั่ เขยี วหลงั นาในฤดแู ลง้ ในพนื้ ทท่ี มี่ คี วามชมุ่ ชน้ื ในดนิ ดี หากมีการหว่านเมลด็ ถัว่ เขยี วในอตั ราสงู เช่น 12 กิโลกรมั ต่อไร่ จะเปน็ การควบคมุ วชั พืชไปในตวั เนอ่ื งจากตน้ ถวั่ เขยี วจะขนึ้ แนน่ บงั แสงและปอ้ งกนั วชั พชื งอก ในขณะเดยี วกนัความชน้ื ในดนิ ทจ่ี ำ� กดั จะเปน็ ตวั ชว่ ยควบคมุ วชั พชื ไดด้ ว้ ย จงึ ไมจ่ ำ� เปน็ ตอ้ งใชส้ ารเคมี การปลกู ถัว่ เขยี วในฤดแู ล้ง 17
1.2 วธิ กี ารกำ� จัดวชั พืช 1) วธิ ีกล • ไถดนิ 1 คร้งั ตากดนิ 7 - 10 วนั พรวน 1 ครัง้ แลว้ คราดเก็บซากราก เหงา้ หวั และไหล ของวชั พชื ข้ามปี ออกจากแปลงกอ่ นปลกู ถ่วั เขยี ว • ใชเ้ คร่ืองมือกล เชน่ จอบหรือไถชกั รอ่ งกำ� จัดวชั พืช ระหวา่ งแถวของถ่ัวเขียวในกรณีท่ีปลูกแบบโรยเป็นแถว หรือใช้เครื่องปลูกเป็นแถวเป็นแนว1 - 2 คร้งั ตามความจำ� เปน็ เมอ่ื ถัว่ เขียวอายุ 15 และ 30 วัน หลงั งอก • คลุมดนิ ด้วยเศษซากวัชพชื หรอื ฟางขา้ วทันทีหลังปลูก 2) สารเคมี ในกรณที กี่ ารปอ้ งกนั กำ� จดั วชั พชื ดว้ ยวธิ กี ลไมม่ ปี ระสทิ ธภิ าพเพยี งพอให้ใช้สารเคมกี �ำจดั วัชพชื การใชส้ ารเคมี มี 2 ประเภท คือก่อนและหลังวัชพชื งอกทั้งน้ีต้องสัมพันธ์กับวิธีปลูกและชนิดของวัชพืชในแปลงปลูก และเงื่อนไขอื่นๆ เช่นขอ้ จำ� กดั ดา้ นเวลา กลา่ วคอื สารควบคมุ ประเภทหลงั งอก พน่ หลงั จากวชั พชื งอกแลว้แต่พืชยังไมง่ อกตารางที่ 1 สารป้องกันกำ� จัดวัชพืชวัชพชื สารป้องกนั ก�ำจดั อัตราการใช้/น้�ำ วิธกี ารใช้/ ขอ้ ควรระวัง วชั พืช 20 ลิตร/ พื้นที่ 1 งานวัชพืชฤดูเดียว อะลาคลอร์ (48% EC) 125-150 มลิ ลิลิตร พ่นทันทีหลังปลูก ก่อนถั่วที่เกิดจากเมล็ด 80-150 มิลลลิ ิตร เขียวและวัชพืชงอก ขณะทง้ั วชั พชื ใบแคบ ออกซาไดอะซอน พน่ ดนิ ควรมคี วามช้นื และและใบกว้าง (25% EC) 75-95 มิลลิลิตร ไมม่ ีวัชพชื ขึน้ อยู่ อมิ าเซทาเพอร์ (5.3% AE) ฟลูอะซิฟอบ-พี-บิวทิล 40+40 มิลลิลติ ร พ่นคลุมไปบนต้นถ่ัวเขียว (15%EC)+โฟมซี าเฟน 50+40 มิลลลิ ิตร และวัชพืช ระยะที่วัชพืช (25% EC) ส่วนใหญ่ มี 3-5 ใบ หรือ ควซิ าโลฟอบ-พ-ี เทฟวิ รลิ ประมาณ15-20วนั หลงั งอก (6% EC) + โฟมซี าเฟน ห ้ า ม ใ ช ้ โ ฟ มี ซ า เ ฟ น เ กิ น (25% EC) อัตราที่ก�ำหนด เพราะอาจ เปน็ อนั ตรายตอ่ ตน้ ถว่ั เขยี ว18 กรมสง่ เสริมการเกษตร
ตารางท่ี 1 สารปอ้ งกันกำ� จดั วชั พืช (ตอ่ )วชั พืช สารปอ้ งกันก�ำจัด อตั ราการใช้/น้ำ� วธิ กี ารใช/้ ข้อควรระวงั วชั พชื 20 ลติ ร/ พื้นที่ 1 งานวัชพืชฤดูเดียว ฟลูอะซิฟอบ-พี-บิวทิล 40 มิลลลิ ติ ร พน่ คลมุ ไปบนตน้ ถวั่ เขยี ว และทเี่ กดิ จากเมลด็ (15%EC) 50 มิลลิลิตร วชั พชื ระยะทวี่ ชั พชื สว่ นใหญ่และเปน็ วชั พชื มี 3-5 ใบ หรือประมาณใบแคบมาก ควซิ าโลฟอบ-พี-เทฟิวรลิ 15-20 วนั หลงั งอก (25% EC)วัชพืชฤดูเดียว โฟมีซาเฟน (25% EC) 40 มิลลลิ ิตร พ่นคลุมไปบนต้นถ่ัวเขียวท่ีเกิดจากเมล็ด และวัชพืช ระยะท่ีวัชพืชแ ล ะ เ ป ็ น พื ช ส่วนใหญม่ ใี บ 3-5 ใบ หรือใบกว้างมาก ประมาณ15-20วนั หลงั งอก ห้ามใช้เกินอัตราที่ก�ำหนด เพราะอาจเป็นอันตรายต่อ ต้นถ่วั เขยี ววัชพืชฤดูเดียว อะลาคลอร์ (48% EC) 125+75 มิลลิลติ ร พ่นทันทีหลังปลูกก่อนถั่วทเ่ี กดิ จากเมลด็ + พาราควอท 125+100 มลิ ลลิ ติ ร เขียวและวัชพืชงอกขณะและตน้ วชั พชื ที่ (27.6% SL) พ่นดินควรมคี วามช้นื และงอกข้ึนมาก่อน มวี ชั พชื งอกขน้ึ มากอ่ นปลกูปลกู ถว่ั เขยี วทง้ั อะลาคลอร์ (48% EC) ถว่ั เขียววัชพืชใบแคบ + ไกลโฟเสทและใบกว้าง (48% SL)วัชพืชข้ามปีและต้นวัชพืชทง่ี อกขน้ึ มากอ่ นปลกู ถวั่ เขยี วทง้ัวัชพืชใบแคบและใบกวา้ ง1/ ในวงเล็บคอื เปอรเ์ ซน็ ต์สารออกฤทธิ์และรปู แบบของสารป้องกันกำ� จัดวชั พืช การปลกู ถ่ัวเขยี วในฤดแู ล้ง 19
2. โรคทีส่ ำ� คญั และการป้องกนั ก�ำจดั 2.1 โรคราแปง้ สาเหตุ เชอ้ื รา Oidium sp. ลักษณะอาการ พบเส้นใยสีขาวคล้ายผงแป้งโรยอยู่บนใบหรือส่วน ของพืชท่ีถูกเชื้อราเข้าท�ำลาย ต่อมาใบจะเปลี่ยนเป็นสีแดงและแห้งตายไป ถ้าเชื้อราเข้าท�ำลายในระยะกล้าอาจท�ำให้ต้นกล้าตาย แต่ถ้าเชื้อราเข้าท�ำลาย ในระยะออกดอกจะท�ำให้ต้นแคระแกร็น ติดฝักน้อย ฝักและเมล็ดมีขนาดเล็กลง ฝักที่มีเชื้อราสีขาวคล้ายผงแป้งขึ้นคลุม ฝักจะบิดเบ้ียวแคระแกร็น และเมล็ด ไม่สมบรู ณ์ ช่วงเวลาระบาด เป็นโรคท่ีพบระบาดในช่วงอากาศแห้งและเย็น ระหว่างเดือนพฤศจกิ ายน – กุมภาพันธ์ เชือ้ ราแพร่ระบาดโดยลม การป้องกันกำ� จดั • ก�ำจดั วัชพชื ทเี่ ปน็ พืชอาศยั ของโรค • พน่ สารเบโนมิลป้องกนั ก�ำจัดโรคพืช20 กรมส่งเสริมการเกษตร
2.1 โรครากเน่า โคนเนา่ สาเหตุ เชื้อรา Pythium aphanidermatum ลักษณะอาการ ผิวนอกของรากและโคนต้นส่วนท่ีติดดินมีสีน้�ำตาลถ้าในแปลงมีความชื้นสูงอาการของโรคจะลุกลามอย่างรวดเร็วและพบเส้นใยสีขาวละเอียดปกคลุมบริเวณแผล ต้นถ่ัวเขียวท่ีเป็นโรคจะเห่ียวและแห้งตายท�ำความเสียหายให้กับถ่ัวเขียวในทุกแหล่งปลูกในพ้ืนท่ีที่ดินมีน้�ำขัง และการระบายน้�ำไม่ดี เช้ือราสามารถเข้าท�ำลายต้นถั่วเขียวได้ทุกระยะการเจริญเติบโตถา้ เขา้ ทำ� ลายเมลด็ เมลด็ จะเนา่ กอ่ นงอก โดยทว่ั ไป ถา้ ตน้ ถว่ั เขยี ว อายุ 1 - 2 สปั ดาห์จะออ่ นแอต่อการเขา้ ทำ� ลายของเชอื้ รามาก ช่วงเวลาระบาด ช่วงฤดูฝนดินมคี วามชน้ื สงู การป้องกันก�ำจัด • เตรยี มแปลงให้มกี ารระบายน้�ำดีและไม่มีน้�ำขัง • ในแหล่งท่รี ะบาดประจ�ำ คลุกเมลด็ ดว้ ยสารเคมเี มทาแลกซลิกอ่ นปลกู • ถอนและเผาทำ� ลายต้นทเ่ี ปน็ โรค • ปลกู พชื หมนุ เวยี นสลบั กับการปลูกถ่ัวเขียว ไมค่ วรปลกู ถวั่ เขียวซ�้ำทเี่ ดมิ ตดิ ต่อกนั การปลูกถ่วั เขยี วในฤดูแล้ง 21
2.3 โรคใบจุดสนี ำ�้ ตาล สาเหตุ เชือ้ รา Cercospora canescens ลักษณะอาการ มักระบาดในฤดูฝน พบแผลบนใบจุดสีน้�ำตาล คอ่ นขา้ งกลม ขอบแผลไม่สม่ำ� เสมอตรงกลางแผลมสี ีเทา ขนาดแผล 1 - 5 มิลลเิ มตร ถา้ อาการรนุ แรงใบจะเปลย่ี นเปน็ สนี ำ�้ ตาลและแหง้ รว่ งหลน่ โรคนสี้ ามารถเขา้ ทำ� ลาย ได้ทุกระยะการเจริญเติบโต ท�ำให้ผลผลิตเสียหายมาก จะเป็นรุนแรงขึ้นในระยะท่ี ต้นถั่วเขียวแกใ่ กล้เก็บเกี่ยว ทำ� ใหส้ ามารถเกบ็ เกย่ี วผลผลติ ไดเ้ พียงครง้ั เดยี ว ฝักจะ ลีบและขนาดของเมลด็ เล็กลง ช่วงเวลาระบาด ระบาดอยา่ งรนุ แรงในฤดฝู น การปอ้ งกนั ก�ำจดั • ปลกู ถัว่ เขียวพนั ธ์ตุ ้านทานโรค เชน่ พนั ธชุ์ ัยนาท 36 • หลกี เล่ยี งการปลูกถว่ั เขยี วในช่วงท่ีมกี ารระบาดของโรค • กำ� จดั วชั พชื บรเิ วณรอบแปลงปลกู เพอ่ื ไมใ่ หเ้ กดิ การสะสมของโรค • ถ้าพบระบาดมากควรพ่นสารเบโนมิล หรอื ไทโอฟาเนตเมทิล ปอ้ งกนั ก�ำจัดโรคพืช22 กรมสง่ เสริมการเกษตร
2.4 โรคไวรัสใบดา่ งเหลือง สาเหตุ เช้อื ไวรัส Mungbean Yellow Mosaic Virus (MYMV) ลักษณะอาการ ต้นทเี่ ปน็ โรคใบจะเปน็ จดุ สีเหลืองเลก็ ๆ กระจายอยู่ท่ัวไปบนใบท�ำให้ใบมีสีเหลืองปนเขียว ต่อมาอาการใบจุดสีเหลืองนี้จะกระจายแผ่ออกไปเป็นผืนใหญ่ และในท่ีสุดใบเปลี่ยนเป็นสีเหลืองจัด ต่อมาอาการลามข้ึนไปสู่ใบยอด ท�ำใหย้ อดท่ีแตกใหม่มอี าการด่างเหลอื ง ต้นแคระแกรน็ ไมอ่ อกดอกและไม่ตดิ ฝกั แตถ่ ้าโรคน้เี กิดในระยะท่ตี ดิ ฝักแลว้ ฝักจะเปลยี่ นเป็นสีเหลอื งจัด ขนาดเล็กและสนั้ ผิดปกติ สว่ นมากฝกั จะงอข้ึนไม่ติดเมล็ดหรือเมลด็ จะลีบเล็กกว่าตน้ ปกติ ช่วงเวลาระบาด โรคนี้พบระบาดท�ำความเสียหายกับถ่ัวเขียวได้ทุกระยะการเจรญิ เติบโต ตงั้ แต่ถ่วั เขียวอายุประมาณ 2 สัปดาห์ขึ้นไป การป้องกันกำ� จดั • หลกี เลย่ี งการปลกู ถว่ั เขยี วในบรเิ วณทม่ี กี ารระบาดของโรค ถา้ จำ� เปน็ให้ถอนต้นทเ่ี ป็นโรคเผาทำ� ลาย เวน้ ระยะ 2 - 3 เดือนจงึ คอ่ ยปลกู ใหม่ • ก�ำจัดพืชอาศัยท้ังในและนอกแปลงปลูก เช่น พืชตระกูลถั่วและวชั พชื ตา่ งๆ • พ่นสารก�ำจัดแมลงเม่ือพบแมลงหว่ีขาวระบาดมาก เช่นอมิ ดิ าโคลพรดิ 5% EC อตั รา 20 มลิ ลลิ ติ รตอ่ นำ้� 20 ลติ ร หรอื ไตรอะโซฟอส 40% ECอัตรา 40 มลิ ลลิ ิตรต่อนำ้� 20 ลติ ร หรือคาร์โบซลั แฟน 20% EC อัตรา 60 มิลลลิ ิตรตอ่ น้�ำ 20 ลติ ร โดยพน่ 2 - 3 ครัง้ ห่างกัน 7 - 10 วนั การปลูกถว่ั เขยี วในฤดแู ลง้ 23
2.5 อาการทีเ่ กิดจากการขาดธาตเุ หล็ก ลักษณะอาการ ส่วนใหญ่พบในดินดา่ งสีดำ� ชดุ ตาคลี อาการที่พบคือใบยอดท่ีแตกออกมาใหม่มีสีเหลืองซีดแต่เส้นกลางใบยังคงมีสีเขียว ถ้าขาดรุนแรงใบเปลย่ี นเปน็ สเี หลอื งซดี จนเกอื บขาว ตน้ แคระแกรน็ ผลผลติ ลดลงหรอื ไมไ่ ดผ้ ลผลติ การป้องกนั กำ� จดั • ใช้พันธุ์ทนทาน ไดแ้ ก่ พันธช์ุ ยั นาท 84 - 1 ชัยนาท 72 และชัยนาท 36 • พ่นเหล็กซัลเฟต ความเข้มข้น 0.5% อัตรา 3 กิโลกรัมต่อไร่เมอื่ ตน้ ถว่ั เขยี วอายุ 20, 30 และ 40 วนั หลังงอกตารางท่ี 2 สารป้องกนั กำ� จัดโรคถว่ั เขียว โรค สารปอ้ งกนั อตั ราการใช้/นำ�้ วิธีการใช้/ หยุดการใช้ กำ� จดั โรค 20 ลติ ร ขอ้ ควรระวัง สารก่อน 15-20 กรัม เก็บเกีย่ ว (วัน)ราแป้ง เบโนมลิ (50% DS) 5 กรมั /เมล็ดพันธ์ุ พน่ เมอ่ื ถว่ั เขยี วอายุ30วนั 14 1 กโิ ลกรัม และพน่ ซำ�้ อกี ทกุ 10 วนัรากเน่า เมทาแลกซิล 15-20 กรัม รวม 3 ครง้ัโคนเน่า (35% DS) 15-20 กรัมใบจุด เบโนมลิ 20 มิลลลิ ิตร คลกุ เมลด็ พันธ์กุ ่อนปลูก -สนี ำ้� ตาล (50% WP) 40 มลิ ลิลิตร 60 มลิ ลลิ ติ ร พน่ ถว่ั เขยี วเมอ่ื อายุ30วนั 14 ไทโอฟาเนตเมทลิ และพ่นซ้�ำอีก 1-2 ครั้ง - (70% WP) ทกุ ๆ 7-10 วนั ขน้ึ อยู่กับไ ว รั ส ใ บ อิมิดาโคลพริด ความรนุ แรงของโรคดา่ งเหลือง (5% EC) พน่ 2 - 3 ครั้ง ปอ้ งกนั ไตรอะโซฟอส แมลงปากดดู พาหะนำ� โรค (40% EC) หา่ งกัน 7 - 10 วนั คารโ์ บซัลแฟน (20% EC)1/ ในวงเล็บคือ เปอร์เซ็นต์ของสารออกฤทธ์ิและรูปแบบของสารป้องกันและกำ� จดั โรคพชื24 กรมสง่ เสริมการเกษตร
3. แมลงศัตรูพชื ท่สี ำ� คัญและการปอ้ งกันกำ� จดั 3.1 หนอนแมลงวนั เจาะลำ� ต้น Ophiomyia phaseoli (Tryon) Melanagromyza sojae (Zehntner) ลักษณะและการท�ำลาย ตัวเต็มวัยเป็นแมลงขนาดเล็ก สีเทาด�ำขนาดประมาณ 2 - 3 มิลลิเมตร วางไข่ในเนอ้ื เย่ือของใบ หนอนจะชอนไชไปกดั กินเนอ้ื เยอ่ื แกนกลางลำ� ตน้ หรอื เนอ้ื เยอื่ รอบๆ ลำ� ตน้ ในระดบั ผวิ ดนิ ทำ� ใหเ้ นอ้ื เยอ่ื ลำ� ตน้เนา่ เปื่อย หากเขา้ ทำ� ลายรุนแรงในระยะตน้ อ่อน อาจท�ำใหต้ น้ ตาย ตน้ แคระแกร็นผลผลิตลดลง ชว่ งเวลาระบาด ระยะต้นอ่อน หรอื ถัว่ เขยี วอายุ 7 - 21 วนั การป้องกันก�ำจัด คลุกเมล็ดด้วยสารอิมิดาโคลพริดก่อนปลูกหรือพน่ สารไตรอะโซฟอสป้องกันก�ำจัดแมลงศัตรูพชื การปลกู ถว่ั เขยี วในฤดูแล้ง 25
3.2 เพล้ยี ไฟ Megalurothrips usitatus (Bagnall) ลักษณะและการท�ำลาย เป็นแมลงขนาดเล็ก ขนาดประมาณ 1 - 3 มิลลิเมตร สีเหลือง สีน�้ำตาลหรือน้�ำตาลด�ำ ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยดูดกิน น�้ำเลี้ยงจากส่วนอ่อนต่างๆ ของพืช เช่น ใบ และดอก ท�ำให้ใบหงิกงอ บิดเบ้ียว แห้งกรอบ ดอกร่วง ตดิ ฝักนอ้ ย ชว่ งเวลาระบาด ในฤดแู ลง้ ประมาณปลายเดอื นมกราคม – กมุ ภาพนั ธ์ หรือในฤดฝู นทเ่ี กดิ สภาวะฝนท้ิงช่วง อากาศรอ้ นและความชืน้ สัมพทั ธส์ ูง การป้องกนั ก�ำจดั ในฤดูแล้งควรปลูกถั่วเขียวกลางเดอื นธันวาคม – กลางเดือนมกราคม ซ่ึงเป็นช่วงท่ีมีการท�ำลายของแมลงน้อยท่ีสุดพ่นสารคาร์โบ- ซัลแฟนหรือไตรอะโซฟอสป้องกนั กำ� จัดแมลงศตั รูพชื26 กรมสง่ เสริมการเกษตร
3.3 หนอนกระทูผ้ ัก Spodoptera litura (Fabricius) ลักษณะและการท�ำลาย ตัวเต็มวัยเป็นผีเส้ือกลางคืน เม่ือกางปีกกว้าง ประมาณ 3 เซนติเมตร วางไข่เปน็ กลุ่มตามใบพชื มีขนสนี ้�ำตาลอ่อนปกคลุมตวั หนอนมสี เี ขียวหรอื นำ�้ ตาลอ่อน มจี ุดสดี �ำ 2 จุดด้านขา้ ง ท�ำลายโดยกดั กินใบ ดอกและฝกั อ่อน ในเวลากลางวันมักหลบซ่อนในดนิ ชว่ งเวลาระบาด ระบาดทกุ ระยะการเจรญิ เติบโตของพชื ในถั่วเขยี วที่ปลูกฤดูแลง้ พบมากระหว่างเดือนมกราคม - มนี าคม การปอ้ งกนั กำ� จดั เกบ็ กลมุ่ ไขแ่ ละตวั หนอนทำ� ลาย พน่ สารไตรอะโซฟอสป้องกนั กำ� จดั แมลงศตั รพู ืช การปลกู ถั่วเขยี วในฤดูแล้ง 27
3.4 หนอนเจาะสมอฝ้าย Helicoverpa armigera (Hubner) ลักษณะและการท�ำลาย ตัวเต็มวัยเป็นผีเสื้อกลางคืน วางไข่เป็น ฟองเดี่ยวๆ ตามส่วนต่างๆ ของพืช ตัวหนอนมีสีต่างๆ กัน ได้แก่ เขียวเหลืองเทา และน�้ำตาลเข้ม มีขนรอบตัวและมีแถบสีด�ำพาดยาวตามด้านข้างล�ำต้น ท�ำลาย ถั่วเขียวผวิ ดำ� โดยกัดกนิ ใบ ดอก เจาะฝกั และกดั กนิ เมลด็ ภายในฝกั ชว่ งเวลาระบาด ในฤดแู ล้ง ประมาณเดอื นกมุ ภาพันธ์ - มนี าคม การป้องกันกำ� จดั พน่ สารป้องกันก�ำจดั แมลงศตั รูพืช28 กรมสง่ เสริมการเกษตร
3.5 หนอนเจาะฝักมารูค่า Maruca vitrata (Fabricius) ลักษณะและการท�ำลาย ตัวเต็มวัยเป็นผีเส้ือกลางคืน เม่ือกางปีกกว้างประมาณ 2.3 - 3 เซนติเมตร วางไข่ไว้ที่กลีบดอก ตัวหนอนมีสีขาวและขาวเหลือง มีจุดสีน�้ำตาลด�ำเป็นคู่บนส่วนหลังของล�ำตัวทุกปล้อง ท�ำความเสียหายกับถั่วเขียวโดยสร้างใยมาพันช่อดอก แล้วอาศัยอยู่ภายในกัดกินเกสรดอก และกลีบดอกจนหมด แล้วเคล่ือนย้ายไปเจาะกัดกินดอกอ่ืนๆ ต่อไป เมื่อท�ำลายดอกหมดแล้วหนอนจะเจาะเข้าท�ำลายฝักท่ีอยู่ติดกับดอกหรือติดกับใบและกัดกนิ เมล็ดภายในฝกั ทำ� ให้ผลผลติ ลดลงมากหรือไมไ่ ด้ผลผลติ เลย ช่วงเวลาระบาด ระยะออกดอกและติดฝัก ปลายฤดูฝนประมาณเดือนสงิ หาคม - ตลุ าคม การปอ้ งกันก�ำจดั พน่ สารป้องกนั กำ� จดั แมลงศตั รูพืช การปลูกถว่ั เขยี วในฤดแู ลง้ 29
3.6 เพลย้ี ออ่ น Aphis craccivora (Koch) ลักษณะและการท�ำลาย เพลี้ยอ่อนเป็นแมลงปากดูดที่มีขนาดเล็ก เคลื่อนไหวช้า ผนังล�ำตัวอ่อนนุ่มมีส่วนท้องโต ทั้งตัวอ่อนและตัวเต็มวัยมีลักษณะ คลา้ ยกนั มาก ดดู กนิ นำ�้ เลย้ี งตามยอดใบออ่ น ชอ่ ดอก และฝกั ออ่ น ทำ� ใหต้ น้ แคระแกรน็ ยอดบดิ เบี้ยวและเมล็ดลีบ ทำ� ให้ผลผลติ เสียหาย ช่วงเวลาระบาด ในฤดูแล้ง ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม ฤดูฝนประมาณเดอื นกันยายน – ตลุ าคม การป้องกันก�ำจดั พน่ สารปอ้ งกนั กำ� จดั แมลงศัตรูพืช30 กรมสง่ เสริมการเกษตร
3.7 ดว้ งถั่วเขียว Callosobruchus maculatus (Fabricius) Callosobruchus chinensis (Linnaeus) ลกั ษณะและการทำ� ลาย ตัวเตม็ วยั มีสีน�ำ้ ตาล เป็นด้วงปกี แข็งขนาดเล็กประมาณ 3.0 - 4.5 มิลลิเมตร ปีกสั้นไม่คลุมสุดล�ำตัว มีแถบหรือจุดสนี ำ้� ตาลแกบ่ นปกี ทงั้ สองขา้ ง ปลายปกี มสี ดี ำ� ลำ� ตวั เรยี วแคบไปทางสว่ นหวั หวั เลก็ และงมุ้ เขา้ หาสว่ นอก เขา้ ทำ� ลายเมลด็ โดยวางไขส่ ขี าวนวลทผ่ี วิ เมลด็ หนอนเปน็ ระยะเดยี วทท่ี ำ� ลายเมลด็ เมอื่ ฟกั ออกจากไขแ่ ลว้ เจาะเขา้ ไปอาศยั และกดั กนิ เนอื้ ภายในเมลด็ และเข้าดกั แดอ้ ยูภ่ ายในจนกระทั่งเปน็ ตวั เตม็ วยั จงึ เจาะรูกลมออกมาภายนอก ถ่วั เขียวจะถูกด้วงถ่ัวเขียวเข้าท�ำลายต้ังแต่ยังเป็นฝักอยู่ในไร่ ซึ่งจะเจริญเติบโตและขยายพันธุ์ตอ่ ในโรงเก็บ ช่วงเวลาระบาด ระบาดตลอดปี การปอ้ งกนั กำ� จดั ทำ� ความสะอาดโรงเกบ็ กอ่ นนำ� เมลด็ เขา้ เกบ็ รกั ษา เมอื่ พบแมลงตอ้ งท�ำการกำ� จัดทันที ใชส้ ารคลกุ เมลด็ หรือสารรมเมลด็ การปลูกถวั่ เขยี วในฤดูแล้ง 31
ตารางท่ี 3 การใชส้ ารป้องกนั ก�ำจัดแมลงศัตรพู ชื ถัว่ เขยี วแมลงศตั รพู ืช สารปอ้ งกัน อตั ราการใช/้ นำ�้ วธิ กี ารใช้/ขอ้ ควรระวงั หยุดการใช้ กำ� จัดโรค 20 ลิตร สารกอ่ น เกบ็ เกีย่ ว (วนั )หนอนแมลงวัน ไตรอะโซฟอส 50 มิลลิลิตร พ่นหลังจากถ่ัวเขียวงอก 14เจาะล�ำต้น (40% EC) พน้ ดนิ 7-10 วนั และพน่ ซำ�้ อกี 1-2 ครง้ั ห่างกนั 7 วนั อมิ ดิ าโคลพรดิ 2 กรมั /เมล็ด 1 คลกุ เมล็ดก่อนปลกู - (70% WS) กิโลกรัมเพล้ียไฟ คารโ์ บซลั แฟน 50 มลิ ลลิ ติ ร พน่ เมอื่ พบเพลย้ี ไฟ ทำ� ลาย 14 (20% EC) ใบและดอกในระยะที่ถ่ัวเขียว 14 ไตรอะโซฟอส 50 มิลลิลติ ร เจรญิ เตบิ โตทางใบและลำ� ตน้ (40% EC) จนถงึ ระยะตดิ ฝกั ออ่ น ควรพน่ 1-2 ครั้ง ห่างกัน 7-10 วันหนอนกระทผู้ กั ไตรอะโซฟอส 40 มลิ ลลิ ติ ร พน่ เมอ่ื พบใบถกู ทำ� ลายมากกวา่ 14 (40% EC) 30 % 1-2 ครง้ั หา่ งกนั 7-10 วนัห น อ น เ จ า ะ ไตรอะโซฟอส 50 มิลลิลติ ร พน่ เม่อื พบหนอนเกิน 2-3 ตวั / 14สมอฝา้ ย (40% EC) แถวถว่ั เขยี วยาว1เมตรหรอื 7 พน่ 1-2ครงั้ หา่ งกนั 7-10วนั คลอรไ์ พรฟิ อส 50 มลิ ลิลิตร ในระยะถ่ัวเขยี วออกดอก (40% EC)หนอนเจาะฝกั ไตรอะโซฟอส 50 มลิ ลลิ ิตร พ่นเม่ือดอกและฝักถูกท�ำลาย -มารูคา่ (40% EC) 30% ในระยะถ่ัวเขียว ออกดอกและฝกั ถกู ทำ� ลาย แลมบด์ า้ ไซฮาโล 20 มิลลิลติ ร 20% ในระยะฝักแรกเต่ง (2.5% EC) ควรพน่ 1-2 ครง้ั หา่ งกนั 10 วนัเพลีย้ ออ่ น ไตรอะโซฟอส 40 มิลลิลิตร พ ่ น เ ม่ื อ พ บ เ พ ลี้ ย อ ่ อ น - (40% EC) ระบาดมาก 1-2 คร้ัง หา่ ง คารโ์ บซลั แฟน 50 มลิ ลิลิตร กนั 7-10 วนั (20% EC)ดว้ งถั่วเขยี ว อลูมิเนียมฟอส อตั ราทใี่ ช้ 2-3 เมด็ / อตั ราท่ีใช้ 2-3 เม็ด/เมลด็ - ไฟด์ (56% TB) เมลด็ ถัว่ เขียว 1 ตนั ถว่ั เขยี ว 1 ตัน32 กรมส่งเสรมิ การเกษตร
การเกบ็ เก่ียวและวิทยาการหลงั การเกบ็ เกยี่ ว การเกบ็ เกีย่ ว ถ่ัวเขียวเป็นพืชท่ีมีการสุกแก่ของฝักในต้นเดียวกันไม่พร้อมกัน อายุการเก็บเก่ียวถั่วเขียวข้ึนอยู่กับพันธุ์และสภาพแวดล้อม ถ้าสภาพการเพาะปลูกมีอุณหภูมิต่ำ� และความชื้นสูง อายุเกบ็ เก่ยี วถั่วเขียวจะยดื ออกไป แตส่ ภาพแวดล้อมการเพาะปลูกมีอุณหภูมิสูง ความชื้นต�่ำ อายุการเก็บเกี่ยวจะสั้นลง โดยทั่วไปจะเก็บเกยี่ ว 2 คร้งั โดยเก็บเกย่ี วครัง้ แรกเมื่อมฝี กั แก่ (ฝักแก่มีสดี ำ� ) รอ้ ยละ 80 และคร้ังที่ 2 หลังจากเก็บเก่ียวคร้ังแรกประมาณ 14 วัน เก็บเกี่ยวโดยใช้มือปลิดแตถ่ า้ เกบ็ เกยี่ วดว้ ยเครอื่ งจกั รกลจะทำ� ใหเ้ กบ็ เกยี่ วถว่ั เขยี วไดเ้ รว็ แตส่ ามารถเกบ็ เกยี่ วถ่ัวเขียวไดเ้ พยี งคร้ังเดยี ว ท�ำใหส้ ูญเสยี เมลด็ ถั่วเขยี วที่ยังไมแ่ ก่ การตากและนวด การตากฝักของถวั่ เขยี ว การตาก น�ำฝักถ่ัวเขียวมาตากแดด ในกรณีที่ตากบนพ้ืนดินให้ใช้ผ้าใบ หรือผา้ พลาสติกรองพื้นกันความชืน้ ตากประมาณ 1 - 2 แดด เพอ่ื ใหค้ วามชื้นฝกั และเมล็ดลดลงเหลอื ประมาณรอ้ ยละ 11 - 13 การปลกู ถว่ั เขียวในฤดแู ลง้ 33
การนวด สามารถท�ำได้ 3 วิธี ไดแ้ ก่ v ใช้แรงงานคน โดยเอาฝักถั่วเขียวใช้กระสอบผ้าหรือพลาสติก แล้วใช้ไม้ทุบ การใช้วิธีน้ีใช้เวลานาน ส้ินเปลืองแรงงาน แต่ได้เมล็ดคุณภาพดี มีการแตกหักของเมลด็ นอ้ ยมาก v ใช้รถเหยียบย�่ำ วิธีนี้ท�ำได้โดยกองฝักถั่วเขียวสูงประมาณ 25 เซนติเมตร บนที่แห้ง ลานซีเมนต์ หรือลานดินท่ีอัดแน่นและรองพื้นด้วยผ้าใบ ใช้รถไถเดนิ ตามหรอื รถแทรก็ เตอร์ย่�ำ ควรปลอ่ ยลมยางใหอ้ อ่ นและใชค้ วามเร็วรอบ ของเครอ่ื งตำ�่ เพอื่ ลดการแตกหักของเมล็ดถ่วั เขยี ว v ใช้เคร่ืองกะเทาะเมล็ดถ่ัวเขียว ซ่ึงจะสามารถกะเทาะถั่วเขียวที่มี ความช้นื ของเมลด็ 11.0 - 13.5 เปอร์เซน็ ต์ อตั ราท�ำงาน 550 รอบตอ่ นาที ใชร้ ถแทรกเตอร์ขนาดเล็กเหยียบย่�ำ3 4 กรมส่งเสรมิ การเกษตร
การเก็บรักษา การตากเมล็ดถ่วั เขยี ว การเกบ็ รกั ษาเมลด็ ถ่ัวเขยี วบรรจใุ นถุง หลงั นวดเสรจ็ แลว้ ทำ� ความสะอาดเมลด็ โดยฝกั หรอื ใชแ้ รงลมเพอ่ื เอาเศษเปลือกฝักหรือสิ่งเจือปนอื่นๆ ออก แล้วน�ำเมล็ดไปผ่ึงแดดเพ่ือลดความชื้นให้เหลือประมาณ 11 - 12 เปอรเ์ ซน็ ต์ บรรจเุ มลด็ ถวั่ เขยี วในกระสอบทสี่ ะอาด มัดให้มดิ ชิดเพ่ือเก็บรักษาหรอื ส่งจำ� หนา่ ยต่อไป การปลกู ถว่ั เขยี วในฤดูแล้ง 35
เอกสารอา้ งองิ กรมวิชาการเกษตร, ฝ่ายพันธุ์พืช กองควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร. 2543. พันธุ์พืชขึ้นทะเบียนและพันธุ์พืช รบั รองตามพระราชบญั ญตั พิ นั ธพ์ุ ชื พ.ศ. 2518 เลม่ 1. กรมวชิ าการเกษตร.กรงุ เทพมหานคร. 293 หนา้ . กรมวิชาการเกษตร, สถาบันวิจัยพืชไร่. 2539. เอกสารวิชาการ พันธุ์พืชไร่ 2539. สถาบันวิจัยพืชไร่ กรุงเทพมหานคร. 144 หน้า. กรมวิชาการเกษตร, สถาบันวิจัยพืชไร่. 2544. เอกสารวิชาการ พันธุ์พืชไร่ 2543. สถาบันวิจัยพืชไร่ กรงุ เทพมหานคร. 77 หนา้ . กรมส่งเสริมการเกษตร. กองส่งเสริมพีชไร่นา. 2545 เทคโนโลยีการผลิตถ่ัวเขียวผิวมันคุณภาพดี กองส่งเสริม พืชไรน่ า 31.หน้า กลุ่มงานวิจัยวัชพืช. 2548. ค�ำแนะน�ำการป้องกันก�ำจัดวัชพืชและการใช้สารเคมีก�ำจัดวัชพืช ปี 2547. ส�ำนกั วจิ ัยพัฒนาการอารักขาพืช กรมวิชาการเกษตร กรุงเทพฯ. 133 หน้า. กองกฏี และสตั ววิทยา. 2551. การป้องกันกำ� จัดแมลงและสตั วศ์ ัตรพู ชื ปี 2551. เอกสารวิชาการเกษตร คำ� แนะนำ� กลุม่ กีฏและสัตววทิ ยา สำ� นกั วจิ ัยพัฒนาการอารักขาพชื กรมวชิ าการเกษตร กรุงเทพฯ. 295 หน้า. กองปฐพวี ทิ ยา. 2543. ลกั ษณะอาการขาดธาตอุ าหารของพชื . เอกสารวชิ าการ. กองปฐพวี ทิ ยา กรมวชิ าการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ.์ 119 หน้า. กองโรคพชื และจลุ ชวี วทิ ยา. 2545. คมู่ อื โรคพชื ไร.่ เอกสารวชิ าการกองโรคพชื และจลุ ชวี วทิ ยา กรมวชิ าการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ,์ กรงุ เทพฯ. 105 หนา้ . กองโรคพืชและจุลชีววิทยา. 2544. โรคของถ่ัวเขียวและงา.กองโรคพืชและจุลชีววิทยา กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. กรุงเทพฯ. นันทินี ศรีจุมปา ปรีชา สุรินทร์ สมยศ พิชิตพร พรพุฒิ ประเสริฐกุล และจรัสพร ถาวรสุข. 2532. การศึกษาการเข้าท�ำลายของเช้ือรา Macrophomina phaseolina บนถ่ัวเขียวผิวด�ำพันธุ์ต่างๆ. หน้า 353-372. ใน: รายงานผลงานวิจัยปี 2532 ถ่ัวเขียว และพืชไร่ในเขตชลประทาน ศูนย์วิจัยพืชไร่ชัยนาท สถาบันวิจัยพืชไร่ กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ.์ ชชู าติ บญุ ศกั ด.์ิ 2560. เทคโนโลยกี ารผลติ เมลด็ พนั ธถ์ุ วั่ เขยี ว. เอกสารประกอบการบรรยายในการฝกึ อบรมหลกั สตู ร เทคโนโลยีการผลิตเมล็ดพนั ธุ์พชื ตระกลู ถว่ั วนั ท่ี 14-17 กุมภาพันธ์ 2560 ณ ศูนยว์ จิ ัยและพัฒนาเมลด็ พนั ธ์ุพชื จงั หวัดพิษณโุ ลก รังสิต สุวรรณเขตนิคม. 2547. สารป้องกันก�ำจัดวัชพืชพ้ืนฐานและวิธีการใช้. ภาควิชาพืชไร่นา คณะเกษตร มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร.์ 374 หน้า. วิเชยี ร บำ� รุงศรี เตอื นจติ ต์ สัตยาวริ ทุ ธ์ ศรสี มร พิทักษ์ สาทร สริ ิสิงห์ และวรัญญา ตนั ติยุทธ. 2543. เอกสาร วิชาการ แมลงศัตรูถ่ัวเขียวและการป้องกันก�ำจัด . กล่มุงานวิจัยแมลงศัตรูพืชน้�ำมัน และพืชไร่กูลถั่ว. กองกฏี และสตั ววทิ ยา กรมวชิ าการเกษตร กรุงเทพฯ. 44 หน้า. ศูนย์วิจัยพืชไร่ชัยนาท 2543. การผลิตถ่ัวเขียวอย่างถูกต้องและเหมาะสม. ศูนย์วิจัยพืชไร่ชัยนาท สถาบันวิจัย พืชไร่ กรมวชิ าการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 49 หน้า ศูนย์วิจัยพืชไร่ชัยนาท. 2552. การผลิตถั่วเขียวในเขตชลประทาน. เอกสารวิชาการศูนย์วิจัยพืชไร่ชัยนาท กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ.์ 12 หนา้ . ศูนย์วิจัยพืชไร่ชัยนาท. 2555. การผลิตถ่ัวเขียว. เอกสารเผยแพร่วิชาการ. ศูนย์วิจัยพืชไร่ชัยนาท กรมวิชาการเกษตร 28 หนา้ ภาพประกอบไดร้ บั การเอ้ือเฟื้อจากกรมวิชาการเกษตร อภพิ รรณ พุกภกั ดี และคณะ. 2534. การปลูกถ่ัวเขยี ว พันธุ์กำ� แพงแสน 1 พันธุก์ �ำแพงแสน 2. เอกสารเผยแพร่ อันดบั ท่ี 39. มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ พิมพ์ครั้งที่ 3.36 กรมสง่ เสริมการเกษตร
เอกสารคำ� แนะน�ำที่ 6/2560การปลกู ถว่ั เขยี วในฤดแู ล้งทปี่ รึกษา อธิบดกี รมส่งเสรมิ การเกษตร www.doae.go.th รองอธิบดีกรมสง่ เสริมการเกษตรนายสมชาย ชาญณรงค์กลุ รองอธบิ ดีกรมส่งเสริมการเกษตรนายส�ำราญ สาราบรรณ์ ผอู้ ำ� นวยการสำ� นกั สง่ เสริมและจัดการสนิ คา้ เกษตรนายรตั นะ สวามชี ัย ผอู้ ำ� นวยการส�ำนกั พัฒนาการถา่ ยทอดเทคโนโลยีนางวลิ าวลั ย์ วงษ์เกษม ผู้อ�ำนวยการกล่มุ ส่งเสรมิ พชื น�้ำมนั และพชื ตระกลู ถว่ันางอญั ชลี สุวจติ ตานนท์ นางศรสี ุดา เตชะสาน เรียบเรยี งนางสกุ ญั ญา ตู้แกว้ นกั วชิ าการเกษตรชำ� นาญการกลุ่มสง่ เสรมิ พืชนำ�้ มันและพืชตระกลู ถว่ัสำ� นักสง่ เสริมและจดั การสนิ ค้าเกษตรกรมสง่ เสริมการเกษตรจัดทำ�นางอมรทิพย์ ภิรมย์บรู ณ์ ผอู้ �ำนวยการกลุม่ พฒั นาส่ือสง่ เสริมการเกษตรนางสาวอ�ำไพพงษ์ เกาะเทยี น นกั วชิ าการเผยแพรช่ �ำนาญการกลุ่มพัฒนาสื่อสง่ เสรมิ การเกษตรส�ำนกั พฒั นาการถา่ ยทอดเทคโนโลยีกรมสง่ เสรมิ การเกษตร
Search
Read the Text Version
- 1 - 44
Pages: