Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงงานวิทยาศาสตร์การศึกษาและเปรียบเทียบประสิทธิภาของโอเอซิสจากวัสดุธรรมชาติ

โครงงานวิทยาศาสตร์การศึกษาและเปรียบเทียบประสิทธิภาของโอเอซิสจากวัสดุธรรมชาติ

Published by peawsystem, 2022-06-21 12:04:40

Description: โครงงานวิทยาศาสตร์การศึกษาและเปรียบเทียบประสิทธิภาของโอเอซิสจากวัสดุธรรมชาติ

Search

Read the Text Version

โครงงานวิทยาศาสตร์ เร่อื ง การศกึ ษาและเปรยี บเทียบประสทิ ธิภาพของโอเอซสิ จากวัสดธุ รรมชาติ ในการรกั ษาความสดของดอกไม้ จัดทาโดย ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 6 เด็กหญงิ นันท์นภัส นชุ รุ่งเรอื ง ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 6 เดก็ หญงิ ภญิ ญาพัชญ์ แสวงกลาง ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 6 เด็กหญิงสธุ รี า คณุ สทุ ธิ์ ครทู ปี่ รกึ ษา นายอุดมฤทธ์ิ ถาวร นางสาวปุณยาพร ออ่ นสาคร โรงเรียนวัดทพิ พาวาส สานกั งานเขตลาดกระบงั กรงุ เทพมหานคร Scan me

ก ช่ือโครงงาน : การศกึ ษาและเปรียบเทยี บประสิทธิภาพของโอเอซสิ จากวสั ดุธรรมชาติในการรักษา ความสดของดอกไม้ ชื่อผ้จู ดั ทา : 1. เด็กหญิงนันท์นภสั นุชร่งุ เรอื ง ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 6 2. เด็กหญิงภิญญาพชั ญ์ แสวงกลาง ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 6 3. เดก็ หญิงสธุ ีรา คุณสุทธิ์ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 ประเภทโครงงาน : โครงงานทดลอง ครูทป่ี รึกษา : นายอุดมฤทธ์ิ ถาวร, นางสาวปญุ ยาพร ออ่ นสาคร โรงเรียน : วดั ทพิ พาวาส สานกั งานเขตลาดกระบงั กรุงเทพมหานคร ปกี ารศกึ ษา : 2565 บทคัดยอ่ จากการศึกษาและเปรียบเทียบประสิทธภิ าพของโอเอซสิ จากวสั ดุธรรมชาตใิ นการ รักษาความสดของดอกไม้ โดยนาโอเอซสิ จากขุยมะพร้าว ขเี้ ล่ือย ชานอ้อย และเปลือกขา้ วหรอื แกลบ ทาการทดลองและเปรียบเทยี บประสทิ ธภิ าพการอ้มุ น้าของโอเอซิสซ่งึ นาไปแช่ในนา้ ปริมาณ 500 มิลลลิ ิตร และทดลองระยะเวลาความสดของดอกไม้ท่ีปักลงไปในโอเอซสิ จากวสั ดุธรรมชาติ ทุก 3 ช่วั โมง ได้แก่ 3 ช่วั โมง, 6 ช่ัวโมง, 12 ช่วั โมง, 18 ช่วั โมง, และ 24 ช่ัวโมง ตามลาดับ และพบว่า โอเอซิสจากขีเ้ ลื่อย สามารถอุ้มน้าได้ 190 มลิ ลิลิตร และรกั ษาความสดของดอกไม้ได้ 12 ช่ัวโมง โอเอซสิ จากขยุ มะพร้าว สามารถอมุ้ น้าได้ 230 มิลลลิ ติ ร และรกั ษาความสดของดอกไม้ได้ 18 ชวั่ โมง โอเอซิสจากชานอ้อย สามารถอมุ้ น้าได้ 200 มลิ ลิลติ ร และรักษาความสดของดอกไม้ได้ 18 ชัว่ โมง และโอเอซสิ จากเปลือกข้าวหรือแกลบ สามารถอุ้มน้าได้ 150 มลิ ลิลติ ร และรักษาความสดของดอกไม้ ได้ 6 ช่วั โมง ดงั นัน้ สรปุ ได้ว่า ประสทิ ธภิ าพการอุ้มนา้ ของโอเอซิสจากขุยมะพรา้ วเพื่อรกั ษาความ สดของไม้ มปี ระสทิ ธิภาพการอ้มุ นา้ และรักษาความสดของดอกไม้ไดด้ ที สี่ ุด รองลงมา คือ โอเอซิสจาก ชานอ้อย โอเอซสิ จากข้เี ล่อื ย และโอเอซิสจากขา้ วเปลอื กหรือแกลบ ตามลาดบั

ข กติ ติกรรมประกาศ โครงงานวิทยาศาสตร์เรื่อง การศกึ ษาและเปรียบเทยี บประสิทธิภาพของโอเอซสิ จากวัสดุ ธรรมชาติในการรักษาความสดของดอกไม้ทส่ี าเรจ็ ลุล่วงไปด้วยดีกเ็ พราะได้รบั การชว่ ยเหลือ คาแนะนา และถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจความรู้จากคณุ ครูอุดมฤทธิ์ ถาวรและคุณครูปณุ ยาพร อ่อนสาคร ท่ใี หค้ าปรึกษาและใหค้ าแนะนาตลอดเวลาของการดาเนนิ งาน และทส่ี าคัญขอขอบพระคุณทา่ น ผ้อู านวยการโรงเรยี นวัดทพิ พาวาส นางสาวประภักดิ์ กันหาชิน ท่านรองมนสั นนั ท์ บตุ รสอน และ ท่านรองสปุ ระวีณ์ โพธิเ์ ตมิย์ ทใี่ ห้คาแนะนาและการสนับสนนุ และจดั ทาให้โครงงานวิทยาศาสตร์บรรลุ ตามวัตถปุ ระสงค์ที่ไดก้ าหนดไว้ คณะผู้จัดทาขอขอบพระคุณท่านที่ใหค้ วามชว่ ยเหลอื ในเรื่องต่างๆ และหวงั เปน็ อย่างยงิ่ วา่ โครงงานวิทยาศาสตร์การศกึ ษาและเปรยี บเทียบโอเอซิสจากวสั ดุธรรมชาติในการรกั ษาความสดของ ดอกไมเ้ ร่ืองนี้จะเกดิ ประโยชน์ตอ่ วงการศึกษาและงานวิจยั ดา้ นอนื่ ๆ ทีเ่ ก่ยี วข้องตอ่ ๆ ไป คณะผูจ้ ัดทา

สารบญั ค เร่อื ง หน้า บทคัดย่อ ก กติ ติกรรมประกาศ ข สารบญั ค สารบัญตาราง ง สารบัญภาพ จ บทท่ี 1 บทนา 1 1.1 ทีม่ าและความสาคญั ของโครงงาน 1 1.2 วัตถปุ ระสงค์ 1 1.3 สมมตุ ฐิ าน 2 1.4 ตัวแปรท่ศี กึ ษา 2 1.5 ขอบเขตการศกึ ษา 2 1.6 ประโยชนท์ คี่ าดวา่ จะไดร้ ับ 2 1.7 นยิ ามปฏิบตั ิการ บทที่ 2 เอกสารและงานวจิ ยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง 4 2.1 ขอ้ มูลพื้นฐานและลักษณะทั่วไปโอเอซิส (Floral foam) 6 6 2.1.1 ประวัตขิ องโอเอซิส 7 2.1.2 คณุ สมบตั ิทางกายภาพและเคมี 7 2.1.3 ขอ้ มูลความอันตราย 9 2.1.4 วิธกี ารนาโอเอซิสไปใช้ 12 2.2 ข้อมูลพ้นื ฐานของขเ้ี ลือ่ ย (Wood sawdust) 15 2.3 ขอ้ มูลพน้ื ฐานของขยุ มะพร้าว (Coconut fluff) 2.4 ขอ้ มูลพน้ื ฐานของชานอ้อย (Sugarcane bagasse) 18 2.5 ข้อมลู พนื้ ฐานของเปลือกขา้ ว/แกลบ (Rice husk) 19 บทที่ 3 วิธดี าเนินการ 20 3.1 วัสดุอปุ กรณ์ 3.2 วิธีดาเนินการ 26 บทท่ี 4 ผลการศกึ ษา 26 บทท่ี 5 สรปุ ผล อภปิ รายผลและข้อเสนอแนะ 26 5.1 สรุปผล 27 5.2 อภิปรายผล 28 5.3 ขอ้ เสนอแนะ บรรณานุกรม ภาคผนวก

สารบัญตาราง ง ตารางท่ี หนา้ 1. ส่วนประกอบของสารเคมที ี่ใชผ้ ลิตโอเอซสิ 5 2. ผลการทดสอบการอุม้ นา้ ของโอเอซสิ จากวัสดุธรรมชาติ 20 3. ระยะเวลาความสดของดอกไมท้ ่ีปักลงในโอเอซสิ จากวัสดุธรรมชาติ 22

สารบญั ภาพ จ ภาพท่ี หน้า 1. โอเอซิส 5 2. คุณสมบัตทิ างกายภาพและเคมี 6 3. ขเ้ี ล่ือย 8 4. ขุยมะพร้าว 9 5. ชานอ้อย 12 6. เปลือกข้าว/แกลบขา้ ว 15 7. วสั ดุอปุ กรณ์ 18 8. ภาพแผนภูมผิ ลการทดสอบการอุ้มน้าของโอเอซสิ 21 9. ภาพแผนภมู ริ ะยะเวลารกั ษาความสดของดอกไมท้ ปี่ กั ลงในโอเอซสิ 24 10. ภาพความสดของดอกไม้ที่ปกั ลงในโอเอซสิ ในช่วงเวลาตา่ งกนั 25

บทท่ี 1 บทนา 1.1 ที่มาและความสาคัญของโครงงาน ปจั จุบนั ในการจดั งานพิธกี ารตา่ งๆ ส่วนใหญ่จะใช้โอเอซสิ ในการจัดดอกไม้ประดับตกแต่งเพ่ือ ทาใหด้ อกไมม้ ีความสดอยู่ตลอดเวลาท้งั ในงานมงคลแสดงความยนิ ดีและงานอวมงคล จงึ จาเป็นต้องใช้ โอเอซิสซงึ่ เปน็ วสั ดุทนี่ ิยมใชจ้ ัดดอกไม้เน่ืองจากนาไปใชไ้ ด้ง่าย สะดวก รวดเร็ว แตม่ ีขอ้ เสียคือ ราคา แพงและเป็นวัสดทุ ผ่ี า่ นการผลิตกระบวนการทางเคมขี องโรงงานซง่ึ เปน็ ผลติ ภัณฑ์ประเภทโฟม จงึ เป็น วัสดทุ ยี่ อ่ ยสลายยากที่สุดและก่อให้เกิดปัญหาต่อส่ิงแวดล้อม และอีกทั้งแต่ละปีทางโรงเรียนมีการจดั กิจกรรมตา่ งๆ ที่จาเป็นต้องใช้โอเอซิสและตอ้ งเสียงบประมาณในการจัดซ้ือโอเอซสิ มาใชจ้ ดั ดอกไมแ้ ละ รกั ษาความสดของดอกไมอ้ ีกดว้ ย ดังนน้ั ผ้จู ดั ทาโครงงานไดต้ ระหนกั และเล็งเห็นถึงปญั หาสิ่งแวดล้อมและปญั หาตา่ งๆ ทเี่ กิดขึ้น จึงไดศ้ ึกษาการทาและเปรียบเทียบโอเอซสิ จากวสั ดธุ รรมชาตทิ ่ีหาได้ง่ายเหลอื ใช้ในชมุ ชนทอ้ งถนิ่ เพ่ือเป็นส่วนหนึง่ ในการแกป้ ัญหาสงิ่ แวดลอ้ มและเปน็ มิตรกบั สงิ่ แวดล้อม ประกอบกับพื้นท่ีชุมชม บริเวณรอบโรงเรยี นมวี ัสดธุ รรมชาตทิ ่เี หลอื ใช้ สามารถหาได้งา่ ยจากบ้านเรือนของนกั เรยี น ผ้ปู กครอง หรือชมุ ชน ด้วยเหตผุ ลดังกลา่ วจงึ เปน็ ทีม่ าของโครงงานวิทยาศาสตรท์ ่ีศึกษาและเปรียบเทียบ ประสิทธิภาพของโอเอซสิ จากวัสดธุ รรมชาติในการรักษาความสดของดอกไม้ข้นึ มา 1.2 วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพอ่ื ศึกษาการทาโอเอซสิ จากวสั ดธุ รรมชาติ ได้แก่ ขี้เลอ่ื ย ขยุ มะพร้าว ชานอ้อย และ เปลือกข้าวหรือแกลบ 2. เพื่อเปรยี บเทียบประสิทธิภาพการอ้มุ น้าของโอเอซสิ จากวัสดธุ รรมชาติ ได้แก่ ขเ้ี ลื่อย ขุยมะพรา้ ว ชานอ้อย และเปลือกข้าวหรือแกลบ 1.3 สมมุติฐาน โอเอซสิ จากวสั ดธุ รรมชาตมิ ีประสทิ ธภิ าพการอุ้มน้าเพ่ือรกั ษาความสดของดอกไม้ท่แี ตกตา่ ง กนั

2 1.4 ตวั แปรทศี่ กึ ษา 1.4.1 ตัวแปรต้น : โอเอซิสทีผ่ ลติ จากข้ีเลอ่ื ย ขุยมะพร้าว ชานอ้อย และเปลือกขา้ ว หรือแกลบ 1.4.2 ตวั แปรตาม : การอ้มุ น้าของโอเอซสิ จากขีเ้ ล่ือย ขยุ มะพร้าว ชานอ้อย และ เปลอื กข้าวหรือแกลบ 1.4.3 ตัวแปรควบคุม : ชนดิ ของดอกไม้ ปรมิ าณนา้ ท่ีใช้ในการแช่ ปริมาณกาวจาก แปง้ เปียก ขนาดของโอเอซสิ ระยะเวลาทดสอบการอุ้มนา้ อุณหภมู ิ 1.5 ขอบเขตการศกึ ษาในการศกึ ษาครั้งน้ี มีขอบเขตของการศึกษาดังนี้ 1.5.1 สิง่ ทศ่ี กึ ษา คือ โอเอซสิ จากวสั ดุธรรมชาติ ได้แก่ ขเ้ี ล่ือย ขุยมะพรา้ ว ชานอ้อย และเปลือกข้าวหรือแกลบ 1.5.2 ระยะเวลาท่ใี ชใ้ นการศึกษาต้ังแต่วนั ที่ 23 พฤษภาคม 2565 ถงึ 20 มิถุนายน 2565 1.5.3 สถานท่ศี ึกษาโรงเรียนวดั ทพิ พาวาส 1.6 ประโยชนท์ ีค่ าดว่าจะได้รับ 1.6.1 ทราบวิธกี ารทาและคลายข้อสงสยั การทาโอเอซสิ จากวสั ดุธรรมชาติในทอ้ งถ่นิ และสามารถรักษาความสดของไม้ได้จรงิ 1.6.2 นาวสั ดุเหลือใช้ในธรรมชาตติ ามทอ้ งถ่ิน หาได้ง่าย มาสร้างคุณคา่ และมาใช้ ประโยชน์ รวมถึงตระหนกั ใสใ่ จสิ่งแวดลอ้ มรอบตวั ในชมุ ชนท้องถนิ่ 1.6.3 ลดตน้ ทนุ ประหยัดงบประมาณในการจัดซ้อื โอเอซิสตามท้องตลาด 1.6.4 นาความรทู้ ่ีไดร้ ับจากการทาโครงงานไปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ติ ประจาวนั และ เผยแพรใ่ ห้ผทู้ ่ีสนใจ รวมท้งั สามารถสร้างรายได้เพ่ิมเติมให้แก่ครอบครัว โรงเรยี นหรอื ชุมชนได้ 1.6.5 ใชเ้ วลาว่างใหเ้ กิดประโยชน์ และเป็นองคค์ วามรู้พ้นื ฐานงานโครงงานแขนง อืน่ ๆ ท่เี กยี่ วข้องตอ่ ไป 1.7 นยิ ามปฏบิ ัตกิ าร 1.7.1 โอเอซิสจากวสั ดธุ รรมชาติ หมายถึง การนาเศษวสั ดุธรรมชาตทิ เ่ี หลือใชต้ าม บา้ นเรอื น โรงเรยี น ชมุ ชนท้องถ่นิ ซ่งึ ได้แกว่ สั ดจุ ากขุยมะพรา้ ว ชานอ้อย ข้ีเลื่อย และเปลือกขา้ วหรือ แกลบ มาผสมกาวแป้งเปยี กในอตั ราสว่ นที่กาหนดและเทลงไปในแม่พิมพห์ รือภาชนะรปู ส่เี หลย่ี มเพ่อื ขึ้นรปู นาไปตากแดดจนแห้งและแกะออกจากแมพ่ ิมพ์ พร้อมนาโอเอซิสข้เี ล่ือย ขุยมะพรา้ ว ชานอ้อย และเปลอื กขา้ วหรอื แกลบ นาไปแชน่ ้าในปรมิ าณท่ีกาหนดเพ่อื ศกึ ษาประสิทธิภาพการอุ้มน้าของ โอเอซสิ รวมถงึ นาดอกไมช้ นดิ เดยี วกันไปปักบนโอเอซิสแต่ละชนดิ และเปรียบเทียบความสดของ ดอกไม้ทุกๆ 3 ช่ัวโมง นาน 24 ช่วั โมง 1.7.2 การอุ้มนา้ ของโอเอซสิ หมายถงึ การนาโอเอซสิ ที่ผลิตจากข้เี ล่ือย ขุยมะพร้าว ชานออ้ ย และเปลอื กข้าวหรอื แกลบไปแช่น้าในภาชนะทก่ี าหนด 1.7.3 ประสิทธิภาพของโอเอซิส หมายถึง ความสามารถของโอเอซิสจากวสั ดุ ธรรมชาติ ได้แก่ ขี้เลื่อย ขยุ มะพรา้ ว ชานอ้อย และเปลือกขา้ วหรอื แกลบทีส่ ามารถดูดซับนา้ ใหไ้ ด้มาก ทสี่ ุดตามเวลาทก่ี าหนด

3 1.7.4 การรกั ษาความสดของดอกไม้ หมายถงึ การนาดอกไมช้ นดิ เดยี วกนั ไปปักไวบ้ น โอเอซสิ ที่ทามาจากข้ีเล่ือย ขยุ มะพร้าว ชานออ้ ย และเปลือกขา้ วหรือแกลบ เพื่อศึกษาการ เปลี่ยนแปลงทแ่ี ตกตา่ งจากเดิมของดอกไม้ สภาพความสดช่ืนของดอกไม้ และสภาพไม่เห่ียวเฉาของ ดอกไม้ ทุกๆ 3 ช่วั โมง นาน 24 ชวั่ โมง

บทที่ 2 เอกสารและโครงงานทเี่ กีย่ วขอ้ ง ในการจัดทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์ เรอื่ ง การศึกษาและเปรียบเทยี บประสทิ ธิภาพ ของโอเอซสิ จากวัสดธุ รรมชาตใิ นการรักษาความสดของดอกไม้ ไดศ้ ึกษาเอกสารทีเ่ กย่ี วข้อง โดยแยกหัวขอ้ ตามลาดับดงั นี้ 2.1 ขอ้ มลู พนื้ ฐานและลกั ษณะทั่วไปของโอเอซิส 2.1.1 ประวตั ขิ องโอเอซสิ (Floral foam) 2.1.2 คณุ สมบตั ิทางกายภาพและเคมี 2.1.3 ขอ้ มูลความอนั ตราย 2.1.4 วธิ กี ารนาโอเอซิสไปใช้ 2.2 ขอ้ มลู ทั่วไปของข้ีเล่ือย (Wood sawdust) 2.3 ขอ้ มลู ทว่ั ไปของขยุ มะพรา้ ว (Coconut fluff) 2.4 ข้อมูลท่ัวไปของชานอ้อย (Sugarcane bagasse) 2.5 ขอ้ มลู ท่ัวไปของเปลือกข้าวหรือแกลบ (Rice husk) 2.1 ขอ้ มลู พืน้ ฐานและลกั ษณะท่วั ไปของโอเอซสิ (Floral foam) 2.1.1 ประวัติของโอเอซสิ Oasis (Floral foam) คาวา่ โอเอซิส (Oasis) แหล่งนา้ กลางทะเลทรายหรือบอ่ น้าจดุ นัดพบเตมิ พลังเติมน้า พกั แรมของนักเดินทางด้วยลักษณะเฉพาะของโอเอซสี กลางทะเลทราย จงึ เป็นแรงบนั ดาลใจใหน้ ัก จดั ดอกไมใ้ นยุคแรกๆ คดิ ค้นหาวิธสี ร้างโอเอซิส (Oasis) ทม่ี ีขนาดเลก็ ๆ ทาเพือ่ เอ้ือประโยชนต์ ่อการจดั ดอกไม้ได้ในทุกๆ สถานท่ที ุกๆ รปู แบบ และให้จัดทรงได้อยู่ไดน้ าน ปัจจุบันโอเอซิส (Floral foam) มีใชง้ านกนั อยู่ 2 แบบ คือ 1. Floral foam โอเอซสิ ที่ใช้กกั เก็บน้าเขา้ ไปอยูท่ ่ีก้อน เพื่อใชป้ กั ดอกไม้สดให้มี ความสดของดอกไมใ้ ห้อย่ไู ด้นานข้ึน 2. Floral foam โอเอซิสที่ไว้ใช้จัดดอกไม้แหง้ จะมรี ปู สลี กั ษณะเหมือนกนั แตจ่ ะเปน็ โฟมแทง่ ส่ีเหลยี ม และจะเปน็ กอ้ นโฟมแหง้ จะเกบ็ กักน้าไม่ได้ ขอ้ จากดั โอเอซสิ คอื เกิดมีการรวั่ ซึมออกมาไดง้ ่ายหรือมหี ยดนา้ ออกมาไดง้ ่าย จงึ ทาใหโ้ อเอซิสในยคุ แรกๆ มีอายุใช่งานได้เพียง 1-2 วนั - จนปี ค.ศ 1954 โอเอซิสรูปแบบใหมก่ เ็ กดิ ข้ึนผลิกโฉมวงการจดั ดอกไม้ไปทั่วโลก ทาใหเ้ กิดการตืน่ ตวั ไปกบั นวตั กรรมล่าสดุ Floral foam จากผ้คู ิดค้น Floral foam ภายใต้แบรนด์ Oasis นัน้ กค็ อื นาย ว.ี แอล.สมิตเทอร์ส (V.l.smithers) เขาเป็นเจ้าของธรุ กจิ ผลติ พลาสติกและโฟม ชนิดต่างๆ และคน้ พบลองผดิ ลองถกู หลายครัง้ จนพบว่า สารพอลยิ รู ิเทนโฟม มคี ุณสมบตั ิที่ดีทีส่ ดุ ใน การทาโอเอซสิ รปู แบบใหม่ และเรียกอย่างเปน็ ทางการวา่ ฟลอรา่ โฟม (Floral foam) ภายใต้ชื่อ แบรนด์ Oasis จนถึงทุกวนั น้ี (วรรณฤดี. (2562). โอเอซสิ (Floral foam) เป็นผลติ ภณั ฑพ์ ลาสตกิ แบบเซลลเ์ ปิด (Open Cell Plastic) ชนิดเทอร์โมเซ็ต (Termosets) ไม่สามารถคนื สู่สภาพได้หลังการขนึ้ รูปดว้ ยความรอ้ นทางปฏกิ ริ ยิ าเคมี นน่ั คอื สามารถขนึ้ รูปไดเ้ พียงครั้งเดยี ว อกี ท้งั ไมส่ ามารถย่อยสลายไดเ้ องตามธรรมชาติ

5 โดยโอเอซิสนามาใช้สาหรบั ปักดอกไม้ ใบไม้และสว่ นประกอบอื่นๆ ทีใ่ ชใ้ นการจดั ดอกไม้ให้อยู่ใน ตาแหนง่ ท่ตี ้องการ ภาพท่ี 1 โอเอซสิ (จาก https://th.blabto.com/4878-10-secrets-of-floraldesign.html) โอเอซสิ (Floral foam) มีลักษณะเป็นรูปทรงเรขาคณิตชนิดต่างๆ แต่สว่ นใหญจ่ ะเหน็ เป็น รูปทรงสเ่ี หลีย่ มหรอื รูปวงกลม มสี เี ขยี วเป็นพลาสติกท่ีมีรูพรุน คุณสมบัติพิเศษของโอเอซิส คอื สามารถดดู ซึมและอมุ้ นา้ ได้ดี จงึ นามาใชเ้ ป็นหลักฐานในการปกั ดอกไมเ้ พ่ือยืดอายุของดอกไม้ใหส้ ดชน่ื ยงิ่ นานขน้ึ อีกท้ังนาไปใช้งานได้งา่ ย สะดวก และรวดเรว็ ข้อเสียของโอเอซิส คือ ราคาแพง เนื่องจาก ไมไ่ ด้ผลติ ในประเทศไทยและจัดเป็นสารควบคุมและอนั ตราย ทุกส่วนมสี ่วนประกอบของสารเคมี ประเภท Formaldehyde และ Carbon black เมอื่ มนุษย์เจอสารสองชนดิ นี้บ่อยอาจก่อให้เกิดมะเร็ง ได้ ซงึ่ ส่วนปะกอบของโอเอซิสปรากฏดังในตารางที่ 1 ตารางท่ี 1 สว่ นประกอบของสารเคมที ใี่ ชผ้ ลติ โอเอซิส (Floral foam) สารเคมี CAS.No Percent Acid catalysts Proprietary 8-12 % Barium sulfate 7727-43-7 2-3 % Heptane 142-82-5 < 1.5 % Formaldehyde 50-00-0 < 0.15 % Other components, if any, are not hazardous or hazardous components are present at less than 1% (0.1% for carcinogens). ทมี่ า SIMTHERS-OASIS NORTH AMERICA (2009)

6 2.1.2 คณุ สมบตั ิทางกายภาพและเคมี ภาพที่ 2 โอเอซิส (จาก https://th.blabto.com/4878-10-secrets-of-floraldesign.html) 2.1.2.1 ลักษณะทางกายภาพ : เปน็ โฟมพลาสติก ของแข็ง รปู ทรงเรขาคณิตชนิดตา่ งๆ มสี ีเขียว ไม่มีกลิ่น 2.1.2.2 ค่าความเป็นกรด-ดา่ ง : pH 3.0 ใน 5 % ของสารละลาย 2.1.2.3 ความสามารถในการละลายน้า : ไมล่ ะลายนา้ แต่แทรกซมึ เข้าไปในช่องว่างของโฟม อ่ิมตัว 2.1.2.4 ความเร็วในการดดู ซึม : 60 % วินาที (ขนาด 23*11*8 ซม.) 2.1.2.5 ความคงตวั ทางเคมี : มีความคงตวั 2.1.2.6 ความไวไฟ : เผาไหมไ้ ด้ 2.1.2.7 อณุ หภมู ิทผี่ ลติ ภณั ฑต์ ิดไฟได้ : 600 องศาฟาเรนไฮด์ 2.1.2.8 สารท่ีเกิดจากการเผาไหม้ผลิตภัณฑ์คือ ควนั (Smoke), ออกไซด์คารบ์ อน (Oxides of carbon) ฟอร์มาดีไฮด์ (Trac amount of Formaldehyde), ฟนี อล (Phenol), ครีซอล (Cresol), ไซลีนอล (Xylenols), และซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (Sulfur Dioxide) 2.1.3 ขอ้ มูลความอนั ตราย โอเอซิส (Floral foam) อาจทาให้เกดิ การระคายเคืองต่อผิวหนงั ดวงตาและระบบทางเดนิ หายใจ โดยสามารถอธบิ ายความเป็นพิษของสารจากการได้รับสารเข้าส่รู ่างกายในช่องทางตา่ งๆ ได้ ดังน้ี 2.1.3.1 การสูดดม (Inhalation) เป็นช่องทางท่สี ารเคมเี ข้าสู่รา่ งกายมากที่สุด 1) ความเปน็ พษิ แบบเฉียบพลัน : โดยฝนุ่ หรือควนั อาจทาให้เกิดการระคายเคืองต่อ โพรงจมกู มีอาการนา้ ตาไหล การรับร้กู ล่ินและระบบทางเดินหายใจเปลยี่ นแปลง การสดู ดมควนั Heptane อาจทาให้เกดิ ระคายเคืองทางเดนิ หายใจมีอาการเวียนหวั มึนงง ภาวะซมึ เศร้าและง่วงซมึ 2) ความเปน็ พิษแบบเร้อื รัง : เม่อื สัมผัส Formaldehyde หรอื carbon black เป็น เวลานานก่อให้เกิดมะเรง็ ได้ 2.1.3.2 การสมั ผัสทางผวิ หนัง (Skin Contact)

7 1) ความเป็นพิษแบบเฉียบพลัน : อาจทาใหเ้ กดิ การระคายเคอื งที่ผิวหนงั 2) ความเปน็ พษิ แบบเร้อื รัง : อาจทาใหเ้ กิดโรคผวิ หนัง การสัมผัส Formaldehyde บอ่ ยและเปน็ เวลานานสามารถทาใหเ้ กิดโรคภมู แิ พ้ได้ 2.1.3.3 การสัมผัสทางตา (Eye Contact) 1) ความเป็นพิษแบบเฉียบพลัน : อาจทาใหเ้ กดิ การระคายเคืองทตี่ า 2) ความเป็นพิษแบบเรอื้ รงั : อาจทาใหเ้ กิดเยื่อบตุ าอกั เสบ 2.1.3.3 การกิน (Ingestion) 1) ความเปน็ พิษแบบเฉียบพลัน : อาจทาใหเ้ กิดการระคายเคอื งทป่ี าก เนื่องจาก ผลกระทบค่า pH ของสาร การกลนื สารประเภท Formaldehyde อาจทาให้เกดิ การอาเจียนและ ทอ้ งเสยี อยา่ งรนุ แรง หากเขา้ ไปในปอดทาให้เกิดความเสยี หายอยา่ งรนุ แรงท่ปี อดได้ 2) ความเปน็ พษิ แบบเร้ือรงั : สัมผสั เป็นเวลานานอาจทาใหเ้ กิดอาการความรนุ แรง คล้ายกับอาการแบบเฉยี บพลนั ดงั นั้นเมอื่ ต้องใช้โอเอซสิ ควรสวมถุงมือเพื่อไม่ให้ผิวหนงั สัมผสั โดยตรง ระมดั ระวงั ไม่ใหผ้ งโอเอซสิ เข้าตาหรอื สดู ดมเข้าสรู่ ่างกาย และต้องใชง้ านในสภาพแวดลอ้ มที่อากาศถ่ายเทได้ สะดวกดี นอกจากนีน้ า้ ทใ่ี ชแ้ ชโ่ อเอซสิ ยงั มีสารตกค้างจาก Formaldehyde จึงไมค่ วรนามือไปสัมผัส หรือแชน่ า้ เป็นเวลานานเพราะทาให้เกิดการระคายเคืองได้ 2.1.4 วิธีการนาโอเอซสิ ไปใช้ 2.1.4.1 ตอ้ งตัดแต่งรปู ทรงโอเอซิสตามรูปทรงท่ีต้องการ 2.1.4.1 นาโอเอซสิ ไปแช่นา้ ใหเ้ กดิ การดูดซึมน้าเต็มที่ โดยวางโอเอซสิ บนเหนือน้าใหโ้ อเอซิส ค่อยๆ จมลงไปในนา้ ใช้เวลาเพียง 1 นาที ไม่ควรจมุ่ ลงไปทันทเี พราะจะเกิดชอ่ งว่างของอากาศภายใน โพรงโอเอซิส ซ่งึ โอเอซสิ ดงั กล่าวจะต้องไม่เกดิ ฟองอากาศก่อนนาขน้ึ มาจากนา้ เพราะหากโอเอซสิ เกิด ฟองอากาศหมายความว่าด้านในของโอเอซสิ ยังมีสว่ นทแ่ี หง้ อย่เู ม่ือโอเอซิสอิ่มตัวไปด้วยน้าจะได้สีเขียว เขม้ ขน้ึ ท้งั ก้อน จึงสามารถนาไปใชง้ านได้ (SIMTHERS-OASIS NORTH AMERICA (2009)). 2.2 ขอ้ มูลทั่วไปของข้เี ล่ือย (Wood sawdust) 2.2.1 ขเี้ ลือ่ ย (Wood sawdust) หมายถึง ผงไม้ท่เี กดิ จากการตัดไมด้ ้วยเล่อื ยหรอื เกิดจาก การขดั ไมด้ ้วยกระดาษทรายหรือเครื่องขัดโดยอาจนาไปบดให้ละเอยี ดกอ่ นนาไปทาเป็นผลติ ภณั ฑ์ตา่ งๆ รศ.ดร.อิทธิสุนทร นนั ทกิจ (2551 : ระบบออนไลน์) กล่าวถึง ขีเ้ ลอื่ ยว่า 1. แหล่งกาเนิด : จากโรงเลื่อยตา่ งๆ มีความแตกต่างกนั ตามชนิดของไม้ 2. คุณสมบัตทิ างเคมีและฟิสกิ ส์ - pH 4.2-6 มีความแปรปรวนมากขน้ึ อยู่กับชนดิ ของไม้และอายุของข้เี ลื่อย - คณุ สมบัติในการอุ้มนา้ ดมี าก จนอาจมากเกนิ ไปจนมีปญั หาเกีย่ วกบั การ ระบายอากาศ - คุณสมบัติในการแลกเปล่ยี นประจุมีคา่ สงู เมอ่ื ข้เี ลื่อยผา่ นขบวนการ สลายตวั - ความหนาแน่นรวมเมื่อแหง้ ตา่ - ขนาดเส้นผ่าศนู ย์กลางที่ใช้เลก็ ถึงปานกลาง - ความพรนุ สงู - ความคงทนของโครงสรา้ ง สามารถสลายตวั ได้

8 ภาพที่ 3 ขีเ้ ลือ่ ย (จาก https://www.sanook.com/home/24269/) 3. ลักษณะการนาไปใช้ : ใช้ทาปุ๋ยหมักและใช้เป็นวัสดุปลกู โดยปกติกอ่ นนามาใช้ เป็นวสั ดปุ ลูกจะปล่อยให้ข้ีเล่ือยสลายตัวก่อนประมาณ 6 เดือน 4. อายุการใชง้ าน 2-3 ครัง้ 5. ราคาถูกมาก 6. ขอ้ ดีของขเี้ ลื่อย - นา้ หนกั เบางา่ ยต่อการนามาใช้ - ความสามารถในการอุ้มน้าดีมาก - ราคาถูก 7. ขอ้ เสยี ของขีเ้ ล่ือย - ต้องเสยี เวลาในการปลอ่ ยให้สลายตัวนาน - มคี วามแปรปรวนในด้านองค์ประกอบมาก - มีการสลายตัวหลงั จากนามาใชแ้ ละเกิดการอัดตัวแน่น - ยากในการกาจดั โรคและแมลง 2.2.2 ประโยชนจ์ ากข้ีเลื่อย 1. ใชท้ าความสะอาดคราบน้ามัน : ตามโรงจอดรถมักมนี า้ มันหกลงบนพื้น ซึง่ ทาความสะอาด ได้ยาก การใชข้ เ้ี ล่ือยเพ่ือทาความสะอาดน้นั ทาได้ง่ายโดยไมต่ ้องเสียคา่ ใชจ้ า่ ย วธิ ีทาคอื ให้โรยขี้เลอ่ื ยลง บนพ้ืนทีม่ รี อยนา้ มนั จากนน้ั ทง้ิ ไว้สกั พกั ก่อนจะกวาดเศษข้ีเล่ือยเหล่านนั้ ออกคราบเหล่านั้นจะลดลง ทาแบบน้บี ่อยๆ จะชว่ ยให้คราบจางลงอย่างเหน็ ได้ชัด 2. คลุมแทนหญา้ : แทนทจ่ี ะคลุมตน้ ไม้ดว้ ยหญ้าใหเ้ ลอื กใช้ข้เี ลือ่ ยแทนหญ้าแหง้ ซงึ่ หากใช้ หญา้ จะมีคา่ ใชจ้ า่ ยสงู กวา่ ซง่ึ ข้ีเลื่อยสามารถชว่ ยปอ้ งกันวชั พืชได้เป็นอย่างดีหากตัดสนิ ใจใช้ข้เี ลือ่ ยต้อง เตมิ ไนโตรเจนลงไปในดนิ แล้วก่อนทจ่ี ะคลุมตน้ ไมด้ ้วยหญ้า 3. ใช้ทาความสะอาดท่ีอยูข่ องสัตวเ์ ลยี้ ง : บริเวณที่สัตว์เลย้ี งอาจจะมคี วามชืน้ มาก การใช้ ขีเ้ ลอื่ ยโรยไปในบริเวณเหล่าน้นั จะชว่ ยลดความชน้ื และยังช่วยลดกลิ่นเหม็นตา่ งๆ จากทีอ่ ย่สู ตั ว์ แตถ่ า้ โรยดว้ ยขี้เล่อื ยสดใหมน่ ั้นเหมาะมากสาหรบั เหล่าหนแู ฮมสเตอรแ์ ละหนตู ะเภาเพราะสัตวเ์ หลา่ น้ี จะชอบใช้ขเี้ ลื่อยทาเป็นรงั 4. เปน็ เชอื้ ไฟ : ข้เี ลอ่ื ยเป็นเช้ือไฟทดี่ สี ามารถโรยขี้เลื่อยไว้บรเิ วณฐานล่าง จากนัน้ วางกงิ่ ไม้ ทอ่ นไมไ้ ว้ด้านบน เวลาจดุ ไฟจะทาให้ไฟปะทุไดด้ ี ลดการใช้เชือ้ เพลิงประเภทกระดาษต่างๆ

9 5. เหมาะสาหรบั ปลูกต้นไม้ : ขเี้ ลอ่ื ยช่วยบารงุ ดนิ ไดเ้ ป็นอย่างดี นอกจากนี้ขเ้ี ลื่อยยังใชส้ าหรบั ปลูกเห็ดและผสมกับปุ๋ยหมักเพาะเหด็ ได้ 6. อุดโพรงไม้ : เปน็ วธิ ีท่ีดสี าหรบั การอดุ โพรงไม้ วิธกี ารกค็ ือการใชข้ ้ีเลือ่ ยของไม้ประเภท เดียวกันกับไมท้ ีต่ ้องการซ่อมแซมผสมกาวท่ีใช้กับไม้ จากน้ันก็นาไปอุดในร่องหรอื รูนั้น 7. ฆา่ วชั พืช : ขี้เล่อื ยจากไม้บางชนดิ สามารถใช้ปราบวชั พชื ได้ ดงั นัน้ คุณสามารถโรยขี้เล่ือยลง บนสวนของคุณหรือบริเวณท่ีมีวชั พชื ขน้ึ จะชว่ ยกาจัดวชั พืชเหลา่ นนั้ ออกไป 2.3 ข้อมูลท่วั ไปของขุยมะพรา้ ว (Coconut fluff) ภาพท่ี 4 ขุยมะพรา้ ว (จากศนู ย์วิจยั ความหลากหลายทางชวี ภาพเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา บรมราชนิ ีนาถ สถาบนั วจิ ัยและพัฒนาชายแดนภาคใต้ มหาวิทยาลัยราชภฏั ยะลา http://srdi.yru.ac.th/bcqy/page) ขอ้ มูลทางพฤกษศาสตร์ของมะพรา้ ว ชอ่ื วิทยาศาสตร์ : Cocos nucifera L. ชอ่ื พ้ืนเมือง : พรา้ ว (ภาคใต)้ ยอ (มลายู-ยะลา) กลาปอ (มลายู) ชื่อวงศ์ : ARECACEAE ลักษณะท่ัวไปทางพฤกษศาสตร์ พชื พวกปาลม์ ต้นเดย่ี ว ลาตน้ ขนาดเส้นผา่ ศูนย์กลาง 20-40 เซนตเิ มตร สูง 10-30 เมตร ลาต้นตง้ั ตรงมีปล้องถ่ีๆ ตลอดต้น ใบ ใบประกอบ ใบยอ่ ยเรียวยาว ดอก ขนาดเลก็ สี ขาวนวลออกเป็นช่อเรยี กว่า จัน่ ผล คอ่ นข้างกลมมเี ปลอื กเป็นเสน้ ใยหนา ผลอ่อนสเี ขยี วออ่ นถึงเขยี ว เข้ม ผลแก่สีน้าตาลแกมเหลอื ง เมลด็ ลกั ษณะกลมป้านมีเปลือกแข็งสีน้าตาลเรยี กวา่ กะลาเน้อื ในขาว เปน็ มัน มนี า้ อยูภ่ ายใน มะพร้าว เปน็ พืชยนื ต้น ใบมีลักษณะเปน็ ใบประกอบแบบขนนก ผลประกอบด้วยเอพิคารป์ (Epicarp) คอื เปลือกนอก ถัดไปข้างในจะเปน็ มีโซคารป์ (Mesocarp) หรอื ใยมะพร้าว ถัดไปข้างในเป็นสว่ นเอนโดคารป์ (Endocarp) หรอื กะลามะพร้าว ซง่ึ จะมีรูสีคลา้ อยู่ 3 รู สาหรับงอก ถัดจากส่วนเอนโดคาร์ปเขา้ ไปจะเปน็ ส่วนเอนโดสเปิร์ม หรอื ท่เี รยี กว่าเนื้อมะพรา้ ว ภายในมะพรา้ วจะมีนา้ มะพรา้ ว ซึง่ เมอ่ื มะพรา้ วแก่ เอนโดสเปริ ม์ กจ็ ะดูดเอาน้ามะพร้าวไปหมด ขณะท่ีมะพรา้ วยงั อ่อน ชนั้ เอนโดสเปิรม์ (เนื้อมะพรา้ ว) ภายในผลมลี กั ษณะบางและออ่ นนุ่ม ภายในมีน้ามะพร้าว ซ่งึ ในระยะนเ้ี รามักสอยเอามะพรา้ วลงมารบั ประทานน้าและเนือ้ เมอ่ื มะพร้าวแก่ ซ่งึ สังเกตได้จากการท่เี ปลือกนอกเรมิ่ เปล่ียนเปน็ สนี า้ ตาล ชนั้ เอนโดสเปิรม์ ก็จะหนาและแขง็ ขน้ึ จนในทสี่ ุดมะพร้าวก็หล่นลงจากตน้

10 พันธุ์ มะพรา้ วเปน็ พืชผสมขา้ มพันธุ์ แต่ละตน้ จึงไม่เป็นพันธุแ์ ท้ อาศยั หลักทางการ ผสมพนั ธ์ุทเี่ ป็นไปโดยธรรมชาติ อาจแบง่ มะพร้าวออกเป็น 2 ประเภท คือ ประเภทตน้ เตี้ยและ ประเภทต้นสูง ประเภทตน้ เต้ยี มะพรา้ วประเภทน้ี มีการผสมตวั เองคอ่ นขา้ งสูง จงึ มกั ให้ผลดกและ ไมค่ ่อยกลายพนั ธุ์ สว่ นใหญ่นิยมปลูกไว้เพ่ือรบั ประทานผลอ่อน เพราะในขณะทผ่ี ลยงั ไม่แก่ อายุ ประมาณ 4 เดอื น เน้ือมลี กั ษณะออ่ นนุ่ม และนา้ มรี สหวาน บางพันธนุ์ า้ มคี ุณสมบัติพเิ ศษ คอื มีกลน่ิ หอม ลักษณะทวั่ ไปของประเภทตน้ เตีย้ ลาต้นเล็ก โคนตน้ ไม่มสี ะโพก ตน้ เต้ีย โตเตม็ ทส่ี งู ประมาณ 12 เมตร ทางใบสน้ั ถา้ มกี ารดูแลปานกลางจะเริ่มใหผ้ ลเมอ่ื อายุ 3-4 ปี ให้ผลผลติ ประมาณ 35-40 ปี มะพรา้ วประเภทต้นเต้ียมหี ลายพันธ์ุ แตล่ ะพนั ธุ์มีลักษณะแตกต่างกัน เช่น เปลอื กสีเขยี ว เหลือง นวล (สงี าช้าง) นา้ ตาลแดง หรอื สสี ม้ นา้ มีรสหวาน มีกลน่ิ หอม มะพร้าวต้นเต้ียทุกพนั ธุ์จะมผี ล ขนาดเลก็ เมื่อผลแก่มีเนอื้ บางและนอ้ ย ซง่ึ ได้แก่พนั ธุ์ นกคมุ่ หมสู ีเขียว หม่สู เี หลอื ง หรอื นาฬิกา มะพรา้ วเตี้ย น้าหอม และมะพรา้ วไฟ แต่ปัจจุบันมะพรา้ วน้าหอมกาลังเปน็ พชื เศรษฐกจิ อีกชนิดหนงึ่ ทีน่ ยิ มใชใ้ นการบริโภคสดและสง่ ออกไปยังตลาดต่างประเทศ ตลอดจนใชเ้ ป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรม เครื่องด่ืม ประเภทต้นสูง ตามปกตมิ ะพรา้ วต้นสูงจะผสมข้ามพนั ธุ์ คอื ในแตล่ ะช่อดอก (จั่น) หนึ่งๆ ดอกตัวผูจ้ ะค่อยๆ ทยอยบาน และรว่ งหล่นไปหมดกอ่ นที่ดอกตวั เมียในจั่นน้นั จะเร่ิมบาน จึงไม่ มีโอกาสผสมตัวเอง มะพรา้ วประเภทนี้เปน็ มะพรา้ วเศรษฐกิจส่วนใหญป่ ลกู เป็นสวนอาชีพ เพ่ือใช้เนือ้ จากผลแก่ไปประกอบอาหาร หรือเพ่ือทามะพร้าวแห้งใช้ในอุตสาหกรรมนา้ มนั พชื ลกั ษณะทวั่ ไปของประเภทตน้ สงู ลาต้นใหญ่ โคนตน้ มีสะโพกใหญ่ ต้นสูง โตเต็มท่ีสงู ประมาณ 18 เมตร ทางใบใหญ่และยาว ถ้ามีการดูแลปานกลางจะเรมิ่ ใหผ้ ลเมอื่ อายุ 5-6 ปี อายยุ นื ให้ผลผลติ นานประมาณ 80 ปี มะพรา้ วต้นสูงมผี ลโตเนือ้ หนาปริมาณเนื้อมาก มลี ักษณะภายนอก หลายอย่างทีแ่ ตกตา่ งกัน เช่น ผลขนาดกลาง ขนาดใหญ่ รูปผลกลม ผลรี บางพนั ธ์ุเปลอื กมีลักษณะ พเิ ศษ คอื ในขณะทีผ่ ลยงั ไมแ่ ก่ เปลอื กตอนสว่ นหัวจะมีรสหวานใชร้ ับประทานได้ จึงมชี ื่อเรียกตา่ งๆ กนั ไดแ้ ก่พันธ์กุ ะโหลก มะพร้าวใหญ่ มะพรา้ วกลาง ปากจก ทะลายร้อย เปลือกหวานและมะแพรว้ มะพรา้ วพนั ธุล์ ูกผสมแมว้ า่ มะพรา้ วพน้ื เมืองที่เกษตรกรปลกู กันมาแตด่ ั้งเดมิ จะมีลกั ษณะดหี ลายอย่าง เช่น มขี นาดผลค่อนขา้ งโต และทนทานต่อสภาพอากาศแล้งไดด้ ี แต่ในวงการอุตสาหกรรมมะพร้าวใน ปจั จุบนั ไดพ้ ัฒนาทางด้านคณุ ภาพมะพรา้ วมากมาย โดยเฉพาะอย่างยง่ิ ปริมาณเปอรเ์ ซน็ ต์น้ามนั ศูนย์วิจยั พืชสวนชมุ พร กรมวิชาการเกษตรมีหนา้ ท่รี ับผิดชอบดา้ นวิจยั และพัฒนามะพร้าวไดผ้ ลติ มะพร้าวพันธ์ลุ กู ผสม ชว่ งการออกดอกและตดิ ผล : ตลอดปี นเิ วศวิทยา : เจรญิ ในดนิ รว่ น ดินทราย ทีร่ ะบายน้าไดด้ ี การขยายพนั ธ์ุ : ใช้เมล็ด สรรพคุณ : เปลอื กผล - รสฝาดขม สุขมุ ใชห้ ้ามเลือด แก้ปวด เลอื ดกาเดาออก โรคกระเพาะ และแก้อาเจียน กะลา - แก้ปวดเอน็ ปวดกระดูก ถา่ นจากกะลา - รับประทานแกท้ ้องเสยี และดดู สารพิษต่างๆ

11 น้ามนั ทีไ่ ด้จากการเผากะลา - ใช้ทา บาดแผล และโรคผวิ หนงั แกก้ ลาก อดุ ฟนั แกป้ วดฟนั เนือ้ มะพร้าว - รสชมุ่ สขุ ุม ไม่มพี ษิ รบั ประทานบารุงกาลัง ขบั พยาธิ น้ามันจากเน้ือมะพร้าว - ใชท้ าแก้กลาก และบาดแผลทเ่ี กิดจากความเย็นจดั หรือถูกความรอ้ น และใช้ผสมทาแกโ้ รคผิวหนงั ต่างๆ นอกจากที่ยงั ใช้เป็นอาหาร ทาแกผ้ ิวหนงั แห้ง แตกเปน็ ขุย และชนดิ ท่บี รสิ ุทธ์มิ ากๆ ใชเ้ ปน็ ตัวทาลายในยาฉดี ได้ นา้ มะพรา้ ว - รสชุ่ม หวานสุขมุ ไมม่ ีพิษ แกก้ ระหาย ทาให้จติ ใจชุ่มช่ืน แกพ้ ิษ อาเจียนเป็นเลอื ด ท้องเสีย บวมน้า ขบั ปสั สาวะ แก้น่ิว ในยามจาเป็น นา้ มะพรา้ วอ่อนอายุ ประมาณ 7 เดอื น อาจใช้ฉดี เข้าเส้นเลอื ดแก้ภาวะการเสยี น้าได้ ราก - รสฝาด หวาน ใช้ขับปสั สาวะ และแก้ท้องเสยี ต้มน้าอมแกป้ ากเจ็บ เปลือกต้น - เผาเป็นเถา้ ใชท้ าแก้หดิ และสีฟนั แก้ปวดฟัน สารสีนา้ ตาล - ไหลออกมาแข็งตวั ที่ใตใ้ บ ใชห้ า้ มเลือดไดด้ ี รศ.ดร.อทิ ธสิ ุนทร นันทกจิ (2551 : ระบบออนไลน์) ขยุ มะพร้าวมแี หล่งกาเนิดจากโรงงานทา เบาะและที่นอน มีคณุ สมบตั ิทางเคมีและฟสิ ิกสด์ งั นี้ 1. pH 6 - 7 2. คุณสมบัติในการอุ้มน้าดมี าก และเก็บสะสมน้าได้เปน็ เวลานาน 3. คณุ สมบตั ิในการแลกเปลี่ยนประจมุ ีค่าสงู เมือ่ ขุยมะพร้าวผ่านขบวนการสลายตัว 4. ความหนาแน่นรวมเม่ือแห้งตา่ 5. ความพรุนสงู 6. ความคงทนของโครงสร้าง สามารถสลายตัวได้ ลักษณะการนาไปใช้จะใช้ทาปยุ๋ หมักและใช้เปน็ วัสดุปลูกพืช มีอายกุ ารใช้งาน 2-3 คร้งั 7. มีคุณสมบตั ิท่ีช่วยในการดดู ซบั น้า เก็บความช้นื ไดน้ าน ไม่แห้งง่าย เพอ่ื ทาการ เพาะปลูกพชื ข้อดีของขุยมะพรา้ ว 1. นา้ หนักเบาง่ายต่อการนามาใช้ 2. ความสามารถในการอุม้ นา้ ดมี าก 3. ราคาถูก ข้อเสยี ของขุยมะพรา้ ว 1. อาจมปี ัญหาเก่ียวกับการระบายอากาศที่รากพชื 2. มีการสลายตัวหลงั จากนามาใช้และเกดิ การอดั ตวั แน่น 3. ยากในการกาจัดโรคและแมลง

12 2.4 ขอ้ มูลทั่วไปของชานอ้อย (Sugarcane bagasse) ภาพที่ 5 ชานอ้อย (สานกั งานสง่ เสริมสงั คมแหง่ การเรยี นรแู้ ละคณุ ภาพของเยาวชน https://sites.google.com/site/pokpak24179/bth-thi-2 ขอ้ มูลทางพฤกษศาสตร์ของชานออ้ ย (Sugarcane bagasse) ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Saccharum officinarum L. วงศ์ : GRAMINEAE ช่อื สามญั : Sugar cane ชื่ออื่น : อ้อยขม อ้อยดา ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ล้มลกุ สงู 2-5 เมตร ลาต้นสีมว่ งแดง มไี ขสีขาวปกคลมุ ไม่แตก ก่งิ ก้าน ใบเด่ียว เรยี งสลับ กว้าง 2.5-5 ซม. ยาว 0.5-1 เมตร ดอกช่อ ออกที่ปลายยอด สขี าว ผลเปน็ ผลแหง้ ขนาดเล็ก อ้อยมีหลายพันธแุ์ ตกต่างกันที่ความสงู ความยาวของข้อและสีของลาตน้ นิเวศวทิ ยา อ้อยเป็นพืชเศรษฐกจิ ทเี่ กษตรกรนิยมปลูกกันมาก อ้อยทน่ี ามาคัน้ นา้ สาหรบั ด่มื เปน็ อ้อยท่ี ปลกู บรเิ วณท่ีราบลมุ่ พืน้ ท่ดี ินเหนยี ว ประชาชนเรยี กวา่ อ้อยเหลือง หรอื อ้อยสิงคโปร์ นิยมปลูกกนั มากในบริเวณจังหวัดอา่ งทอง พระนครศรอี ยุธยา สพุ รรณบุรี และนครปฐม เปน็ ต้น ประโยชนข์ องอ้อย : 1. ลาต้นใช้กินสดเปน็ ผลไม้ ทาเปน็ อ้อยควัน่ หรอื บบี เอานา้ อ้อยใชด้ ื่มโดยตรงหรอื ทาเปน็ ไอศกรีม ชว่ ยแกก้ ระหายนา้ ดว้ ยการใช้ลาต้นมาปอกเปลือกออก นามาเค้ยี วเน้อื ทลี่ าต้นเพื่อกิน น้าหวาน แล้วคายกากท้ิง หรือคนั้ ทาเป็นน้าอ้อยก็ได้ 2. ชอ่ ดอกอ่อนทีย่ ังไมบ่ านสามารถนามาใชร้ บั ประทานดิบ นามาน่งึ หรือยา่ ง รับประทานเปน็ ผักจมิ้ ได้ 3. ลาต้นท่ีปล้องเมื่อบีบคน้ั มาได้จะมีรสหวาน สามารถนามาเคี่ยวทาเป็นน้าตาลอ้อย ได้ โดยนา้ อ้อยทเ่ี ค่ียวจนตกผลกึ จะไดน้ ้าตาลทรายท่ีใช้สาหรบั ทาขนมหวานหรือปรุงรสอาหาร ทานา้ เช่ือมกลบรสยา และช่วยเกบ็ ถนอมอาหารได้ 4. กากน้าตาลที่แยกออกจากน้าตาลในระหว่างการผลติ สามารถนาไปหมกั ทาเปน็ เหลา้ รัม (Rum) ได้ 5. ใบ ยอด และส่วนของลาต้นทย่ี งั อ่อนอยู่ใชเ้ ปน็ อาหารสัตว์ เชน่ ววั และควายได้ โดยตรง แตถ่ ้าจะใหด้ กี วา่ นนั้ ให้นามาหมักกอ่ นให้สตั ว์กิน (ใชย้ อดสดประมาณ 100 กิโลกรมั , กากนา้ ตาล 5 กิโลกรมั , แอมโมเนียมซลั เฟต 1 กิโลกรัม, น้า 1 กโิ ลกรมั )

13 6. ประโยชน์โดยตรงของอ้อยกค็ อื การนาเอาไปผลิตเปน็ น้าตาลทราย ลาตน้ มีปริมาณ ซโู ครสอยูป่ ระมาณ 17-35% จงึ สามารถนามาใชผ้ ลติ ทาเป็นนา้ ตาลได้ ซง่ึ ไดแ้ ก่ นา้ ตาลทรายดบิ นา้ ตาลทรายขาว น้าตาลทรายขาวบริสทุ ธิ์ น้าตาลทรายแดง น้าตาลกรวด น้าตาลปี๊บ 7. ใบอ้อยแห้งสามารถนามาใชเ้ ป็นวตั ถุสาหรบั คลมุ ดนิ หรือบารุงดนิ ได้ โดยจะช่วย รักษาความช้ืนและชว่ ยปอ้ งกันวัชพชื ไดด้ ว้ ย และในขณะเดียวกนั กจ็ ะกลายเปน็ แหลง่ อาหารของ จลุ นิ ทรยี ์ต่าง ๆ ซงึ่ บางพวกจะชว่ ยตรงึ ไนโตรเจนจากอากาศได้ ทาให้ไนโตรเจนในดนิ เพ่ิมมากข้นึ ซึ่ง เป็นผลดีแกอ่ ้อย 8. รากและเหงา้ ท่ีอยใู่ นดิน เมื่อเน่าเป่ือยผุพงั แล้วกจ็ ะกลายเปน็ ปุย๋ แก่ดนิ ต่อไป 9. ใบออ้ ยแห้งสามารถนามาใช้เปน็ เช้ือเพลงิ ได้ โดยถือเปน็ แหล่งของพลังงานและ เชื้อเพลิงทสี่ าคญั เน่ืองจากใบอ้อยแห้งจะให้พลงั งานค่อนข้างสูงมาก โดยพลงั งานที่ได้จากใบอ้อยแห้ง ท่ีให้ผลผลิตไร่ละ 16 ตัน สามารถทาใหร้ ถแทรกเตอร์ขนาดกลางทางานได้ถึง 80 ชว่ั โมง 10. ชานออ้ ย (สว่ นของลาตน้ อ้อยที่หบี เอานา้ อ้อยหรือนา้ ตาลออกแลว้ ) สามารถ นามาใช้ประโยชน์ไดห้ ลายอย่าง ไดแ้ ก่ ใชเ้ ปน็ เชอื้ เพลงิ สาหรบั ผลิตไอนา้ และกระแสไฟฟา้ สามารถใช้ แทนน้ามนั เช้ือเพลิงได้ดี ใช้เป็นเช้อื เพลิงสาหรับผลติ ทา Particle Board เพอ่ื นาไปทาเฟอรน์ ิเจอร์ หรือใชผ้ ลิตเปน็ วสั ดกุ ่อสร้างโดยอาศัยกาว เช่น ไมอ้ ัดแผน่ ไม้อัดผวิ เส้นใย แผ่นกนั ความรอ้ น เปน็ ต้น หรอื ใช้ผลิตเปน็ เยือ่ กระดาษ ใช้ทากระดาษชนดิ ต่าง ๆ ทาพลาสติก หรือใช้ทาเป็นปุ๋ยหมัก ใช้เปน็ วัตถดุ ิบคลมุ ดนิ ใชเ้ ปน็ อาหารสัตว์ หรอื ใช้ทาเป็นวัตถดุ ิบสาหรบั อตุ สาหกรรมการผลติ Furfural, Furfuryl alcohol และ Xylitol 11. กากตะกอนหรือข้ตี ะกอน (สิง่ เจือปนทเ่ี ป็นของแข็งทไ่ี ม่ละลายนา้ อยู่ในน้าอ้อย) สามารถนามาใช้เป็นปุ๋ยบารงุ ดินไดเ้ ปน็ อยา่ งดี และยังใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตไข ซ่ึงไขทีไ่ ดจ้ ากอ้อย สามารถนาไปใชใ้ นอตุ สาหกรรมหลายอย่าง เชน่ ใชใ้ นอุตสาหกรรมการผลิตสารขัดเงา การผลิตหมึก สาหรับกระดาษคารบ์ อน และการผลิตลิปสตกิ เปน็ ตน้ 12. กากนา้ ตาล (ของเหลวทม่ี ีลกั ษณะเป็นนา้ เชอ่ื มสีนา้ ตาลท่ถี กู แยกออกจากเกล็ด นา้ ตาลโดยวิธกี ารปัน่ ) มปี ระโยชนห์ ลายอยา่ ง สามารถนามาใชท้ าปยุ๋ ใช้เป็นอาหารสาหรับเลีย้ งสัตว์ ใช้ในอตุ สาหกรรมยีสต์ ใชผ้ ลิตแอลกอฮอล์ ใช้ทากรดน้าส้ม ทาผงชรู ส ซีอวิ๊ เหล้า เบยี ร์ 13. ปัจจบุ ันมกี ารนาอ้อยมาใช้ผลิตเป็นเชื้อเพลิงเพ่ือใชเ้ ปน็ พลงั งานทดแทน 14. ผวิ ของต้นอ้อยมี Wax ซ่ึงสามารถเอามาใช้ทายาและทาเคร่ืองสาอางได้ 15. อ้อยดาหรืออ้อยแดงสามารถนามาใช้สกัดทาเป็นสยี อ้ มได้ โดยจะให้สนี า้ ตาล 16. ตน้ ออ้ ยถกู นามาใชใ้ นงานมงคลต่าง ๆ หลายงานมาต้งั แต่โบราณกาล เชน่ งานหมัน้ หรืองานแตง่ งาน โกนจกุ ข้ึนบา้ นใหม่ การเทศน์มหาชาติ ฯลฯ สว่ นชาวจีนกจ็ ะใช้ตน้ ออ้ ยใน พธิ ีแต่งงาน ดว้ ยเช่ือว่าจะทาให้ชีวติ คมู่ คี วามยัง่ ยืน หรือใช้ในพธิ ีการไหว้พระจันทร์ โดยจะใช้อ้อยมา ประดับทาเปน็ ซุ้ม เปน็ ตน้ คุณลักษณะของชานอ้อย ชานอ้อย เป็นเศษของลาดับอ้อยทเี่ หลือจากการหบี เอานา้ อ้อยออกจากท่อนอ้อยแลว้ เมือ่ ท่อนอ้อยผ่านลูกหีบชุดแรก อาจจะมนี ้าออ้ ยตกค้างเหลอื อยู่ยงั หีบออกไม่หมด แตพ่ อผา่ นลูกหีบ ชดุ ท่ี 3-4 กจ็ ะมนี า้ อ้อยตกค้างอยนู่ อ้ ยมากหรือแทบจะไม่เหลอื อย่เู ลยคือเหลอื แต่เส้นใยล้วนๆ

14 การใช้ประโยชน์ของชานอ้อย ในอดีตใช้กากออ้ ยเปน็ เช้อื เพลิงสาหรับต้มน้าในหม้อน้าให้เดอื ดใชก้ าลังไอน้าสาหรับ เดนิ เครือ่ งจักรไอน้าและสาหรับกาเนดิ ไฟฟา้ ในระยะเวลาต่อมากากออ้ ยในยุคก่อนๆ ยงั มีน้าตาลท่ีหบี ออกไมห่ มดหลงเหลอื อย่มู าก และเป็นการสะดวกในการทปี่ ้อนกากอ้อยจากลูกหบี ลกู สุดทา้ ยเขา้ สู่เตา ตม้ น้าหรือ Boiler ไดท้ ันที ถงึ กระน้นั ก็ตามกากออ้ ยก็ยงั คงเหลืออยู่อีกมากเนื่องจากหม้อนา้ ใชไ้ ม่หมด ทาใหเ้ กดิ ปัญหาในการกาจัด และทาลายให้หมดไปจากบริเวณโรงงาน แม้ว่าบางโรงงานในแถบเวสต์ อนิ ดีสจะดัดแปลงไปใชก้ ล่ันเหลา้ รมั หรือแอลกอฮอล์ กากออ้ ยกย็ งั คงเหลอื มากมายมีการนากากออ้ ย ไปอดั เป็นแผน่ คลา้ ยไมอ้ ัดและใช้ทาเย่ือกระดาษ ตลอดจนพลาสตกิ และสารเฟอฟวิ ราล (Furfural) มีคุณสมบัติของกระดาษกากอ้อยคือ เกบ็ เสียงได้ดี และใช้ทาฝ้าเพดาน ตลอดจนใช้บผุ นังห้องในบ้าน หรอื แมแ้ ต่ในเรือและรถยนต์ แต่อยา่ งไรก็ตาม คุณลกั ษณะของเส้นใยหรือไฟเบอรท์ ี่ได้จากอ้อยก็ยงั ไม่เป็นทถี่ ูกใจ ของผู้ใช้มากนัก หรือแม้แต่โรงงานทาเยื่อกระดาษห่อของก็ยงั ต้องการให้กากอ้อยมเี สน้ ใยยาวกวา่ น้ี ในแงพ่ ลงั งานกากอ้อยแมว้ า่ จะให้พลังงานน้อยกวา่ น้ามนั หรอื ถา่ นหนิ แต่ก็เป็นผลพลอยได้ท่ีโรงงาน น้าตาลไม่ต้องลงทุนซอ้ื หามาเหมอื นน้ามันปิโตรเลียม มีผู้คานวณไว้วา่ กากอ้อยหกตนั ที่มีความชนื้ ประมาณ 50 เปอรเ์ ซน็ ต์ มีไฟเบอร์ประมาณ 46 เปอรเ์ ซ็นต์ มีนา้ ตาลเหลืออยูป่ ระมาณ 3 เปอร์เซ็นต์ จะมีความร้อนเทียบเทา่ กับน้ามันเตาหน่งึ ตนั ทัง้ น้ีถ้ากากอ้อยย่งิ มีความชน้ื น้อยมเี ปอร์เซ็นตไ์ ฟเบอรส์ ูง และมนี ้าตาลซูโครสทเี่ หลอื อยู่สงู กจ็ ะให้ความรอ้ นสูงมากยิง่ ขึน้ โดยวดั คา่ ความรอ้ นออกมาเปน็ L.C.V. (Lower calorific value) ซ่งึ จะมีค่าอยูร่ ะหว่าง 2,800 ถึง 3,700 B.T.U. ต่อปอนด์ ดังน้ันชานอ้อย สามารถสรปุ ประโยชน์ได้ดงั น้ี 1. สาหรบั เกษตรกรบา้ นๆ อย่างเรากากชานอ้อยสามารถนามาทาเปน็ ส่วนผสมการทาปุ๋ยหมกั ไดแ้ ละใช้กันอย่างแพร่หลายในปจั จบุ นั โดยวิธีการทากง็ ่ายๆ ดว้ ยการหมักกับปยุ๋ คอกหรือแกลบดบิ แลว้ ราดตามด้วยหวั เช้อื จุลินทรีย์ หรือเกษตรกรบางรายกน็ าไปคลุกกบั ดนิ แลว้ ไถพรวนก่อนปลูกพชื เพอื่ ใช้เป็นอนิ ทรยี วัตถุปรบั ปรุงบารงุ ดนิ 2. กากชานอ้อยสามารถนาไปทาเชื้อเพลงิ ได้ โดยปัจจุบันมีการใช้กนั อย่างแพรห่ ลายในวงการ อสุ าหกรรมทั้งในรปู แบบกากปกติ อดั เม็ดและอัดกอ้ น 3. กากชานอ้อยสามารถนาไปผลิตเอทานอลได้ เนอื่ งจากกานา้ ตาลในปัจจุบนั มีราคาสงู ขึ้น มาก (ตนั ละ 3,000 – 3,500 บาท) สง่ ผลใหต้ น้ ทนุ การผลิตเอทานอลสูงขึ้นมาก หากไมใ่ ชโ่ รงงานหบี ออ้ ยโดยตรงคงจะลาบากเรื่องตน้ ทนุ การทาเอทานอลด้วยกากนา้ ตาล ทาให้อตุ สาหกรรมพลงั งาน หลายๆ ที่หนั มาใชก้ ากอ้อยในการผลิตเอทานอลซ่ึงตน้ ทุนถูกกวา่ มาก 4. กากชานอ้อยสามารถนามาผลติ เปน็ กระดานไม้อัดได้และหลายๆ โรงงานเร่ิมต้ังแผนกนี้ ข้นึ มาเพ่ือเพม่ิ รายได้และควบคุมปรมิ าณของกากอ้อยที่เหลือจากกระบวนการผลติ ซึ่งนับว่าได้ ประโยชน์ 2 ตอ่ 5. สามารถนาไปผลติ เย่ือกระดาษทใี่ ช้ในอุตสาหกรรมกระดาษได้ ถึงแม้วา่ จะเห็นโรงงาน กระดาษจากกากชานอ้อยในประเทศไทยไม่กีโ่ รงงาน เพราะโรงงานกระดาษส่วนใหญ่ใชไ้ ม้ยคู าฯ เป็น วัตถุดบิ หลักแต่ในต่างประเทศนน้ั เป็นทนี่ ยิ มกนั อย่างมากโดยเฉพาะบลาซลิ ซ่งึ ในอนาคตอนั ใกล้นี้ อตุ สาหกรรมกระดาษจากกากชานออ้ ยจะเป็นที่แพร่หลายมากขนึ้ (ค่มู ือนกั วชิ าการสง่ เสรมิ การเกษตร. 2557)

15 2.5 ข้อมูลทว่ั ไปของเปลือกข้าวหรือแกลบ (Rice husk) ภาพที่ 6 เปลือกข้าว/แกลบขา้ ว (พชื เกษตร https://www.thai-thaifood.com/th) ขอ้ มูลทางพฤกษศาสตร์ของข้าวเปลอื กหรอื แกลบ (Rice husk) ชื่อวทิ ยาศาสตร์วา่ : Oryza sativa L. วงศห์ ญ้า : POACEAE หรอื GRAMINEAE ขา้ ว : เป็นพรรณไม้จาพวกหญา้ ล้มลกุ เปน็ พรรณไมน้ ้าลาต้นน้นั ภายในจะกลวงและ เป็นข้อมีความสูงประมาณ 1-1.5 เมตร ส่วนมากจะขึ้นในโคลนทเ่ี ปน็ ดนิ เหนยี ว ใบข้าว : ลกั ษณะของมนั บางแคบและยาวประมาณ 30-60 ซม. กว้างประมาณ 0.6-2.5 ซม. เส้นใบกลางนั้นเราจะเห็นได้ชดั ตรงปลายใบแหลมและโคนใบที่หุ้มรอบลาต้นนั้นยาว ประมาณ 0.8-2.5 ซม. สว่ นผวิ ใบและขอบใบนนั้ จะมขี นสนั้ ๆ ท้ัง 2 ดา้ น ดอกข้าว : จะออกเป็นชอ่ ดอรวม ซงึ่ เรยี กว่ารวงข้าว ดอกกลมรียาวประมาณ 6-8 ซม. ดอกที่ไม่ตดิ ผลนน้ั มันจะฝ่อและลบี เปน็ หนามแหลม ส่วนดอกยอ่ ยจะมเี กสรตัวผ้อู ยู่ 6 อันและ อบั เรณยู าวราว 2 มม. กา้ นเกสรตวั เมยี มอี ีก 2 อนั ลกั ษณะนั้นคล้ายนก ช่อด้านถ้าแก่จัดจะงอลง เมล็ดข้าว (ผล) : เปน็ รูปไขป่ ลายแหลมมีเส้นผา่ นศนู ย์กลางราว 2-3 มม. ยาวประมาณ 0.6-1.5 ซม. เมื่อยงั อ่อนจะมสี ีเขียวถ้าสุกเต็มท่มี สี เี หลืองทอง เปน็ พรรณไม้ท่ีขึ้น ในเมอื งร้อน สรรพคุณข้าว : 1. ข้าว เป็นอาหารหลกั ของคนตะวันออก นามาตม้ หรอื ค่ัวกนิ ใช้ประมาณ 30-60 กรัม ให้พลังงาน บารุงกาย กระเพาะอาหารและลาไส้ ใชแ้ ก้ทอ้ งร่วง บดิ 2. ขา้ วเหนยี ว ใชต้ ม้ กนิ บดเปน็ ผงหรือทารูปใหเ้ ปน็ เมด็ กินจะบดเป็นผงผสม ใช้ทาภายนอกรักษาเหงื่อออกมากผดิ ปรกติและอาการท้องร่วงหรือบิด ให้พลังงาน บารุงรา่ งกาย 3. รากขา้ วเหนียว นาไปต้มน้ากินใช้แหง้ ประมาณ 30-60 กรมั มรี สชุ่ม ช่วยกระตุน้ น้าลายและละลายเสมหะ บารงุ กระเพาะอาหาร แกเ้ หงอ่ื ออกมาก 4. ขา้ วทร่ี าลง (ข้าวดอกกระถิน) ใช้รกั ษามาท่ีเจบ็ คอเป็นอัมพาต เอาขา้ วท่ี ราลงเผาใหเ้ ป็น ถ่านแล้วบดเปน็ ผง ใช้ผสมกับเหล้าใหม้ า้ กิน เป็นข้าวทม่ี พี ิษ ถา้ กินมากอาจตายได้ 5. ต้นอ่อนข้าวเหนยี ว นาไปต้มนา้ กินใช้แหง้ ประมาณ 10-30 กรัม ทาให้ ยอ่ ยอาหาร ช่วยหลอ่ ล่นื ลาไส้และช่วยลดเสมหะ บรรเทาอาการไอที่ไมร่ ู้สาเหตุ

16 6. นา้ ข้าว ใช้กนิ ไดต้ อนอ่นุ ๆ พอสมควร มรี สชมุ่ บรรเทาอาการรอ้ นและ กระหายนา้ หรอื อาเจียนเปน็ เลือด ตาแดง เลอื ดกาเดาออกง่าย ไมม่ ีพษิ สามารถขับปัสสาวะได้ 7. นา้ ซาวขา้ ว กนิ ได้พอสมควรหรือผสมนา้ อนุ่ กนิ มรี สชุ่มเย็น บรรเทา อาการร้อนแลกระวนกระวานหรือกระหายนา้ รักษาอหวิ าตกโรค อาหารที่ไมย่ ่อยและแก้พิษได้ โดยการกนิ นา้ ซาวขา้ ว 1 แก้ว และเป็นน้าซาวขา้ วที่ไม่เป็นพษิ 8. ราขา้ ว อดุ มไปด้วยวติ ามนิ บี สามารถนามาต้มกินได้พอสมควรอาจจะทา เปน็ เมด็ หรอื นามาบดเป็นผงกิน รสชุ่มมีกลิ่นฉุนใชบ้ าบดั โรคเหน็บชาหรือสะอึกและช่วยหล่อลื่นลาไส้ จะช่วยยอ่ ยและเจรญิ อาหารเปน็ ราขา้ วทีไ่ มม่ ีพิษ 9. ข้าวงอก (Rice malt) ใชเ้ ป็นยาช่วยยอ่ ยอาหารเพราะในข้าวงอกมี นา้ ย่อยแป้ง ใช้แหง้ 10-15 กรัม นาไปตม้ กนิ 10. แป้งข้าวเจา้ นาไปใชพ้ อกเพ่ือบรรเทาอาการอกั เสบในไฟลามท่งุ (Erysipelas) และผวิ หนังน้าร้อนลวก เป็นผ่ืน แสบรอ้ นท่ผี วิ หนัง ผดผ่นื คนั เลก็ ๆ นอ้ ยๆ ความชุ่มชืน่ และอ่อนนุ่มของข้าวช่วยลดการระคายเคอื งด้วย 11. ฟาง นาไปต้มกินหรือเผาใหเ้ ป็นเถา้ ใชล้ ะลายน้าท้ิงไว้ให้ตกตะกอนแล้ว รนิ เอาน้ามาใช้ ใชเ้ ฉพาะภายนอกต้มนา้ ชะลา้ ง มรี สชุ่ม สามารถขับลมและทาให้เรอ รักษาอาการ ท้องอดื แนน่ ปวดท้อง ท้องรว่ ง กระหานนา้ รสิ ดี วงทวาร ดีซ่าน และแผลทเ่ี กิดจากไฟหรือนา้ รอ้ นลวก แกลบ (Rice husk) ถือเปน็ วัสดเุ หลอื ท้ิงท่ีได้จากกระบวนการสีขา้ วเปลือกซ่ึงทาให้เกิดเศษ ของเปลือกขา้ วออกมา มลี ักษณะสีเหลืองทอง สีเหลอื งอ่อน สีนา้ ตาลแดงข้ึนอยู่กบั สายพันธุ์ข้าว ประกอบดว้ ยสารอนิ ทรยี ์และซลิ กิ า ปรมิ าณสารอินทรียจ์ ะประกอบด้วยธาตคุ ารบ์ อนประมาณร้อยละ 51 ออกซิเจนร้อยละ 42 ส่วนท่ีเหลือจะเป็นไฮโดรเจนและไนโตรเจน สว่ นซลิ ิกาจะพบมากบรเิ วณผวิ นอกของแกลบจึงทาใหแ้ กลบมคี วามแข็งสงู สามารถนามาใช้เป็นวสั ดขุ ดั ผิวได้ แกลบที่ได้จากการสี ขา้ วเปลือกจะมปี ระมาณรอ้ ย 22-25 โดยนา้ หนกั จากเมล็ดข้าวเปลือกทาใหก้ ารสขี ้าวเปลือกแตล่ ะครั้ง จะเกิดแกลบจานวนมาก ซึง่ ปัจจุบนั มีการนาแกลบมาใช้ประโยชนอ์ ย่างกว้างขวางในหลายด้านดว้ ยกนั ได้แก่ 1. เป็นเชอ้ื เพลิงหุงต้มในภาคครัวเรอื น เช่น เชอ้ื เพลงิ ในเตาประหยดั พลงั งาน เชื้อเพลงิ อัดแท่ง โดยแกลบ 1 กิโลกรมั สามารถให้พลงั งานจากการเผาไหม้ได้สูงถึง 3800 กิโลแคลอรี ซ่ึงใกล้เคียงกบั ไม้ และถา่ นไม้ที่ 4000-5000 กโิ ลแคลอรี/กิโลกรัม จึงสามารถนามาทดแทนเชื้อเพลงิ จากไม้ได้เปน็ อย่างดี 2. เป็นเช้ือเพลงิ ในภาคอตุ สาหกรรม เชน่ โรงงานผลติ กระแสไฟฟา้ ชวี มวล เช้ือเพลิง สาหรับเคร่ืองจกั รไอนา้ ของโรงสขี ้าว เชอ้ื เพลิงโรงงานเคร่อื งปั้นดนิ เผา โรงงานผลติ ปนู ซเี มนต์ เป็นตน้ 3. ใช้เป็นวสั ดุขดั ผิวทั้งในภาคครัวเรือน และอุตสาหกรรม 4. ใช้ในการเผาถา่ นเพอ่ื ลด และควบคุมอณุ หภมู ิให้เหมาะสมสาหรับการเผาถา่ น ป้องการการลกุ ไหมเ้ ป็นเปลวไฟ 5. เป็นส่วนผสมของวัสดุกอ่ สรา้ ง เชน่ อิฐบลอ็ ก อิฐมอญ รวมถงึ ผสมดนิ เหนยี ว สาหรบั งานกอ่ ต่างๆ 6. ใช้ในการปรับปรุงดินในหลายดา้ น อาทิ การปรบั ปรงุ ดินเคม็ การเพ่ิมความรว่ นซยุ ของดนิ การเพิ่มอินทรยี วัตถุ และแรธ่ าตุอาหารในดนิ เป็นตน้ 7. การใชป้ ระโยชน์ในฟาร์มเลี้ยงสตั ว์ เชน่ ใชร้ องพ้นื สาหรับฟารม์ ไกห่ รือสุกร 8. ใช้ทาชนวนเทคลมุ กอ้ นน้าแข็งป้องกนั น้าแขง็ ละลาย

17 รศ.ดร.อทิ ธสิ นุ ทร นนั ทกิจ (2551 : ระบบออนไลน์) แกลบข้าวมีแหล่งกาเนิดจากโรงงานทา เบาะและที่นอน มคี ุณสมบัติทางเคมีและฟสิ ิกสด์ งั น้ี 1. pH 7-8.5 มีความแปรปรวนมาก ขึ้นอยู่กับอายขุ องกองขเ้ี ถ้าแกลบ ถ้ามีอายุมาก จะมีการชะล้างโดยฝนมาก pH จะลดลง 2. คุณสมบตั ิในการอุ้มน้าดี 3. ความหนาแน่นรวมเมื่อแห้งต่า 4. ความพรนุ สงู 5. ความคงทนของโครงสร้างดี มีการสลายตัวน้อย แต่จะมีการอัดตัวบ้างหลังปลูก การนาไปใช้เปน็ วสั ดุปลูกที่ดีมากชนิดหนึ่ง มีอายุการใช้งาน 2-4 ครง้ั ข้อดีของแกลบข้าว 1. น้าหนักเบางา่ ยต่อการนามาใช้ 2. ความสามารถในการอุ้มน้าดี 3. มีการสลายตัวหลังจากนามาใช้นอ้ ยและเกดิ การอดั ตัวไม่มากนกั 4. ราคาถกู ข้อเสียของแกลบขา้ ว 1. ยากในการกาจัดโรคและแมลง 2. ก้อนนามาใช้ต้องแช่ดว้ ยกรดอ่อนกอ้ นเพ่ือลดค่า pH ให้อยู่ประมาณ 6

บทท่ี 3 วิธีดาเนินการ เตรียมวสั ดุอปุ กรณ์ 1. ขยุ มะพร้าว จานวน 300 กรัม 2. ชานออ้ ย จานวน 300 กรมั 3. ขเ้ี ลือ่ ย จานวน 300 กรัม 4. เปลือกขา้ วหรอื แกลบ จานวน 300 กรมั 5. บิก๊ เกอร์ จานวน 8 ใบ 6. แมพ่ มิ พ์ จานวน 5 อัน 7. เครือ่ งชง่ั สารอตั โนมัติ จานวน 1 เครอ่ื ง 8. เครอ่ื งปน่ั นา้ ผลไม้ จานวน 1 เครื่อง 9. นา้ จานวน 5 ลติ ร 10. Hot plate จานวน 1 ตวั 11. ดอกไม้สด จานวน 20 ดอก 12. แท่งแกว้ คนสาร จานวน 2 อัน 13. แปง้ มนั สาปะหลัง จานวน 1 ถุง 14. หม้ออลูมเิ นยี ม จานวน 1 ใบ 15. กรรไกร จานวน 1 ดา้ ม 16. ฟอยด์อลูมเิ นียม จานวน 1 มว้ น 17. กระบอกตวง จานวน 1 อัน 18. มีด จานวน 1 เลม่

19 วิธดี าเนนิ การ ข้นั ตอนการทากาวแป้งเปียก 1. นาบีกเกอร์หรือหม้ออลูมิเนียมทจี่ ะใส่น้าลงไป นาไปตง้ั บน Hot plate 2. ใสแ่ ปง้ มันสาปะหลัง ปริมาณ 200 กรมั ลงไป เติมนา้ เปล่าผสมลงไป 800 มิลลิลติ ร และคนด้วยแทง่ แกว้ คนให้เขา้ กันโดยใช้ไฟอ่อนๆ 3. จากนัน้ กวนแป้งให้สกุ เข้ากับน้าเปน็ เน้อื เดียวกนั และทิ้งไวใ้ หเ้ ยน็ ข้นั ตอนการโอเอซสิ (Floral foam) การทาโอเอซิสจากวัสดุธรรมชาติ 1. คัดเลอื กข้เี ล่ือยที่เหลือจากการเล่ือยไมท้ ี่ไมเ่ ศษหิน เศษใบไม้ปะปน 2. นาขเ้ี ลอ่ื ยปริมาณ 300 กรมั ท่ีไดจ้ ากการคดั แยกเศษหิน เศษใบไม้ มาผสมกบั กาว แปง้ เปยี กปรมิ าณ 300 มิลลิลิตร และคนใหเ้ ขา้ กนั 3. นาขี้เลื่อยท่ีผสมกาวแป้งเปียกมาขนึ้ รูปใส่แม่พิมพข์ นาด 7X7 ซม.ท่เี ตรยี มไว้ และ นาไปตากแดด 6-8 ชั่วโมง 4. แกะโอเอซสิ จากข้เี ลื่อยออกจากแม่พิมพ์ 5. สังเกตลกั ษณะผิวสัมผัสและการยดึ ติดของโอเอซิสจากขเ้ี ลือ่ ย และบนั ทึกผลการ ทดลอง (หมายเหตุ : การทาโอเอซิสจากขยุ มะพรา้ ว ชานออ้ ย และเปลือกขา้ วหรือแกลบ ข้นั ตอนการทาเช่นเดียวกันจากข้อ 1-5 ตามลาดับ) ข้ันตอนการทดลอง การทดสอบการอุ้มนา้ ของโอเอซสิ จากวัสดธุ รรมชาติ 1. นาโอเอซิสวสั ดุธรรมชาติจากขี้เลอ่ื ย ขุยมะพรา้ ว ชานอ้อย และเปลือกขา้ วหรือ แกลบ ทตี่ ากแดดจนแห้ง 6-8 ช่วั โมง มาแชน่ า้ เปล่าในบีกเกอร์ปรมิ าณนา้ 500 มิลลลิ ติ ร เป็นเวลา 10 นาที เพื่อทดสอบการอมุ้ น้าของโอเอซิสจากวัสดธุ รรมชาติ 2. นาน้าในบีกเกอรเ์ ทใส่ลงในกระบอกตวง สังเกตและบันทึกผลการอุ้มน้าของ โอเอซสิ วสั ดธุ รรมชาตจิ ากจากขเ้ี ลอื่ ย ขยุ มะพรา้ ว ชานอ้อย และเปลอื กข้าว/แกลบ และปริมาณน้าที่ ไดใ้ นกระบอกตวง การทดสอบระยะเวลาความสดของดอกไม้ท่ีปักลงไปในโอเอซสิ จากวสั ดุธรรมชาติ 1. นาโอเอซสิ จากขี้เลือ่ ย ขุยมะพร้าว ชานอ้อย และเปลือกข้าว/แกลบ มาห่อดว้ ย ฟอยด์อลมู ิเนยี ม 2. นาดอกไม้ท่เี ตรียมไว้อยา่ งละ 5 ดอก ปักลงบนโอเอซิสวัสดุธรรมชาตจิ ากขี้เล่อื ย ขยุ มะพร้าว ชานอ้อย และเปลือกข้าวหรือแกลบ และสงั เกตความสดของดอกไม้ทุกๆ 3 ชวั่ โมง นาน 24 ชวั่ โมง และบนั ทึกผลการทดลอง

บทที่ 4 ผลการศึกษา จากการศึกษาและเปรียบเทียบประสทิ ธิภาพของโอเอซสิ จากวสั ดุธรรมชาติในการรักษาความ สดของดอกไม้ ซงึ่ ได้ดาเนินการทดลองศึกษาและเปรียบเทียบประสิทธิภาพของโอเอซสิ จาก วัสดธุ รรมชาติ ไดผ้ ลการศึกษาเป็นดงั นี้ ตารางท่ี 2 ผลการทดสอบการอ้มุ นา้ ของโอเอซิสจากวสั ดธุ รรมชาติ ชนดิ ของโอเอซสิ ลกั ษณะผิวสมั ผสั และ การอ้มุ นา้ ไดข้ อง ปรมิ าณน้าทีเ่ หลอื ใน 1. โอเอซสิ ขเ้ี ล่อื ย การยึดเกาะตดิ กนั ของ โอเอซสิ (มิลลิลติ ร) ภาชนะ (มิลลลิ ิตร) 2. โอเอซสิ ขยุ มะพรา้ ว โอเอซสิ 190 310 3. โอเอซิสชานอ้อย 230 270 ผวิ คอ่ นขา้ งละเอียด สีนา้ ตาล 4. โอเอซสิ เปลือกข้าว อ่อน เกาะตัวยึดติดกนั แนน่ 200 300 หรอื แกลบ ไม่มชี อ่ งวา่ ง รูปรา่ งเปน็ ก้อน ชดั เจน 150 350 ผวิ คอ่ นข้างเรยี บเนยี น เน้ือ เดยี วกนั สนี า้ ตาลเข้ม เกาะตวั อัดกันแนน่ เปน็ ก้อน รปู รา่ ง ชดั เจน ผิวค่อนขา้ งหยาบ ขรุขระ เน้ือ ผวิ ไม่ละเอียด ก้อนสีขาว น้าหนักเบา เกาะตัวยดึ ติดกัน เป็นรูปรา่ ง มีเศษชานออ้ ย หลดุ ไมเ่ กาะตัวบางสว่ น ผวิ หยาบ เหน็ รูปร่างเปลือก ข้าวชัดเจน มีสเี หลอื ง มชี อ่ งวา่ ง ไม่ค่อยยดึ เกาะตวั มเี ศษเปลือกขา้ วทีไ่ มเ่ กาะตวั หลดุ ออกมาบางส่วน จากตารางท่ี 2 ผลการทดสอบการอุ้มน้าของโอเอซิสจากวัสดธุ รรมชาติ เมือ่ นาโอเอซิสวัสดุ ธรรมชาติจากข้ีเลอ่ื ย ขยุ มะพรา้ ว ชานออ้ ย และเปลือกข้าวหรอื แกลบ ทต่ี ากแดดจนแห้ง 6-8 ช่วั โมง มาแช่น้าเปลา่ ในบกี เกอร์ปริมาณน้า 500 มิลลิลิตร เปน็ เวลา 10 นาที พบว่า โอเอซสิ จากขเี้ ล่ือย มีลักษณะผิวค่อนขา้ งละเอยี ด สนี า้ ตาลออ่ น เกาะตัวยดึ ติดกัน แน่น ไมม่ ชี ่องว่าง รปู รา่ งเปน็ ก้อนชดั เจน อุ้มน้าได้ 190 มลิ ลลิ ิตร ปรมิ าณน้าท่เี หลือในภาชนะ 310 มลิ ลิลติ ร โอเอซสิ จากขุยมะพรา้ ว มลี ักษณะผิวค่อนข้างเรยี บเนียน เนอื้ เดียวกันสนี า้ ตาลเข้ม เกาะตัวอดั กนั แนน่ เป็นก้อน รูปรา่ งชดั เจน อุ้มนา้ ได้ 230 มิลลิลิตร ปริมาณน้าท่ีเหลือในภาชนะ 270 มิลลลิ ติ ร

21 โอเอซสิ จากชานออ้ ย มีลักษณะผิวคอ่ นข้างหยาบ ขรขุ ระ เน้ือผวิ ไมล่ ะเอยี ด กอ้ นสี ขาว นา้ หนักเบา เกาะตวั ยึดติดกนั เปน็ รปู รา่ ง มเี ศษชานอ้อยหลดุ ไมเ่ กาะตวั บางส่วน อุ้มนา้ ได้ 200 มิลลิลิตร ปรมิ าณน้าทเี่ หลอื ในภาชนะ 300 มิลลลิ ติ ร โอเอซิสจากเปลอื กขา้ วหรอื แกลบ มีลักษณะผวิ หยาบ เห็นรูปรา่ งเปลอื กข้าวชัดเจน มีสีเหลือง มชี ่องวา่ ง ไมค่ ่อยยึดเกาะตวั มีเศษเปลือกขา้ วทีไ่ มเ่ กาะตัวหลุดออกมาบางสว่ น อมุ้ นา้ ได้ 150 มิลลิลิตร ปรมิ าณนา้ ที่เหลอื ในภาชนะ 350 มิลลลิ ติ ร

22 ตารางท่ี 3 ระยะเวลาความสดของดอกไมท้ ีป่ กั ลงไปในโอเอซสิ จากวัสดุธรรมชาติ ความสดของ ความสดของ ความสดของ ความสดของ ระยะเวลา ดอกไมท้ ่ีปักลงใน ดอกไมท้ ี่ปักลงใน ดอกไม้ท่ีปักลงใน ดอกไมท้ ี่ปกั ลงใน โอเอซสิ จาก โอเอซสิ จาก โอเอซิสจาก โอเอซสิ จาก ขเี้ ลื่อย ขยุ มะพรา้ ว ชานออ้ ย เปลอื กขา้ ว/ แกลบ ไมเ่ หย่ี วเฉา ไมเ่ ห่ยี วเฉา ไมเ่ หีย่ วเฉา ไมเ่ หีย่ วเฉา มีความสดเทา่ กัน มคี วามสดเท่ากัน มคี วามสดเท่ากนั มคี วามสดเทา่ กนั เรมิ่ ต้น สงั เกตจากกา้ น สงั เกตจากก้าน สงั เกตจากกา้ น สงั เกตจากกา้ น ใบและดอกยงั ใบและดอกยัง ใบและดอกยัง ใบและดอกยัง แข็งแรงและสสี ด แข็งแรงและสีสด แข็งแรงและสสี ด แข็งแรงและสีสด ไม่เหย่ี วเฉา ไม่เห่ยี วเฉา ไม่เหี่ยวเฉา ไม่เหี่ยวเฉา มีความสดเท่ากนั มคี วามสดเทา่ กนั มคี วามสดเทา่ กัน มีความสดเทา่ กัน 3 ชัว่ โมง สังเกตจากกา้ น สงั เกตจากก้าน สังเกตจากกา้ น สงั เกตจากกา้ น ใบและดอกยงั ใบและดอกยงั ใบและดอกยงั ใบและดอกยัง แขง็ แรงและสสี ด แขง็ แรงและสีสด แข็งแรงและสีสด แข็งแรงและสสี ด ไมเ่ หย่ี วเฉา ไม่เหี่ยวเฉา ไมเ่ หี่ยวเฉา ดอกไมเ้ ร่ิม มคี วามสดเท่ากัน มีความสดเท่ากนั มคี วามสดเทา่ กัน เปล่ียนแปลง 6 ชว่ั โมง สงั เกตจากก้าน สงั เกตจากกา้ น สงั เกตจากกา้ น สังเกตจากดอก ใบและดอกยัง ใบและดอกยงั ใบและดอกยงั เริ่มเปลีย่ นสคี ลา้ แขง็ แรงและสีสด แข็งแรงและสีสด แขง็ แรงและสสี ด ในบางกลบี ดอกไมเ้ ริม่ ไมเ่ ห่ยี วเฉา ไมเ่ หยี่ วเฉา ดอกไม้ เปลยี่ นแปลง มคี วามสดเทา่ กัน มคี วามสดเท่ากัน เปล่ียนแปลง 12 ชวั่ โมง สงั เกตจากกลบี สงั เกตจากกา้ น สังเกตจากกา้ น สังเกตจากกลีบ ดอกสคี ล้าและ ใบและดอกยัง ใบและดอกยงั ดอกสีคล้าเพม่ิ ขึน เหี่ยวเฉา แข็งแรงและสีสด แข็งแรงและสีสด และเหี่ยวเฉา ดอกไมเ้ ร่มิ ดอกไม้เร่ิม ดอกไมเ้ ร่ิม ดอกไม้ เปลย่ี นแปลง เปล่ยี นแปลง เปลี่ยนแปลง เปลีย่ นแปลง 18 ช่ัวโมง สังเกตจากกลีบ สังเกตจากกลบี สังเกตจากกลีบ สังเกตจากกลบี ดอกสคี ล้าเพ่ิมขนึ ดอกสคี ล้า ดอกสคี ลา้ และ ดอกสีคลา้ เพิม่ ขึน และเหย่ี วเฉา ส่วนใบเรมิ่ เหยี่ ว ใบเหยี่ วเฉา กลบี หลดุ รว่ ง ใบเรมิ่ หลดุ รว่ ง เฉา ก้าน ใบเห่ียวเฉา ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้ เปล่ยี นแปลง เปลยี่ นแปลง เปลีย่ นแปลง เปลีย่ นแปลง สงั เกตจากกลบี สงั เกตจากกลบี สังเกตจากกลีบ สงั เกตจากกลบี 24 ชัว่ โมง ดอกมีสีดา้ เพิ่มขึน ดอกสคี ลา้ ดอกสีดา้ คลา้ มาก ดอกสคี ลา้ ด้าและ และหลดุ ร่วง สว่ น ใบเหยี่ วเฉาและ ขึน หลุดร่วง หลุดรว่ ง กา้ น ใบ ใบเหี่ยวเฉา หลดุ หลดุ รว่ ง ใบเหย่ี วเฉาและ เห่ยี วเฉา และ ร่วง หลุดร่วง หลุดรว่ ง

23 จากตารางท่ี 3 ผลการทดสอบระยะเวลาความสดของดอกไม้ท่ปี ักลงไปในโอเอซสิ จากวัสดุ ธรรมชาติ เมื่อนาดอกไม้ทเี่ ตรียมไว้อย่างละ 5 ดอก ปักลงบนโอเอซสิ วัสดธุ รรมชาตจิ ากขเ้ี ลื่อย ขยุ มะพรา้ ว ชานอ้อย และเปลอื กข้าวหรือแกลบ สงั เกตความสดของดอกไม้ทุกๆ 3 ชวั่ โมง นาน 24 ชั่วโมง พบว่า  ช่วงเริ่มตน้ ดอกไมท้ ี่ปักลงบนโอเอซิสจากขเี้ ล่ือย : ไม่เหยี่ วเฉา มีความสดเท่ากัน สงั เกตจาก ก้าน ใบและดอกยงั แขง็ แรงและสีสด ดอกไม้ที่ปักลงบนโอเอซสิ จากขุยมะพร้าว : ไม่เหีย่ วเฉา มคี วามสดเท่ากัน สังเกตจาก ก้าน ใบและดอกยังแข็งแรงและสีสด ดอกไมท้ ี่ปักลงบนโอเอซิสจากชานอ้อย : ไมเ่ หี่ยวเฉา มีความสดเท่ากัน สงั เกตจาก กา้ น ใบและดอกยงั แข็งแรงและสีสด ดอกไมท้ ี่ปักลงบนโอเอซิสจากขา้ วเปลือกหรือแกลบ : ไม่เห่ยี วเฉา มีความสดเทา่ กนั สงั เกตจากก้าน ใบและดอกยังแข็งแรงและสสี ด  3 ชวั่ โมง ดอกไม้ทปี่ ักลงบนโอเอซิสจากขเ้ี ลอื่ ย : ไมเ่ ห่ียวเฉา มีความสดเทา่ กัน สงั เกตจาก กา้ น ใบและดอกยงั แขง็ แรงและสสี ด ดอกไม้ทป่ี ักลงบนโอเอซสิ จากขยุ มะพร้าว : ไมเ่ หย่ี วเฉา มคี วามสดเท่ากัน สงั เกตจาก กา้ น ใบและดอกยังแข็งแรงและสสี ด ดอกไม้ทีป่ ักลงบนโอเอซสิ จากชานออ้ ย : ไมเ่ หย่ี วเฉา มีความสดเทา่ กัน สังเกตจาก กา้ น ใบและดอกยงั แข็งแรงและสีสด ดอกไมท้ ี่ปักลงบนโอเอซิสจากข้าวเปลือกหรือแกลบ: ไมเ่ ห่ยี วเฉา มคี วามสดเทา่ กัน สงั เกตจากกา้ น ใบและดอกยังแขง็ แรงและสีสด  6 ช่วั โมง ดอกไมท้ ี่ปักลงบนโอเอซิสจากขเ้ี ลื่อย : ไม่เหย่ี วเฉา มีความสดเท่ากนั สงั เกตจาก กา้ น ใบและดอกยงั แขง็ แรงและสสี ด ดอกไมท้ ี่ปักลงบนโอเอซสิ จากขุยมะพรา้ ว : ไม่เหี่ยวเฉา มคี วามสดเท่ากัน สงั เกตจาก ก้าน ใบและดอกยงั แขง็ แรงและสสี ด ดอกไม้ที่ปักลงบนโอเอซิสจากชานอ้อย : ไมเ่ หี่ยวเฉา มีความสดเท่ากนั สงั เกตจาก ก้าน ใบและดอกยังแขง็ แรงและสีสด ดอกไมท้ ี่ปักลงบนโอเอซิสจากขา้ วเปลอื กหรือแกลบ : ดอกไมเ้ ร่มิ เปลีย่ นแปลง สังเกตจากดอกเร่ิมเปล่ยี นสคี ล้าในบางกลบี  12 ช่ัวโมง ดอกไม้ท่ปี ักลงบนโอเอซสิ จากขเี้ ล่ือย : ดอกไม้เริ่มเปลีย่ นแปลง สังเกตจากกลีบดอก สีคลา้ และเห่ยี วเฉา ดอกไม้ท่ีปักลงบนโอเอซิสจากขยุ มะพร้าว : ไม่เห่ียวเฉา มีความสดเท่ากนั สงั เกตจาก กา้ น ใบและดอกยงั แขง็ แรงและสสี ด ดอกไม้ท่ีปักลงบนโอเอซิสจากชานออ้ ย : ไมเ่ หีย่ วเฉา มีความสดเทา่ กันสังเกตจาก ก้าน ใบและดอกยังแข็งแรงและสสี ด

24 ดอกไมท้ ี่ปักลงบนโอเอซิสจากขา้ วเปลือกหรือแกลบ : ดอกไม้เปล่ยี นแปลง สงั เกต จากกลีบดอกสคี ลา้ เพิ่มขึ้นและเหีย่ วเฉา  18 ชั่วโมง ดอกไม้ที่ปักลงบนโอเอซสิ จากขเ้ี ล่ือย : ดอกไม้เริ่มเปล่ียนแปลง สังเกตจากกลบี ดอก สคี ลา้ เพ่มิ ขึ้นและเห่ยี วเฉา ใบเร่มิ หลุดร่วง ดอกไม้ที่ปักลงบนโอเอซิสจากขุยมะพร้าว : ดอกไม้เรมิ่ เปลยี่ นแปลง สังเกตจากกลีบ ดอกสคี ล้า ส่วนใบเร่ิมเหี่ยวเฉา ดอกไมท้ ปี่ ักลงบนโอเอซิสจากชานออ้ ย : ดอกไมเ้ ริ่มเปลีย่ นแปลง สงั เกตจากกลีบ ดอกสีคลา้ และใบเหยี่ วเฉา ดอกไม้ทป่ี ักลงบนโอเอซิสจากขา้ วเปลือกหรือแกลบ : ดอกไมเ้ ปลี่ยนแปลง สังเกต จากกลบี ดอกสีคล้าเพมิ่ ขนึ้ กลบี หลดุ รว่ ง ก้าน ใบเห่ียวเฉา  24 ช่ัวโมง ดอกไมท้ ป่ี ักลงบนโอเอซิสจากขเ้ี ลือ่ ย : ดอกไมเ้ ปลี่ยนแปลง สังเกตจากกลีบดอกมสี ี ดาเพิ่มข้ึนและหลดุ ร่วง ส่วนใบเหยี่ วเฉา หลดุ รว่ ง ดอกไม้ที่ปักลงบนโอเอซสิ จากขุยมะพรา้ ว : ดอกไม้เปลีย่ นแปลง สงั เกตจากกลีบดอก สคี ลา้ ใบเหี่ยวเฉาและหลุดร่วง ดอกไมท้ ่ปี ักลงบนโอเอซสิ จากชานออ้ ย : ดอกไมเ้ ปลีย่ นแปลง สังเกตจากกลบี ดอกสี ดาคล้ามากขึ้น หลุดร่วง ใบเหี่ยวเฉาและหลุดร่วง ดอกไมท้ ี่ปักลงบนโอเอซสิ จากขา้ วเปลือกหรือแกลบ : ดอกไมเ้ ปลี่ยนแปลง สังเกต จากกลบี ดอกสคี ลา้ ดาและหลุดร่วง ก้าน ใบ เหี่ยวเฉา และหลดุ ร่วง เพราะฉะน้ันสรุปผลการทดลองครง้ั น้ีได้วา่ ประสิทธภิ าพการอมุ้ นา้ ของโอเอซสิ จาก ขุยมะพรา้ วเพื่อรักษาความสดของไม้ มปี ระสทิ ธภิ าพการอุ้มน้าและรกั ษาความสดของดอกไม้ได้ดที ่ีสดุ รองลงมา คือ โอเอซสิ จากชานอ้อย โอเอซิสจากข้เี ล่อื ย และโอเอซิสจากข้าวเปลือกหรือแกลบ ตามลาดับ ระยะเวลารักษาความสดของดอกไม้ทีป่ ักลงบนโอเอซิส (ชวั่ โมง) 20 18 18 15 6 12 10 5 0 ข้ีเลอ่ื ย ขุยมะพร้าว ชานออ้ ย ข้าวเปลือก/แกลบ

25 ตารางที่ 4 ภาพความสดของดอกไม้ที่ปักลงไปในโอเอซิสจากวัสดุธรรมชาติในชว่ งเวลาตา่ งกนั ความสดของดอกไมท้ ่ี ความสดของดอกไมท้ ี่ปัก ความสดของดอกไม้ที่ ความสดของดอกไม้ท่ี ระยะเวลา ปกั ลงในโอเอซสิ จาก ลงในโอเอซสิ จาก ปักลงในโอเอซิสจาก ปักลงในโอเอซสิ จาก ขเ้ี ลอื่ ย ขยุ มะพรา้ ว ชานออ้ ย เปลอื กข้าว/แกลบ เร่ิมต้น 3 ชั่วโมง 6 ช่วั โมง 12 ช่ัวโมง 18 ชวั่ โมง 24 ช่วั โมง

บทที่ 5 สรปุ ผลการศกึ ษา อภปิ รายและข้อเสนอแนะ 5.1 สรปุ ผลการศกึ ษา จากการศึกษาและเปรยี บเทียบประสิทธิภาพของโอเอซสิ จากวสั ดุธรรมชาตใิ นการ รกั ษาความสดของดอกไม้ โดยนาโอเอซสิ จากขุยมะพร้าว ขเ้ี ล่ือย ชานอ้อย และเปลือกขา้ วหรือแกลบ ทาการทดลองเปรียบเทยี บประสทิ ธภิ าพการอุม้ น้าของโอเอซสิ ซ่ึงนาไปแช่ในน้าปรมิ าณ 500 มลิ ลลิ ติ ร และทดลองระยะเวลาความสดของดอกไม้ท่ปี ักลงไปในโอเอซสิ จากวสั ดธุ รรมชาติ ในเวลา 3 ชว่ั โมง, 6 ช่วั โมง, 12 ชว่ั โมง, 18 ชัว่ โมง, และ 24 ชั่วโมง ตามลาดบั และพบวา่ โอเอซสิ จากขเี้ ล่ือย สามารถ อุ้มน้าได้ 190 มลิ ลิลิตร และรกั ษาความสดของดอกไมไ้ ด้ 12 ชั่วโมง โอเอซสิ จากขุยมะพร้าว สามารถ อุ้มน้าได้ 230 มลิ ลลิ ิตร และรกั ษาความสดของดอกไมไ้ ด้ 18 ชั่วโมง โอเอซสิ จากชานอ้อย สามารถอมุ้ นา้ ได้ 200 มลิ ลิลิตร และรักษาความสดของดอกไมไ้ ด้ 18 ชวั่ โมง และโอเอซิสจากเปลอื กขา้ วหรอื แกลบ สามารถอุม้ น้าได้ 150 มิลลิลติ ร และรักษาความสดของดอกไม้ได้ 6 ช่วั โมง ดังนัน้ สรุปไดว้ ่า ประสทิ ธิภาพการอมุ้ น้าของโอเอซสิ จากขุยมะพร้าวเพื่อรกั ษาความ สดของไม้ มีประสทิ ธภิ าพการอุ้มน้าและรกั ษาความสดของดอกไม้ได้ดที ่สี ุด รองลงมา คือ โอเอซสิ จาก ชานออ้ ย โอเอซสิ จากขเ้ี ลื่อย และโอเอซสิ จากขา้ วเปลอื กหรอื แกลบ ตามลาดับ 5.2 การอภปิ รายผล จากการศึกษาและเปรียบเทยี บประสทิ ธภิ าพของโอเอซสิ จากวสั ดธุ รรมชาตใิ นการ รกั ษาความสดของดอกไม้ โดยนาโอเอซิสจากขยุ มะพรา้ ว ขเ้ี ล่อื ย ชานอ้อย และเปลือกข้าวหรือแกลบ ทาการทดลองเปรียบเทียบประสทิ ธภิ าพการอุม้ น้าของโอเอซสิ ซึง่ นาไปแช่ในน้าปรมิ าณ 500 มลิ ลิลติ ร และทดลองระยะเวลาความสดของดอกไม้ทปี่ กั ลงไปในโอเอซสิ จากวสั ดธุ รรมชาติ ในเวลา 3 ชั่วโมง, 6 ชว่ั โมง, 12 ช่วั โมง, 18 ช่วั โมง, และ 24 ช่ัวโมง ตามลาดับ และพบวา่ โอเอซสิ จากขยุ มะพรา้ ว มีประสิทธภิ าพการอุ้มน้าและรกั ษาความสดของดอกไมไ้ ด้ดีกวา่ โอเอซสิ จากชานอ้อย โอเอซสิ จาก ขเ้ี ลือ่ ย และโอเอซสิ จากขา้ วเปลือกหรือแกลบ เนื่องจากขยุ มะพรา้ วมคี ณุ สมบตั ิทางเคมีและฟิสิกสท์ ่ี ช่วยในการดูดซับนา้ หรอื อ้มุ น้าไดด้ ีมาก เก็บความชืน้ ไดน้ าน ไมแ่ หง้ ง่าย และสามารถก่อตัวรวมตัวเปน็ รปู ทรงท่ีชัดเจน ซ่ึงสอดคล้องกบั อินธิสุทร นนั ทกจิ . 2551. (ออนไลน)์ และงานในวารสาร Agricultural Research Journal แหง Institute of Nuclear Medicine and Applied Sciences ทีน่ คร Delhi ในประเทศอินเดยี และบวกกับเน้ือสมั ผสั ของขยุ มะพร้าวมคี วามละเอียดทาให้กาวแป้ง เปียกสามารถแทรกซึมและกระจายอย่างท่ัวถงึ จึงสง่ ผลให้การขนึ้ รปู ทรงการทาโอเอซสิ จาก ขุยมะพรา้ ว เป็นรปู รา่ งทีต่ ้องการก่อตวั รวมตัวและสามารถอุ้มนา้ ได้ดีมาก และได้ดกี วา่ คือ โอเอซิส จากชานอ้อย โอเอซิสจากข้ีเลื่อย และโอเอซสิ จากข้าวเปลือกหรือแกลบ ตามลาดับ 5.3 ขอ้ เสนอแนะ 1. การทดลองควรใช้สตู รหรือสว่ นผสมในอตั ราส่วนท่แี ตกต่างกนั 2. ควรทดสอบนาพืชผักและผลไมช้ นดิ อ่นื วสั ดุในท้องถิน่ อนื่ ๆ เพิม่ เติมมาผลติ เปน็ โอเอซิสและ เปรียบเทยี บประสทิ ธภิ าพการรกั ษาความสดของดอกไม้ให้มากขน้ึ 3. การทดลองประสทิ ธิภาพของโอเอซสิ ควรทดลองกับดอกไม้สดหลายๆ ประเภท

27 บรรณานุกรม กฤษณา ชูโนนาค. การพัฒนาดนิ ข้ึนจากโอเอซิสเหลือใช้สาหรับใบตอง. วิทยานพิ นธ์มหาบณั ฑิต สาขาคหกรรมศาสตร์ คณะเทคโนโลยคี หกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร. 2560 คมู่ ือนักวชิ าการสง่ เสริมการเกษตร. 2557. “ออ้ ย”. สานกั พิมพส์ ง่ เสรมิ และจดั การสินค้าเกษตร กรมสง่ เสริมการเกษตร. ประโยชน์ 7 ประการของข้เี ลือ่ ย คุณค่าหลากหลายแบบไม่คาดคิด (ออนไลน์). เขา้ ถึงได้จาก www.sanook.com (วันที่สืบค้นข้อมลู 18 พฤษภาคม 2565) วรรณฤดี (2562). (ออนไลน์) สอนจดั ดอกไม้ project ตอ้ งสร้างตวั เองใหไ้ ด้. เขา้ ถงึ ได้จาก www.lks.ac.th/plant/group.html (วนั ทสี่ ืบค้นขอ้ มูล 20 พฤษภาคม 2565) ศนู ย์วิจยั ความหลากหลายทางชีวภาพเฉลมิ พระเกยี รติ 72 พรรษา บรมราชนิ นี าถ สถาบันวจิ ยั และ พฒั นาชายแดนใต้ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏยะลา. เขา้ ถึงได้จาก www.sridi.yu.ac.th/ (วนั ทส่ี บื ค้นข้อมูล 18 พฤษภาคม 2565) หนังสอื ผลไม้ 111 ชนิด คณุ ค่าอาหารและการกนิ ทวที อง หงษ์ววิ ฒั น์, นิดดา หงส์ววิ ัฒน์ (มปป.) เวบ็ ไซต์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์, www.organicfacts.net (วันท่ีค้นข้อมลู 25 พฤษภาคม 2565) สานกั สง่ เสริมสังคมแหง่ การเรียนรแู้ ละคุณภาพเยาวชน. เขา้ ถงึ ได้จาก http://sites.google.com/pokpak2417/ (วนั ท่สี ืบค้นข้อมูล 25 พฤษภาคม 2565) อนิ ธสิ ุทร นนั ทกจิ . 2551. “การปลุกพืชในวัสดุปลูก (Substrate culture ออนไลน.์ ” เข้าถงึ ไดจ้ าก www.kmit.ac.th/hydrl/ (วันที่สบื ค้นข้อมลู 19 พฤษภาคม 2565)

28 ภาคผนวก

โครงงานวทิ ยาศาสตร์ 29 เรอ่ื ง การศกึ ษาและเปรียบเทียบประสทิ ธภิ าพของโอเอซิสจากวสั ดุ ธรรมชาติในการรักษาความสดของดอกไม้ วสั ด/ุ อปุ กรณ์ 1. ขยุ มะพรา้ ว จานวน 300 กรัม 2. ชานอ้อย จานวน 300 กรัม 3. ขเ้ี ลอื่ ย จานวน 300 กรมั 4. เปลอื กข้าวหรือแกลบ จานวน 300 กรัม 5. บก๊ิ เกอร์ จานวน 8 ใบ 6. แม่พมิ พ์ จานวน 5 อัน 7. เครอ่ื งชง่ั สารอตั โนมตั ิ จานวน 1 เครือ่ ง 8. เคร่อื งปน่ั นา้ ผลไม้ จานวน 1 เครอ่ื ง 9. นา้ จานวน 5 ลิตร 10. Hot plate จานวน 1 ตวั 11. ดอกไม้สด จานวน 20 ดอก 12. แท่งแก้วคนสาร จานวน 2 อัน 13. แปง้ มนั สาปะหลัง จานวน 1 ถุง 14. หมอ้ อลูมเิ นยี ม จานวน 1 ใบ 15. กรรไกร จานวน 1 ดา้ ม 16. ฟอยด์อลมู เิ นยี ม จานวน 1 ม้วน 17. กระบอกตวง จานวน 1 อัน 18. มดี จานวน 1 เล่ม

โครงงานวทิ ยาศาสตร์ 30 เรือ่ ง การศกึ ษาและเปรยี บเทียบประสิทธภิ าพของโอเอซิสจากวสั ดุ ธรรมชาตใิ นการรักษาความสดของดอกไม้ ขั้นตอนการทากาวแป้งเปียก 1. นาบกี เกอร์หรือหม้ออลูมิเนยี มทจ่ี ะใสน่ ้าลงไป นาไปตัง้ บน Hot plate 2. ใส่แปง้ มนั สาปะหลัง ปริมาณ 200 กรมั ลงไป เติม นา้ เปล่าผสมลงไป 800 มลิ ลลิ ติ รและคนดว้ ยแทง่ แกว้ คน ให้เขา้ กนั โดยใช้ไฟอ่อนๆ 3. จากนั้นกวนแป้งใหส้ ุก เขา้ กับนา้ เปน็ เน้ือ เดยี วกนั และท้ิงไวใ้ หเ้ ย็น

โครงงานวทิ ยาศาสตร์ 31 เรอื่ ง การศึกษาและเปรียบเทียบประสทิ ธิภาพของโอเอซิสจากวสั ดุ ธรรมชาตใิ นการรักษาความสดของดอกไม้ ข้ันตอนการทาโอเอซสิ ขี้เลอื่ ย 1. นาขี้เลือ่ ยปรมิ าณ 300 กรัมท่ไี ดจ้ ากการคัด แยกเศษหิน เศษใบไม้ มาผสมกบั กาวแป้งเปียก ปรมิ าณ 300 มิลลิลิตร และคนให้เขา้ กัน 2. นาข้ีเล่ือยมาผสมกับกาวแปง้ เปยี กปรมิ าณ 300 มลิ ลิลติ ร และคนให้เขา้ กัน 3. นาข้ีเล่ือยที่ผสมกาวแปง้ เปียกมาข้นึ รปู ใสแ่ ม่พมิ พ์ ขนาด 7X7 ซม.ทเี่ ตรียมไว้ และนาไปตากแดด 6-8 ชั่วโมง 4. สังเกตลกั ษณะผิวสมั ผสั และการยดึ ติดของ โอเอซิสจากข้เี ล่ือย และบนั ทึกผลการทดลอง

โครงงานวทิ ยาศาสตร์ 32 เรื่อง การศึกษาและเปรียบเทียบประสิทธภิ าพของโอเอซิสจากวสั ดุ ธรรมชาตใิ นการรักษาความสดของดอกไม้ ขั้นตอนการทาโอเอซสิ ขยุ มะพร้าว 1. นาขุยมะพรา้ วปรมิ าณ 300 กรัมท่ีไดจ้ ากการ คดั แยกเศษหนิ เศษใบไม้ มาผสมกับกาวแปง้ เปยี กปรมิ าณ 300 มลิ ลิลิตร และคนใหเ้ ข้ากัน 2. นาขยุ มะพร้าวมาผสมกับกาวแปง้ เปียกปรมิ าณ 300 มลิ ลิลิตร และคนใหเ้ ขา้ กัน 3. นาขยุ มะพรา้ วที่ผสมกาวแปง้ เปียกมาขึน้ รปู ใส่ แมพ่ ิมพ์ขนาด 7X7 ซม.ท่เี ตรยี มไว้ และนาไปตากแดด 6-8 ชั่วโมง 4. สงั เกตลกั ษณะผิวสมั ผัสและการยึดติดของ โอเอซิสจากขุยมะพร้าว และบันทกึ ผลการทดลอง

โครงงานวทิ ยาศาสตร์ 33 เรอ่ื ง การศึกษาและเปรยี บเทียบประสทิ ธภิ าพของโอเอซิสจากวัสดุ ธรรมชาติในการรกั ษาความสดของดอกไม้ ขน้ั ตอนการทาโอเอซสิ ชานอ้อย 1. นาชานอ้อยปรมิ าณ 300 กรมั ท่ีได้จากการคัด แยกเศษหิน เศษใบไม้ มาผสมกับกาวแป้งเปียก ปริมาณ 300 มลิ ลิลิตร และคนใหเ้ ขา้ กนั 2. นาชานอ้อยมาผสมกบั กาวแป้งเปยี กปรมิ าณ 300 มลิ ลิลติ ร และคนให้เข้ากัน 3. นาชานอ้อยที่ผสมกาวแป้งเปียกมาข้ึนรปู ใสแ่ ม่พมิ พ์ ขนาด 7X7 ซม.ทเ่ี ตรยี มไว้ และนาไปตากแดด 6-8 ชัว่ โมง 4. สังเกตลักษณะผวิ สมั ผัสและการยึดติดของ โอเอซิสจากชานอ้อย และบนั ทึกผลการทดลอง

โครงงานวทิ ยาศาสตร์ 34 เรอ่ื ง การศกึ ษาและเปรยี บเทยี บประสิทธภิ าพของโอเอซิสจากวัสดุ ธรรมชาติในการรกั ษาความสดของดอกไม้ ข้ันตอนการทาโอเอซสิ เปลอื กข้าว/แกลบ 1. นาเปลอื กข้าว/แกลบปรมิ าณ 300 กรัมที่ไดจ้ าก การคดั แยกเศษหิน เศษใบไม้ มาผสมกบั กาวแป้ง เปียกปรมิ าณ 300 มิลลิลติ ร และคนใหเ้ ขา้ กัน 2. นาเปลอื กขา้ ว/แกลบ มาผสมกับกาวแปง้ เปียก ปรมิ าณ 300 มิลลิลติ ร และคนให้เข้ากัน 3. นาเปลือกข้าว/แกลบ ทีผ่ สมกาวแปง้ เปียกมาขึ้นรูป ใสแ่ มพ่ ิมพ์ขนาด 7X7 ซม.ทีเ่ ตรียมไว้ และนาไป ตากแดด 6-8 ชั่วโมง 4. สังเกตลักษณะผวิ สมั ผัสและการยึดติดของ โอเอซสิ จากเปลือกข้าว/แกลบ และบันทกึ ผล การทดลอง

โครงงานวทิ ยาศาสตร์ 35 เรอ่ื ง การศึกษาและเปรียบเทยี บประสทิ ธภิ าพของโอเอซิสจากวสั ดุ ธรรมชาตใิ นการรกั ษาความสดของดอกไม้ ข้นั ตอนการทดสอบการอมุ้ น้าของโอเอซสิ จากวสั ดุธรรมชาติ 1. นาโอเอซิสวัสดุธรรมชาติจากข้เี ลอ่ื ย ขุยมะพร้าว ชานอ้อย และเปลอื กขา้ วหรือแกลบ ทีต่ ากแดดจน แหง้ 6-8 ชัว่ โมง มาแชน่ ้าเปล่าในบกี เกอรป์ ริมาณน้า 500 มลิ ลลิ ิตร เปน็ เวลา 10 นาที เพ่ือทดสอบการอุ้ม นา้ ของโอเอซสิ จากวัสดุธรรมชาติ 2. นาน้าในบกี เกอร์เทใส่ลงใน กระบอกตวง สังเกตและบนั ทึกผล การอุ้มน้าของโอเอซสิ วัสดุธรรมชาติ จากจากขี้เลือ่ ยขุยมะพรา้ ว ชานออ้ ย และเปลือกขา้ ว/แกลบ และปรมิ าณ น้าทไ่ี ด้ในกระบอกตวง

โครงงานวทิ ยาศาสตร์ 36 เรือ่ ง การศกึ ษาและเปรียบเทียบประสิทธภิ าพของโอเอซิสจากวสั ดุ ธรรมชาตใิ นการรักษาความสดของดอกไม้ ข้นั ตอนการทดสอบระยะเวลาความสดของดอกไม้ที่ปกั ลงไปในโอเอซสิ 1. นาโอเอซิสจากขเ้ี ลื่อย ขุยมะพรา้ ว ชานอ้อย และเปลือกขา้ ว/แกลบ มาห่อดว้ ยฟอยด์อลูมเิ นยี ม 2. นาดอกไม้ที่เตรียมไว้อยา่ งละ 5 ดอก ปักลงบนโอเอซิสวัสดุธรรมชาตจิ ากข้ีเลอื่ ย ขุยมะพร้าว ชานอ้อย และเปลอื กข้าวหรือแกลบ และสงั เกตความสดของไมท้ ุกๆ 3 ชวั่ โมง นาน 24 ช่ัวโมง

37 ผลการทดสอบความสดของดอกไมท้ ี่ปกั ลงไปในโอเอซิสชว่ งเวลาตา่ งกัน ความสดของดอกไมท้ ี่ ความสดของดอกไมท้ ่ีปัก ความสดของดอกไมท้ ่ี ความสดของดอกไมท้ ่ี ระยะเวลา ปักลงในโอเอซสิ จาก ลงในโอเอซิสจาก ปกั ลงในโอเอซิสจาก ปกั ลงในโอเอซสิ จาก ขีเ้ ลอื่ ย ขุยมะพร้าว ชานอ้อย เปลือกข้าว/แกลบ เร่ิมตน้ 3 ชวั่ โมง 6 ชวั่ โมง 12 ชั่วโมง 18 ชว่ั โมง 24 ช่วั โมง