Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกสารเทคนิคการเขียนบทความวิจัยสำหรับการตีพิมพ์ KM63

เอกสารเทคนิคการเขียนบทความวิจัยสำหรับการตีพิมพ์ KM63

Published by dream56602066, 2020-04-28 00:18:57

Description: เอกสารเทคนิคการเขียนบทความวิจัยสำหรับการตีพิมพ์ KM63

Search

Read the Text Version

เอกสารเทคนิคการเขยี นบทความวจิ ัยสาหรบั การตีพิมพ์ด้านงานวจิ ัยและงานสรา้ งสรรค์ เอกสารน้ีเป็นการนาข้อมลู จากการสรปุ ผล จากการเสาะห์หาความรทู้ ีต่ ้องการ มาประชุมระดมสมองเพ่ือ แลกเปล่ยี นเรียนรู้จากผทู้ รงคุณวฒุ แิ ละผู้มปี ระสบการณ์ในคณะ และนาข้อมลู ทั้งหมดมารวบรวมองคค์ วามรู้ สรา้ ง องค์ความรู้ใหเ้ หมาะสมต่อการนาไปใชใ้ นการเขียนบทความวิจัยสาหรบั การตีพิมพด์ ้านงานวิจยั และงานสร้างสรรค์ ข้อควรรู้ในการเร่มิ เขียนบทความวจิ ัย 1. การเรม่ิ ลงมือทา ผวู้ ิจยั อาจมีความกงั วลในงานวิจัยของตนเอง เกดิ ความไมม่ ่ันใจ ท่จี ะสง่ บทความวิจัย หรือเกิดความกลวั แต่ถา้ ผวู้ ิจัยได้ลงมือทายา่ งน้อยทผ่ี วู้ จิ ัยจะได้จากการส่งบทความน้ัน คือ ประสบการณ์และ comment จากคณะกรรมการ 2. งานวจิ ยั ทจ่ี ะหยิบมาใช้ในการในการเขียนบทความวจิ ยั นนั้ ควรมี out put และวัตถุประสงค์ท่ชี ัดเจน และมกี ารวางแผนวา่ จะนาเร่ืองใดมาใช้ในการตีพิมพ์ 3. ในงานวจิ ยั แตล่ ะเรื่องควรทาให้เปน็ เรอ่ื งเดียวกบั บทความท่ีจะตีพิมพ์ เพราะหากในงานวิจัยน้นั ไมต่ รง ตามเรือ่ งที่เราจะตีพิมพ์หรือมีการกาหนดประเดน็ ไม่ชัดเจน อาจสง่ ผลใหน้ กั วิจยั ต้องหาขอ้ มลู เพ่ิม เพ่อื ให้บทความนัน้ สมบรู ณ์และมคี วามชัดเจน 4. เม่อื เริ่มทางานวิจยั นักวจิ ยั ควรกาหนดเป้าหมายท่จี ะตีพิมพ์ ตอ่ งานวิจยั หนงึ่ ชน้ิ ก่อนว่าจะตีพมิ พ์ก่ีคร้งั เชน่ งานวจิ ยั หนึง่ เลม่ จะตพี มิ พ์ 3 เรื่อง ซ่ึงงานวจิ ยั นนั้ ตอ้ งมี 3 ผล หรอื มากกว่านน้ั หากนกั วิจยั มกี าร แบ่งสดั ส่วนของผลลัพธท์ ี่ดี เป็นตน้ 5. นกั วจิ ยั ท่ยี ังไม่เคยสง่ บทความเพอื่ การตีพิมพ์มาก่อน สามารถนางานวจิ ยั ส่งไป conference ประมาณ 1-2 เรื่อง เพือ่ นาแนวทางท่ีไดจ้ าก comment ของคณะกรรมการ มาปรับใชก้ ับงานของ ตนเอง จากนัน้ จงึ นาผลงานไปเขียนบทความเพ่ือการตีพมิ พ์ 6. บทความเพือ่ การตีพมิ พ์ควรมีคุณภาพดีกวา่ งานวิจัย โดยเฉพาะในส่วนของผลของงานวจิ ัย ควรมีการ discussion เปรียบเทียบอย่างชดั เจน เชน่ ผลของงานวจิ ยั กบั Theory เป็น แตอ่ ย่างไรก็ตาม theoryทีน่ ามาเปรียบเที่ยบ ต้องเปน็ ของตน้ ฉบบั ไม่ใช่การกลา่ วถงึ จากผู้อ่นื 7. ผู้วิจยั ตอ้ งทราบ out put กอ่ นที่จะเขียนบทความและควรเรมิ่ Abstract เป็นอนั ดบั แรก เน่ืองจาก ในขัน้ ตอนการสอื บทความน้นั บทความจะถูกตอบกลบั ต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 3 อาทิทยห์ รอื 1 เดือน

องค์ประกอบของบทความวิจยั เพ่อื การตีพิมพ์และเทคนิคในการเขยี น 1. ช่ือเรือ่ ง (Title) 1) มคี วามนาสนใจ เชน่ สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ต่างๆ ของประเทศ 2) สอื่ ความหมาย กระชบั ใจความ ผ้อู ่านสามารถจับใจความไดแ้ ละคาดหวงั ไดว้ ่าจะมเี นื้อหา อยา่ งไร 2) ไมย่ าวจนเกินไป มีความชัดเจน ตรงประเด็น 2. บทคดั ย่อ (Abstract) 1) ระบปุ ระเดน็ ปญั หา วัตถปุ ระสงค์ วิธีการ หรอื แนวทางการศึกษา 2) เนน้ ผลการศึกษาท่ีสาคญั ที่ค้นพบ ว่าผวู้ ิจยั ตอ้ งการทาอะไร อย่างไร มปี ระโยชน์สาหรบั ใคร ผลเปน็ อย่างไร 3) ไม่มีการอา้ งองิ ไม่อา้ งถึงภาพ / ตารางในเนื้อหาหลกั 4) ตอ้ งมคี วามกระชบั และเป็นหวั ใจหลักของงานโดยทวั่ ไปจะมีความยาวประมาณ 200–250 คา โดยส่วนใหญ่ผอู้ า่ นมกั จะอ่านสว่ นนเี้ ป็นอันดับแรก 3. คานา หรอื บทนา (Introduction) 1) ระบปุ ระเดน็ ปัญหาทนี่ ามาส่กู ารวิจัย 2) รวบรวมขอ้ มลู การวิจัยท่เี ก่ียวขอ้ งจากอดตี ถึงปจั จุบัน 3) แสดงถงึ เหตผุ ลความจาเป็นท่ีต้องทาวจิ ัยในเร่อื งนี้ ไม่ทาไมไ่ ด้ 4) วตั ถุประสงค์ (Objectives) ของการวิจยั 5) ผู้เขยี นสามารถเขียนหวั ข้ออน่ื ๆก่อน คานาหรือบทนา เน่ืองจากเป็นหัวข้อที่เขียนยาก 4. อปุ กรณ์ วธิ ีการ และสถิตทิ ี่ใช้ในการวิจยั (Materials & Methods) 1) บอกรายละเอียดเก่ียวกับกระบวนการศึกษา โดยอ้างอิงวิธกี ารทเ่ี ปน็ ทย่ี อมรับในระดบั สากล 2) กระชับ ชดั เจน 3) นกั วิจัยทา่ นอ่นื สามารถดาเนนิ การตามได้ 4) เปน็ ส่วนท่เี ขียนงา่ ยทีส่ ุด ควรเขียนเป็นหัวข้อแรก 5. ผลการวิจัย (Results) 1) ต้องสอดคล้องกบั วตั ถุประสงค์ (Objectives) ทร่ี ะบุไว้ 2) เขียนแบบกระชับ ไม่เขยี นบรรยายยดื ยาวจนเกดิ ไป

3) แสดงข้อมลู ด้วยตาราง รูปภาพ ทาใหผ้ อู้ ่านเขา้ ใจง่ายกว่าการเขียนบรรยายเพียงอยา่ งเดยี ว แต่ไมจ่ าเป็นตอ้ งบรรยายข้อมูลทง้ั หมดท่ีมีในตาราง, ภาพ, กราฟ 4) เป็นส่วนทีเ่ ขยี นไม่ยากมาก แนะนาใหเ้ ขยี นเป็นลาดับที่ 2 ตอ่ จาก อปุ กรณ์ วธิ กี าร และสถิติท่ี ใชใ้ นการวิจยั (Materials & Methods) 6. การอภปิ รายผลการวิจัย (Discussion) 1) ไมน่ าผลมาเขยี นซา้ 2) ช้ใี ห้เหน็ ถงึ ความสัมพันธข์ องผลการศึกษาว่าคล้อยตาม หรอื ขัดแยง้ กับทฤษฎี หรอื สมมตฐิ าน ท่ีมีการนาเสนอมากอ่ น 3) เปรียบเทียบผลการศกึ ษากับผลของการศึกษาอนื่ สอดคล้องหรือขัดแย้งกนั อย่างไรและเพราะ เหตุใด 7. ขอ้ สรปุ ของการวจิ ยั (Conclusion) 1) ขอ้ ความปดิ ท้ายทีเ่ น้นย้าความสาคญั ของงานวจิ ยั 2) อาจมปี ระเด็นเสนอแนะสาหรบั งานวิจยั ในประเด็นเดียวกนั ในอนาคต 3) ควรแตกต่างจากบทคดั ย่อ 8. กติ ตกิ รรมประกาศ (Acknowledgements) 1) ขอขอบคณุ แหล่งทนุ สนับสนนุ งานวจิ ยั (สาคัญทสี่ ุด) 2) ขอบคณุ บุคคลท่ีมสี ว่ นชว่ ยในงานวจิ ัย (ต้องสาคัญมากๆ เท่านน้ั ) 3) ขอบคุณผทู้ ่ีช่วยแสดงความคิดเห็น หรอื ตรวจแก้ไขตน้ ฉบบั บทความวิจยั แตไ่ ม่จาเป็นต้อง ขอบคุณผทู้ รงคณุ วฒุ ิทีว่ ิจารณ์บทความวิจยั 4) บุคคลที่ขอบคณุ ต้องไมม่ ชี ่ือร่วมในผลงานช้นิ น้ี 9. การอา้ งองิ (References) 1) เขยี นตามรูปแบบทว่ี ารสารนนั้ ๆ กาหนด 2) อา้ งองิ เฉพาะงานที่จาเปน็ และเกีย่ วข้องโดยตรงกบั งานที่เขียน

ผศ. ดร. วชริ ะ อนั ดับแรกเริม่ ต้นดว้ ยการเขียน วธิ ีการวิจัย และผลการวิจัย กอ่ นหัวข้ออื่น ๆ เพราะเปน็ ขอ้ ทส่ี าคัญท่สี ดุ เปน็ จุดท่จี ะกล่าวถึงข้อดี จดุ เด่น จดุ ดอ้ ยของงานวจิ ยั ทัง้ นค้ี วรต้องหาจุดเดน่ หรือประเด็นในการทาวจิ ัยให้ได้ จากนน้ั จึงนาประเดน็ ทน่ี า่ สนใจมาใสข่ ้อมลู เพ่ิมเตมิ เพื่อให้เกิดความชัดเจน ซง่ึ ในหน่ึงงานวจิ ัยอาจมมี ากกวา่ 1 ประเด็นทีผ่ ู้วิจัยสามารถนาไปใช้ในการเขยี นบทความ ผลการวิจัย, วธิ กี ารวิจัย ชื่อเรอ่ื ง, บทคดั ย่อ, บทนา, อภปิ รายผลการวิจัย, ข้อสรปุ ของการวจิ ยั , อ้างอิง ดร. วลัญชร์ ัก พุ่มชลติ กอ่ นเริ่มทางานวจิ ยั จะมีการวางแผนในการนางานวจิ ัยไปใช้ในการตีพมิ พ์บทความ ในงานวิจยั 1 เลม่ นน้ั สามารถนาไปเขียนบทความได้ก่เี รอ่ื ง กล่าวคือ ผลของงานวิจัยตอ้ งเท่ากบั จานวนเร่อื งทส่ี ามารถนาไปตีพิมพ์ แต่ อย่างไรกด็ หี ากผวู้ ิจยั สามารถแบ่งสดั ส่วนประเดน็ ได้ดแี ละชัดเจน อาจสามารถแบง่ ได้มากถึง 4-5 เรื่อง ขึ้นอย่กู ับ วัตถปุ ระสงค์ของวจิ ยั ช้นิ นนั้ ๆ ในบทความท่จี ะนามาตีพิมพ์ ควรมคี ุณภาพมากกวา่ งานวิจยั ทผ่ี ู้วจิ ัยไดท้ า ตอ้ งมี การdiscussion เปรยี บเทียบกับทฤษฎตี า่ ง ๆที่เก่ยี วข้อง แตไ่ ม่ควรนาผลทีน่ ักวิจัยทา่ นอ่ืนทาการdiscussionกบั ทฤษฎนี ้ัน ๆ มาใชใ้ นการเปรียบเทยี บ ควรอา้ งองิ ทฤษฎที ีเ่ ปน็ ตน้ ฉบับ โดยปรกตแิ ล้วจะเริ่มเขียนในส่วนของบทคัดยอ่ ก่อน เนื่องจาก เราต้องทราบผลที่เราต้องการก่อน เพราะ ตามขั้นตอนในการสง่ บทความมกั ใชร้ ะยะเวลานาน 3 สปั ดาห์ ถงึ 1 เดือนโดยประมาณ ถา้ เป็นวารสารของ ต่างประเทศ สามารถส่งบทคัดย่อไปก่อนหากมีการตอบรับทางวารสารจะให้เวลาในการเขยี นเลม่ วิจยั ได้ ใน ระยะเวลาประมาณ 3 เดือน ผศ. นพศักด์ิ ฤทธ์ิดี สาหรับผูว้ ิจัยทีไ่ มเ่ คยสง่ อาจนางานวจิ ัยที่ตนเคยทา หรอื งานสรา้ งสรรค์มาเขียนแลว้ ส่งเป็นบทความ conference เพื่อเป็นการฝึกเขียนและทราบถงึ แนวทางอีกทงั้ ยังช่วยสร้างความมั่นใจ

โดยส่วนในการเรมิ่ เขียนบทความวจิ ัยจากงานสร้างสรรคน์ ั้น จะเรม่ิ จากผลท่ีได้กบั ทม่ี าและความต้อง เนอ่ื งจากงานสรา้ งสรรคค์ ืองานท่ถี ูกสร้างขนึ้ แล้วจากความต้องการของคนคนใดคนหน่ึง หรือกลมุ่ ใดกลมุ่ หนึง่ แลว้ จงึ นางานนัน้ มาวเิ คราะห์ กบั หลังการและทฤษฎี ผลการวจิ ยั , บทนา ชอื่ เร่อื ง, บทคัดย่อ, วธิ ีการวิจยั , อภปิ รายผลการวจิ ยั , ขอ้ สรปุ ของการวจิ ยั , อา้ งอิง ประเภทของวารสารและแหลง่ วารสารทีแ่ นะนา 1. วารสารระดับนานาชาติ บทความวจิ ยั ท่ีพบของต่างประเทศ จะถูกแบ่งออกเป็นสองสว่ น คอื บทความวิจัยเชงิ ลกึ และบทความวจิ ัย เชิงกว้าง วจิ ัยเชิงลกึ คือ การนาข้อมลู จากการสัมภาษณ์แบบเจาะลึกรายบุคคล การศึกษาวจิ ัยพฤติกรรมของ บคุ คล เจตคติ ความตอ้ งการ ซง่ึ ตา่ งจากบทความวจิ ยั เชงิ กว้าง คอื ผเู้ ขยี นได้ทาการ Literature review แลว้ มา มาวิเคราะเพ่ือนนามาเขยี นใหมใ่ นประเดน็ น้นั ๆ อันดับแรกในท่ีควรทราบเกยี่ วกบั วารสารคือ คุณภาพของวารสาร ผูเ้ ขยี นตอ้ งทราบว่าวารสารน้นั อยู่ใน กล่มุ Q (Journal Quartile Score) อะไร ค่า Q หมายถึง Quartile score ของวารสารในแตล่ ะสาขาวิชา (subject categories) Q1 = top position (highest 25% of data) เปน็ กลุ่มวารสารทดี่ ที ่สี ดุ ในสาขานี้ Q2 = middle-high position (อยู่ระหวา่ ง top 50% และ top 25%) Q3 = middle-low position (อยู่ระหว่าง top 75% และ top 50%) Q4 = bottom position (bottom 25%) ตวั อย่างวารสารระดบั นานาชาติ BUILT (International Journal of Building, Urban, Interior and Landscape Technology) เปน็ วารสารวิชาการระดับนานาชาติ ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เผยแพรง่ านวิจยั ด้านเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม และการประยกุ ต์ท่ีเก่ียว ข้องกบั เทคโนโลยี ซ่งึ ประกอบด้วยบทความเกยี่ วกบั เทคโนโลยแี ละสภาพแวดล้อมใน

สาขาอาคาร การผงั เมือง สถาปตั ยกรรมภายใน และ ภูมิสถาปตั ยกรรม เปน็ วารสารวชิ าการเชงิ วทิ ยาศาสตร์ทท่ี า ให้สถาปนิกสามารถต่อ ยอดองค์ความรู้ และนาเสนอแนวความคิดใหม่เพอ่ื เป็นประโยชน์แกส่ งั คมและชุมชน ตลอดจนเป็นศนู ย์กลาง การเรียนรขู้ องสถาปนกิ ได้อีกดว้ ย ตวั อย่างวารสาร BUILT 2. วารสารระดบั ชาติ วารสารระดับชาติ คือ วารสารวิชาการ (Journal) ท่มี ชี อ่ื ปรากฏอยู่ในฐานข้อมูล Thai-Journal Citation Index Centre (TCI) หรอื วารสารวชิ าการระดบั ชาตติ ามประกาศของ สมศ. ไม่วา่ วารสารนนั้ จะเปน็ ภาษาไทย หรือภาษาอังกฤษก็ตาม การตพี มิ พร์ ะดับชาติถูกจดั อนั ดบั โดย TCI สามารถแบ่งกลุ่มตามคณุ ภาพของวารสารใน ฐานข้อมูลออกเปน็ 3 กลมุ่ คือ วารสารกลุ่ม TCI 1 : วารสารที่ผา่ นการรบั รองคณุ ภาพของ TCI และอยู่ในฐานขอ้ มลู TCI และจะ ถูกคัดเลือกเข้าสฐู่ านข้อมลู ASEAN Citation Index (ACI) ต่อไป เปน็ วารสารกล่มุ ที่นักวิชาการควรเลือกลงตีพมิ พ์ ผลงานวิชาการเป็นอันดับแรก วารสารกลมุ่ ที่ TCI 2 : วารสารท่ีผ่านการรบั รองคุณภาพของ TCI และอยู่ในฐานข้อมลู TCI เป็น วารสารกลุ่มทน่ี ักวชิ าการควรเลือกลงตีพมิ พผ์ ลงานวชิ าการเปน็ อันดับรอง วารสารกลุ่ม TCI 3 : วารสารทไ่ี ม่ผา่ นการรบั รองคุณภาพ และอาจไมป่ รากฎอยู่ในฐานข้อมูล TCI ในอนาคต

วารสารหน้าจวั่ เป็นวารสารของ มหาวิทยาลัยศิลปากร โดยแบ่งเป็น 2 แนวทาง คือ สถาปัตยกรรม การ ออกแบบ และสภาพแวดล้อมและประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรมและสถาปัตยกรรมไทย ในการส่งบทความน้ันหาก เรื่องท่ีเขียนเพื่อส่งบทความเป็นเรื่องเฉพาะทาง มีผู้เขียนน้อยโดยฉพาะอย่างย่ิงด้านสถาปัตยกรรมไทย จะทาให้ งา่ ยตอ่ การตอบรับ เนื่องจาดเป็นดา้ นท่ีไม่ค่อยมีผ้สู ่ง ตัวอย่างวารสารหน้าจ่วั AJNA (Art and Architecture Journal Naresuan University) วารสารวชิ าการศิลปะสถาปตั ยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวรเป็นวารสารทีเ่ ผยแพร่องคค์ วามรู้อย่างมี สว่ นร่วมกับชมุ ชนดา้ นภมู ิปญั ญาทางศลิ ปกรรมและสถาปัตยกรรม เปิดรบั บทความในสาขาสถาปัตยกรรม และ สาขาศลิ ปะและการออกแบบ

ตวั อยา่ งวารสารAJNU JARS (The Journal of Architectural/Planning Research and Studies) วารสารวิจัยและสาระสถาปัตยกรรม/การผังเมือง JARS เป็นวารสารวิชาการระดับชาติ ของ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เผยแพร่ผลงานวิจัย ผลงานทางวิชาการ ตลอดจนองค์ความรู้ทางด้าน สถาปัตยกรรม สถาปัตยกรรมภายใน เทคโนโลยีอาคาร เทคโนโลยีสารสนเทศการผังเมือง การพัฒนาที่ อยู่อาศัยและ อสังหาริมทรัพย์ ภูมิสถาปตั ยกรรม และในสาขาวิชาตา่ ง ๆ ทเี่ กี่ยวข้อง ตัวอยา่ งวารสาร JARS

วารสารวชิ าการคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยพี ระจอมเกล้าเจ้าคณุ ทหารลาดกระบัง เป็นสื่อกลาง วารสารท่ีเผยแพร่องค์ความรู้ดา้ นสังคม มเี น้ือหาครอบคลุมองค์ความร้ทู เ่ี กย่ี วเนื่องต้ังแตก่ ารออกแบบ สถาปัตยกรรม การออกแบบชุมชนเมอื ง การวางผงั ภาคและเมือง ภมู ิสถาปัตยกรรม การออกแบบอตุ สาหกรรม สถาปตั ยกรรมภายใน ตลอดจนการศึกษาและวิจยั ท่ีเก่ียวเนื่องกับการอนรุ ักษ์สิ่งแวดลอ้ มและทรัพยากรธรรมชาติ ประวตั ศิ าสตร์ ศิลปวัฒนธรรม วิถีชวี ติ และการอยู่อาศยั จัดพิมพ์ 2 ฉบบั ต่อปี โดยการ ตรวจสอบจากผทู้ รงคุณวุฒิ อย่างเป็นระบบ ตัวอย่างวารสาร วารสารวชิ าการคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สจล.