ก. กลุ่มแผนงาน ข. กลุ่มการเจา้ หนา้ ที่ ค. กลุ่มส่งเสริมปฏิบตั ิการ ง. กลุ่มงานเลขานุการกรม ๔๐๙. ขอ้ ใดหมายถึง การสอนงาน ก. การใหค้ าปรึกษากบั ผใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชา ข. การหมุนเวยี นเปล่ียนใหบ้ ุคลากรมีโอกาสทางานทุกงาน ค. การช้ีใหผ้ ใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชาเห็นถึงสิ่งที่ตอ้ งทา วธิ ีการปฏิบตั ิงาน ง. การวนิ ิจฉยั ปัญหาและมอบหมายใหผ้ ใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชรปฏิบตั ิงาน ๔๑๐. ขอ้ ใดที่ไม่ใช่งานบริหารบุคคล ก. การลงโทษทางวนิ ยั ข. การพฒั นาบุคลากร ค. การประเมินผลการเรียน ง. การสรรหา บรรจุ และแต่งต้งั ๔๑๑. องคค์ ณะบุคคลใดท่ีมีหนา้ ที่ในการบริหารงานบุคคลขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาของหน่วยงาน กศน. ก. อ.ก.ค.ศ.สพฐ. ข. อ.ก.ค.ศ.สป. ค. อ.ก.ค.ศ.กศน. ง. อ.ก.ค.ศ.ส.ก.ส.ค. ๔๑๒. ขอ้ ใดไม่ใช่บุคลากรในสังกดั สานกั งาน กศน. ก. อาสาพฒั นา กศน. ข. ครูอาสาสมคั ร กศน. ค. ครูศูนยก์ ารเรียนชุมชน ง. เจา้ หนา้ ที่หอ้ งสมุดประชาชนอาเภอ ๔๑๓. ลูกจา้ งประจาผใู้ ดถูกสั่งใหอ้ อกจากราชการดว้ ยเหตุใดๆ ใหผ้ นู้ ้นั มีสิทธิร้องทุกขไ์ ดภ้ ายในก่ีวนั ก. 15 วนั ข. 30 วนั ค. 60 วนั ง. 90 วนั ๔๑๔. ขอ้ ใดท่ีหวั หนา้ พึงมองลูกนอ้ งในแง่ดี ก. มองลูกตอ้ งตามคาเล่าลือ ข. มองลูกนอ้ งทุกคนเป็นปุถุชน ค. มองลูกตอ้ งที่เทือกเขาเหล่ากอ
ง. มองลูกนอ้ งวา่ เป็นลูกนอ้ งตลอดไป ๔๑๕. ใบอนุญาตประกอบวชิ าชีพครู มีอายใุ ชไ้ ดก้ ่ีปี ก. 3 ปี ข. 4 ปี ค. 5 ปี ง. 6 ปี ๔๑๖. พนกั งานราชการมีสิทธิในการลาพกั ผอ่ นปี ละไม่เกินก่ีวนั ก. 7 วนั ข. 10 วนั ค. 20 วนั ง. ไมม่ ีสิทธิลา ๔๑๗. การพฒั นาบุคคลในระดบั บริหารไม่ควรใช้วธิ ีการใด ก. การสอนงาน (Coaching) ข. การปฐมนิเทศ (Orientation) ค. การหมุนเวยี นงาน (Job Rotation) ง. การทดลองเรียนงาน (Understudies) ๔๑๘. ผมู้ ีอานาจในการบรรจุหรือแต่งต้งั ครู ศรช. ในการปฏิบตั ิงานแต่ละภาคเรียน ก. เลขาธิการ กศน. ข. ผวู้ า่ ราชการจงั หวดั ค. หวั หนา้ สถานศึกษา ง. ผอู้ านวยการสานกั งาน กศน.จงั หวดั ๔๑๙. ระยะเวลาในการประเมินผลการปฏิบตั ิงาน คร้ังท่ี 1 ของขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา อยใู่ นช่วง ใด ก. 1 ตุลาคม ถึง 31 มีนาคม ข. 1 ตุลาคม ถึง 30 กนั ยายน ค. 1 เมษายน ถึง 30 กนั ยายน ง. 1 มกราคม ถึง 30 กรกฎาคม ๔๒๐. ขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในขอ้ ใดที่ไม่สามารถเลื่อนข้นั เงินเดือนประจาปี ได้ ก. มาสาย 6 คร้ัง ข. ถูกลงโทษภาคทณั ฑ์ ค. กลบั จากลาศึกษาต่อมา 8 เดือน ง. อยรู่ ะหวา่ งการถูกสอบสวนวนิ ยั ร้ายแรง ๔๒๑. ขอ้ ใดเป็นโทษทางวนิ ยั ท่ีเบาท่ีสุดของขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ก. ภาคทณั ฑ์
ข. ทาทณั ฑบ์ น ค. ตดั เงินเดือน ง. วา่ กล่าวตกั เตือน ๔๒๒. โทษทางวนิ ยั ของขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา มีก่ีสถาน ก. 3 สถาน ข. 4 สถาน ค. 5 สถาน ง. 6 สถาน ๔๒๓. การพฒั นาทรัพยากรบุคคลตามขอ้ ใดที่เป็ นการกาหนดเส้นทางความกา้ วหนา้ ตามตาแหน่งหนา้ ท่ี ก. การพฒั นาอาชีพ (Career Development) ข. การพฒั นารายบุคคล (Individual Development) ค. การพฒั นาองคก์ ร (Organization Development) ง. การพฒั นาโดยใชห้ ลกั สมรรถนะ (Competency) ๔๒๔. การบริหารมุง่ ผลสมั ฤทธ์ิ เป็นส่วนหน่ึงของนโยบายรัฐที่ตอ้ งการปฏิรูปราชการดา้ นใด ก. การเมือง ข. การศึกษา ค. การปกครอง ง. การบริหารงานของภาครัฐ ๔๒๕. ขอ้ ใดคือความหมายของการบริหารมุ่งผลสมั ฤทธ์ิทถ่ี ูกตอ้ งที่สุด ก. การบริหารทรัพยากรใหไ้ ดผ้ ลงานตามเป้าหมายของหน่วยงาน ข. การบริหารทรัพยากรใหเ้ กิดคุณภาพและประสิทธิภาพมากที่สุด ค. การบริหารทรัพยากรใหค้ ุม้ คา่ ประหยดั และมีประสิทธิภาพมากที่สุด ง. การบริหารทรัพยากรอยา่ งมีประสิทธิภาพ และไดผ้ ลงานท่ีบรรลุเป้าหมาย ของหน่วยงาน ๔๒๖. การบริหารมุง่ ผลสมั ฤทธ์ิเป็นรูปแบบการบริหารที่มุง่ เนน้ ความรับผดิ ชอบของรัฐท่ีมีตอ่ ขอ้ ใด ก. ประชาชน ข. การพฒั นาประเทศ ค. ความมนั่ คงของประเทศ ง. การบริหารงบประมาณแผน่ ดิน ๔๒๗. ขอ้ ใดคือตวั ช้ีวดั ผลผลิต ข. จานวนผเู้ รียนท่ีเขา้ รับบริการในหลกั สูตรตา่ ง ๆ ค. ร้อยละของผทู้ ี่เรียนวชิ าชีพแลว้ ออกไปประกอบอาชีพได้ ค. จานวนผเู้ รียนที่ผา่ นการเรียนแลว้ สามารถพฒั นาคุณภาพชีวติ ไดด้ ีข้ึน ง. ร้อยละของผจู้ บหลกั สูตรการศึกษาข้นั พ้นื ฐานที่สามารถส่ือสารดว้ ยภาษาไทยได้
๔๒๘. การติดตามผลการปฏิบตั ิงาน (Performance Monitoring) ที่ดี ควรมีการดาเนินการอยา่ งไร ก. ติดตามผลระหวา่ งการปฏิบตั ิงาน ข. ติดตามผลหลงั เสร็จสิ้นการปฏิบตั ิงาน ค. ติดตามผลอยา่ งสม่าเสมอและตอ่ เน่ือง ง. ติดตามผลตามระยะเวลาที่ผบู้ ริหารเห็นวา่ เหมาะสม ๔๒๙. ตวั ช้ีวดั ผลการปฏิบตั ิงานเก่ียวขอ้ งกบั ขอ้ ใดมากที่สุด ก. เป้าหมายขององคก์ ร ข. วสิ ัยทศั นข์ ององคก์ ร ง. วฒั นธรรมขององคก์ ร ง. วตั ถุประสงคข์ ององคก์ ร ๔๓๐. ตวั ช้ีวดั ประสิทธิภาพและความคุม้ ค่าเป็นการแสดงขอ้ มูลในขอ้ ใด ก. งบประมาณที่ไดร้ ับกบั ค่าใชจ้ า่ ยท้งั หมด ข. ค่าใชจ้ า่ ยต่อหน่วยของผลผลิตและผลลพั ธ์ ค. คา่ ใชจ้ า่ ยท้งั หมดกบั คา่ ใชจ้ า่ ยต่อหน่วยของผลผลิต ง. งบประมาณที่ไดร้ ับกบั ค่าใชจ้ า่ ยตอ่ หน่วยของผลผลิต ๔๓๑. ขอ้ ใดคือข้นั ตอนแรกของการพฒั นาระบบบริหารมุ่งผลสัมฤทธ์ิ ก. การวเิ คราะห์ผล ข. การรวบรวมขอ้ มูล ค. การกาหนดเป้าหมาย ง. การวเิ คราะห์วสิ ยั ทศั น์ ๔๓๒. ขอ้ ใดกล่าวไดถ้ ูกตอ้ งท่ีสุดเก่ียวกบั ความมีประสิทธิภาพ (Efficiency) ก. การไดผ้ ลลพั ธ์ในระดบั ท่ีสูงกวา่ ปัจจยั นาเขา้ ข. การมีปัจจยั นาเขา้ และกระบวนการทางานที่ดี ค. การสร้างผลผลิตในระดบั ที่สูงกวา่ ปัจจยั นาเขา้ ง. การมีกระบวนการทางานท่ีดีและไดร้ ับผลผลิตท่ีสูง ๔๓๓. ขอ้ ใดไม่ใช่แนวคิดของการเทียบงาน (Benchmarking) ก. การเปรียบเทียบผลงานและกระบวนการทางานกบั วธิ ีปฏิบตั ิท่ีดีท่ีสุด ข. การคดั เลือกหน่วยงานที่มีการปฏิบตั ิงานดีที่สุดเทียบกบั หน่วยงานเรา ค. การประเมินเพือ่ หาขอ้ บกพร่องของหน่วยงานท่ีเป็นคูแ่ ข่งของหน่วยงานเรา ง. การพฒั นาปรับปรุงกระบวนการทางานใหด้ ีข้ึนโดยเทียบกบั หน่วยงานท่ีเป็ นตวั เทียบ ๔๓๔. เครื่องมือท่ีใชใ้ นการรวบรวมขอ้ มูลสาหรับวดั การรับรู้ของสาธารณชนไดด้ ีท่ีสุดคือขอ้ ใด ก. การสังเกต ข. การสารวจ ค. การสมั ภาษณ์
ง. การศึกษาดูงานในพ้ืนท่ี ๔๓๕. ขอ้ ใดไม่ใช่ตวั ช้ีวดั ท่ีใชใ้ นการวดั ผลสัมฤทธ์ิของโครงการภาครัฐ ก. ปัจจัยนาเข้า ข. ผลผลิตและผลลพั ธ์ ค. บริบทสภาพแวดลอ้ ม ง. ประสิทธิภาพและความคุม้ ค่า ๔๓๖. ขอ้ ใดเป็ นการดาเนินงานเพอ่ื ใหม้ ีการบริการที่ดีและผรู้ ับเกิดความพึงพอใจ ก. การพฒั นาบุคลากรอยา่ งตอ่ เน่ือง ข. การลดอตั ราความเส่ียงของการบริหารจดั การ ค. การเสริมสร้างแรงจูงใจอยา่ งเสมอตน้ เสมอปลาย ง. การประกนั คุณภาพของการบริหารคุณภาพขององคก์ ร ๔๓๗. ขอ้ ใดไม่ใช่การสร้างคุณภาพการใหบ้ ริการประชาชนของภาครัฐ ก. การบริหารแบบ TQM ข. การปรับร้ือระบบงาน (Reengineering) ค. การตอ้ งรู้จกั เส่ียงที่จะกระทา (Task Risks) ง. การปรับปรุงงานให้ง่ายข้ึน (Work Simplification) ๔๓๘. ทรัพยากรมนุษยใ์ นขอ้ ใดเป็นปัจจยั สาคญั ที่ทาใหก้ ารใหบ้ ริการภาครัฐประสบความสาเร็จ ก. มีจิตสานึกในการใหบ้ ริการ ข. มีสื่อการใหบ้ ริการท่ีทนั สมยั ค. มีความปรารถนาท่ีจะปรับปรุงการใหบ้ ริการ ง. มีจิตสานึกและปรารถนาที่จะปรับปรุงการใหบ้ ริการ ๔๓๙. ขอ้ ใดที่ประชาชนคาดหวงั จากการใหบ้ ริการของรัฐ ก. รวดเร็ว สะดวก การมีส่วนร่วม ข. ความเป็นธรรม สะดวก การมีส่วนร่วม ค. ความเสมอภาค รวดเร็ว ความเป็นธรรม ง. ความเป็นธรรม การมีส่วนร่วม ความรวดเร็ว ๔๔๐. ขอ้ ใดเป็ นสามเหลี่ยมแห่งบริการ (The Service Triangle) ก. กลยทุ ธ์การบริการ พนกั งาน และระบบงาน ข. การรักษาภาพลกั ษณ์ ความอ่อนนอ้ ม และการใหเ้ กียรติ ค. การใหเ้ กียรติ ความกระฉบั กระเฉง และความออ่ นนอ้ ม ง. กลยทุ ธ์การบริการ การรักษาภาพลกั ษณ์ และความอ่อนนอ้ ม ๔๔๑. ขอ้ ใดเป็นสิ่งสาคญั ในการจดั ทาแผนพฒั นาการบริการที่ประสบความสาเร็จ ก. มีโครงการสร้างจิตสานึกในการใหบ้ ริการ ข. ผบู้ ริหารระดบั สูงขององคก์ รใหค้ วามสาคญั
ค. ศึกษา วเิ คราะห์ และออกแบบการทาแผนพฒั นา ง. ตอ้ งมีการศึกษาหาความรู้และเขา้ ใจยทุ ธศาสตร์ในการใหบ้ ริการ ๔๔๒. ขอ้ ใดเป็ นสิ่งแรกที่ผบู้ ริหารสถานศึกษาควรจดั ทาเพือ่ พฒั นาคุณภาพการใหบ้ ริการแก่ประชาชนท่ียงั ไม่เคย มาใชบ้ ริการ ก. ลานจอดรถ ข. ป้ายบอกอาคารสถานท่ี ค. ป้ายประชาสมั พนั ธ์เส้นทางไปสถานศึกษา ง. แผนผงั และเส้นทางบอกตาแหน่งต่างๆ ในอาคาร ๔๔๓. การติดตามคุณภาพการบริการก่อใหเ้ กิดประโยชน์แก่ผรู้ ับบริการในดา้ นใด ก. ความรวดเร็ว ข. ความพึงพอใจ ค. การมีส่วนร่วม ง. ความเป็นธรรม ๔๔๔. ขอ้ ใดมีความสาคญั น้อยทสี่ ุดในการปรับปรุงส่ิงแวดลอ้ มในสถานที่ทางาน ก. มีสถานท่ีจอดรถ ข. มีผงั ป้ายบอกหอ้ งรับบริการ ค. มีป้ายช่ือผใู้ หบ้ ริการท่ีแสดงตน ง. ความเป็นระเบียบเรียบร้อย เป็นสัดส่วน ๔๔๕. ขอ้ ใดเป็นคากล่าวที่ถูกตอ้ งของระบบมาตรฐานสากลของประเทศไทยดา้ นการจดั การและสมั ฤทธ์ิผลของ งานภาครัฐ (P.S.O.) ก. เนน้ สมั ฤทธ์ิผลของภาคเอกชนเฉพาะองคก์ ร ข. เนน้ สมั ฤทธ์ิผลรวมของภาคราชการท้งั ระบบ ค. เนน้ วธิ ีการที่จะบรรลุเป้าหมายเป็นแบบจุลภาค ง. เนน้ เป้าหมายภาคราชการดา้ นหน่ึงดา้ นใดโดยเฉพาะ ๔๔๖. สถาบนั มาตรฐานสากลภาครัฐแห่งประเทศไทยอยูใ่ นการควบคุมดูแลของหน่วยงานใด ก. สานกั งานมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) ข. สานกั งานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ค. สานกั งานคณะกรรมการขา้ ราชการพลเรือน (ก.พ.) ง. สานกั งานคณะกรรมการพฒั นาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ๔๔๗. ขอ้ ใดเป็นข้นั ตอนท่ีสาคญั ท่ีสุดในการดาเนินการเพ่ือใหบ้ รรลุผลสัมฤทธ์ิของมาตรฐาน P.S.O. ก. การกาหนดภารกิจและเป้าหมาย ข. การกาหนดวสิ ัยทศั น์ขององคก์ ร ค. การวเิ คราะห์ข้นั ตอนการดาเนินการ ง. การกาหนดกิจกรรมท่ีตอ้ งดาเนินการ
๔๔๘. โฉมฉาย ผา่ นการคดั เลือกใหเ้ ป็นผบู้ ริหารสถานศึกษา แตย่ งั มีความไม่มน่ั ใจในตนเอง จึงสมคั ร เขา้ รับการ ฝึกอบรมเทคนิคการพูดในที่ชุมชน แสดงวา่ โฉมฉาย พฒั นาตนเองดา้ นใด ก. ความรู้ ข. วชิ าการ ค. การส่ือสาร ง. บุคลิกภาพ ๔๔๙. ขอ้ ความใดท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั การวเิ คราะห์ตนเองเพือ่ การพฒั นา ก. ทาดีไมเ่ คยไดด้ ี ข. ทาไปก็ไมเ่ ห็นเกิดประโยชน์อะไร ค. มนั่ ใจวา่ ตนเองทาทุกอยา่ งไดถ้ ูกตอ้ ง ง. แมเ้ ราจะเก่งเร่ืองน้ี แต่มีอีกหลายเรื่องท่ียงั ไม่รู้ ๔๕๐. องคป์ ระกอบสาคญั ของการพฒั นาตนเองคืออะไร ก. มีงบประมาณสนบั สนุนการพฒั นา ข. หน่วยงานให้โอกาสเขา้ รับการพฒั นา ค. เช่ือวา่ ตนเองมีความสามารถในการเรียนรู้ ง. มีขอ้ มูลสารสนเทศเกี่ยวกบั การจดั ประชุมอบรมสมั มนา ๔๕๑. การพฒั นาตนเองที่สะดวก รวดเร็ว ไมย่ งุ่ ยาก เสียค่าใชจ้ า่ ยนอ้ ย จะตอ้ งใชว้ ธิ ีการในขอ้ ใด ก. ศึกษาดูงาน ข. ลาศึกษาตอ่ ค. เรียนรู้ดว้ ยการนาตนเอง ง. ฝึกอบรม ประชุม สมั มนา ๔๕๒. คากล่าวท่ีวา่ “การพฒั นาตนเองของคน นอกจากการพฒั นาดา้ นความรู้ความจาแลว้ จาเป็นตอ้ งพฒั นาดา้ นอารมณ์ ดว้ ย” เพราะเหตุใด ก. เพ่ือความมนั่ คงในอารมณ์ ข. เพื่อการพฒั นาบุคลิกภาพของตนเอง ค. เพ่อื การปรับตวั ใหเ้ ขา้ กบั บุคคล สิ่งแวดลอ้ ม และสงั คม ง. เพื่อความสุข ความสบายใจของตนเอง และเพอื่ นร่วมงาน ๔๕๓. การพฒั นาคนแบบ Inside Out Development Approach เป็นกลยทุ ธ์การพฒั นาคนโดยมุง่ การพฒั นาดา้ นใดเป็น เบ้ืองตน้ ก. ทกั ษะ ความรู้ ทศั นคติ ข. ความรู้ ทศั นคติ แรงจูงใจ ค. ทศั นคติ แรงจูงใจ อุปนิสยั ง. พฤติกรรม อุปนิสยั แรงจูงใจ ๔๕๔. ขอ้ ใดเป็นปัจจยั สาคญั ท่ีสุดที่ทาใหบ้ ุคลากรในองคก์ รทางานเก่งและมีผลงานดี
ก. แรงจูงใจภายใน ข. แรงจูงใจภายนอก ค. ความภกั ดีต่อองคก์ ร ง. ความตอ้ งการการยอมรับ ๔๕๕. จกั ราวธุ เป็นผบู้ ริหารท่ีมีความสามารถในการพูด คือ พดู เรื่องดีมีประโยชน์ กลนั่ กรองเร่ืองท่ีพูด คิดก่อน พูดทุกคร้ัง แสดงวา่ จกั ราวุธ เก่งเร่ืองใด ก. เก่งคิด ข. เก่งคน ค. เก่งตน ง. เก่งงาน ๔๕๖. การพฒั นาคนในองคก์ รเพือ่ ใหผ้ ลงานมีความสาเร็จ จาเป็นจะตอ้ งสนบั สนุนส่งเสริมใหเ้ กิดการพฒั นา อยา่ งไร ก. พฒั นาตนเอง ข. พฒั นาเฉพาะดา้ น ค. พฒั นาบุคลากรโดยรวม ง. พฒั นาการทางานร่วมกนั ๔๕๗. ขอ้ ใดเป็ นเหตุผลสาคญั ท่ีทาใหก้ ารพฒั นาบุคคลประสบความสาเร็จ ก. การไดร้ ับการยอมรับจากผอู้ ่ืน ข. การเห็นประโยชนข์ องการพฒั นาอยา่ งแทจ้ ริง ค. การมีงบประมาณเพียงพอกบั การจดั การพฒั นา ง. การไดร้ ับวุฒิบตั รเพอ่ื ใชป้ ระกอบการรายงานผลงาน ๔๕๘. หลกั การสาคญั ของการพฒั นาตนเองใหเ้ กิดความยงั่ ยนื คือขอ้ ใด ก. การสัง่ การจากผบู้ ริหาร ข. ความเตม็ ใจและสมคั รใจ ค. ความตอ้ งการขององคก์ ร ง. ความจาเป็นที่ตอ้ งพฒั นา ๔๕๙. วธิ ีการใดที่จะช่วยในการพฒั นาตนเองโดยใชค้ วามคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ก. ศึกษาดูงาน ข. ลาศึกษาตอ่ ค. ระดมพลงั สมอง ง. เขา้ รับการอบรม ๔๖๐. ขอ้ ใดคือความหมายของคาวา่ “ทีม” ก. เป็นกลุ่มงานบางประเภทขององคก์ ร ข. บริหารงานเอง และมีความเป็นอิสระต่อกนั
ค. การทางานร่วมกนั โดยมีการประสานภายในกลุ่ม ง. การรวมตวั กนั เพ่ือทาใหบ้ รรลุเป้าหมายบางอยา่ ง ๔๖๑. ขอ้ ใดคือการทางานเป็ นทีม ก. เพื่อผลประโยชนท์ ้งั บุคคลและส่วนรวม ข. เป็นการรวมตวั ของบุคคลต้งั แต่ 2 คนข้ึนไป ค. การท่ีบุคคลมารวมกนั และมีปฏิสัมพนั ธ์ต่อกนั ง. ความร่วมมือร่วมใจของบุคคลเพ่ือใหบ้ รรลุเป้าหมายร่วมกนั ๔๖๒. ขอ้ ใดเป็นคุณลกั ษณะท่ีดีของสมาชิกในการยอมรับนบั ถือกนั ในการทางานเป็นทีม ก. ยอมรับเป้าหมายของทีมในเร่ืองเดียวกนั ข. ยอมรับในความเป็นมนุษย์ ยกยอ่ งใหเ้ กียรติกนั ค. ตอ้ งอาศยั ความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจของสมาชิก ง. ร่วมกนั ปฏิบตั ิงานตามแผนงานท่ีกลุ่มไดช้ ่วยกนั วางแผนเอาไว้ 4๖๓. ขอ้ ใดเป็นลกั ษณะที่ดีของการทางานเป็นทีม ก. การพ่งึ พากนั ในการปฏิบตั ิงาน ข. มีวตั ถุประสงคแ์ ละเป้าหมายเดียวกนั ค. สร้างความคุน้ เคยและร่วมกนั แกไ้ ขปัญหา ง. เพลิดเพลินในการทางานและสร้างผลผลิตที่มีคุณภาพสูง 4๖๔. การแกไ้ ขปัญหาความขดั แยง้ ในการทางานเป็นทีมควรใชว้ ธิ ีการอยา่ งไร ก. ใหผ้ นู้ าเป็นผูต้ ดั สินใจในการแกป้ ัญหา ข. ไมพ่ ดู ในลกั ษณะแปลความหรือตดั สินความ ค. แนะนาในเชิงวเิ คราะห์เจาะลึกเน้ือหารายละเอียด ง. หาตน้ แบบของความขดั แยง้ เพ่อื ใหท้ ราบวา่ ใครผดิ ใครถูก 4๖๕. ขอ้ ใดแสดงถึงการร่วมมือในการทางาน ก. ผนู้ าทีมจะตอ้ งทางานอยา่ งหนกั ข. งานบรรลุวตั ถุประสงคต์ ามที่ทีมต้งั ไว้ ค. การทางานตามความสามารถของตนเองไดอ้ ยา่ งเตม็ ท่ี ง. การแสดงความคิดเห็นอยา่ งอิสระ มีความไวว้ างใจซ่ึงกนั และกนั 4๖๖. ขอ้ ใดเป็นวธิ ีการสร้างความสมั พนั ธ์ท่ีดีท่ีสุดระหวา่ งกลุ่มหรือบุคคลในกลุ่มเพ่อื ความสาเร็จของงาน ก. จดั ประชุมหรือสมั มนา ข. กาหนดเป้าหมายในการทางาน ค. ใหค้ าปรึกษา แนะนาเป็นรายบุคคล ง. ร่วมกนั คน้ หาวธิ ีการทางานท่ีมีประสิทธิภาพ 4๖๗. ขอ้ ใดถูกตอ้ งที่สุดในการทางานเป็ นทีมท่ีมีประสิทธิภาพ ก. มีบุคคลร่วมรับผิดชอบ
ข. มีเครือขา่ ยช่วยกนั ทางาน ค. มีความยดื หยนุ่ และผอ่ นปรน ง. มีงบประมาณเพียงพอกบั ความตอ้ งการ 4๖๘. ขอ้ ใดเป็นปัจจยั ท่ีสาคญั ในการเพิ่มประสิทธิภาพของทีมงาน ก. ผนู้ ามีอานาจสง่ั การไดช้ ดั เจน ข. สมาชิกของทีมมีความรู้ความชานาญ ค. ความสามคั คี และสมานฉนั ทข์ องทีมงาน ง. มีการกาหนดแผนงาน ข้นั ตอนการทางานตามความตอ้ งการของทีมงาน 46๙. ขอ้ ใดสาคญั ที่สุดในการพจิ ารณาบุคคลมาร่วมในการทางาน ก. มีความขยนั อดทนในงานท่ีทา ข. มีความกระตือรือร้นในการทางาน ค. มีความสามารถในการช่วยเหลือผอู้ ื่น ง. มีความรู้ ความสามารถในงานที่ทา และมีความมุ่งมน่ั 47๐. ขอ้ ใดไม่ใช่องคป์ ระกอบของทีมงานท่ีมีประสิทธิภาพ ก. ผนู้ าทีม ข. การจดั ทีม ค. การวางแผน ง. สมาชิกของทีม 4๗๑. ขอ้ ใดเป็ นข้นั ตอนการทางานของกลุ่มคุณภาพท่ีถูกตอ้ งที่สุด ก. การวางแผน การปฏิบตั ิ การตรวจสอบ และการปรับปรุงแกไ้ ข ข. การวางแผน การตรวจสอบ การปรับปรุงแกไ้ ข และการรายงาน ค. การวางแผน การเลือกงาน การระดมความคิด และการปรับปรุงแกไ้ ข ง. การวางแผน การจดั ทามาตรฐาน การปฏิบตั ิ และการปรับปรุงแกไ้ ข 4๗๒. ขอ้ ใดเป็ นลกั ษณะเด่นที่สุดของชุมชนนกั ปฏิบตั ิ ก. มีการแลกเปล่ียนเรียนรู้โดยผปู้ ฏิบตั ิจริง ข. มีความสนใจที่หลากหลายของสมาชิกในชุมชน ค. มีความรู้ ความสามารถ ความชานาญใกลเ้ คียงกนั ง. มีผนู้ าในการจดั การความรู้เป็ นวทิ ยากรบรรยายถอดบทเรียน ๔๗๓. ขอ้ ใดเป็นการวเิ คราะห์ ก. การพจิ ารณาขอ้ มูลที่สรุปรวบรวมไดอ้ ยา่ งละเอียดและเป็นระบบ ข. การรวบรวมขอ้ มูลจากแหล่งต่าง ๆ แลว้ สรุปจดั เป็นหมวดหมู่ตามประเภท ค. การพิจารณาแยกสิ่งใดสิ่งหน่ึงออกเป็นส่วน ๆ เพื่อทาความเขา้ ใจแต่ละส่วนใหแ้ จ่มแจง้ ง. การรวบรวมส่วนประกอบยอ่ ย หรือส่วนใหญ่ ๆ เขา้ ดว้ ยกนั เพื่อใหเ้ ป็ นเร่ืองราวอนั หน่ึงอนั เดียวกนั ๔๗๔. ขอ้ ใดเป็นการสังเคราะห์
ก. การพจิ ารณาขอ้ มูลที่สรุปรวบรวมไดอ้ ยา่ งละเอียดและเป็นระบบ ข. การรวบรวมขอ้ มูลจากแหล่งต่าง ๆ แลว้ สรุปจดั เป็นหมวดหมู่ตามประเภท ค. พิจารณาแยกสิ่งใดสิ่งหน่ึงออกเป็นส่วน ๆ เพ่ือทาความเขา้ ใจแต่ละส่วนใหแ้ จ่มแจง้ ง. การรวบรวมส่วนประกอบยอ่ ยหรือส่วนใหญ่ ๆ เขา้ ดว้ ยกนั เพอ่ื ให้เป็นเรื่องราวอนั หน่ึงอนั เดียวกนั ๔๗๕. ขอ้ ใดเป็ นขอ้ มูลที่สาคญั ท่ีสุดในการนามาใชป้ ระเมินความเป็นไปไดข้ องการดาเนินงานกิจกรรมเพือ่ พฒั นาอาชีพ ก. ทรัพยากรในทอ้ งถิ่น ข. ความพร้อมของสถานศึกษา ค. ความพอเพยี งของงบประมาณ ง. ความตอ้ งการของคณะกรรมการหมู่บา้ น ๔๗๖. ขอ้ ใดเป็นขอ้ มูลที่ใชป้ ระกอบการตดั สินใจตามปรัชญา “คิดเป็น” ก. ขอ้ มูลดา้ นวชิ าการ สังคม และตนเอง ข. ขอ้ มูลดา้ นตนเอง ความรู้ และคุณธรรม ค. ขอ้ มูลดา้ นสงั คม วชิ าการ และสิ่งแวดลอ้ ม ง. ขอ้ มูลดา้ นส่ิงแวดลอ้ ม คุณธรรม และความรู้ ๔๗๗. ขอ้ ใดเป็ นสาเหตุสาคญั ท่ีสุดที่ก่อใหเ้ กิดความขดั แยง้ ของสงั คมในปัจจุบนั ก. ความไม่เทา่ เทียมทางสังคม ข. ความยากจนของคนในชาติ ค. การรับรู้ขอ้ มูลที่ไม่ครบถว้ น ง. ความเจบ็ ป่ วยของคนในชาติ ๔๗๘. ขอ้ ใดเป็นปัจจยั ท่ีสาคญั ท่ีสุดในการจดั ทาแผนงานและโครงการ ก. ขอ้ มูลและสารสนเทศ ข. บุคลากรดา้ นแผนงาน ค. ทรัพยากรในการวางแผน ง. วธิ ีการจดั ทาแผนของหน่วยงาน ๔๗๙. การประเมินโครงการมีประโยชน์ในเรื่องใดมากที่สุด ก. การจดั ทางบประมาณ ข. การวดั ความสาเร็จของงาน ค. ปัญหาที่เกิดข้ึนไดร้ ับการแกไ้ ข ง. การดาเนินงานเป็นไปตามปฏิทิน ๔๘๐. การสร้างบรรยากาศการเรียนรู้เพอ่ื ส่งเสริมการเรียนรู้ดว้ ยการนาตนเอง (Self - Directed Learning) ของ บุคคล ควรนามาใชก้ บั การจดั กิจกรรมการศึกษาในขอ้ ใด ก. การศึกษาพ้ืนฐาน ข. การศึกษาตอ่ เน่ือง ค. การศึกษาสายอาชีพ
ง. การศึกษาตามอธั ยาศยั ๔๘๑. หวั ใจสาคญั ของปรัชญาคิดเป็ น คือขอ้ ใด ก. ทุกคนตอ้ งการศกั ด์ิศรี ก. ทุกคนตอ้ งการมีคุณค่า ข. ทุกคนตอ้ งการความสุข ค. ทุกคนตอ้ งการความเทา่ เทียม ๔๘๒. จากการศึกษาขอ้ มูลในชุมชน ก. พบวา่ มีผจู้ บการศึกษาระดบั ประถมศึกษา ร้อยละ 70 ของประชากรซ่ึง อยใู่ นวยั แรงงาน และจาเป็นตอ้ งเขา้ ไปทางานในสถานประกอบการ จากสภาพดงั กล่าว ควรจดั กิจกรรมใดจึง เหมาะสมที่สุด ก. การศึกษาอาชีพ ข. การศึกษาพ้ืนฐาน ค. การจดั ค่ายทกั ษะชีวติ ง. การจดั พฒั นาสงั คมและชุมชน ๔๘๓. ขอ้ ใดเป็ นข้นั ตอนแรกในการพฒั นาสถานศึกษา ก. การพฒั นาบุคลากร ข. การวเิ คราะห์องคก์ ร ค. การปรับปรุงสถานที่ ง. การจดั ทาแผนปฏิบตั ิการ ๔๘๔. การใชท้ กั ษะในการสงั เคราะห์ เหมาะสมและสอดคลอ้ งกบั กิจกรรมในขอ้ ใด ก. การจดั ทาแผนงาน ข. การประเมินโครงการ ค. การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ ง. การวดั ผลและประเมินผลการเรียนรู้ ๔๘๕. ขอ้ ใดเป็นกระบวนการสื่อสาร ก. สาร ผสู้ ่งสาร สื่อ ผรู้ ับสาร ข. สื่อ สาร ผสู้ ่งสาร ผรู้ ับสาร ค. ผสู้ ่งสาร ช่องทาง สาร ผรู้ ับสาร ง. ผสู้ ่งสาร สาร ช่องทาง ผรู้ ับสาร ๔๘๖. ขอ้ ใดกล่าวถึง “ข่าว” ไดถ้ ูกตอ้ งท่ีสุด ก. เป็นการรายงาน สรุปเหตุการณ์ตา่ งๆ ที่เกิดข้ึนใหน้ ่าสนใจ ข. เป็นการรายงานเหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึนในชีวติ ประจาวนั ทุกเหตุการณ์ ค. เป็นการรายงานเหตุการณ์ ขอ้ เทจ็ จริง ที่มีผลกระทบตอ่ คนส่วนนอ้ ย ง. เป็นการรายงานเหตุการณ์ ขอ้ เทจ็ จริง ความคิดเห็นที่มีผลกระทบตอ่ คนส่วนใหญ่ ๔๘๗. ขอ้ ใดเป็นองคป์ ระกอบที่สาคญั ท่ีสุดของ “การสื่อสารมวลชน”
ก. ผสู้ ่งสาร ข. ผรู้ ับสาร ค. ผลยอ้ นกลบั ง. ช่องทางในการติดต่อ ๔๘๘. การสร้างแรงจูงใจ “แบบตอ่ รอง” คือขอ้ ใด ก. การเล่ือนข้นั เงินเดือน ข. การจดั สภาพการปฏิบตั ิงานที่ดี ค. การกาหนดมาตรฐานในการปฏิบตั ิงาน ง. การจดั สวสั ดิการและประโยชน์เก้ือกูลตา่ งๆ ๔๘๙. ผรู้ ับสารในขอ้ ใดเป็นเป้าหมายสาคญั ที่สุดของการเสนอข่าวเก่ียวกบั การจดั กิจกรรม กศน. ทาง หนงั สือพิมพ์ ก. นกั ศึกษา กศน. ข. ผบู้ ริหาร กศน. ค. ประชาชนทว่ั ไป ง. หน่วยงานทางการศึกษา ๔๙๐. การสื่อสารโดยการพดู เป็นการส่ือสารที่แตกตา่ งจากการสื่อสารประเภทอ่ืนอยา่ งไร ก. ไดค้ วามรู้และสาระ ข. ไดอ้ ารมณ์และความรู้สึก ค. ไดส้ าระและประสบการณ์ ง. ไดค้ วามกระจา่ งและความรู้ ๔๙๑. ขอ้ ใดเป็นช่องทางการส่ือสารที่ทาใหป้ ระชาชนรับทราบขอ้ มูลกิจกรรม กศน. มากท่ีสุด ก. โทรทศั น์ ข. หนงั สือพิมพ์ ค. เสียงตามสาย ง. การบอกต่อกนั ๔๙๒. ขอ้ ใดเป็นวธิ ีการมอบหมายงานใหค้ รู กศน.ตาบล นาไปสู่การปฏิบตั ิไดด้ ีที่สุด ก. การช้ีแจงตวั ต่อตวั ข. การช้ีแจงในที่ประชุมใหญ่ ค. การทาหนงั สือเวยี นแจง้ ทุกคน ง. การปิ ดประกาศในบอร์ดประชาสมั พนั ธ์ ๔๙๓. ขอ้ ใดเป็นแรงจูงใจภายใน ก. ความรับผดิ ชอบ ข. ความมนั่ คงของงาน ค. การไดร้ ับการยกยอ่ ง
ง. ความสมั พนั ธ์ของผูร้ ่วมงาน ๔๙๔. ขอ้ ใดเป็นจุดมุง่ หมายที่สาคญั ท่ีสุดของการสื่อสาร ก. ใหผ้ รู้ ับสารนาไปปฏิบตั ิ ข. ใหผ้ รู้ ับสารนาไปบอกต่อกบั ผูอ้ ่ืนได้ ค. ใหผ้ รู้ ับสารสามารถตอบโตแ้ ละซกั ถามได้ ง. ใหผ้ รู้ ับสารเขา้ ใจในความตอ้ งการของผสู้ ่งสาร ๔๙๕. ภูมิปัญญาทอ้ งถ่ินสมคั รมาเป็นอาสาสมคั ร กศน. เป็นการสนองความตอ้ งการตามทฤษฎีของมาสโลว์ ใน ข้นั ใด ก. การรู้จกั ตนเอง ข. ความปลอดภยั ค. การยอมรับนบั ถือ ง. การรู้จกั คุณค่าของตนเอง ๔๙๖. ขอ้ ใดเป็นการสร้างแรงจูงใจใหแ้ ก่ครูประจาศูนยก์ ารเรียนชุมชนที่ดีท่ีสุด ก. ความมนั่ คงในอาชีพ ข. เป็นท่ียอมรับของผรู้ ่วมงาน ค. ใหม้ ีโอกาสไปทศั นศึกษาตา่ งประเทศ ง. เพิม่ เงินเดือนและเบ้ียเล้ียงในการทางาน ๔๙๗. บุคคลในขอ้ ใดแสดงพฤติกรรมที่เกิดจากการมีแรงจูงใจภายใน ก. มารศรี ครู กศน. ภูมิใจท่ีสอนลูกศิษยไ์ ดร้ ับรางวลั เยาวชนดีเด่นประจาปี ข. ณรงค์ ผบู้ ริหาร กศน.อาเภอ จดั หาของรางวลั ใหบ้ ุคลากรในโอกาสข้ึนปี ใหม่ ค. กิตติ ครูประจาศูนยก์ ารเรียนชุมชนมีกาลงั ใจท่ีไดร้ ับค่าตอบแทนในทุกวนั สิ้นเดือน ง. กญั ญา ผบู้ ริหาร กศน.อาเภอ ไปร่วมงานเน่ืองในโอกาสต่างๆ ของผใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชา ๔๙๘. ขอ้ ใดไม่เกี่ยวกบั การพฒั นาทรัพยากรบุคคลเชิงกลยทุ ธ์ ก. กลยทุ ธ์การใหร้ างวลั ข. กลยทุ ธ์การจดั องคค์ วามรู้ ค. กลยทุ ธ์การเรียนรู้ของบุคคล ง. กลยทุ ธ์การเรียนรู้ขององคก์ ร ๔๙๙. ขอ้ ใดเป็ นวธิ ีการพฒั นาบุคลากร ก. วางแผน อบรม พฒั นา ข. วางแผน สรรหา คดั เลือก ค. วางแผน คดั เลือก ปฐมนิเทศ ง. ปฐมนิเทศ คดั เลือก ปฏิบตั ิงาน ๕๐๐. การกาหนดบทบาทหนา้ ท่ีของบุคลากรในสถานศึกษา ควรอยใู่ นกระบวนการพฒั นาบุคลากรดา้ นใด ก. สารวจ
ข. วางแผน ค. ดาเนินการ ง. ประเมินผล ๕๐๑. ขอ้ ใดเป็นข้นั ตอนแรกในการพฒั นาศกั ยภาพบุคลากร ก. ศึกษาดูงาน ข. สารวจความตอ้ งการ ค. จดั โครงการฝึกอบรม ง. ฝึกอบรมเชิงปฏิบตั ิการ ๕๐๒. ในกรณีท่ีสถานศึกษาบรรจุครูประจาศูนยก์ ารเรียนชุมชนเขา้ มาแทนตาแหน่งที่วา่ ง 1 ตาแหน่ง จะมี วธิ ีดาเนินการอยา่ งไรท่ีเหมาะสมที่สุด ก. อบรม ข. สอนงาน ค. ปฐมนิเทศ ง. ศึกษาดูงาน ๕๐๓. ขอ้ ใดคือลกั ษณะของผบู้ ริหารที่เป็นปัจจยั เสริมในการบริหารจดั การบุคคล ก. เป็นนกั พฒั นา ข. เป็นนกั ส่ือสารที่ดี ค. เป็นนกั บริหารเวลา ง. เป็นผนู้ าการเปลี่ยนแปลง ๕๐๔. การพฒั นาศกั ยภาพของบุคลากรท่ีประหยดั ต่อเนื่อง และสอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการมากท่ีสุดคือขอ้ ใด ก. การอบรม ข. การศึกษาดูงาน ค. การประชุมสัมมนา ง. การศึกษาดว้ ยตนเอง ๕๐๕. การพจิ ารณาบุคลากรเพ่อื ไปศึกษาดูงานดว้ ยความเสมอภาคเป็นการใชห้ ลกั การบริหารกิจการบา้ นเมือง และสงั คมท่ีดี ในขอ้ ใด ก. หลกั นิตธิ รรม ข. หลกั คุณธรรม ค. หลกั ความโปร่งใส ง. หลกั ความรับผดิ ชอบ ๕๐๖. ขอ้ ใดเป็นการพฒั นาครู กศน. เพ่ือใหส้ ามารถไปปฏิบตั ิหนา้ ที่อยา่ งมีคุณภาพ ก. การศึกษาดว้ ยตนเอง ข. การอบรมและศึกษาดูงาน ค. การเรียนรู้จากเพอ่ื นร่วมงาน
ง. การส่งเสริมใหศ้ ึกษาตอ่ ในระดบั สูง ๕๐๗. ขอ้ ใดเป็นการพฒั นาบุคลากรที่ยดึ หลกั การมีส่วนร่วมมากท่ีสุด ก. การศึกษาดูงาน ข. การประชุมช้ีแจง ค. การแลกเปล่ียนเรียนรู้ ง. การประชุมปฏิบตั ิการ ๕๐๘. ขอ้ ใดคือวตั ถุประสงคห์ ลกั ของการฝึกอบรมเพ่ือพฒั นาบุคลากร ก. การเสริมสร้างความรู้ ข. การเปล่ียนแปลงพฤติกรรม ค. การพฒั นาคุณภาพการปฏิบตั ิงาน ง. การเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนกลยทุ ธ์ ๕๐๙. ขอ้ ใดไม่ใช่ แนวทางหลกั ในการดาเนินการพฒั นาบุคลากร ก. การฝึกอบรม ข. การพฒั นาบุคลากร ค. การใหก้ ารศึกษาเรียนรู้ ง. การประเมินเพื่อเขา้ สู่ตาแหน่ง ๕๑๐. ขอ้ ใดเป็นความจาเป็ นที่ตอ้ งพฒั นาบุคลากรของหน่วยงานในระยะส้นั มากท่ีสุด ก. การสร้างวฒั นธรรมองคก์ ร ข. การเพิ่มค่านิยมของบุคลากร ค. การเสริมสมรรถนะการทางาน ง. การพฒั นาระบบงาน ระบบบริหารโดยส่วนรวม ๕๑๑. ขอ้ ใดอธิบายความหมายของวสิ ยั ทศั นไ์ ดถ้ ูกตอ้ ง ก. ภาระท่ีผกู พนั วา่ จะตอ้ งทาใหส้ าเร็จในอนาคตอนั ใกล้ ข. ความสามารถในการกาหนดทิศทางท่ีจะกา้ วสู่อนาคตของผนู้ าองคก์ ร ค. ภาพในอนาคตท่ีองคก์ รจะเดินไปสู่ทิศทางท่ีกาหนดไว้ โดยไดเ้ ตรียมทุกสิ่งไวพ้ ร้อมแลว้ ง. ภาพในอนาคตท่ีองคก์ รตอ้ งการจะเป็น โดยระบุถึงค่านิยม ความมุ่งหมาย ภารกิจ และเป้าหมายอยา่ งชดั เจน ๕๑๒. ขอ้ ใดเป็ นเหตุผลสาคญั ของการกาหนดวสิ ัยทศั นอ์ งคก์ ร ก. เพอ่ื ใหเ้ ป็ นที่เขา้ ใจวา่ องคก์ รมีภารกิจใดท่ีตอ้ งผกู พนั ใหส้ าเร็จภายในระยะเวลาหน่ึง ข. เพ่ือใหเ้ กิดการยอมรับ ยึดถือ และผกู พนั ของคนในองคก์ รวา่ เป้าหมายคืออะไร และมีทิศทางอยา่ งไร ค. เพ่อื ใหก้ ารดาเนินภารกิจไม่ออกนอกกรอบท่ีกาหนดและเป็นแนวทางในการบริหาร จดั การท่ีดี ง. เพื่อใหเ้ ป็ นกลไกในการควบคุมนโยบาย แผน กระบวนการทางาน และกิจกรรมที่ทา ภายในองคก์ ร
๕๑๓. ขอ้ ใดแสดงถึงลกั ษณะของวสิ ัยทศั น์ท่ีดี ก. กาหนดระยะเวลาส้ัน ๆ ข. มีตวั ช้ีวดั ท่ีชดั เจนเป็ นรูปธรรม ค. ใหช้ ุมชนมีส่วนร่วมในการกาหนดวสิ ัยทศั น์ ง. คานึงถึงความตอ้ งการของผรู้ ับบริการเป็ นสาคญั ๕๑๔. ขอ้ ใดไม่ใช่แนวทางในการกาหนดวสิ ัยทศั น์ ก. ผบู้ ริหารตอ้ งเป็นผเู้ ริ่มตน้ ข. ยดึ กรอบและแนวทางจากหน่วยงานกลางเป็นสาคญั ค. นาขอ้ มูลข่าวสารและองคค์ วามรู้ภายนอกมาเป็ นปัจจยั ง. ใชว้ ธิ ีการคิด วเิ คราะห์สภาพแวดลอ้ มขององคก์ รอยา่ งเป็ นระบบ ๕๑๕. ขอ้ ใดเป็นข้นั ตอนแรกของการกาหนดวสิ ยั ทศั นข์ ององคก์ ร ก. วเิ คราะห์ผลการประเมินสภาพขององคก์ รในปัจจุบนั ข. ทบทวนสภาพปัญหา อุปสรรค หรือผลสาเร็จท่ีผา่ นมา ค. บุคลากรทุกคนช่วยกนั คิดและกาหนดบทบาทขององคก์ ร ง. หลอมรวมแนวคิด และตรวจสอบความเหมาะสมของวสิ ยั ทศั น์ ๕๑๖. ขอ้ ใดบ่งบอกถึงองคป์ ระกอบของวสิ ยั ทศั นท์ ่ีสมบูรณ์ที่สุด ก. พลงั ผลกั ดนั ภารกิจ และระยะเวลา ข. ภารกิจ คา่ นิยม และความเป็นไปได้ ค. ค่านิยม ความมุ่งหวงั และความมุง่ มน่ั ในวธิ ีการ ง. ผรู้ ับบริการ ระยะเวลา และแนวทางท่ีควรจะเป็น ๕๑๗. ขอ้ ใดควรคานึงถึงเป็นข้นั ตอนแรกของการกาหนดทิศทางขององคก์ ร ก. การกาหนดพนั ธกิจ ข. การกาหนดเป้าหมาย ค. การกาหนดวสิ ยั ทศั น์ ง. การกาหนดเป้าประสงค์ ๕๑๘. ขอ้ ใดเป็ นระยะเวลาที่เหมาะสมสาหรับองคก์ รส่วนใหญ่ที่ใชเ้ ป็นกรอบในการกาหนดวสิ ัยทศั น์ ก. ทุกปี ข. ไมเ่ กิน 5 ปี ค. ไม่เกิน 10 ปี ง. ตามความตอ้ งการของบุคลากรในองคก์ ร ๕๑๙. ขอ้ ใดเป็นสภาพปัญหาของการกาหนดวสิ ยั ทศั น์ขององคก์ รที่ทาใหว้ สิ ยั ทศั น์ไม่บรรลผุ ล ก. การคานึงถึงผรู้ ับบริการ ข. การใชร้ ะยะเวลามากเกินไป ค. การใชข้ อ้ มูลจากปัจจยั ภายในองคก์ รเป็ นหลกั
ง. การใชข้ อ้ มูลจากปัจจยั ภายนอกเป็นฐานคิดดว้ ย ๕๒๐. ขอ้ ใดคือเทคนิคที่ผบู้ ริหารตอ้ งนามาใชใ้ นการวเิ คราะห์ อดีต ปัจจุบนั และอนาคต เพ่อื พิจารณาแนวโนม้ ของการ เปล่ียนแปลงต่าง ๆ ที่จะเกิดประโยชน์ต่อองคก์ ร ก. SWOT Analysis ข. Learning to Lead ค. Scenario Planning ง. Force – Field Analysis ๕๒๑. ขอ้ ใดเป็ นปัจจยั ท่ีผบู้ ริหารตอ้ งใหค้ วามสาคญั เป็นอนั ดบั แรกเพ่ือใหส้ ามารถทางานไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ ก. ทกั ษะการคิด ข. สถานการณ์แวดลอ้ ม ค. เทคนิคการบริหารสมยั ใหม่ ง. ความสามารถในการส่ือสาร ช้ีแจง และโนม้ นา้ ว ๕๒๒. ขอ้ ใดเป็นลกั ษณะการมองภาพรวมอยา่ งเป็นระบบที่มีประโยชน์ต่อการบริหารงาน ก. การพิจารณาสิ่งตา่ ง ๆ ไดล้ ึกซ้ึง และมีปัจจยั ท่ีนามาวเิ คราะห์ไดม้ ากมาย ข. การเขา้ ใจความสลบั ซบั ซอ้ น และเง่ือนไขขอ้ สาคญั ของจุดที่กาลงั พิจารณาอยู่ ค. การหาทางเลือกไดห้ ลายทางเป็นประโยชน์มากกวา่ ท่ีจะพจิ ารณาเพียงแตล่ ะสิ่ง ง. การวเิ คราะห์สิ่งต่าง ๆ เชื่อมโยงกนั เป็นระบบ และมองเห็นการกระทบต่อสิ่งอ่ืนซ่ึงกนั และกนั ๕๒๓. ขอ้ ใดกล่าวไดถ้ ูกตอ้ งของการนาความคิดสร้างสรรคม์ าใชใ้ นการบริหารงาน ก. ทาใหภ้ ารกิจขององคก์ รที่วาดฝันไวม้ ีความเป็ นจริงไดง้ ่ายข้ึน ข. มีแรงบนั ดาลใจในการทางาน และสร้างความพอใจใหก้ บั ผรู้ ับบริการ ค. สามารถคิดไดห้ ลายรูปแบบ และแกป้ ัญหาโดยความคิดท่ีไม่มีผใู้ ดคิดมาก่อน ง. นาความรู้และประสบการณ์ของตนเองรวมกบั ความคิดสร้างสรรคแ์ ลว้ หาแนวทางท่ีดีท่ีสุดในการแกป้ ัญหา ๕๒๔. การเปล่ียนแปลงดา้ นใดที่ส่งผลตอ่ การจดั ทาหลกั สูตรสถานศึกษามากที่สุด ก. เศรษฐกิจและสังคม ข. คุณธรรมและจริยธรรม ค. รัฐบาลและพรรคการเมือง ง. กฎหมายและการปกครอง ๕๒๕. ขอ้ ใดเป็นการดารงชีวิตของเกษตรกรตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ก. เทพฤทธ์ิ – ปลูกออ้ ย 200 ไร่ ข. สาราญ – ทาฟาร์มเล้ียงหมู 1,000 ตวั ค. วชิ ยั – ทาไร่ ทานา เล้ียงสตั ว์ พ้ืนที่ 20 ไร่ ง. พชิ ิต – เปิ ดร้านจาหน่ายป๋ ุย เงินทุน 3 แสนบาท ๕๒๖. นกั ศึกษา กศน. ควรมีคุณลกั ษณะท่ีพึงประสงคใ์ นขอ้ ใดมากท่ีสุด ก. ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์
ข. ความเป็นไทยและสากล ค. ทกั ษะการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ ง. ความสามารถในการประกอบอาชีพ ๕๒๗. ปัจจยั พ้ืนฐานใดท่ีส่งผลใหภ้ าคเศรษฐกิจของประเทศปัจจุบนั ไดร้ ับการพฒั นา ก. ทรัพยากรมนุษย์ ข. การลงทุนและแหล่งเงินทุน ค. ความกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยี ง. ทรัพยากรธรรมชาติประเภทวตั ถุดิบ ๕๒๘. ปัญหาและขอ้ จากดั ใดที่ส่งผลกระทบตอ่ สภาวะพ้ืนฐานในการพฒั นาเศรษฐกิจของประเทศไทยมากที่สุด ก. ราคาน้ามนั ข. การส่งออก ค. ภยั ธรรมชาติ ง. อตั ราดอกเบ้ีย ๕๒๙. ขอ้ ใดเป็นการเรียงลาดบั ความสามารถในการแข่งขนั ของประเทศต่าง ๆ จากมากไปหานอ้ ย ก. องั กฤษ มาเลเซีย สิงคโปร์ ข. สหรัฐอเมริกา มาเลเซีย สิงคโปร์ ค. องั กฤษ สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา ง. สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ มาเลเซีย ๕๓๐. การจดั การศึกษาดา้ นการพฒั นาทกั ษะอาชีพใหก้ บั ประชาชนของสานกั งาน กศน. ส่งผลต่อเศรษฐกิจ พ้ืนฐานในชนบทดา้ นใดมากที่สุด ก. ผลผลิตเพิม่ ข. พฤติกรรมการบริโภค ค. การมีงานทาและการจา้ งงาน ง. การลดรายจา่ ยและเพิ่มรายได้ ๕๓๑. การนาหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใชใ้ นการจดั กระบวนการเรียนรู้ของประชาชนใหป้ ระสบ ผลสาเร็จ ควรเริ่มตน้ จากสถาบนั ใด ก. สถาบนั ศาสนา ข. สถาบนั การศึกษา ค. สถาบนั ครอบครัว ง. สถาบนั การปกครอง ๕๓๒. สภาพสงั คมไทยท่ีพึงประสงคใ์ นปัจจุบนั ควรเป็ นลกั ษณะใด ก. เศรษฐกิจสมยั ใหม่ ข. เสมอภาค ภราดรภาพ ค. รัก สามคั คี สมานฉนั ท์
ง. ภูมิปัญญา และการเรียนรู้ ๕๓๓. ขอ้ ใดเป็นการเรียงลาดบั ปัญหาในสังคมไทย จากมากไปหานอ้ ย ก. คุณธรรมจริยธรรม สุขภาพ ความปลอดภยั ในชีวติ ข. คุณธรรมจริยธรรม ยาเสพติด ความปลอดภยั ในชีวติ ค. ความปลอดภยั ในชีวติ คุณธรรมจริยธรรม ยาเสพติด ง. ยาเสพติด คุณธรรมจริยธรรม ความปลอดภยั ในชีวติ ๕๓๔. การเปลี่ยนแปลงของประชากรในชนบทไทย ท่ีส่งผลกระทบตอ่ การจดั การศึกษาเพอื่ ยกระดบั ประชากรวยั แรงงาน คือขอ้ ใด ก. สังคมผสู้ ูงอายุ ข. การยา้ ยถิ่นของประชากร ค. สัมพนั ธภาพในครอบครัว ง. ภาวะความเป็นเมืองเพิม่ ข้ึน ๕๓๕. จุดแขง็ ของสงั คมชนบทไทยในปัจจุบนั คือขอ้ ใด ก. ผนู้ าชุมชน ข. การศึกษาชุมชน ค. เศรษฐกิจการเกษตร ง. ขนบธรรมเนียมและประเพณี ๕๓๖. ปัญหาของสงั คมในชนบทและในเมืองขอ้ ใดในปัจจุบนั ที่ กศน. สามารถจดั การศึกษาไดอ้ ยา่ ง ครบถว้ น หากมีการวางระบบการมีส่วนร่วมกบั ภาคีเครือขา่ ย ก. เดก็ และเยาวชนติดตามผปู้ กครองไปรับจา้ ง ข. ประชาชนไมร่ ู้หนงั สือ ค. ประชาชนขาดทกั ษะดา้ นอาชีพ ง. เดก็ และเยาวชนออกจากการเรียนกลางคนั ๕๓๗. การแกไ้ ขปัญหาการซ้ือสิทธ์ิขายเสียงของประเทศ ตอ้ งแกไ้ ขท่ีจุดใด ก. ประชาชนไมร่ ับเงิน ข. นกั การเมืองไมซ่ ้ือเสียง ค. พรรคการเมืองเขม้ แขง็ ง. กฎหมายลงโทษรุนแรง ๕๓๘. ศูนยก์ ารเยนชุมชนของ กศน. ไดร้ ับงบประมาณจากโครงการไทยเขม้ แขง็ เพือ่ พฒั นาเทคโนโลยี สารสนเทศและการส่ือสารในส่วนใด ก. พฒั นา Soft – Ware เพอื่ การเรียนรู้ในชุมชน ข. พฒั นาโครงขา่ ยการถ่ายทอดเน้ือหาระหวา่ งชุมชน ค. พฒั นาระบบจดั การสารสนเทศสาหรับบุคลากร กศน. ในชุมชน ง. เพิม่ อุปกรณ์คอมพวิ เตอร์และเครือขา่ ยอินเตอร์เน็ตเพอื่ การเรียนรู้
๕๓๙. การสื่อสารที่แพร่หลายในการใชอ้ ินเตอร์เน็ตเพ่อื ถามตอบหรือแลกเปล่ียนความคิดเห็นระหวา่ งผใู้ ชใ้ นแต่ ละเวบ็ ไวต์ คือขอ้ ใด ก. Web Cam ข. Web board ค. Web Master ง. Web base learning ๕๔๐. การใช้ “ทวติ เตอร์” เป็นการเผยแพร่ขอ้ มูล ขา่ วสาร หรือความคิดเห็นต่อสาธารณะที่ไดร้ ับความนิยมมาก ในปัจจุบนั เป็นการเผยแพร่ผา่ นระบบใด ก. อินตา้ เน็ต ข. อินเทอร์เน็ต ค. โทรศพั ทส์ าธารณะ ง. โทรทศั น์ผา่ นดาวเทียม ๕๔1. ขอ้ ใดคือบทบาทของครูในการประกนั คุณภาพภายใน ก. รับการตรวจเยยี่ มของผปู้ ระเมิน ข. การรายงานผลการประเมินตนเอง ค. ร่วมจดั ทารายงานการศึกษาตนเองของสถานศึกษา ง. รับขอ้ เสนอแนะจากผูป้ ระเมินมาดาเนินการใหม้ ีการปรับปรุงแกไ้ ข ๕๔2. ขอ้ ใดคือความหมายของคาวา่ RBM ก. การบริหารมุ่งผลสัมฤทธ์ิ ง. การประชาชนสู่ความเป็นเลิศ ข. การบริหารจดั การภาครัฐแนวใหม่ ค. การจดั การงบประมาณแบบมุง่ เนน้ ผลงาน ๕๔3. ความหมายของการบริหารมุ่งผลสัมฤทธ์ิขอ้ ใดถูกตอ้ ง ก. การจดั หาใหไ้ ดท้ รัพยากรการบริหารมาอยา่ งประหยดั ข. การบริหารทรัพยากรอยา่ งมีประสิทธิภาพ ค. การไดผ้ ลงานที่บรรลุเป้าหมายขององคก์ าร ง. ถูกทุกข้อ ๕๔4. กระบวนการประกนั คุณภาพภายในตามแนวคิดของการประกนั คุณภาพมีข้นั ตอนใดบา้ ง ก. การควบคุมคุณภาพ การตรวจสอบคุณภาพ การติดตามผล ข. การควบคุมคุณภาพ การตรวจสอบคุณภาพ การพฒั นาคุณภาพ ค. การควบคุมคุณภาพ การตรวจสอบคุณภาพ การประเมินคุณภาพ ง. การควบคุมคุณภาพ การกาหนดมาตรฐานคุณภาพ การตรวจสอบคุณภาพ ๕๔5. ใครเป็นปัจจยั หลกั สู่ความสาเร็จของการจดั การศึกษาที่มีคุณภาพและการประกนั คุณภาพการศึกษา ก. ครู
ข. นกั เรียน ค. ผปู้ กครอง ง. ถูกทุกขอ้ ๕๔๖. ข้นั ตอนใดของ PDCA ใดมีความสาคญั ที่สุด ก. PD ข. DC ค. CA ง. ทุกข้ันตอน ๕๔๗. มาตรฐานผเู้ รียนประกอบ ดว้ ย ก. เป็นคนมีคุณธรรม มีความเจริญ เก่ง ข. เป็ นคนดี มคี วามสุข มคี วามสามารถ ค. เป็นคนเก่ง มีคุณภาพ มีวนิ ยั ง. เป็นคนมีคุณธรรม มีความสุข มีความเจริญ ๕๔๘. รายการประกนั คุณภาพภายใน มีก่ีข้นั ตอน ก. 2 ข้นั ตอน ข. 3 ข้นั ตอน ค. 4 ข้นั ตอน ง. สรุปไม่ได้ ๕๔๙. รายการประกนั คุณภาพภายใน มีหลกั การที่สาคญั คือ ก. การควบคุมคุณภาพ ข. การจดั งบประมาณ ค. เป็ นหน้าทขี่ องทกุ คน ง. กากบั ติดตามผลการประเมินภายใน ๕๕๐. ผบู้ ริหารควรมีหนา้ ท่ีใดในการประกนั คุณภาพ ก. สร้างความตระหนักให้กบั บุคลากรในสถานศึกษา ข. เป็นผนู้ าทาการประกนั คุณภาพ ค. มอบใหบ้ ุคคลอ่ืนรับผดิ ชอบ ง. เป็นผสู้ นบั สนุนใหบ้ ุคลากรดาเนินการ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 472
Pages: