Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้รายชั่วโมงศิลปะป1 เทอม2

แผนการจัดการเรียนรู้รายชั่วโมงศิลปะป1 เทอม2

Published by arisaraphutt, 2018-10-25 04:35:13

Description: แผนการจัดการเรียนรู้รายชั่วโมงศิลปะป1 เทอม2

Search

Read the Text Version

แผนการจดั การเรยี นรู้รายวิชา ศลิ ปศกึ ษา รหัสวชิ า ศ 11101 ระดับชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2561 กลุ่มสาระการเรียนรศู้ ิลปะ จัดทาโดย นางสาวอรศิ รา พทุ ธวงค์ ตาแหนง่ พนักงานราชการ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 ตาบลชา่ งเค่ิง อาเภอแม่แจ่ม จงั หวัดเชียงใหม่ สานกั บรหิ ารงานการศึกษาพิเศษ สานกั งานการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ

แผนการจัดการเรยี นรู้ ช่ือหนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 5 เรอื่ งสนุกกบั เสยี ง แผนการสอนท่ี 17 เร่อื ง การกาเนดิ ของเสยี ง รายวิชาศลิ ปะ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 1 รหัสวชิ า ศ 11101 ครูผู้สอน นางสาวอริศรา พุทธวงค์ ตาแหนง่ พนกั งานราชการ เวลาท่ีใช้ 2 ชั่วโมง ตวั ช้ีวดั /ผลการ เน้ือหาสาระ ภาระงาน/ชน้ิ งาน การวัดและ กิจกรรมการเรียนรู้ ส่อื /แหลง่ เรียนรู้ ประเมนิ ผล เรียนรู้ • เสียงทเ่ี กดิ จาก ใบงาน - การตรวจใบงาน ขั้นที่ 1 ขนั้ นาเข้าสูบ่ ทเรียน 1. วดิ โิ อทีแ่ สดง ธรรมชาติ วาดภาพแหลง่ศ 2.๑ ป.๑/๑ ป. • เสียงท่มี นุษย์สร้าง กาเนิดเสียงที่ได้ยนิ 1. นักเรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรยี นเพ่ือประเมนิ ความรู้ ภาพและเสียงทีเ่ กดิ1/2 ข้นึเข้าใจและแสดงออก 2. ครสู นทนากบั นักเรยี นวา่ ในชวี ิตประจาวันนกั เรยี นได้ยินเสยี ง จากสง่ิ แวดลอ้ มทางดนตรีอยา่ งสร้างสรรค์ วิเคราะห์ อะไรบ้าง ครใู ห้นกั เรียนหลบั ตาแล้วฟงั เสยี งในสง่ิ แวดลอ้ มรอบ เช่น เสียงฟา้ ร้องวพิ ากษ์วิจารณ์คุณคา่ ดนตรี ๆ ห้องเรยี น 2 นาที หลงั จากน้นั ให้นกั เรยี นบอกวา่ ไดย้ ินเสยี ง เสียงน้าไหลถ่ายทอดความร้สู ึกความคิดต่อดนตรี อะไรบา้ งโดยถามเป็นรายบคุ คล และใหน้ ักเรียนเลียนแบบเสยี ง เสยี งรถยนต์ เสียงอย่างอิสระ ชนื่ ชมและประยุกตใ์ ช้ใน พรอ้ มกนั ทัง้ หอ้ ง เชน่ เสียงรถยนต์ เสยี งสัตว์ร้องเป็นตน้ เครอ่ื งจักรกล เปน็ชีวิตประจาวนั 3. ครตู ้ังคาถามเพอื่ ประเมนิ ความรขู้ องนักเรยี นกอ่ นเรยี น เช่น ตน้ เสยี งต่าง ๆ ทีน่ ักเรียนไดย้ ินนัน้ เกดิ ขึ้นจากอะไร เสยี งเกิดขึ้นได้ 2. ใบกจิ กรรม อย่างไร เสยี งใดเปน็ เสยี งที่เกดิ ขน้ึ เองตามธรรมชาติ และเสยี ง 3. ภาพแหลง่ ทีม่ า ใดเป็นเสียงทไี่ ม่ได้เกดิ ข้ึนเองตามธรรมชาติ เปน็ ตน้ ของเสยี งตา่ ง ๆ ขนั้ ที่ 2 ขั้นสอน 4. บุคคลต่าง ๆ 1. ครูเปิดวีดิทัศนท์ ีม่ ภี าพและเสยี งจากสง่ิ แวดลอ้ ม เชน่ เสยี ง เชน่ ครูสอนวิชา ฟา้ ร้อง เสยี งน้าไหล เสียงรถยนต์เสียงเครอ่ื งจกั รกล เปน็ ต้น ดนตรี ครูสอนวชิ า จากนั้นครถู ามนักเรียนว่านกั เรยี นคิดว่าเสียงใดเปน็ เสียงทเี่ กดิ วทิ ยาศาสตร์ ผู้ท่ีมี จากธรรมชาติและเสยี งใดเป็นเสียงทีไ่ ม่ได้เกิดจากธรรมชาตบิ า้ ง ความร้เู รือ่ งเสียง เปน็ ตน้

ตัวชว้ี ดั /ผล เน้อื หาสาระ ภาระงาน/ การวดั และประเมนิ ผล กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื /แหลง่ เรียนรู้การเรียนรู้ ชิ้นงาน 2. ครนู าเสนอเนอ้ื หาเรอ่ื ง ความหมายและที่มาของเสียง เกย่ี วกบั 5. ธรรมชาตแิ ละ ความหมายและแหลง่ ท่ีมาของเสียง โดยอธิบายและยกตวั อย่างจน สง่ิ แวดล้อมรอบตัว นกั เรียนสามารถแยกได้วา่ เสียงใดเป็นเสยี งทีเ่ กิดขนึ้ เองตาม 6. ใบงาน ธรรมชาตแิ ละเสยี งใดเปน็ เสยี งทไี่ มไ่ ดเ้ กดิ ขึ้นเองตามธรรมชาติ 3. ให้นกั เรยี นจับคู่ จาแนกท่ีมาของเสียงวา่ มีเสียงใดบ้างเป็นเสียงท่ี เกดิ จากธรรมชาตแิ ละเสียงใดบา้ งเปน็ เสียงท่ีไม่ไดเ้ กิด จากธรรมชาติ โดยบอกลักษณะเสยี งนั้นพร้อมทัง้ เลียนแบบเสยี งให้ครแู ละเพ่อื น ๆ ฟัง 4. ครอู ธิบายใหน้ กั เรียนเข้าใจว่าเสยี งทเ่ี ราได้ยินนนั้ มที ง้ั เสยี งท่ี ไพเราะนา่ ฟงั และเสยี งท่ีดังนา่ กลวั เราอาจชอบหรอื ไมช่ อบฟัง แต่ หากเรายงั คงไดย้ นิ เสยี งตา่ ง ๆ เหล่านอ้ี ยู่ กแ็ สดงวา่ เสยี งยังคงอยู่ รอบ ๆ ตัวเรา 5. ครูตงั้ คาถามนกั เรียนว่า มเี สียงใดบ้างท่ีไพเราะนา่ ฟัง และเสยี ง ใดบา้ งท่ีไมน่ า่ ฟงั โดยสุม่ ถามนักเรยี น 5–6 คน และให้นักเรียน ร่วมกันบอกวา่ เสยี งทเี่ พื่อนยกตัวอย่างน่าฟังและไม่น่าฟงั เพราะอะไร ข้นั ท่ี 3 ข้นั สรปุ ใหน้ ักเรยี นร่วมกันสรุปเ รอ่ื ง ความหมายและท่ีมาของเสียง เปน็ ความคดิ ของชน้ั เรียน โดยครคู อยใหค้ วามร้เู สรมิ ในส่วนทนี่ กั เรยี นไม่ เข้าใจหรือสรปุ ไม่ตรงกบั จดุ ประสงค์การเรียนรู้

ตัวชว้ี ดั /ผล เน้อื หาสาระ ภาระงาน/ การวดั และประเมินผล กิจกรรมการเรยี นรู้ สอื่ /แหลง่ เรยี นรู้การเรียนรู้ ชิ้นงาน ขัน้ ท่ี 4 ฝกึ ฝนนกั เรยี น 1. ครูให้นกั เรยี นแบ่งกลมุ่ กลมุ่ ละ 4–5 คน ช่วยกันทาใบงานเรอื่ ง เสยี งในสงิ่ แวดล้อม 2. ครูสมุ่ เลือกตวั แทนกลมุ่ ออกมานาเสนอผลงานหน้าชน้ั เรยี น เม่ือ นกั เรียนนาเสนอเสรจ็ แล้วครชู มเชยและใหก้ าลั งใจนกั เรยี น จากนั้น ร่วมกันเฉลยคาตอบในใบงาน 3. ให้นักเรียนปฏบิ ัติ กจิ กรรม จาแนกเสยี งจากแหล่งกาเนิดเสยี ง และช่วยกนั เฉลย คาตอบ ขั้นท่ี 5 การนาไปใช้ 1. นักเรียนนาความรเู้ รื่อง ความหมายและทม่ี าของเสียง ไปใชเ้ ป็น แนวทางในการจาแนกประเภทของเสยี งที่นกั เรยี นได้ยนิ ใ น ชวี ติ ประจาวัน

แผนการจดั การเรียนรู้ ชอ่ื หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 5 เรื่อง สนกุ กบั เสียง แผนการสอนท่ี 18 เรื่อง ลักษณะของเสยี ง รายวิชาศลิ ปะ ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 1 รหสั วิชา ศ 11101 ครูผสู้ อน นางสาวอรศิ รา พุทธวงค์ ตาแหนง่ พนกั งานราชการ เวลาทีใ่ ช้ 2 ช่ัวโมงตวั ชี้วดั ความรู้ ภาระงาน/ชิ้นงาน การวัดและ กิจกรรมการเรยี นรู้ สอ่ื แหล่งเรยี นรู้ ประเมนิ ผลศ 2.๑ ป.๑/๑ ป. -เสยี งทเ่ี ราได้ยิน -วาดภาพ - การตรวจใบงาน ข้นั ที่ 1 ขน้ั นาเขา้ สบู่ ทเรียน ภาพส่งิ ท่ใี หก้ าเนดิ1/2 จะมลี ักษณะ โครงสร้างท่ีมาของ 1. ครสู นทนากบั นกั เรยี นว่าต้ังแตต่ ืน่ นอนจนกระทั่งถงึ ตอนก่อนนอน เสียง เช่น ภาพสัตว์เข้าใจและแสดงออกทางดนตรีอย่าง ของเสียง คอื เสยี งท่ไี ด้ยิน นักเรยี นได้ยินเสยี งอะไรบา้ ง ครเู ลอื กส่มุ นักเรียน 1 คน ออกมาเลา่ ให้ ต่าง ๆ ภาพรถยนต์ เสียงสงู เสยี งต่าสร้างสรรค์ วเิ คราะห์ เสียงดัง เสยี ง เพ่ือน ๆ ฟงั ภาพเครอื่ งดนตรีวพิ ากษว์ ิจารณ์ 2. ครถู ามนักเรยี นวา่ เสียงต่าง ๆ ทเี่ พื่อนยกตวั อย่างมา มีเสยี งใดท่นี า่ ฟงั เป็นตน้คุณค่าดนตรี เบา เสียงยาว บ้างและมเี สียงใดที่ไม่นา่ ฟังบ้าง 2. บคุ คลต่าง ๆถ่ายทอดความรูส้ ึก และเสียงสน้ั ขัน้ ที่ 2 ขัน้ สอน เชน่ ครสู อนวชิ าความคิดตอ่ ดนตรี ลักษณะของ 1. ครูนาภาพของสิ่งท่ีให้กาเนิดเสียงทีแ่ ตกตา่ งกนั ใหน้ ักเรยี นดู เชน่ ดนตรี ครสู อนวิชา เสียงเหล่าน้เี ป็น ภาพสตั วต์ ่าง ๆ ภาพรถยนต์ภาพเครื่องดนตรี เป็นต้น วิทยาศาสตร์ ผ้ทู ่ีมีอยา่ งอสิ ระ ช่ืนชม องค์ประกอบท่ี 2. ครนู าเสนอเน้อื หาเร่อื ง ลักษณะของเสียง โดยการเช่ือมโยงกับภาพ ความรู้เรอ่ื งเสียงและประยกุ ตใ์ ช้ใน สาคัญในการ และเสียงทน่ี กั เรียนตอบหรอื ยกตวั อยา่ งประกอบ จนนักเรียนสามารถ เป็นตน้ชวี ติ ประจาวนั สรา้ งสรรค์ แยกลักษณะของเสยี งได้ 3. ใบกจิ กรรม ผลงานทาง 3. ครูให้นักเรยี นนงั่ หลบั ตา 3 นาที ในระหวา่ งท่หี ลับตาครูสนทนากับ 4. ธรรมชาติและ ดนตรี นกั เรียนว่า ใหฟ้ ังเสียงตา่ ง ๆ ท่ีอยรู่ อบตวั หรอื รอบหอ้ งเรียน ว่าไดย้ ิน สง่ิ แวดลอ้ ม เสยี งอะไรบา้ ง เม่ือครบเวลา 3 นาที ครสู ุ่มถามเปน็ รายบุคคลวา่ ไดย้ ิน เสียงอะไรบ้าง

ตวั ชี้วดั ความรู้ ภาระงาน/ช้นิ งาน การวัดและ กจิ กรรมการเรยี นรู้ สือ่ แหลง่ เรยี นรู้ ประเมนิ ผล 4. ครตู ัง้ คาถามใหน้ กั เรยี นชว่ ยกันบอกเสยี งทนี่ ักเรียนได้ยนิ ว่า มีเสียง ใดบา้ งท่ีมีลกั ษณะเป็นเสยี งสงู –เสยี งต่า เสียงดัง –เสียงเบา และเสียง ยาว–เสียงสนั้ โดยถามเปน็ รายบคุ คล และให้นักเรียนเลยี นแบบเสยี ง และแสดงทา่ ทางประกอบด้ วยกนั ทง้ั ห้อง โดยให้นกั เรียนทตี่ อบคาถาม นาเพอื่ นปฏบิ ตั ิ และให้ครเู ขยี นช่อื เสียงที่นักเรียนปฏบิ ตั ิไว้บนกระดาน ดาตามลาดับ 5. ครูตั้งคาถามนกั เรียนตอ่ ไปว่า เสียงทีเ่ พ่อื น ๆ ในหอ้ งนาเสนอทค่ี รจู ด ไว้บนกระดานดาน้ี มเี สียงใดน่าฟงั และมเี สยี งใดนา่ กลวั บ้าง โดยส่มุ ถาม หรือถามนักเรียนทุกคน ขั้นท่ี 3 ขั้นสรปุ นกั เรียนร่วมกันสรุปเรื่อง ลักษณะของเสียง โดยครคู อยใหค้ วามรเู้ สรมิ ในสว่ นท่ีนักเรยี นไมเ่ ขา้ ใจหรอื สรุปไมต่ รงกบั จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ขนั้ ที่ 4 ฝกึ ฝนนกั เรียน 1. ใหน้ กั เรยี นเลน่ เกมโดยปฏบิ ตั ิตามเสียงทค่ี รกู าหนด ถา้ เสยี งทค่ี รู กาหนดมลี ักษณะของเสยี งสูงใหย้ ืนข้นึ ถ้าเสยี งตา่ ให้นัง่ ลง ถา้ เสียงดังให้ ใช้มอื ปดิ หู ถา้ เสยี งเบาให้ใช้มือเปิดหูในลักษณะป้องหู และถ้าเสียงยาว ให้ตบมอื เร็ว ๆ ถา้ เสียงสัน้ ให้กระโดด 1 คร้งั อยู่กับท่ี 2. ให้นักเรียนปฏบิ ัติ กิจกรรม จาแนกลกั ษณะของเสียง และชว่ ยกนั เฉลยคาตอบ ขั้นท่ี 5 การนาไปใช้ 1. เมอื่ มเี วลาว่างนกั เรยี นลองหลับตาฟงั เสยี งในส่ิงแวดล้อมรอบ ๆ ตัว แลว้ ฝึกจาแนกลักษณะของเสยี งทีไ่ ดย้ นิ

แผนการจดั การเรียนรู้ ช่อื หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 5 เรอื่ ง สนกุ กับเสียง แผนการสอนที่ 19 เร่ือง จงั หวะ รายวิชาศิลปะ ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 1 รหัสวิชา ศ 11101 ครูผู้สอน นางสาวอรศิ รา พุทธวงค์ ตาแหนง่ พนักงานราชการ เวลาทใ่ี ช้ 2 ชว่ั โมง ตวั ชว้ี ัด ความรู้ ภาระงาน/ชนิ้ งาน การวัดและ กจิ กรรมการเรยี นรู้ ส่ือ แหลง่ เรียนรู้ ประเมนิ ผลศ 2.1 ป. 1/2บอกลกั ษณะของ -จังหวะ -บันทึกคุณลักษณะ - การตรวจใบงาน ขน้ั ที่ 1 ขน้ั นาเขา้ สบู่ ทเรยี น 1. วีดิโอเพลงที่มีเสียงดงั -เบา และ ประกอบด้วย ของเสยี ง ครูเปิดเพลงทม่ี จี งั หวะช้า จงั หวะปานกลาง และจังหวะเรว็ แล้วถาม จังหวะชา้ จงั หวะปานความช้า- เร็วของ จงั หวะช้า จังหวะ นักเรียนว่าเพลงทั้ง3 เพลงนี้ เพลงใดเปน็ เพลงจังหวะเร็ว เพลงใด กลาง และจงั หวะเร็วจงั หวะ ปานกลาง และ เป็นเพลงจงั หวะช้า และเพลงใดเป็นเพลงจงั หวะปานกลางไมช่ า้ และ 2. ธรรมชาติและ จังหวะเรว็ ซ่ึง ไมเ่ ร็ว เพ่ือเป็นการประเมนิ ความรู้ของนกั เรยี นก่อนเรียน ส่ิงแวดลอ้ ม ความชา้ –เร็วของ ข้ันที่ 2 ขั้นสอน 3. ใบกจิ กรรม จงั หวะสง่ ผลต่อ 1. ครนู าเสนอเน้ือหาเรือ่ ง จังหวะ โดยอธบิ ายใหน้ ักเรียนฟังเก่ียวกบั ความช้าเรว็ ของ จงั หวะช้า จังหวะปานกลางและจังหวะเรว็ เปรียบไดก้ บั เพลงท่เี ปิด บทเพลงดว้ ย ให้ฟงั หรอื เปรียบได้กับการเคลอ่ื นท่ขี องสงิ่ ต่าง ๆ ที่มที ั้งช้า ปาน กลางและเรว็ เหมือนกนั โดยอธิบายและยกตัวอยา่ งประกอบดงั น้ี  จังหวะช้า เชน่ การคลานของเดก็ ทารก เต่า คลาน หนอนคลาน เป็นตน้  จงั หวะปานกลาง เชน่ การเดนิ ตามปกตขิ อง คน สตั วเ์ ดิน พายเรือ เปน็ ตน้ จงั หวะเรว็ เช่น คนวง่ิ สตั ว์ว่ิง รถยนตแ์ ลน่ เคร่ืองบินกาลงั บินขึน้ เปน็ ตน้

ตวั ชี้วดั ความรู้ ภาระงาน/ช้นิ งาน การวัดและ กจิ กรรมการเรียนรู้ สือ่ แหลง่ เรียนรู้ ประเมนิ ผล แต่ละตวั อยา่ งให้นกั เรยี นดูภาพประกอบในหนังสือเรียนและให้ นกั เรยี นรว่ มกนั ยกตวั อยา่ ง 2. ให้นกั เรยี นแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 3 คน ใหแ้ ต่ละกลุ่มจับฉลาก จังหวะ ช้า จังหวะปานกลาง และจังหวะเรว็ และให้นักเรียน ชว่ ยกนั คิดทาท่าทางสิ่งที่เคล่ือนท่ี ตามจังหวะทีก่ ลุม่ จับได้ ให้เวลาในการฝกึ ซอ้ มตามความเหมาะสม 3. ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มออกมานาเสนอหนา้ ชน้ั เรยี น และให้เพ่อื น ๆ ร่วมกนั ทายวา่ คืออะไร และมจี งั หวะอย่างไร 4. ครใู หน้ ักเรียนร่วมกนั ยกตัวอยา่ งสง่ิ ที่เคลอ่ื นทีไ่ ดต้ รงตามจังหวะ ช้า จงั หวะปานกลาง และจงั หวะเร็ว เพอ่ื ประเมินความเข้าใจของ นักเรียนอกี คร้งั และครเู พ่มิ เตมิ ในสว่ นท่ียงั ไมส่ มบูรณใ์ นคาตอบของ นักเรยี น 6. ครอู ธบิ ายเพิ่มเตมิ วา่ เราสามารถสรา้ งสรรคร์ ปู แบบ จงั หวะขน้ึ ใหมไ่ ด้ตามจนิ ตนาการของเราเองได้ เช่น คลานไป ข้างหนา้ นบั 1–10 แลว้ ลกุ ขนึ้ เดินตอ่ 5 ก้าว แล้วว่ิงไปขา้ งหน้านบั 1–5 และหยุดอย่กู ับทแ่ี ล้วอธบิ ายให้นกั เรยี นเข้าใจว่าการคลานไป ข้างหน้านบั 1–10 ตรงกบั จังหวะชา้ แลว้ ลุกขน้ึ เดินตอ่ 5 กา้ วตรงกบั จงั หวะปานกลางและการว่งิ ไปขา้ งหนา้ นับ 1–5 ตรงกบั จงั หวะเร็ว

ตวั ช้วี ัด ความรู้ ภาระงาน/ การวดั และประเมนิ ผล กจิ กรรมการเรยี นรู้ สื่อ แหล่งเรียนรู้ ชนิ้ งาน ขั้นท่ี 3 ขน้ั สรุป นักเรียนรว่ มกันสรปุ เร่อื ง จังหวะ ว่าประกอบด้วยจงั หวะช้าจังหวะ ปานกลางและจงั หวะเร็วซ่งึ จังหวะเปน็ สว่ นสาคัญ ในการสร้างสรรค์ ดนตรหี รือบทเพลงจึงทาใหม้ ีเพลงจังหวะช้าเพลง จังหวะปานกลาง และเพลงจังหวะเร็วใหเ้ ราไดฟ้ งั ขัน้ ท่ี 4 ฝึกฝนนกั เรียน 1. ให้นักเรยี นแบง่ กลมุ่ กลุ่มละ 3 คน สรา้ งสรรคจ์ ังหวะขึน้ เองตาม จนิ ตนาการของตนเองแลว้ ออกมาแสดงให้ครแู ละเพือ่ น ๆ ฟังพรอ้ ม ทัง้ บอกว่าการแสดงสว่ นไหนตรงกับจงั หวะชา้ จงั หวะ ปานกลาง และจังหวะเรว็ 2. ใหน้ ักเรยี นปฏบิ ัติ กิจกรรม จาแนกลักษณะจงั หวะ 3. ฝกึ เคล่ือนท่ตี ามจงั หวะต่าง ๆ และสรา้ งสรรค์ท่าทางประกอบตาม จนิ ตนาการ 4. ใหน้ กั เรยี นทาแบบทดสอบหลังเรียน 5. ให้นักเรียนทาโครงงานตามความสนใจ ขน้ั ท่ี 5 การนาไปใช้ 1. นักเรยี นนาการสรา้ งสรรค์จงั หวะของกลุ่มตนเองหรือของ กลุ่ม เพื่อน ไปฝกึ ปฏบิ ตั ิร่วมกนั กบั เพ่ือน ๆ ด้วยความสนกุ สนาน เพ่ือเป็น การใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ กิดประโยชน์ และส่งเสรมิ ใหส้ ุขภาพแข็งแรง

แผนการจัดการเรยี นรู้ ชอื่ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 6 ขบั ขานบทเพลง แผนการสอนที่ 20 เรอ่ื ง การร้องเพลงเบ้อื งตน้ รายวชิ าศลิ ปะ ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 1 รหัสวิชา ศ 11101 ครูผสู้ อน นางสาวอริศรา พทุ ธวงค์ ตาแหนง่ พนักงานราชการ เวลาทใี่ ช้ 2 ชว่ั โมงตัวชว้ี ัด ความรู้ ภาระงาน/ การวัดและ กจิ กรรมการเรียนรู้ สอ่ื แหล่งเรียนรู้ ชนิ้ งาน ประเมินผล - การตรวจใบศ 2.1 ป. 1/3 -การรอ้ งเพลงเปน็ การ -อา่ นบทกลอน งาน ขั้นที่ 1 ขนั้ นาเข้าสบู่ ทเรยี น 1. ห้องสมดุท่องบทกลอน เปล่งเสยี งออกมาตาม หรือร้องเพลง พรอ้ มกับเคาะ 1. ใหน้ กั เรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี นเพ่ือประเมนิ ความรู้ 2. บทกลอนส่ี กลอนร้องเพลงง่าย เนื้อร้อง โดยยดึ ทานอง จังหวะง่าย ๆ 2. ครูสนทนากบั นักเรยี นวา่ ในห้องนม้ี นี กั ร้องประจาหอ้ งเรยี นหรอื ไม่ ขอ แปดๆ และจังหวะเปน็ สาคญั เสียงร้องทีเ่ ปลง่ ออกมา ตวั แทนออกมารอ้ งเพลงใหเ้ พ่ือน ๆ ฟงั ชาย– หญงิ ประเภทละ 1 คน 3. บทเพลงต่าง ๆ อาจมเี น้ือรอ้ งหรือไมม่ กี ็ หลังจากนัน้ ตบมือชมเชยนกั เรียนที่เปน็ ตัวแทน 4. ใบกิจกรรม ได้ การร้องเพลงให้ 3. ครตู ง้ั คาถามกับนกั เรียนว่า นกั เรยี นคดิ วา่ การรอ้ งเพลงหมายถึงอะไร ไพเราะผทู้ ่ีร้องจะตอ้ งใส่ เลือกสุม่ นักเรยี นตอบ อารมณค์ วามรสู้ ึกลงไป ขน้ั ท่ี 2 ขั้นสอน ในเพลงด้วยและการอ่าน 1. ครูนาเสนอเนอ้ื หาเรื่อง การร้องเพลงเบือ้ งตน้ เกย่ี วกับความหมายของ ประกอบจังหวะและการ การรอ้ งเพลงให้นักเรยี นเขา้ ใจวา่ การรอ้ งเพลงหมายถงึ อะไร ร้องประกอบจังหวะ เป็น 2. ครยู กตวั อย่างให้นักเรยี นฟังวา่ เพลงทม่ี เี นอื้ รอ้ งกบั เพลงท่ไี มม่ เี นือ้ ร้อง พื้นฐานเบ้ืองต้นในการ เป็นอย่างไร เชน่ เพลงท่ีมเี นือ้ รอ้ งให้ครรู อ้ งเพลงอะไรก็ได้ทีน่ ักเรียนรู้จกั ฝกึ รอ้ งเพลง 1 ทอ่ น สว่ นเพลงทไ่ี มม่ เี นื้อร้องให้ครูฮมั เพลง ๆ เดมิ แล้วอธบิ ายเพ่ิมให้ นักเรียนเขา้ ใจ และถามนกั เรยี นวา่ นักเรียนเคยไดย้ นิ เพลงที่มีการรอ้ งทั้ง 2 ลักษณะนีห้ รือไม่เพอื่ ประเมินความเขา้ ใจ

ตวั ช้วี ัด ความรู้ ภาระงาน/ การวัดและ กจิ กรรมการเรียนรู้ ส่อื แหล่งเรยี นรู้ ชิ้นงาน ประเมนิ ผล 3. ครสู นทนากบั นักเรยี นวา่ นอกจากทานองและจงั หวะทเี่ ปน็ สว่ นสาคญั ในการรอ้ งเพลง ผู้รอ้ งจะต้องใสอ่ ารมณ์และความรสู้ กึ ของเพลงลงไปดว้ ย เพอ่ื ให้เพลงมคี วามไพเราะย่ิงขนึ้ จากนั้นใหค้ รนู าเสนอเนื้อหาการอ่านบท กลอนประกอบจงั หวะ ว่าเปน็ การอา่ นหนงั สอื หรืออ่านบทกลอนตาม จังหวะ จังหวะมีทง้ั เป็นจังหวะที่เปน็ มาตรฐานและเราสามารถสรา้ งสรรค์ ขน้ึ เองได้ เช่น การเคาะโตะ๊ ตามจังหวะคา การตบมือตามจงั หวะคา เป็น ต้น 4. ครูอา่ นบทกลอนในหนังสือเรียนหรอื กลอนส่ี กลอนแปดทว่ั ไป แล้ว เคาะโต๊ะหรอื ตบมอื ตามจังหวะคา ให้นกั เรยี นดูและฟงั เป็นตัวอยา่ ง หลงั จากนน้ั ครูนานักเรยี นอ่านบทกลอนพร้อมกนั ทั้งห้องหลาย ๆ คร้งั จน คลอ่ งแคลว่ ครูนานักเรียนเคาะโตะ๊ หรือตบมอื ไปตามจงั หวะคาทอ่ี ่าน และให้นกั เรยี นปฏบิ ัติเองอยา่ งพร้อมเพรยี งกนั 5. ครูสนทนากับนกั เรียนวา่ นอกจากการอา่ นบทกลอนประกอบจั งหวะ แลว้ ยังมีการร้องเพลงประกอบจงั หวะ ซึ่งมีลักษณะคลา้ ย ๆ กับการอ่าน บทกลอนประกอบกบั จังหวะ เพียงแต่เปลย่ี นจากบทกลอนเป็นบทเพลง และอธบิ ายจนนกั เรียนเข้าใจ 6. ครรู อ้ งเพลงในหนังสอื เรียนหรอื เพลงที่นกั เรียนชอบ โดยเขียนเน้ือ เพลงไว้บนกระดานดา แล้วเคาะโตะ๊ หรือตบมอื ตาม จังหวะของเนื้อเพลง ให้นักเรยี นดแู ละฟงั เป็นตัวอย่าง หลังจากนนั้ ครนู านักเรยี นร้องเพลง พรอ้ มกนั ท้ังหอ้ งหลาย ๆ คร้งั จนคลอ่ งแคล่ว ครนู านักเรียนเคาะโต๊ะหรือ ตบมอื ไปตามจงั หวะเนื้อเพลง และให้นกั เรยี นปฏบิ ัตเิ องอย่างพรอ้ ม เพรยี งกัน

ตวั ช้วี ัด ความรู้ ภาระงาน/ การวดั และประเมนิ ผล กิจกรรมการเรยี นรู้ สือ่ แหลง่ เรียนรู้ ชิ้นงาน 7. ครถู ามความรูส้ กึ ของนกั เรยี นหลงั จากปฏบิ ตั กิ จิ กรรม วา่ ชอบการ อา่ นบทกลอนประกอบจังหวะหรอื การรอ้ งเพลงประกอบจงั หวะ พรอ้ มบอกเหตผุ ล โดยการสมุ่ ถามเป็นรายบุคคล เพอื่ ประเมนิ ความ เข้าใจ ข้นั ที่ 3 ขั้นสรุป ใหน้ กั เรยี นร่วมกันสรปุ เรอ่ื ง การร้องเพลงเบ้ืองต้น เปน็ ความคิดของ ชน้ั เรยี น โดยครูคอยให้ความรูเ้ สริมในสว่ นทน่ี ักเรยี นไม่เข้าใจหรือ สรปุ ไมต่ รงกับจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ขัน้ ท่ี 4 ฝึกฝนนกั เรียน 1. นักเรียนแบ่งกลมุ่ กลมุ่ ละ 4– 5 คน ใหน้ ักเรียนปฏิบตั ิ กิจกรรม อ่านบทกลอนประกอบจังหวะ และกิจกรรม ร้องเพลงประกอบ จงั หวะ พรอ้ มบนั ทึกผลการปฏิบตั ิ ใหเ้ วลาฝึกซ้อมอยา่ งเหมาะสม 2. แต่ละกลมุ่ ออกมานาเสนอผลงานหน้าช้นั เรียน เม่ือนักเรยี น นาเสนอเสรจ็ แล้ว ครูชมเชยและใหข้ ้อชแ้ี นะเพม่ิ เติมแกน่ กั เรียน ขั้นท่ี 5 การนาไปใช้ 1. นกั เรยี นสามารถนาบทกลอนที่ได้อ่าน หรือเพลงที่ไดร้ อ้ ง ไปอ่าน หรือรอ้ ง เพอื่ เป็นการแสดงความสามารถในโอกาสต่าง ๆ หรือร้อง เพ่ือผอ่ นคลายความเครยี ดจากการเรยี น และสร้างความสนกุ สนาน เพลิดเพลินได้

แผนการจัดการเรียนรู้ ชอื่ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 6 ขับขานบทเพลง แผนการสอนท่ี 21 เร่ือง กจิ กรรมดนตรี รายวิชาศลิ ปะ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 1 รหสั วิชา ศ 11101 ครผู ู้สอน นางสาวอรศิ รา พทุ ธวงค์ ตาแหน่ง พนักงานราชการ เวลาทใี่ ช้ 2 ชวั่ โมง ตัวชีว้ ดั ความรู้ ภาระงาน/ การวัดและ กิจกรรมการเรยี นรู้ ส่ือ แหลง่ เรยี นรู้ศ 2.1 ป. 1/4 -กจิ กรรมดนตรี ชิ้นงาน ประเมินผลกิจกรรมดนตรี เปน็ กจิ กรรมที่ใช้เป็นกจิ กรรมที่ ดนตรหี รอื -รอ้ งเพลงหรอื - การตรวจใบงาน ขนั้ ท่ี 1 ขน้ั นาเข้าสบู่ ทเรยี น 1.วีดิโอเพลงทมี่ ีใชด้ นตรหี รือ องค์ประกอบทาง 1. ครูนาภาพกิจกรรมดนตรี ได้แก่ การร้องเพลง การเคาะหรอื ตบมอื ตาม จงั หวะช้า จังหวะองคป์ ระกอบ ดนตรเี ข้าไป เคาะจังหวะตาม จังหวะ และการเคลอ่ื นไหวรา่ งกายประกอบเพลงในลักษณะต่าง ๆ ให้ ปานกลาง และทางดนตรเี ข้า เก่ยี วขอ้ ง ได้แก่ นกั เรียนดู แลว้ ตง้ั คาถามกบั นกั เรียนวา่ นักเรยี นเคยปฏิบัติกจิ กรรมที่ จังหวะเรว็ไปเก่ียวขอ้ ง การรอ้ งเพลงการ เพลงท่สี นใจ เหมือนในภาพหรือไม่ เพอื่ เป็นการประเมนิ ความรู้ก่อนเรยี นของนกั เรียน 2. ภาพกิจกรรมไดแ้ ก่ การร้อง เคาะหรือตบมอื 2. ครูเช่ือมโยงความรเู้ รอ่ื งกจิ กรรมดนตรีทเ่ี กดิ ข้ึนในชวี ติ ประจาวันให้ ดนตรี ได้แก่ การรอ้ งเพลงการเคาะ ตามจงั หวะ และ เพือ่ ใหเ้ กิดความ นกั เรยี นเขา้ ใจ เพลง การเคาะหรือหรือตบมือตาม การเคลือ่ นไหว ข้ันที่ 2 ข้นั สอน ตบมือตามจังหวะจังหวะ และ รา่ งกายประกอบ แม่นยาในการใช้ 1. ครูนาเสนอเน้อื หาเรอ่ื ง กจิ กรรมดนตรี วา่ เปน็ กจิ กรรมทีใ่ ชด้ นตรหี รอื และการเคลอื่ นไหวการเคลอ่ื นไหว เพลง กจิ กรรมทาง องค์ประกอบทางดนตรเี ขา้ ไปเกย่ี วข้อง ไดแ้ ก่ การรอ้ งเพลง การเคาะหรอื ร่างกายในลักษณะรา่ งกาย ดนตรเี ปน็ กจิ กรรม จังหวะในการ ตบมอื ตามจังหวะ และการเคลอ่ื นไหวร่างกายประกอบเพลง อย่างท่ี ตา่ ง ๆ ท่สี ามารถสร้าง นักเรยี นเหน็ ในภาพ และกจิ กรรมทางดนตรนี ้นั สามารถสร้างความ 3. บทเพลงตา่ ง ๆ ความสนกุ สนาน รอ้ งเพลง สนุกสนาน และผ่อนคลายความเครียดได้ 4. ใบกจิ กรรม และผ่อนคลาย 2. ครูนาเสนอเนอ้ื หาเร่อื ง การรอ้ งเพลง ว่าเปน็ การเปลง่ เสียงตามเน้อื รอ้ ง ความเครียดได้ โดยยดึ ทานองและจังหวะเป็นสาคญั และเสียงรอ้ งอาจมีเนือ้ รอ้ งหรอื ไม่มีก็ ได้

ตัวชว้ี ดั ความรู้ ภาระงาน/ การวัดและ กิจกรรมการเรียนรู้ สอื่ แหล่งเรยี นรู้ ชิ้นงาน ประเมนิ ผลประกอบเพลงกจิ กรรมทาง 3. ครูเลอื กสุ่มตวั แทนหรอื ขออาสาสมัครนกั เรียน 4– 5 คน ออกมาหนา้ ชัน้ดนตรเี ปน็ เรียน เพือ่ รอ้ งเพลงใหเ้ พ่อื น ๆ ฟัง (เพลงท่ีนักเรียนรอ้ งได้)กิจกรรมท่ี 4. ครชู มเชยการปฏบิ ตั ิของตัวแทน หลงั จากน้นั ครูอาจยกตัวอยา่ งสามารถสรา้ ง ประกอบเพม่ิ เตมิ เพ่ือใหน้ ักเรยี นเข้าใจเรื่องการร้องเพลงยิ่งขึ้นความ 5. ครูนาเสนอเนอื้ หาเร่อื ง การเคาะหรอื การตบมือตามจังหวะ วา่ เปน็ การสนุกสนาน และ ใช้อุปกรณ์อยา่ งใดผอ่ นคลาย อยา่ งหน่งึ เชน่ ไม้ ปากกา ดินสอ เปน็ ตน้ หรือการตบมือตามจังหวะของความเครียดได้ บทเพลง เพือ่ ให้เกิดความแม่นยาในเรื่องของจงั หวะ ซึง่ ถอื เป็นพนื้ ฐานใน การฝกึ ฝนดนตรไี ด้ 6. ใหน้ กั เรียนปฏบิ ัติ กิจกรรม การเคาะหรือการตบมือตามจังหวะ โดยครู เป็นผนู้ านกั เรียน ปฏิบัติ 7. ครนู าเสนอเนือ้ หาเรอ่ื ง การเคลื่อนไหวรา่ งกายประกอบเพลง วา่ เป็น การเคลอื่ นไหว อวยั วะทกุ สว่ นของร่างกายประกอบเพลง ซงึ่ สามารถเคล่อื นไหวไดท้ ัง้ ตาม ระดบั เสียงของเพลง และเคล่ือนไหวตามจงั หวะของเพลง 8. ครเู ลอื กสุ่มตวั แทนหรือขออาสาสมัครนกั เรียน 4– 5 คน ออกมาหน้าชั้น เรยี น เพื่อแสดง การเคลื่อนไหวรา่ งกายตามระดับความดงั – เบาของเพลง และการ เคลือ่ นไหวรา่ งกายตามความช้า – เรว็ ของจงั หวะเพลงให้เพอื่ น ๆ ดูเป็น ตัวอยา่ ง

ตวั ช้วี ัด ความรู้ ภาระงาน/ การวัดและ กิจกรรมการเรียนรู้ ส่ือ แหล่งเรียนรู้ ชน้ิ งาน ประเมนิ ผล 9. ครใู หน้ ักเรยี นทกุ คนปฏบิ ัตติ ามตัวแทน และปฏบิ ตั ิไปพร้อม ๆ กบั ตัวแทน ครชู มเชยการ ปฏบิ ตั ิของตัวแทนและการปฏิบัตขิ องนักเรยี นทุกคน หลงั จากน้นั ครูอาจ ยกตวั อย่างประกอบเพมิ่ เติม เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นไดเ้ ขา้ ใจย่งิ ขึ้น 10. ครเู ปดิ เพลงอะไรก็ได้ตามความเหมาะสม แล้วใหน้ ักเรียนเคลอ่ื นไหว ร่างกายตามระดับ เสยี งทค่ี รูเป็นผู้ควบคมุ ระดบั เสียง จากน้นั ใหค้ รู เปิดเพลงท่มี ีจังหวะชา้ จงั หวะปานกลาง และจังหวะเร็ว ใหน้ กั เรยี นเคลอ่ื นไหวตามจงั หวะ โดยครู เป็นผ้เู ปดิ สลับกนั 11. ให้นักเรยี นแต่ละคนออกมาเล่าถงึ ความรูส้ กึ ในการเคลอื่ นไหวรา่ งกาย ตามระดับเสยี ง ของเพลงและการเคล่อื นไหวรา่ งกายตามจงั หวะหนา้ ชัน้ เรียน ขน้ั ที่ 3 ขน้ั สรุป นักเรียนร่วมกนั สรุปเร่อื ง กิจกรรมดนตรี โดยครูคอยใหค้ วามร้เู สรมิ ในสว่ น ที่นักเรยี นไม่ เขา้ ใจหรอื สรุปไมต่ รงกบั จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ขนั้ ท่ี 4 ฝกึ ฝนนกั เรยี น 1. ใหน้ กั เรยี นปฏิบตั ิ กิจกรรม ร้องเพลงทีส่ นใจ ฝกึ ซอ้ มและนาเสนอหนา้ ชั้นเรยี น ใหค้ รู และเพื่อน ๆ ชม

ตวั ช้วี ัด ความรู้ ภาระงาน/ การวดั และ กจิ กรรมการเรยี นรู้ ส่ือ แหล่งเรียนรู้ ชิ้นงาน ประเมนิ ผล 2. นักเรียนแบง่ กลุ่ม กลมุ่ ละ 4– 5 คน ร่วมกันปฏบิ ตั ิ กิจกรรม การเคาะ หรอื ตบมือตาม จังหวะแล้วบนั ทกึ ผล ฝึกซ้อม และนาเสนอหนา้ ชัน้ เรยี น ใหค้ รูและเพื่อน ๆ ชม 3. ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ ส่งตวั แทนออกมาเล่าถงึ ความรู้สกึ ในการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม 4. นักเรยี นแบ่งกลุ่ม กลมุ่ ละ 4– 5 คน (หรอื ใชก้ ลุ่มเดิม ) ร่วมกนั ปฏิบัติ กจิ กรรม ปฏบิ ัติ เคลอ่ื นไหวร่างกายตามระดับเสยี งของเพลง แล้วบนั ทึกผล ฝกึ ซ้อม และ นาเสนอหน้าชัน้ เรียนใหค้ รูและเพ่อื น ๆ ชม 5. ให้แต่ละกลุม่ ส่งตวั แทนออกมาเล่าถงึ ความรู้สกึ ในการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม 6. นกั เรียนแบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ 4– 5 คน (หรอื ใช้กลุ่มเดมิ ) ร่วมกันปฏบิ ัติ กิจกรรม ปฏบิ ตั ิ เคลอ่ื นไหวร่างกายตามจงั หวะ แลว้ บนั ทกึ ผล ฝกึ ซ้อม และนาเสนอหน้าชั้น เรยี น ใหค้ รแู ละเพ่อื น ๆ ชม 7. ใหแ้ ต่ละกลมุ่ สง่ ตัวแทนออกมาเล่าถงึ ความรสู้ ึกในการปฏิบัตกิ จิ กรรม ข้ันที่ 5 การนาไปใช้ 1. นักเรยี นสามารถนาความรู้ไปใช้ในการรอ้ งเพลง คิดประดษิ ฐก์ ารเคาะ จังหวะ หรือ สร้างสรรค์การเคลื่อนไหวร่างกายตามระดบั เสียงและจังหวะของเพลงทีต่ น ชน่ื ชอบ เพอื่ เปน็ การออกกาลงั กายทาใหร้ ่างก ายแข็งแรง และส่งเสริม สุขภาพจติ ทด่ี ี

แผนการจดั การเรียนรู้ ชอื่ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 6 ขับขานบทเพลง แผนการสอนที่ 22 เรอ่ื ง เพลงกบั ชีวติ ประจาวนั รายวิชาศิลปะ ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 1 รหสั วิชา ศ 11101 ครูผู้สอน นางสาวอรศิ รา พทุ ธวงค์ ตาแหน่ง พนักงานราชการ เวลาทใ่ี ช้ 2 ช่ัวโมง ตัวชี้วดั ความรู้ ภาระงาน/ การวัดและ กิจกรรมการเรยี นรู้ สอ่ื แหลง่ เรียนรู้ ชน้ิ งาน ประเมนิ ผลศ 2.1 ป. 1/5 - การตรวจใบงานบอกความ -บทเพลงมีความ รอ้ งเพลงกลอ่ ม ขน้ั ที่ 1 ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน 1. วดี โิ อ เพลงกลอ่ มเก่ียวขอ้ งของเพลงทใ่ี ชใ้ น เก่ยี วขอ้ งกับการ เด็ก เพลง 1. ครูเปดิ เพลงกล่อมเด็ก (เพลงนกเขาขัน เพลงวดั โบสถ์ เพลงกาเหว่า) เดก็ (เพลงนกเขาขันชวี ิตประจาวัน ดารงชวี ติ ของเรา ประกอบ เพลงประกอบการละเลน่ (เพลงรรี ขี า้ วสาร เพลงโพงพาง) และเพลงสาคญั เพลงวดั โบสถ์ เพลง มาตง้ั แต่อดีต การละเลน่ เพลง จนถงึ ปัจจบุ นั ท้ัง สาคญั หรือเพลง (เพลงชาติ เพลงสรรเสริญพระบารมี) ใหน้ ักเรียนฟงั แล้วถามนักเรยี นวา่ กาเหว่า) เพลง ใช้ประกอบ เพลงทค่ี รูเปิดนกั เรียนเคยฟงั เพลงใดบา้ ง เพอ่ื ประเมนิ ความรูก้ อ่ นเรยี นของ ประกอบการละเล่น พิธกี รรมใช้ฟงั อื่น ๆ นักเรียน (เพลงรีรีข้าวสาร หรือร้องเพื่อ 2. ครูตั้งคาถามกับนักเรียนว่า นกั เรียนคดิ วา่ เพลงเหล่าน้ีเกย่ี วขอ้ งกบั เพลงโพงพาง) และ ความเพลิดเพลิน ชีวิตประจาวนั ของเราอย่างไร ใหน้ กั เรียนช่วยกนั ตอบ เพลงสาคัญ (เพลง และอน่ื ๆ อกี ขนั้ ท่ี 2 ขน้ั สอน ชาติ เพลงสรรเสริญ มากมาย เช่น 1. ครนู าเสนอเนือ้ หาเรื่อง เพลงกับชวี ิตประจาวนั เกี่ยวกับความสมั พันธ์ พระบารม)ี เพลงกล่อมเด็กที่ ระหว่างเพลงกล่อม 2. แผนภูมิเน้ือเพลง ใชร้ ้องขบั กลอ่ ม เดก็ เพลงประกอบการละเลน่ เพลงสาคัญ (เพลงชาติ เพลงสรรเสรญิ พระ กล่อมเด็ก หรอื ปลอบเดก็ บารมี) กับชวี ิตประจาวนั เพื่อให้นอนหลบั แล้วเปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นซกั ถาม และอธบิ ายเพิ่มเติมพร้อมทัง้ ยกตัวอยา่ ง

ตวั ชี้วดั ความรู้ ภาระงาน/ การวดั และ กจิ กรรมการเรยี นรู้ ส่อื แหลง่ เรยี นรู้ ชนิ้ งาน ประเมนิ ผล เพลงประกอบ การละเล่นทใี่ ช้ 2. ครสู นทนากับนกั เรียนต่อไปวา่ นอกจากนเี้ พลงยงั ชว่ ยให้เราผอ่ นคลาย (เพลงนกเขาขัน รอ้ งประกอบ การละเลน่ ของ ความเครยี ด หรือนามาใช้ประกอบพิธีกรรมตา่ ง ๆ ได้พรอ้ มยกตัวอย่าง เพลงวัดโบสถ์ เพลง เด็กไทย และ เพลงสาคญั ๆ ที่ หลงั จากน้นั ถามนักเรยี นว่านกั เรียนรู้จกั เพลงเหล่านหี้ รือไม่ และใครร้อง กาเหว่า) เพลง มีความสาคัญตอ่ ความเปน็ เพลงใดได้บา้ ง หรอื นักเรียนชอบฟังเพลงอะไร เพราะเหตใุ ดจงึ ชอบฟัง ประกอบการละเลน่ ประเทศของเรา 3. ครเู ช่อื มโยงคาตอบของนักเรียนกบั ความสัมพนั ธ์หรอื ความเกี่ยวข้องกบั (เพลงรรี ขี ้าวสาร ชวี ติ ประจาวันของนักเรยี น เพอ่ื ให้นักเรียนเขา้ ใจย่งิ ขึ้น เช่น ถา้ นกั เรียน เพลงโพงพาง) และ บอกวา่ ชอบฟงั เพลงชา้ ๆ เพราะฟงั แลว้ ร้สู กึ สบายครูก็อธิบายคาตอบของ เพลงสาคญั (เพลง นกั เรียนว่า เพลงช้าช่วยให้นกั เรยี นรู้สึกสบาย เปน็ การใชเ้ พลงเพอ่ื ผอ่ น ชาติ เพลงสรรเสรญิ คลายความเหน็ดเหนอื่ ยได้ เป็นต้น พระบารม)ี 4. ครนู าแผนภมู ิเนื้อเพลงกล่อมเด็ก เพลงประกอบการละเลน่ และเพลง 3. ใบกิจกรรม สาคญั มาติดบนกระดานดาอา่ นเนอื้ เพลงให้นกั เรียนฟงั และให้นักเรียนอา่ น ตามทลี ะวรรคจนจบเพลง 5. เปิดเพลงทง้ั 3 ประเภทให้นกั เรียนฟังซา้ ๆ หลาย ๆ ครัง้ และให้ นักเรียนดูเนอ้ื เพลงใน หนงั สอื เรยี นประกอบ 6. ใหน้ ักเรยี นรอ้ งตามครทู ลี ะวรรค โดยดเู นอ้ื เพลงประกอบด้วย หลังจาก น้นั ใหน้ กั เรยี นรอ้ งเพลงเอง 7. ครูและนักเรียนรว่ มกนั สรปุ ความหมายของเพลงแต่ละประเภท โดยให้ ครูแนะนาเพม่ิ เติมและเปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นซกั ถาม

ตวั ช้วี ัด ความรู้ ภาระงาน/ การวัดและ กิจกรรมการเรยี นรู้ สื่อ แหลง่ เรยี นรู้ ชิ้นงาน ประเมนิ ผล ขัน้ ที่ 3 ขัน้ สรุป นักเรียนรว่ มกนั อภิปรายสรปุ เรือ่ ง เพลงกับชวี ิตประจาวนั โดยครูคอยให้ ความรู้เสริมในส่วนท่ีนกั เรียนไมเ่ ข้าใจหรอื สรุปไม่ตรงกบั จดุ ประสงค์การ เรยี นรู้ ข้นั ท่ี 4 ฝึกฝนนักเรียน 1. ให้นกั เรยี นปฏิบตั ิ กิจกรรม ปฏิบตั ขิ บั ร้องเพลงกล่อมเดก็ ปฏบิ ัตขิ บั รอ้ ง เพลงประกอบการละเลน่ และปฏบิ ัตขิ ับร้องเพลงสาคญั 2) แตล่ ะกลุ่มเลอื กเพลง 1 เพลง ร่วมกันอ่านเน้ือเพลงในหนังสือเรียนและ ทาความเข้าใจ ความหมายของเพลง และฝกึ รอ้ งเพลงจนชานาญ 3) แตล่ ะกลุม่ นาเสนอการปฏิบัตกิ ิจกรรมใหค้ รูและเพอ่ื น ๆ ฟัง หลังจาก กลมุ่ สดุ ทา้ ยร้องจบ ครเู ปิดเพลงท่ีนักเรียนร้องให้ฟงั ทีละเพลง เพอื่ น ๆ ชว่ ยกันอภิปรายวา่ เพลงท่กี ลมุ่ ร้องมคี วามเหมือนหรือแตกต่างจากเพลงทเี่ ปิดมากน้อยเพียงใด มีความไพเราะหรอื ไม่ 2. ครแู นะนาท้ัง 3 กลมุ่ ในการปรับปรงุ แก้ไขการปฏบิ ัติใหด้ ขี ึ้น แลว้ ให้ นกั เรยี นร่วมกันเลา่ ความรู้สึกหรอื อารมณท์ ไ่ี ดจ้ ากการรอ้ งเพลง ขัน้ ที่ 5 การนาไปใช้ 1. นักเรยี นนาเพลงทไ่ี ด้ฝกึ ร้องไปรอ้ งตามโอกาสต่าง ๆ หรอื ฝกึ ร้องเพลงอืน่ ๆ ท่ีสนใจให้เกิดความชานาญม่ันใจ แลว้ นามาร้องในเวลาวา่ งหรอื รอ้ งเพื่อ แสดงความสามารถของตนเอง

แผนการจดั การเรียนรู้ ชื่อหนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 7 ดนตรีในท้องถิน่ แผนการสอนท่ี 23 เรอ่ื ง ทีม่ าของบทเพลงในท้องถนิ่ หรอื เพลงพื้นบ้าน และเพลงพ้ืนบา้ นของไทยในภาคต่าง ๆ รายวิชาศิลปะ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 1 รหัสวิชา ศ 11101 ครผู สู้ อน นางสาวอรศิ รา พุทธวงค์ ตาแหนง่ พนักงานราชการ เวลาท่ีใช้ 2 ช่ัวโมง ตวั ชี้วดั ความรู้ ภาระงาน/ การวัดและ กจิ กรรมการเรียนรู้ สื่อ แหล่งเรียนรู้ ชนิ้ งาน ประเมินผลศ 2.2 ป. 1/1 - การตรวจใบงานเลา่ ถึงเพลงใน -บทเพลงใน -เล่าแลกเปลย่ี น ขั้นที่ 1 ขน้ั นาเขา้ สูบ่ ทเรยี น 1. วดี ิโอทีแ่ สดงภาพท้องถิ่น ท้องถิน่ หรือเพลง ประสบการณใ์ น 1. นักเรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี นเพื่อประเมนิ ความรู้ และเพลงพ้ืนบา้ นใน พื้นบ้านเกิดขึ้น การชมหรอื ฟัง 2. ครเู ปดิ วีดิทศั นเ์ พลงพืน้ บ้านของแต่ละภาคให้นักเรียนดู จากนัน้ ครูถาม แต่ละภาคของไทย จากการที่ เพลงพนื้ บ้านในแต่ เพ่ือประเมนิ ความรูน้ ักเรียนว่า นักเรียนเคยเห็นการแสดงหรือเคยไดย้ ิน 2. ใบกจิ กรรม ชาวบ้านไดแ้ ตง่ ละทอ้ งถ่นิ การขับร้องเพลงพ้ืนบ้านเหลา่ นห้ี รอื ไม่ และนักเรยี นคิดว่าบทเพลงหรือการ 3. ห้องสมุด ขนึ้ และประดษิ ฐ์ แสดงเหลา่ น้ีเกิดข้ึนไดอ้ ย่างไร ให้นักเรียนชว่ ยกันตอบ 4. เพลงพื้นบ้านใน แบบแผนการร้อง ข้นั ที่ 2 ขน้ั สอน แต่ละท้องถิ่น การเลน่ ไปตาม 1. ครูสนทนากับนักเรยี นวา่ ในท้องถิ่นของนกั เรยี นมกี ารรอ้ งเพลงพนื้ บา้ น 5. พอ่ เพลง แม่เพลง ความนิยมและ หรอื ไม่ และถามนักเรียนวา่ เคยเห็นหรอื เคยไดย้ ินหรือไม่ ขอตัวแทน ในท้องถ่ิน สาเนียงภาษาพดู ออกมาเล่าใหเ้ พ่อื น ๆ ฟงั หลงั จากน้ันตบมอื ชมเชย ของตนเอง อาจมี 2. ครูนาเสนอเนอื้ หาเรือ่ ง ท่มี าของบทเพลงในทอ้ งถน่ิ หรือเพลงพ้นื บา้ น เครอื่ งดนตรี และเพลงพน้ื บ้านของไทยในภาคต่าง ๆ เกย่ี วกับทม่ี าและลักษณะของ บรรเลงประกอบ เพลงพ้ืนบา้ นของไทยในแตล่ ะภาค หรอื บางท้องถนิ่ อาจใชก้ ารตบมือ ให้จงั หวะแทน

ตวั ช้วี ัด ความรู้ ภาระงาน/ การวัดและ กิจกรรมการเรยี นรู้ สอื่ แหลง่ เรียนรู้ ชิ้นงาน ประเมนิ ผล 3. ใหน้ กั เรียนจบั คูก่ นั แลว้ ผลัดกนั เลา่ ประสบการณ์หรือความประทบั ใจ ที่ ได้ชมหรือฟังเพลงพ้ืนบา้ นในท้องถิน่ ตนเองหรอื ท้องถ่นิ อน่ื ๆ ใหค้ ู่ของ ตวั เองฟงั 4. ให้แตล่ ะคู่ออกมานาเสนอประสบการณ์หนา้ ช้นั เรยี น ขั้นที่ 3 ขนั้ สรุป ให้นกั เรยี นรว่ มกันสรุปเรื่อง ท่มี าของบทเพลงในท้องถ่นิ หรอื เพลงพ้ืนบ้าน และเพลงพ้ืนบา้ นของไทยในภาคตา่ ง ๆ โดยครูคอยให้ความรเู้ สรมิ ในส่วนที่ นักเรยี นไมเ่ ขา้ ใจหรือสรปุ ไมต่ รงกับจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ข้ันท่ี 4 ฝกึ ฝนนักเรียน 1. ครใู หน้ ักเรยี นแบ่งกล่มุ กลุ่มละ 4–5 คน รว่ มกนั อภิปรายทม่ี าและ ลกั ษณะของเพลงพนื้ บ้านในภาคตา่ ง ๆ ของไทย โดยแต่ละกลมุ่ สง่ ตวั แทน มาจบั ฉลากที่ครทู าไว้ 4 ใบ (แตล่ ะใบเขยี นเพลงพนื้ บา้ นภาคเหนอื เพลง พนื้ บ้านภาคใต้ เพลงพื้นบา้ นภาคกลาง และเพลงพ้ืนบา้ นภาค ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื หรอื ภาคอีสาน) 2. แต่ละกลุม่ รว่ มกนั ศึกษาและทาความเขา้ ใจเพิ่มเติมจากเนอ้ื หาในหนงั สือ เรียน 3. แต่ละกลมุ่ ออกมานาเสนอผลงานหนา้ ชั้นเรียน เมือ่ นักเรียนนาเสนอเสร็จ แล้ว ครชู มเชยและใหข้ ้อชี้แนะแกน่ กั เรยี น 4. ครใู หน้ ักเรยี นปฏบิ ัติ กจิ กรรม วาดภาพการขบั รอ้ งเพลงพ้ืนบ้านใน ท้องถน่ิ ทีช่ ืน่ ชอบ และกิจกรรม ร้องเพลงพ้ืนบา้ นท่ีสนใจ พรอ้ มบันทึกผล และนาเสนอข้อมูลหน้าชนั้ เรียน

ตวั ช้วี ัด ความรู้ ภาระงาน/ การวัดและ กจิ กรรมการเรียนรู้ สือ่ แหลง่ เรยี นรู้ ชิ้นงาน ประเมนิ ผล ขน้ั ท่ี 5 การนาไปใช้ นักเรยี นสามารถนาความรู้เรอื่ ง ทีม่ าของบทเพลงในท้องถน่ิ หรือเพลง พน้ื บ้านและเพลงพนื้ บ้านของไทยในภาคต่าง ๆ ไปเล่าใหบ้ คุ คลทส่ี นใจและ เพอ่ื น ๆ หรอื คนในครอบครัวฟงั เกยี่ วกบั ท่ีมาหรอื ความหมายของเพลง พ้นื บ้านของไทย และสามารถนาความรเู้ ก่ียวกบั เพลงพนื้ บา้ นท่ไี ดช้ มหรอื ได้ ฟงั มาใช่จาแนกว่าเพลงพ้ืนบา้ นที่ได้ฟังนนั้ เป็นเพลงพ้นื บ้านของทอ้ งถิน่ ใด

แผนการจัดการเรียนรู้ ชื่อหนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 7 ดนตรใี นทอ้ งถิน่ แผนการสอนท่ี 24 เรอ่ื ง ความน่าสนใจของบทเพลงในทอ้ งถ่ินหรอื เพลงพื้นบา้ น รายวิชาศลิ ปะ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 1 รหัสวชิ า ศ 11101 ครูผสู้ อน นางสาวอริศรา พุทธวงค์ ตาแหนง่ พนักงานราชการ เวลาที่ใช้ 2 ช่ัวโมง ตวั ชีว้ ัด ความรู้ ภาระงาน/ การวัดและ กิจกรรมการเรียนรู้ สื่อ แหล่งเรยี นรู้ ชน้ิ งาน ประเมินผลศ 2.2 ป. 1/2 - การตรวจใบงานระบสุ ง่ิ ที่ชนื่ -บทเพลงใน คน้ คว้าเคร่อื ง ข้นั ที่ 1 ข้ันนาเขา้ สูบ่ ทเรียน 1. ธรรมชาติและชอบในดนตรีทอ้ งถน่ิ ท้องถิน่ หรอื เพลง ดนตรีทใ่ี ช้บรรเลง 1. ครูเปิดเพลงพ้นื บ้านของไทยในแตล่ ะภาคใหน้ กั เรยี นฟัง แล้วตั้งคาถาม สงิ่ แวดล้อม พน้ื บา้ นสามารถ พืน้ บ้านของ กับนกั เรยี นว่า เพลงพ้ืนบ้านในแต่ละภาคมีลกั ษณะเด่นอยา่ งไร ให้นกั เรียน 2. วีดโิ อเพลง สะท้อนให้เห็นถงึ ประเทศสมาชิก ชว่ ยกันอภปิ รายเพอื่ ประเมนิ ความร้นู ักเรียนก่อนเรียน พืน้ บ้านในแต่ละภาค วฒั นธรรมใน อาเซยี น ประเทศ ข้นั ท่ี 2 ขั้นสอน ของไทย ทอ้ งถิน่ ไดแ้ ก่ ละ 1 ช้นิ โดยวาด 1. ครูนาเสนอเนอื้ หาเร่อื ง ความน่าสนใจของบทเพลงในทอ้ งถ่ินหรอื เพลง 3. ใบกิจกรรม สะทอ้ นวถิ ชี ีวติ ภาพระบายสีให้ พ้ืนบ้าน โดยอธิบายเก่ียวกับความสาคญั ความเป็นเอกลักษณข์ องทอ้ งถิน่ 4. ห้องสมุด ของคนในท้องถิน่ สวยงาม และสะทอ้ นถงึ วัฒนธรรมของท้องถ่นิ ซง่ึ สามารถสร้างความน่าสนใจให้กับ เปน็ ภมู ิปัญญาที่ ผฟู้ ังหรอื ผู้พบเห็นได้ โดยให้นกั เรยี นดูเนือ้ หาในหนังสอื เรยี นประกอบ ควรคา่ แก่การ 2. ครอู ธิบายเพิ่มเตมิ ตามหัวข้อตอ่ ไปนใ้ี ห้นักเรียนเขา้ ใจยิ่งขนึ้ อนรุ ักษ์ ลลี าการ  สะทอ้ นถงึ วิถีชีวิตของคนในทอ้ งถิน่ นาเสนอของผขู้ ับ  เป็นภมู ิปัญญาชาวบา้ นท่ีควรค่าแกก่ ารอนุรกั ษ์ ร้อง เปน็ การร้อง โต้ตอบระหวา่ ง  ลลี าการนาเสนอของผขู้ ับร้อง ชาย–หญงิ  เปน็ การรอ้ งโต้ตอบกันระหวา่ งชาย–หญิง น่าสนใจให้กับผ้ทู ่ี  ใชส้ าเนยี งภาษาถิน่ พบเหน็ ได้  ความหมายและเน้ือหาของบทเพลง

ตวั ชี้วดั ความรู้ ภาระงาน/ การวดั และ กจิ กรรมการเรียนรู้ สื่อ แหล่งเรียนรู้ ชิ้นงาน ประเมนิ ผล ใช้สาเนียงภาษา  ใช้เครื่องดนตรีในทอ้ งถ่ินบรรเลงประกอบ ถน่ิ ความหมาย 3. ครูตงั้ คาถามในแตล่ ะหัวขอ้ เพื่อประเมินความเข้าใจของนักเรียน เชน่ และเน้อื หาของ เพลงพ้นื บ้านในท้องถนิ่ ของนกั เรยี นมีลกั ษณะตรงกบั หวั ขอ้ ใดบ้าง เป็นต้น บทเพลง และใช้ 5. ให้นักเรยี นปฏบิ ตั ิ กิจกรรม เลา่ ถึงเพลงพ้ืนบา้ นในทอ้ งถนิ่ และใหแ้ ตล่ ะ เครอื่ งดนตรใี น คนออกมานาเสนอหน้าชนั้ เรยี น ทอ้ งถนิ่ บรรเลง ข้นั ท่ี 3 ขนั้ สรุป ประกอบ ซง่ึ สง่ิ ให้นกั เรยี นร่วมกันสรุปเรอ่ื ง ความนา่ สนใจของบทเพลงในท้องถิน่ หรอื เพลง เหลา่ นีส้ ามารถ พื้นบา้ น โดยครคู อยใหค้ วามรูเ้ สรมิ ในส่วนที่นักเรียนไมเ่ ข้าใจหรือสรุปไม่ สรา้ งความ ตรงกบั จุดประสงค์การเรยี นรู้ ข้นั ที่ 4 ฝกึ ฝนนักเรยี น 1. ครูใหน้ กั เรยี นระดมสมองหรือให้นกั เรียนศึกษาในหวั ขอ้ ดังนี้ 1) นกั เรียนช่นื ชอบเพลงพ้ืนบ้านในท้องถ่ินใด และชอบเพราะอะไร 2) นกั เรยี นมวี ิธีชว่ ยกนั รกั ษาเพลงพนื้ บา้ นไมใ่ หห้ ายไปจากทอ้ งถน่ิ อย่างไร 2. ใหน้ กั เรียนแต่ละคนออกมาอภิปรายหน้าช้นั เรียนตามความเข้าใจใน หวั ขอ้ ดังกลา่ ว 3. ให้นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรยี น 4. ใหน้ กั เรียนทาโครงงานตามความสนใจ ขน้ั ท่ี 5 การนาไปใช้ นักเรยี นนาความรเู้ รอื่ ง ความนา่ สนใจของบทเพลงในทอ้ งถิน่ หรือเพลง พื้นบ้าน ไปใชเ้ ป็นแนวทางในการอนรุ กั ษเ์ พลงพ้ืนบ้านของทอ้ งถ่ินไทยไมใ่ ห้ หายไปจากสงั คมไทย

แผนการจัดการเรยี นรู้ ช่อื หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 8 การละเล่นของเด็กไทย แผนการสอนที่ 25 เรือ่ ง ประเภท วธิ กี ารเลน่ กติกาและประโยชน์ของการละเล่นของเด็กไทย รายวิชาศิลปะ ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 1 รหสั วิชา ศ 11101 ครผู ูส้ อน นางสาวอรศิ รา พุทธวงค์ ตาแหนง่ พนกั งานราชการ เวลาทใี่ ช้ 2 ชวั่ โมง ตัวชีว้ ดั ความรู้ ภาระงาน/ การวดั และ กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอื่ แหล่งเรยี นรู้ ชิ้นงาน ประเมินผลศ 3.2 ป. 1/1 - การตรวจใบงานระบุและเลน่ -การละเล่นของ ศกึ ษาการละเล่น ข้นั ที่ 1 ขน้ั นาเข้าสู่บทเรยี น 1. ภาพโปสเตอร์การละเล่นของเดก็ ไทย เดก็ ไทยแบง่ ของเด็กไทยวา่ 1. นักเรียนทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี นเพื่อประเมินความรู้ การละเล่นของ ออกเป็น 2 การละเล่น 2. ครใู หน้ ักเรยี นชมภาพการละเลน่ ของเดก็ ไทยแตล่ ะการละเล่น และ เด็กไทย ประเภท คือ อะไรบา้ งท่ตี อ้ งมี สนทนาซักถามนักเรยี นว่ารู้จกั หรอื เคยเลน่ การละเล่นของเด็กไทยในภาพใด 2. ใบความรู้ การละเล่นท่ีมี อปุ กรณใ์ นการ มาแล้วบา้ ง 3. ใบกิจกรรม การขบั ร้อง เล่น และอุปกรณ์ ข้ันท่ี 2 ขัน้ สอน 4. สถานท่ีตา่ ง ๆ เชน่ ประกอบการเล่น ของการละเล่น 1. ครนู าเสนอเน้อื หาเรอ่ื ง การละเลน่ ของเดก็ ไทย เกย่ี วกบั ประเภท วิธีการ โรงเรยี น บ้าน สนาม และการละเล่นท่ี นนั้ คืออะไร ใช้ ไม่มีการขบั ร้อง เล่นอย่างไร และ เลน่ กตกิ า และประโยชนข์ องการละเล่นของเด็กไทย เดก็ เล่น เป็นตน้ ประกอบการเล่น 2. ให้นักเรยี นแบ่งกลุม่ กลมุ่ ละ 3–4 คน แตล่ ะกลุ่มสง่ ตวั แทนจับฉลาก 5. อินเทอรเ์ น็ต ซ่ึงการละเลน่ แต่ ละอยา่ งจะมีการ สรปุ เป็นบันทกึ เลือกหวั ขอ้ ตอ่ ไปนก้ี ารละเลน่ งูกนิ หาง ความรูข้ องตนเอง  การละเล่นรรี ขี ้าวสาร  การละเล่นโพงพาง กาหนดวิธีการ  การละเลน่ จา้ จ้ี เลน่ และกติกาท่ี  การละเลน่ อา้ ยเข้อ้ายโขง เหมือนกนั  การละเล่นตลี ูกลอ้ คลา้ ยคลึงกนั  การละเล่นเดินกะลา  การละเล่นแขง่ เรอื

ตวั ชี้วดั ความรู้ ภาระงาน/ การวดั และ กจิ กรรมการเรยี นรู้ สือ่ แหล่งเรยี นรู้ ช้ินงาน ประเมินผล และแตกตา่ งกนั  การละเล่นเปา่ กบ ไป การละเลน่  การละเลน่ โหมง่ ผลัด ของเดก็ ไทยยงั  การละเลน่ ขีม่ า้ ก้านกลว้ ย ถือเป็ นกิจกรรม  การละเล่นชอ้ นมะนา4. แตล่ ะกลมุ่ ระดมความคดิ รว่ มกัน อยา่ งหน่ึงที่ช่วย เสริมสร้าง ศกึ ษาว่าการละเลน่ ทก่ี ลุม่ ของตนจับฉลากได้นั้นเปน็ พฒั นาการและ การละเล่นประเภทใด มีวิธีการเล่นและกติกาอย่างไรบ้าง ศกั ยภาพดา้ นต่าง และก่อให้เกิดประโยชนต์ ่อผู้เล่นอยา่ งไรบา้ งโดยศึกษา ๆ ไดแ้ ก่ ดา้ น ข้อมูลเพม่ิ เติมจากใบความรู้ เรอ่ื ง วธิ กี ารเล่นและกตกิ า ร่างกาย ดา้ น การละเล่นของเด็กไทย สติปัญญา ดา้ น อารมณ์จิตใจ 3. นักเรยี นแตล่ ะกลุม่ สง่ ตัวแทนออกมารายงานหน้าชน้ั เรียน และดา้ นสงั คม ข้นั ที่ 3 ข้ันสรปุ อีกดว้ ย นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นและอภิปรายสรปุ เรื่อง ประเภท วธิ กี ารเล่น กตกิ า และประโยชนข์ องการละเล่นของเดก็ ไทย เป็นความคดิ ของ ช้นั เรยี น โดยใหค้ รูคอยให้ความรู้เสริมในสว่ นทนี่ กั เรียนไมเ่ ข้าใจหรือสรุปไม่ตรง กบั จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ข้นั ท่ี 4 ฝกึ ฝนนกั เรยี น 1. ใหน้ กั เรยี นปฏบิ ตั ิ กจิ กรรม ประเภทของการละเลน่ ของเด็กไทย โดยใหน้ กั เรยี นแต่ละคนจาแนกการละเล่นวา่ ในข้อใดเป็นการละเลน่ ทมี่ กี ารขบั ร้องเพลงประกอบการเล่น และการละเล่นในข้อใดเปน็ การละเล่นทีไ่ มม่ ีการขบั รอ้ งเพลงประกอบการเล่น

ตวั ช้วี ัด ความรู้ ภาระงาน/ การวัดและ กจิ กรรมการเรียนรู้ สอ่ื แหลง่ เรียนรู้ ชน้ิ งาน ประเมนิ ผล 2. ให้นักเรียนปฏบิ ัติ กิจกรรม วิธีการเล่นและกติกาการละเล่นของเด็กไทย โดยให้นักเรียนแตล่ ะคนพจิ ารณาภาพการละเล่นของเด็กไทยในแต่ละภาพ ว่ามีวิธกี ารเลน่ และกตกิ าตรงตามข้อใดแล้วเขียนเครอื่ งหมาย ลงใน หนา้ ขอ้ ความนน้ั (นักเรียนสามารถตอบไดม้ ากกว่า 1 ขอ้ ) 3. ให้นักเรียนปฏิบตั ิ กิจกรรม อธิบายประโยชนข์ องการละเลน่ ของเด็กไทย โดยใหน้ กั เรยี นแต่ละคนอธิบายประโยชนท์ ่ีได้จากการฝึกปฏบิ ตั กิ ารละเลน่ ของเดก็ ไทย ขั้นท่ี 5 การนาไปใช้ 1. นกั เรยี นนาความรเู้ รื่อง ประเภทและประโยชนข์ องการละเล่นของ เด็กไทย มาใช้เป็นแนวทางในการประยกุ ตใ์ ช้ในการเลน่ กับเพื่อน ๆ ในเวลา ว่าง

แผนการจัดการเรยี นรู้ ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ท่ี 8 การละเล่นของเด็กไทย แผนการสอนที่ 26 เรอ่ื ง การละเลน่ มอญซ่อนผา้ รายวชิ าศลิ ปะ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 1 รหัสวิชา ศ 11101 ครูผู้สอน นางสาวอริศรา พุทธวงค์ ตาแหน่ง พนกั งานราชการ เวลาทีใ่ ช้ 2 ชวั่ โมง ตัวช้วี ัด ความรู้ ภาระงาน/ การวัดและ กิจกรรมการเรยี นรู้ สือ่ แหล่งเรียนรู้ ชนิ้ งาน ประเมนิ ผลศ 3.2 ป. 1/1 -การละเลน่ -ศกึ ษาการละเล่น - การตรวจใบงาน ข้ันที่ 1 ขน้ั นาเขา้ ส่บู ทเรยี น 1. สถานทีต่ ่าง ๆ เช่นระบุและเล่น มอญซ่อนผา้ ของเดก็ ไทยทีม่ ีการละเลน่ ของ เป็นการละเลน่ การขบั ร้องเพลง ครถู ามนกั เรยี นวา่ จากการละเล่นของเด็กไทยท่ีนักเรยี นไดศ้ ึกษาเรยี นรูม้ า โรงเรียน บา้ น สนามเดก็ ไทย ของเด็กไทยท่ีมี ประกอบการเล่น การขบั ร้องเพลง และฝึกเลน่ ในช่ัวโมงท่ีแล้วนกั เรียนเคยเลน่ การละเล่นของเด็กไทยการละเลน่ ใดมาบ้าง เด็กเล่น เปน็ ตน้ ประกอบการ เลน่ และมี และสุ่มเลือกนกั เรียนท่ีเคยเลน่ ออกมาเลา่ ประสบการณท์ ี่เคยไดเ้ ล่น 2. ใบกิจกรรม อุปกรณใ์ นการ เล่นคอื การละเลน่ ของเด็กไทยให้เพ่ือนฟงั 3. อนิ เทอร์เน็ต ผา้ เช็ดหนา้ หรือ ผ้าพนั คอลกู เสือ ขนั้ ท่ี 2 ขัน้ สอน 4. ใบกจิ กรรม มกี ารกาหนด วธิ ีการเล่นและ ครนู าเสนอเน้อื หาเรอ่ื ง การละเลน่ มอญซอ่ นผ้า เกี่ยวกบั วิธกี ารเล่นและ กตกิ า เพ่ือให้ผู้ เลน่ มีความ กติกาของการเลน่ แล้วให้นักเรียนปฏิบตั กิ จิ กรรมดังนี้ เขา้ ใจท่ตี รงกนั 1) ครูตดิ แผนภูมิเพลงมอญซอ่ นผ้าบนกระดานดา แล้วอ่านเน้ือเพลงให้ นกั เรยี นฟัง 1 เทยี่ ว 2) ครูอ่านเน้อื เพลงมอญซอ่ นผา้ ใหน้ กั เรยี นฟัง และให้นักเรยี นอ่านตามที ละวรรคจนจบเพลง 3) ครูร้องเพลงมอญซ่อนผ้าใหน้ กั เรียนฟัง 1 เที่ยว และใหน้ ักเรยี นฝกึ ร้อง ตามทีละวรรคจนจบเพลงโดยให้ตบมือเปน็ จงั หวะตามไปด้วย จากนน้ั ให้ นกั เรยี นทุกคนฝกึ รอ้ งเพลงมอญซ่อนผา้ จนเกิดความชานาญและจาเน้อื ร้อง ได้

ตวั ช้วี ัด ความรู้ ภาระงาน/ การวัดและ กิจกรรมการเรียนรู้ สอ่ื แหลง่ เรยี นรู้ชิ้นงาน ประเมนิ ผล 4) ครูให้นกั เรียนแบ่งกล่มุ ละ 8 คน 5) ครูขออาสาสมัครนกั เรยี น 1 กลุ่ม เพ่ือเปน็ กลุม่ ตัวอย่างในการสาธติ การละเลน่ มอญซอ่ นผา้ 6) นกั เรียนฟงั ครอู ธิบายวิธกี ารเลน่ และกติกาของการละเลน่ มอญซอ่ นผา้ พรอ้ มกับดกู ารสาธติ การเล่นทลี ะข้นั ตอน 7) นักเรียนแต่ละกลมุ่ ฝึกเล่นการละเล่นมอญซ่อนผ้าตามท่ีครูอธบิ ายและ สาธิตตวั อยา่ งการเล่น ขั้นที่ 3 ข้ันสรปุ ใหน้ ักเรยี นรว่ มกนั สรุปเรื่อง การละเล่นมอญซ่อนผ้า เกยี่ วกบั วิธกี ารเลน่ และกติกา เปน็ ความคดิ ของนักเรยี น โดยครคู อยให้ความรเู้ สริมในส่วนที่ นกั เรยี นไม่เข้าใจหรอื สรปุ ไมต่ รงกบั จุดประสงค์การเรยี นรู้ ข้นั ท่ี 4 ฝึกฝนนกั เรยี น ให้นกั เรียนปฏิบัติ กจิ กรรม การละเลน่ มอญซ่อนผา้ โดยให้นกั เรียน แบ่งกลมุ่ กลุ่มละ 8 คน ร่วมเล่นการละเล่นมอญซ่อนผา้ และรว่ มกันแสดงความคดิ เห็นกับคาถามที่ กาหนดให้ ขั้นที่ 5 การนาไปใช้ 1. นักเรยี นนาความรเู้ รือ่ ง การละเลน่ มอญซ่อนผ้า มาประยกุ ต์ใชใ้ น ชวี ติ ประจาวัน โดนนาไปเลน่ ในโอกาสต่าง ๆ กบั เพื่อน ๆ

แผนการจดั การเรยี นรู้ ช่อื หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 8 การละเลน่ ของเดก็ ไทย แผนการสอนท่ี 27 เรื่อง การละเลน่ ช้อนมะนาว รายวิชาศลิ ปะ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 1 รหัสวชิ า ศ 11101 ครผู สู้ อน นางสาวอริศรา พุทธวงค์ ตาแหนง่ พนกั งานราชการ เวลาทีใ่ ช้ 2 ชวั่ โมง ตวั ชี้วดั ความรู้ ภาระงาน/ การวดั และ กิจกรรมการเรียนรู้ ส่ือ แหล่งเรยี นรู้ ชน้ิ งาน ประเมนิ ผลศ 3.2 ป. 1/1 -การละเล่นชอ้ น ศึกษาการละเลน่ - การตรวจใบงาน ข้ันท่ี 1 ขน้ั นาเข้าสู่บทเรียน 1. ภาพโปสเตอร์ระบุและเลน่ มะนาวเปน็ ของเดก็ ไทยทไ่ี มม่ ี 1. ครูให้นกั เรียนดูภาพการละเลน่ ชอ้ นมะนาวและสนทนาซกั ถามนักเรยี น การละเลน่ ของการละเล่นของ การละเลน่ ของ การขับร้องเพลง วา่ รู้จักหรอื เคยเลน่ การละเล่นของเดก็ ไทยในภาพหรอื ไม่ เด็กไทยเด็กไทย เดก็ ไทยทีไ่ ม่มี ประกอบการเลน่ 2. ครูให้นกั เรียนร่วมกันแสดงความคดิ เหน็ และอธิบายภาพการละเลน่ ช้อน 2. ใบกิจกรรม การขบั ร้องเพลง และฝกึ เลน่ มะนาว และนาประเด็นท่นี ักเรยี นไดร้ ว่ มแสดงความคิดเห็นเชอื่ มโยงเข้าสู่ 3. ใบงาน ประกอบการ เร่อื งของวิธีการเลน่ และกตกิ าของการละเลน่ ช้อนมะนาว 4. สถานท่ีต่าง ๆ เชน่ เลน่ แตม่ ี ข้ันท่ี 2 ขัน้ สอน โรงเรียน บา้ น สนาม อุปกรณ์ในการ ครนู าเสนอเนือ้ หาเร่ือง การละเล่นช้อนมะนาว เกี่ยวกบั วิธกี ารเล่นและ เดก็ เล่น เปน็ ตน้ เล่น คือ ช้อน กตกิ าของการเล่น แล้วใหน้ ักเรยี นปฏิบัติกจิ กรรมดังนี้ 5. อนิ เทอรเ์ นต็ และมะนาว มี 1) ครขู ออาสาสมคั รนักเรยี น 2 กลุ่ม เพ่ือออกมาสาธติ การละเล่นช้อน การกาหนด มะนาว วิธกี ารเล่นและ 2) นกั เรียนฟงั ครูอธิบายวธิ กี ารเล่นและกติกาของการละเล่นช้อนมะนาว กติกา เพอ่ื ใหผ้ ู้ พรอ้ มกบั ดูการสาธิตการเล่นทีละขั้นตอน เล่นมีความ 3) นกั เรยี นแตล่ ะคนฝึกเลน่ การละเล่นช้อนมะนาวตามท่ีครอู ธบิ ายและ เข้าใจท่ีตรงกัน สาธิตตวั อยา่ งการเล่น

ตวั ชี้วดั ความรู้ ภาระงาน/ การวดั และ กิจกรรมการเรยี นรู้ ส่อื แหลง่ เรียนรู้ชิ้นงาน ประเมินผล ขนั้ ที่ 3 ขัน้ สรปุ ใหน้ ักเรยี นรว่ มกันสรปุ เรื่อง การละเลน่ ชอ้ นมะนาว ท่ีเก่ียวกบั วิธีการเลน่ และกตกิ า เป็นความคดิ ของนักเรยี น โดยครคู อยให้ความรูเ้ สรมิ ในส่วนท่ี นกั เรยี นไม่เข้าใจหรอื สรปุ ไม่ตรงกับจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ขัน้ ที่ 4 ฝึกฝนนกั เรียน 1. ให้นักเรยี นปฏิบัตกิ จิ กรรม การละเล่นชอ้ นมะนาว โดยให้นกั เรียน ร่วมกนั เล่นการละเลน่ ชอ้ นมะนาว และรว่ มกันแสดงความคดิ เห็นกบั คาถามท่ีกาหนดให้ 2. ให้นักเรยี นปฏบิ ัตกิ ิจกรรมในใบงานเรอื่ ง เปรยี บเทียบความเหมอื นและ ความแตกต่างของการละเล่นช้อนมะนาวกบั การละเล่นมอญซอ่ นผ้า โดยให้ นักเรียนนาขอ้ ความทกี่ าหนดให้เติมลงในชอ่ งตารางเปรยี บเทียบให้ถูกต้อง 3. ให้นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลังเรียน 4. ให้นักเรยี นทาโครงงานตามความสนใจ ข้นั ที่ 5 การนาไปใช้ 1. นกั เรียนนาความร้เู รือ่ ง การละเล่นช้อนมะนาว มาประยกุ ตใ์ ชใ้ น ชวี ติ ประจาวนั โดยนาไปเลน่ ในโอกาสต่าง ๆ กบั เพอื่ น

แผนการจัดการเรียนรู้ ชือ่ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 9 การแสดงนาฏศลิ ปเ์ บ้อื งตน้ แผนการสอนที่ 28 เรือ่ ง การแสดงภาษาท่าท่สี ่ือความหมายแทนคาพูด รายวชิ าศลิ ปะ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 1 รหัสวชิ า ศ 11101 ครูผู้สอน นางสาวอรศิ รา พุทธวงค์ ตาแหน่ง พนกั งานราชการ เวลาทใี่ ช้ 2 ชว่ั โมงตวั ชี้วัด ความรู้ ภาระงาน/ การวัดและ กจิ กรรมการเรยี นรู้ สื่อ แหล่งเรยี นรู้ ชนิ้ งาน ประเมินผล - การตรวจใบงานศ 3.1 ป. 1/2 -การแสดง ศกึ ษาภาษา ขัน้ ท่ี 1 ขั้นนาเขา้ สบู่ ทเรียน 1. สถานท่ีตา่ ง ๆ เชน่1. แสดงทา่ ทาง ท่าทางทส่ี อ่ื ทา่ ทางทีส่ ่อื ความหมายแทน ครูให้นกั เรยี นดูภาพโปสเตอร์นาฏศลิ ป์เกีย่ วกบั ภาษาทา่ แล้วซักถาม โรงเรยี น บ้าน โรงง่าย ๆ เพื่อส่ือ ความหมาย นกั เรียนว่านักเรยี นรู้หรือไม่ว่าภาพโปสเตอร์นาฏศิลป์ทน่ี ักเรียนดูนี้เปน็ การ ละคร ศนู ย์ความหมาย แทนคาพูด เป็น คาพูด แสดงท่าราเก่ียวกับอะไร โดยให้นักเรยี นแสดงความคดิ เห็นอภปิ ราย และ วฒั นธรรม เปน็ ต้นแทนคาพูด การแสดงภาษา นอกเหนือจากท่ี แสดงทา่ ทางเลียนแบบรว่ มกันตามความรู้ ความเขา้ ใจ และประสบการณ์ 2. ใบกจิ กรรม2. บอกสง่ิ ท่ี ท่าอย่างหนึง่ ซึ่ง เรยี นมาคนละ 1 ของตนเอง 3. อินเทอร์เนต็ตนเองชอบในการแสดง เป็นพนื้ ฐานใน ท่า และเขยี นนาฏศลิ ป์ การแสดง อธิบายท่ารา ขัน้ ท่ี 2 ข้นั สอน 1. ครูนาเสนอเนอื้ หาเรอ่ื ง การแสดงภาษาทา่ ที่ส่ือความหมายแทนคาพดู นาฏศลิ ป์ ดงั นนั้ เกย่ี วกบั ความหมายของการแสดงภาษาท่าท่ีส่อื ความหมายแทนคาพดู และ ให้นกั เรียนปฏิบัติกิจกรรมดังน้ี การฝึกปฏิบตั ิ 1) ครูอธบิ ายถึงของลกั ษณะภาษาท่าแต่ละทา่ และให้นกั เรียนดูภาพภาษา ทา่ จากหนงั สอื เรยี นประกอบการอธิบายของครู และศึกษา 2) ครูอธบิ ายลกั ษณะของภาษาท่าทใ่ี ช้สอื่ ความหมายแทนคาพดู และสาธติ ให้นกั เรียนดทู ีละทา่ แล้วใหน้ กั เรียนปฏบิ ตั ิตามจนเกดิ ความชานาญและ ความหมายของ คลอ่ งแคลว่ ดังนี้ ภาษาทา่ ก็ เพ่อื ท่จี ะ สามารถแสดง นาฏศิลป์ได้

ตวั ชี้วดั ความรู้ ภาระงาน/ การวัดและ กิจกรรมการเรยี นรู้ สอ่ื แหลง่ เรียนรู้ ชิ้นงาน ประเมนิ ผล อยา่ งถูกต้อง – มือซ้ายจีบที่อก มอื ขวาเทา้ เอว คือ ภาษาทา่ ทางท่ีสอ่ื ความหมายวา่ ตวั สวยงาม เกิด เราหรอื ฉัน ความสนกุ สนาน – ชน้ี ว้ิ มือซา้ ยออกดา้ นข้างลาตวั มอื ขวาจีบส่งหลังแขนตงึ หรือจบี ที่ชายพก เพลิดเพลิน คือ ภาษาทา่ ที่ และเหน็ คณุ ค่า สื่อความหมายวา่ เธอ ของการแสดง – มอื ท้งั สองขา้ งต้ังวงส่งไปด้านขวาระดบั ไหล่ กดปลายมอื ลงทาท่ากวักมอื นาฏศิลป์ คือ ภาษาทา่ ที่ ส่อื ความหมายวา่ เรยี ก – มือซ้ายกามอื กรีดนิว้ ชอี้ อกเหยียดตงึ และหกั ขอ้ มอื ลง ใหม้ ืออย่รู ะดับหนา้ ทอ้ ง มอื ขวา เท้าเอว คือ ภาษาท่าท่สี อ่ื ความหมายว่าท่ีน่ี – มอื ซ้ายกามือกรีดนว้ิ ชอ้ี อกงอแขนเลก็ นอ้ ยและหกั ข้อมือลง ให้มอื อยู่ ระดับไหล่ มอื ขวา เทา้ เอว คือ ภาษาทา่ ท่ีสือ่ ความหมายวา่ ทีโ่ น่น 2. นกั เรยี นร่วมกนั ฝึกปฏบิ ตั ภิ าษาท่าทางนาฏศลิ ปด์ ้วยตนเอง โดยครูจะ คอยให้คาแนะนาเพื่อนาไปปรับปรุงแกไ้ ข 3. นกั เรยี นทุกคนแสดงภาษาทา่ ทางนาฏศลิ ปไ์ ทยให้ครดู อู ีกรอบ ขน้ั ท่ี 3 ขนั้ สรปุ นักเรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นและอภปิ รายสรุปเรือ่ ง การแสดงภาษา ทา่ ท่ีสอ่ื ความหมายแทนคาพดู เปน็ ความคดิ ของนกั เรียน โดยครูคอยให้ ความร้เู สรมิ ในสว่ นทนี่ ักเรยี นไมเ่ ข้าใจหรอื สรุปไม่ตรงกับจดุ ประสงค์การ เรยี นรู้

ตวั ช้วี ัด ความรู้ ภาระงาน/ การวดั และ กิจกรรมการเรยี นรู้ ส่ือ แหลง่ เรียนรู้ ช้นิ งาน ประเมินผล ขั้นท่ี 4 ฝึกฝนนักเรียน ใหน้ กั เรียนปฏบิ ตั ิ กิจกรรม ท่าทางสอ่ื ความหมายแทนคาพดู โดยให้ นกั เรยี นสงั เกตภาพแลว้ ขดี เสน้ โยงระหว่างภาพกบั คาให้ตรงกัน และฝกึ ปฏิบตั ทิ า่ ราตามภาพ ขัน้ ที่ 5 การนาไปใช้ 1. นักเรยี นนาความรเู้ รือ่ ง การแสดงภาษาท่าท่ีสอ่ื ความหมายแทนคาพูด มาประยุกต์ใชใ้ นการแสดงนาฏศิลปห์ รอื ชมการแสดงนาฏศลิ ป์ไทยเม่อื มี โอกาส

แผนการจดั การเรยี นรู้ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ท่ี 9 การแสดงนาฏศิลปเ์ บื้องต้น แผนการสอนที่ 29 เรื่อง การแสดงทา่ ทางประกอบเพลง รายวชิ าศลิ ปะ ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 1 รหสั วชิ า ศ 11101 ครูผ้สู อน นางสาวอริศรา พทุ ธวงค์ ตาแหน่ง พนกั งานราชการ เวลาที่ใช้ 2 ชั่วโมง ตวั ช้วี ดั ความรู้ ภาระงาน/ การวัดและ กจิ กรรมการเรียนรู้ สอ่ื แหล่งเรยี นรู้ ช้นิ งาน ประเมินผลศ 3.1 ป. 1/2 - การตรวจใบงาน1. แสดงท่าทาง -การแสดง คิดท่าทาง ขัน้ ที่ 1 ขนั้ นาเข้าสูบ่ ทเรยี น 1. แผนภูมิเพลงนกง่าย ๆ เพอ่ื ส่อื ครทู บทวนเร่ืองภาษาทา่ ทไี่ ดเ้ รยี นไปแลว้ และซักถามนักเรยี นวา่ นกั เรยี น น้อยความหมาย ทา่ ทางประกอบ ประกอบเพลงนก ทราบหรือไม่วา่ ภาษาทา่ มีความสาคญั ต่อการแสดงทา่ ทางประกอบเพลง 2. เทปเพลงนกน้อยแทนคาพูด อยา่ งไรบา้ ง โดยให้นกั เรียนแสดงความคดิ เห็นและอภิปรายรว่ มกันตาม และเคร่อื งเล่นเทป2. บอกส่ิงที่ เพลง เปน็ การ น้อยขน้ึ ใหม่ แล้ว ความรู้ ความเข้าใจ และประสบการณ์ของตนเอง เพลงตนเองชอบใน ขน้ั ท่ี 2 ขัน้ สอน 3. สถานท่ตี า่ ง ๆ เช่นการแสดง แสดงทา่ ทางที่ ออกมาแสดง 1. ครนู าเสนอเนอ้ื หาเร่ือง การแสดงท่าทางประกอบเพลง เกี่ยวกบั โรงเรียน บา้ น โรงนาฏศลิ ป์ ความหมายและวิธีการแสดงทา่ ทางประกอบเพลง แลว้ ให้นักเรียนปฏบิ ัติ ละคร ศนู ยว์ ฒั นธรรม สอ่ื ความหมาย กิจกรรม ดงั น้ี เปน็ ตน้ 1) ครูตดิ แผนภมู เิ พลงนกนอ้ ย บนกระดานดา แล้วอา่ นเนื้อเพลงให้ 4. ใบกิจกรรม ตามบทเพลง ซึง่ นักเรียนฟัง 1 เที่ยว 5. อินเทอร์เน็ต 2) ครอู ่านเนือ้ เพลงนกน้อยให้นกั เรียนฟังและใหน้ ักเรียนอ่านตามทลี ะ การแสดง วรรคจนจบเพลง จากน้ันรว่ มกันอภปิ รายและแสดงความคดิ เหน็ ความหมายของเนอื้ เพลง ท่าทางประกอบ เพลงจะนา ภาษาท่าที่มี ความสอดคล้อง กบั บทเพลงมา ใชป้ ระกอบ เพลง

ตวั ชี้วดั ความรู้ ภาระงาน/ การวดั และ กิจกรรมการเรียนรู้ สอื่ แหล่งเรยี นรู้ ชิน้ งาน ประเมนิ ผล หรือประดิษฐ์ทา่ 3) ครูเปดิ เทปบันทึกเสยี งเพลงนกนอ้ ยให้นักเรียนฟัง 1 เท่ยี ว และให้ ประกอบเพลง นกั เรยี นฝึกร้องตามครทู ีละวรรคจนจบเพลง โดยให้ตบมือเปน็ จงั หวะตาม ขน้ึ ใหมใ่ ห้ ไปด้วย จากนน้ั ให้นักเรียนทกุ คนฝกึ ร้องเพลงนกน้อยจนเกดิ ความชานาญ สอดคลอ้ งกบั และจาเนื้อรอ้ งได้ บทเพลง 4) ครูสาธิตทา่ ทางประกอบเพลงนกน้อยทลี ะประโยคจนจบเพลงแลว้ ให้ นกั เรียนปฏบิ ตั ิตาม (โดยไม่เปิดเทปเพลง) 5) ครสู าธติ ทา่ ทางประกอบเพลงนอ้ ยจนจบเพลงแลว้ ให้นกั เรยี นปฏิบตั ติ าม (โดยเปิดเทปเพลง) 2. ใหน้ ักเรยี นปฏิบัติทา่ ราประกอบเพลงนกน้อยประกอบการเปิดเทป บันทกึ เสยี งเพลงนกนอ้ ยหลาย ๆ คร้งั จนเกิดความชานาญ โดยครคู อยดแู ล และให้คาแนะนาและแก้ไขขอ้ บกพรอ่ งเพือ่ ใหแ้ สดงท่าทางไดถ้ กู ตอ้ ง สวยงาม ขั้นท่ี 3 ข้ันสรุป นักเรยี นร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ และอภิปรายสรปุ เรอ่ื ง การแสดงทา่ ทาง ประกอบเพลง เปน็ ความคิดของนักเรยี น โดยครูคอยใหค้ วามรู้เสริมในสว่ น ที่นักเรยี นไมเ่ ข้าใจหรอื สรปุ ไม่ตรงกบั จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ขั้นที่ 4 ฝึกฝนนกั เรียน 1. ใหน้ ักเรยี นปฏบิ ัติ กจิ กรรม ทา่ ราเพลงนกนอ้ ย โดยเรียงลาดบั ท่าราให้ สอดคล้องกับบทเพลงท่ีกาหนดให้

ตวั ช้วี ัด ความรู้ ภาระงาน/ การวัดและ กิจกรรมการเรยี นรู้ สอื่ แหลง่ เรยี นรู้ ชิ้นงาน ประเมนิ ผล 2. ใหน้ ักเรยี นแบง่ กลมุ่ กล่มุ ละ 6 คู่ ร่วมกนั ฝึกปฏบิ ัติการแสดงทา่ ทาง ประกอบเพลงนกน้อยแล้วออกมาแสดงหนา้ ชัน้ เรยี นใหค้ รูและเพอน่ื ๆ ชม และร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นตอ่ การแสดงทา่ ทางประกอบเพลงนกน้อย ของกลมุ่ ตนเอง 3. ครูให้นกั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรยี น 4. ครใู หน้ ักเรียนทาโครงงานตามความสนใจ ขั้นที่ 5 การนาไปใช้ 1. นักเรียนนาความรเู้ รอ่ื ง การแสดงทา่ ทางประกอบเพลง มาประยกุ ต์ใชใ้ น กจิ กรรมการเรยี นวิชานาฏศลิ ปใ์ นโอกาสต่อไป และสามารถนาการแสดง ทา่ ทางประกอบเพลงนกนอ้ ยไปจดั แสดงในโอกาสตา่ ง ๆ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook