หลักสตู รตา้ นทุจริตศกึ ษา (Anti-Corruption Education) สานกั งานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ (สานักงาน ป.ป.ช.)
ก คานา ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2560 – 2564) ไดก้ าหนดยทุ ธศาสตร์ท่ี 1 สร้างสงั คมที่ไม่ทนต่อการทุจริต อันมีกลยุทธ์ว่าด้วยเรื่องของการปรับฐานความคิดทุกช่วงวัย ตั้งแต่ปฐมวัยให้สามารถแยกระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ส่งเสริมให้มีระบบและ กระบวนการกล่อมเกลาทางสังคมเพื่อต้านทุจริต ประยุกต์หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นเครื่องมือต้านทุจริต เสริมพลังการมีส่วนร่วมของชุมชน (Community) และบูรณาการทุกภาคส่วนเพื่อต่อต้านการทุจริต คณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) จึงได้มีคาส่ังแต่งต้ังคณะอนุกรรมการจัดทา หลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และส่ือประกอบการเรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจริตขึ้น เพ่ือศึกษา วิเคราะห์ และ รวบรวมข้อมูล กาหนดแนวทางและขอบเขตในการจัดทาหลักสูตร ยกร่างและจัดทาเนื้อหาหลักสูตรหรือชุดการ เรยี นร้แู ละส่อื ประกอบการเรยี นรู้ พิจารณาให้ความเห็นเพิ่มเติม กาหนดแผนหรือแนวทางการนาหลักสูตรไปใช้ใน หนว่ ยงานท่เี กย่ี วขอ้ ง และดาเนินการอืน่ ๆ ตามท่คี ณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมาย คณะอนุกรรมการฯ ได้ร่วมกันสร้างหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (Anti-Corruption Education) ประกอบด้วย ๕ หลักสูตร ดังนี้ ๑. หลักสูตรการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ๒. หลักสูตร อุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with good heart”) ๓. หลักสูตรกลุ่มทหารและตารวจ (ตามแนวทาง รับราชการ กลุ่มทหารและตารวจ) ๔. วิทยากร ป.ป.ช. / บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้นาการ เปลี่ยนแปลงสูส่ งั คมทีไ่ มท่ นต่อการทุจรติ ) และ ๕. หลักสูตรโค้ช (โคช้ เพอื่ การรู้คดิ ต้านทุจริต) และคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติเห็นชอบทั้ง 5 หลักสูตร และให้นาเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาสั่งการให้หน่วยงานที่เก่ียวข้องนาหลักสูตร ไปปรบั ใชก้ ับกลุม่ เปา้ หมาย คณะรัฐมนตรี ได้มีมติในการประชุมเม่ือวันท่ี 22 พฤษภาคม 2561 เห็นชอบตามท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอ ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่ต้องนาหลักสูตรไปดาเนินการรับความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการ สานักงาน ก.พ. สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบา ยและ พัฒนาการศึกษาไปพิจารณาดาเนินการต่อไป โดยให้ประสานงานกับสานักงาน ป.ป.ช. อย่างใกล้ชิด ให้ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ สานักงาน ก.พ. สานักงานตารวจแห่งชาติ และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หารือร่วมกับสานักงาน ป.ป.ช. เพ่ือพิจารณานาหลักสูตรน้ีไปปรับใช้ในโครงการฝึกอบรม หลักสูตรข้าราชการ บคุ ลากรภาครัฐ หรือพนักงานรัฐวิสาหกจิ ท่บี รรจใุ หม่ สานักงาน ป.ป.ช. หวังเป็นอย่างย่ิงว่าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา จะสร้างความรู้ความเข้าใจและทักษะ ให้แก่ผู้เรียนหรือผู้ผ่านการอบรมในเร่ืองการคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ความอายและความไม่ทนต่อการทุจริต STRONG : จิตพอเพียงต้านทุจริต และพลเมืองกับความรับผิดชอบต่อ สังคม เพ่ือรว่ มกนั ปอ้ งกนั หรอื ตอ่ ตา้ นการทจุ รติ มิใหม้ ีการทุจรติ เกิดขึ้นในสังคมไทย ร่วมสร้างสังคมไทยที่ไม่ทนต่อ การทุจรติ ตอ่ ไป สานักป้องกันการทุจริตภาครัฐ สานกั งาน ป.ป.ช. กรกฎาคม 2561
สารบัญ หน้า คานา ก ความเปน็ มาของการจดั ทาหลักสตู รตา้ นทจุ ริตศกึ ษา 1 การดาเนนิ งานเพื่อพจิ ารณาจดั ทาหลกั สตู ร/ชดุ วิชา/กลุ่มเป้าหมาย 3 มติคณะรัฐมนตรี 6 รายละเอียดของหลกั สตู รต้านทุจริตศึกษา 7 (1) หลักสูตรการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน 7 (2) หลกั สูตรอุดมศกึ ษา 23 (3) หลักสูตรกล่มุ ทหารและตารวจ 27 (4) หลักสูตรวทิ ยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและรฐั วสิ าหกิจ 34 (5) หลักสูตรโค้ช 43 แนวทางการนาหลักสูตรตา้ นทจุ รติ ศึกษาไปใช้ 56 เนือ้ หาโดยสังเขป 57 (1) การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนกบั ผลประโยชน์สว่ นรวม 57 (2) ความอายและความไม่ทนต่อการทุจริต 69 (3) STRONG : จติ พอเพียงตา้ นทุจริต 81 (4) พลเมืองและความรับผิดชอบต่อสังคม 89 ภาคผนวก คาส่งั แตง่ ตั้งคณะอนกุ รรมการจดั ทาหลักสูตรหรอื ชดุ การเรียนรแู้ ละสื่อประกอบการเรียนรู้ 96 ดา้ นการปอ้ งกนั การทุจรติ สานกั งาน ป.ป.ช.
1 ความเป็นมา ของหลักสตู รต้านทุจริตศกึ ษา (Anti-Corruption Education) 1.1 ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 – 2564) ยุทธศาสตร์ที่ 1 “สร้างสังคมไม่ทนต่อการทุจริต” ได้มุ่งเน้นให้ความสาคัญในกระบวนการปรับสภาพสังคมให้เกิด ภาวะที่ “ไม่ทนต่อการทจุ รติ ” โดยเรมิ่ ต้ังแต่กระบวนการกล่อมเกลาทางสังคมในทุกระดับช่วงวัยตั้งแต่ปฐมวัยเพื่อ สร้างวฒั นธรรมตอ่ ต้านการทุจริต และปลูกฝังความพอเพียง มีวินัย ซ่ือสัตย์สุจริต ดาเนินการผ่านสถาบันหรือกลุ่ม ตัวแทนที่ทาหน้าที่ในการกล่อมเกลาทางสังคม และได้กาหนดกลยุทธ์ 4 กลยุทธ์ คือ กลยุทธ์ที่ 1 ปรับฐาน ความคิดทกุ ชว่ งวัย ต้ังแต่ปฐมวยั ให้สามารถแยกระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม กลยุทธ์ที่ 2 ส่งเสริมให้มีระบบและกระบวนการกล่อมเกลาทางสังคมเพ่ือต้านทุจริต กลยุทธ์ท่ี 3 ประยุกต์หลักปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียงเป็นเคร่ืองมือต้านทุจริต และกลยุทธ์ท่ี 4 เสริมพลังการมีส่วนร่วมของชุมชน (Community) และบูรณาการทุก ภาคส่วนเพอื่ ตอ่ ตา้ นการทุจริต โดยมี 3 กลยุทธ์ ที่กาหนดให้ต้องดาเนินการจัดทาหลักสูตร บทเรียน การเรียนการสอน การนาเสนอ และรูปแบบการป้องกันการทุจริต รวมทั้งการพัฒนานวัตกรรมและส่ือการเรียนรู้สาหรับทุกช่วงวัย ได้แก่ กลยุทธ์ที่ 1 กลยทุ ธท์ ี่ 2 และกลยุทธ์ที่ 3 1.2 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีคาส่ังที่ 646/2560 ลงวันท่ี วันท่ี 26 เมษายน 2560 แต่งต้ัง คณะอนุกรรมการจัดทาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และสื่อประกอบการเรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจริต เพ่ือดาเนินการจัดทาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจริต สาหรับใช้เป็นมาตรฐานกลางเพื่อให้ สถานศึกษาหรือหน่วยงานที่เก่ียวข้องในด้านการศึกษา นาไปปรับใช้ในการเรียนการสอนให้กับนักเรียนนักศึกษา ในทุกระดับชั้นเรียน ต้ังแต่ระดับปฐมวัย ประถมศึกษา มัธยมศึกษา และอุดมศึกษา ท้ังภาครัฐและเอกชน รวมท้ัง หลักสูตรสาหรับฝึกอบรมให้กับบุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ โดยมีรองศาสตราจารย์ ดร.มาณี ไชยธีรานุวัฒศิริ ท่ีปรึกษาประธานกรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการ คณะอนุกรรมการประกอบด้วย ผู้บริหารสานักงาน ป.ป.ช. ผู้ทรงคณุ วฒุ ิ และผแู้ ทนหนว่ ยงานท่เี กีย่ วขอ้ งกับการศกึ ษา ได้แก่ 1) สานักงานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 2) สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน 3) สานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา 4) สานกั งานคณะกรรมการการอดุ มศึกษา 5) สานกั งานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา 6) สานักงานสง่ เสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั 7) สานกั งานลกู เสอื แห่งชาติ 8) ประชมุ อธิการบดีแห่งประเทศไทย 9) ทป่ี ระชุมอธกิ ารบดีมหาวทิ ยาลยั ราชภฏั 10) คณะกรรมการอธกิ ารบดมี หาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล 11) สถาบันวชิ าการปอ้ งกนั ประเทศ 12) กรมยุทธศกึ ษาทหารบก 13) กรมยุทธศกึ ษาทหารเรือ 14) กรมยทุ ธศึกษาทหารอากาศ 15) กองบัญชาการศึกษา สานกั งานตารวจแห่งชาติ
-2- คณะอนุกรรมการจัดทาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และสื่อประกอบการเรียนรู้ ด้านการ ปอ้ งกันการทุจรติ มอี านาจหน้าทดี่ ังนี้ 1. ศึกษา วิเคราะห์ และรวบรวมข้อมูลท่ีเก่ียวข้องกับการจัดทาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และ สือ่ ประกอบการเรียนรู้ ดา้ นการปอ้ งกันการทุจริต 2. กาหนดแนวทางและขอบเขตในการจัดทาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และสื่อประกอบการ เรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจริต ตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2560 – 2564) ยทุ ธศาสตร์ที่ 1 “สรา้ งสังคมไมท่ นตอ่ การทจุ รติ ” 3. พิจารณายกร่างและจัดทาเน้ือหาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และสื่อประกอบการเรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจริต โดยกาหนดโครงสร้างหลักสูตร วัตถุประสงค์ของหลักสูตร จุดประสงค์ของรายวิชา เนื้อหาสาระ จดั ระเบยี บ/ลาดับของเนอ้ื หาสาระ วิธีการประเมินผลการเรียนรู้ รวมทง้ั อืน่ ๆ ท่ีเกยี่ วข้อง 4. พิจารณาให้ความเห็นเพ่ิมเติมเก่ียวกับการจัดทาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และ ส่ือประกอบการเรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจริต เพ่ือให้มีเนื้อหาที่ครอบคลุมและสมบูรณ์ พร้อมท้ังนาเสนอ คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาให้ความเห็นชอบ ทงั้ นี้ ใหด้ าเนินการแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2560 5. กาหนดแผนหรือแนวทางการนาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และสื่อประกอบการเรียนรู้ ด้านการปอ้ งกนั การทุจรติ ไปใชใ้ นหนว่ ยงานทเ่ี กี่ยวข้อง 6. ดาเนินการอ่นื ๆ ตามท่คี ณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมาย
-3- 2 การดาเนนิ งานเพื่อพิจารณาจดั ทาหลักสตู ร/ชุดวชิ า/กลุ่มเป้าหมาย การดาเนนิ งาน 1) การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตน คณะอนุกรรมการฯ ประชมุ ครัง้ ที่ 1 กับผลประโยชน์สว่ นรวม เพอื่ พิจารณากรอบเน้ือหาหลักสตู รฯ 2) ความอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ 4 ชดุ วชิ า (29 พ.ค. 60) 3) STRONG : จติ พอเพียงตา้ นทจุ รติ 4) พลเมืองและความรับผิดชอบต่อสงั คม ประชมุ เชงิ ปฏบิ ัตกิ ารฯ จานวน 4 วัน เพอ่ื ดาเนินการจัดทาเนอื้ หาหลกั สตู รฯ ทดลองใช้ 1) หลักสูตรการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน 5 หลักสูตร (17 - 20 ก.ค. 60) 2) หลักสูตรอุดมศึกษา 3) หลักสูตรกลุ่มทหารและตารวจ คณะอนุกรรมการฯ ประชุมครั้งที่ 2 4) หลักสตู รวทิ ยากร ป.ป.ช. / โดยเห็นชอบ 4 หลักสตู ร ได้แก่ บุคลากรภาครัฐ และรฐั วิสาหกิจ 1) หลักสูตรอุดมศึกษา 5) หลักสตู รโค้ช 2) หลักสตู รกลมุ่ ทหารและตารวจ 3) หลักสูตรวทิ ยากร ป.ป.ช. / บคุ ลากร ภาครฐั และรัฐวสิ าหกจิ 4) หลักสูตรโคช้ (7 ส.ค. 60) คณะอนุกรรมการฯ ประชุมครั้งที่ 3 โดยเหน็ ชอบใหห้ ลกั การการจัดทา หลักสตู รการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน (1 ก.ย. 60) ประชมุ เชงิ ปฏบิ ตั กิ ารฯ จานวน 4 วนั เพื่อดาเนินการคดั เลือกส่ือประกอบเนื้อหาหลักสูตรฯ ทงั้ 5 หลักสตู ร (11 - 14 ก.ย. 60) คณะอนุกรรมการฯ ประชุมครัง้ ท่ี 4 โดยเห็นชอบหลักสตู รการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พร้อมกาหนด แนวทางการนาหลักสูตรไปใช้ (28 ธ.ค. 60) นาเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช. พจิ ารณาใหค้ วามเห็นชอบหลักสตู รและแนวทางการ นาหลักสูตรไปใช้ (27 ก.พ. 61) นาเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาสั่งการให้หน่วยงานท่เี กี่ยวข้องนาไปพจิ ารณาปรับใช้กับ กลุ่มเป้าหมาย ตามมาตรา 19 (11) และ (13) แหง่ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2554 คณะรฐั มนตรีมีมติเหน็ ชอบและให้หน่วยงานทเ่ี ก่ยี วข้องนาไปพจิ ารณาปรับใช้ต่อไป (22 พ.ค. 61)
-4- 2.1 ประชุมคณะอนุกรรมการฯ คร้ังท่ี 1-1/2560 เมื่อวันท่ี 29 พฤษภาคม 2560 เพื่อหารือเกี่ยวกับ กรอบการจัดทาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และส่ือประกอบการเรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจริต โดยที่ประชุม ได้เห็นชอบร่วมกันในการจัดทาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และสื่อประกอบการเรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจริต หวั ข้อวชิ า 4 วชิ า ประกอบด้วย 1) การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนกบั ผลประโยชน์ส่วนรวม 2) ความอายและความไม่ทนต่อการทุจริต 3) STRONG : จติ พอเพยี งต้านทจุ รติ 4) พลเมอื งและความรับผดิ ชอบต่อสงั คม 2.2 สานักงาน ป.ป.ช. ได้จัดกิจกรรมประชุมเชิงปฏิบัติการจัดทาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้ ด้านการ ป้องกันการทุจริต ระหว่างวันท่ี 17 - 20 กรกฎาคม 2560 ณ เทวมันตร์ทรา รีสอร์ท แอนด์ สปา ตาบลท่ามะขาม อาเภอเมืองฯ จังหวัดกาญจนบุรี เพ่ือดาเนินการจัดทาเน้ือหาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจริต โดยไดแ้ บ่งกลุม่ ตามการเรยี นการสอนในแตล่ ะชว่ งช้นั และการฝกึ อบรมในแตล่ ะกลุ่มเป้าหมาย เปน็ 5 กลุม่ ดงั นี้ กลุ่ม 1 หลักสูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ประกอบด้วยผู้แทนจากสานักงานปลัดกระทรวง ศึกษาธิการ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สานักงาน เลขาธกิ ารสภาการศึกษา สานักการศกึ ษา กรงุ เทพมหานคร และสานกั งาน ป.ป.ช. กลุ่ม 2 หลักสูตรอุดมศึกษา ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ, ผู้แทนจากสานักงานคณะกรรมการ การอุดมศึกษา ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย ท่ีประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ คณะกรรมการ อธกิ ารบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคล และสานกั งาน ป.ป.ช. กลุ่ม 3 หลักสูตรกลุ่มทหารและตารวจ ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนจากสถาบันวิชาการ ป้องกันประเทศ กรมยุทธศึกษาทหารบก กรมยุทธศึกษาทหารเรือ กรมยุทธศึกษาทหารอากาศ กองบัญชาการศึกษา สานักงานตารวจแห่งชาติ โรงเรียนนายร้อยตารวจ สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา และ สานักงาน ป.ป.ช. กลุ่ม 4 หลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช. /บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ ประกอบด้วยผู้แทนจาก สานกั งาน ก.พ. สถาบันพฒั นาบุคลากรทอ้ งถ่นิ และสานักงาน ป.ป.ช. กล่มุ 5 หลกั สูตรโคช้ ประกอบด้วยผ้แู ทนจากผ้ทู รงคุณวุฒิ และผูแ้ ทนจากสานักงาน ป.ป.ช. 2.3 ประชมุ คณะอนกุ รรมการฯ ครง้ั ท่ี 2-2/2560 เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2560 เพื่อพิจารณาให้ความ เห็นชอบเนื้อหาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจริต โดยท่ีประชุมได้ให้ความเห็นชอบเน้ือหา หลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจริต 4 หลักสูตร ประกอบด้วย 1. หลักสูตรอุดมศึกษา 2. หลักสตู รกลมุ่ ทหารและตารวจ 3. หลกั สูตรวทิ ยากร ป.ป.ช./บคุ ลากรภาครัฐและรฐั วสิ าหกจิ และ 4. หลกั สตู รโค้ช ท้ังน้ี เน่ืองจากหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน จะดาเนินการจัดทาเป็นแผนการจัดการเรียนรู้โดยแยกเป็น 13 ระดับชั้นปี ได้แก่ ระดับปฐมวัย ระดับประถมศึกษาช้ันปีที่ 1 - 6 และระดับมัธยมศึกษาช้ันปีท่ี 1 - 6 ในแต่ละ ระดบั ชัน้ ปี จะใชเ้ วลาเรียนทั้งปี จานวน 40 ชว่ั โมง ตอ้ งจัดทาเนอื้ หาและกิจกรรมการเรียนการสอนให้แตกต่างกัน ตามความเหมาะสมและการเรียนรู้ในแต่ละช่วงวัย ซ่ึงมีเนื้อหาที่ค่อนข้างเยอะ จึงยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ที่ประชุม จึงพจิ ารณาเฉพาะหลักสูตร 4 หลักสตู รที่ดาเนินการแลว้ เสร็จ 2.4 ประชุมคณะอนุกรรมการฯ คร้ังที่ 3-3/2560 เม่ือวันที่ 1 กันยายน 2560 เพ่ือพิจารณากรอบ หลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจริต กลุ่มการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยที่ประชุมได้ให้ความเห็นชอบ ในหลกั การเกีย่ วกบั การจดั ทาหลักสตู รหรือชุดการเรยี นรู้ ด้านการปอ้ งกันการทุจริต กลมุ่ การศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน
-5- 2.5 สานักงาน ป.ป.ช. ได้จดั กิจกรรมประชุมเชิงปฏิบัติการจัดทาสื่อประกอบการเรียนรู้ ด้านการป้องกัน การทุจริต ระหว่างวันที่ 11 – 14 กันยายน 2560 ณ โรงแรมอมารี ดอนเมือง แอร์พอร์ต กรุงเทพมหานคร เพ่ือดาเนินการคัดเลือกสื่อประกอบการเรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจริต โดยได้แบ่งกลุ่มตามการเรียนการ สอน ในแตล่ ะชว่ งชน้ั และการฝกึ อบรมในแต่ละกลมุ่ เป้าหมาย เปน็ 5 กลุ่ม ดังน้ี กลุ่มท่ี 1 กลุ่มการศึกษาข้ันพื้นฐาน ประกอบด้วยผู้แทนจากสานักงานปลัดกระทรวง ศึกษาธิการ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สานักงาน เลขาธิการสภาการศึกษา สานกั การศึกษา กรงุ เทพมหานคร และสานักงาน ป.ป.ช. กลุ่มที่ 2 กลุ่มอุดมศึกษา ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ, ผู้แทนจากสานักงานคณะกรรมการ การอดุ มศึกษา ทปี่ ระชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ คณะกรรมการอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล สานกั งานโครงการพัฒนาแหง่ สหประชาชาติ (UNDP) และสานกั งาน ป.ป.ช. กลุ่มท่ี 3 กลุ่มการศึกษาในส่วนทหารและตารวจ ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนจาก สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ กรมยุทธศึกษาทหารบก กรมยุทธศึกษาทหารเรือ กรมยุทธศึกษาทหารอากาศ กองบญั ชาการศึกษา สานักงานตารวจแห่งชาติ โรงเรียนนายร้อยตารวจ สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์และบุคลากร ทางการศกึ ษา และสานักงาน ป.ป.ช. กลุ่มที่ 4 กลุ่มวิทยากร ป.ป.ช. บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ ประกอบด้วยผู้แทนจาก สานักงาน ก.พ. สถาบันพัฒนาบุคลากรทอ้ งถ่นิ และสานกั งาน ป.ป.ช. กลุ่มที่ 5 กลุ่มโคช้ ประกอบดว้ ยผแู้ ทนจากสานักงาน ป.ป.ช. 2.6 สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน ได้ดาเนินการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการจัดทาหลักสูตร หรอื ชุดการเรยี นรู้ ด้านการป้องกันการทุจริต กลุ่มการศึกษาขั้นพื้นฐาน ระหว่างวันที่ 25 – 28 พฤศจิกายน 2560 ณ โรงแรมเอวาน่า บางนา กรุงเทพมหานคร ซ่ึงได้เชิญครูอาจารย์ที่มีความเช่ียวชาญการสร้างหลักสูตรในสังกัดสพฐ. จานวนประมาณ 70 คน มารว่ มเขียนหลกั สูตรกล่มุ การศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน 2.7 ประชุมคณะอนุกรรมการฯ ครงั้ ที่ 4-4/2560 เม่ือวันท่ี 28 ธันวาคม 2560 เพื่อพิจารณาให้ความ เห็นชอบหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจริต กลุ่มการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยที่ประชุมได้ให้ความ เห็นชอบหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจริต กลุ่มการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน และมอบหมายให้สานัก ปอ้ งกนั การทจุ ริตภาครัฐ ฝา่ ยเลขานกุ ารฯ นาเสนอหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจริตทุกหลักสูตร ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพ่อื ใหค้ วามเหน็ ชอบต่อไป 2.8 สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน ได้ดาเนินการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการบรรณาธิการกิจ หลกั สตู รหรอื ชุดการเรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจริต กลุ่มการศึกษาข้ันพื้นฐาน ระหว่างวันที่ 9 - 12 มกราคม 2560 ณ โรงแรมเอวาน่า บางนา กรุงเทพมหานคร ซ่ึงได้เชิญครูอาจารย์ที่มีความเช่ียวชาญในการสร้างหลักสูตรในสังกัด สพฐ. จานวนประมาณ 30 คน มาร่วมตรวจทานและปรบั ปรุงหลกั สตู รกลุ่มการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน 2.9 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชุมคร้ังที่ 948 - 19/2561 เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561 ได้มี มติเห็นชอบหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และสื่อประกอบการเรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจริต ท้ัง 5 หลักสูตรและ แนวทางการนาไปใช้ และเห็นชอบให้นาเสนอคณะรัฐมนตรี เพ่ือพิจารณาส่ังการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนาหลักสูตรไป ปรับใช้กับกลุ่มเป้าหมาย ตามนัยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แก้ไขเพ่มิ เติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ.2554 มาตรา 19 (11) และมาตรา 19 (13) 2.10 ประธานกรรมการ ป.ป.ช. ไดล้ งนามในหนังสือถงึ เลขาธิการคณะรฐั มนตรี เพ่ือพจิ ารณานาเสนอ หลกั สตู รต้านทจุ ริตศึกษา (Anti-Corruption Education) ต่อคณะรัฐมนตรี พิจารณาส่งั การให้หน่วยงานที่ เกีย่ วข้องนาหลกั สตู รไปปรบั ใชก้ บั กลมุ่ เป้าหมาย (9 เมษายน 2561)
-6- 3 มตคิ ณะรฐั มนตรี คณะรัฐมนตรี ในการประชมุ เม่ือวันท่ี 22 พฤษภาคม 2561 ได้มีมติเก่ียวกับหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (Anti- Corruption Education) ดังนี้ 1. เห็นชอบตามท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอ ทั้งนี้ ให้หน่วยงานท่ีต้องนาหลักสูตรไปดาเนินการรับ ความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการ สานักงาน ก.พ. สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษาไปพิจารณาดาเนินการต่อไป โดยให้ประสานงานกับ สานักงาน ป.ป.ช. อย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดาเนินการดังกล่าวบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่กาหนดไว้ สาหรับภาระ งบประมาณที่อาจจะเกิดข้ึนซ่ึงไม่ได้ตั้งงบประมาณรายจ่ายประจาปีรองรับไว้ ให้หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องพิจารณาปรับ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ไปดาเนินการในโอกาส แรกก่อน สาหรับปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทาแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพ่ือเสนอขอต้ัง งบประมาณรายจ่ายตามความจาเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเหน็ ของสานักงบประมาณ (2) ให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ สานักงาน ก.พ. สานักงานตารวจแห่งชาติ และหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง หารือร่วมกับสานักงาน ป.ป.ช. เพื่อพิจารณานาหลักสูตรน้ีไปปรับใช้ในโครงการฝึกอบรม หลกั สูตรขา้ ราชการ บุคลากรภาครฐั หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจท่ีบรรจุใหม่ รวมท้ังให้พิจารณากาหนดกลุ่มเป้าหมายของ หลักสูตรโคช้ ใหม้ คี วามชดั เจน โดยใหห้ มายความรวมถึงบุคลากรทางการศึกษา เช่น ครู อาจารย์ หรือผู้ท่ีทาหน้าท่ีเป็นผู้ ถ่ายทอดความรู้ทั้งในหลักสูตรการศึกษาข้ันพื้นฐานและหลักสูตรอุดมศึกษาด้วย ทั้งนี้ เพ่ือให้บุคลากรทางการศึกษาที่ เข้ารับการอบรมหลักสูตรดังกล่าวสามารถนาไปใช้ในการถ่ายทอดความรู้หรือช่วยในการจัดการเรียนให้เป็นไปอย่างมี ประสิทธิภาพมากย่ิงขึ้น ท้ังน้ี ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งดาเนินการและรายงานผลสัมฤทธ์ิของการดาเนินโครงการ ดงั กลา่ วใหค้ ณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษาทราบเปน็ ระยะ ๆ ด้วย (3) ให้กระทรวงศึกษาธิการเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ เช่น ตาราเรียน ครู อาจารย์ รายละเอียดหลักสูตร เพ่ือนาหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (Anti-Corruption Education) (หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานและหลักสูตร อุดมศกึ ษา) ไปปรับใช้ในการจัดการเรียนการสอนของสถานศึกษา ท้ังน้ี ในการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรดังกล่าวให้ มุ่งเน้นการสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเก่ียวกับความหมายและขอบเขตของการกระทาทุจริตในลักษณะต่างๆ ท้ัง ทางตรงและทางอ้อม ความเสียหายที่เกิดจากการทุจริต ความสาคัญของการต่อต้านการทุจริต รวมท้ังจัดให้มีการ ประเมินผลสมฤทธ์ิของการจัดหลักสูตรในแตล่ ะช่วงวัยของผู้เรียนด้วย
-7- 4 รายละเอยี ดของหลักสตู รตา้ นทุจริตศกึ ษา (Anti-Corruption Education) แตล่ ะหลักสูตร (วิชา/จดุ มงุ่ หมาย/ตารางชว่ั โมง/สอื่ การเรียนรู้ และการทดลองใช)้ 4.1 หลกั สูตรการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน (1) ช่ือหลักสูตร “รายวชิ าเพ่ิมเติม การป้องกันการทุจริต” (2) จุดมุ่งหมายของรายวิชา เพ่ือใหน้ ักเรียน (2.1) มีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับการแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนกับผลประโยชน์สว่ นรวม (2.2) มีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต (2.3) มีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับ STRONG : จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต (2.4) มีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับพลเมืองและมีความรับผดิ ชอบต่อสังคม (2.5) สามารถคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนกับผลประโยชนส์ ว่ นรวมได้ (2.6) ปฏบิ ตั ิตนเป็นผลู้ ะอายและไม่ทนต่อการทุจริตทุกรูปแบบ (2.7) ปฏบิ ัติตนเป็นผทู้ ่ี STRONG : จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต (2.8) ปฏบิ ัติตนตามหน้าท่ีพลเมืองและมีความรับผดิ ชอบต่อสังคม (2.9) ตระหนักและเห็นความสาคัญของการต่อตา้ นและป้องกันการทจุ ริต (3) คาอธบิ ายรายวชิ า ศึกษาเก่ียวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน กับผลประโยชน์ส่วนรวม ความละอายและ ความไม่ทนต่อการทุจริต STRONG : จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต รู้หน้าท่ีของพลเมืองและรับผิดชอบต่อสังคม ในการตอ่ ต้านการทจุ ริต โดยใช้กระบวนการคิด วิเคราะห์ จาแนก แยกแยะ การฝึกปฏิบัติจริง การทาโครงงานกระบวนการ เรยี นรู้ 5 ข้นั ตอน (5 STEPs) การอภิปราย การสบื สอบ การแก้ปัญหา ทักษะการอ่านและการเขียนเพ่ือให้มีความ ตระหนกั และเห็นความสาคัญของการต่อต้านและการปอ้ งกันการทจุ ริต (4) ผลการเรยี นรู้ (4.1) มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกี่ยวกับการแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม (4.2) มคี วามรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต (4.3) มคี วามรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับ STRONG : จติ พอเพียงต่อต้านการทุจรติ (4.4) มีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับพลเมืองและมีความรับผดิ ชอบต่อสังคม (4.5) สามารถคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกบั ผลประโยชนส์ ่วนรวมได้ (4.6) ปฏิบัตติ นเปน็ ผ้ลู ะอายและไม่ทนต่อการทุจริตทุกรูปแบบ (4.7) ปฏิบตั ติ นเปน็ ผู้ที่ STRONG : จติ พอเพยี งต่อต้านการทุจริต (4.8) ปฏบิ ตั ิตนตามหน้าที่พลเมืองและมีความรับผิดชอบต่อสังคม (4.9) ตระหนกั และเห็นความสาคัญของการต่อต้านและป้องกันการทุจรติ
-8- (5) ตารางชั่วโมงการจัดการเรียนการสอน ประกอบดว้ ย 4 หนว่ ยการเรียนรู้ คือ 1) การคิดแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม 2) ความไม่ทนและความอายต่อการทุจริต 3) STRONG : จิตพอเพียงต้านทุจริต และ 4) พลเมืองกับ ความรบั ผิดชอบต่อสังคม โดยกาหนดชวั่ โมงการจัดการเรียนการสอนดงั นี้ ที่ หนว่ ยการเรยี นรู้ ระดบั การศึกษา มัธยมศึกษา ปฐมวัย ประถมศกึ ษา ประถมศึกษา มธั ยมศึกษา ตอนปลาย 10 ช่ัวโมง ตอนต้น ตอนปลาย ตอนต้น 7 ช่วั โมง ๑ การคดิ แยกแยะระหวา่ ง 14 ชั่วโมง 16 ช่วั โมง 14 ชั่วโมง 12 ช่ัวโมง 8 ช่ัวโมง 15 ชั่วโมง ผลประโยชน์สว่ นตน 40 และประโยชนส์ ว่ นรวม ๒ ความไม่ทนและความ 12 ช่ัวโมง 10 ชว่ั โมง 10 ชว่ั โมง 8 ช่วั โมง อายต่อการทจุ ริต ๓ STRONG : จติ พอเพยี ง 9 ชัว่ โมง 4 ช่วั โมง 6 ชว่ั โมง 10 ชว่ั โมง ตอ่ ตา้ นการทุจริต ๔ พลเมอื งกบั ความ 5 ชว่ั โมง 10 ชั่วโมง 10 ชัว่ โมง 10 ชั่วโมง รับผิดชอบต่อสังคม รวม 40 40 40 40 โดยหลกั สตู รรายวิชาเพิ่มเติม การป้องกนั การทุจริต การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน กาหนดเป็น 1 หลักสูตร และ แยกเป็นแผนการจัดการเรียนรู้ 13 ระดับชั้นปี ได้แก่ ระดับปฐมวัย ระดับประถมศึกษาช้ันปีที่ 1 - 6 และระดับ มธั ยมศกึ ษาชัน้ ปีท่ี 1 - 6 ทั้งนี้ ในแต่ละระดับชั้นปี จะใช้เวลาเรียนท้ังปี จานวน 40 ชั่วโมง ซึ่งจะมีเนื้อหาและกิจกรรมการเรียน การสอนท่แี ตกต่างกัน ตามความเหมาะสมและการเรยี นรใู้ นแตล่ ะช่วงวัย
-9- (6) โครงสร้างรายวิชา 6.1 ระดบั ปฐมวัย ลาดบั หนว่ ยการเรยี นรู้ เรอ่ื ง จานวนช่ัวโมง 1. การคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตน 14 และผลประโยชน์ส่วนรวม สว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม 12 - การคิดแยกแยะ 9 2. ความละอายและความไม่ทนตอ่ การ - ระบบคิดฐาน 2 ทุจรติ - ของเล่น 5 - การรับประทานอาหาร 40 3. STRONG / จิตพอเพยี งต่อตา้ นการ - การเข้าแถว ทุจริต - การเก็บของใชส้ ่วนตวั - ทางานท่ีได้รับมอบหมาย 4. พลเมอื งกบั ความรับผิดชอบต่อสังคม - การแบ่งปัน - การแต่งกาย - การทากจิ วัตรประจาวนั (การใช้นา้ ไฟฟ้า กระดาษ การทง้ิ ขยะ) ความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ รติ - ของเลน่ - การรบั ประทานอาหาร - การเข้าแถว - การเก็บของใช้สว่ นตัว - ทางานท่ีไดร้ ับมอบหมาย - การแบ่งปัน - การแต่งกาย - การทากิจวัตรประจาวัน STRONG / จติ พอเพียงต่อต้านการทุจริต - ความพอเพียง - ความโปร่งใส - ความต่ืนรู้ / ความรู้ - ต้านทจุ รติ - มุ่งไปข้างหน้า - ความเอ้ืออาทร - การรบั ประทานอาหาร - การช่วยเหลือเพ่ือน - การใช้กระดาษ พลเมืองกบั ความรบั ผิดชอบต่อสงั คม - ความรับผดิ ชอบต่อตนเอง - ความรบั ผิดชอบต่อผ้อู ่ืน - การตรงต่อเวลา - การทาความสะอาดห้องเรียน - การชว่ ยเหลือตนเอง รวม * หมายเหตุ การจดั ประสบการณ์แต่ละกจิ กรรมจะใชเ้ วลาประมาณ 20 นาที
- 10 - 6.2 ระดบั ประถมศกึ ษา 1) ประถมศกึ ษาปีที่ 1 ลาดับ หนว่ ยการเรียนรู้ เรื่อง จานวนชั่วโมง 1. การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์ การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนและ 16 10 ส่วนตนและผลประโยชน์สว่ นรวม ผลประโยชนส์ ่วนรวม 4 10 - การคิดแยกแยะ - ระบบคดิ ฐาน 2 40 - ระบบคดิ ฐาน 10 2. ความละอายและความไม่ทนต่อการ ความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ รติ ทจุ ริต - การทาการบา้ น - การทาเวร - การสอบ - กิจกรรมนักเรยี น 3. STRONG / จติ พอเพียงต่อตา้ นการ STRONG / จติ พอเพยี งต่อตา้ นการทุจรติ ทจุ รติ - ความพอเพียง - ความโปร่งใส - ตา้ นทุจริต - ความเอื้ออาทร 4. พลเมืองกับความรับผดิ ชอบต่อสงั คม พลเมืองกบั ความรบั ผิดชอบต่อสังคม - ความหมายบทบาทและสิทธิ - การเคารพสทิ ธิหน้าที่ตอ่ ตนเองและผู้อน่ื - ระเบียบ กฎ กติกา กฎหมาย - ความรบั ผิดชอบ (ต่อตนเองกับต่อผู้อื่น) - ความเป็นพลเมือง รวม
- 11 - 2) ประถมศกึ ษาปีที่ 2 ลาดบั หน่วยการเรยี นรู้ เรอ่ื ง จานวนชัว่ โมง 1. การคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ 16 การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตน ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม 10 และผลประโยชนส์ ่วนรวม 4 2. ความละอายและความไมท่ นต่อการ 10 ทจุ ริต - การคิดแยกแยะ - ประโยชน์สว่ นตนและประโยชน์ 40 3. STRONG / จิตพอเพยี งต่อต้านการ ทจุ ริต สว่ นรวม - ระบบคดิ ฐาน 2 4. พลเมืองกบั ความรับผิดชอบต่อสงั คม - ระบบคดิ ฐาน 10 ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ - การทาการบ้าน - การทาเวร - การสอบ - กจิ กรรมนักเรียน STRONG / จติ พอเพียงต่อต้านการทจุ ริต - ความพอเพยี ง - ความโปร่งใส - ต้านทุจริต - ความเอ้ืออาทร พลเมืองกบั ความรับผิดชอบต่อสังคม - เร่ืองการเคารพสิทธิหน้าที่ต่อตนเอง และผอู้ น่ื - การเคารพสิทธหิ น้าท่ตี ่อชมุ ชนและ สังคม - ระเบียบ กฎ กติกา กฎหมาย - ความรบั ผิดชอบ (ต่อห้องเรียน) - คณุ ลักษณะของพลเมืองทดี่ ี - หนา้ ท่ีของพลเมืองทดี่ ี รวม
- 12 - 3) ประถมศกึ ษาปีที่ 3 ลาดบั หนว่ ยการเรียนรู้ เรอ่ื ง จานวนชัว่ โมง 1. การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์ การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตน 16 สว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม และผลประโยชน์ส่วนรวม 10 4 - การคดิ แยกแยะ 10 - ระบบคิดฐาน 2 - ระบบคดิ ฐาน 10 40 - ผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ สว่ นรวม - การขดั กันระหวา่ งประโยชนส์ ว่ นตน และผลประโยชนส์ ว่ นรวม 2. ความละอายและความไม่ทนต่อการ ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ ทุจรติ - การทาการบา้ น - การทาเวร - การสอบ - การแต่งกาย - กิจกรรมสง่ เสรมิ ความถนดั และความ สนใจ 3. STRONG / จิตพอเพียงต่อตา้ นการ STRONG / จิตพอเพยี งต่อต้านการทจุ ริต ทจุ ริต - ความพอเพยี ง - ความโปรง่ ใส - ตา้ นทจุ รติ - ความเอื้ออาทร 4. พลเมอื งกับความรับผิดชอบต่อสังคม พลเมืองกับความรบั ผิดชอบต่อสงั คม - เร่อื งการเคารพสิทธิหน้าที่ต่อตนเอง และผอู้ ื่นที่มีต่อชุมชน - เรื่องการเคารพสิทธิหน้าที่ต่อตนเองและ ผูอ้ ืน่ ท่มี ตี ่อประเทศชาติ - ระเบยี บ กฎ กติกา กฎหมาย - ความรับผดิ ชอบ (ต่อโรงเรยี น) - ความเป็นพลเมือง รวม
- 13 - 4) ประถมศกึ ษาปีที่ 4 ลาดบั หนว่ ยการเรยี นรู้ เรือ่ ง จานวนชัว่ โมง 1. การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตน 14 10 สว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม และผลประโยชนส์ ว่ นรวม 6 10 - การคิดแยกแยะ 40 - ระบบคิดฐาน 2 - ระบบคดิ ฐาน 10 - ความแตกตา่ งระหว่างจริยธรรมและ การทจุ รติ - ประโยชนส์ ว่ นตนและประโยชน์ ส่วนรวม 2. ความละอายและความไม่ทนตอ่ การ ความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ ริต ทจุ ริต - การทาการบา้ น - การทาเวร - การสอบ - การแต่งกาย - กิจกรรมนักเรยี น (ภายใน รร.) - การเข้าแถว 3. STRONG / จติ พอเพยี งต่อตา้ นการ STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจรติ ทุจริต - การดารงชีวิตตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี ง - ความโปร่งใส - ความตื่นรู้ / ความรู้ - ตา้ นทจุ ริต - มงุ่ ไปขา้ งหนา้ - ความเอ้ืออาทร 4. พลเมืองกับความรับผดิ ชอบต่อสงั คม พลเมืองกับความรับผิดชอบต่อสงั คม - เรื่องการเคารพสิทธิหน้าท่ีต่อตนเอง และผู้อ่ืนท่มี ีต่อครอบครัว - ระเบียบ กฎ กติกา กฎหมาย - ความรบั ผดิ ชอบ (ต่อชมุ ชน) - ความเป็นพลเมือง รวม
- 14 - 5) ประถมศกึ ษาปีท่ี 5 ลาดับ หนว่ ยการเรยี นรู้ เร่ือง จานวนชั่วโมง 14 1. การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์ การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตน 10 ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม และผลประโยชน์ส่วนรวม 6 10 - การคิดแยกแยะ 40 - ระบบคดิ ฐาน 2 - ระบบคิดฐาน 10 - ความแตกตา่ งระหวา่ งจริยธรรมและ การทจุ รติ - ประโยชนส์ ว่ นตนและประโยชน์ สว่ นรวม - การขัดกนั ระหว่างประโยชนส์ ว่ นตน และผลประโยชนส์ ่วนรวม - ผลประโยชนท์ บั ซ้อน 2. ความละอายและความไม่ทนตอ่ การ ความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ ริต ทจุ ริต - การทาการบ้าน - การทาเวร - การสอบ - การแต่งกาย - กิจกรรมนักเรียน (ในห้องเรยี น โรงเรยี น ชมุ ชน) - การเข้าแถว 3. STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการ STRONG / จติ พอเพยี งต่อต้านการทุจรติ ทจุ รติ - ความพอเพยี ง - ความโปร่งใส - ความตืน่ รู้ / ความรู้ - ต่อต้านทุจริต - มุ่งไปขา้ งหนา้ - ความเอ้ืออาทร 4. พลเมืองกบั ความรบั ผดิ ชอบต่อสังคม พลเมืองกบั ความรบั ผิดชอบต่อสังคม - เรือ่ งการเคารพสิทธิหน้าที่ต่อตนเอง และผ้อู ่นื - ระเบียบ กฎ กติกา กฎหมาย - ความรบั ผดิ ชอบ (ต่อสงั คม) - ความเป็นพลเมือง รวม
- 15 - 6) ประถมศึกษาปีที่ 6 เรื่อง จานวนช่ัวโมง ลาดับ หน่วยการเรียนรู้ 1. การคดิ แยกแยะระหว่าง การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนและ 14 ผลประโยชน์สว่ นตนและ ผลประโยชน์ส่วนรวม 10 6 ผลประโยชน์สว่ นรวม - การคิดแยกแยะ 10 - ระบบคิดฐาน 2 40 - ระบบคิดฐาน 10 - ความแตกตา่ งระหว่างจริยธรรมและการทจุ ริต - ประโยชน์สว่ นตนและประโยชน์สว่ นรวม - การขดั กันระหวา่ งประโยชน์ส่วนตนและ ผลประโยชน์สว่ นรวม - ผลประโยชน์ทับซอ้ น - รปู แบบของผลประโยชน์ทับซ้อน 2. ความละอายและความไมท่ นตอ่ ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต การทจุ ริต - การทาการบ้าน - การทาเวร - การสอบ - การแต่งกาย - กจิ กรรมนักเรยี น (ในห้องเรยี น โรงเรยี น ชมุ ชน สงั คม) - การเข้าแถว 3. STRONG / จติ พอเพยี งต่อตา้ น STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทจุ รติ การทจุ รติ - การสรา้ งจิตสานกึ ควมพอเพียงต่อตา้ นการ ทุจริต - ความโปรง่ ใส - ความตื่นรู้ / ความรู้ - ต้านทุจรติ - มุ่งไปขา้ งหนา้ - ความเอื้ออาทร 4. พลเมอื งกับความรบั ผิดชอบต่อ พลเมืองกับความรบั ผิดชอบต่อสังคม สังคม - เร่ืองการเคารพสิทธิหนา้ ท่ีตอ่ ตนเองและผอู้ ืน่ ที่ มตี อ่ ประเทศชาติ - ระเบียบ กฎ กติกา กฎหมาย - ความรบั ผดิ ชอบ (ต่อประเทศชาต)ิ - ความเป็นพลเมือง รวม
- 16 - 6.3 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น เรือ่ ง จานวนช่ัวโมง 1) มัธยมศึกษาปีที่ 1 ลาดบั หน่วยการเรียนรู้ 1. การคดิ แยกแยะระหวา่ ง การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชน์ 12 ผลประโยชน์สว่ นตนและ ส่วนรวม 8 10 ผลประโยชนส์ ่วนรวม - การคดิ แยกแยะ 10 40 - ระบบคดิ ฐาน 2 - ระบบคดิ ฐาน 10 - ความแตกต่างระหวา่ งจรยิ ธรรมและการทจุ รติ (ชุมชน สังคม) - ประโยชน์ส่วนบคุ คลและประโยชน์สว่ นรวม (ชมุ ชน สังคม) - การขดั กันระหว่างประโยชนส์ ว่ นบคุ คลและผลประโยชน์ ส่วนรวม (ชุมชน สังคม) - ผลประโยชน์ทบั ซอ้ น (ชมุ ชน สงั คม) - รปู แบบของผลประโยชน์ทับซ้อน (ชมุ ชน สังคม) 2. ความละอายและความ ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ ไมท่ นต่อการทุจรติ - การทาการบ้าน/ชิน้ งาน - การทาเวร/การทาความสะอาด - การสอบ - การแต่งกาย / การเข้าแถว - การเลือกตง้ั - กิจกรรมนักเรยี น (หอ้ งเรยี น) 3. STRONG / จิตพอเพียง STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจรติ ตา้ นการทุจรติ - ความพอเพยี ง - ความโปร่งใส - ความต่นื รู้ / ความรู้ - ต่อตา้ นทุจริต - มุง่ ไปขา้ งหน้า - ความเอ้ืออาทร 4. พลเมอื งกับความ พลเมืองกับความรบั ผิดชอบต่อสงั คม รบั ผิดชอบตอ่ สังคม - การเคารพสิทธหิ นา้ ท่ตี ่อตนเองและผู้อ่นื - ระเบียบ กฎ กติกา กฎหมาย - ความรับผิดชอบต่อตนเองและผูอ้ ื่น/สงั คม - ความเป็นพลเมือง - ความเป็นพลโลก * จัดนทิ รรศการ รวม
- 17 - 2) มธั ยมศึกษาปีที่ 2 เรอ่ื ง จานวนช่ัวโมง ลาดบั หน่วยการเรยี นรู้ 1. การคิดแยกแยะระหวา่ ง การคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตนและ 12 ผลประโยชนส์ ่วนตนและ ผลประโยชน์สว่ นรวม 8 10 ผลประโยชน์สว่ นรวม - การคิดแยกแยะ 10 - ระบบคดิ ฐาน 2 40 - ระบบคดิ ฐาน 10 - ความแตกตา่ งระหวา่ งจรยิ ธรรมและการทจุ รติ (ชุมชน สงั คม) - ประโยชนส์ ่วนบุคคลและประโยชนส์ ว่ นรวม (ชุมชน สังคม) - การขดั แย้งระหว่างประโยชนส์ ่วนบคุ คลและ ผลประโยชนส์ ว่ นรวม (ชมุ ชน สงั คม) - ผลประโยชน์ทับซ้อน (ชุมชน สังคม) - รปู แบบของผลประโยชนท์ ับซ้อน (ชุมชน สงั คม) 2. ความละอายและความไม่ทนตอ่ ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต การทจุ รติ - การทาการบ้าน/ชิ้นงาน - รูห้ นา้ ท่ีการทาเวร/การทาความสะอาด - การสอบ - การแต่งกาย - การเข้าแถวมารยาทคนดี - การเลือกตัง้ - เรามารวมกลมุ่ เพื่อสรา้ งสรรค์ต้านทุจริต 3. STRONG / จิตพอเพยี งต่อต้าน STRONG / จิตพอเพยี งต่อตา้ นการทจุ ริต การทุจรติ - ความพอเพยี ง - ความโปร่งใส - ความตืน่ รู้ / ความรู้ - ต้านทุจริต - ม่งุ ไปขา้ งหน้า - ความเอ้ืออาทร 4. พลเมอื งกับความรบั ผิดชอบต่อ พลเมืองกับความรบั ผิดชอบต่อสังคม สงั คม - การเคารพสิทธิหนา้ ท่ตี ่อตนเองและผู้อน่ื - ระเบยี บ กฎ กติกา กฎหมาย - ความรบั ผดิ ชอบต่อตนเองและผ้อู ืน่ - ความเป็นพลเมือง - ความเป็นพลโลก * เสวนา รวม
- 18 - 3) มัธยมศึกษาปีท่ี 3 เรือ่ ง จานวนชัว่ โมง ลาดับ หน่วยการเรียนรู้ 1. การคดิ แยกแยะระหวา่ ง การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนและ 12 ผลประโยชนส์ ว่ นตนและ ผลประโยชน์ส่วนรวม 8 10 ผลประโยชน์สว่ นรวม - การคดิ แยกแยะ 10 40 - ระบบคดิ ฐาน 2 - ระบบคิดฐาน 10 - ความแตกตา่ งระหวา่ งจริยธรรมและการทจุ ริต (ชมุ ชน สงั คม) - ประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม (ชุมชน สังคม) และการขัดกนั ระหวา่ งประโยชน์สว่ นบคุ คล และผลประโยชนส์ ่วนรวม (ชมุ ชน สงั คม) - ผลประโยชนท์ ับซอ้ น (ชุมชน สังคม) และรูปแบบของ ผลประโยชน์ทบั ซ้อน (ชมุ ชน สังคม) 2. ความละอายและความไม่ ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ ทนตอ่ การทุจรติ - การทาการบา้ น/ชน้ิ งาน - การทาเวร/การทาความสะอาด - การสอบ - การแต่งกาย - การเลือกต้ัง - การรวมกลุม่ เพื่อสร้างสรรค์ต้านทจุ รติ 3. STRONG / จติ พอเพยี ง STRONG / จิตพอเพยี งต่อต้านการทจุ ริต ตอ่ ตา้ นการทจุ ริต - ความพอเพยี ง - ความโปรง่ ใส - ความต่นื รู้ - ความรู้ - จิตพอเพียงต่อตา้ นทุจริต - มุง่ ไปข้างหนา้ - ความเอ้ืออาทร 4. พลเมอื งกบั ความ พลเมืองกบั ความรับผิดชอบต่อสังคม รับผดิ ชอบต่อสังคม - การเคารพสิทธหิ น้าท่ีต่อตนเองและผู้อืน่ - ระเบียบ กฎ กติกา กฎหมาย กบั การเป็นพลเมืองทด่ี ีมี สว่ นรว่ มในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต - ความรบั ผดิ ชอบต่อตนเองและผอู้ ่ืน - ความเป็นพลเมือง - ความเป็นพลโลก * เสวนา รวม
- 19 - 6.4 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 4) มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 ลาดับ หนว่ ยการเรียนรู้ เรอ่ื ง จานวนชัว่ โมง 1. การคิดแยกแยะระหวา่ ง การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตนและ 10 7 ผลประโยชน์สว่ นตนและ ผลประโยชนส์ ่วนรวม 8 15 ผลประโยชนส์ ่วนรวม - การคิดแยกแยะ 40 - ระบบคิดฐาน 2 - ระบบคดิ ฐาน 10 - ความแตกตา่ งระหว่างจริยธรรมและการทจุ ริต (สังคม) 2. ความละอายและความไมท่ นต่อ ความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ ริต การทุจริต - การทาการบา้ น/ชิน้ งาน - การทาเวร/การทาความสะอาด - การสอบ - กิจกรรมนักเรียน (โรงเรยี น) 3. STRONG / จติ พอเพียงต่อตา้ น STRONG / จติ พอเพียงต่อตา้ นการทุจริต การทุจริต - ความพอเพียง - ความโปรง่ ใส - ความต่ืนรูแ้ ละความรู้ - การตอ่ ต้านทุจริต - มุง่ ไปขา้ งหน้า - ความเอ้ืออาทร 4. พลเมืองกับความรบั ผดิ ชอบต่อ พลเมืองกับความรบั ผิดชอบต่อสังคม สงั คม - การเคารพสิทธิหน้าทต่ี ่อตนเองและผู้อ่ืน - ระเบียบ กฎ กติกา กฎหมาย - ความรบั ผิดชอบต่อตนเองและผู้อืน่ - ความเป็นพลเมือง - ความเป็นพลโลก * สมั มนา สุนทรพจน์ รวม
- 20 - 5) มัธยมศึกษาปีที่ 5 ลาดบั หนว่ ยการเรยี นรู้ เร่ือง จานวนช่ัวโมง 1. การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนและ 10 ส่วนตนและผลประโยชน์สว่ นรวม ผลประโยชน์ส่วนรวม 7 8 - การคดิ แยกแยะ 15 - ระบบคดิ ฐาน 10 กบั ฐาน 2 40 - การขดั กนั ระหวา่ งประโยชนส์ ว่ นบคุ คล และผลประโยชนส์ ว่ นรวม (สงั คม ประเทศชาติ โลก) - ผลประโยชนท์ บั ซ้อน (สังคม ประเทศชาติ โลก) - รปู แบบของผลประโยชน์ทับซ้อน (สงั คม ประเทศชาติ โลก) 2. ความละอายและความไมท่ นต่อการ ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ ทจุ ริต - การทาการบา้ น/การทาเวร/การทาความ สะอาด - การสอบและการเลอื กตั้ง - การแต่งกาย - การเข้าแถว - กิจกรรมนักเรียน (ชมุ ชน) 3. STRONG / จิตพอเพียงต่อตา้ นการ STRONG / จิตพอเพยี งต่อตา้ นการทจุ ริต ทุจริต - ความพอเพียง - ความโปรง่ ใส - ความตืน่ รแู้ ละความรู้ - ต่อต้านทุจริต - มงุ่ ไปข้างหนา้ - ความเอื้ออาทร 4. พลเมอื งกบั ความรบั ผิดชอบต่อสังคม พลเมืองกับความรบั ผิดชอบต่อสังคม - การเคารพสิทธิหนา้ ทตี่ ่อตนเองและผู้อน่ื - ระเบียบ กฎ กติกา กฎหมาย - พลเมืองกบั ความรับผิดชอบต่อสังคม - แนวทางการปฏิบตั ติ นเป็นพลเมืองที่ดี - ความเป็นพลเมืองของประเทศ - ความเป็นพลเมืองของโลก * สัมมนา เสวนา รวม
- 21 - 6) มธั ยมศึกษาปีท่ี 6 ลาดับ หนว่ ยการเรยี นรู้ เรอื่ ง จานวนช่ัวโมง 1. การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์ การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและ 10 สว่ นตนและผลประโยชน์สว่ นรวม ผลประโยชนส์ ว่ นรวม 7 8 - ความแตกต่างระหวา่ งจรยิ ธรรมและการ 15 ทจุ ริต (โลก) 40 - ประโยชน์ส่วนตนและประโยชนส์ ่วนรวม (โลก) - การขัดกนั ระหวา่ งประโยชนส์ ว่ นตนและ ผลประโยชน์สว่ นรวม (โลก) - ผลประโยชน์ทบั ซอ้ น (โลก) - รูปแบบของผลประโยชนท์ ับซ้อน (โลก) 2. ความละอายและความไมท่ นตอ่ การ ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต ทุจรติ - การสอบ - การเลือกตง้ั - กิจกรรมนักเรียน 3. STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการ STRONG / จิตพอเพยี งต่อตา้ นการทุจรติ ทุจรติ - ความพอเพยี งประสานเสียงต้านทจุ รติ - ความโปร่งใสใจสะอาดตา้ นทุจริต - ตืน่ รู้ต้านทจุ รติ - เรียนรู้เทา่ ทันป้องกนั การทจุ ริต 4. พลเมืองกบั ความรับผดิ ชอบต่อสังคม พลเมืองกับความรับผิดชอบต่อสังคม - การเคารพสิทธิหน้าที่ต่อตนเองและผู้อน่ื - ระเบียบ กฎ กติกา กฎหมาย - ความรับผดิ ชอบต่อตนเองและผู้อนื่ - พลเมืองท่ีมีความรับผิดชอบต่อการ ปอ้ งกนั การทุจริต - พลโลกท่ีมีความรบั ผดิ ชอบต่อการป้องกนั การทุจริต * สัมมนา แลกเปล่ยี นเรียนรู้ เผยแพร่ความรู้ รวม
- 22 - (7) กิจกรรมการเรียนรู้ แนวคิดและแนวการสอน กิจกรรมการเรียนรู้ท่ีใช้ในการจัดการเรียนการสอน เน้นการใช้ทฤษฎีการเรียนรู้ การสร้างความรู้ ได้แก่ 1) ทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ (Construction Theory) 2) ทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์เชิงสังคม (Social Constructivism Theory) 3) ทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์เชิงปัญญา (Cognitive Constructivism) 4) ทฤษฎีประมวลผลข้อมูล (Information Processing Theory) 5) ทฤษฎีพหุปัญญา (Theory of Multiple Intelligences) 6) ทฤษฎีการ เรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning Theory) ในการจัดการเรียนการสอน โดยภาพรวมจะใช้กลยุทธ์การ สอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ คือจัดตามความแตกต่างของเด็กแต่ละคน ด้วยการสอนโดยใช้กระบวนการคิด วิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ การฝึกปฏิบัติจริงการทาโครงงานสืบสวนสอบสวน กระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) การอภปิ ราย การแก้ปญั หาตลอดจนใช้เทคนคิ การสอนที่หลากหลายเหมาะกับผเู้ รียนแตล่ ะวัย (8) สอื่ การเรียนรู้และแหล่งเรียนรู้ จัดกิจกรรมด้วยสื่อการเรียนรู้ที่เกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เช่น วีดิโอ ข่าว VTR นิทาน การ์ตูน ภาพยนตร์สั้น เอกสารแก้ทุจริตคิดฐานสอง สื่อสิงพิมพ์ต่างๆ ใบความรู้ ใบงาน วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ตลอดจน แหล่งเรยี นร้ทู ่ีใชค้ อมพิวเตอร์ในการสืบคน้ (9) การวดั และประเมนิ ผล (9.1) การประเมนิ การเรียนรู้ โดยใช้เครื่องมือประเมินการเรียนรู้ในด้าน - ความรู้ความเขา้ ใจ - การปฏิบตั ิ - คณุ ลักษณะท่ีพงึ ประสงค์ เคร่อื งมือที่ใช้ประเมิน - แบบสอบ - แบบประเมินการปฏิบตั งิ าน - แบบสงั เกตพฤติกรรมการปฏบิ ตั ิงาน (9.2) การประเมินผล นักเรยี นผ่านการประเมินทุกกิจกรรม ร้อยละ 80 ขึน้ ไป จึงจะถือวา่ ผ่านเกณฑ์การประเมนิ (10) การทดลองใช้ ทดลองนารอ่ งใช้กบั โรงเรยี นทเี่ ข้ารว่ มโครงการเสริมสรางคุณธรรม จริยธรรมและธรรมาภิบาลในสถานศึกษา “ปองกันการทุจริต” (โรงเรียนสุจริต) ในสังกัดของสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน และสรุปผลการ ทดลองใชไ้ ดจ้ ากบนั ทกึ หลงั การสอน ------------------------------
- 23 - 4.2 หลกั สตู รอดุ มศกึ ษา (1) ชื่อหลักสูตร “วัยใส ใจสะอาด “Youngster with good heart” (2) จุดมุ่งหมายของรายวิชา (2.1) เพ่ือให้นักศึกษามีความรู้และความเข้าใจเก่ียวกับความหมายและประเภทของการทุจริต และ ผลประโยชน์ทับซ้อน สถานการณ์ที่เก่ียวข้องกับการทุจริต สามารถวิเคราะห์ถึงผลเสียท่ีเกิดจากการทุจริตต่อตนเอง สังคม และประเทศชาติ (2.2) เพื่อให้นักศึกษามีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในเร่ืองการปลูกจิตสานึก มีทักษะชีวิตด้านการปลูก จติ สานึกผ่านการศึกษาดูงาน (2.3) เพ่ือให้นักศึกษามีความรู้ความเข้าใจในการนาจริยธรรมมาใช้ในชีวิตประจาวัน ประยุกต์ใช้หลัก จริยธรรมนาชวี ิต และมีความรู้ความเข้าใจถงึ ค่านยิ ม จรรยาบรรณ และธรรมาภิบาล (2.4) เพื่อให้นักศึกษามีความรู้เกี่ยวกับกฎหมาย กฎระเบียบ มาตรการทางสังคมท่ีเกี่ยวกับการทุจริต สามารถบอกแหลง่ แจง้ เบาะแสการทจุ รติ ได้ (2.5) เพ่อื ให้นกั ศึกษาสามารถประยุกต์ใช้หลักเศรษฐกิจพอเพยี งในฐานะเคร่ืองมือตา้ นการทุจริต (3) คาอธิบายรายวชิ า ศกึ ษาเก่ียวกบั การแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนกับผลประโยชนส์ ว่ นรวม ความละอายและความ ไม่ทนต่อการทุจริต รู้หน้าที่ของพลเมืองและรับผิดชอบต่อสังคมในการต่อต้านการทุจริต และ STRONG : จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต โดยใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย มุ่งเน้นให้นักศึกษาเกิดความรู้ความ เข้าใจ ทกั ษะ เจตคติ ดา้ นการปอ้ งกนั การทุจริต (4) ตารางชว่ั โมงการจัดการเรียนการสอน (รวม 45 ชว่ั โมง) หัวข้อวิชา ชวั่ โมง เนื้อหา กระบวนการ - บรรยาย วิชาท่ี 1 ปรับฐาน 9 1.1 ต้นเหตขุ องการเกิดทุจริต - กรณศี ึกษา - ศึกษาดูงาน ความคดิ ต้านทุจรติ 1.2 การปลกู จติ สานึกให้มสี ่วนรว่ ม - บรรยาย - อภิปราย ส่วนตนและสว่ นรวม - ภาคสนาม - บรรยาย วชิ าที่ 2 สรา้ งสงั คมที่ 12 2.1 การขดั เกลาทางสังคม - กรณศี ึกษา - คน้ ควา้ ไมท่ นต่อการทุจรติ 2.2 การมสี ่วนร่วมของชมุ ชน - โครงงาน 2.3 ทักษะการปรับกระบวนการคดิ วชิ าท่ี 3 ยกระดบั 6 3.1 จริยธรรมนาพลเมืองในสังคม ดชั นี สร้างพลเมอื งดี 3.2 การยบั ย้งั และป้องกันการทจุ ริต ในสังคม 3.3 ข้อมลู ขา่ วสารดา้ นการป้องกันและ ปราบปรามทจุ รติ วชิ าที่ 4 ปราบทจุ ริต 18 การประยุกต์หลักเศรษฐกิจพอเพยี งเปน็ ดว้ ยจติ พอเพียง เคร่ืองมอื ต้านทจุ ริต
- 24 - (5) ตารางวิเคราะห์หน่วยการเรียนรู้ ท่ี เร่ือง เน้อื หา ชั่วโมง กระบวนการ สือ่ /แหล่งเรียนรู้ 1 ปรับฐานความคดิ ต้าน 1.1 ตน้ เหตขุ องการเกดิ ทจุ ริต 9 - บรรยาย วีดทิ ศั นข์ อง ปปช. ทุจรติ ส่วนตนและ 1.2 การปลกู จติ สานึกใหม้ สี ว่ นร่วม - กรณีศกึ ษา สถานการณป์ จั จบุ นั / ส่วนรวม - ศึกษาดูงาน ข่าว หอ้ งสมดุ 2 สรา้ งสงั คมท่ีไม่ทนต่อ 2.1 การขดั เกลาทางสังคม 12 - บรรยาย ฟลิปชาร์ต การทุจรติ 2.2 การมีสว่ นร่วมของชมุ ชน - อภปิ ราย พื้นทีใ่ น 2.3 ทักษะการปรบั กระบวนการคดิ - ภาคสนาม มหาวิทยาลยั /ชุมขน PowerPoint ตาม ความเหมาะสม 3 ยกระดบั ดัชนี สรา้ ง 3.1 จริยธรรมนาพลเมืองในสังคม 6 - บรรยาย วดี ทิ ัศน์ พลเมอื งดใี นสังคม 3.2 การยบั ยั้งและป้องกันการทจุ รติ - กรณศี กึ ษา การจัดกจิ กรรมแบบ 3.3 ข้อมลู ขา่ วสารด้านการป้องกัน - คน้ ควา้ Active Learning และปราบปรามทจุ รติ 4 ปราบทจุ รติ ด้วยจิต 4.1 การประยุกตห์ ลกั เศรษฐกจิ 18 - โครงงาน กรณีศึกษา พอเพยี ง พอเพียงเปน็ เคร่ืองมือตา้ นทจุ รติ มาตรการทาง กฎหมายที่เกยี่ วข้อง ฟลปิ ชาร์ต หน่วยท่ี 1 ปรับฐานความคิดต้านทจุ ริตส่วนตนและส่วนรวม จานวน 15 ชว่ั โมง ท่ี แผนการเรียนรู้ เวลา/ กระบวนการ สื่อ/แหลง่ วดั และ ขอ้ เสนอ ชัว่ โมง การเรยี นรู้ ประเมินผล แนะ 1.1 ต้นเหตุของการเกดิ ทจุ ริต 9 1. สรา้ งประเด็นดว้ ยการ 1 ฟลปิ 1 แบบ ดูวดี ทิ ศั น์เกีย่ วกับการ ชาร์ท สงั เกต ทุจริตของ ปปช. 2 วดิ ีทัศน์ พฤติกรรม 2. ปรับพ้นื ฐานการคิด 2 การตอบ โดยใหน้ ักศกึ ษา เลา่ คาถาม ประสบการณ์การทจุ รติ ที่ พบในชวี ิตประจาวนั อภปิ รายถงึ สาเหตุ ผลเสยี ผลกระทบรว่ มกนั 3. ผ้สู อนเช่ือมโยง เหตกุ ารณ์กับเน้ือหาการ ทุจรติ 4. ร่วมกนั สรุป 5. ศกึ ษาดูงาน
- 25 - หนว่ ยที่ 2 สร้างสังคมท่ีไม่ทนต่อการทจุ รติ จานวน 12 ชว่ั โมง ที่ แผนการเรยี นรู้ เวลา/ กระบวนการ ส่ือ/แหลง่ วัดและ ข้อเสนอ ชัว่ โมง การเรียนรู้ ประเมนิ ผล แนะ 2.1 การขดั เกลาทางสังคม 12 1. ทฤษฎีเกย่ี วกับ การมี - ชุมชน - ประเมนิ 2.2 ทกั ษะการปรบั ส่วนร่วมของชุมชน การขัด - ฟลิปชาร์ท ตามสภาพ กระบวนการคดิ เกลาทางสงั คม - โครงงาน จริง 2.3 การมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชน 2. เตรียมความพร้อมก่อน - แบบ ลงพืน้ ท่ี เชน่ การ สังเกต ตัง้ เป้าหมาย ตัง้ คาถาม พฤติกรรม วธิ ีการสังเกต - การให้ สภาพแวดล้อม แนว คาปรึกษา ปฏิบัติ เป็นระยะ 3. ลงพื้นทีส่ ารวจข้อมลู 4. นาเสนอข้อมูลท่ีได้ 5. อภิปรายร่วมกนั เก่ยี วกบั ความครบถว้ น สมบรู ณ์ อาจารยเ์ พิ่มเติม สว่ นทขี่ าด 6. อาจเก็บข้อมลู เพิ่มเติม ถ้าจาเป็น 7. อาจารยแ์ ละนักศึกษา ร่วมกันสรปุ ภาคทฤษฎี หน่วยที่ 3 ยกระดับดชั นี สร้างพลเมืองดีในสงั คม จานวน 6 ช่วั โมง ท่ี แผนการเรียนรู้ เวลา/ กระบวนการ ส่ือ/แหลง่ วดั และ ขอ้ เสนอ ชว่ั โมง การเรียนรู้ ประเมนิ ผล แนะ 3.1 จรยิ ธรรมนาพลเมอื งใน 6 1. บรรยายประกอบ กรณศี ึกษา - ประเมิน สงั คม PowerPoint ตามสภาพ 3.2 การยบั ยั้งและป้องกัน 2. กรณีศึกษาผลของการ จริง การทุจรติ ทจุ ริต - แบบ 3.3 ข้อมลู ข่าวสารด้านการ 3. อาจารยแ์ ละนกั ศึกษา สงั เกต ปอ้ งกันและปราบปรามทจุ ริต ร่วมกันสรุปถงึ จรยิ ธรรมท่ี พฤติกรรม ทาให้เกดิ การยบั ย้งั และ ปอ้ งกันการทุจรติ
- 26 - หน่วยท่ี 4 ปราบทจุ รติ ดว้ ยจิตพอเพยี ง จานวน 12 ชวั่ โมง ที่ แผนการเรยี นรู้ เวลา/ กระบวนการ สือ่ /แหล่ง วัดและ ข้อเสนอ ชว่ั โมง การเรยี นรู้ ประเมนิ ผล แนะ 4.1 การประยุกต์หลกั 18 1. นาเสนอโครงงานต้าน คลปิ วิดีโอ - ประเมิน เศรษฐกิจพอเพียงเปน็ เครื่องมอื ตา้ นทุจรติ ทุจรติ ชมุ ชน ตามสภาพ 2. รว่ มกันวพิ ากษเ์ พ่อื จริง ปรบั ปรุง - แบบ 3. ลงพ้นื ที่ทาโครงงาน สังเกต 4. นาเสนอผลการ พฤติกรรม ดาเนินการโครงงาน ดว้ ย - การให้ คลิปวดิ โี อ หรอื ส่ืออ่ืนตาม คาปรึกษา ความเหมาะสม เป็นระยะ 5. อาจารยแ์ ละนักศึกษา ร่วมกันสรุปการประยุกต์ หลกั เศรษฐกิจพอเพยี ง เป็นเครือ่ งมือต้านการ ทจุ รติ (6) ส่อื การเรียนรู้และแหล่งเรียนรู้ จัดกิจกรรมด้วยส่ือการเรียนรู้ท่ีเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เช่น วีดิทัศน์ของสานักงาน ป.ป.ช. สถานการณ์ปัจจุบัน/ข่าวห้องสมุด ฟลิปชาร์ต PowerPoint ตามความเหมาะสม การจัดกิจกรรมแบบ Active Learning กรณีศึกษา มาตรการทางกฎหมายท่ีเกี่ยวข้อง (7) การวดั และประเมินผล (7.1) แบบสังเกตพฤติกรรม (7.2) การตอบคาถาม (7.3) ประเมนิ ตามสภาพจรงิ (7.4) การให้คาปรึกษาเปน็ ระยะ (8) การทดลองใช้ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล เช่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ ได้นาเนื้อหาหลักสูตรฯ บางส่วน ไปปรบั ประยุกต์ใช้ในรายวิชาทเ่ี กีย่ วข้อง มหาวิทยาลัยราชภัฏ เช่น มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้นาเนื้อหา หลักสูตรฯ บางส่วนไปปรับใช้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาศึกษาท่ัวไป (General Education) จานวน 1 หน่วยกิต 12 ชวั่ โมง
- 27 - 4.3 หลกั สตู รกล่มุ ทหารและตารวจ (1) ชื่อหลักสูตร “หลกั สตู รตามแนวทางรบั ราชการ กลุ่มทหารและตารวจ” (2) จุดมุ่งหมายของรายวิชา (2.1) เพ่ือให้มีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับการคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ ส่วนรวม ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต พลเมืองกับความรับผิดชอบต่อการ ทจุ รติ ได้ (2.2) เพื่อให้สามารถวิเคราะห์ แยกแยะ เกี่ยวกับการคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับ ผลประโยชน์ส่วนรวม ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต พลเมืองกับความ รับผิดชอบตอ่ การทุจริตได้ (2.3) เพื่อให้สามารถประยุกต์เกี่ยวกับการคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต พลเมืองกับความรับผิดชอบต่อการทุจริต เกิดประโยชนต์ ่อหนว่ ยงาน สังคมและประเทศชาติได้ (2.4) เพ่ือสร้างนวัตกรรมเกี่ยวกับการคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ จติ พอเพียงต่อต้านการทุจริต พลเมืองกับความรับผิดชอบต่อการทุจริตได้ (2.5) เพ่อื ใหม้ เี จตคตทิ ีด่ ตี ่อการป้องกนั การทจุ ริต (3) คาอธิบายรายวิชา ศกึ ษาเกย่ี วกับการคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์สว่ นรวม ความอายและความ ไม่ทนต่อการทุจริต จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต และพลเมืองกับความรับผิดชอบต่อการทุจริต โดยใช้การจัด กิจกรรมการเรียนรู้ท่ีหลากหลาย มุ่งเน้นให้ผู้เรียนเกิดความรู้ ทักษะ เจตคติ ด้านการป้องกันการทุจริต และ เสริมพลงั คนรุ่นใหมแ่ ละนาไปประยกุ ตใ์ ห้เกิดประโยชน์ต่อหน่วยงาน สังคมและประเทศชาติ (4) ตารางช่วั โมงการจัดการเรียนการสอน (รวม 12 ชว่ั โมง) หวั ข้อวิชา ช่วั โมง เนอ้ื หา กระบวนการ วชิ าที่ 1 การคดิ 3 1. ความหมาย ความสาคญั การขัดกัน 1. ผู้บังคบั บัญชาระดับสงู /บุคคล แยกแยะ ระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนกบั ตน้ แบบ ถา่ ยทอดประสบการณ์ใน ผลประโยชน์ ผลประโยชนส์ ว่ นรวม การทางาน สว่ นตนกบั 2. กฎ ระเบียบ กฎหมายทเ่ี ก่ียวข้องกับการ 2. ศึกษากรณีตวั อยา่ งเกี่ยวกับคดี ผลประโยชน์ คดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนกับ ทุจรติ อนั เน่ืองมาจากการขดั กัน ส่วนรวม ผลประโยชน์สว่ นรวม ระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนกับ ผลประโยชนส์ ่วนรวม 3. การแบ่งกลุ่มฝึกปฏบิ ตั ิและการ นาเสนอ
- 28 - หัวข้อวิชา ช่ัวโมง เนือ้ หา กระบวนการ วิชาท่ี 2 3 1. การประยุกตห์ ลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ ๑. วิทยากรบรรยายให้ความรู้ จิตพอเพยี ง ตอ่ ต้านการ พอเพียงในการต่อต้านการทจุ ริต ๒. แบ่งกลุ่มฝกึ ปฏบิ ัติและนาเสนอ ทุจรติ 2. การสรา้ งพื้นฐานความคดิ จากแนวคดิ จติ พอเพยี งต่อต้านการทุจริตและพัฒนา วฒั นธรรมการตอ่ ต้านการทุจริตให้แก่ หนว่ ยงาน วิชาที่ 3 ความ 3 1. ความหมาย สาเหตุ รปู แบบและ ๑. การประเมนิ ตนเอง กอ่ นและ ละอายและ ผลกระทบของการทจุ รติ ต่อการพฒั นาสงั คม หลังการอบรม / เรยี น ความไม่ทนต่อ และประเทศ ๒. วิทยากรบรรยายใหค้ วามรู้ การทุจรติ 2. การวิเคราะห์ตนเองและการตระหนักถงึ ๓. ศกึ ษากรณตี ัวอย่าง/กรณีศึกษา ความละอายและไม่ทนต่อการทจุ รติ ผลทเี่ กดิ จากการทุจรติ 3. การสง่ เสรมิ สนบั สนุนให้ผอู้ ืน่ เกดิ ความ ละอายและความไม่ทนต่อการทจุ ริต วชิ าที่ 4 3 1. ความหมาย ความสาคัญ ของพลเมืองกับ 1. วิทยากรบรรยายให้ความรู้ พลเมืองกับ ความรบั ผิดชอบต่อการทจุ ริต และบทบาท 2. กจิ กรรมสรา้ งความเปน็ พลเมือง ความรบั ผดิ ชอบ หน้าท่ขี องความเป็นพลเมืองในการมีส่วน เพือ่ เสริมสรา้ งความรบั ผดิ ชอบตอ่ ตอ่ สังคม รว่ มแก้ไขปญั หาการทุจริต การทุจรติ 2. การมสี ว่ นรว่ มและบูรณาการกับทุกภาค 3. แบ่งกลุ่มฝกึ ปฏิบตั ิและนาเสนอ สว่ นของพลเมืองในการต่อต้านการทุจริต ผลงาน 3. แนวคดิ ความรบั ผิดชอบต่อการทจุ ริตของ สงั คมและประเทศ
- 29 - หลกั สตู รตามแนวทางรับราชการกลมุ่ ทหารและตารวจ วิชาท่ี ๑ : การคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชนส์ ่วนรวม จานวนชว่ั โมง : ๓ ชว่ั โมง สาระสาคัญ ศึกษาเก่ียวกับความหมาย แนวคิด ความสาคัญ รูปแบบ กฎ ระเบียบ และกฎหมายที่เก่ียวข้องของการ คดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตนกบั ผลประโยชน์สว่ นรวม วตั ถุประสงค์ เพื่อให้ผู้เข้ารบั การอบรม ๑. มีความรู้ ความเข้าใจในความหมายและความสาคัญของการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับ ผลประโยชน์สว่ นรวมตาม กฎ ระเบยี บ และกฎหมายที่เก่ียวข้อง 2. สามารถวิเคราะห์ แยกแยะ การขัดกนั ระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนกับผลประโยชน์ส่วนรวมได้ 3. สามารถ สร้างนวัตกรรม ผลงานการแยกแยะเกี่ยวกับผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ สว่ นรวมได้ 4. มเี จตคตทิ ี่ดี ปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมและสามารถนาไปประยกุ ต์ใช้ รายละเอยี ดเนือ้ หา ความหมายและความสาคัญของการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ตาม กฎ ระเบียบ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง วิเคราะห์ แยกแยะ การขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน กับผลประโยชน์ส่วนรวม มีเจตคติที่ดีเก่ียวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม การปรบั เปลีย่ นพฤตกิ รรมและสามารถนาไปประยุกตใ์ ช้กับตนเองและผู้อน่ื กจิ กรรมการเรียนรู้ / กิจกรรมการอบรม 1. ผู้บังคบั บญั ชาระดบั สงู /บุคคลตน้ แบบ ถ่ายทอดประสบการณ์ในการทางาน 2. ศึกษากรณีตัวอย่างเก่ียวกับคดีทุจริตอันเน่ืองมาจากการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับ ผลประโยชน์สว่ นรวม 3. การแบง่ กลุ่มฝึกปฏบิ ตั ิและการนาเสนอ ระยะเวลา ๓ ช่ัวโมง ส่ือประกอบการเรยี นรู้ 1. กรณีตวั อยา่ ง 2. โจทย์สมั มนา / บง่ การ 3. เอกสารประกอบการอบรม 4. สอ่ื เทคโนโลยี /สื่ออิเล็กทรอนิกส์/ สื่อวดี ีทัศน์ สานกั งาน ป.ป.ช. การวดั และประเมินผล ๑. ประเมนิ จากชน้ิ งานและผลงาน ๒. ประเมินจากพฤตกิ รรมการมสี ่วนร่วมในการทางานกลมุ่ ๓. ประเมนิ จากการนาเสนอผลงาน
- 30 - หลกั สตู รตามแนวทางรบั ราชการกลุ่มทหารและตารวจ หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 2 : ความละอายและความไมท่ นต่อการทุจริต จานวนช่ัวโมง : ๓ ชัว่ โมง สาระสาคัญ ศกึ ษาเก่ยี วกบั ความหมาย สาเหตุ รูปแบบและผลกระทบของการทุจริตต่อการพัฒนาสังคมและประเทศ สาเหตุท่ีทาให้เกิดการทุจริต ระดับการทุจริต สถานการณ์การทุจริต ผลกระทบของการทุจริต ทิศทางในการมีส่วนร่วม ปอ้ งกนั และแก้ไขปญั หาการทจุ รติ ระดบั ของความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ รติ และการลงโทษทางสงั คม วัตถปุ ระสงค์ เพอ่ื ใหผ้ เู้ ข้ารับการอบรม 1. มีความรู้ ความเข้าใจ ความหมาย สาเหตุ รูปแบบและผลกระทบของการทุจริตต่อการพัฒนาสังคม และประเทศ 2. สามารถวเิ คราะหต์ นเองและตระหนักถงึ ความละอายและไม่ทนตอ่ การทจุ ริต 3. สามารถส่งเสรมิ สนบั สนุนใหผ้ ู้อืน่ เกิดความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ ริตได้ รายละเอยี ดเนื้อหา ความหมาย สาเหตุ รูปแบบและผลกระทบของการทุจริตต่อการพัฒนาสังคมและประเทศ วิเคราะห์ สาเหตุที่ทาให้เกิดการทุจริต ระดับการทุจริต สถานการณ์การทุจริต ผลกระทบของการทุจริต ทิศทางในการ มีส่วนร่วมป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริต การตระหนักถึงความละอายและไม่ทนต่อการทุจริต ส่งเสริม สนบั สนุนใหผ้ ู้อน่ื เกดิ ความละอายและความไมท่ นต่อการทุจริต กิจกรรมการเรยี นรู้ / กจิ กรรมการอบรม 1. การประเมินตนเอง ก่อนและหลงั การอบรม / เรียน 2. วทิ ยากรบรรยายใหค้ วามรู้ 3. ศกึ ษากรณีตัวอย่าง/กรณีศึกษา ผลทีเ่ กิดจากการทุจรติ ระยะเวลา ๓ ชว่ั โมง ส่ือประกอบการเรยี นรู้ 1. แบบประเมินตนเอง ก่อนและหลงั การอบรม 2. กรณีตวั อยา่ ง / กรณีศกึ ษา 3. เอกสารประกอบการอบรม โจทยส์ ัมมนา/บ่งการ 4. ส่อื เทคโนโลยี /สอ่ื อิเล็กทรอนิกส/์ สอื่ วีดที ัศน์ สานกั งาน ป.ป.ช. การวดั และประเมนิ ผล 1. ประเมินจากพฤตกิ รรมการมีส่วนรว่ มในช้ันเรยี น 2. ประเมนิ จากผลการเปลยี่ นแปลงเจตคติของผ้เู ขา้ รับการอบรม 3. ประเมนิ ผลงานจากโจทยส์ ัมมนา / บง่ การ
- 31 - หลักสตู รตามแนวทางรับราชการกลมุ่ ทหารและตารวจ หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 3 : จิตพอเพยี งตา้ นทจุ รติ จานวนช่ัวโมง : ๓ ชัว่ โมง สาระสาคัญ ศึกษาเก่ียวกับการประยุกต์หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการต่อต้านการทุจริตเพ่ือสร้าง ฐานคิดจติ พอเพยี งต่อตา้ นการทจุ รติ ใหเ้ กิดขึ้นเป็นพื้นฐานความคิดของปัจเจกบุคคล ท้ังน้ี นาแนวคิดในการบูรณาการ ทห่ี ลากหลาย ได้แก่ หลักบรู ณาการ “STRONG” เปน็ ต้น เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาวฒั นธรรมหนว่ ยงาน วัตถปุ ระสงค์ เพือ่ ใหผ้ ูเ้ ขา้ รับการอบรม 1. มคี วามรู้ ความเข้าใจการประยกุ ต์หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งในการต่อตา้ นการทจุ รติ 2. สามารถสงั เคราะห์แนวคิดจติ พอเพียงต่อตา้ นการทจุ ริตให้เกิดข้ึนเป็นพ้ืนฐานความคดิ ได้ 3. สามารถกาหนดแนวทางในการพฒั นาวัฒนธรรมการตอ่ ต้านการทจุ รติ ใหแ้ ก่หน่วยงานได้ 4. มคี วามตระหนกั รถู้ งึ แนวคิดจิตพอเพยี งตอ่ ต้านการทจุ ริต รายละเอียดเนอื้ หา การประยุกต์หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการต่อต้านการทุจริต สร้างฐานคิดจิตพอเพียง ต่อต้านการทุจริตให้เกิดข้ึนเป็นพื้นฐานความคิดของปัจเจกบุคคล นาแนวคิดในการบูรณาการที่หลากหลาย ได้แก่ หลักบรู ณาการ “STRONG” เปน็ ตน้ เพ่อื เปน็ แนวทางในการพฒั นาวัฒนธรรมหนว่ ยงาน กจิ กรรมการเรียนรู้ / กจิ กรรมการอบรม 1. วิทยากรบรรยายใหค้ วามรู้ 2. แบ่งกลมุ่ ฝกึ ปฏิบตั ิและนาเสนอ ระยะเวลา ๓ ชั่วโมง สอื่ ประกอบการเรยี นรู้ 1. เอกสารประกอบการอบรม 2. ส่อื เทคโนโลยี /สื่ออเิ ลก็ ทรอนกิ ส/์ ส่อื วีดที ัศน์ สานกั งาน ป.ป.ช. 3. โจทย์สัมมนา / บ่งการ การวดั และประเมนิ ผล 1. ประเมินจากพฤติกรรมการมสี ่วนรว่ มในชนั้ เรียน 2. ประเมนิ ผลงานจากโจทยส์ ัมมนา / บง่ การ
- 32 - หลกั สตู รตามแนวทางรับราชการกล่มุ ทหารและตารวจ หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 4 : พลเมอื งกบั ความรับผิดชอบต่อสังคม จานวนชัว่ โมง : ๓ ชว่ั โมง สาระสาคญั ศึกษาความหมาย ความสาคัญ ของพลเมืองกับความรับผิดชอบต่อสังคม และบทบาทหน้าท่ีของความ เปน็ พลเมืองในการมสี ว่ นร่วมแก้ไขปญั หาการทุจรติ ของประเทศ วตั ถปุ ระสงค์ เพื่อใหผ้ ู้เข้ารับการอบรม ๑. มีความรู้ความเข้าใจ ความหมาย ความสาคัญ ของพลเมืองกับความรับผิดชอบสังคม และบทบาท หนา้ ท่ขี องความเปน็ พลเมอื งในการมีสว่ นรว่ มแก้ไขปัญหาการทจุ รติ ของประเทศ ๒. สามารถสังเคราะหถ์ ึงการนาแนวคิดความรบั ผิดชอบตอ่ การทุจริตของสังคมและประเทศได้ ๓. มีความตระหนักรถู้ งึ การนาแนวคดิ ความรบั ผดิ ชอบตอ่ การทจุ รติ ของสังคมและประเทศ ๔. ส่งเสรมิ การมสี ่วนรว่ มและบูรณาการกับทกุ ภาคสว่ นของพลเมืองในการตอ่ ตา้ นการทจุ ริตได้ รายละเอียดเน้ือหา ความหมาย ความสาคัญของความเป็นพลเมืองและบทบาทหน้าที่ของความเป็นพลเมืองในการมีส่วนร่วม แก้ไขปัญหาการทุจริตของประเทศ วิเคราะห์ สังเคราะห์ ตระหนักถึงความเป็นพลเมืองและบทบาทหน้าท่ีของ ความเปน็ พลเมอื งในการมสี ว่ นรว่ มแก้ไขปญั หาการทุจรติ ของประเทศ เจตคติที่ดเี กย่ี วกับความเปน็ พลเมอื ง กจิ กรรมการเรียนรู้ / กิจกรรมการอบรม 1. วทิ ยากรบรรยายให้ความรู้ 2. กจิ กรรมสรา้ งความเปน็ พลเมืองเพ่ือเสริมสร้างความรบั ผิดชอบตอ่ การทุจรติ 3. แบง่ กลุม่ ฝึกปฏิบัติและนาเสนอผลงาน ระยะเวลา ๓ ช่ัวโมง สอื่ ประกอบการเรยี นรู้ 1. กรณีตัวอย่าง / กรณีศึกษา 2. โจทย์กจิ กรรม / บ่งการ 3. เอกสารประกอบการอบรม 4. สอ่ื เทคโนโลยี /ส่ืออิเล็กทรอนกิ ส์/ สอื่ วดี ที ัศน์ สานักงาน ป.ป.ช. การวดั และประเมนิ ผล 1. แบบทดสอบความรู้ความเข้าใจของหนา้ ที่พลเมืองกับความรบั ผิดชอบต่อสงั คม 2. ประเมนิ จากชิ้นงานและผลงานกล่มุ 3. ประเมินจากการนาเสนอผลงาน
- 33 - (5) ระยะเวลาหลักสตู ร - ทหาร (สาหรับหลักสูตรตามแนวทางรับราชการและหลักสูตรเพิ่มพูนความรู้) แบ่งหลักสูตรออกเป็น 3 ระยะ ระยะสนั้ มีการฝึกอบรม ๒ - ๔ เดือน ให้มกี ารเรียนการสอนไม่นอ้ ยกว่า ๓ - ๔ ชั่วโมง ระยะกลางมกี ารฝกึ อบรม ๔ - ๖ เดือน ให้มกี ารเรียนการสอนไม่น้อยกว่า ๖ - ๘ ช่ัวโมง ระยะยาวมกี ารฝึกอบรม ๖ - ๑๒ เดอื น ใหม้ กี ารเรยี นการสอนไม่นอ้ ยกวา่ ๙ - ๑๒ ชั่วโมง สาหรับหลักสูตรท่ีมีระยะเวลาการอบรมน้อยกว่า ๒ เดือน ให้ใช้รูปแบบการบรรยายพิเศษ/หรือสื่อ ประกอบการเรียนรใู้ นการเรียนการสอน - ตารวจ หลกั สตู รการฝึกอบรมท่เี ลื่อนตาแหน่งสงู ขึน้ ใหม้ กี ารเรียนการสอนไมน่ ้อยกวา่ ๓ ชั่วโมง หลักสตู รนกั เรยี นนายสบิ ตารวจ ใหม้ ีการเรียนการสอนไม่นอ้ ยกวา่ ๑๖ ช่ัวโมง สาหรับหลักสูตรอื่นๆ นอกเหนือจากท่ีกล่าวมา ให้ใช้รูปแบบการบรรยายพิเศษ/หรือส่ือประกอบการเรียนรู้ ในการเรียนการสอน (6) สื่อการเรียนรู้และแหล่งเรียนรู้ จัดกิจกรรมด้วยสื่อการเรียนรู้ท่ีเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ได้แก่ ส่ือส่ิงพิมพ์ เช่น โจทยส์ ัมมนา บ่งการ ฯลฯ ส่ืออุปกรณ์ สือ่ เทคโนโลยีหรือส่ืออิเล็กทรอนิกส์ สือ่ บุคคล แหล่งเรียนรู้ (7) การวดั และประเมินผล (7.1) สังเกตพฤตกิ รรมในหอ้ งเรยี น (7.2) สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติกจิ กรรม (7.3) ประเมนิ ผลจากการทดสอบ (7.4) ประเมินผลจากผลงานกลมุ่ (8) การทดลองใช้ สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ ได้จัดอบรมการปฐมนิเทศนายทหารชั้นนายพลของกองทัพไทย ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 จานวน 2 รุ่น รวมจานวน 421 คน โดยได้เชิญนายอุทิศ บัวศรี ผู้ช่วย เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. (อนุกรรมการจัดทาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และส่ือประกอบการเรียนรู้ ด้าน การปอ้ งกนั การทจุ ริต) ไปบรรยายในหัวข้อวิชา “การปอ้ งกันการทจุ รติ ” ซ่งึ ไดส้ อดแทรกเน้ือหาการบรรยายวิชาการ ขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม การคิดแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ ส่วนรวม จานวนรุน่ ละ 1.30 ชัว่ โมง รนุ่ ท่ี 1 วนั ที่ 16 พฤศจกิ ายน 2560 ณ หอประชมุ พิบลู สงคราม วทิ ยาลยั ปอ้ งกนั ราชอาณาจักร สถาบันวิชาการปอ้ งกนั ประเทศ รุ่นที่ 2 วันที่ 18 ธันวาคม 2560 ณ หอประชุมพิบูลสงคราม วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบนั วชิ าการปอ้ งกันประเทศ
- 34 - 4.4 หลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช. / บคุ ลากรภาครัฐและรัฐวสิ าหกิจ (1) ช่ือหลักสูตร “สร้างวิทยากรผู้นาการเปล่ยี นแปลงสู่สังคมท่ีไม่ทนต่อการทุจริต” (2) จุดมุ่งหมายของรายวิชา (2.1) เพ่ือสร้างความรู้ความเข้าใจและทัศนคติท่ีถูกต้องเก่ียวกับการคิดแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตนกับ ผลประโยชน์ส่วนรวม ความไม่ทนและความอายต่อการทุจริต การประยุกต์หลักความพอเพียงด้วยโมเดล STRONG : จติ พอเพียงต้านทุจริต และการฝกึ ปฏิบตั กิ ารเป็นวทิ ยากร (2.2) เพ่ือสร้างวิทยากรท่ีมีทักษะและสามารถขยายผลองค์ความรู้ไปสู่กลุ่มเป้าหมายอื่นๆ เพ่ือมุ่งสร้างสังคม ทไ่ี มท่ นตอ่ การทจุ ริต (3) คาอธิบายรายวิชา ศกึ ษาเก่ียวกับการคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนกบั ผลประโยชน์ส่วนรวม ความอายและความ ไม่ทนต่อการทุจริต STRONG : จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต โดยใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย มุ่งเน้นใหผ้ ้เู รยี นเกดิ ความรคู้ วามเขา้ ใจ เจตคติ ดา้ นการป้องกนั การทุจรติ และเกิดทักษะการเป็นวิทยากร (4) ตารางชั่วโมงการจัดการเรียนการสอน (รวม 18 ช่วั โมง) หัวข้อวิชา ชว่ั โมง เนื้อหา กระบวนการ วิชาท่ี 1 การคดิ การบรรยาย แยกแยะ 6 1. สาเหตุของการทจุ รติ ฯ การคดิ วเิ คราะหก์ รณศี ึกษา ประโยชนส์ ่วน 2. ความหมาย รปู แบบ ของการขัดกันระหวา่ ง การทากจิ กรรมกลมุ่ ตนและ ผลประโยชนส์ ่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม การอภปิ รายกลุ่ม ประโยชน์ 3. กฎหมายทเี่ กย่ี วข้องกบั การขดั กนั ฯ สว่ นรวม 4. วิธคี ิดแบบ Analog thinking (ฐาน 10) / การบรรยาย การคิดวิเคราะห์ Digital thinking (ฐาน 2) กรณศี ึกษา วชิ าท่ี 2 ความ 5. บทบาทของรฐั / เจ้าหนา้ ที่ของรฐั การทากิจกรรมกล่มุ ไม่ทนและความ 6. กรณีตวั อย่างการคดิ แยกแยะระหว่าง การอภปิ รายกลุ่ม อายต่อการ ประโยชนส์ ่วนตนและประโยชนส์ ่วนรวม ทุจรติ 3 1. ความไมท่ นต่อการทจุ รติ - ความเป็นพลเมือง - แนวคิดเกี่ยวกับความไม่ทนต่อการทจุ ริต 2. ความอายต่อการทุจริต - แนวคิดเกีย่ วกับความอายต่อการทุจริต 3. ตวั อยา่ งความไม่ทนและความอายต่อการ ทจุ ริต การแสดงออกถึงการไมท่ นต่อการทจุ ริต 4. ลงโทษทางสงั คม 5. ช่องทางและวิธกี ารร้องเรยี นการทุจรติ 6. มาตรการคุ้มครองช่วยเหลอื พยานและการ กนั บุคคลไว้เป็นพยานโดยไม่ดาเนนิ คดี
- 35 - หวั ข้อวิชา ชัว่ โมง เนอ้ื หา กระบวนการ 3 1. ทม่ี า ความหมายของโมเดล STRONG : จิต การอภปิ ราย วชิ าที่ 3 การ พอเพียงตา้ นทุจริต การกรณีโครงการ STRONG ประยุกตห์ ลัก 2. การนาโมเดล STRONG : จิตพอเพียงต้าน ความพอเพยี ง ทุจรติ ไปประยุกตใ์ นบริบทตา่ งๆ - 3 ช่วั โมงแรก ด้วยโมเดล ให้ผู้เขา้ รว่ มทุกคนแบง่ กลุ่มฝกึ STRONG : จิต 6 การฝกึ ปฏิบตั ถิ ่ายทอดความรู้ ตามท่กี าหนดได้ ปฏิบตั กิ ารเป็นวทิ ยากรโดยสุ่ม พอเพียงตา้ น อย่างถูกต้องและเหมาะสม หวั ขอ้ จาก 3 วชิ า ทจุ ริต - ๓ ช่วั โมงหลัง วทิ ยากรให้ ขอ้ เสนอแนะ วิชาท่ี 4 การฝกึ ปฏบิ ัตกิ ารเปน็ วิทยากร
- 36 - หลักสูตรสรา้ งวิทยากรผนู้ าการเปลี่ยนแปลงสู่สงั คมทีไ่ ม่ทนต่อการทจุ ริต วชิ าที่ 1 : เรอ่ื ง การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม จานวนช่ัวโมง : 6 ชั่วโมง สาระสาคัญ วิชาน้ีเป็นการเรียนรู้เก่ียวกับการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม กฎหมาย ท่ีเก่ียวข้อง แนวคิดเกี่ยวกับการคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม เพ่ือให้ผู้เรียน สามารถนาไปถา่ ยทอดไดอ้ ย่างถูกต้องและนาไปปรบั ใช้ได้อย่างเหมาะสมกับผเู้ ข้ารับการฝึกอบรม วัตถปุ ระสงค์ 1. เพ่ือเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ การนาไปใช้ การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และการประเมินเกี่ยวกับ การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนกบั ผลประโยชนส์ ว่ นรวม 2. เพื่อสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้อย่างถูกต้องในเรื่องการคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับ ผลประโยชน์ส่วนรวมใหผ้ ู้เรยี นนาไปปรบั ใช้ได้อย่างเหมาะสมกบั ผเู้ ข้ารบั การฝกึ อบรม รายละเอยี ดเนอื้ หา 1. ความหมายของการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม รูปแบบของการ ขดั กนั ระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนกับผลประโยชนส์ ่วนรวม 2. กฎหมายที่เก่ียวข้องกับการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม (ระเบียบ สานกั นายกรัฐมนตรี วา่ ดว้ ยการใหห้ รือรบั ของขวัญของเจ้าหน้าท่ีของรัฐ พ.ศ. 2544, ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรี วา่ ด้วยการเร่ียไรของหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2544, ประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่อง หลักเกณฑ์การรับทรัพย์สิน หรอื ประโยชน์อน่ื ใดโดยธรรมจรรยาของเจา้ หน้าทข่ี องรฐั พ.ศ. 2543) 3. วธิ ีคิดแบบฐาน 10 (Analog thinking) / ฐาน 2 (Digital thinking) 4. บทบาทของรฐั / เจ้าหน้าท่ีของรฐั (มาตรฐานทางจริยธรรมของเจ้าหน้าท่ีของรัฐ เช่น ประมวลจริยธรรม ข้าราชการพลเรอื น ประมวลจรยิ ธรรมข้าราชการสว่ นทอ้ งถ่ิน) 5. กรณีตัวอย่างการคดิ แยกแยะระหวา่ งประโยชน์สว่ นตนและประโยชน์ส่วนรวม วธิ กี ารฝึกอบรม การบรรยาย การคิดวิเคราะห์กรณีศึกษา การทากิจกรรมกลุม่ การอภปิ รายกลมุ่ สอื่ การเรียนรู้ PowerPoint วิดีโอ ภาพยนตร์ส้นั ใบงาน หรอื สอ่ื อ่นื ๆ ทเี่ หมาะสม การวดั และประเมนิ ผล การทดสอบเนือ้ หา (20 คะแนน)
- 37 - หลักสูตรสร้างวิทยากรผนู้ าการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมทไี่ ม่ทนต่อการทจุ ริต วชิ าที่ 2 : เรื่อง ความอายและความไมท่ นต่อการทจุ ริต จานวนชวั่ โมง : 3 ชัว่ โมง สาระสาคญั วิชานีเ้ ป็นการเรียนร้เู กย่ี วกับแนวคิดเก่ยี วกบั ความอายและความไมท่ นต่อการทุจริต ความเป็นพลเมืองท่ี ไม่ทนต่อการทุจริต การแสดงออกถึงการไม่ทนต่อการทุจริต กรณีศึกษาปรากฏการณ์ในเกิดข้ึนในประเทศและ ต่างประเทศ ท่ีสะท้อนถึงความอายและความไม่ทนต่อการทุจริต เพ่ือให้ผู้เรียนสามารถนาไปถ่ายทอดได้อย่างถูกต้อง และนาไปปรับใชไ้ ดอ้ ย่างเหมาะสมกบั ผ้เู ขา้ รับการฝกึ อบรม วัตถปุ ระสงค์ 1. เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ การนาไปใช้ การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และการประเมินเกี่ยวกับ ความไม่ทนและความอายต่อการทจุ รติ 2. เพื่อสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้อย่างถูกต้องในเรื่องความอายและความไม่ทนต่อการทุจริตให้ผู้เรียน นาไปปรบั ใชไ้ ด้อย่างเหมาะสมกับผเู้ ข้ารบั การฝึกอบรม รายละเอียดเนื้อหา 1. ความอายต่อการทุจริต - แนวคดิ เกยี่ วกบั ความอายต่อการทุจริต 2. ความไม่ทนต่อการทจุ ริต - ความเปน็ พลเมืองที่ไมท่ นต่อการทจุ ริต - แนวคิดเกย่ี วกับความไม่ทนตอ่ การทุจรติ 3. ตวั อย่างความอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ การแสดงออกถึงการไมท่ นต่อการทจุ รติ 4. ลงโทษทางสงั คม 5. ชอ่ งทางและวธิ กี ารร้องเรียนการทุจริต 6. มาตรการคุ้มครองช่วยเหลือพยานของสานักงาน ป.ป.ช. และกฎ ก.พ.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการ การใหบ้ าเหน็จความชอบ การกนั เปน็ พยาน การลดโทษ และการใหก้ ารคุ้มครองพยานฯ วธิ ีการฝึกอบรม การบรรยาย การคิดวิเคราะห์กรณีศึกษา การทากิจกรรมกลุ่ม การอภิปรายกลุ่ม ส่อื การเรียนรู้ PowerPoint วิดีโอ หรือสือ่ อ่ืนๆ ท่ีเหมาะสม การวดั และประเมินผล การทดสอบเนอ้ื หา (20 คะแนน)
- 38 - หลักสตู รสรา้ งวิทยากรผนู้ าการเปลี่ยนแปลงสู่สงั คมท่ีไม่ทนต่อการทุจริต วชิ าที่ 3 : เร่ือง การประยุกต์หลักความพอเพียงด้วยโมเดล STRONG : จิตพอเพียงต้านทจุ ริต จานวนช่วั โมง : 3 ชวั่ โมง สาระสาคญั วิชานี้เป็นการเรียนรู้เก่ียวกับท่ีมา ความหมายของโมเดล STRONG : จิตพอเพียงต้านทุจริต การนา โมเดล STRONG : จิตพอเพียงต้านทุจริต ไปประยุกต์ในบริบทต่างๆ เพ่ือให้ผู้เรียนสามารถนาไปถ่ายทอดได้อย่าง ถูกตอ้ งและนาไปปรับใช้ได้อย่างเหมาะสมกับผู้เข้ารับการฝึกอบรม วัตถปุ ระสงค์ 1. เพ่ือเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ การนาไปใช้ การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และการประเมินเก่ียวกับ การประยกุ ตห์ ลักความพอเพยี งด้วยโมเดล STRONG : จิตพอเพยี งต้านทุจรติ 2. เพ่ือสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้อย่างถูกต้องในเรื่องการประยุกต์หลักความพอเพียงด้วยโมเดล STRONG : จิตพอเพียงต้านทุจริต ให้ผูเ้ รียนนาไปปรับใชไ้ ดอ้ ย่างเหมาะสมกบั ผูเ้ ขา้ รบั การฝึกอบรม รายละเอยี ดเนือ้ หา 1. ต้นแบบความพอเพียง (ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง) 2. ความหมายของการประยุกต์หลักความพอเพียงด้วยโมเดล STRONG : จิตพอเพียงต้านทุจริต ซ่ึง คิดค้นโดย รองศาสตราจารย์ ดร.มาณี ไชยธีรานุวฒั ศริ ิ ในปี พ.ศ. 2560
- 39 - คาอธิบายความหมายของ “STRONG : จติ พอเพียงต้านทจุ ริต” ๑) S (sufficient) : ความพอเพียง ผู้นา ผู้บริหาร บุคคลทุกระดับ องค์กรและชุมชนน้อมนาปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับประยุกต์เป็นหลักความพอเพียงในการทางาน การดารงชีวิต การพัฒนาตนเองและ ส่วนรวม รวมถึงการปอ้ งกันการทจุ ริตอยา่ งย่ังยนื ความพอเพียงต่อส่ิงใดสิ่งหน่ึง ของมนุษย์แม้ว่าจะแตกต่างกันตามพื้นฐาน แต่การตัดสินใจว่าความ พอเพยี งของตนเองต้องต้ังอยบู่ นความมเี หตุมผี ลรวมทัง้ ตอ้ งไม่เบยี ดเบียนตนเอง ผูอ้ ่นื และสว่ นรวม ความพอเพียงดังกล่าวจึงเป็นภูมิคุ้มกันให้บุคคลนั้นไม่กระทาการทุจริต ซ่ึงต้องให้ความรู้ความเข้าใจ (knowledge) และปลกุ ให้ตน่ื รู้ (realise) ๒) T (transparent) : ความโปร่งใส ผู้นา ผูบ้ รหิ าร บุคคลทกุ ระดับ องค์กรและชุมชนต้องปฏิบัติงาน บนฐานของความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ดังน้ัน จึงต้องมีและปฏิบัติตามหลักปฏิบัติ ระเบียบ ข้อปฏิบัติ กฎหมาย ด้านความโปร่งใส ซึ่งต้องให้ความรู้ความเขา้ ใจ(knowledge) และปลุกใหต้ นื่ รู้ (realise) ๓) R (realize) : ความตื่นรู้ ผ้นู า ผบู้ ริหาร บคุ คลทุกระดับ องค์กรและชุมชน มีความรู้ความเข้าใจและ ตระหนกั รู้ถึงรากเหง้าของปญั หาและภัยร้ายแรงของการทุจริตประพฤติมิชอบภายในชุมชนและประเทศ ความต่ืนรู้จะ บงั เกดิ เมือ่ ได้พบเห็นสถานการณ์ทเ่ี สี่ยงต่อการทุจรติ ยอ่ มจะมปี ฏิกิรยิ าเฝา้ ระวงั และไม่ยินยอมต่อการทุจริตในที่สุด ซึ่งต้องให้ความรู้ความเข้าใจ (knowledge) เกี่ยวกับสถานการณ์การทุจริตที่เกิดขึ้น ความร้ายแรงและผลกระทบ ตอ่ ระดบั บคุ คลและสว่ นรวม ๔) O (onward) : มุ่งไปข้างหน้า ผู้นา ผู้บริหาร บุคคลทุกระดับ องค์กรและชุมชน มุ่งพัฒนาและ ปรับเปล่ียนตนเองและส่วนรวมให้มีความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน บนฐานความโปร่งใส ความพอเพียงและร่วม สร้างวัฒนธรรมสจุ ริตให้เกดิ ขึ้นอยา่ งไมย่ อ่ ทอ้ ซงึ่ ต้องมคี วามร้คู วามเข้าใจ(knowledge) ในประเด็นดงั กล่าว ๕) N (knowledge) : ความรู้ ผู้นา ผู้บริหาร บุคคลทุกระดับ องค์กรและชุมชน ต้องมีความรู้ความ เข้าใจสามารถนาความรไู้ ปใช้ สามารถวเิ คราะห์ สังเคราะห์ ประเมนิ ไดอ้ ยา่ งถ่องแท้ ในเร่ือง สถานการณ์การทุจริต ผลกระทบทม่ี ตี ่อตนเองและส่วนรวม ความพอเพียงต้านทุจริต การแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตัวและผลประโยชน์ ส่วนรวมท่ีมีความสาคัญย่ิงต่อการลดการทุจริตในระยะยาว รวมทั้ง ความอายไม่กล้าทาทุจริตและความไม่ทนเมื่อ พบเหน็ วา่ มีการทุจริตเกดิ ขนึ้ เพอื่ สร้างสงั คมไม่ทนตอ่ การทจุ รติ ๖) G (generosity) : ความเอื้ออาทร คนไทยมีความเอ้ืออาทร มีเมตตา น้าใจ ต่อกันบนฐานของจิต พอเพยี งต้านทุจริต ไมเ่ อือ้ ต่อการรับหรือการใหผ้ ลประโยชน์หรอื ตอ่ พวกพ้อง วิธกี ารฝกึ อบรม การอภิปราย กรณโี ครงการ STRONG การบรรยาย สื่อการเรียนรู้ PowerPoint สารคดี หรอื ส่ืออ่ืนๆ ท่เี หมาะสม การวดั และประเมินผล การทดสอบเนอื้ หา (20 คะแนน)
- 40 - หลักสตู รสร้างวิทยากรผู้นาการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมท่ไี ม่ทนต่อการทุจริต วชิ าที่ 4 : เร่อื ง การฝกึ ปฏบิ ตั ิการเปน็ วทิ ยากร จานวนช่วั โมง : 6 ชั่วโมง สาระสาคัญ วิชานี้เป็นการฝึกปฏิบัติกิจกรรมโดยมีบทบาทในการเป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้ในประเด็นใดประเด็น หนง่ึ จาก 3 ประเด็น โดยเลอื กใช้เทคนคิ ฝึกอบรมแบบต่างๆ ตามความเหมาะสมกับเนอ้ื หา วัตถปุ ระสงค์ เพ่ือฝกึ ทักษะการเปน็ วิทยากรที่ถา่ ยทอดองคค์ วามรใู้ นเรอ่ื งการคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน กับผลประโยชน์ส่วนรวม ความไม่ทนและความอายต่อการทุจริต การประยุกต์หลักความพอเพียงด้วยโมเดล STRONG : จิตพอเพียงตา้ นทุจรติ รายละเอยี ดเนอ้ื หา การฝึกปฏบิ ตั ถิ ่ายทอดความรู้ ตามทีก่ าหนดได้อยา่ งถูกต้องและเหมาะสม วิธกี ารฝึกอบรม - 3 ชัว่ โมงแรก ใหผ้ ู้เขา้ รว่ มทุกคนแบ่งกลุ่มฝึกปฏิบัติการเป็นวิทยากรโดยสุ่มหัวข้อวิชาการบรรยายจาก 3 วิชา โดยใหว้ ทิ ยากรประเมนิ - ๓ ชัว่ โมงหลงั วิทยากรใหข้ ้อเสนอแนะกระบวนการหลากหลาย สือ่ การเรยี นรู้ PowerPoint ฝกึ ปฏบิ ัติ หรือสื่ออนื่ ๆ ทเ่ี หมาะสม การวดั และประเมินผล การประเมนิ ฝกึ ปฏบิ ัตกิ ารเปน็ วิทยากร (40 คะแนน)
- 41 - (5) ระยะเวลาหลักสูตร 3 วัน 2 คนื (6) สอื่ การเรียนรู้และแหล่งเรียนรู้ จัดกิจกรรมด้วยส่ือการเรียนรู้ท่ีเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ได้แก่ PowerPoint วิดีโอ ภาพยนตร์สัน้ ใบงาน หรือสื่ออื่นๆ ทเี่ หมาะสม (7) การวัดและประเมนิ ผล (7.1) การทดสอบความรู้ (60 คะแนน) (7.2) การประเมินฝกึ ปฏบิ ัติการเปน็ วทิ ยากร (40 คะแนน) โดยผูผ้ า่ นการอบรมจะต้องได้คะแนนรวมจากค่าคะแนนจากแบบทดสอบความรู้และค่าคะแนนจากการ ประเมินฝกึ ปฏบิ ัตกิ ารเป็นวทิ ยากรรวมกันอย่างน้อยตัง้ แต่ 60 คะแนนขน้ึ ไป (8) การทดลองใช้ (8.1) สานักงาน ป.ป.ช. ได้นาไปใช้ในโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการวิทยากร ป.ป.ช. แกนนา สร้างสังคมท่ี ไมท่ นต่อการทุจริต ระหวา่ งวนั ที่ 25–27 ส.ค. 60 ณ โรงแรมอมารี ดอนเมือง แอร์พอร์ต กรุงเทพมหานคร เพื่อสร้าง วิทยากรท่ีมีทักษะและสามารถขยายผลองค์ความรู้ในเรื่องการคิดแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ ส่วนรวม ความไมท่ นและความอายต่อการทุจริต แนวคิด STRONG : จิตพอเพียงต้านทุจริต อย่างเป็นมาตรฐานและ แนวทางเดยี วกนั ไปขยายสกู่ ลมุ่ เปา้ หมายอื่นๆ เพ่ือมุ่งสร้างสังคมท่ีไม่ทนต่อการทุจริต โดยกลุ่มเป้าหมายเป็นเจ้าหน้าที่ จากสานักงาน ป.ป.ช. ประจาจังหวัด 76 จังหวัดๆ ละ 1 คน เจา้ หน้าท่ีจากสานกั งาน ป.ป.ช. ภาค 9 ภาคๆ ละ 1 คน และเจ้าหนา้ ท่จี ากสานักงาน ป.ป.ช. ส่วนกลาง 20 คน จานวน 105 คน โดยเจ้าหน้าที่ของสานักงาน ป.ป.ช. ท่ี เข้ารบั การอบรมจะไดน้ าเนอ้ื หาวชิ าไปขยายผลในพื้นท่จี ังหวดั (8.2) สานักงาน ป.ป.ช. ได้นาไปใช้ในโครงการปลูกฝังวิธีคิดแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตัวและ ผลประโยชน์ส่วนรวม จิตพอเพียง ความอาย และไม่ทนต่อการทุจริต ประจาปี 2561 โดยเป็นการจัดอบรมให้ ความรู้ในเรื่องการคิดแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ความไม่ทนและความอายต่อการ ทุจริต แนวคิด STRONG : จิตพอเพียงต้านทุจริต และเป็นการผลิตวิทยากรตัวคูณในการปลูกฝังวิธีคิดแยกแยะ ผลประโยชน์สว่ นตวั และผลประโยชนส์ ว่ นรวม จิตพอเพยี ง ความอาย และไม่ทนต่อการทุจริต ให้มีทักษะและสามารถ ขยายผลอย่างเป็นมาตรฐานและแนวทางเดียวกันไปสู่กลุ่มเป้าหมายอื่นๆ เพื่อมุ่งสร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต โดยมกี ลมุ่ เป้าหมายดงั นี้ - กลุม่ ขา้ ราชการและพนักงานรัฐวิสาหกจิ จานวน 2 รุ่น รวมจานวน 297 คน รุน่ ที่ 1 จัดขน้ึ ระหวา่ งวันที่ 13 - 14 ธันวาคม 2560 ณ ศนู ย์ประชุม อิมแพ็คฟอรัม เมืองทองธานี จังหวดั นนทบุรี รนุ่ ที่ 2 จดั ข้นึ ระหวา่ งวันที่ 14 - 15 ธันวาคม 2560 ณ ศนู ย์ประชุม อิมแพ็คฟอรัม เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี - กลุ่มอาจารยแ์ ละบุคลากรในระดับอดุ มศึกษา จานวน 2 รุ่น รวมจานวน 143 คน รุ่นที่ 1 จดั ข้ึนระหว่างวันที่ 20 – 21 ธันวาคม 2560 ณ ศูนย์ประชุม อิมแพ็คฟอรัม เมืองทองธานี จงั หวดั นนทบรุ ี
- 42 - รุ่นที่ 2 จัดขึน้ ระหว่างวนั ท่ี 21 - 22 ธนั วาคม 2560 ณ ศนู ย์ประชุม อิมแพ็คฟอรัม เมืองทองธานี จังหวัดนนทบรุ ี และในปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 สานักงาน ป.ป.ช. ไดด้ าเนินการจัดอบรมและผลิตวิทยากรตัวคูณ ในการปลูกฝังวิธีคิดแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตัวและผลประโยชน์ส่วนรวม จิตพอเพียง ความอาย และไม่ทนต่อ การทุจริต ให้กับกลุ่มเป้าหมายครูและบุคลากรทางการศึกษาในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการในทุกภูมิภาค รวมจานวน ประมาณ 1,579 คน และสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ได้ดาเนินการจัดอบรมและผลิตวิทยากร ตัวคูณในการปลกู ฝงั วธิ คี ิดแยกแยะผลประโยชนส์ ว่ นตัวและผลประโยชน์สว่ นรวม จิตพอเพยี ง ความอาย และไม่ทน ต่อการทจุ ริต ให้กบั ศึกษานิเทศก์ในสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน จานวน 225 คน
- 43 - 4.5 หลักสูตรโคช้ (1) ช่ือหลักสูตร “โคช้ เพื่อการร้คู ิดต้านทุจริต” (2) จุดมุ่งหมายของรายวิชา (2.1) เพอื่ สร้างโคช้ ด้านการรู้คิดต้านทุจริต (2.2) เพ่ือพัฒนาศักยภาพของผู้สอนเกี่ยวกับบทบาทในการเป็นโค้ชให้กับผู้เรียน โดยสามารถกระตุ้น การร้คู ดิ อยา่ งต่อเนื่อง เพอื่ ดงึ ศักยภาพของผ้เู รียน (2.3) เพื่อเพิ่มพูนทักษะของผู้สอนให้สามารถนานวัตกรรมและเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เป็นส่ือในการเรียน การสอนได้อย่างเหมาะสม (2.4) เพื่อให้ผูเ้ ขา้ รว่ มหลักสูตรเป็นแบบอย่างท่ดี ีในด้านการต้านทุจริต (3) คาอธบิ ายรายวชิ า ศึกษาเก่ียวกับการสร้างโค้ชที่มีความสามารถและทักษะเพ่ือเป็นแทนของสานักงาน ป.ป.ช. ในการ ถ่ายทอดองค์ความรู้ และประสบการณ์เกี่ยวกับการคิดแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ความไม่ทนและความอายต่อการทุจริต และหลักการจิตพอเพียงต้านทุจริต ด้วยเทคนิคและวิธีการท่ีเหมาะสม จะช่วยให้ทุกภาคส่วนมีความตระหนักรู้ และเห็นความสาคัญของปัญหาการทุจริต อันจะนาไปสู่การเปล่ียนแปลง พฤติกรรมและเกิดค่านิยมต้านทุจริตให้เกิดขึ้นในสังคมไทยเกิดความรู้ความเข้าใจ เจตคติ ด้านการป้องกันการ ทจุ รติ และเกิดทักษะการเป็นวิทยากร (4) ตารางชั่วโมงการจัดการเรียนการสอน (รวม 15 ช่วั โมง) หัวข้อวิชา ชัว่ โมง เน้อื หา กระบวนการ วิชาท่ี 1 3 1. ความเปน็ มาของการโคช้ เพื่อการรูค้ ิด 1.การบรรยายให้ความรหู้ ลกั สตู รโค้ชเพอื่ แนวคิด 2. ความหมายของการโค้ชเพ่ือการรคู้ ิด การรคู้ ิดตา้ นทุจรติ หลักการ 3. เปา้ หมายของการโค้ชเพื่อการรู้คิด 2.การยกตัวอย่างและวิเคราะห์กรณีศึกษา โคช้ เพอ่ื 4. หลักการโค้ชเพ่ือการร้คู ดิ 3.การทากิจกรรมกลมุ่ การรคู้ ิด 5 ทักษะเสรมิ การโค้ชใหม้ ีประสทิ ธิภาพ 4.การอภปิ รายกลุ่ม ตา้ นทุจริต 5.การฝึกทดลองปฏบิ ตั ิการภาคสนาม วิชาที่ 2 3 1. กลไกของการโคช้ 1.การบรรยายให้ความรูห้ ลักสตู รโค้ชเพื่อ กลไกและ 2. กระบวนการโคช้ การรู้คิดต้านทุจริต กระบวน 3. หลักการพัฒนาโค้ชและผู้เรียนอย่าง 2.การยกตัวอย่างและวเิ คราะห์กรณีศึกษา การโคช้ ยัง่ ยนื 3.การทากจิ กรรมกล่มุ 4.การอภปิ รายกลมุ่ 5.การฝึกทดลองปฏิบัติการภาคสนาม วชิ าที่ 3 3 1. เรยี นรู้ผู้เรียนด้วยจริต 6 วิชาที่ 3 เรยี นรู้ผูเ้ รยี น เรยี นรู้ 2. เรียนรผู้ ู้เรยี นตาม Generation ผู้เรยี น
- 44 - หวั ข้อวิชา ชว่ั โมง เนือ้ หา กระบวนการ วชิ าที่ 4 เทคนิคสาคญั ในการโค้ช วชิ าที่ 4 3 1. การสอ่ื สารเชงิ บวก วิชาที่ 5 การประเมนิ ผลการเรียนรู้ท่เี สรมิ เทคนคิ 2. คาถามทท่ี รงพลัง พลงั ต้านทุจรติ สาคัญใน 3. การสะท้อนคิด การโค้ช 4. การเรยี นรู้ยคุ ใหม่ด้วยการนา นวัตกรรมมาใช้ในการโค้ช 5. การถอดบทเรยี น วิชาท่ี 5 3 1. การประเมินเพื่อการเรยี นรู้ การ 2. การประเมินขณะเรยี นรู้ ประเมิน 3. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ผลการ เรยี นร้ทู ี่ เสริมพลัง ตา้ นทจุ ริต
- 45 - โคช้ เพ่ือการร้คู ิดต้านทจุ รติ วิชาท่ี 1.1 : เรื่อง แนวคดิ หลักการโค้ชเพอื่ การรู้คดิ เพอื่ การตอ่ ต้านการทจุ ริต จานวนช่วั โมง : 3 ชัว่ โมง สาระสาคัญ การสร้างโค้ชที่มีความสามารถและทักษะในการเรียนการสอนด้วยเทคนิคและวิธีการที่เหมาะสม เพอ่ื เป็นตัวแทนของสานักงาน ป.ป.ช. ในการถ่ายทอดองค์ความรู้ และประสบการณ์เก่ียวกับเร่ืองค่านิยมการต้าน ทุจริตไปสู่ผู้เรียน จะช่วยให้ผู้เรียนมีความตระหนักรู้ และเห็นความสาคัญของปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน อันจะ นาไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและเกิดค่านิยมต้านทุจริต “ช่วยกันสร้างชุมชน/สังคมดีให้กับบ้านเมือง สง่ ต่ออนาคตท่ีดีใหล้ กู หลานอยา่ งย่ังยืน” วัตถุประสงค์ 1. เพอื่ สรา้ งโคช้ ดา้ นการรคู้ ดิ ต้านทุจริต 2. เพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้สอนเกี่ยวกับบทบาทในการเป็นโค้ชให้กับผู้เรียน โดยสามารถกระตุ้นการ รคู้ ดิ อยา่ งต่อเน่อื ง เพอื่ ดึงศักยภาพของผูเ้ รียน 3. เพ่อื เพิม่ พนู ทักษะของผสู้ อนให้สามารถนานวัตกรรมและเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เป็นส่ือในการเรียน การสอนไดอ้ ย่างเหมาะสม รายละเอียดเนื้อหา แนวคดิ หลกั การโคช้ เพ่ือการรู้คิดเพื่อการต่อต้านการทุจริต ประกอบดว้ ยรายละเอียดเน้ือหาหลัก ไดแ้ ก่ 1. ความเป็นมาของการโค้ชเพ่อื การรคู้ ดิ การโค้ชเพื่อการรู้คิด (cognitive coaching) เป็นบทบาทของผู้สอน ในโลกแห่งการเรียนรู้ยุคใหม่ ท่ีพัฒนามาจากบทบาทการสอน (teaching) ท่ีผู้สอนทาหน้าท่ีให้ข้อมูล เนื้อหาสาระ ให้คาตอบท่ีถูกต้อง ใช้ส่ือสารทางเดียว กาหนดทศิ ทางการเรียน กาหนดงานให้ผู้เรยี น กาหนดวัตถุประสงค์ กาหนดกิจกรรมการเรียนรู้ และเกณฑก์ ารวัดประเมินผลการเรียนรู้ อนงึ่ คาวา่ “ผูโ้ ค้ช” ในหนังสอื เลม่ น้ีหมายถึง ผู้สอนที่ใช้การโค้ชให้ผู้เรียน เกดิ การเรียนรู้ได้เต็มตามศกั ยภาพ 2. ความหมายของการโค้ชเพอ่ื การรคู้ ดิ การโค้ชเพ่ือการรู้คิด หมายถึง กระบวนการฝึกสอน โดยผู้สอน ซึ่งทาหน้าที่เป็นโค้ช ดึงศักยภาพของ ผู้เรยี นด้านความรูค้ วามสามารถ การคิด ตลอดจนคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามที่กาหนดไว้ การโค้ช (coaching) เปน็ กลไกเพอื่ เสริมสร้างและพัฒนาผู้เรียน ให้มีความรู้ ความสามารถ การคิดขั้นสูง (higher – order thinking) มี วิธกี ารเรยี นรู้ (learning how to learn) การตรวจสอบประเมินตนเอง กาหนดทิศทางการพฒั นาตนเองได้ 3. เป้าหมายของการโค้ชเพ่ือการรู้คิด การโค้ชเพื่อการรู้คิด มีเป้าหมายหลักเพื่อพัฒนาศักยภาพด้านการคิดของผู้เรียน การใคร่ครวญตรวจสอบ ตนเองเพ่อื นาไปส่กู ารพฒั นาอย่างต่อเนอ่ื ง ไมใ่ ชเ่ ป็นการอบรมส่ังสอนโดยตรง แตเ่ ปน็ การใช้เทคนคิ วิธกี ารต่างๆ
- 46 - 4. หลักการโค้ชเพือ่ การรคู้ ดิ หลักการโค้ช (coaching) กระบวนการทีช่ ่วยใหผ้ ู้เรียนทไี่ ดร้ ับการโค้ช ปฏิบตั กิ ิจกรรมการเรียนรู้ได้บรรลุ เป้าหมาย อย่างมีประสิทธิผล และมีความผูกพันอยู่กับการเรียนรู้ สร้างโอกาสให้ผู้เรียนได้ใช้ความคิด และหา คาตอบท่ีถูกต้อง เพ่ือพัฒนาศักยภาพ ไม่ใช่การบอกคาตอบให้กับผู้เรียน การโค้ชเพ่ือการรู้คิด เป็นมากกว่าการ สอน (teaching) 5. ทักษะเสรมิ การโค้ชใหม้ ีประสิทธภิ าพ มีองค์ประกอบ 2 ประการ ได้แก่ 1) ทักษะทางสังคม (soft skills) เป็นทักษะทางสังคม และความ ฉลาดทางอารมณ์ท่ีแสดงออกผ่านทาง EQ ซึ่งอยู่ทางสมองซีกขวา เป็นความสามารถทางสังคม การจัดการตนเอง การควบคุมอารมณ์ การมองบวก การติดต่อส่ือสาร และความเป็นมิตร และ 2) ทักษะด้านความรู้ทางวิชาการ (hard skills) จะต้องมีความรู้ ความสามารถที่กาหนดโดยเชาว์ปัญญา (IQ) ซึ่งอยทู่ างสมองซกี ซา้ ย กจิ กรรมการเรยี นรู้ / กิจกรรมการอบรม 1. การบรรยายให้ความร้หู ลักสูตรโค้ชเพื่อการรูค้ ดิ ตา้ นทุจรติ 2. การยกตัวอย่างและวิเคราะหก์ รณศี ึกษา 3. การทากิจกรรมกล่มุ 4. การอภปิ รายกล่มุ 5. การฝกึ ทดลองปฏบิ ัตกิ ารภาคสนาม สอื่ / แหลง่ การเรยี นรู้ 1. เอกสารประกอบการบรรยาย 2. ส่ือการเรยี นรู้อเิ ลก็ ทรอนิกส์ 3. วทิ ยากรผทู้ รงคุณวุฒิและปราชญช์ าวบ้านผู้นาชุมชน การวดั และประเมนิ ผล 1. รอ้ ยละผลการทดสอบและวัดประเมนิ ผลก่อนและหลงั การเรียนรู้ก่อนและหลงั บทเรยี น (Pre & Post Test) 2. ร้อยละของจานวนชั่วโมงท่เี ขา้ รับการอบรม 3. การผ่านการฝึกทดลองปฏบิ ัติการภาคสนาม ขอ้ เสนอแนะ การปรับตัวของโค้ชในฐานะผู้นาการเปลี่ยนแปลง ต้องมีการปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างและฝืนกระแส ปฏิบตั ิของสังคมทีป่ ฏบิ ตั ไิ ม่ถูกต้องตามกันมา ดังนัน้ โค้ชพงึ เปน็ บคุ คลท่ีตอ้ งมคี วามเข้มแข็งทางจิตใจและการปฏิบัติ ตนให้ถกู ต้อง เพอ่ื เป็นแบบอยา่ งแก่สงั คมและเป็นผู้นาการเปล่ียนแปลงให้เกิดข้ึนสู่สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต ท้ังนี้ หนว่ ยงานทผี่ ลติ โค้ชพึงให้ขอ้ เสนอแนะ ขอ้ แนะนา และการสนับสนนุ แก่โค้ช เพอ่ื ลดความรู้สึกของความโดดเด่ียวที่ โค้ชได้รับและสนับสนนุ การทางานของโคช้ ใหส้ าเร็จตามวตั ถปุ ระสงคข์ องหลักสูตร
- 47 - โค้ชเพอื่ การรู้คิดต้านทจุ รติ วิชาที่ 1.2 : เรอ่ื ง กลไกและกระบวนการของการโค้ช จานวนชั่วโมง : 3 ช่ัวโมง สาระสาคัญ การสร้างโค้ชที่มีความสามารถและทักษะในการเรียนการสอนด้วยเทคนิคและวิ ธีการที่เหมาะสม เพ่ือเปน็ ตวั แทนของสานักงาน ป.ป.ช. ในการถ่ายทอดองค์ความรู้ และประสบการณ์เกี่ยวกับเร่ืองค่านิยมการต้าน ทุจริตไปสู่ผู้เรียน จะช่วยให้ผู้เรียนมีความตระหนักรู้ และเห็นความสาคัญของปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน อันจะ นาไปสู่การเปล่ียนแปลงพฤติกรรมและเกิดค่านิยมต้านทุจริต “ช่วยกันสร้างชุมชน/สังคมดีให้กับบ้านเมือง ส่งตอ่ อนาคตทด่ี ีใหล้ กู หลานอยา่ งยง่ั ยืน” วัตถุประสงค์ 1. เพอื่ สร้างโค้ชดา้ นการรคู้ ดิ ตา้ นทุจรติ 2. เพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้สอนเก่ียวกับบทบาทในการเป็นโค้ชให้กับผู้เรียน โดยสามารถกระตุ้นการ รูค้ ดิ อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง เพ่อื ดงึ ศักยภาพของผเู้ รียน 3. เพ่อื เพิม่ พนู ทักษะของผสู้ อนให้สามารถนานวัตกรรมและเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เป็นส่ือในการเรียน การสอนได้อยา่ งเหมาะสม รายละเอยี ดเน้อื หา 1. กลไกของการโค้ช การโคช้ มกี ลไกทน่ี าไปสูก่ ระบวนการโคช้ และความสาเร็จของการโค้ช ได้แก่ 1. สรา้ งแรงบันดาลใจให้กับ ผู้เรียน (inspiring your learners) 2. ให้กาลังใจสนับสนุนผู้เรียน (encouraging your learners) 3. แก้ไข ปรับปรุงข้อผิดพลาดให้ผู้เรียน (correcting your learners) 4. สร้างความท้าทายให้ผู้เรียน (challenging your learners) 5. ภาวะผู้นาทางวิชาการ (academic leadership) 6. สุนทรียสนทนา (dialogue) 7. การถอด บทเรียน (lesson learned) 8. ความผูกพันของผู้เรียนกับผู้โค้ช (engagement) 9. การตั้งคาถามกระตุ้นการคิด (thinking questions) 2. กระบวนการโคช้ ขนั้ ตอนของการโค้ชทจ่ี ะบรรลุเป้าหมาย ประกอบด้วย 1) การกาหนดเปา้ หมาย 2) การตรวจสอบสภาพ จริง 3) การกาหนดทางเลือก 4) การตดั สนิ ใจ และ 5) การประเมนิ ผลการโคช้ 3. หลักการพฒั นาโค้ชและผ้เู รียนอยา่ งยงั่ ยืน ขั้นตอนการพัฒนาโค้ชและผู้เรียนอย่างยังยืน คือการเรียนรู้ที่ส่งผลให้ผู้เรียนมีการเปล่ียนแปลง พฤติกรรม เป็นการส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ การเรียนรู้ต่างจากการรับรู้ ไม่ใช่เพียงรับทราบ ต้องเกิดการ ปรับเปลย่ี นการปฏิบัติ ดว้ ยโมเดล KUSAB
Search