Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ชุดการเรียนรู้ที่ 3 ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ

ชุดการเรียนรู้ที่ 3 ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ

Published by uborisut, 2020-06-14 12:58:24

Description: ชุดการเรียนรู้ที่ 3 ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ

Search

Read the Text Version

ชุดการเรียนรู้ เรื่องระบบนิเวศ วิชาวทิ ยาศาสตร์พื้นฐาน (ชวี วิทยา) ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 ชุดการเรยี นรทู้ ี่ 3 ความสัมพนั ธข์ องส่ิงมชี วี ติ ในระบบนเิ วศ โดย วา่ ที่ ร้อยโทอดุ ม บรสิ ุทธ์ิ ครู / ชำนาญการ กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ โรงเรยี นลำพลบั พลาวทิ ยาคาร อำเภอชุมพลบรุ ี จังหวัดสรุ ินทร์ สำนกั งานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 33 พัฒนาโดย : วา่ ท่ี ร.ท.อุดม บริสุทธ์ิ ครู/ชำนาญการ

ชดุ การเรยี นรู้ท่ี 3 ความสมั พนั ธ์ของสง่ิ มีชีวติ ในระบบนเิ วศ | 1ก7 คำนำ การจดั ทำชุดการเรียนรู้ เร่ืองระบบนเิ วศ เลม่ น้ีจดั ทำขนึ้ เพื่อใชเ้ ป็นแนวทางในการศกึ ษาและการพฒั นา การเรียนการสอน รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์พ้นื ฐาน (ชวี วทิ ยา) ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 เพื่อช่วยให้ผู้เรยี นสามารถเกดิ การเรียนรเู้ ปน็ ไปตามลำดับข้ันตอนอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ข้าพเจา้ ได้พยายามศึกษาค้นคว้าเอกสารและตำราตา่ งๆ ท่ีเกีย่ วข้องกับการทำชุดการเรียนรู้ เพือ่ ให้เกิดความชดั เจนถูกต้องตามหลักวชิ า ดังน้ันจงึ ได้จัดทำชดุ การเรยี นรู้ ทง้ั หมด 6 ชุดดังน้ี ชุดที่ 1 ความหมายและโครงสรา้ งของระบบนเิ วศ ชดุ ที่ 2 ประเภทของระบบนิเวศ ชดุ ที่ 3 ความสมั พนั ธ์ของสง่ิ มีชีวิตในระบบนเิ วศ ชุดที่ 4 การถา่ ยทอดพลงั งานในระบบนิเวศ ชดุ ที่ 5 การหมุนเวียนสารในระบบนเิ วศ ชดุ ที่ 6 การเปล่ยี นแปลงแทนที่ของสิ่งมีชีวิต ในแต่ละชดุ การเรียนรู้ นักเรียนสามารถนำไปศกึ ษาได้ดว้ ยตนเอง ทบทวนเนื้อหา หรือสามารถนำไปศึกษา เพมิ่ เติมกรณีที่นกั เรียนไมท่ ันเพื่อน หรอื สามารถนำไปใชใ้ นการเรียนซอ่ มเสรมิ ในกรณีที่เรยี นแล้วสอบไมผ่ ่าน ซ่ึงข้าพเจา้ ได้พยายามนำเสนอรายละเอยี ดความสำคญั ทจี่ ำเป็นในชุดการเรียนรนู้ ้ี ชดุ การเรยี นรทู้ กุ เล่มดังกลา่ วไดผ้ ่านการตรวจสอบจากผเู้ ชยี่ วชาญ และไดน้ ำไปใช้เพื่อทดลองหา ประสทิ ธภิ าพแลว้ จงึ สามารถนำมาใชแ้ ก้ปัญหาและพัฒนาการเรียนการสอนได้อย่างดี ข้าพเจา้ จงึ หวงั เปน็ อยา่ งยง่ิ ว่าชดุ การเรียนรนู้ ี้ สามารถนำไปใช้ประโยชนไ์ ด้จริงและเปน็ ตัวอยา่ งแกผ่ ู้ท่ีสนใจไดต้ ่อไป ว่าที่ ร.ท.อุดม บรสิ ทุ ธ์ิ ครู / ชำนาญการ พฒั นาโดย : วา่ ที่ ร.ท.อดุ ม บริสุทธิ์ คร/ู ชำนาญการ

ชดุ การเรยี นรู้ที่ 3 ความสมั พันธ์ของสง่ิ มีชีวติ ในระบบนิเวศ | 1ข7 สารบญั คำนำ หน้า สารบญั ก คำชแ้ี จง ข ลำดบั ขนั้ ตอนการใช้ ชดุ การเรยี นรู้ท่ี 3 1 สาระสำคัญ 2 ตัวชี้วดั 3 จุดประสงค์การเรียนรู้ 3 แบบทดสอบกอ่ นเรียน ชดุ การเรยี นรูท้ ่ี 3 3 ใบความรู้ 4 ใบกิจกรรมท่ี 1 6 ใบกิจกรรมท่ี 2 13 ใบงานท่ี 1 15 ใบงานท่ี 2 17 ใบสรุปเนือ้ หา ชุดการเรยี นที่ 3 18 แบบทดสอบหลงั เรียน ชุดการเรยี นรูท้ ี่ 3 19 บันทกึ สรปุ ผลการเรียน 20 บรรณานุกรม 22 ภาคผนวก 23 24 - แนวทางการบนั ทึกผล ใบกิจกรรมที่ 1 - แนวทางการบนั ทึกผล ใบกิจกรรมที่ 2 - แนวคำตอบ ใบงานท่ี 1 - แนวคำตอบ ใบงานท่ี 2 - เฉลยแบบทดสอบกอ่ นและหลงั เรยี น พัฒนาโดย : วา่ ที่ ร.ท.อดุ ม บรสิ ุทธิ์ ครู/ชำนาญการ

ชุดการเรยี นรู้ท่ี 3 ความสมั พันธ์ของสงิ่ มีชวี ิตในระบบนเิ วศ | 117 คำช้แี จง ให้นักเรียนอ่านคำชีแ้ จงใหเ้ ข้าใจกอ่ นท่จี ะลงมือศึกษาชดุ การเรยี นรู้ แล้วปฏิบตั ิตามลำดบั ขน้ั ตอน ดงั ต่อไปนี้ 1. นักเรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรยี นเพื่อประเมินความรูพ้ ้นื ฐานเดมิ ก่อนท่จี ะลงมอื ศกึ ษาชดุ การเรยี นรู้ 2. นักเรยี นศึกษาชดุ การเรยี นรู้ และปฏบิ ัตกิ จิ กรรม โดยการศึกษาใบความรู้ ใบกจิ กรรม และใบงาน 3. นักเรียนสามารถแสดงความคดิ เหน็ ซักถาม หรือมีสว่ นร่วมในการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมตา่ งๆ อยา่ งเตม็ ที่ และเต็มความสามารถ 4. นักเรยี นต้องปฏิบตั ิตนเปน็ สมาชิกท่ีดขี องกล่มุ ยอมรบั ฟังความคดิ เหน็ ของสมาชิกกลุ่ม และให้ความ ร่วมมอื ในการทำงานอยา่ งเตม็ ความสามารถ 5. นกั เรียนตรวจคำตอบจากแนวคำตอบ 6. นกั เรยี นทำแบบทดสอบหลังเรยี นเพอ่ื เปรยี บเทยี บความก้าวหนา้ ในการศึกษาชุดการเรียนรู้ 7. เมื่อปฏบิ ตั กิ ิจกรรมแต่ละกิจกรรมเสร็จเรยี บร้อยแล้ว ให้สง่ ใบกจิ กรรม และเก็บวสั ดุอุปกรณท์ ุกอยา่ ง ตลอดจนสถานท่ปี ฏิบัติกิจกรรมให้สะอาดเรยี บร้อย 8. ให้นักเรียนปฏิบัตกิ จิ กรรมดว้ ยความตง้ั ใจ และมีความซื่อสตั ย์ต่อตนเองใหม้ ากที่สุด โดยไม่ดแู นว คำตอบ และเฉลยก่อนทำแบบทดสอบ และกิจกรรมต่างๆ พฒั นาโดย : วา่ ที่ ร.ท.อดุ ม บริสุทธิ์ คร/ู ชำนาญการ

ชุดการเรยี นรู้ที่ 3 ความสมั พันธ์ของสิง่ มีชวี ติ ในระบบนเิ วศ | 127 ลำดบั ขน้ั ตอนการใช้ ชดุ การเรยี นรทู้ ่ี 3 ความสัมพันธ์ของสิง่ มชี ีวติ ในระบบนเิ วศ อ่านคำช้แี จง ทดสอบกอ่ นเรียน ไม่ผ่านเกณฑ์ (รอ้ ยละ 80) กจิ กรรมการเรียนรู้ ทดสอบหลังเรียน  ศกึ ษาใบความรู้  ใบความรู้ ชุดการเรียนรู้ท่ี 3  ปฏบิ ัติกิจกรรม และใบงาน  ใบกจิ กรรมที่ 1  ใบกิจกรรมที่ 2  ใบงานท่ี 1  ใบงานที่ 2  สรปุ เน้อื หาชดุ การเรียนรูท้ ่ี 3 ผา่ นเกณฑ์ (รอ้ ยละ 80) ศกึ ษาชดุ ตอ่ ไป พัฒนาโดย : วา่ ท่ี ร.ท.อดุ ม บริสุทธิ์ ครู/ชำนาญการ

ชุดการเรยี นรู้ที่ 3 ความสมั พนั ธ์ของส่ิงมีชวี ติ ในระบบนิเวศ | 137 สาระสำคัญ ความสมั พนั ธ์ของส่ิงมชี ีวิตในระบบนเิ วศ 1. ความสัมพันธร์ ะหวา่ งสภาวะแวดล้อมทางกายภาพกับส่งิ มีชวี ติ ในธรรมชาติมีสภาวะแวดล้อมต่างๆ ที่มผี ลต่อสิ่งมชี วี ติ มากมาย สภาวะแวดล้อมทมี่ ีผลต่อสิ่งมีชีวิตจนทำ ใหส้ ิ่งมชี วี ติ ไม่เจรญิ เตบิ โตตามปกติ หรือตายไปเรียกว่า ปจั จัยจำกดั (limiting factor) สภาวะแวดล้อมทาง กายภาพในธรรมชาตมิ ีดังต่อไปน้ี คือ 1.1 แสงสว่าง 1.2 อณุ หภูมิ 1.3 ความกดดนั และก๊าซ 1.4 น้ำหรอื ความช้นื 1.5 ดนิ 1.6 ความเป็นกรด-เบส 2. สิง่ มชี ีวิตในระบบนเิ วศมีความสัมพนั ธ์กันในแงข่ องการอยรู่ ว่ มกับภาวะตา่ งๆ 2.1 ภาวะการไดป้ ระโยชนร์ ว่ มกนั (protocooperation) 2.2 ภาวะที่พึง่ พากัน (mutualism) 2.3 ภาวะอิงอาศัย (commensalism) 2.4 ภาวะการลา่ เหยอื่ (predation) 2.5 ภาวะปรสิต (parasitism) 2.6 ภาวะแกง่ แยง่ (compettion) 2.7 ภาวะตอ่ ตา้ น (antibiosis) 2.8 ภาวะเป็นกลาง (neutralism) 2.9 ภาวะมีการย่อยสลาย (saprophyte) ตวั ชวี้ ดั ว 2.1 ม.4-6/1 อธิบายดุลยภาพของระบบนเิ วศ จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. บอกความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสภาพแวดลอ้ มทางกายภาพกับสิง่ มชี วี ติ ได้ (K) 2. บอกถึงปจั จัยท่มี ผี ลต่อการดำรงชีวิตของสง่ิ มชี วี ิตได้ (K) 3. อธิบายความสมั พนั ธ์ระหวา่ งสง่ิ มีชีวติ ทอ่ี าศัยอยู่ร่วมกนั ในภาวะตา่ งๆ ได้ (K) 4. ระบชุ นดิ ของสิ่งมีชวี ิตทไี่ ด้รับประโยชน์ เสียประโยชน์ และไม่ได้ไมเ่ สียประโยชนไ์ ด้ (K) 5. เปรยี บเทียบความสัมพันธข์ องส่ิงมชี ีวติ ชนิดตา่ งๆ ได้ (P) 6. แสดงความเป็นคนชา่ งสงั เกต ชา่ งคิด ชา่ งสงสัย ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ ม่นั ในการเสาะแสวงหาความรู้ (A) พฒั นาโดย : วา่ ท่ี ร.ท.อุดม บรสิ ทุ ธิ์ ครู/ชำนาญการ

ชุดการเรยี นรู้ท่ี 3 ความสมั พันธ์ของส่ิงมีชีวติ ในระบบนิเวศ | 147 แบบทดสอบวัดผลการเรียนรู้ กอ่ นเรียน ชุดการเรียนรู้ที่ 3 วชิ าวิทยาศาสตร์พ้นื ฐาน (ชวี วทิ ยา) ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 4 เร่อื งความสัมพันธ์ของสิ่งมชี ีวิตในระบบนเิ วศ จำนวน 10 ข้อ คำช้แี จง : ใหน้ ักเรยี นเลอื กคำตอบที่ถูกต้องทีส่ ดุ เพยี งขอ้ เดียว แลว้ กาเครื่องหมายกากบาท (X) ลงในกระดาษคำตอบ 1. ปจั จัยทีส่ ำคญั ทีส่ ดุ ของแหลง่ น้ำจืดประเภทบ่อนำ้ 7. ถา้ ปราศจากผู้ย่อยสลายบนพ้นื โลกน่าจะเกดิ เหตุการณใ์ ด หรือสระน้ำ ได้แก่ปัจจัยใด ก. เหตกุ ารณ์ปกติ เพราะธรรมชาติย่อมรักษาสมดลุ ก. แสงสวา่ ง ข. ออกซเิ จน ของมนั ไดเ้ อง ค. คารบ์ อนไดออกไซด์ ง. อณุ หภูมิ ข. พชื เรมิ่ ตายเนอ่ื งจากขาดธาตทุ ่จี ำเป็นต่อการ ดำรงชีวติ 2. ปัจจยั ทสี่ ำคญั ทส่ี ดุ ท่สี ัตว์ทะเลตอ้ งปรบั ตวั ให้ได้ แต่ ค. ซากพชื ซากสตั ว์ รวมทัง้ อินทรียสารเตม็ ไปหมด ไมม่ ปี ญั หาสำหรับสัตว์น้ำจดื คือปัจจยั ใด ง. อาจเปน็ ไปตามข้อ ก หรือ ข ก็ได้ 8. โดยปกติสดั สว่ นของปริมาณส่ิงมชี ีวิตในธรรมชาติ ก. ความเค็ม ข. ค่า pH เปน็ อยา่ งไร ก. ผู้ผลิตมีปรมิ าณมากกวา่ ผู้บรโิ ภค ค. อุณหภูมิ ง. ที่ยึดเกาะ ข. ผู้ผลติ มีปริมาณน้อยกวา่ ผู้บรโิ ภค ค. ผ้ผู ลิตมีปริมาณเทา่ กับผูบ้ ริโภค 3. ทางผ่านของสารอาหารจากสิง่ มีชวี ติ ชนิดหนง่ึ ไปสู่ ง. ไม่แน่นอน ขนึ้ อยู่กับชนิดของสิง่ มชี วี ิตที่เป็น สิง่ มชี ีวติ อ่ืนเรือ่ ยๆ ไป ในกล่มุ สิ่งมีชวี ิตเรยี กวา่ อะไร องค์ประกอบ 9. การอยูร่ ว่ มกันระหวา่ งผเี ส้ือกบั ดอกไม้นั้นเปน็ การอยู่ ก. pyramid of energy ข. food chain รว่ มกันแบบใด ค. food web ง. nutrient cycle ก. ภาวะองิ อาศัย (commensalisms) ข. ภาวะทพี่ ่งึ พากนั (mutualism) 4. การถ่ายทอดของสารอาหารจากหว่ งโซ่อาหารหน่งึ ค. ภาวะปรสติ (parasitism) ง. ภาวะแกง่ แย่ง (competition) ไปอีกห่วงโซ่อาหารหนึ่ง เรยี กว่าอะไร 10. กล้วยไม้ขน้ึ อยูบ่ นต้นไมใ้ หญใ่ นป่าดงดิบ เป็นการ อย่รู ่วมกนั แบบใด ก. pyramid of energy ข. food web ก. ภาวะองิ อาศัย (commensalisms) ข. ภาวะท่พี ง่ึ พากัน (mutualism) ค. complex food chain ง. food cycle ค. ภาวะปรสติ (parasitism) ง. ภาวะแก่งแย่ง (competition) 5. ในระบบนิเวศท่ัวๆ ไป ประกอบด้วยส่ิงมีชวี ติ 3 กลุ่ม คือ...1... มีหนา้ ที่สังเคราะห์อาหารซึ่งเปน็ สารอนินทรีย์ โดยใช้วัตถดุ ิบท่ีไร้ชีวิตกับพลงั งาน....2....ต้องการ พลังงานและสารอาหารทไี่ ด้จากการย่อยอินทรียสาร จากสง่ิ มีชวี ติ ....3.....เป็นกลุ่มสงิ่ มีชวี ติ ท่เี ปลย่ี น สารอนิ ทรยี ์จากสง่ิ มีชีวิตที่ตายแล้วหรือจากของเสียของ ส่งิ มชี ีวติ ใหเ้ ปน็ สารอนนิ ทรีย์ ทง้ั นี้ 1, 2, 3 คอื ข้อใด ก. ผู้ยอ่ ยสลาย, ผผู้ ลติ , ผูบ้ ริโภค ข. ผยู้ ่อยสลาย, ผู้บรโิ ภค, ผูผ้ ลติ ค. ผ้ผู ลติ , ผู้ย่อยสลาย, ผบู้ ริโภค ง. ผผู้ ลิต, ผบู้ ริโภค, ผูย้ ่อยสลาย 6. ขอ้ ใดท่ีมลี ำดับขั้นตอนการกินอาหารครบสมบรู ณ์ ก. ตน้ ข้าว  หนอน  นก  คน ข. หนู  งู  เหยยี่ ว  คน ค. ขา้ วโพด  ตัก๊ แตน  นก  ววั  คน ง. หนอน  ขา้ วโพด  หนู  งู  คน พัฒนาโดย : วา่ ที่ ร.ท.อุดม บริสุทธิ์ คร/ู ชำนาญการ

ชดุ การเรยี นรู้ท่ี 3 ความสมั พันธ์ของส่ิงมีชวี ิตในระบบนเิ วศ | 157 กระดาษคำตอบ แบบทดสอบกอ่ นเรยี น ชือ่ .................................................................................... ชนั้ ................. เลขท.่ี ......... ขอ้ กขค ง จ 123 4 5 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 คะแนนเตม็ 10 คะแนน ได้ .................... คะแนน พัฒนาโดย : วา่ ท่ี ร.ท.อุดม บรสิ ุทธ์ิ คร/ู ชำนาญการ

ชดุ การเรยี นรู้ท่ี 3 ความสมั พนั ธ์ของส่ิงมชี วี ิตในระบบนิเวศ | 167 ใบความรู้ ชุดการเรียนรู้ที่ 3 วิชาวิทยาศาสตรพ์ น้ื ฐาน (ชวี วทิ ยา) ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 4 ความสัมพันธ์ของสิง่ มชี วี ติ ในระบบนิเวศ ความสัมพนั ธ์ของส่งิ มีชีวติ ในระบบนเิ วศ 1. ความสมั พนั ธ์ระหว่างสภาวะแวดลอ้ มทางกายภาพกบั สงิ่ มชี ีวิต ในธรรมชาตมิ สี ภาวะแวดลอ้ มต่างๆ ทม่ี ผี ลต่อสิ่งมีชีวิตมากมาย สภาวะแวดล้อมท่มี ีผลต่อส่งิ มีชวี ิตจนทำ ให้ส่ิงมีชีวติ ไมเ่ จรญิ เตบิ โตตามปกติ หรือตายไปเรยี กวา่ ปัจจัยจำกดั (limiting factor) สภาวะแวดลอ้ มทาง กายภาพในธรรมชาติมีดังต่อไปน้ี คอื 1.1 แสงสวา่ ง มผี ลต่อผผู้ ลิตโดยตรง และมผี ลในทางอ้อมต่อสัตวเ์ นอ่ื งจากสตั ว์กินพืชเปน็ อาหาร นอกจากน้ี แสงสว่างยังให้ความอบอุ่นแก่สัตว์อีกด้วย ภาพท่ี 1 แสงเปน็ แหล่งกำเนิดพลงั งานท่สี ำคัญสำหรบั พชื ทม่ี า : http://www2.pop.vcharkarn.com/lesson/view.php?id=1305 1.2 อุณหภูมิ มีความสำคญั ต่อการดำรงชีวิตและมีผลทำให้สิง่ มีชวี ิตต้องปรับตัวเพ่ือความอยรู่ อด เช่น 1) การอพยพยา้ ยถ่นิ ของสตั ว์ (migration) 2) การพักตัวในฤดรู อ้ น (aestivation) 3) การจำศีลในฤดหู นาว (hibernation) โดยสรุปอุณหภมู จิ ะเปน็ ตัวกำหนดขอบเขต และขีดจำกดั ในสภาพทนทานของสิ่งมีชวี ิตแตล่ ะชนิดใน การดำรงชพี พฒั นาโดย : วา่ ท่ี ร.ท.อดุ ม บรสิ ุทธิ์ คร/ู ชำนาญการ

ชุดการเรยี นรู้ท่ี 3 ความสมั พนั ธ์ของสงิ่ มีชวี ติ ในระบบนเิ วศ | 17 ภาพที่ 2 การปรับตัวของสง่ิ มีชีวติ อันเน่อื งมาจากอุณหภูมิ ( ก.หมขี วั้ โลก ข.นกปากหา่ ง ) ท่ีมา : http://www2.pop.vcharkarn.com/lesson/view.php?id=1305 1.3 ความกดดนั และกา๊ ซ ส่ิงมชี ีวติ ทกุ ชนดิ ตอ้ งอาศัยออกซิเจน การคงอย่แู ละสถานะของกา๊ ซขึ้นอยู่ กบั ความกดดันบรรยากาศ ซง่ึ จะมีผลตอ่ การหายใจและโครงสรา้ งของสง่ิ มชี วี ิต เช่น กรณอี ยูบ่ นยอดเขาหรืออย่บู น ทสี่ ูงๆ มักจะมปี อดและหวั ใจโตกวา่ ปกติ และมีเมด็ เลือดแดงมากกวา่ คนปกติดว้ ย 1.4 น้ำหรอื ความชื้น เปน็ องค์ประกอบในเน้ือเย่ือของสง่ิ มีชีวิตทุกชนิด มีบทบาทในขบวนการชีวเคมี ในรา่ งกาย น้ำในดนิ มคี วามสำคญั ต่อพืชเพราะเป็นตวั ทำละลายสารอาหารและเกลือแร่ในดิน นอกจากน้สี ภาวะ แวดล้อมในระบบนิเวศอันเกดิ จากน้ำ ได้แก่ ความช้ืนในอากาศ ในดิน ปรมิ าณน้ำฝน เปน็ ต้น ล้วนแตเ่ ป็นปจั จยั สำคัญในการเจริญเตบิ โต ความอุดมสมบูรณแ์ ละการแพรก่ ระจายของสิ่งมชี วี ิต ภาพที่ 3 การปรับตัวของส่ิงมีชีวติ ในทะเลทราย (ก. กระบองเพชร ข. อูฐ ค. หนแู กงการู ) ทมี่ า : http://www2.pop.vcharkarn.com/lesson/view.php?id=1305 พัฒนาโดย : วา่ ท่ี ร.ท.อดุ ม บริสทุ ธ์ิ คร/ู ชำนาญการ

ชดุ การเรยี นรู้ท่ี 3 ความสมั พนั ธ์ของส่ิงมีชีวิตในระบบนเิ วศ | 187 1.5 ดนิ เป็นแหล่งผลิตผลท่ีสำคัญของสิง่ มีชวี ติ พชื ใชด้ ินเป็นแหลง่ อาหาร แรธ่ าตุตา่ งๆ และน้ำสำหรบั สัตวพ์ น้ื ดนิ จะเป็นแหล่งท่อี ยู่อาศยั 1.6 ความเปน็ กรด-เบส ความเป็นกรด-เบสของตัวกลางในระบบนิเวศท้ังในนำ้ และบนพ้ืนดนิ จะมี อิทธพิ ลต่อการเจริญเติบโตและการดำรงชีพของสิง่ มชี ีวติ เช่น พืชตอ้ งการความเป็นกรด-เบส ประมาณ 6.5 – 7.0 2. สงิ่ มชี วี ติ ในระบบนเิ วศมคี วามสัมพันธก์ นั ในแง่ของการอยู่ร่วมกบั ภาวะต่างๆ 2.1 ภาวะการไดป้ ระโยชน์รว่ มกัน (protocooperation) เปน็ การอยรู่ ่วมกันของส่งิ มชี วี ิต 2 ชนิดทีท่ ัง้ สองฝา่ ยตา่ งไดร้ บั ประโยชนซ์ ึ่งกันและกัน เม่ือแยกกันอย่สู ิ่งมีชีวิตท้งั สองชนิดสามารถดำรงชีวิตอยู่ไดเ้ ปน็ ปกติ เชน่ 1) แมลงกับดอกไม้ แมลงช่วยถ่ายละอองเกสรใหด้ อกไม้ ดอกไม้ให้น้ำหวานแก่แมลง 2) ควายกับนกเอยี้ ง บนตัวควายมรี ้ิน ไร แมลง ให้นกเอย้ี งจิกกนิ นกเอีย้ งได้อาหาร ควายไดร้ ับ การกำจดั ร้ิน ไร 3) มดกบั เพล้ยี มดดำดูดนำ้ เล้ียงจากพืช มดจะรีดนำ้ ตาลจากตวั เพลยี้ กินเป็นอาหาร ส่วนเพลยี้ ไดร้ บั การค้มุ ครองอนั ตรายจากมด ภาพท่ี 4 แสดงการได้รบั ประโยชน์ร่วมกัน ที่มา : http://www2.pop.vcharkarn.com/lesson/view.php?id=1305 2.2 ภาวะทพี่ ่ึงพากัน (mutualism) เป็นการอยู่รว่ มกนั ของสิ่งมีชีวติ ทท่ี ้งั สองฝ่ายตา่ งได้รบั ประโยชน์ ร่วมกันและถ้าขาดฝ่ายหน่งึ ฝา่ ยใดไป จะทำให้สิ่งมชี ีวติ อีกชนิดหน่งึ ไมส่ ามารถดำรงชวี ิตอยู่ต่อไปไดต้ ลอด เช่น 1) แบคทีเรยี ในปมรากของพืชตระกูลถว่ั แบคทเี รยี Rhizobium notatum ตรึงก๊าซไนโตรเจน เป็น ไนเตรต ให้ถว่ั สร้างโปรตนี สว่ นตน้ ถ่วั ใหอ้ าหารและรากเปน็ ท่ีอาศัยแก่แบคทเี รีย 2) ไลเคน (Lichen) เป็นการอยรู่ ว่ มกนั ของสาหร่าย (algae) กบั รา (fungi) โดยสาหรา่ ยอยดู่ ้าน ใน ราอยูร่ อบนอกเป็นแผน่ อยู่ท่ัวไปบนก้อนหนิ สาหร่ายสงั เคราะหแ์ สงให้อาหารแก่รา ส่วนราจะดูดความชื้นและ เกลือแรแ่ กส่ าหร่าย 3) แอนาบีนา (Anabaena) กับแหนแดง สาหร่ายสีเขียวแกมนำ้ เงิน แอนาบีนา ตรึงไนโตรเจน เป็น ไนเตรตให้แหนแดง ส่วนทวี่ า่ งบรเิ วณใบของแหนเปน็ ท่ีอยู่อาศยั ของแอนาบนี า พฒั นาโดย : วา่ ท่ี ร.ท.อดุ ม บรสิ ทุ ธ์ิ คร/ู ชำนาญการ

ชดุ การเรยี นรู้ที่ 3 ความสมั พนั ธ์ของสิ่งมีชวี ติ ในระบบนเิ วศ | 197 ภาพท่ี 5 ไลเคนชนิดตา่ งๆ ( ภาวะพง่ึ พากัน ) ทีม่ า : http://www2.pop.vcharkarn.com/lesson/view.php?id=1305 2.3 ภาวะองิ อาศัย (commensalism) เป็นการอยู่รว่ มกนั ของส่ิงมชี ีวติ ทีฝ่ า่ ยหนงึ่ ไดป้ ระโยชน์ ส่วนอกี ฝ่ายหนึ่งไมไ่ ด้และกไ็ ม่เสยี ประโยชน์ เชน่ 1) กล้วยไม้กับต้นไม้ใหญ่ กลว้ ยไมอ้ ยู่อาศยั ทีเ่ ปลือกนอกตน้ ไม้ใหญเ่ พ่ือรบั แสงแดด สว่ นต้นไม้ ใหญไ่ มเ่ สียประโยชนแ์ ต่อยา่ งไร 2) ปลารีโมรา กบั ปลาฉลาม ปลารีโมราเก็บกินเศษอาหารทีป่ ลาฉลามกัดกนิ และใช้ sucker เกาะ ทบ่ี รเิ วณทอ้ งปลาฉลาม โดยท่ีปลาฉลามไมเ่ สียประโยชน์แต่อยา่ งใด ภาพท่ี 6 ชายผ้าสีดาขนึ้ อยู่บนตน้ ไม้ใหญ่ ( ภาวะอิงอาศยั ) ท่ีมา : http://www2.pop.vcharkarn.com/lesson/view.php?id=1305 พัฒนาโดย : วา่ ท่ี ร.ท.อดุ ม บริสุทธ์ิ ครู/ชำนาญการ

ชุดการเรยี นรู้ที่ 3 ความสมั พันธ์ของสิ่งมชี ีวิตในระบบนเิ วศ | 1170 2.4 ภาวะการลา่ เหย่ือ (predation) เป็นความสัมพนั ธ์ของส่งิ มชี วี ติ ทฝี่ ่ายหนึง่ ได้ประโยชน์ คือเป็นผู้ ล่า (predator) อีกฝ่ายหน่งึ เสียประโยชน์ เรยี กวา่ เหยื่อ (prey) เช่น เหยย่ี วกนิ หนู กบกินแมลง งูกินกบ เป็นตน้ ภาพท่ี 7 นกเค้าแมวล่าเหยื่อ ( การลา่ เหยื่อ ) ท่มี า : http://www2.pop.vcharkarn.com/lesson/view.php?id=1305 2.5 ภาวะปรสติ (parasitism) เป็นการอยูร่ ่วมกนั ของสงิ่ มีชีวิตท่ีฝ่ายหน่งึ ได้ประโยชน์จากการทไ่ี ด้เป็น ผอู้ าศัยและได้อาหาร เรยี กว่า ปรสิต (parasite) และส่ิงมีชวี ติ อกี ชนดิ หนึ่งเสียประโยชนโ์ ดยเป็นผถู้ กู อาศยั และถูก แยง่ อาหาร เรียกว่า เจา้ ของบ้าน (host) เช่น พยาธชิ นดิ ต่างๆ กับคนหรือสัตวช์ นิดอ่ืนๆ เห็บกับสุนขั และปลงิ กับ คน เปน็ ตน้ ภาพท่ี 8 ทางดูดเลือด ( ภาวะปรสิต ) ท่ีมา : http://www2.pop.vcharkarn.com/lesson/view.php?id=1305 2.6 ภาวะแก่งแย่ง (compettion) เป็นภาวะทีส่ ่ิงมีชวี ิตทัง้ สองฝา่ ย แย่งชิงสง่ิ ทตี่ ้องการอยา่ งเดยี วกนั ทำใหท้ ง้ั สองชนดิ ต่างเสียประโยชน์ด้วยกนั เช่น ฝงู สุนขั ปา่ แยง่ กระต่ายตัวเดยี วกัน ตน้ ไมใ้ นป่าแยง่ แสงแดดซ่ึงกัน และกัน เปน็ ตน้ พัฒนาโดย : วา่ ที่ ร.ท.อดุ ม บริสทุ ธ์ิ คร/ู ชำนาญการ

ชดุ การเรยี นรู้ท่ี 3 ความสมั พนั ธ์ของสง่ิ มชี วี ิตในระบบนเิ วศ | 1171 ภาพที่ 9 แสดงภาวะแก่งแย่ง ท่มี า : http://puengsawitree.wordpress.com/ 2.7 ภาวะต่อต้าน (antibiosis) เปน็ ภาวะทสี่ ิ่งมชี ีวิตฝ่ายหนึ่งสรา้ งสารออกมา ทำให้อีกฝ่ายหนง่ึ ไม่ เจริญเติบโตหรอื ถงึ ตายได้ เช่น ราเพนิซลิ เลยี มกับแบคทีเรีย ราจะสรา้ งสาร antibiotic ออกมายบั ย้ังการ เจรญิ เตบิ โตของแบคทีเรยี ได้ 2.8 ภาวะเปน็ กลาง (neutralism) เป็นการอยู่รว่ มกนั ของสงิ่ มชี ีวติ ท่ที ้ังสองฝ่ายต่างไมไ่ ดแ้ ละไม่เสีย ประโยชนซ์ ึง่ กันและกนั เชน่ เต่ากับกระต่าย หากนิ บรเิ วณเดยี วกนั โดยไมท่ ำอันตรายกนั 2.9 ภาวะมีการย่อยสลาย (saprophyte) เปน็ ภาวะที่ผยู้ อ่ ยสลาย (decomposer) อาศัยบนซาก สง่ิ มีชวี ติ ทำให้ซากนนั้ ๆ สลายตัวเกิดวฏั จักรของสารในระบบนเิ วศข้นึ ดว้ ย เชน่ เห็ดราทข่ี ึ้นตามขอนไม้ ราข้ึนตาม ขนมปัง ภาพที่ 10 แสดงภาวะมกี ารย่อยสลาย ทมี่ า : http://www.konthaizone.com/article/show/1286 พัฒนาโดย : วา่ ท่ี ร.ท.อุดม บริสทุ ธิ์ คร/ู ชำนาญการ

ชุดการเรยี นรู้ท่ี 3 ความสมั พนั ธ์ของส่ิงมชี วี ติ ในระบบนิเวศ | 1172 ตารางท่ี 1 สรปุ ความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงมีชีวิต เมอ่ื อยรู่ ่วมกนั เม่อื แยกกนั ชนิด 1 ,ชนดิ 2 ชนดิ 1 ,ชนิด 2 ชนดิ ความสัมพนั ธข์ องการอยรู่ ่วมกัน (symbiosis) +,+ 0,0 +,+ -,- 1. ภาวะการไดป้ ระโยชน์รว่ มกนั (protocooperation) +,0 -,0 2. ภาวะท่ีพ่ึงพากัน (mutualism) +,- -,0 3. ภาวะอิงอาศัย (commensalism) +,- -,0 4. ภาวะการล่าเหยือ่ (predation) -,- 0,0 5. ภาวะปรสติ (parasitism) 0,- 0,0 6. ภาวะแก่งแยง่ (compettion) 0,0 0,0 7. ภาวะตอ่ ตา้ น (antibiosis) +,0 -,0 8. ภาวะเปน็ กลาง (neutralism) 9. ภาวะมกี ารย่อยสลาย (saprophyte) พัฒนาโดย : วา่ ท่ี ร.ท.อุดม บรสิ ทุ ธ์ิ คร/ู ชำนาญการ

ชุดการเรยี นรู้ท่ี 3 ความสมั พันธ์ของส่ิงมีชวี ติ ในระบบนิเวศ | 1173 ใบกจิ กรรมที่ 1 ชุดการเรยี นรู้ที่ 3 วชิ าวทิ ยาศาสตร์พนื้ ฐาน (ชวี วิทยา) ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 ความสมั พันธ์ของส่งิ มีชีวติ ในระบบนิเวศ กลุ่มที่ ...................... สมาชกิ ในกลุ่ม 1).................................................................... 4).................................................................... 2) .................................................................. 5).................................................................... 3) .................................................................. 6).................................................................... จุดประสงค์ของกิจกรรม 1. บอกแหล่งท่ีมาของอาหารของสตั วบ์ างชนิดได้ 2. จำแนกสัตวโ์ ดยใช้ชนิดของอาหารเปน็ เกณฑ์ได้ 3. สรุปความสัมพนั ธ์ของส่ิงมีชวี ติ ในระบบนเิ วศต่างๆ ได้ ลำดับขั้นตอนในการปฏบิ ตั ิ 1. ให้กลมุ่ นักเรียนร่วมกนั อภิปรายเก่ียวกับอาหารของสัตวท์ ี่กำหนดใหใ้ นตารางพรอ้ มทั้งระบุว่าอาหารน้นั มาจากพชื หรือสัตว์ 2. บนั ทึกผลลงในตารางบนั ทึกผล ตารางบันทึกผล อาหารทกี่ นิ ที่มาของอาหาร พืช สัตว์ ช่ือสัตว์ ........................................................................ ………………….. ………………….. หนอน ........................................................................ ………………….. ………………….. กระตา่ ย ........................................................................ ………………….. ………………….. งู ........................................................................ ………………….. ………………….. เหยีย่ ว ........................................................................ ………………….. ………………….. สงิ โต ........................................................................ ………………….. ………………….. เสอื ........................................................................ ………………….. ………………….. ต๊ักแตน ........................................................................ ………………….. ………………….. จง้ิ จก ........................................................................ ………………….. ………………….. ววั ........................................................................ ………………….. ………………….. คน พัฒนาโดย : วา่ ท่ี ร.ท.อดุ ม บริสุทธ์ิ ครู/ชำนาญการ

ชุดการเรยี นรู้ท่ี 3 ความสมั พันธ์ของส่ิงมชี ีวติ ในระบบนิเวศ | 1174 สรุปผลการทำกจิ กรรม . . . . . . . . . . . . . . . . . คำถามท้ายกิจกรรม . 1. สิ่งมีชีวิตทกุ ชนิดกินพชื หรือกินสัตวอ์ ย่างเดยี วหรอื ไม่ อยา่ งไร . . ตอบ : . . . . . . . . 2. ถ้าใชช้ นิดของอาหารเป็นเกณฑ์ นักเรยี นจะจำแนกสัตว์ได้เป็นกปี่ ระเภท อะไรบา้ ง . ตอบ : . . . . . . . . 3. จงสรปุ ผลการทำกิจกรรม . ตอบ : . . . . . . . . 4. จงสรุปความสัมพนั ธข์ องส่ิงมชี วี ติ ในระบบนเิ วศตา่ งๆ . ตอบ : . . . . . พฒั นาโดย : วา่ ท่ี ร.ท.อุดม บรสิ ุทธ์ิ คร/ู ชำนาญการ

ชดุ การเรยี นรู้ที่ 3 ความสมั พันธ์ของสง่ิ มีชวี ิตในระบบนิเวศ | 1175 ใบกจิ กรรมที่ 2 ชดุ การเรยี นรู้ที่ 3 วิชาวิทยาศาสตรพ์ ้นื ฐาน (ชวี วิทยา) ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 4 ความสมั พันธ์ของสิ่งมีชีวติ ในระบบนเิ วศ กลุ่มท่ี ...................... สมาชิกในกลุ่ม 1).................................................................... 4).................................................................... 2) .................................................................. 5).................................................................... 3) .................................................................. 6).................................................................... จุดประสงค์ของกจิ กรรม 1. บอกความสัมพันธ์ของสง่ิ มีชวี ิตชนิดตา่ งๆ ได้ 2. ระบุชนดิ ของสง่ิ มีชวี ติ ที่ไดร้ ับประโยชนแ์ ละเสียประโยชนไ์ ด้ 3. เปรียบเทียบความสัมพนั ธ์ของสง่ิ มชี ีวติ ชนดิ ต่างๆ ได้ วสั ดแุ ละอุปกรณ์ ภาพความสมั พนั ธ์ของส่งิ มชี ีวิตชนดิ ต่างๆ จำนวน 4 ภาพ ได้แก่ ดอกไม้กบั แมลง กลว้ ยไมบ้ นต้นไม้ใหญ่ กาฝากบนตน้ ไม้ใหญ่ และงูกินหนเู ปน็ อาหาร ลำดับขน้ั ตอนในการปฏบิ ัติ 1. ศกึ ษาภาพทกี่ ำหนดให้ 2. ระบุชนดิ ของสิง่ มชี วี ติ ในภาพแต่ละภาพและบันทึกผล 3. บอกความสมั พันธข์ องสิง่ มีชีวติ แตล่ ะภาพ บนั ทกึ ผล ตารางบนั ทึกผล ชนดิ ของส่ิงมีชีวติ การไดแ้ ละการเสยี ประโยชน์ ภาพที่ ฝา่ ยได้ ฝ่ายเสยี ฝ่ายทีไ่ ม่ไดไ้ ม่ ประโยชน์ ประโยชน์ เสียประโยชน์ 1 2 3 4 พัฒนาโดย : วา่ ท่ี ร.ท.อุดม บรสิ ทุ ธ์ิ ครู/ชำนาญการ

ชดุ การเรยี นรู้ท่ี 3 ความสมั พันธ์ของส่ิงมีชวี ิตในระบบนเิ วศ | 1176 สรปุ ผลการทำกจิ กรรม . . . . . . . . . . . . . . . . . คำถามทา้ ยกจิ กรรม . 1. ส่ิงมีชวี ิตในภาพทั้ง 4 มีอะไรบา้ ง . ตอบ : . . . . . 2. สง่ิ มชี วี ติ ในภาพทง้ั 4 มีความสัมพันธ์กนั อยา่ งไร ตอบ : . . . . 3. พจิ ารณาในแง่ของประโยชนท์ ่ไี ด้รับของสิง่ มีชีวติ ในภาพทัง้ 4 แลว้ ตอบคำถามตอ่ ไปนี้ 3.1 ส่ิงมชี วี ิตชนดิ ใดทีไ่ ด้ประโยชน์ . ตอบ : . 3.2 สิง่ มีชีวติ ชนิดใดทีเ่ สียประโยชน์ . . ตอบ : 3.3 สง่ิ มชี ีวิตชนิดใดไม่ไดไ้ ม่เสียประโยชน์ . . ตอบ : . 4. ความสัมพันธข์ องสง่ิ มชี วี ติ ในภาพท่ี 3 และ 4 เหมอื นหรือต่างกนั อยา่ งไร . . ตอบ : . . 5. นกั เรียนสรุปความสมั พนั ธ์ของส่งิ มชี ีวิตในภาพท้งั 4 ได้อย่างไร ตอบ : . . . . พัฒนาโดย : วา่ ท่ี ร.ท.อุดม บรสิ ุทธ์ิ ครู/ชำนาญการ

ชดุ การเรยี นรู้ท่ี 3 ความสมั พนั ธ์ของสง่ิ มีชวี ิตในระบบนิเวศ | 1177 ใบงานที่ 1 ชดุ การเรียนรู้ท่ี 3 วิชาวิทยาศาสตร์พ้นื ฐาน (ชีววิทยา) ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 ความสัมพนั ธ์ของส่ิงมชี ีวติ ในระบบนเิ วศ ชื่อ................................................................................................เลขท.่ี ..............ชัน้ ................. . . คำชแ้ี จง : ใหน้ ักเรยี นอ่านคำถามที่กำหนดให้ แล้วเขียนคำตอบลงในชอ่ งว่างที่กำหนดให้ถกู ต้องสมบรู ณ์ . ใช้เวลา 10 นาที ( 5 คะแนน) . 1. แสงมคี วามสำคัญต่อพืชในแงใ่ ดมากทีส่ ุด . ตอบ : . . . . . . . 2. นกั เรียนคิดวา่ อุณหภมู ิบนพ้ืนโลกมีผลตอ่ การดำรงชวี ิตของสิง่ มชี วี ติ อยา่ งไร . ตอบ : . . . . . . . 3. ถ้าส่ิงแวดล้อมของโลกมีการเปลย่ี นแปลงกะทนั หนั นกั เรียนคิดวา่ จะเกิดอะไรข้ึน . ตอบ : . . . . . . . 4. ถา้ ปรมิ าณคาร์บอนไดออกไซดเ์ ปล่ยี นไปจะมผี ลต่อปริมาณต้นไม้และส่ิงมีชวี ิตอย่างไร . ตอบ : . . . 5. ถ้านกั เรียนปลกู พืชในแหล่งทีอ่ ยเู่ ดิมแล้วถูกนำ้ ขังอยนู่ าน จะมีผลอย่างไรต่อพชื ตอบ : . . . พัฒนาโดย : วา่ ท่ี ร.ท.อุดม บรสิ ุทธิ์ คร/ู ชำนาญการ

ชุดการเรยี นรู้ที่ 3 ความสมั พนั ธ์ของส่งิ มชี ีวติ ในระบบนิเวศ | 1178 ใบงานที่ 2 ชดุ การเรียนรู้ที่ 3 วชิ าวทิ ยาศาสตร์พืน้ ฐาน (ชีววิทยา) ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 ความสมั พันธข์ องส่งิ มชี ีวติ ในระบบนเิ วศ ช่อื ................................................................................................เลขท.่ี ..............ช้นั ................. คำช้ีแจง : ให้นกั เรียนอา่ นคำถามท่ีกำหนดให้ แลว้ เขยี นคำตอบลงในชอ่ งว่างที่กำหนดใหถ้ กู ต้องสมบูรณ์ ใชเ้ วลา 10 นาที ( 5 คะแนน) 1. ให้นักเรียนยกตวั อยา่ งความสัมพนั ธ์แบบลา่ เหยื่ออืน่ ๆ อยา่ งไร ตอบ : . .. .. 2. ให้นักเรียนยกตัวอย่างความสัมพันธแ์ บบภาวะอิงอาศยั มา 2 ตัวอย่าง ตอบ : . .. .. 3. นกั เรยี นคิดว่าควายกับนกเอ้ยี ง แยกจากกันได้หรือไม่ อยา่ งไร ตอบ : . .. .. 4. ใหน้ กั เรียนยกตัวอยา่ งความสัมพันธแ์ บบการได้ประโยชน์รว่ มกันและอธิบายความสัมพันธข์ องสิง่ มีชีวิตเหลา่ น้นั ตอบ : . .. .. 5. ให้นกั เรยี นยกตัวอย่างความสมั พันธ์แบบภาวะพึ่งพา ภาวะปรสิต ภาวะมกี ารย่อยสลาย มาอย่างละ 2 ตัวอย่าง ตอบ : . .. .. พฒั นาโดย : วา่ ท่ี ร.ท.อดุ ม บริสทุ ธิ์ ครู/ชำนาญการ

ชดุ การเรยี นรู้ท่ี 3 ความสมั พันธ์ของสิง่ มีชีวิตในระบบนิเวศ | 1179 ใบสรปุ เนือ้ หา ชดุ การเรยี นรู้ที่ 3 วิชาวิทยาศาสตร์พืน้ ฐาน (ชวี วทิ ยา) ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 ความสัมพนั ธ์ของส่งิ มีชีวติ ในระบบนเิ วศ 1. ความสัมพันธร์ ะหว่างสภาวะแวดล้อมทางกายภาพกับส่งิ มชี ีวติ ในธรรมชาติมีสภาวะแวดลอ้ มต่างๆ ที่มผี ลตอ่ ส่ิงมีชวี ิตมากมาย สภาวะแวดล้อมทมี่ ีผลต่อสิ่งมีชวี ิตจนทำ ให้ส่งิ มีชีวติ ไมเ่ จรญิ เติบโตตามปกติ หรือตายไปเรียกว่า ปัจจัยจำกัด (limitingfactors) สภาวะแวดล้อมทาง กายภาพในธรรมชาติมีดงั ต่อไปน้ี คอื - แสงสว่าง - อณุ หภมู ิ - ความกดดันและกา๊ ซ - นำ้ หรือความช้ืน - ดนิ - ความเป็นกรด-เบส 2. สงิ่ มีชีวิตในระบบนเิ วศมคี วามสัมพนั ธ์กนั ในแงข่ องการอยูร่ ่วมกบั ภาวะต่างๆ ไดแ้ ก่ - ภาวะการไดป้ ระโยชน์รว่ มกัน (protocooperation) - ภาวะทพี่ ึง่ พากัน (mutualism) - ภาวะอิงอาศยั (commensalism) - ภาวะการล่าเหยอ่ื (predation) - ภาวะปรสติ (parasitism) - ภาวะแก่งแยง่ (competition) - ภาวะต่อตา้ น (antibiosis) - ภาวะเปน็ กลาง (neutralism) - ภาวะมีการย่อยสลาย (saprophyte) ตารางท่ี 1 สรุปความสัมพันธ์ระหว่างสง่ิ มชี ีวติ เมอ่ื อยรู่ ว่ มกัน เมือ่ แยกกัน ชนดิ 1 ,ชนิด 2 ชนิด 1 ,ชนดิ 2 ชนิดความสัมพันธข์ องการอยรู่ ่วมกัน (symbiosis) +,+ 0,0 +,+ -,- 1. ภาวะการได้ประโยชน์รว่ มกัน (protocooperation) +,0 -,0 2. ภาวะที่พ่งึ พากนั (mutualism) +,- -,0 3. ภาวะอิงอาศัย (commensalism) +,- -,0 4. ภาวะการลา่ เหย่อื (predation) -,- 0,0 5. ภาวะปรสติ (parasitism) 0,- 0,0 6. ภาวะแกง่ แยง่ (compettion) 0,0 0,0 7. ภาวะตอ่ ตา้ น (antibiosis) +,0 -,0 8. ภาวะเป็นกลาง (neutralism) 9. ภาวะมกี ารยอ่ ยสลาย (saprophyte) พัฒนาโดย : วา่ ท่ี ร.ท.อดุ ม บริสทุ ธิ์ ครู/ชำนาญการ

ชดุ การเรยี นรู้ท่ี 3 ความสมั พันธ์ของส่ิงมีชีวติ ในระบบนิเวศ | 1270 แบบทดสอบวดั ผลการเรียนรู้ หลงั เรียน ชดุ การเรียนร้ทู ่ี 3 วชิ าวทิ ยาศาสตรพ์ ้นื ฐาน (ชีววทิ ยา) ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 เร่อื งความสมั พนั ธข์ องสิ่งมชี ีวิตในระบบนิเวศ จำนวน 10 ข้อ คำชี้แจง : ใหน้ กั เรยี นเลอื กคำตอบท่ีถูกต้องทีส่ ุดเพียงข้อเดียว แล้วกาเครื่องหมายกากบาท (X) ลงในกระดาษคำตอบ 1. ปัจจัยทส่ี ำคัญที่สุดของแหล่งน้ำจดื ประเภทบ่อนำ้ 7. ถ้าปราศจากผยู้ ่อยสลายบนพน้ื โลกน่าจะเกิด เหตุการณ์ใด หรอื สระนำ้ ได้แก่ปัจจยั ใด ก. เหตกุ ารณป์ กติ เพราะธรรมชาติยอ่ มรักษาสมดุล ก. แสงสวา่ ง ข. ออกซิเจน ของมันไดเ้ อง ค. คารบ์ อนไดออกไซด์ ง. อุณหภูมิ ข. พชื เรม่ิ ตายเนือ่ งจากขาดธาตุท่จี ำเป็นต่อการ ดำรงชวี ิต 2. ปัจจยั ที่สำคัญทสี่ ุดทีส่ ัตว์ทะเลตอ้ งปรบั ตวั ใหไ้ ด้ แต่ ค. ซากพืช ซากสัตว์ รวมทั้งอินทรยี สารเตม็ ไปหมด ไมม่ ีปัญหาสำหรับสัตว์นำ้ จืดคือปัจจัยใด ง. อาจเปน็ ไปตามข้อ ก หรอื ข กไ็ ด้ 8. โดยปกตสิ ดั ส่วนของปริมาณส่ิงมชี ีวิตในธรรมชาติ ก. ความเค็ม ข. คา่ pH เปน็ อยา่ งไร ก. ผู้ผลติ มปี รมิ าณมากกว่าผูบ้ รโิ ภค ค. อณุ หภูมิ ง. ท่ยี ึดเกาะ ข. ผผู้ ลิตมปี รมิ าณนอ้ ยกว่าผบู้ รโิ ภค ค. ผผู้ ลิตมีปริมาณเทา่ กบั ผบู้ ริโภค 3. ทางผ่านของสารอาหารจากส่งิ มชี ีวิตชนิดหนง่ึ ไปสู่ ง. ไม่แนน่ อน ขน้ึ อยู่กบั ชนดิ ของสง่ิ มชี วี ติ ทเ่ี ปน็ สงิ่ มีชีวิตอนื่ เร่ือยๆ ไป ในกลมุ่ สิง่ มชี ีวิตเรยี กวา่ อะไร องค์ประกอบ 9. การอยรู่ ่วมกันระหวา่ งผีเสือ้ กับดอกไมน้ ้นั เป็นการอยู่ ก. pyramid of energy ข. food chain ร่วมกนั แบบใด ค. food web ง. nutrient cycle ก. ภาวะองิ อาศัย (commensalisms) ข. ภาวะทพ่ี ึง่ พากนั (mutualism) 4. การถ่ายทอดของสารอาหารจากหว่ งโซ่อาหารหนึง่ ค. ภาวะปรสติ (parasitism) ง. ภาวะแกง่ แย่ง (competition) ไปอีกหว่ งโซอ่ าหารหนึง่ เรียกวา่ อะไร 10. กล้วยไม้ข้ึนอยู่บนต้นไม้ใหญใ่ นปา่ ดงดบิ เป็นการ อย่รู ่วมกนั แบบใด ก. pyramid of energy ข. food web ก. ภาวะอิงอาศัย (commensalisms) ข. ภาวะทีพ่ งึ่ พากัน (mutualism) ค. complex food chain ง. food cycle ค. ภาวะปรสิต (parasitism) ง. ภาวะแกง่ แยง่ (competition) 5. ในระบบนเิ วศทว่ั ๆ ไป ประกอบดว้ ยส่งิ มชี วี ิต 3 กลมุ่ คือ...1... มหี น้าทสี่ งั เคราะหอ์ าหารซึ่งเป็นสารอนินทรีย์ โดยใช้วัตถดุ บิ ท่ีไร้ชวี ิตกบั พลงั งาน....2....ตอ้ งการ พลงั งานและสารอาหารที่ได้จากการย่อยอนิ ทรยี สาร จากสง่ิ มชี วี ติ ....3.....เปน็ กล่มุ สิง่ มชี วี ติ ทีเ่ ปล่ยี น สารอินทรยี จ์ ากส่ิงมชี ีวิตทต่ี ายแล้วหรือจากของเสียของ สงิ่ มชี วี ติ ให้เป็นสารอนินทรีย์ ท้งั น้ี 1, 2, 3 คอื ข้อใด ก. ผู้ย่อยสลาย, ผู้ผลติ , ผู้บริโภค ข. ผู้ยอ่ ยสลาย, ผู้บริโภค, ผูผ้ ลติ ค. ผู้ผลติ , ผู้ย่อยสลาย, ผบู้ รโิ ภค ง. ผู้ผลิต, ผ้บู รโิ ภค, ผยู้ อ่ ยสลาย 6. ขอ้ ใดที่มีลำดับขั้นตอนการกนิ อาหารครบสมบูรณ์ ก. ตน้ ข้าว  หนอน  นก  คน ข. หนู  งู  เหยยี่ ว  คน ค. ข้าวโพด  ตกั๊ แตน  นก  วัว  คน ง. หนอน  ข้าวโพด  หนู  งู  คน พัฒนาโดย : วา่ ท่ี ร.ท.อดุ ม บรสิ ุทธิ์ คร/ู ชำนาญการ

ชุดการเรยี นรู้ท่ี 3 ความสมั พันธ์ของส่ิงมีชวี ิตในระบบนเิ วศ | 1271 กระดาษคำตอบ แบบทดสอบหลงั เรียน ชือ่ .................................................................................... ชนั้ ................. เลขท.่ี ......... ขอ้ กขค ง จ 123 4 5 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 คะแนนเตม็ 10 คะแนน ได้ .................... คะแนน พัฒนาโดย : วา่ ท่ี ร.ท.อุดม บรสิ ทุ ธ์ิ คร/ู ชำนาญการ

ชุดการเรยี นรู้ที่ 3 ความสมั พนั ธ์ของสง่ิ มชี ีวติ ในระบบนิเวศ | 1272 บันทกึ สรุปผลการเรยี น ชดุ การเรียนรู้ท่ี 3 ความสัมพันธ์ของสิง่ มชี วี ติ ในระบบนิเวศ ผลการประเมนิ ผลการทดสอบก่อนเรยี น ผลการทดสอบหลังเรียน คะแนน ระดับ คะแนน ระดบั เกณฑ์คะแนนการประเมินผลการเรยี นก่อน-หลงั เรียน 9 –10 คะแนน ระดับ ดีมาก 7 – 8 คะแนน ระดบั ดี 5 – 6 คะแนน ระดับ พอใช้ 1 – 4 คะแนน ระดบั ควรปรับปรุง สรุปผลการประเมนิ  ผ่าน  ไม่ผา่ น หมายเหตุ : นกั เรียนจะผ่านเกณฑ์การประเมนิ เม่ือทำขอ้ สอบได้ตั้งแต่ 8 คะแนนขน้ึ ไป พัฒนาโดย : วา่ ท่ี ร.ท.อุดม บรสิ ุทธิ์ ครู/ชำนาญการ

บรรณานกุ รม กระทรวงศึกษาธิการ. หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551. กรุงเทพฯ : ชุมชนสหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย. 2552 ประดิษฐ์ เหลา่ เนตร์ และคณะ. หนังสอื เรียน ชวี วทิ ยา มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4-6. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพแ์ ม็ค. 2553. ประสงค์ หลำสะอาด และจิตเกษม หลำสะอาด. คมู่ อื ชีววิทยา ENTRANCE ม.4-5-6 ฉบับสมบรู ณ์. กรงุ เทพมหานคร : พัฒนาศึกษา, 2543. พเยาว์ ยนิ ดสี ขุ และคณะ, ชีวิตกับส่ิงแวดล้อม ส่งิ มชี วี ิตกับกระบวนการดำรงชีวิต. กรุงเทพ : สำนกั พมิ พ์ บริษัทพัฒนาคณุ ภาพวชิ าการ, 2555. พมิ พันธ์ เดชะคปุ ต์ และคณะ. ชุดกิจกรรมการเรียนรทู้ ีเ่ น้นผู้เรียนเป็นสำคญั ชีววทิ ยา ม.4. กรุงเทพ : สำนกั พิมพ์ บรษิ ัทพฒั นาคณุ ภาพวิชาการ, 2549. สมบญุ เตชะภญิ ญาวัฒน.์ พฤกษศาสตร์. พิมพ์คร้ังท่ี 3, กรงุ เทพ : สำนกั พิมพ์รัว้ เขยี ว, 2537. ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, สถาบัน. กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. หนังสอื เรียน สาระการเรียนรู้ พื้นฐานและเพมิ่ เตมิ ชวี วทิ ยา เล่ม 6. พิมพ์ครงั้ ที่ 4, กรุงเทพฯ : โรงพิมพค์ ุรุสภาลาดพรา้ ว, 2544. ฤทธิ์ วัฒนชยั ยิง่ เจรญิ . หนงั สือเรยี น ส่ิงมีชีวิตกบั กระบวนการดำรงชวี ิต ชีวิตกับส่ิงแวดล้อม ม.4-ม.6. กรุงเทพฯ : อักษรเจริญทัศน์, 2553. http://www.konthaizone.com/article/show/1286 http://web.ku.ac.th/schoolnet/snet6/envi1/ecosystem/b2.htm http://web.ku.ac.th/schoolnet/snet6/envi1/ecosystem/b3.htm http://www2.pop.vcharkarn.com/lesson/view.php?id=1305 http://puengsawitree.wordpress.com/ พฒั นาโดย : วา่ ที่ ร.ท.อุดม บรสิ ุทธ์ิ คร/ู ชำนาญการ

ภาคผนวก พฒั นาโดย : วา่ ท่ี ร.ท.อดุ ม บรสิ ทุ ธิ์ ครู/ชำนาญการ

แนวทางการบันทึกผล ใบกจิ กรรมที่ 1 ชุดการเรยี นรู้ที่ 3 วิชาวทิ ยาศาสตร์พนื้ ฐาน (ชีววิทยา) ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 ความสัมพันธ์ของส่ิงมีชวี ติ ในระบบนิเวศ กล่มุ ท่ี ...................... สมาชิกในกลุ่ม 1).................................................................... 4).................................................................... 2) .................................................................. 5).................................................................... 3) .................................................................. 6).................................................................... จดุ ประสงคข์ องกิจกรรม 1. บอกแหลง่ ที่มาของอาหารของสตั วบ์ างชนดิ ได้ 2. จำแนกสัตว์โดยใชช้ นดิ ของอาหารเปน็ เกณฑ์ได้ 3. สรปุ ความสัมพันธข์ องส่ิงมีชวี ิตในระบบนิเวศตา่ งๆ ได้ ลำดับขัน้ ตอนในการปฏิบัติ 1. ใหก้ ลมุ่ นักเรียนรว่ มกันอภิปรายเก่ียวกับอาหารของสัตว์ทีก่ ำหนดให้ในตารางพร้อมทั้งระบวุ ่าอาหารนั้น มาจากพืชหรือสัตว์ 2. บนั ทกึ ผลลงในตารางบันทึกผล ตารางบันทึกผล อาหารที่กิน ท่ีมาของอาหาร พืช สตั ว์ ชื่อสัตว์ ใบไม้ หญ้า  หนอน กระต่าย  กระต่าย งู งู กวาง  เหย่ยี ว กวาง  สิงโต ใบไม้  เสอื แมลง  ตัก๊ แตน หญา้ จงิ้ จก พืช , ไก่  ววั  คน   พฒั นาโดย : วา่ ที่ ร.ท.อุดม บริสุทธิ์ คร/ู ชำนาญการ

สรปุ ผลการทำกจิ กรรม สง่ิ มีชีวิตบางชนิดกินพชื อย่างเดียว เช่น หนอน กระตา่ ย เป็นต้น บางชนิดกินสัตวอ์ ย่างเดียว เชน่ เสอื สงิ โต เป็นตน้ แต่บางชนิดกนิ ทงั้ พชื และสัตว์ เช่น คน เป็นต้น ถ้าใชช้ นิดของอาหารเป็นเกณฑ์ จะจำแนก สัตวไ์ ด้เปน็ 4 ประเภท คือ พวกท่กี ินพชื อย่างเดยี ว พวกท่กี ินสตั ว์อยา่ งเดยี ว พวกที่กินท้งั พืชและสตั ว์ และพวกที่กินซากพืชซากสตั ว์ จึงสรปุ ได้ว่า ส่งิ มีชีวิตตา่ งๆ มคี วามสมั พนั ธก์ นั ในแง่การกินอาหาร คำถามท้ายกจิ กรรม 1. สง่ิ มชี ีวติ ทกุ ชนดิ กินพชื หรือกนิ สัตวอ์ ยา่ งเดียวหรอื ไม่ อยา่ งไร ตอบ : ส่ิงมีชวี ิตบางชนดิ กนิ พชื อย่างเดยี ว เชน่ หนอน กระต่าย เป็นต้น บางชนิดกินสัตว์อย่างเดียว เชน่ เสอื สิงโต เป็นต้น แตบ่ างชนดิ กนิ ทง้ั พืชและสตั ว์ เชน่ คนเป็นตน้ 2. ถ้าใช้ชนดิ ของอาหารเปน็ เกณฑ์ นักเรียนจะจำแนกสตั วไ์ ดเ้ ปน็ ก่ีประเภท อะไรบ้าง ตอบ : 4 ประเภท คือ พวกที่กนิ พืชอยา่ งเดียว พวกที่กินสัตวอ์ ยา่ งเดียว พวกท่ีกนิ ท้ังพชื และสัตว์ และ พวกที่กินซากพชื ซากสัตว์ 3. จงสรปุ ผลการทำกจิ กรรม ตอบ : สิ่งมีชีวติ บางชนดิ กินพชื อย่างเดียว บางชนดิ กนิ สัตว์อย่างเดียว บางชนดิ กนิ ทง้ั พืชและสัตว์ 4. จงสรุปความสมั พันธ์ของสิ่งมชี วี ติ ในระบบนิเวศต่างๆ ตอบ : สิง่ มชี ีวิตต่างๆ มีความสมั พนั ธ์กนั ในแง่การกินอาหาร พัฒนาโดย : วา่ ที่ ร.ท.อดุ ม บรสิ ทุ ธ์ิ ครู/ชำนาญการ

แนวทางการบันทึกผล ใบกิจกรรมท่ี 2 ชดุ การเรยี นรูท้ ี่ 3 วิชาวทิ ยาศาสตร์พืน้ ฐาน (ชวี วทิ ยา) ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 ความสมั พันธ์ของสิ่งมีชวี ติ ในระบบนิเวศ กลมุ่ ที่ ...................... สมาชิกในกลุ่ม 1).................................................................... 4).................................................................... 2) .................................................................. 5).................................................................... 3) .................................................................. 6).................................................................... จุดประสงค์ของกจิ กรรม 1. บอกความสมั พนั ธข์ องสิ่งมีชวี ิตชนดิ ต่างๆ ได้ 2. ระบุชนดิ ของสงิ่ มีชีวติ ท่ีได้รับประโยชน์และเสยี ประโยชนไ์ ด้ 3. เปรียบเทียบความสมั พันธข์ องส่งิ มชี วี ติ ชนดิ ต่างๆ ได้ วัสดแุ ละอุปกรณ์ ภาพความสมั พันธ์ของสิ่งมชี ีวิตชนดิ ตา่ งๆ จำนวน 4 ภาพ ไดแ้ ก่ ดอกไมก้ บั แมลง กลว้ ยไมบ้ นต้นไม้ใหญ่ กาฝากบนตน้ ไมใ้ หญ่ และงูกินหนเู ป็นอาหาร ลำดบั ข้ันตอนในการปฏบิ ตั ิ 1. ศึกษาภาพทกี่ ำหนดให้ 2. ระบชุ นิดของส่ิงมีชีวติ ในภาพแต่ละภาพและบนั ทึกผล 3. บอกความสมั พันธข์ องส่งิ มีชวี ติ แตล่ ะภาพ บนั ทกึ ผล ตารางบนั ทกึ ผล การไดแ้ ละการเสียประโยชน์ ภาพท่ี ชนดิ ของสง่ิ มีชีวิต ฝ่ายได้ ฝ่ายเสยี ฝ่ายทไ่ี มไ่ ดไ้ ม่ 1 แมลงกับดอกไม้ ประโยชน์ ประโยชน์ เสียประโยชน์ 2 กลว้ ยไมก้ ับตน้ ไม้ใหญ่ 3 กาฝากกับตน้ ไมใ้ หญ่ แมลง , ดอกไม้ - - 4 งกู ับหนู กลว้ ยไม้ - ตน้ ไม้ใหญ่ กาฝาก ตน้ ไมใ้ หญ่ - งู หนู - พัฒนาโดย : วา่ ท่ี ร.ท.อดุ ม บรสิ ุทธิ์ คร/ู ชำนาญการ

สรปุ ผลการทำกจิ กรรม จากกจิ กรรมเปน็ การแสดงความสัมพนั ธก์ ันในแง่ของการอยรู่ ่วมกับภาวะตา่ งๆ ของสิ่งมีชวี ิตในระบบนิเวศ ได้แก่ ภาพที่ 1 แมลงกบั ดอกไมแ้ มลงดูดน้ำหวานจากดอกไม้ และชว่ ยผสมเกสรสิ่งมีชีวติ ท้งั 2 ชนิดต่างได้ ประโยชนท์ ้ังคู่ ภาพท่ี 2 กล้วยไม้กับต้นไม้ใหญ่ กล้วยไมเ้ กาะบนตน้ ไม้ใหญ่ อาศัยบนต้นไมใ้ หญส่ ง่ิ มชี ีวิตชนิดหนง่ึ ได้ ประโยชนแ์ ละอีกชนิดหน่งึ ไม่เสียประโยชน ภาพท่ี 3 กาฝากกับตน้ ไม้ใหญ่ กาฝากเกาะบนตน้ ไม้ใหญ่ และได้อาหารจากต้นไม้ใหญส่ ่งิ มชี ีวิตชนิดหน่งึ ได้ประโยชน์และอีกชนิดหนึ่งเสียประโยชน์ ภาพที่ 4 งกู ับหนู งูกินหนูเป็นอาหารสิ่งมชี วี ิตชนิดหนงึ่ ได้ประโยชน์และอีกชนิดหนง่ึ เสียประโยชน์ คำถามท้ายกจิ กรรม 1. สงิ่ มชี วี ติ ในภาพท้ัง 4 มีอะไรบา้ ง ตอบ : ภาพที่ 1 แมลงกบั ดอกไม้ ภาพที่ 2 กล้วยไมก้ ับต้นไม้ใหญ่ ภาพท่ี 3 การฝากกบั ต้นไมใ้ หญ่ ภาพที่ 4 งูกบั หนู 2. สิ่งมีชีวิตในภาพทั้ง 4 มีความสมั พันธ์กันอยา่ งไร ตอบ : ภาพท่ี 1 แมลงดูดน้ำหวานจากดอกไม้ และชว่ ยผสมเกสร ภาพที่ 2 กล้วยไม้เกาะบนต้นไมใ้ หญ่ อาศัยบนตน้ ไม้ใหญ่ ภาพที่ 3 กาฝากเกาะบนตน้ ไม้ใหญ่ และได้อาหารจากต้นไม้ใหญ่ ภาพที่ 4 งกู นิ หนเู ปน็ อาหาร 3. พิจารณาในแง่ของประโยชนท์ ่ไี ด้รบั ของสิง่ มีชวี ติ ในภาพทั้ง 4 แลว้ ตอบคำถามตอ่ ไปน้ี 3.1 ส่ิงมีชีวติ ชนดิ ใดที่ได้ประโยชน์ ตอบ : สิ่งมีชีวิตท่ีได้ประโยชน์ คือ แมลง ดอกไม้ กลว้ ยไม้ กาฝาก และงู 3.2 ส่งิ มีชวี ติ ชนดิ ใดท่เี สียประโยชน์ ตอบ : สง่ิ มชี วี ิตที่เสยี ประโยชน์ คอื ตน้ ไมใ้ หญ่ท่ีกาฝากเกาะ และหนู 3.3 สง่ิ มีชีวติ ชนิดใดไม่ไดไ้ มเ่ สียประโยชน์ ตอบ : ส่งิ มีชวี ิตทไี่ ม่ไดไ้ ม่เสียประโยชน์ คอื ต้นไม้ใหญท่ ่ีกล้วยไม้เกาะ 4. ความสัมพันธข์ องส่ิงมีชวี ติ ในภาพท่ี 3 และ 4 เหมอื นหรือต่างกันอย่างไร ตอบ : เหมือนกัน คือ สง่ิ มชี ีวติ ชนิดหน่งึ ได้ประโยชนแ์ ละอีกชนิดหนึ่งเสียประโยชน ์ ต่างกนั คือ ฝา่ ยเสียประโยชน์ในภาพที่ 3 ไมต่ าย แตฝ่ ่ายเสียประโยชน์ในภาพท่ี 4 จะตาย 5. นกั เรยี นสรปุ ความสัมพันธ์ของส่งิ มีชีวติ ในภาพทัง้ 4 ได้อยา่ งไร ตอบ : ภาพท่ี 1 ส่ิงมชี ีวิตท้งั 2 ชนิดตา่ งไดป้ ระโยชนท์ ้ังคู่ ภาพท่ี 2 สงิ่ มีชีวติ ชนิดหนึ่งได้ประโยชน์และอีกชนดิ หน่งึ ไม่เสยี ประโยชน์ ภาพท่ี 3 และ 4 สิ่งมชี วี ิตชนิดหนึ่งไดป้ ระโยชนแ์ ละอีกชนดิ หนงึ่ เสียประโยชน พัฒนาโดย : วา่ ที่ ร.ท.อุดม บริสทุ ธ์ิ ครู/ชำนาญการ

แนวคำตอบ ใบงานที่ 1 ชดุ การเรยี นรทู้ ี่ 3 วิชาวิทยาศาสตรพ์ นื้ ฐาน (ชีววทิ ยา) ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 4 ความสมั พนั ธข์ องสง่ิ มีชีวติ ในระบบนเิ วศ ชือ่ ................................................................................................เลขท.ี่ ..............ช้ัน................. คำชแ้ี จง : ให้นกั เรียนอา่ นคำถามท่ีกำหนดให้ แล้วเขยี นคำตอบลงในชอ่ งวา่ งท่ีกำหนดใหถ้ กู ต้องสมบูรณ์ ใชเ้ วลา 10 นาที ( 5 คะแนน) 1. แสงมคี วามสำคญั ตอ่ พืชในแงใ่ ดมากทสี่ ุด ตอบ : การสงั เคราะห์แสง 2. นักเรียนคิดวา่ อุณหภมู บิ นพื้นโลกมีผลตอ่ การดำรงชวี ติ ของสิ่งมชี ีวติ อยา่ งไร ตอบ : ทำใหส้ งิ่ มีชวี ิตตอ้ งมีการปรบั ตัวเพอื่ ให้อย่ใู นสภาพแวดล้อมนัน้ ได้ เช่น การออกหากินของสัตว์ ทะเลทรายในเวลากลางคืน กบจำศีลในฤดูหนาว การอพยพของนกนางแอ่นและนกปากหา่ งใน ฤดูหนาว เปน็ ต้น 3. ถ้าสิง่ แวดล้อมของโลกมีการเปลย่ี นแปลงกะทนั หนั นักเรียนคดิ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตอบ : สงิ่ มชี ีวติ ท่ไี ม่สามารถปรบั ตัวใหเ้ ข้ากบั สภาพแวดล้อมที่เปลีย่ นแปลงไปเกิดการสญู พันธ์ุ 4. ถา้ ปรมิ าณคาร์บอนไดออกไซดเ์ ปลยี่ นไป จะมผี ลตอ่ ปริมาณตน้ ไม้และสิ่งมชี ีวิตอยา่ งไร ตอบ : คารบ์ อนไดออกไซด์มีความสำคัญตอ่ การสงั เคราะห์ดว้ ยแสงของพืช ซ่งึ ตอ้ งมีอยูใ่ นปรมิ าณ ที่พอเหมาะ ถ้าคาร์บอนไดออกไซด์ทเ่ี ปลี่ยนแปลงไปทำใหโ้ ลกมอี ุณหภมู สิ ูงขนึ้ เกินความ เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของพชื อาจทำให้พืชตายได้ 5. ถ้านักเรยี นปลูกพชื ในแหล่งทีอ่ ยเู่ ดิมแล้วถูกน้ำขงั อยู่นาน จะมผี ลอย่างไรตอ่ พืช ตอบ : ทำใหร้ ากพืชเน่าเป่ือยและตายในท่สี ุด พัฒนาโดย : วา่ ท่ี ร.ท.อดุ ม บริสทุ ธ์ิ ครู/ชำนาญการ

แนวคำตอบ ใบงานท่ี 2 ชุดการเรียนรู้ท่ี 3 วิชาวทิ ยาศาสตร์พ้ืนฐาน (ชีววิทยา) ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 4 ความสมั พันธ์ของสง่ิ มีชีวติ ในระบบนเิ วศ ช่ือ................................................................................................เลขท.ี่ ..............ช้นั ................. คำชี้แจง : ให้นกั เรยี นอ่านคำถามที่กำหนดให้ แล้วเขียนคำตอบลงในช่องวา่ งที่กำหนดให้ถูกต้องสมบูรณ์ ใชเ้ วลา 10 นาที ( 5 คะแนน) 1. ให้นักเรียนยกตัวอยา่ งความสัมพนั ธ์แบบลา่ เหยื่ออืน่ ๆ ตอบ : ความสมั พนั ธแ์ บบล่าเหย่ือท่ีพบอกี เช่น สงิ โตตะครุบกวาง นกกินหนอน แมวตะครุบหนู 2. ให้นกั เรียนยกตวั อย่างความสมั พันธ์แบบภาวะองิ อาศยั มา 2 ตัวอย่าง ตอบ : ตวั อย่างความสัมพันธแ์ บบภาวะอิงอาศยั เชน่ กล้วยไมบ้ นต้นไม้ใหญ่ ตน้ พลูดา่ งบนต้นมะพร้าว 3. นักเรียนคดิ ว่าควายกบั นกเอ้ียง แยกจากกันไดห้ รือไม่ อย่างไร ตอบ : สิ่งมีชีวิตทงั้ สองคือควายกับนกเอี้ยง ไม่จำเป็นต้องอยู่ร่วมกันตลอดเวลา สามารถแยกจากกนั ได้ โดยทีน่ กเอยี้ งกไ็ ปหากินท่ีอื่น ควายก็ไมเ่ ดือดร้อนอะไร สามารถอยู่รอดได้ 4. ใหน้ กั เรยี นยกตวั อยา่ งความสมั พันธแ์ บบการได้ประโยชน์ร่วมกันและอธิบายความสมั พันธข์ องส่ิงมีชีวติ เหลา่ นนั้ ตอบ : ตัวอย่างท่ี 1 แมลงกับดอกไม้ แมลงไดน้ ำ้ หวาน ดอกไม้ได้รับการผสมเกสร ตัวอย่างที่ 2 นกกบั จระเข้ นกไดอ้ าหารที่ติดฟนั จระเข้ จระเข้มผี ้ทู ำความสะอาดฟันให้ 5. ให้นกั เรียนยกตวั อย่างความสัมพันธแ์ บบภาวะพ่ึงพา ภาวะปรสติ ภาวะมกี ารย่อยสลาย มาอยา่ งละ 2 ตวั อยา่ ง ตอบ : แบบภาวะพ่งึ พา ไดแ้ ก่ แบคทีเรียในปมรากถั่ว โพรโทซวั กับปลวก แบบภาวะปรสติ ได้แก่ กาฝากกับต้นไมใ้ หญ่ เห็บกบั สุนัข แบบภาวะการย่อยสลาย ได้แก่ เหด็ ราทขี่ นึ้ ตามขอนไม้ ราขึ้นตามขนมปัง พัฒนาโดย : วา่ ท่ี ร.ท.อุดม บรสิ ทุ ธ์ิ ครู/ชำนาญการ

เฉลยแบบทดสอบวัดผลการเรียนรู้ กอ่ นเรียน ชดุ การเรียนรทู้ ่ี 3 วชิ าวิทยาศาสตรพ์ ้ืนฐาน (ชีววทิ ยา) ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 เร่ืองความสมั พันธข์ องสง่ิ มีชวี ติ ในระบบนเิ วศ จำนวน 10 ขอ้ 1. ข 2. ก 3. ข 4. ข 5. ง 6. ก 7. ค 8. ก 9. ข 10. ก พัฒนาโดย : วา่ ที่ ร.ท.อดุ ม บริสุทธิ์ ครู/ชำนาญการ

พฒั นาโดย : วา่ ท่ี ร.ท.อดุ ม บรสิ ุทธ์ิ คร/ู ชำนาญการ