๕หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี สมั พนั ธภาพระหวา่ งนักเรยี นในชมุ ชน จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ • วิเคราะห์สาเหตแุ ละผลของความขัดแย้งทอ่ี าจเกดิ ขึ้นระหว่างนักเรียนหรือเยาวชนในชุมชน และเสนอแนวทางแกไ้ ขปญั หาได้
ความขดั แยง้ ระหวา่ งนกั เรียนในชมุ ชน ความขัดแย้ง หมายถึง ปฏสิ มั พนั ธท์ ีม่ ลี ักษณะของความไมเ่ ปน็ มิตรหรอื ตรงกนั ข้าม หรอื ไมล่ งรอยกนั หรือความไมส่ อดคล้องกัน ซึ่งมลี ักษณะ ดังนี้ • จะมบี คุ คลอยา่ งนอ้ ยทสี่ ดุ ๒ บุคคลทเ่ี ขา้ มาเกยี่ วขอ้ งสมั พนั ธก์ ัน และมีปฏิสมั พันธ์บางอยา่ งตอ่ กนั • แต่ละบุคคล จะมคี วามเชื่อและคา่ นยิ มเฉพาะ ซึ่งแตล่ ะบุคคลตระหนักและมองเห็นในความเชอื่ และคา่ นยิ มน้ัน • ปฏิสมั พนั ธ์ระหวา่ งแต่ละบคุ คล ซ่ึงจะแสดงออกมาเป็นพฤติกรรมท่ีแสดงถงึ การขม่ ขู่ การลดพลัง การกดดันฝา่ ยตรงข้าม เพอ่ื ให้ได้มาซ่ึงชยั ชนะ • แตล่ ะบคุ คล เผชิญหนา้ กันหรอื แสดงปฏิกริ ิยาในลกั ษณะตรงขา้ มกนั หรือเปน็ ปฏปิ กั ษ์ตอ่ กัน แต่ละบุคคลจะแสดงปฏกิ ริ ยิ า ท่กี ่อใหเ้ กิดความเหนอื กวา่ ทางด้านอานาจตอ่ อีกฝ่ายหน่งึ
สาเหตุความขัดแย้งระหวา่ งนักเรียนในชมุ ชน • ความไม่เข้าใจกนั • ความสัมพนั ธ์ที่เพกิ เฉยและไมเ่ กอื้ กลู กนั • ความล้มเหลวของการสื่อความหมายอย่างเปิดเผยและซอื่ ตรง • บรรยากาศของการไมไ่ ว้วางใจซึง่ กันและกนั ความกดดัน และการลอ้ เลียน การกลัน่ แกลง้ • การมีสัญชาตญาณของความรุนแรง ก้าวรา้ ว • ครอบครัวแตกแยก คบเพอ่ื นที่เปน็ อนั ธพาล ชอบใชก้ าลงั ในการตดั สนิ ปัญหา
ผลกระทบท่ีเกิดจากความขัดแยง้ ระหวา่ งนักเรยี นในชุมชน ผลกระทบท่ีเกิดจากความรุนแรงของวัยรนุ่ นน้ั มีตัง้ แต่เรื่องเลก็ นอ้ ยไปจนถงึ เกิดความสูญเสยี ถงึ ชีวิต ดังน้ี • ถกู จับได้เม่ือขโมยส่งิ ของ เงนิ ทอง ทรพั ยส์ นิ ของมคี า่ ของเพ่อื น ครู พอ่ แม่หรอื ผ้ปู กครองเป็นประจา • สงั คมและชมุ ชนท่ีอยู่อาศยั มคี วามไมส่ งบสขุ จากการท่ีวยั ร่นุ มีพฤติกรรมต่อตา้ นสงั คม • ผู้ถูกขม่ ข่เู กิดความวิตกกงั วล มคี วามหวาดกลวั หรอื ไดร้ บั บาดเจบ็ จากการถกู ทาร้าย • เปน็ ตัวอยา่ งทไ่ี ม่ดใี นสงั คม
แนวทางในการแกป้ ญั หาหรือลดความขัดแย้ง การมสี ุขภาพจติ ใจที่ดี มีความสุข จะเปน็ พลังสว่ นหนึ่งช่วยทาใหบ้ คุ คลเผชญิ กับปัญหา หรอื หาแนวทางแก้ไขไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ซง่ึ ปัญหา ดา้ นความขัดแยง้ ของวยั ร่นุ มแี นวทางแก้ไขปัญหาดงั นี้ • ปรกึ ษาพ่อแม่ ผปู้ กครอง หรือครอู าจารย์ • มสี ว่ นร่วมในการแกป้ ัญหา • วัยรุ่นที่มอี ารมณร์ า้ ย สามารถใชห้ ลกั ธรรมเพื่อชว่ ยระงบั อารมณ์ได้ เชน่ การฝึกวิปัสสนาเจริ ญสติปฏั ฐาน หรอื ฝกึ อานา ปานสติ เปน็ ต้น • มสี ว่ นร่วมในกจิ กรรมทท่ี างโรงเรยี นจดั ให้ เช่น โครงการเสรมิ สร้างสันตวิ ฒั นธรรม • ในโรงเรียน และพัฒนาศกั ยภาพบคุ ลากรในสถานศึกษา • มีวธิ ีการหรือกระบวนการคล่ีคลายความขดั แย้งโดยใชห้ ลักการประนปี ระนอม • มีทักษะในการส่อื สารทด่ี ีเพื่อลดและแกป้ ญั หาความขดั แยง้ • รูจ้ กั ปรับตวั เองใหเ้ ขา้ กบั บคุ ลในสงั คมใหไ้ ด้ • สรา้ งและรักษาสัมพนั ธภาพทีด่ กี บั ผอู้ ่นื
• ในชีวิตประจาวนั เราตอ้ งพบปะตดิ ต่อกบั บุคคลอ่นื การสรา้ งสมั พันธภาพจึงเป็นสง่ิ จาเป็นเมื่อมีสัมพันธภาพท่ดี ตี อ่ กนั แล้วก็ ควรจะรกั ษาสัมพนั ธภาพนน้ั ให้ยาวนานตลอดไป ซ่ึงในการสร้างและรักษาสมั พนั ธภาพนัน้ จะตอ้ งเหมาะสมกับบคุ คลท่เี รา เกี่ยวข้องดว้ ย ดงั น้ี บิดา มารดา ญาติผู้ใหญ่ • มีความเคารพเชื่อฟัง และครอู าจารย์ • แสดงกิรยิ าอ่อนนอ้ มตามมารยาทของสังคมไทย • ช่วยเหลอื รับใช้ตามสมควรแก่โอกาส ญาติพ่ีนอ้ ง และเพ่ือน • เปน็ มติ รทด่ี ีต่อทุกๆ คน มคี วามจริงใจต่อกัน • ใหค้ วามชว่ ยเหลือหรอื แบ่งปันส่งิ ของ และเงินทองตามกาลงั ความสามารถ • พดู จาตอ่ กันอย่างสภุ าพ ครู่ กั • ใหเ้ กียรตซิ ง่ึ กนั และกัน • ฝา่ ยชายต้องทาตวั ใหเ้ ปน็ สภุ าพบุรษุ • ฝา่ ยหญงิ ต้องรกั นวลสงวนตัว และเปน็ กลุ สตรี
Search
Read the Text Version
- 1 - 6
Pages: