แนวคิด ร่างกายของมนุษย์ ประกอบด้วย ระบบอวยั วะต่างๆ ๑๐ ระบบ แต่ละระบบมีการทางานเก่ียวข้องสัมพนั ธ์กนั ผิวหนังทาหน้าที่ เหมือนเกราะป้องกนั ส่ิงต่างๆ ท่ีอาจทาอนั ตรายต่อรา่ งกาย กระดกู เป็นอวยั วะสาคญั ในการช่วยพยงุ รา่ งกายและประกอบเป็นโครงรา่ ง เป็นท่ียึดเกาะของกลา้ มเนื้อ ทาให้เกิดการเคล่อื นไหว จึงต้องมีการ สร้างเสริ มแ ละดา รงประ สิ ทธิ ภ าพกา รทางา นของระบบ ผิ วหนั ง กระดกู และกล้ามเนื้อให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ระบบอวยั วะต่างๆ ของร่างกาย อวยั วะต่างๆ ของร่างกายนัน้ มีทงั้ อวยั วะท่ีเรามองเห็น ซ่ึง ส่วนใหญ่จะอยู่ภายนอกร่างกาย เช่น ปาก จมูก แขน ขา มือ เท้า และอวยั วะท่ีเรามองไม่เห็นซึ่งจะอยู่ภายในร่างกายของคนเรา เช่น สมอง หวั ใจ ลาไส้ และต่อมต่างๆ ในรา่ งกาย
การทางานของระบบอวยั วะของรา่ งกาย ประกอบด้วยโครงสรา้ งซึ่งสลบั ซบั ซ้อน ธรรมชาติได้สรา้ งระบบอวยั วะต่างๆ ของรา่ งกาย จาแนกได้เป็น ๑๐ ระบบ ๑. ระบบผิวหนัง (Integumentary System) ๒. ระบบโครงกระดกู (Skeletal System) ๓. ระบบกลา้ มเนื้อ (Muscular System) ๔. ระบบยอ่ ยอาหาร (Digestive System) ๕. ระบบขบั ถา่ ยปัสสาวะ (Urinary System)
๖. ระบบหายใจ (Respiratory System) ๗. ระบบไหลเวียนเลือด (Circulatory System) ๘. ระบบประสาท (Nervous System) ๙. ระบบสืบพนั ธ์ุ (Reproductive System) ๑๐. ระบบต่อมไรท้ ่อ (Endocrine System)
ระบบผิวหนัง ผิวหนังเป็ นอวยั วะที่ห่อห้มุ ร่างกาย เซลลช์ นั้ บนมีการ เปลี่ยนแปลงที่สาคญั คือ มีเคอราทิน (Keratin) ใสและ หนา มีความสาคญั คือ ป้องกนั น้าซึมเข้าสู่ร่างกาย การ เปล่ียนแปลงท่ีทาให้เกิดเคอราทิน เรียกว่า เคอราทีไนเซ ชัน (Keratinization) ตัวอย่างอวยั วะท่ีเกิดกระบวนการ ดงั กล่าว เช่น ฝ่ ามือ ฝ่ าเท้า
ผิวหนังประกอบด้วย ๒ ส่วน คือ ๑. ส่วนท่ีอยู่บนพื้นผิว เรียกว่า หนังกาพร้า (Epidermis) หนังกาพร้า ๒. สาหรบั อยู่ลึกลงไป เรียกว่า หนังแท้ (Dermis) หนังแท้
ความสาคญั ของระบบผิวหนัง ๑. เป็นส่วนที่ห่อห้มุ รา่ งกาย สาหรบั ป้องกนั อนั ตรายต่างๆ ท่ีอาจ เกิดขนึ้ กบั อวยั วะใต้ผิวหนัง ๒. เป็นอวยั วะรบั สมั ผสั ความรสู้ ึกต่างๆ เช่น รอ้ น หนาว ๓. เป็นอวยั วะขบั ถา่ ยของเสีย เช่น เหง่ือ
ความสาคญั ของระบบผิวหนัง ๔. เป็นอวยั วะที่ช่วยขบั ส่ิงต่างๆ ท่ีอยใู่ นต่อมของผิวหนังให้เป็นประโยชน์ ต่อรา่ งกาย เช่น ขบั ไขมนั ไปหล่อเลี้ยงเส้นขนหรอื ผมให้เงางาม ๕. ช่วยเป็นส่วนป้องกนั รงั สีต่างๆ ไมใ่ ห้เป็นอนั ตรายต่อรา่ งกาย ๖. ช่วยควบคมุ ความรอ้ นในรา่ งกายให้คงที่อย่เู สมอ ร่างกายขณะปกติ จะมีอณุ หภมู ิ ๓๗ องศาเซลเซียส หรือ ๙๘.๗ องศาฟาเรนไฮต์ หรือ ถา้ อากาศอบอ้าวรอ้ นเกินไปกจ็ ะระบายความรอ้ นออกทางรขู มุ ขน
การสร้างเสริมและดารงประสิทธิภาพ การทางานของระบบผิวหนัง ๑. อาบน้าชาระล้างรา่ งกายให้สะอาด ด้วยสบอู่ ยา่ งน้อยวนั ละ ๑-๒ ครงั้ ๒. ทาครีมบารงุ ผิวที่มีคณุ ภาพและ เหมาะสมกบั ผิวของตนเอง
การสร้างเสริมและดารงประสิทธิภาพ การทางานของระบบผิวหนัง ๓. สวมเสือ้ ผา้ ท่ีสะอาดพอดีตวั ไม่คบั หรอื หลวมเกินไป ๔. รบั ประทานอาหารให้ครบ ๕ หมู่
การสร้างเสริมและดารงประสิทธิภาพ การทางานของระบบผิวหนัง ๕. ด่ืมน้าสะอาดอยา่ งน้อยวนั ละ ๖-๘ แก้ว ๖. ออกกาลงั กายเป็นประจาเพ่ือให้รา่ งกาย แขง็ แรง
การสร้างเสริมและดารงประสิทธิภาพ การทางานของระบบผิวหนัง ๗. นอนหลบั พกั ผอ่ นให้เพียงพออยา่ งน้อย วนั ละ ๘ ชวั่ โมง ๘. ดแู ลผิวหนังอยา่ ให้เป็นแผล
ระบบโครงกระดกู ระบบโครงกระดูกมีความสาคญั ต่อระบบการทางานในร่างกายมนุษย์ ทาหน้าท่ีพยงุ และป้องกนั อวยั วะภายในของร่างกาย ตลอดจนเป็นที่ยึดเกาะ ของกล้ามเนื้อและช่วยในการเคล่ือนไหว เคลื่อนที่ จึงจาเป็ นต้องดแู ลมิให้ เส่ือมสลายและรกั ษาสขุ ภาพกระดกู ไว้
กระดกู ของมนุษยท์ งั้ รา่ งกายมีอย่ทู งั้ สิ้น ๒๐๖ ชิ้น แบง่ ออกเป็น ๒ กล่มุ
ระบบโครงกระดกู กระดกู ของมนุษยท์ งั้ รา่ งกายมีอย่ทู งั้ สิ้น ๒๐๖ ชิ้น แบง่ ออกเป็น ๒ กล่มุ
๑. กระดกู แกน (Axial Skeleton) เป็นโครงกระดกู ที่เป็นแกนกลางของรา่ งกาย ทาหน้าท่ีคา้ จนุ และป้องกนั อนั ตราย ให้แก่อวยั วะสาคญั ภายในรา่ งกาย มีจานวนทงั้ สิ้น ๘๐ ชิ้น ประกอบด้วย ๑. กะโหลกศีรษะ (Skull) มีจานวน ๒๙ ชิ้น ๒. กระดกู สนั หลงั (Vertebrae) มีจานวน ๒๖ ชิ้น ๓. กระดกู ซ่ีโครง (Ribs) มีจานวน ๒๔ ชิ้น ๔. กระดกู อก (Sternum) มีจานวน ๑ ชิ้น
๒. กระดกู รยางค์ (Appendicular Skeleton) เป็นกระดกู ที่เชื่อมต่อกบั กระดกู แกน ทาหน้าท่ีคา้ จนุ และเก่ียวข้องกบั การเคล่ือนไหวของรา่ งกาย มีจานวนทงั้ สิ้น ๑๒๖ ชิ้น ประกอบด้วย ๑. กระดกู แขน มีจานวน ๖๔ ชิ้น (ขา้ งละ ๓๒ ชิ้น) ๒. กระดกู ขา มีจานวน ๖๒ ชิ้น (ข้างละ ๓๑ ชิ้น)
ความสาคญั ของระบบโครงกระดกู ๑. ประกอบเป็นโครงรา่ งส่วนที่แขง็ ของรา่ งกาย ๒. เป็นที่รองรบั อวยั วะต่างๆ ของรา่ งกาย ๓. เป็นท่ียึดเกาะของกลา้ มเนื้อทาให้มีการเคล่ือนไหวได้ ๔. เป็นท่ีสรา้ งเมด็ เลือด ๕. เป็นท่ีเกบ็ และจ่ายแคลเซียม ฟอสเฟต และแมกนีเซียม ๖. ป้องกนั อวยั วะภายในรา่ งกาย เช่น ปอด หวั ใจ ตบั สมอง และประสาท เป็นต้น
การสร้างเสริมและดารงประสิทธิภาพ การทางานของระบบกระดกู ๑. รบั ประทานอาหารให้ครบ ๕ หมู่โดยเฉพาะอาหารที่มีสารแคลเซียม (Calcium) และวิตามินดี (Vitamin D) ได้แก่ เนื้อสตั ว์ นม และผกั ผลไม้ ต่างๆ
การสร้างเสริมและดารงประสิทธิภาพ การทางานของระบบกระดกู ๒. ออกกาลงั กายเป็นประจาสมา่ เสมอจะช่วยให้รา่ งกายแขง็ แรง
การสร้างเสริมและดารงประสิทธิภาพ การทางานของระบบกระดกู ๓. ระมดั ระวงั การเกิดอบุ ตั ิเหตกุ บั กระดกู เช่น สวมหมวกนิรภยั ในขณะ ขบั ขี่จกั รยานยนต์ คาดเขม็ ขดั นิรภยั ในขณะขบั ข่ีหรอื โดยสารรถยนต์
ระบบกล้ามเนื้อ ระบบกล้ามเนื้อ (Muscular System) ทางานรว่ มกบั ระบบโครงกระดกู เพอ่ื ช่วยให้รา่ งกายสามารถเคล่ือนไหวได้ นอกจากนี้ยงั ทาหน้าท่ีเป็นโครงรา่ งของรา่ งกายอีกด้วย ประกอบด้วย กล้ามเนื้อหวั ใจ กล้ามเนื้อลาย กล้ามเนื้อเรียบ
ความสาคญั ของระบบกล้ามเนื้อ ๑. ช่วยให้ร่างกายสามารถเคล่ือนไหวได้จากการทางาน ซ่ึงในการ เคลื่อนไหวของร่างกายนี้ ต้องอาศยั การทางานของระบบโครง กระดกู และขอ้ ต่อต่างๆ โดยอาศยั การยดื และหดตวั ของกลา้ มเนื้อ ๒. ช่วยให้อวยั วะภายในต่างๆ เช่น หวั ใจ ปอด กระเพาะอาหาร ลาไส้ เลก็ ลาไส้ใหญ่ หลอดเลือด ทางานได้ตามปกติและมีประสิทธิภาพ เน่ืองจากการบบี รดั ตวั ของกล้ามเนื้อของอวยั วะดงั กล่าว
ความสาคญั ของระบบกล้ามเนื้อ ๓. ช่วยป้องกนั อวยั วะภายในไมใ่ ห้ได้รบั ความกระทบกระเทือน ๔. เป็นท่ีเกิดพลงั งานของรา่ งกาย ๕. ผลิตความร้อนให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ซ่ึงความร้อนนี้ เกิดจากการหดตวั ของกล้ามเนื้อแล้วเกิดปฏิกิริยาทางเคมี
กล้ามเนื้อลาย (Striated Muscle or Cross tripe Muscle) มีลายตามขวางตลอดความยาว เกาะติดกบั กระดกู หรือโครงกระดกู ช่วย ทาให้เป็ นรปู ร่างของร่างกายและอยู่ภายใต้อานาจจิตใจหน้าท่ีเป็ นโครงร่าง ของรา่ งกาย กล้ามเนื้ อลายนับว่าเป็ นกล้ามเนื้ อที่ใช้ในการเคล่ือนไหวของ ร่างกายทงั้ หมด เช่น กล้ามเนื้อแขน กล้ามเนื้อขา กล้ามเนื้อ ทรวงอก เป็นต้น และเป็นกล้ามเนื้อที่แขง็ แรงที่สดุ ลกั ษณะในการทางานของกลา้ มเนื้อลาย คือ ดึงรงั้ กระดกู ให้มีการเคลื่อนไหว ตามท่ีใจต้องการ
กล้ามเนื้อเรียบ (Smooth Muscle) เป็ นกล้ามเนื้อท่ีมีลกั ษณะเรียบ ไม่มีลาย และไม่อยู่ในอานาจ ของจิตใจเป็นส่วนประกอบของอวยั วะภายในของรา่ งกาย เช่น กล้าม เนื้อที่หลอดลมปอด กล้ามเนื้อในกระเพาะอาหาร ลาไส้ และมดลกู
กลา้ มเนื้อหวั ใจ (Cardiac Muscle) กล้ามเนื้อหวั ใจจะพบที่บริเวณหวั ใจและผนังเส้นเลือดดาใหญ่ ที่นาเลือดเข้าส่หู วั ในเท่านัน้
การสร้างเสริมและดารงประสิทธิภาพ การทางานของระบบกล้ามเนื้อ ๑. รบั ประทานอาหารให้ครบ ๕ หมู่ ๒. ออกกาลงั กายอยา่ งสมา่ เสมอ ๓. ทาจิตใจให้รา่ เริงแจ่มใส ๔. ควรมีเวลาพกั ผอ่ นท่ีเพียงพอ ไมท่ างานหนักหรอื หกั โหมจนเกินไป ๕. เมอ่ื เกิดความผิดปกติเก่ียวกบั ระบบกล้ามเนื้อ เช่น มีอาการปวดหลงั เรอื้ รงั กลา้ มเนื้อกระตกุ เป็นประจา ควรรบี ไปปรกึ ษาแพทย์
การสร้างเสริมและดารงประสิทธิภาพ การทางานของระบบกล้ามเนื้อ ๖. ระมดั ระวงั และป้องกนั การเกิดอุบตั ิเหตุที่ทาให้กล้ามเนื้อได้รบั อนั ตราย เช่น การรบั แรงกระแทกโดยตรงจนเกิดการฟกชา้ หรือ การถกู กระทบกระแทกอย่างรนุ แรง ๗. ระมดั ระวงั การเล่นกีฬาท่ีหกั โหมรนุ แรง ท่ีอาจทาให้กล้ามเนื้อ หรือเอน็ กล้ามเนื้อถกู ยืดออก กล้ามเนื้อฉีกขาดซ่ึงเกิดจากการ เคลื่อนไหวอยา่ งรวดเรว็
สรปุ ระบบต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งประกอบด้วยอวยั วะต่างๆ ที่ทางานประสาน สมั พนั ธ์กนั เช่น ระบบโครงกระดกู ประกอบด้วยกระดูกทงั้ สิ้น ๒๐๖ ชิ้น ซ่ึง แบ่งออกเป็ น ๒ กลุ่ม คือ กระดูกแกน และกระดูกรยางค์ ระบบผิวหนัง ประกอบด้วย หนังกาพร้าและหนังแท้ สาหรบั ระบบกล้ามเนื้อประกอบด้วย กล้ามเนื้อลาย กล้ามเนื้อเรียบ เป็ น กล้ามเนื้อท่ีประกอบขึน้ เป็นอวยั วะภายในของร่างกาย และกล้ามเนื้อหวั ใจนัน้ มีคุณสมบตั ิพิเศษที่สามารถทางานได้เอง ทุกระบบที่กล่าวมานี้จะมีการ ประสานสมั พนั ธก์ นั เพื่อให้รา่ งกายทาหน้าท่ีได้ตามปกติ
สรปุ กล่าวคือ ระบบโครงกระดูกจะทาหน้าท่ีคา้ จุนร่างกายให้คงรปู ร่างอยู่ได้ ระบบของกล้ามเนื้อจะทาหน้าท่ีในการเคล่ือนไหวของร่างกายทงั้ หมด และ ระบบผิวหนังจะทาหน้าท่ีป้องกนั และปกปิ ดอวยั วะภายในไม่ให้ไดร้ บั อนั ตราย ป้องกนั เชื้อโรคไม่ให้เข้าสู่ร่างกายโดยง่าย ขบั ของเสียออกจากร่างกาย โดย ต่อมเหง่ือทาหน้าที่ขบั เหง่ือออกมาช่วยรกั ษาอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่ ดงั นัน้ เราจึงจาเป็ นจะต้องมีการดูแล สร้างเสริมการทางานของทงั้ ๓ ระบบ เพ่อื ให้สามารถดารงประสิทธิภาพการทางานของร่างกายได้เป็นอย่างดี
Search
Read the Text Version
- 1 - 31
Pages: