รายงานวชิ าสงั คมศึกษาศาสนา และ วฒั นธรรม ส31101 พระพทุ ธศาสนากบั ประชาธิปไตย ระดบั มธั ยมศึกษาปี ท่ี4 นาย วฒุ ิเดช มติ รประชาชน ม.4/1 เลขท่ี1
ประชาธิปไตยทั่วไปในพระพุทธศาสนา พระพทุ ธศาสนาเป็นศาสนาประชาธิปไตยมาต้งั แต่เร่ิมแรก ก่อนท่ีพระพทุ ธเจา้ จะทรงมอบใหพ้ ระสงฆเ์ ป็นใหญใ่ นกิจการ ท้งั ปวงเสียอีกลกั ษณะท่ีเป็นประชาธิปไตยในพระพทุ ธศาสนามี ตวั อยา่ งดงั ต่อไปน้ี
1. พระพทุ ธศาสนามีพระธรรมวินยั เป็นธรรมนูญหรือกฎหมายสูงสุด พระธรรม คือ คาสอนที่พระพทุ ธเจา้ ทรงแสดง พระวินยั คือ คาสงั่ อนั เป็น ขอ้ ปฏิบตั ิท่ีพระพุทธเจา้ ทรงบญั ญตั ิข้ึนเม่ือรวมกนั เรียกวา่ พระธรรมวนิ ยั ซ่ึงมีความสาคญั ขนาดท่ีพระพทุ ธเจา้ ทรงมอบใหเ้ ป็นพระศาสดาแทน พระองค์ ก่อนท่ีพระองคจ์ ะปรินิพพานเพยี งเลก็ นอ้ ย
2. มีการกาหนดลกั ษณะของศาสนาไวเ้ รียบร้อย ไม่ปลอ่ ยใหเ้ ป็นไปตาม ยถากรรม ลกั ษณะของพระพุทธศาสนาคือสายกลาง ไมซ่ า้ ยสุด ไมข่ วาสุด ทางสายกลางน้ีเป็นครรลอง อาจปฏิบตั ิคอ่ นขา้ งเคร่งครัดก็ได้ โดยใชส้ ิทธิ ในการแสวงหาอดิเรกลาภตามท่ีทรงอนุญาตไว้ ในสมยั ต่อมา เรียกแนว กลางๆ ของพระพทุ ธศาสนาวา่ วิภชั ชวาที คือศาสนาท่ีกล่าวจาแนกแจก แจง ตามความเป็นจริงบางอยา่ งกลา่ วยนื ยนั โดยส่วนเดียวได้ บางอยา่ ง กลา่ วจาแนกแจกแจงเป็นกรณี ๆ ไป
3. พระพทุ ธศาสนา มคี วามเสมอภาคภายใตพ้ ระธรรมวนิ ยั บคุ คลท่ีเป็นวรรณะกษัตรยิ ์ พราหมณ์ แพศย์ ศทู รมาแตเ่ ดมิ รวมทงั้ คนวรรณะต่ากว่านนั้ เชน่ พวกจณั ฑาล พวกปกุ กุ สะคนเก็บขยะ และพวกทาส เม่อื เขา้ มาอปุ สมบทในพระพทุ ธศาสนาอย่างถกู ตอ้ งแลว้ มี ความเทา่ เทยี มกนั คอื ปฏบิ ตั ติ ามสกิ ขาบทเทา่ กนั และเคารพกนั ตามลาดบั อาวโุ ส คอื ผู้ อปุ สมบทภายหลงั เคารพผอู้ ปุ สมบทก่อน
4. พระภิกษุในพระพุทธศาสนา มีสิทธิ เสรีภาพภายใตพ้ ระธรรมวนิ ยั เช่นในฐานะภิกษเุ จา้ ถิ่น จะมีสิทธิไดร้ ับของแจกก่อนภิกษุอาคนั ตกุ ะ ภิกษทุ ่ีจาพรรษาอยดู่ ว้ ยกนั มีสิทธิไดร้ ับ ของแจกตามลาดบั พรรษา มีสิทธิรับกฐิน และไดร้ ับอานิสงส์กฐินในการแสวงหาจีวร ตลอด 4 เดือนฤดูหนาวเท่าเทียมกนั นอกจากน้นั ยงั มีเสรีภาพที่จะเดินทางไปไหนมาไหน ได้ จะอยจู่ าพรรษาวดั ใดก็ไดเ้ ลือกปฏิบตั ิกรรมฐานขอ้ ใด ถือธุดงควตั รขอ้ ใดก็ไดท้ ้งั สิ้น
5. มีการแบ่งอานาจ พระเถระผใู้ หญท่ าหนา้ ทบี่ ริหารปกครองหม่คู ณะ การบญั ญตั ิพระวนิ ยั พระพุทธเจา้ ทรงบญั ญตั ิเอง เช่นมีภิกษุผทู้ าผดิ มาสอบสวนแลว้ จึงทรงบญั ญตั ิพระวนิ ยั ส่วนการตดั สินคดีตามพระวนิ ยั ทรงบญั ญตั ิแลว้ เป็นหนา้ ท่ีของพระวนิ ยั ธรรมซ่ึงเทา่ กบั 6. พระพุทธศาสนามหี ลกั เสียงขา้ งมาก คือ ใชเ้ สียงขา้ งมาก เป็นเกณฑต์ ดั สิน เรียกวา่ วิธี เยภยุ ยสิกา การตดั สินโดยใชเ้ สียงขา้ งมาก ฝ่ายใดไดร้ ับเสียงขา้ งมากสนบั สนุน ฝ่ ายน้นั เป็นฝ่ ายชนะคดี
หลกั ประชาธิปไตยในการท่ี พระพทุ ธเจา้ ทรงมอบความเป็นใหญ่แกส่ งฆ์
การมอบความเป็นใหญแ่ ก่สงฆม์ ีลกั ษณะตรงกบั หลกั ประชาธิปไตยหลายประการ ส่วนมากเป็นเรื่องสงั ฆกรรม คือการประชุมกนั ทากิจสงฆอ์ ยา่ งใดอยา่ งหน่ึงใหส้ าเร็จ การ ทาสงั ฆกรรมประกอบดว้ ยส่วนสาคญั 5 ประการ ถา้ ทาผิดพลาดประการใดประการหน่ึง จะทาใหส้ ังฆกรรมน้นั เสียไป ใชไ้ ม่ได้ ไม่มีผล คือเป็นโมฆะ ส่วนสาคญั 5 ประการมี ดงั น้ีคือ
ประการท่ี1 1 จานวนสงฆอ์ ยา่ งต่าทเี่ ขา้ ประชุม การกาหนดจานวนสงฆผ์ เู้ ขา้ ประชุมอยา่ งต่าวา่ จะทา สังฆกรรมอยา่ งใดไดบ้ า้ งมี 5 ประเภท คือ 1.1 ภิกษุ 4 รูปเขา้ ประชุม เรียกวา่ สงฆจ์ ตุรวรรค สามารถทาสังฆกรรมไดเ้ กือบทกุ ชนิด เวน้ แต่ การอปุ สมบทหรือการบวชพระ การปวารณาหรือ พธิ ีกรรมในวนั ออกพรรษาที่ ทรงอนุญาตใหว้ า่ กล่าวตกั เตือนกนั และกนั และการสวดอพั ภาน หรือการเพกิ ถอนอาบตั ิ หนกั ของภิกษุบางรูป 1.2 ภิกษุ 5 รูป เขา้ ประชุม เรียกวา่ สงฆป์ ัญจวรรค สามารถทาสงั ฆกรรมท่ีสงฆจ์ ตุรวรรค ทาไดท้ ้งั หมด และยงั เพมิ่ การปวารณา การอุปสมบทในชนบทชายแดนไดอ้ ีกดว้ ย 1.3 ภิกษุ 10 รูป เขา้ ประชุม เรียกวา่ สงฆท์ สวรรค สามารถทาสงั ฆกรรมท่ีสงฆป์ ัญจวรรค ทาไดท้ ้งั หมด และยงั เพม่ิ การอุปสมบทในมชั ฌิชนบท คือ ในภาคกลางของอินเดียไดอ้ ีก ดว้ ย 1.4 ภิกษุ 20 รูปเขา้ ประชุม เรียกวา่ สงฆว์ ีสติวรรค สามารถทาสงั ฆกรรมไดท้ ุกชนิด รวมท้งั สวดอพั ภาน เพกิ ถอนอาบตั ิหนกั ดว้ ย 1.5 ภิกษกุ วา่ 20 รูปเขา้ ประชุม เรียกวา่ อติเรกวีสติวรรค สามารถทาสงั ฆกรรมไดท้ ุกชนิด สาหรับประเพณีไทย นิยมนิมนตภ์ ิกษุเขา้ ประชุมใหเ้ กินจานวนอยา่ งต่าของการทาสงั ฆ กรรมน้นั ๆ เสมอ เพอ่ื ใหถ้ กู ตอ้ งอยา่ งไม่มีโอกาสผดิ พลาดในเร่ืองจานวนสงฆ์
ประการท่สี อง 2 สถานท่ีประชุมของสงฆเ์ พอื่ ทาสงั ฆกรรม เรียกวา่ สีมา แปลวา่ เขตแดน สีมา หมายถึง พ้ืนดิน ไม่ใช่อาคาร อาคารจะสร้างเป็นรูปทรงอยา่ งไรหรือไม่มีอาคารเลยก็ได้ สีมามี 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ พทั ธสีมา สีมาที่ผกู แลว้ และอพทั ธสีมา สีมาที่ไมต่ อ้ งผกู พทั ธสีมามี หลายชนิด จะกล่าวเฉพาะวิสุงคามสีมา แปลวา่ สีมาในหมูบ่ า้ น ซ่ึงแยกออกตา่ งหากจาก อาณาเขตของประเทศ การขอวิสุงคามสีมาตอ้ งขอจากประมขุ ของรัฐ ในประเทศไทยขอ พระราชทานจากพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ในประเทศมาเลเซีย ขอพระราชทานจาก พระราชาธิบดีแห่งมาเลเซีย ในประเทศสหรัฐอเมริกา ขอจากผวู้ า่ การมลรัฐท่ีวดั ต้งั อยู่ ไม่ใช่ขอจากประธานาธิบดี เพราะเป็นประเทศสหรัฐอเมริกา เม่ือขอแลว้ ตอ้ งทาพธิ ีถอน สีมาในบริเวณน้นั ซ่ึงอาจเคยเป็นวดั ผกู พทั ธสีมามาแลว้ ในสมยั โบราณกไ็ ด้ แลว้ ทาพธิ ี ผกู พทั ธสีมา สีมาซ่ึงทาสังฆกรรมผกู แลว้ น้ีจะคงอยตู่ ลอดไปจนกวา่ โลกน้ีแตกสลาย กลายเป็นธุลีคอสมิค ยกเวน้ จะทาพธิ ีถอนสีมาเสีย อพทั ธสีมามีมากมายหลายชนิดเช่นเดียวกนั จะกลา่ วเฉพาะสีมาน้า หรือเรียกวา่ อุทกกุ เขป สีมา แปลวา่ สีมาชว่ั วกั น้าสาด สีมาชนิดน้ีไมต่ อ้ งผกู แต่สร้างอาคาร หรืออยใู่ นเรือแพ ภายในหนองบึง แม่น้า ทะเล ซ่ึงมีน้าขงั ตลอดปี และอยหู่ ่างจากฝั่งประมาณ 2 ชว่ั วกั น้า สาดของบุรุษผมู้ ีกาลงั ปานกลาง สีมาน้าน้ีใชท้ าสงั ฆกรรมไดเ้ หมือนวสิ ุงคามสีมาเช่นกนั ส่วนมากนิยมทากนั ในวดั หรือสานกั สงฆท์ ่ียงั ไมไ่ ดข้ อพระราชทานวสิ ุงคามสีมา การ กาหนดสีมาข้ึนน้ี เพอ่ื ป้องกนั ไมใ่ หใ้ ครเขา้ มายงุ่ เกี่ยว ทาใหส้ งั ฆกรรมเสียไป หรือมีเจตนา มาทาลายสงฆท์ ราบ ผปู้ ระกาศมีรูปเดียวหรือ 2 รูป กไ็ ด้ เรียกวา่ พระคูส่ งั ฆกรรมโดยตรง เพราะภายในสีมาน้นั สงฆม์ ีอานาจสิทธิขาด ใครจะอา้ งเป็นเจา้ ของไมไ่ ด้
ประการท่ีสาม 3 การประกาศเรื่องท่ีประชุม และการประกาศขอความเห็นชอบ สงฆจ์ ะประชุมกนั ทาสงั ฆกรรมเรื่องอะไรกต็ าม จะตอ้ งมีการ ประกาศเรื่องน้นั ใหส้ งฆท์ ราบ ผปู้ ระกาศมีรูปเดียวหรือ 2 รูป กไ็ ด้ เรียกวา่ พระคูส่ วดหรือพระกรรมวาจาจารย์ เมื่อประกาศใหท้ ราบ แลว้ ยงั มีการประกาศขอความเห็นชอบจากสงฆอ์ ีก ถา้ เป็นเร่ืองไม่ สาคญั นกั มีการประกาศให้ทราบ 1 คร้ัง และประกาศขอความ เห็นชอบอีก 1 คร้ังเรียกวา่ ญตั ติทุติยกรรม เช่น การประกาศมอบผา้ กฐินแก่ภกิ ษรุ ูปใดรูปหน่ึง การแต่งต้งั ภิกษุเป็นเจา้ หนา้ ที่ทาการสงฆ์ ต่างๆ ถา้ เป็นเรื่องสาคญั มาก มีการประกาศใหท้ ราบ 1 คร้ัง และ ประกาศขอความเห็นอีก 3 คร้ัง รวมเป็น 4 คร้ัง เรียกวา่ ญตั ติจตุตถ กรรม เช่นการใหอ้ ปุ สมบท การลงโทษภิกษผุ ปู้ ระพฤติมิชอบ 7 อยา่ ง มีตชั ชนียกรรม (การตาหนิโทษ) เป็นตน้ การยกโทษเม่ือภิกษนุ ้นั ประพฤติตนดีแลว้ และการแต่งต้งั ภิกษุใหเ้ ป็นผสู้ อนภิกษณุ ี เป็นตน้
ประการท่ีสี่ 4 สิทธิของภิกษุผเู้ ขา้ ประชุม ภิกษุผเู้ ขา้ ร่วมประชุมทาสงั ฆกรรม ทุกรูปมีสิทธิแสดงความคิดเห็นท้งั ในทางเห็นดว้ ยและในทาง คดั คา้ น ตามปกติเมื่อภิกษุผปู้ ระกาศ หรือพระคู่สวดถามความ คิดเห็นของที่ประชุม ถา้ เห็นดว้ ย ใหใ้ ชว้ ิธีนิ่ง ถา้ ไม่เห็นดว้ ยให้ คดั คา้ นข้ึน จะตอ้ งมีการทาความเขา้ ใจกนั จนกวา่ จะยอมเห็นดว้ ย ถา้ ภิกษผุ คู้ ดั คา้ น ยงั คงยนื กรานไม่เห็นดว้ ย การทาสงั ฆกรรม น้นั ๆ เช่น การอุปสมบท หรือการมอบผา้ กฐินยอ่ มไม่สมบูรณ์ จึงเห็นไดว้ า่ มติของท่ีประชุมตอ้ งเป็นเอกฉนั ทค์ ือเห็นพร้อมกนั ทุกรูป
ประการท่ีหา้ 5 มติที่ประชุม การทาสังฆกรรมท้งั หมด มติของที่ประชุมตอ้ งเป็น เอกฉนั ท์ คือเป็นที่ยอมรับของภิกษทุ ุกรูป ท้งั น้ีเพราะในสังฆมณฑล น้นั ภิกษุท้งั หลายตอ้ งอยรู่ ่วมกนั มีความไวเ้ น้ือเชื่อใจกนั กลา่ วคือมี ศีลและมีความเห็นเหมือน ๆ กนั จึงจะมีความสามคั คี สืบต่อ พระพทุ ธศาสนาไดอ้ ยา่ งถาวร แต่ในบางกรณี เมื่อภิกษุมีความเห็น แตกต่างกนั เป็นสองฝ่ ายและมีจานวนมากดว้ ยกนั ตอ้ งหาวธิ ีระงบั โดย วธิ ีจบั ฉลาก หรือการลงคะแนนเพอื่ ดูวา่ ฝ่ ายไหนไดเ้ สียงขา้ งมาก ก็ ตดั สินไปตามเสียงขา้ งมากน้นั วธิ ีน้ีเรียกวา่ เยภุยยสิกา การถือเสียง ขา้ งมากเป็นประมาณ ตามหลกั ประชาธิปไตยทวั่ ไป ซ่ึงแสดงวา่ มติท่ี ประชุมไม่ไดใ้ ชม้ ติเอกฉนั ทเ์ สมอไป
ลกั ษณะอ่ืนๆ ท่แี สดงถึงความเป็นประชาธิปไตยในพระพทุ ธศาสนา 1 พระพุทธเจา้ ทรงอนุญาตใหภ้ ิกษุศึกษาพระพทุ ธศาสนาดว้ ยภาษาใด ๆ ก็ได้ คือ ศึกษาดว้ ยภาษาที่ตนเองรู้ดีท่ีสุด ไม่ใหผ้ กู ขาดศึกษาดว้ ยภาษาเดียว เหมือนศาสนา พราหมณ์ที่ตอ้ งศึกษาดว้ ยภาษาสนั สกฤตเพียงภาษาเดียว แต่การท่ีคณะสงฆไ์ ทย ใชภ้ าษาบาลีเป็นหลกั กเ็ พ่ือสอบทานความถกู ตอ้ งในกรณีที่มีความสงสยั เทา่ น้นั ส่วนการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาจะใชภ้ าษาทอ้ งถิ่นใด ๆ กไ็ ด้ 2 พระพุทธเจา้ ทรงอนุญาตใหพ้ ระสงฆป์ ฏิบตั ิคลอ้ ยตามกฎหมายของประเทศที่ ตนอาศยั อยู่ การปฏิบตั ิใด ๆ ท่ีไมม่ ีหา้ มไวใ้ นศีลของภิกษแุ ตผ่ ิดกฎหมายของ ประเทศน้นั ๆ ภิกษุก็กระทาไมไ่ ด้ ขอ้ น้ีทาใหภ้ ิกษุสามารถอยไู่ ดใ้ นทุกประเทศ โดยไมม่ ีความขดั แยง้ กบั รัฐบาล และประชาชนของประเทศน้นั ๆ 3 ก่อนปรินิพพาน พระพทุ ธเจา้ ทรงอนุญาตไวว้ า่ ถา้ สงฆป์ รารถนาจะถอน สิกขาบทเลก็ นอ้ ย(คือ เลิกศีลขอ้ เลก็ นอ้ ย) เสียก็ได้ พระสงฆฝ์ ่ ายเถรวาทตกลงกนั ไม่ไดว้ า่ ขอ้ ใดเป็นสิกขาบทเลก็ นอ้ ย จึงมีมติไมใ่ ห้ถอนสิกขาบทใด ๆ ท้งั สิ้น ส่วนพระสงฆฝ์ ่ ายมหายานมีมติใหถ้ อนสิกขาบทท่ีเห็นวา่ เลก็ นอ้ ยได้ เม่ือกาลเวลา ล่วงไปก็ยงิ่ ถอนมากข้ึนทุกที การปฏิบตั ิระหวา่ งพระสงฆฝ์ ่ ายเถรวาทกบั ฝ่ าย มหายานจึงแตกต่างกนั มากยงิ่ ข้ึน
ธรรมาธิปไตย หมายถึง การถือธรรมเป็นใหญ่ คนในสงั คมประชาธิปไตยจะตอ้ ง เป็นธรรมาธิปไตย นน่ั คือไมต่ กอยใู่ นอานาจของโลภะ โทสะ โมหะ หรือ ตณั หา มานะ ทิฐิ (พระธรรมปิ ฎก. 2535 : 40) ตณั หา คือ ความอยากไดอ้ ยากเอาส่ิงต่าง ๆ มาเป็นของตวั เอง ตอ้ งการ ผลประโยชน์และสิ่งบารุงบาเรอปรนเปรอตน ไมย่ อมเสียสละเพอ่ื ใคร (ใฝ่ เสพ ใฝ่ บริโภค) มานะ คือ ความอยากใหต้ วั เองยง่ิ ใหญ่ ตอ้ งการอานาจ ความเด่นดงั ความสาคญั หรือการครอบงาเหนือผอู้ ่ืน ไม่ยอมใคร (ใฝ่ อานาจ ใฝ่ อิทธิพล) ทฐิ ิ คือ ความยดึ ถือเอาแต่ความเห็นของตวั ตอ้ งการใหเ้ ขารับเอาความเห็นของตน ยดึ ติดถือร้ันในความเช่ือ ลทั ธิ อุดมการณ์ของตน จนสาคญั เหนือกวา่ ความจริง ไม่ ยอมรับฟังใคร (คลงั่ ลทั ธินิยม อุดมการณ์คบั แคบ) การถือธรรมเป็นใหญ่จะตอ้ ง อาศยั ปัญญาเป็นตวั นาเขา้ สู่ธรรม ดงั น้นั ธรรมที่จะตอ้ งถือหรือเคารพยดึ เป็นหลกั เป็นมาตรฐาน แบง่ ไดเ้ ป็น 2 ระดบั คือ ข้นั ต้น ไดแ้ ก่ หลกั การ กฎเกณฑ์ กติกาต่าง ๆ อนั ชอบธรรม ที่ไดต้ กลงกนั วางไว้ เช่น รัฐธรรมนูญ หลกั ศีลธรรม เป็นตน้ ข้นั สูง ไดแ้ ก่ ความจริง ความถูกตอ้ งดีงาม และประโยชนส์ ุข
หลกั สาราณียธรรม หลกั สาราณียธรรมเป็นหลกั การใหญท่ ่ีก่อใหเ้ กิดเอกภาพหรือภราดรภาพ หลกั สา ราณียธรรม แปลวา่ ธรรมเป็นเคร่ืองระลึกถึงกนั เป็นหลกั การที่จะทาใหเ้ กิดความ ประสานพร้อมเพยี งสามคั คีและผนึกร่วมกนั เป็นเอกภาพ หลกั ธรรมน้ีมีสาระสาคญั ท่ีสอนวา่ สงั คมประชาธิปไตยจะตอ้ งมีเคร่ืองผกู พนั คน ใหม้ ีความสามคั คีร่วมมือร่วมใจกนั เพราะการที่แต่ละคนจะอยไู่ ดด้ ว้ ยดีและเอา ศกั ยภาพของตนมาร่วมสร้างสรรคส์ งั คมประชาธิปไตยไดน้ ้นั คนเหล่าน้นั จะตอ้ ง มีความสามคั คีรู้จกั ร่วมมือกนั และอยรู่ ่วมกนั ดว้ ยดี การร่วมมือกนั และอยรู่ ่วมกนั ดว้ ยดีน้นั มีลกั ษณะการแสดงออกต่าง ๆ ซ่ึงเนน้ ความมีเมตตาปรารถนาดีหวงั ประโยชน์สุขต่อกนั อนั จะโยงไปหาหลกั การพ้นื ฐานคือการที่คนเราจะตอ้ งใช้ ปัญญา คือ จะตอ้ งใชป้ ัญญาน้นั บนพ้นื ฐานของเมตตา หมายความวา่ ใชป้ ัญญาโดย มีเมตตาประกอบ หลกั ของความเป็นเอกภาพที่เรียกวา่ สาราณียธรรม มี 6 ประการคอื
1. เมตตากายกรรม คือ จะทาอะไรก็ทาต่อกนั ดว้ ยเมตตา หมายความวา่ ทาดว้ ยความรัก ดว้ ยไมตรีดว้ ยความปรารถนาดีต่อกนั มีความช่วยเหลือกนั มีการร่วมมือกนั มีความพร้อม ที่จะประสานงานกนั 2. เมตตาวจีกรรม คือ จะพูดอะไรกพ็ ดู ดว้ ยเมตตา โดยเจรจากนั ดว้ ยเหตผุ ล โดยใชป้ ัญญา ไม่ใชโ้ ทสะเป็นตวั นาฉะน้นั ตอ้ พดู ดว้ ยความปรารถนาดีต่อกนั มีจิตสานึกในผลประโยชน์ สุขร่วมกนั ตอ้ งการสร้างสรรค์ 3. เมตตามโนกรรม คือ จะคิดอะไรกค็ ิดตอ่ กนั ดว้ ยเมตตา นนั่ คือ การมีความหวงั ดีตอ่ กนั ปรารถนาดีต่อกนั โดยการคิดพจิ ารณาวินิจฉยั คิดวางแผนตา่ ง ๆ โดยมุ่งทาใหเ้ กิด ประโยชน์สุขแก่กนั สร้างสรรคส์ งั คมและมีไมตรีตอ่ กนั อยา่ งแทจ้ ริง 4. สาธารณโภคี หมายถึง การมีกินมีใชร้ ่วมกนั หรือมีการแบ่งปันเอ้อื เฟ้ื อเผอื่ แผต่ อ่ กนั หรือการมุ่งช่วยเหลือและบาเพญ็ ประโยชนต์ ่อสาธารณะโดยการไมเ่ ห็นแก่ตวั เป็นตน้ 5. สีลสามญั ญตา หมายถึง มีศีลเสมอกนั คือมีความประพฤติดี รักษาระเบียบวินยั รักษากฎ กติกาของสังคม มีความสุจริตกายวาจาที่เสมอกนั ไม่เบียดเบียนผอู้ ่ืน ไมก่ ่อความ เดือดร้อนแก่สังคม 6. ทิฐิสามญั ญตา หมายถึง มีทิฐิ มีความเห็น มคี วามเช่ือมนั่ ยดึ ถือในหลกั การอุดมการณ์ และอดุ มคติร่วมกนั หรือสอดคลอ้ งกนั คนในสงั คมประชาธิปไตยจะตอ้ งมีความเห็นความ เขา้ ใจและความเช่ือมน่ั ในหลกั การประชาธิปไตยร่วมกนั เช่น การยอมรับระบอบ ประชาธิปไตย การเขา้ ใจเรื่องสิทธิและหนา้ ท่ี การเขา้ ใจเร่ืองเสรีภาพ ภราดรภาพหรือ เอกภาพ เป็นตน้
สรุป กลา่ วโดยสรุป พระพุทธเจา้ ทรงสอนสาหรับพระสงฆก์ ่อน ว่าพระสงฆจ์ ะตอ้ งอยู่ ดว้ ยหลกั 6 ประการน้ี ถา้ อยดู่ ว้ ยหลกั 6 ประการแลว้ แต่ละคนที่เป็นสมาชิกของ สงั คมก็จะระลึกถึงกนั มีน้าใจประสานกลมกลืนพร้อมที่จะร่วมมือกนั เพราะ ต้งั แตท่ างกายเรากม็ ีเมตตาตอ่ กนั ปฏิบตั ิต่อกนั ดว้ ยเมตตาช่วยเหลือเอาธุระต่อกนั ทางวาจาเราก็พูดดว้ ยน้าใจรักกนั ในจิตใจเราก็คิดปรารถนาดีต่อกนั ในการอยู่ ร่วมกนั มีของอะไร หรือไดร้ ับสิ่งใดมาก็มาแบ่งปันกนั ในการรักษาสถานภาพ ของสังคมเราก็รักษาระเบียบวนิ ยั มีศีลเสมอกนั ไมเ่ บียดเบียนก่อความเดือดร้อน แก่กนั และปฏิบตั ิตามกฎกติกาของส่วนรวม เราก็มีความเชื่อมนั่ ยดึ ถือและเขา้ ใจ หลกั การสาคญั ของประชาธิปไตยร่วมกนั ตลอดจนเขา้ ใจร่วมกนั ในความจริงที่ เป็นธรรมชาติของโลกและชีวติ ที่จะรองรับความเป็นมนุษยข์ องเราไวด้ ว้ ยกนั เพยี งเท่าน้ีกอ็ ยเู่ ป็นสุขและพฒั นาไดด้ ีแน่ บนฐานแห่งความสมั พนั ธ์ท่ีดีงามมนั่ คง โดยท่ีแตล่ ะคนกม็ ีความระลึกถึงกนั มีน้าใจประสานร่วมมือต่อกนั สังคมก็ยดึ เหนี่ยวเกาะกมุ กนั อยใู่ หเ้ กิดภาวะท่ีเรียกวา่ เอกภาพ
Search
Read the Text Version
- 1 - 20
Pages: