หน่วยท่ี 2 โครงสรา้ งพนื้ ฐาน ธรุ กิจดิจิทลั
1. โครงสรา้ งพืน้ ฐานระบบอปุ กรณ์อิเลก็ ทรอนิกสเ์ คลื่อนที่ไร้สาย โครงสรา้ งพน้ื ฐานระบบอุปกรณ์อเิ ลก็ ทรอนิกส์ ช่องทางการติดต่อส่อื สารระหว่างอุปกรณ์ ผ่านเทคโนโลยี เคล่อื นท่ไี รส้ ายจะมสี ่วนเก่ยี วขอ้ งต่างๆ ไดแ้ ก่ การสอ่ื สารสนามใกล้ (Near Field Communication: NFC) ช่องทางตดิ ต่อส่อื สารระหว่างอุปกรณ์ ช่องทาง ทาธุรกรรมดจิ ทิ ลั เทคโนโลยกี ารส่อื สารต่าง ๆ ชอ่ งทางการทาธรุ กรรมดจิ ทิ ลั โดยใชโ้ มไบลเ์ บราวเ์ ซอรแ์ ละ โดยมรี ายละเอยี ดดงั น้ี แอปพลเิ คชนั
2. ช่องทางการติดต่อสื่อสารระหว่างอปุ กรณ์ ผา่ นเทคโนโลยีการสื่อสารสนามใกล้ (Near Field Communication: NFC) เป็ นเทคโนโลยีส่ือสารไร้สายระยะสัน้ ระยะ ประมาณ 4 ซม. ท่ีใช้ได้ดีกบั โครงสร้างพื้นฐาน แบบไร้สมั ผสั ช่วยสนับสนุนรองรบั การส่ือสาร ระหว่างเครื่องมืออิเล็กทรอนิ กส์ในระยะใกล้ ๆ การส่ือสารสนามใกล้ถกู พฒั นาขึ้นโดยโซน่ี และ NXP โดยใช้คลื่นความถี่ 13.56 MHz. บนพืน้ ฐาน มาตรฐาน ISO 14443 (Philips MIFARE and Sony’s FeliCa) ปัจจุบนั บริษทั ทงั้ สองได้ร่วมมือ กบั บริษทั ผ้ลู ิตและพฒั นาโทรศพั ท์เคล่ือนที่ จดั ตงั้ เป็น NFC Forum เพื่อให้เกิดการใช้งานในรปู แบบ ต่าง ๆ มากขึน้
2. ช่องทางการติดต่อสื่อสารระหว่างอปุ กรณ์ ผา่ นเทคโนโลยีการสื่อสารสนามใกล้ (Near Field Communication: NFC) ประโยชน์ของ NFC 1.โอนถ่ายข้อมูลได้แค่เพียง \"แตะ\" ซ่ึงมีความเรว็ มากกว่าการ โอนถ่าย Bluetooth 2.จ่ายเงินผา่ นมอื ถอื แทนบตั รเงินสดต่างๆ โดยเช่ือมต่อกบั บญั ชี ธนาคาร เช่น ตวั ๋ รถไฟฟ้ า 7-11 ฯลฯ เปรียบเสมือนกระเป๋ าตัง อิเลก็ ทรอนิกส์ 3.อ่าน Tag ต่างๆที่มี NFC อยู่ ซึ่งTagนัน้ จะแสดงข้อมูล รายละเอียดต่างๆ ตามทท่ีเจ้าของสงั ่ การไว้ เมื่อเราแตะจะแสดง ข้อมลู นัน้ บนโทรศพั ทม์ ือถือของเรา
2. ช่องทางการทาธรุ กรรมดิจิทลั โดยใช้โมไบลเ์ บราวเ์ ซอรแ์ ละแอปพลิเคชนั โมไบลเ์ บราวเ์ ซอร์ แอปพลิเคชนั
2. มิดเดิลแวรข์ องระบบอปุ กรณ์อิเลก็ ทรอนิกสเ์ คล่ือนท่ีไรส้ าย โมไบล์มิดเดิลแวร์ เป็นซอฟต์แวร์ทท่ี าการเช่อื มต่อ การใช้งานระหว่างระบบปฏิบัติการหรือเช่ือมแอป พลเิ คชนั ทแ่ี ตกต่างกนั คอื เป็นซอฟตแ์ วรท์ ่ที างานคนั่ ระหว่างระบบปฏิบตั ิการของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เคล่อื นทไ่ี รส้ ายประเภทต่าง ๆ และแอปพลเิ คชนั หรอื โ ม ไ บ ล์ แ อ ป พ ลิ เ ค ชัน ท่ีติด ตั้ง อ ยู่ บ น อุ ป ก ร ณ์ อิเล็กทรอนิกส์เคล่ือนท่ีไร้สายเหล่านั้น สามารถ เช่อื มต่อประสาน (Interface) เขา้ กบั อุปกรณ์ท่ีมี ระบบปฏบิ ตั กิ ารหรอื แอปพลิเคชนั ทต่ี ่างกนั ไดเ้ พ่อื ให้ การใชง้ านสามารถใชง้ านต่อไปไดอ้ ย่างอตั โนมตั ิ โดย มดิ เดลิ แวรม์ ปี ระโยชน์ดงั น้ี
พฒั นาและบรหิ ารจดั การแอปพลเิ คชนั ทท่ี างาน รักษาความมัน่ คงปลอดภัยและบริการ บนเวบ็ และแอปพลิเคชนั ท่ที างานบนอุปกรณ์ จดั การอุปกรณ์อเิ ลก็ ทรอนิกสเ์ คลอ่ื นทไ่ี รส้ าย อเิ ลก็ ทรอนิกสเ์ คล่อื นทอ่ี จั ฉรยิ ะ รวบรวมกลุ่มผูใ้ ช้งานทส่ี ามารถทางานภายใต้ รกั ษาความมนั่ คงปลอดภยั ของการเช่ือมข้อมูล ระบบต่าง ๆ ท่ีเป็นเบ้ืองหลังของโมไบล์เว็บ การขนส่งข้อมูล และข้อมูลแอปพลิเคชนั ต่าง ๆ เซอรว์ สิ หรอื แหลง่ ทรพั ยากรขอ้ มลู บนคลาวดไ์ ด้ ของอุปกรณ์อเิ ลก็ ทรอนิกสเ์ คลอ่ื นทไ่ี รส้ าย
3. โครงสร้างพืน้ ฐานการเชื่อมต่อเครือข่ายเคลื่อนท่ีไรส้ าย โครงสรา้ งพน้ื ทก่ี ารเช่อื มต่อเครอื ขา่ ยเคล่ือนทไ่ี รส้ าย มหี ลากหลายเทคโนโลยี ไดแ้ ก่ เทคโนโลยรี ะบุตัวตน ด้วยคล่ืนวิทยุเทคโนโลยีบลูทูธ เทคโนโลยีบีคอน เทคโนโลยีไวไฟ เทคโนโลยีซิกบี และเทคโนโลยี โทรศพั ทเ์ คลอ่ื นท่ี โดยมรี ายละเอยี ด ดงั น้ี
3. โครงสร้างพืน้ ฐานการเช่ือมต่อเครือข่ายเคลื่อนที่ไรส้ าย 1. 4. เทคโนโลยีระบตุ วั ตนด้วยคล่ืนวิทยุ หรืออารเ์ อฟไอดี เทคโนโลยีไวไฟ (Radio Frequency Identification: RFID) (Wi-Fi) 2. 5. เทคโนโลยีบลทู ธู เทคโนโลยีซิกบี (Bluetooth Technology) (ZigBee) 3. 6. เทคโนโลยีบคี อน เทคโนโลยีโทรศพั ท์ (Beacon Technology) เคล่ือนท่ี
3.1 เทคโนโลยีระบตุ วั ตนด้วยคลื่นวิทยุ หรอื อารเ์ อฟไอดี (Radio Frequency Identification: RFID) อารเ์ อฟไอดมี ชี อ่ื เตม็ ๆ วา่ Radio Frequency Identification หรอื การระบตุ วั ตนด้วยคลื่นวิทยุ ซึ่งจะใช้คลื่นดงั กล่าวในการอ่านข้อมลู ท่ีบนั ทึกไว้ มีลกั ษณะเป็นป้ายขนาดเลก็ ท่ีสามารถอ่านค่าได้ โดยจะต้องมีทงั้ ตวั รบั สญั ญาณ ที่ทางานร่วมกบั เคร่ืองอ่านสญั ญาณ เพอ่ื ทาการเชื่อมข้อมลู ระหว่างกนั โดยสว่ นทบ่ี นั ทกึ ขอ้ มลู ไวน้ นั้ จะเป็นสว่ นของป้าย ซง่ึ ภายในกจ็ ะประกอบไปดว้ ยเสาอากาศ และตวั ไม โครชปิ เสาอากาศจะทาหน้าทร่ี บั สง่ สญั ญาณ RF ระหวา่ งป้ายและเครอ่ื งอ่าน โดยสว่ นของป้ายนนั้ กจ็ ะมที งั้ แบบทใ่ี ช้แหล่งจา่ ยไฟภายนอก และแบบไมใ่ ชแ้ หล่งจา่ ยไฟภายนอก ซง่ึ ความแตกต่างของสองแบบน้กี ค็ อื ป้ายแบบทใ่ี ชแ้ หล่งจา่ ยไฟภายนอกนนั้ จะสามารถสง่ สญั ญาณได้ ไกลกวา่ และมขี นาดใหญก่ วา่ สว่ นแบบทไ่ี มใ่ ชแ้ หลง่ จา่ ยไฟนนั้ จะสามารถส่งสญั ญาณได้ที่ระยะไม่เกิน 1 เมตร รวมถงึ มขี นาดทเ่ี ลก็ และ เบากวา่
3.1 เทคโนโลยีระบตุ วั ตนด้วยคลื่นวิทยุ หรอื อารเ์ อฟไอดี (Radio Frequency Identification: RFID)
3.1 เทคโนโลยีระบตุ วั ตนด้วยคลื่นวิทยุ หรอื อารเ์ อฟไอดี (Radio Frequency Identification: RFID)
3.1 เทคโนโลยีระบตุ วั ตนด้วยคลื่นวิทยุ หรอื อารเ์ อฟไอดี (Radio Frequency Identification: RFID)
3.1 เทคโนโลยีระบตุ วั ตนด้วยคลื่นวิทยุ หรอื อารเ์ อฟไอดี (Radio Frequency Identification: RFID)
3.2 เทคโนโลยีบลทู ูธ (Bluetooth Technology) Bluetooth (บลู ทูธ) เป็นเทคโนโลยที ไ่ี ดเ้ ขา้ มามบี ทบาทในชวี ติ ประจาวนั มากและหลายคนคงเคยใชม้ าแลว้ ถงึ แมจ้ ะมตี ดิ ตัง้ ตามอุปกรณ์ สอ่ื สารทวั่ ไปแลว้ แต่กม็ โี อกาสใชไ้ มม่ ากเทา่ ไหร่ อาจจะเป็นเพราะวา่ ใชอ้ ย่างอ่นื ในการถ่ายโอนขอ้ มลู เสยี มากกวา่ ความหมายของบูลทธู คอื “เป็นเทคโนโลยสี อ่ื สารไรส้ ารในรปู แบบหน่ึงโดยคล่นื วทิ ยุ ระหว่างอุปกรณ์ 2 ชนิดขน้ึ ไป” บูลทูธเป็นการพฒั นามาจากการใชอ้ นิ ฟราเรด แบบดงั้ เดมิ ทเ่ี ราใชอ้ ยใู่ นรโี มท ซง่ึ อนิ ฟราเรดนนั้ มขี อ้ จากดั อยคู่ อื ตอ้ งสง่ ในแนวเสน้ ตรง มมี ุม 30 องศาสามารถรบั สง่ ได้ 2 – 3 เมตรเท่านนั้ เน่ืองจากขอ้ จากดั ดงั กล่าวจงึ ไดพ้ ฒั นาใชเ้ คล่อื นวทิ ยุในการทาบูลทธู ขน้ึ มา สามารถรบั ส่งไดไ้ กลมากขน้ึ ไม่จาเป็นตอ้ งส่งในแนวตรง เรว็ มากขน้ึ จงึ สามารถใชง้ านไดห้ ลากหลาย
3.3 เทคโนโลยีบีคอน (Beacon Technology) บคี อน (Beacon) นัน้ กถ็ อื ว่าเป็นเทคโนโลยจี าพวก IoT หรอื Internet of Things ทไ่ี ดร้ บั ความนิยมในต่างประเทศมาสกั พกั ใหญ่แล้ว ตวั บคี อนเองนัน้ รูปร่างลกั ษณะของมนั ก็จะคล้ายๆกบั ก้อนหนิ ขนาดกาลงั ดี ซ่งึ เจ้าตวั บคี อนเองเน่ียมกั จะถูกเอามาใช้ ทางานรว่ มกบั สมารท์ โฟน การทางานของตวั Beacon นนั้ กไ็ มไ่ ด้ ซบั ซอ้ นอยา่ งทค่ี ดิ หลกั การทางานจะคลา้ ยๆกบั เทคโนโลยจี าพวก RFID แต่ beacon นนั้ จะใชว้ ธิ กี ารส่งสญั ญาณบลูทธู ออกไปยงั อุปกรณ์ของผูร้ บั โดยจะมรี ศั มกี ารทางานของมนั อยู่ซ่ึงตรงน้ีถ้า หลุดออกจากรัศมีมนั ไปก็จะไม่สามารถทางานได้นัน่ เอง ตัว beacon เองนัน้ จะมปี ระโยชน์มากๆเลยในการเอามาใช้งานใน พน้ื ทท่ี ่ี GPS เขา้ ไมถ่ งึ เชน่ ในหา้ ง ในตกึ อาคารต่างๆ
3.4 เทคโนโลยีไวไฟ (Wi-Fi) เป็นเทคโนโลยที ไ่ี ดร้ บั ความนยิ มทช่ี ว่ ยใหอ้ ุปกรณ์อเิ ลก็ ทรอนิกสใ์ น การแลกเปลย่ี นขอ้ มลู หรอื การเชอ่ื มตอ่ อนิ เทอรเ์ น็ตแบบไรส้ ายโดย ใชค้ ลน่ื วทิ ยุ คา ๆ น้ีเป็นเครอ่ื งหมายการคา้ ของ Wi-Fi Alliance ท่ี ได้ให้คานิยามของวายฟายว่าหมายถึง \"ชุดผลิตภัณฑ์ใด ๆ ท่ี สามารถทางานไดต้ ามมาตรฐานเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอรแ์ บบไรส้ าย (แลนไรส้ าย) ซง่ึ อย่บู นมาตรฐาน IEEE 802.11\" อย่างไรกต็ าม เน่ืองจากแลนไร้สายท่ีทนั สมยั ส่วนใหญ่จะข้นึ อยู่กับมาตรฐาน เหลา่ น้ี คาวา่ \"ไวไฟ\" จงึ นามาใชใ้ นภาษาองั กฤษทวั่ ไปโดยเป็นคา พ้องสาหรบั \"แลนไร้สาย\" เดมิ ทวี ายฟายออกแบบมาใช้สาหรับ อุปกรณ์พกพาต่าง ๆ และใชเ้ ครอื ข่าย LAN เท่านนั้ แต่ปัจจุบนั นิยมใชว้ ายฟายเพอ่ื ต่อกบั อนิ เทอรเ์ น็ต โดยอุปกรณ์พกพาต่าง ๆ เชน่ คอมพวิ เตอรส์ ว่ นบุคคล เคร่อื งเล่นเกมส์ โทรศพั ทส์ มารท์ โฟน แทบ็ เลต็
3.5 เทคโนโลยีซิกบี (ZigBee) Zigbee คือมาตรฐาน IEEE 802.15.4 สามารถสร้างเครอื ข่ายส่วนตวั โดยใชค้ ลน่ื วทิ ยุดจิ ิตอล พลังงานต่า (WPAN) เหมาะสาหรบั การส่งข้อมลู ทีม่ ีแบนด์วธิ ตา่ ซกิ บีเน็ตเวริ ค์ นั้นถูกออกแบบมาโดยมวี ตั ถุประส่งค์ให้ใช้งาน ง่าย ประหยัดพลงั งานราคาถูกกวา่ เครอื ขา่ ยสว่ นบุคคลอ่นื ๆ เชน่ Bluetooth หรือ Wifi โดยท่ัวไปแลว้ ซิกบี จะทางานบนคลน่ื วทิ ยุ สาธารณะสาหรบั อุตสาหกรรม (ISM Radio band) 2.4GHz และอัตรา การส่งถ่ายข้อมูลอยูท่ ี่ 250 Kbit/s (ท่ี 2.4Ghz) แต่กม็ บี างประเทศใช้ ความถอ่ี ่ืนเชน่ 784Mhz, 868MHz, 915MHz เปน็ ตน้ การสง่ ขอ้ มลู ของ ซิกบี น้นั มีระยะไกลมากกว่า 700เมตร (LOS)
3 . 6 เ ท ค โ น โ ล ยี โ ท ร ศ ัพ ท์ เ ค ลื่ อ น ท่ี
4. การประมวลผลบนโทรศพั ทแ์ ละการประมวลผลบนอปุ กรณ์สวมใส่ 4.1 การประมวลผลบนโทรศพั ท์ (Mobile Computing) คอื โทรศพั ทม์ อื ถอื ทม่ี ลี กั ษณะการทางานเหมอื นคอมพวิ เตอร์ เทคโนโลยที ช่ี ่วยใหผ้ ใู้ ชง้ านสามารถเขา้ ถงึ บรกิ ารต่าง ๆ ไดท้ ุกทท่ี ุกเวลา การประมวลผลบนโทรศพั ท์มกี ารเช่ือมโยงกับการส่อื สารไร้สาย สงั่ การผ่านแอปพลิเคชนั ทาให้รบั รู้ตาแหน่งสถานท่ีสนับสนุนการ เคลอ่ื นไหว (Mobility Support) ความปลอดภยั (Security) การจดั การทรพั ยากร(Resource Management) โปรโตคอลเครอื ขา่ ย (Network Protocols) การออกอากาศ (Broadcast)เทคโนโลยี (Technologies) มาตรฐาน (Standards) และสอ่ื ไรส้ าย (Wireless Medium)
4.2 การประมวลผลบนอปุ กรณ์สวมใส่ (Wearable Computing) คือ อุ ปก รณ์ สวม ใส่ท่ีมีลักษณะกา รทาง า นเหมือ น คอมพวิ เตอร์ เทคโนโลยที ช่ี ว่ ยผใู้ ชง้ านสามารถเขา้ ถงึ บรกิ าร ตา่ ง ๆ ไดท้ ุกทท่ี กุ เวลาซง่ึ สามารถควบคุมโดยผู้ใชง้ านและมี ความมนั่ คงในการปฏิบตั งิ าน ผู้ใช้สามารถป้อนคาสงั่ และ ดาเนินการชุดคาสัง่ ท่ีป้ อนไว้และผู้ใช้งานสามารถทา กจิ กรรมอน่ื ๆ ได้
คณุ ลกั ษณะ 7 ประการของการประมวลผลบนอุปกรณ์สวมใส่ (Steve Mann, 1998) 1. ไมไ่ ดเ้ พกิ เฉยต่อความสนใจของผใู้ ชง้ าน ผใู้ ชง้ านสามารถ เขา้ รว่ มกจิ กรรมอ่นื ๆ ได้ 2. ไม่จากดั กบั ผูใ้ ชง้ าน ช่วยใหก้ ารโต้ตอบในขณะท่ีผใู้ ชท้ า หน้าทต่ี ามปกติ 3. สงั เกตผใู้ ชง้ าน ในขณะทผ่ี ใู้ ชง้ านสวมใสอ่ ย่ใู นระบบผสู้ วม ใสจ่ ะสามารถรบั รไู้ ดอ้ ยา่ งตอ่ เน่อื ง 4. สามารถควบคุมไดโ้ ดยผใู้ ชง้ าน ผใู้ ชง้ านสามารถควบคุม ไดต้ ลอดเวลา 5. ใสใ่ จกบั สง่ิ แวดลอ้ ม สามารถปรบั ปรงุ สภาพแวดลอ้ มของ ผใู้ ชง้ านและการรบั รสู้ ถานการณ์ สอ่ื สารกบั ผอู้ ่นื โดยใชเ้ ป็นสอ่ื การสอ่ื สารได้ 7. แบ่งปันในบรบิ ททางกายภาพและสถานการณ์เดยี วกนั กบั ผใู้ ชง้ าน
5. การประมวลผลแบบคลาวด์ (Cloud Computing) การประมวลผลแบบคลาวด์ คือ การใช้บริการหรือเช่าใช้ ระบบคอมพิวเตอรห์ รอื ทรพั ยากรด้านคอมพิวเตอรข์ องผใู้ ห้บริการ นามาใช้ในการทางาน ทาให้ไมต่ ้องลงทนุ ซื้อฮารด์ แวร์ และซอฟตแ์ วร์ รวมถงึ การวางระบบเครือข่าย ทงั้ ระบบที่มีต้นทนุ ที่มาก ทาให้ ลดความรบั ผิดชอบในการดแู ลระบบ เน่ืองจากผใู้ ห้บริการจะทาหน้าที่ ดแู ลให้ไม่ต้องกงั วลในตอนอพั เกรดระบบยงั ทาได้ง่ายกว่า ผใู้ ช้งาน สามารถเข้าถึงระบบข้อมลู ต่าง ๆ ผา่ นทางอินเทอรเ์ น็ต สามารถจดั การ บริหารทรพั ยากรของระบบ ผา่ นเครอื ข่าย และมีการแบง่ ใช้ทรพั ยากร ร่วมกนั และการจ่ายเงินเพ่อื เช่าระบบ สามารถจ่ายตามความต้องการ ของผใู้ ช้บริการ ใช้เท่าไหร่ จ่ายตามที่ได้ใช้เท่านัน้ ถา้ มีความประสงค์
5. การประมวลผลแบบคลาวด์ (Cloud Computing) การประมวลผลแบบคลาวด์ (Cloud Computing) เป็น ลักษณะของการทางานของผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ผ่าน อินเทอร์เน็ต ท่ีให้บริการใดบริการหน่ึงกับผู้ใช้ โดยผู้ ให้บรกิ ารจะแบ่งปันทรพั ยากรให้กับผู้ต้องการใช้งานนัน้ การประมวลผลแบบคลาวด์ เป็นลกั ษณะทพ่ี ฒั นาขน้ึ ต่อมา จากความคดิ และบรกิ ารของเวอรช์ วั ไลเซชนั และเวบ็ เซอร์ วซิ โดยผู้ใช้งานนัน้ ไม่จาเป็นต้องมคี วามรู้ในเชิงเทคนิค สาหรบั ตวั พน้ื ฐานการทางานนนั้
5.1 ประเภทของการประมวลผลแบบคลาวด์ (Cloud Computing) สามารถแบ่งออกได้เป็ น คลาวดส์ ่วนตวั (Private Cloud) 3 ประเภทไดแ้ ก่ Private คลาวดส์ าธารณะ (Public Cloud) Cloud, Public Cloud คลาวดแ์ บบผสม (Hybrid Cloud) และ Hybrid Cloud โดย มรี ายละเอยี ดดงั น้ี
1 คลาวดส์ ่วนตวั (Private Cloud) การประมวลผลแบบคลาวด์ (Cloud Computing) ที่เป็นส่วนตวั ในแต่ ละบริษทั หรอื องคก์ รจะลงทนุ จดั ตงั้ ฮารด์ แวรแ์ ละซอฟตแ์ วรท์ ี่ใช้เป็น พนื้ ฐานในการทาศนู ยข์ ้อมลู กลางบนคลาวดข์ ึน้ มาเป็นของตนเอง เพือ่ ให้พนักงานในองคก์ รใช้เท่านัน้ ซึ่งจะมขี ้อดี ข้อมลู ปลอดภยั เพราะจดั เกบ็ อย่ภู ายในศนู ยข์ ้อมลู กลางของตนเอง ข้อเสียกค็ ือไมส่ ามารถเพิ่มหรือลดขนาดของทรพั ยากรแบบกะทนั หนั เม่อื เกิดการเพิ่มมากขึน้ ในช่วงที่มีการใช้งานมาก ๆ ได้เหมือนกบั คลาวดส์ าธารณะ (Public Cloud) และมีต้นทนุ ค่าใช้จ่ายสงู เพราะต้อง ลงทนุ ซื้อฮารด์ แวรแ์ ละซอฟตแ์ วรร์ วมถงึ ค่าใช้จ่ายในการดแู ลระบบเอง ทงั้ หมด
2 คลาวดส์ าธารณะ (Public Cloud) การประมวลผลแบบกล่มุ เมฆท่ีสร้างขึน้ เพ่ือให้ทกุ คนสามารถใช้งานได้ โดยจะมีผใู้ ห้บริการระบบคลาวดเ์ ป็นคนตงั้ ระบบฮารด์ แวรแ์ ละ ซอฟตแ์ วรข์ ึน้ มา แล้วให้บริษทั หรอื องคก์ รเข้าไปเช่าใช้บริการ โดยมี การจ่ายค่าบริการเป็นรายเดือนหรือรายปี ข้อดีคือ ประหยดั ค่าใช้จ่าย ได้มากกว่า เพราะไม่ต้องลงทนุ ตงั้ ศนู ยข์ ้อมลู กลางเป็นของตนเอง ข้อเสียกค็ ืออาจจะมีปัญหาด้านการตรวจสอบด้านนโยบายสารสนเทศ ในบางบริษทั เพราะบางบริษทั ห้ามเกบ็ ข้อมลู ไว้นอกองคก์ ร เป็นต้น
3. คลาวดแ์ บบผสม Hybrid Cloud เป็นการเอาข้อดีของคลาวดส์ ่วนตวั และคลาวดส์ าธารณะมารวมกนั เช่น การนาคลาวดส์ ่วนตวั มาใช้สาหรบั เกบ็ ข้อมลู ภายในองคก์ ร และนา คลาวดส์ าธารณะมาใช้เพ่ือการเพิ่มหรือลดขนาดของทรพั ยากรแบบ กะทนั หนั ในการประมวลผลในช่วงที่เกิดการเพ่ิมมากขึน้ ในช่วงที่มีการ ใช้งานมาก ๆ เป็นต้น ข้อดีคือ เพิ่มความยดื หย่นุ ในการจดั การได้มาก ขึน้ และจดุ ข้อเสียของทงั้ 2 รปู แบบนัน้ ได้ ข้อเสียของคลาวคแ์ บบผสม คือ มีรายละเอียดของคลาวดท์ งั้ สองแบบนัน้ ต่างกนั มาก ต้องมี ผเู้ ชี่ยวชาญปรบั แต่งระบบรว่ มกนั และทดสอบบอ่ ย ๆ เพือ่ ให้เกิดความ เสถียร
5.2 การบริการบนระบบการประมวลผลแบบคลาวด์ (Cloud Computing) สามารถแบ่งรูปแบบของชนั้ ไดแ้ ก่ การให้บริการ ซอฟตแ์ วร์ หรอื Software as a Service (SaaS) การใหบ้ รกิ ารแพลตฟอรม์ หรอื Platform as a Service (PaaS) การใหบ้ รกิ ารโครงสรา้ งพน้ื ฐาน หรอื Infrastructure as a Service(IaaS) ซง่ึ เป็น การบรกิ ารหลกั และยงั มบี รกิ ารระบบจดั เกบ็ ข้อมลู หรอื data Storage as a Service(dSaaS) บรกิ าร ร่วมรวมลาดับความเช่ือมโยง หรือ Composite Service (CaaS)
การให้บริการซอฟตแ์ วร์ หรือ Software as a Service (SaaS) เป็นการใหบ้ รกิ ารการแอปพลเิ คชนั ทแ่ี ม่ขา่ ยของผู้ใหบ้ รกิ าร หรอื เชา่ ใชซ้ อฟตแ์ วรแ์ ละแอปพลเิ คชนั ผา่ นอนิ เทอรเ์ น็ต โดยการประมวลผลบนระบบของผใู้ หบ้ รกิ าร ผใู้ หบ้ รกิ ารจะ เป็นผดู้ แู ลโครงสรา้ งพน้ื ฐาน (Infrastructure) และสร้างแอปพลิเคชนั ให้แก่ผู้ใช้บริการ ข้อดีคือไม่ต้อง ลงทนุ ในการสรา้ งระบบคอมพวิ เตอร์ ฮารด์ แวรแ์ ละ ชอฟต์แวร์ ในการใช้งานซอฟต์แวร์จะถูกเรยี กใช้งานผ่าน คลาวดจ์ ากทใ่ี ด ๆ กไ็ ด้ ตวั อยา่ งไดแ้ ก่ Google Docs หรอื Google Apps ทม่ี าในรปู แบบการใชซ้ อฟตแ์ วร์ ผา่ นเวบ็ เบราวเ์ ซอร์ โดยไมต่ อ้ งทาการ ติดตัง้ ซอฟต์แวร์ลงบนเคร่ืองคอมพิวเตอร์ ผู้ใช้สามารถ เรยี กใชแ้ อปพลเิ คชนั ต่าง ๆ ผา่ นทางเวบ็ ได้ เป็นตน้
การให้บริการแพลตฟอรม์ หรือ Platform as a Service (PaaS) เป็นการประมวลผล ซ่งึ มปี ฏบิ ตั ิการและการสนับสนุนเวบ็ แอปพลิเคชันเข้ามาร่วมด้วย ท่ีเป็ นการให้บริการด้าน แพลตฟอร์มสาหรับผู้ใช้งาน นักพัฒนาระบบ หรือ Developer ทท่ี างานดา้ นชอฟตแ์ วรแ์ ละแอปพลเิ คชนั โดยผู้ ใหบ้ รกิ ารCloud จะจดั เตรยี มสง่ิ ทจ่ี าเป็นตอ้ งใชใ้ นการพฒั นา ซอฟตแ์ วรแ์ ละแอปพลเิ คชนั ไวใ้ หท้ งั้ ในดา้ นฮารด์ แวร์ ชอฟตแ์ วร์ หรอื ชุดคาสงั่ เพอ่ื ใหผ้ ใู้ ชง้ านสามารถต่อยอดทาง ธุรกจิ ดจิ ทิ ลั ต่อไปได้ ขอ้ ดที าให้สามารถช่วยลดต้นทุนและ เวลาทใ่ี ชใ้ นการพฒั นาชอฟต์แวรไ์ ด้ ตวั อย่างไดแ้ ก่ Google App Engine และ Microsoft Azure ทม่ี ผี ลติ ภณั ฑท์ ่ี หลากหลาย และสามารถนามาพัฒนาแอปพลิเคชันท่ี ใหบ้ รกิ ารคนจานวนมากมายได้
การให้บริการโครงสร้างพนื้ ฐาน หรือ Infrastructure as a Service (laa5) เป็ นการให้บริการครอบคลุมเฉพาะโครงสร้างพ้ืนฐาน ทางด้านไอทซี ่งึ ไดแ้ ก่ ระบบเครอื ข่าย (Network) ระบบ จดั เกบ็ ขอ้ มลู (Database) ระบบประมวลผล (CPU) ไป จนถงึ อุปกรณ์พน้ื ฐาน เชน่ ดา้ นแมข่ า่ ยและระบบปฏบิ ตั ิ ในรูปแบบระบบเสมอื น (Vitualization โดยไม่จาเป็นตอ้ ง ลงทุนซ้ือ Hardwareท่ีมีราคาสูง ยังมีประโยชน์ในการ ประมวลผลทรพั ยากรจานวนมาก ขอ้ ดไี ม่ต้องจดั หาลงทุน ซ้อื เอง สามารถขยายได้ตามการเตบิ โตของกิจการ และมี ความยืดหยุ่นสูง ลดความยุ่งยากในการดูแลระบบและ พฒั นาระบบ ตัวอย่างของคลาวด์ประเภทน้ีเช่น บริการ Cloud storage ต่าง ๆ เช่น Google Drive หรอื Microsoft OneDrive เป็นตน้
การให้บริการโครงสร้างพืน้ ฐาน หรือ Infrastructure as a Service (laa5) นอกเหนือจากน้ีมบี รกิ ารใหเ้ ช่ากาลงั ประมวลผล, บรกิ ารให้ เช่าแม่ข่ายเสมอื น เพ่อื ใช้ลงและรนั แอปพลเิ คชนั ต่าง ๆ ท่ี ผใู้ ชง้ านตอ้ งการเช่น OpenLandscape Cloud, Amazon Web Services เป็นตน้ ใน Amazon Web Services จะมผี ลติ ภณั ฑใ์ หบ้ รกิ ารดา้ น ต่าง ๆ เชน่ Analytic, Application Integration, AR&VR, AWS Cost Management, Blockchain
6. ข้อมลู เกินนับ (Big Data) ความหมายของคาวา่ “ข้อมูลเกินนับ (Big Data)” จากองคค์ วามรู้ ภาษา-วฒั นธรรม โดยสานักงานราชบณั ฑติ ยสภา หมายถึง ขอ้ มูล ตวั เลข ขอ้ ความ รปู ภาพ วดี ทิ ศั น์ ส่อื ประสม ในรปู แบบดจิ ิทลั ทส่ี รา้ ง หรือผลิตข้ึนตลอดเวลา เพ่ือประโยชน์ในการจัดเก็บ เผยแพร่ แลกเปล่ยี น ผ่านเครอื ข่ายสารสนเทศโดยบุคคล องค์การของรฐั และ เอกชน ข้อมูลเหล่านัน้ เม่อื รวมกนั เขา้ มปี รมิ าณมากครอบคลุมเร่อื ง หลากหลาย และมีความซับซ้อน ไม่อาจประมวลผลด้วยระบบ คอมพวิ เตอรท์ ม่ี อี ยทู่ วั่ ไปได้ ตอ้ งใชโ้ ปรแกรมประมวลผลทจ่ี ดั ทาเฉพาะ มาวเิ คราะห์ จดั หมวดหมู่ และจดั การเพ่อื นาผลมาใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชน์ ตามประสงค์
6.1 คณุ ลกั ษณะของข้อมลู เกินนับ (Big Data) ซง่ึ ประกอบไปด้วยขนาดของขอ้ มูล(Volume) ความเร็ว(Velocity) ความหลากหลาย (Variety) ความถูกต้อง (Veracity) คุณค่า (Value) และความแปรผนั ได(้ Variability)
6.2 หลกั การและการวางกลยทุ ธข์ องข้อมลู เกินนับ จะมี 3 คาท่ีเก่ียวข้องกัน คือ ข้ อ มู ล ( Data)ส า ร ส น เ ท ศ (Information) และการวเิ คราะห์ (Analytics) ซง่ึ มคี วามสมั พนั ธ์ ในหลกั การและการวางกลยุทธ์ ของขอ้ มลู เกนิ นบั
6.3 การเปล่ียนข้อมลู เป็นสินทรพั ยเ์ ชิงกลยทุ ธข์ องธรุ กิจ เป็นความท้าทายสาหรบั ผู้บริหาร หรอื เจา้ ของธุรกจิ ในเร่อื งของข้อมูล เกินนับ ก็คือการเปล่ียนข้อมูลเป็น สนิ ทรพั ยเ์ ชงิ กลยุทธข์ องธุรกิจ กค็ อื ผู้บ ริห า ร ห รือ เ จ้า ข อ ง ธุ ร กิจ จ ะ ต้อ ง ระบุความต้องการให้ไดว้ ่า ต้องการ สรา้ งคุณค่าอะไรต่อธุรกจิ จากข้อมูล ท่ีเ กิดข้ึน โ ดย ข้อมูล ข อง ธุ รกิ จ แบง่ เป็น 3 ประเภทหลกั ๆ ไดแ้ ก่ ขอ้ มลู ประเภทกระบวนการของธรุ กจิ ขอ้ มลู ของสนิ คา้ และบรกิ ารทเ่ี กดิ การ ขอ้ มลู ของลกู คา้ นาเสนอคณุ คา่ ของธุรกจิ ต่อลกู คา้
6.4 การสรา้ งคณุ ค่าให้ธรุ กิจด้วยการทายทุ ธศาสตรข์ ้อมลู (Data Strategy) ขององค์กรโดยการเร่ิมต้นตัง้ แต่การเก็บ รวบรวมขอ้ มูลจากแหล่งใดบ้าง เช่น การเก็บ ขอ้ มูลจากแหล่งภายในบรษิ ทั จากฝ่ ายต่าง ๆ หรอื เอกสาร เป็นต้น และจากภายนอกองค์กร เช่น อินเทอร์เน็ต ส่ือสงั คมออนไลน์ เป็ นต้น ต่อจากนนั้ กท็ าการวเิ คราะหข์ อ้ มลู โดยนาขอ้ มลู ท่รี วบรวมมาได้มาทาการวเิ คราะห์ด้วยระบบ เทคโนโลยสี ารสนเทศ
6.5 Big Data และการทา Digital Transformation สาหรบั ธุรกจิ เม่อื มผี ูส้ นใจเขา้ ไปดูสนิ คา้ ในเวบ็ ไซต์ของ Amazon จะเหน็ ไดว้ ่ามคี าแนะนาต่าง ๆ ทช่ี ่วยใหผ้ ซู้ ้อื พจิ ารณาในการตดั สนิ ใจซอ้ื สนิ คา้ และยงั มคี าวิจารณ์จาก ลูกคา้ ดว้ ย และนาขอ้ มูลนัน้ มาช่วยจดั ลาดบั สนิ คา้ มกี าร เปรยี บเทยี บตวั สนิ คา้ ในลกั ษณะสนิ คา้ ทใ่ี กลเ้ คยี งกนั
7. อินเทอรเ์ น็ตของสรรพสิ่ง (Internet of Thing) หมายถึง เครือข่ายของวัตถุ อุปกรณ์ พาหนะ สง่ิ ปลูกสรา้ ง และสงิ่ ของอ่นื ๆ ทม่ี ี วงจรอิเล็กทรอนิกส์ซอฟต์แวร์ เซ็นเซอร์ และการเช่อื มต่อกบั เครอื ขา่ ยฝังตวั อยู่ และ ทาใหว้ ตั ถุเหล่านัน้ สามารถเกบ็ บันทกึ และ แลกเปลย่ี นขอ้ มลู ได้ อนิ เทอรเ์ น็ตของสรรพ สง่ิ ทาให้วตั ถุสามารถรบั รู้สภาพแวดล้อม แ ล ะ ถู ก ค ว บ คุ ม ไ ด้ จ า ก ร ะ ย ะ ไ ก ล ผ่ า น โครงสรา้ งพน้ื ฐานเครอื ข่ายท่มี อี ยู่แล้ว ทา ใหเ้ ราสามารถผสานโลกกายภาพกบั ระบบ คอมพวิ เตอรไ์ ดแ้ นบแน่นมากขน้ึ
Search
Read the Text Version
- 1 - 41
Pages: