4) การใหค้ าแนะนาการใชป้ ยุ๋ หรอื การปรบั ปรงุ ดนิ คอืการใหค้ าแนะนาเกย่ี วกบั วธิ ีการจัดการทท่ี าให้ไดผ้ ลตอบแทนสงูในการปลกู พชื เชน่ คาแนะนาเกย่ี วกบั ชนดิ อัตราและวิธีการใส่ปุ๋ยท่ีเหมาะสม 51
วิธีการวเิ คราะหด์ นิ ในหอ้ งปฏบิ ัตกิ าร การวิเคราะห์ดินทางเคมีมขี อ้ ดีคอื สามารถวิเคราะห์ตัวอยา่ งดินได้เป็นจานวนมากโดยใช้เวลาน้อย ค่าใชจ้ า่ ยไม่แพงมากนัก ทาให้สามารถรผู้ ลการประเมินความอุดมสมบูรณ์ของดินกอ่ นปลูกพชื ได้และสามารถนาค่าวิเคราะหด์ ินไปเชอ่ื มโยงกบั ผลการทดลองปุ๋ยในไร่นาเพอ่ื ใหค้ าแนะนาการใชป้ ุ๋ยหรือปูนอยา่ งเหมาะสมกอ่ นการปลูกพชื ได้ 52
รายการวเิ คราะห์ดนิ(1) คาความเปนกรดเปน็ ด่างของดิน (pH)(2) คาความต้องการปูน (Lime Requirement : LR)(3) ปรมิ าณอินทรียวตั ถุ (Organic Matter : OM)(4) ปริมาณสารทเ่ี ปนประโยชนต่อพืช ; ฟอสฟอรัส (P) โพแทสเซยี ม (K)แคลเซียม (Ca) แมกนีเซยี ม (Mg) แมงกานีส (Mn) ทองแดง (Cu)สังกะสี (Zn) เหล็ก (Fe)(5) ปรมิ าณเหลก็ ทเ่ี ปนสกัดได (Extract iron : active Fe)(6) ปรมิ าณอะลูมนิ มั ทแ่ี ลกเปลยี่ นได(Exchangeable aluminum : Exch. Al)(7) ความสามารถในการแลกเปลย่ี นประจบุ วก(Cation Exchange capacity : CEC) 53
(8) ปรมิ าณสารที่แลกเปล่ียนได้ ; โพแทสเซียม (K) โซเดียม (Na)แคลเซยี ม (Ca) แมกนเี ซยี ม (Mg)(9) คาการนาไฟฟาของดนิ (Electrical Conductivity : EC)(10) ปรมิ าณไอออนทล่ี ะลายนา้ ได ; โพแทสเซียม (K+) โซเดยี ม (Na+)แคลเซยี ม (Ca2+) แมกนีเซียม (Mg2+) ซัลเฟต (SO42-)คารบอเนต (CO32-) ไบคารบอเนต (HCO3-) คลอไรด (Cl-)(11) ความอิ่มตวั ของนา้ ในดนิ (Saturated Percentage: SP)(12) คาความตอ้ งการยปิ ซมั (Gymsum Requirement: GR)(13) ความชน้ื ในดิน (Moisture content of soil: MS) 54
ตารางท่ี 1 วิธีวเิ คราะห์ดนิ ทางเคมบี างรายการโดยสรุปรายการทว่ี เิ คราะห์ วธิ ีสกดั วิธวี ัดปรมิ าณ หนว่ ยpH ใช้นา้ กลัน่ อตั ราสว่ นดิน : ใช้ pH meter วัดในสาร หน่วย pH ซ่งึ มคี า่ นา้ =1:1 กวนประมาณครงึ่ แขวนลอยโดยตรง ระหว่าง 1-14 ชั่วโมงอินทรยี วตั ถุ ใชส้ ารเคมีออกซิไดส์ ไทเทรตออกซิไดซิงเอ เปอร์เซ็นต์ (%) อินทรียวตั ถใุ นดินจนหมด เจนต์ ทีเ่ หลือด้วยรีดวิ ซงิ เอเจนต์ฟอสฟอรสั ทเี่ ปน็ ประโยชน์ สกดั ด้วยนา้ ยาสกดั ที่ วัดดว้ ย ppm P เหมาะสม spectrophotometerโพแทสเซยี มทแี่ ลกเปลย่ี น สกัดด้วยสารละลาย วดั ดว้ ย flame ppm Kได้ แอมโมเนยี มแอซเี ตต photometer หรือ atomic absorption spectrophotometerแคลเซยี มและ แมกนเี ซยี ม สกัดดว้ ยสารละลาย วัดด้วย atomic ppm Caที่แลกเปลย่ี นได้ แอมโมเนียมแอซเี ตต absorption ppm Mg spectrophotometer 55
รายการทวี่ เิ คราะห์ วธิ ีสกัด วธิ วี ัดปรมิ าณ หน่วยความตอ้ งการปนู เติมปูนหรอื สารละลาย จากคา่ pH ท่ีลดลงนามา กก. CaCO3 ตอ่ ไร่ ความเคม็ บฟั เฟอร์ pH 7 ปริมาณ คานวณปรมิ าณปูน ที่ใช้ ตา่ งๆ ลงไปในดนิ แล้ววดั สะเทินฤทธ์กิ รดในดิน ค่า pH ใช้นา้ กลั่นสกัดเกลอื ออก วัดด้วยเครอ่ื งวัดการนา เดซซิ เี มนต์ / เมตร จากดิน โดยสกัดในขณะที่ ไฟฟ้า หรือ มลิ ลิโมล์ / ซม. ดินอิ่มตวั ด้วยน้า 56
การแปลความหมายผลการวิเคราะหด์ นิปัจจบุ นั ใชห้ ลกั การประเมินความอุดมสมบูรณข์ องดนิ จากค่าวเิ คราะหท์ างเคมีของดนิ ทส่ี าคัญ ได้แก่ ความเป็นกรดเปน็ ด่างของดนิความจใุ นการแลกเปลย่ี นประจบุ วก ความอ่มิ ตวั ด้วยประจุบวกทีเ่ ปน็ ด่างปริมาณอินทรียวตั ถุ ปริมาณฟอสฟอรัสท่ีเปน็ ประโยชนแ์ ละปรมิ าณโพแทสเซยี มท่ีเปน็ ประโยชน์ โดยทาการแบง่ ระดับความอุดมสมบรู ณข์ องดินออกเป็น 3 ระดบั คือ ต่า ปานกลาง และสงู ดงั แสดงในตารางที่ 2อย่างไรก็ตามข้อมลู ทไ่ี ดจ้ ากการวิเคราะห์ดินเพียงอย่างเดยี ว จะเปน็ เพยี งตัวเลขที่ไมม่ ีความหมายใดๆ หากไมน่ าตวั เลขน้ันไปหาความสมั พนั ธก์ ับการเจริญเติบโตของพืชหรือการตอบสนองของพชื ตอ่ระดับธาตุอาหารชนิดทตี่ อ้ งการประเมนิ ท่ีมีอยู่ในดนิ หรือในรูปของป๋ยุ ที่ใส่เสียก่อน 57
ตารางที่ 2 วธิ กี ารประเมนิ ระดบั ความอดุ มสมบรู ณ์ของดนิ จากผลการวเิ คราะหด์ นิที่มา : กองสารวจดนิ (2523)ระดับความ ปรมิ าณ ความอม่ิ ตวั ดว้ ย ความจใุ นการ ปริมาณ P ที่ ปริมาณ Kอดุ มสมบรู ณ์ อินทรยี วตั ถุ ประจบุ วกทเี่ ปน็ แลกเปลย่ี น ประจุ เปน็ ประโยชน์ ทเ่ี ปน็ ประโยชน์ของดนิ (%) ด่าง บวก (me/ ดนิ 100 (ppm) (ppm) (%) กรัม )ตา่ <1.5 <35 <10 <10 <60 (1) (1) (1) (1) (1)ปานกลาง 1.5-3.5 35-75 10-20 10-25 60-90 (2) (2) (2) (2) (2)สงู >3.5 >75 >20 >25 >90 (3) (3) (3) (3) (3)วธิ ปี ระเมินระดับความอดุ มสมบูรณข์ องดินใช้วิธกี ารใหค้ ะแนน (ตัวเลขทอ่ี ยู่ในวงเล็บในตาราง ) ถ้าคะแนนเทา่ กับ 7 หรือนอ้ ยกวา่ ถือวา่ ดนิ มรี ะดบั ความอุดมสมบูรณ์ตา่ ถา้ คะแนนอยูร่ ะหว่าง 8-12 ถอื วา่ ดินมคี วามอุดมสมบรู ณป์ านกลาง ถ้าคะแนนเท่ากับ 13 หรอื มากกวา่ ถือวา่ ดินมีความอดุ มสมบูรณส์ ูง 58
ตารางที่ 3 แสดงปฏกิ ิรยิ าของดิน (Soil reaction), pH (ดนิ : นา้ = 1:1) ระดบั (rating) pHเปน็ กรดจดั มาก (extremely acid) < 4.5เปน็ กรดจดั (very strongly acid) 4.5-5.0เปน็ กรดแก่ (strongly acid) 5.1-5.5เป็นกรดปานกลาง (moderately acid) 5.6-6.0เป็นกรดเล็กนอ้ ย (slightly acid) 6.1-6.5เปน็ กลาง (neutral) 6.6-7.3เปน็ ด่างอย่างอ่อน (slightly alkaline) 7.4-7.8เป็นด่างปานกลาง (moderately alkaline) 7.9-8.4เปน็ ด่างแก่ (strongly alkaline) 8.5-9.0เปน็ ดา่ งจัด (extremely alkaline) >9.0 59
การสมุ่ ตวั อยา่ ง (Sampling) 60
ลกั ษณะตวั อย่างของแขง็ ทเ่ี ป็นเมด็ เปน็ กอ้ น- กรณตี วั อยา่ งเปน็ เนอื้ เดยี วกนั จะเกบ็ ทจี่ ุดและตาแหนง่ ต่างๆ โดยการหยิบอยา่ งอิสระ (random)- กรณตี วั อยา่ งไมเ่ ปน็ เนอื้ เดยี วกนั จะต้องเก็บหลายๆ รปู แบบ แล้วนามารวมกนัจากนนั้ นาไปบดเพือ่ ใหเ้ กิดการคลุกเคลา้- กรณตี วั อยา่ งมขี นาดใหญห่ รอื ปรมิ าณมาก เช่น ก้อนแร่ หิน จะสุ่มกบั ท่จี ดุต่างๆ และทคี่ วามลึกหรือตาแหนง่ ตา่ งกัน 61
เชน่ กรณตี วั อย่างอยใู่ นรถบรรทุกดา้ นขา้ ง ด้านบน 62
จากนน้ั นามารวมกัน บดหยาบ และคลุกใหเ้ ขา้ กนั แล้วนามากองเป็นรปู โคน(cone) หรือกองเป็นสามเหล่ยี ม 1 23 4เม่อื แบ่งเป็นส่ีส่วนแลว้ จะทาการสมุ่ จากแตล่ ะสว่ นใหม้ ีขนาดพอเหมาะ แลว้ นามารวมกนั ถ้ายงั มปี รมิ าณมากก็จะทาแบบเดิมเรือ่ ยๆ จนกระทง่ั ได้ปรมิ าณท่เี หมาะสมตอ่ การวิเคราะห์ วธิ นี ีเ้ รยี กว่า cone and quarter method 63
- กรณตี วั อยา่ งเปน็ ชนิ้ เชน่ เสน้ ใย จะนาตวั อยา่ งมาฉีกกอ่ น จากนั้นนามารวมกนั ทาเป็นแบบโคนและสมุ่ ต่อไป - กรณตี วั อยา่ งเปน็ เมด็ จะทาการสุ่มยาเมด็ จากกลุ่มตัวอยา่ ง นามาบดและทา การส่มุ แบบโคนต่อไป เมอ่ื ตวั อย่างผ่านการส่มุ และได้ปรมิ าณทีต่ ้องการแลว้ ใหน้ ามาบดอย่างละเอยี ดจากน้นั นาไปรอ่ นผา่ นตะแกรง เพื่อให้ตวั อยา่ งมขี นาดเท่ากัน ความถี่ของตะแกรงวัด ดว้ ยหนว่ ย เมช (mesh) 1 mesh = จานวนช่องท่ีมีอยูใ่ น 1 ตารางน้วิ จากนนั้ นาไปอบเพื่อไล่ความช้ืนกอ่ นจะนาไปผ่านข้นั ตอนการเตรยี มสารละลาย เพือ่ ทาการวเิ คราะห์ตอ่ ไป 64
การทาใหแ้ หง้ (Drying) ใชก้ บั ตัวอยา่ งท่ีเป็นของแข็ง เพราะตัวอยา่ งทเี่ ปน็ ของแข็งสว่ นมากมกั มคี วามชืน้หรือมนี ้าในบรรยากาศทถ่ี ูกดูดซบั ไวใ้ นรูปแบบต่างๆ รูปแบบของน้าในของแขง็ มดี ังนี้ 1. นา้ ทจี่ าเปน็ (essential water) 1. น้าผลกึ (water of crystallization) เปน็ น้าที่เกดิ ข้นึ และเป็นส่วนหนงึ่ ของโมเลกุลหรอื เป็นส่วนหนงึ่ ของโครสรา้ งผลึกนั้นๆ โดยมีปริมานทแี่ นน่ อน เชน่calcium oxalate (CaC2O4 • 2H2O) barium chloride (BaCl2 • 2H2O) 2. น้าทแ่ี ฝงในโมเลกลุ (water of constitution) เป็นน้าทแ่ี ฝงอย่ใู นโมเลกลุ โดยน้าเกิดจากการสลายตัวของโมเลกุลสารเมือ่ นาไปเผา เช่น2KHSO4 K2S2O7 + H2OCa(OH)2 CaO + H2O 65
2. น้าท่ไี มจ่ าเปน็ (nonessential water) -----> เปน็ นา้ ทเี่ กาะบนพื้นผวิ ของของแขง็ ดว้ ยแรงดึงดดู ธรรมดา มีปริมาณ ไมแ่ น่นอน ได้แก่ 1. Absorbed water เป็นนา้ ที่เกาะอยู่บนผวิ ของของแข็งในรปู ของความช้นืปริมาณการดูซับจะขน้ึ กบั พนื้ ท่ีผิวของสารตัวอยา่ งและความชนื้ ในอากาศ เช่น NaOHNa2SO4 เมอื่ มกี ารทง้ิ ไวใ้ นบรรยากาศจะดูดซับความชืน้ ไว้ท่ผี ิว 2. Sorbed water เปน็ นา้ ทแ่ี ทรกตวั อยู่ในโมเลกลุ ของคอลลอยด์ เชน่แปง้ โปรตนี ซ่ึงแทรกกนั อยู่ในช่องวา่ งของโมเลกุล โดยดภู ายนอกสารจะมสี ถานะคงความเป็นแปง้ เหมือนเดิม 3. Occluded water เปน็ น้าท่แี ทรกตัวอยูใ่ นชอ่ งว่างของของแข็ง ขณะท่ีเกดิ การรวมตวั กนั เป็นผลึก เช่น นา้ ในหิน ซ่ึงนา้ จะกระจัดกระจายภายในของแข็ง การกาจดั นา้ ประเภทน้ตี ้องใชอ้ ณุ หภมู สิ งู มาก 66
การทาตวั อย่างใหแ้ หง้มี 2 วธิ ี 1. แบบใชโ้ ถดดู ความชนื้ (desiccator)-------> วธิ นี ้ีเหมาะกบั ตวั อยา่ งทถ่ี ูกความร้อนแลว้ จะสลายตวั ลักษณะโถดดู ความชื้นแบง่ เป็น 3 ส่วน คือ สว่ นบนเปน็ ฝาปิด ส่วนกลางเป็นตะแกรงทาจากกระเบือ้ งหรืออะลมู ิเนยี ม โดยมลี กั ษณะเปน็ รู และสว่ นล่างเป็นที่ใส่สารท่ีใช้ในการดูดซับ (desiccant) 67
สารดูดซับมีหลายชนดิ ได้แก่ CaCl2 CaSO4 CaO silica gelโถดูดความช้นื (desiccator) ตดู้ ูดความช้ืน (desiccator) silica gel 68
2. แบบใชค้ วามรอ้ น------> โดยการอบในต้อู บ ซ่งึ จะอบท่อี ณุ หภมู ปิ ระมาณ 80-110 °C หรือเผาในเตาเผา เมื่อต้องการอุณหภูมิสงู ๆ 69
การสมุ่ ตวั อยา่ งดนิ (Soil Sampling) - เนือ้ ที่ไม่เกนิ 10 ไร่ สมุ่ เกบ็ ตวั อย่างประมาณ 10 จุด - เน้อื ทเี่ กิน 10 ไร่ แบ่งเป็นพ้นื ท่ีย่อยพืน้ ทีล่ ะประมาณ 10 ไร่วิธีการเกบ็ ตวั อยา่ งดนิ 1. เกบ็ โดยใหร้ ะยะหา่ งระหว่างจุดเก็บตวั อยา่ งเท่าๆ กนั 2. เกบ็ โดยการสมุ่ 3. เกบ็ ตามเส้นทแยงมุม โดยเวน้ ระยะเทา่ ๆ กัน 4. เกบ็ ตามเส้นทแยงมุมและเสน้ รอบขา้ ง 70
1. เก็บโดยให้ระยะหา่ งระหวา่ งจุดเก็บตวั อย่างเทา่ ๆ กนั 71
2. เก็บโดยการสมุ่ 72
3. เกบ็ ตามเสน้ ทแยงมมุ โดยเว้นระยะเทา่ ๆ กนั 73
4. เก็บตามเสน้ ทแยงมมุ และเส้นรอบขา้ ง 74
เครอ่ื งมือเกบ็ ตวั อยา่ ง- กรณีศึกษาเฉพาะผิวดินใชพ้ ล่ัวเตนเลสหรือเครือ่ งมอื เก็บตวั อย่างดิน (soilsampler) ในการเกบ็ ตัวอยา่ ง- กรณศี ึกษาการสะสมในแต่ละช้ันของดินใชเ้ ครอื่ งมือเก็บตวั อย่างดินตามความลึก(core sampler)ภาชนะบรรจุ - ใชถ้ งุ พลาสตกิ หรือถุงกระดาษ 75
การเกบ็ ตวั อยา่ งดนิ เพอ่ื วเิ คราะหส์ าหรบั การปลกู พชืจดุ ประสงคข์ องการวเิ คราะหด์ นิ เพอื่ ใหท้ ราบถึงความอุดมสมบรู ณ์ และปัญหาของดนิ ในแปลงปลกู พืชพรอ้ มกบั คาแนะนาในการแก้ไขปรับปรุงบารุงดนิ เช่น การใช้ปุ๋ย การใช้ปนูปรับปรงุ ดนิ กรด รวมทงั้ การใชว้ ัสดหุ รือสารปรับปรุงดนิ อยา่ งอื่น ตามความจาเปน็ เพื่อให้การปลูกพชื ได้ผลผลิตเพ่ิมมากขน้ึ และมีคณุ ภาพดีขึ้น 76
การเกบ็ ตวั อยา่ งดนิ ทถ่ี กู ตอ้ ง - ตัวอย่างดินท่ีเก็บมาต้องเปน็ ตัวแทนทีด่ ที สี่ ุดของที่ดนิ แปลงนน้ั - ควรเก็บหลังจากเก็บเก่ียวผลผลิตแลว้ หรือก่อนเตรียมดนิ ปลกู พืชคร้งัตอ่ ไป - เวลาลงมือเกบ็ ตวั อยา่ งดนิ จะต้องเผอื่ เวลาสาหรบั การส่งตัวอย่างไปวเิ คราะห์ ระยะเวลาทางานของหอ้ งปฏิบตั กิ าร จนถึงการสง่ ผลกลบั มาให้ รวมแลว้ประมาณ 1-2 เดือน - สาหรบั การเก็บตวั อย่างดนิ เพอื่ จะใหห้ น่วยวเิ คราะห์ดนิ เคลือ่ นที่มาบริการใหน้ ้ัน จะตอ้ งเกบ็ ก่อนวันนัดหมาย 1-2สปั ดาห์ เพ่ือใหต้ ัวอยา่ งดินแห้งจงึ จะวเิ คราะห์ได้ 77
- พืน้ ท่ีทจี่ ะเกบ็ ตัวอยา่ งดนิ ไมค่ วรเปยี กแฉะหรอื มีนา้ ทว่ มขัง จะทาให้เข้าไปทางานลาบาก แตถ่ ้าแห้งเกินไปดนิ จะแข็ง ดินควรมีความชื้นเล็กน้อยจะทาให้ขุดและเก็บไดง้ า่ ยข้นึ - ไมเ่ ก็บตวั อย่างดนิ บริเวณทเี่ คยเปน็ บ้าน หรือโรงเรือนเก่า จอมปลวกเก็บให้หา่ งไกลจากบา้ นเรอื น อาคารท่ีอยอู่ าศยั คอกสตั ว์ และบรเิ วณจดุ ทีม่ ีปุ๋ยตกค้างอยู่ - อุปกรณ์ทีเ่ ก็บตัวอย่างดินตอ้ งสะอาด ไม่เปอื้ นดิน ปุ๋ย ยาฆา่ แมลง ยาปราบศัตรพู ชื หรือสารเคมีอ่ืนๆ - ตอ้ งบนั ทกึ รายละเอยี ดเกยี่ วกบั ตวั อยา่ งดนิ ของแต่ละตัวอยา่ งตามแบบฟอร์ม “บันทกึ รายละเอยี ดตวั อยา่ งดนิ ” ให้มากท่สี ุดเพ่ือเป็นประโยชน์ตอ่การให้คาแนะนาการจัดการดินใหถ้ กู ต้องท่ีสุด 78
79
วิธีเกบ็ ตวั อยา่ งดนิ 1. เตรียมอุปกรณท์ จ่ี าเป็นได้แก่ เคร่ืองมือสาหรบั ขดุ หรือเจาะเก็บดินเช่น พลว่ั จอบ และเสียม ส่วนภาชนะทใี่ ส่ดนิ เช่น ถังพลาสติก กลอ่ งกระดาษแข็ง กระบงุ ผ้ายางหรอื ผา้ พลาสตกิ และถงุ พลาสตกิ สาหรับใส่ตวั อยา่ งดินส่งไปวเิ คราะห์ 80
2. ขนาดของแปลงทจี่ ะเก็บตวั อย่างดนิ ไม่จากัดขนาดแนน่ อนขึน้ อยูก่ ับความแตกตา่ งของพืน้ ท่ี (ทร่ี าบ ทลี่ ุ่ม ทด่ี นิ ท่ีลาดชัน เนอื้ ดนิ สีดิน) ชนดิ พืชท่ปี ลกูและการใชป้ ุ๋ยหรือการใชป้ นู ท่ีผ่านมา แปลงปลูกพชื ทมี่ ีความแตกตา่ งดังกลา่ วจะต้องแบ่งพนื้ ที่เป็นแปลงยอ่ ย เกบ็ ตัวอยา่ งแยกกันเป็นแปลงละตวั อย่าง พื้นท่ีราบ เช่น นาขา้ วขนาดไม่ควรเกิน 50 ไร่ พ้ืนทลี่ าดชนั ขนาดแปลงละ 10-20 ไร่พชื ผักสวนครวั ไม้ดอกไม้ประดับ ข้นึ อยกู่ บั ขนาดพืน้ ที่ที่ปลกู 81
3. ส่มุ เก็บตัวอย่างดนิ กระจายให้ครอบคลุมทวั่ แตล่ ะแปลง ๆ ละ 15-20จุดกอ่ นขดุ ดนิ จะต้องถางหญ้า กวาดเศษพืช หรอื วสั ดทุ ่อี ยู่ผวิ หน้าดินออกเสียก่อน(อยา่ แซะหรอื ปาดหนา้ ดนิ ออก) แล้วใชจ้ อบ เสียมหรอื พลวั่ ขดุ หลมุ เปน็ รูป V ให้ลกึในแนวด่งิ ประมาณ 15 ซนตเิ มตร หรือในระดบั ชัน้ ไถพรวน (สาหรบั พืชทกุ ชนดิยกเว้นสนามหญ้าเกบ็ จากผวิ ดนิ ลกึ 5 เซนตเิ มตร และไมย้ ืนตน้ เก็บจากผวิ ดินลกึ 30เซนตเิ มตร) แล้วแซะเอาดินด้านหนึง่ เปน็ แผน่ หนาประมาณ 2-3 เซนติเมตร จากปากหลุมถงึ ก้นหลุม ดินทีไ่ ดน้ ้ีเปน็ ดนิ จาก 1 จุด ทาเช่นเดียวกนั นจ้ี นครบ นาดนิ ทกุจดุ ใส่รวมกนั ในถังพลาสติกหรอื ภาชนะท่เี ตรยี มไว้ 82
กรณที เ่ี ป็นสวนไมผ้ ล ใหเ้ ก็บดินภายในทรงพ่มุ ต้นละจุด ประมาณ 15 ตน้ ในแตล่ ะแปลง 83
4. ดินที่เกบ็ มารวมกนั ในถงั นถี้ ือว่าเป็นตัวอย่างดินทีเ่ ปน็ ตวั แทนของทดี่ นิแปลงน้นั เนอ่ื งจากดินมีความชน้ื จงึ ตอ้ งทาให้แหง้ โดยเทดินในแต่ละถงั ลงบนแผน่ผ้าพลาสตกิ หรอื ผา้ ยางแยกกนั ถงั ละแผน่ เกลยี่ ดนิ ผึ่งไว้ในทร่ี ่มจนแหง้ ดินที่เปน็กอ้ นให้ใช้ไม้ทุบให้ละเอียดพอประมาณแล้วคลุกเคลา้ ให้เขา้ กนั จนท่ัว 84
5. ตัวอยา่ งดินที่เก็บไดอ้ าจมปี ริมาณมาก สามารถแบ่งส่งไปวิเคราะห์เพียงครง่ึ กิโลกรมั วิธีการแบง่ เกล่ยี ตัวอย่างดิน แผใ่ หเ้ ป็นรูปวงกลมแลว้ แบ่งผ่ากลางออกเป็น 4 สว่ นเทา่ กันเก็บดนิ มาเพยี ง 1 ส่วนหนกั ประมาณคร่งึ กโิ ลกรัมใสใ่ นถงุ พลาสติกที่สะอาด พรอ้ มทงั้ กรอกแบบฟอร์มที่บนั ทกึ รายละเอยี ดของตัวอย่างดนิ เรียบรอ้ ยแล้ว ปิดปากถงุ ใหแ้ น่นใส่ในกลอ่ งกระดาษแขง็ อกี ชน้ั หน่ึง(ในกรณีทีส่ ่งแบบพัสดไุ ปรษณยี )์ เพ่อื สง่ ไปวเิ คราะห์ 85
Search