Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore มลพิษจากสารเคมีทางการเกษตร

มลพิษจากสารเคมีทางการเกษตร

Published by sutthirak_u, 2019-01-03 00:23:27

Description: มลพิษจากสารเคมีทางการเกษตร

Search

Read the Text Version

มลพิษจากสารเคมที างการเกษตร อาจารย์ ดร.สุทธริ ักษ์ อ้วนศิริ 1สาขาวชิ าเคมี คณะวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั หมบู่ า้ นจอมบงึ

สารเคมที างการเกษตร สารเคมีทางการเกษตรมีหลากหลายแบบ ขึ้นอยู่กับการใช้งาน ซ่ึงมีการจาหน่ายทางการค้า มีกว่า 1,000 ชนิด โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ ๆตามชนิดของสิ่งมีชีวิตที่ใช้ในการควบคุมและกาจัด คือ สารเคมีกาจัดแมลงสารป้องกันกาจัดวัชพืช สารป้องกันกาจัดเช้ือรา สารกาจัดหนูและสัตว์แทะสารเคมกี าจัดหอยและปู เปน็ ตน้ 2

ชนดิ ของสารเคมกี าจดั ศตั รพู ชื1. สารเคมีกาจัดแมลงสารเคมีกาจัดแมลงเป็นสารเคมีการเกษตรท่ีมีจานวนชนิดมากท่ีสุดสารเคมีกาจดั แมลงแบ่งออกเป็นกล่มุ ใหญ่ๆ ตามชนิดของสารเคมีได้ 4 ประเภท คอื1.1 กลุ่มออร์กาโนคลอไรน์ ซึ่งเป็นกลุ่มของสารเคมีที่มีคลอรีนเป็นองค์ประกอบ สารเคมีกาจดั แมลงในกลุ่มนี้ที่นยิ มใช้กันมาก คือ ดีดีที (DDT), ดีลดริน (dieldrin), ออลดริน (aldrin), ท็อกซาฟีน (toxaphene), คลอเดน(chlordane), ลินเดน (lindane), เอนดริน (endrin), เฮปตาครอ (heptachlor)เป็นต้น สารเคมีในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นสารเคมีที่มีพิษไม่เลือก (คือเป็นพิษต่อแมลงทกุ ชนดิ ) และค่อนข้างจะสลายตัวชา้ ทาให้พบตกค้างในห่วงโซ่อาหารและส่ิงแวดล้อมได้นาน บางชนิดอาจตกค้างได้นานหลายสิบปีปัจจุบัน ประเทศส่วนใหญ่ท่ัวโลกจะไม่อนุญาตให้ใช้สารเคมีในกลุ่มนี้หรือไม่ก็มีการควบคุมการใช้ ไม่อนุญาตให้ใช้อย่างเสรี เพราะผลกระทบด้านสุขภาพและส่ิงแวดลอ้ ม 3

1.2 กลุ่มออรก์ าโนฟอสเฟต ซึ่งเป็นกลุม่ ทม่ี ฟี อสฟอรสั เป็นองค์ประกอบโดยสารเคมีในกลมุ่ นี้ที่รจู้ ักกันคือ มาลาไธออน (malathion), พาร&#12 June,2009#3604;อาซินอน (diazinon), เฟนนิโตรไธออน (fenitrothion), พิริมิฟอสเมธิล (pirimiphos methyl), และไดคลอวอส (dichlorvos หรอื DDVP)เป็นตน้ สารเคมีในกลมุ่ นี้จะมพี ิษรุนแรงมากกว่ากลุ่มอ่ืน โดยเป็นพิษท้ังกับแมลงและสัตวอ์ ืน่ ๆ ทุกชนิด แต่สารในกลุ่มนีจ้ ะยอ่ ยสลายไดเ้ รว็ กว่ากลมุ่ แรก 1.3 กลุม่ คาร์บาเมต ซึ่งมคี ารบ์ ารลิ เปน็ องค์ประกอบสาคญั โดยสารเคมีกาจัดแมลงทีร่ ู้จักและใช้กันมาก คือ คาร์บารวิ (carbaryl ท่มี ีชื่อการค้า Savin),คาร์โบฟุแรน (carbofura), โพรพ็อกเซอร์ (propoxur), เบนไดโอคาร์บ(bendiocarb) สารเคมีในกลุ่มคาร์บาเมตจะมคี วามเป็นพิษต่อสัตว์เล้ียงลูกดว้ ยนมนอ้ ยกว่าพวกออรก์ าโนฟอสเฟต 4

1.4 กลุ่มสารสังเคราะห์ไพรีทอย เป็นสารเคมีกลุ่มท่ีสังเคราะห์ข้ึนโดยมีความสัมพันธ์ตามโครงสร้างของไพรีทริน ซ่ึงเป็นสารธรรมชาติที่สกัดได้จากพืชไพรีทรัม สารเคมีในกลุ่มน้ีมีความเป็นพิษต่อแมลงสูง แต่มีความเป็นพิษต่อสัตว์เลือดอุ่นต่า อย่างไรก็ตาม สารเคมีกลุ่มน้ีมีราคาแพงจึงไม่ค่อยเป็นท่ีนิยมใช้สารเคมีกาจัดแมลงในกลุ่มนี้ ไดแ้ ก่ เดลตาเมธรนิ (deltamethrin), เพอร์เมธริน (permethrin), เรสเมธริน (resmethrin), และไบโอเรสเมธริน(bioresmethrin) เปน็ ตน้ 5

2. สารปอ้ งกนั กาจดั วชั พชื สารเคมีกาจัดวัชพืชแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ พวกท่ีมีพิษทาลายไม่เลือก กับพวกที่มพี ิษเฉพาะกลุ่มวัชพืช คือ ทาลายเฉพาะวัชพืชใบกว้างหรือวัชพืชใบแคบ สารกาจัดวัชพืชท่ีมีพิษทาลายไม่เลือก คือ พาราควอท(paraquat) ส่วนท่ีมีพิษทาลายเฉพาะ คือ พวก แอทราซิน (atrazine), 2,4-D, 2,4,5-T เป็นต้น 6

3. สารกาจดั เชอ้ื รา มีอยู่หลายกลุ่ม บางชนิดมีพิษน้อย แต่บางชนิดมีพิษมาก กลุ่มสาคัญของสารกาจดั เชอ้ื ราในการเกษตร (สรุปรายงานการเฝ้าระวังโรค 2546) ได้แก่- กลุ่ม Dimethey dithiocarbamates (Ziram, Ferbam, Thiram) มฤี ทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ Acetaldehyde dehydrogenase เกิด antabuse effect ในคนที่ดม่ื สุราร่วมดว้ ย- กลุ่ม Ethylenebisdithiocarbamates (Maneb, Mancozeb, Zineb)กลุ่มน้ีจะถูก metabolize เป็น Ethylene thiourea ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งในสัตว์- กลุม่ Methyl mercury ดดู ซึมได้ดีทางผวิ หนงั และมีพิษตอ่ ระบบประสาท- กลุ่ม Hexachlorobenzene ยับย้ังเอนไซม์ Uroporphyrinogendecarboxylase มีพษิ ต่อตับ ผิวหนัง ข้อกระดูกอกั เสบ- กลุ่ม Pentachlorophenol สมั ผสั มากๆ ทาให้ไข้สูง เหงอ่ื ออกมาก หัวใจเต้นเร็ว 7

4. สารกาจดั หนแู ละสตั วแ์ ทะ (Rodenticides) สารกาจัดหนูและสัตว์แทะท่ีนิยมใช้กัน ส่วนใหญ่เป็นสารกลุ่มที่มีฤทธ์ิต้านการแข็งตัวของเลือด ตัวอย่าง เช่น Warfarin หยุดยั้งการสร้างวิตามิน เคทาให้เลือดออกตามผิวหนัง และส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เม็ดเลือดขาวต่าลมพษิ ผมรว่ ง 8

ผลกระทบตอ่ สงิ่ แวดลอ้ ม1. แมลงพฒั นาภมู ิตา้ นทานสารเคมี เมอื่ มกี ารใชส้ ารเคมกี าจัดแมลงอย่างต่อเนอื่ ง แมลงจะมกี ารพัฒนาภมู ิต้านทานสารเคมี ซึ่งเปน็ คณุ สมบตั ิทางวิวฒั นาการของแมลงในการเอาดารงเผา่ พันธ์ุของตัวเอง เพราะการพฒั นาความสามารถในการทนต่อสารเคมีที่มพี ษิ ได้ และถ่ายทอดภูมิตา้ นทานดงั กลา่ วสู่ลูกหลาน จะทาใหเ้ ผา่ พันธข์ุ องแมลงสามารถอยรู่ อดได้ จากการศึกษาของนกั วจิ ัยพบวา่ เพียง 50 ปีทเี่ ริ่มมีการใช้สารเคมนี ้ัน มีแมลงมากกว่า 400 ชนดิ ที่ได้พัฒนาภูมิต้านทานยาฆา่ แมลงชนดิ ตา่ ง ๆ ซ่ึงทาให้ต้องใช้ยาฆ่าแมลงท่ีเขม้ ข้นมากข้นึ หรอื เปล่ยี นไปใชย้ าฆ่าแมลงชนิดใหม่ 9

2. การทาลายสมดุลของระบบนเวศ เมือ่ มีการใช้สารเคมกี ารเกษตร พบวา่ ศัตรธู รรมชาติ ท่กี ินแมลงศัตรพู ชืเป็นอาหาร เชน่ แมงมมุ ดว้ งดิน เตา่ ทอง ดว้ งเพชรฆาต จะมปี ระชากรลดลงอยา่ งมากหลงั จากท่ีมีการใชส้ ารเคมกี าจดั แมลงฉีดพ่น เน่อื งจากศัตรธู รรมชาตเิ หลา่ นี้ไดร้ ับผลกระทบโดยตรงจากสารเคมี และโดยออ้ มจากการท่ีมแี มลงศัตรพู ืชลดลงจนทาให้มีอาหารไมเ่ พียงพอ แตห่ ลงั จากนั้นไม่นาน แมลงศตั รพู ืชจะขยายประชากรเพิม่ ขนึ้ อยา่ งรวดเร็ว ในขณะที่ศัตรูธรรมชาติจะต้องใช้ระยะเวลานานกว่า จงึ จะเพ่มิจานวนประชากรได้ สมดลุ ของระบบนิเวศจงึ เสยี ไป ทาให้เกดิ การระบาดของแมลงศัตรพู ชื ขึ้นอีก 10

3. การสะสมของสารเคมใี นหว่ งโซอ่ าหาร สารเคมีกาจัดศัตรูพืชน้ันไม่ได้คงอยู่เฉพาะในบริเวณพื้นที่การเกษตร แต่มักจะแพร่กระจายออกไปในส่ิงแวดล้อม เพราะน้าที่ไหลผ่านแปลงเกษตร ที่มีการฉีดพน่ สารเคมกี าจัดศตั รูพืช จะไหลลงไปสแู่ หล่งนา้ ธรรมชาติ ทาให้เกิดการปนเปื้อนของสารเคมีในระบบนิเวศอย่างกว้างขวาง สิ่งมีชีวิตในแหล่งน้าอาจได้รับผลกระทบโดยตรงจากสารเคมเี หล่าน้ี โดยเฉพาะอย่างย่ิงผลตอ่ ระบบภูมิต้านทานของปลา ทาใหป้ ลาเปน็ โรคต่างๆ ไดง้ ่ายข้นึ นอกจากน้ี สารเคมเี หล่านี้ โดยเฉพาะในกลุ่มออร์กาโนคลอไรน์ ซ่ึงย่อยสลายช้า อาจจะไปสะสมอยู่ในร่างกายของส่ิงมีชีวิตต่าง ๆ และถ่ายทอดไปยังสิ่งมีชีวิตท่ีอยู่ด้านบนของห่วงโซ่อาหาร เกิดการสะสมของสารพิษในปรมิ าณท่ีเข้มขน้ ขน้ึ (biological magnification 11

ภาพแสดงการสะสมของ DDT ในหว่ งโซอ่ าหาร 12

ภาพแสดงการสะสมของสารเคมใี นหว่ งโซอ่ าหาร 13

14

อาการพษิ เฉียบพลนั มักจะเกิดข้ึนกับผู้ท่ีทางานหรืออยู่ใกล้ชิดกับสารเคมีกาจัดศัตรูพืช(โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรกร หรือคนงานในร้านขายสารเคมีการเกษตร) ซ่ึงมีโอกาสที่จะได้รับสารเคมีการเกษตรจากการสูดดมหรือสัมผัสโดยตรง ซึ่งอาการทางสุขภาพแบบเฉียบพลันน้ี อาจมีได้หลายลักษณะ ข้ึนอยู่กับชนิดของสารเคมีว่า เป็นสารพิษต่อระบบประสาท ระบบกล้ามเน้ือ หรือระบบการทางานอน่ื ของร่างกาย ความเป็นพษิ แบบเฉยี บพลันอาจเกดิ ขนึ้ ได้เม่ือได้รบั พษิ อย่างอ่อนๆปานกลาง หรอื เข้มขน้ ซ่ึงอาจทาใหม้ ีอาการแตกต่างกันได้ ดงั น้ี 15

พษิ อย่างอ่อน วงิ เวยี น ปวดศรี ษะ หมดเร่ยี วแรง ตาพรา่พิษปานกลาง กระสับกระสา่ ย เหงอื่ ออก คลนื่ ไส้ ท้องเดิน เบื่ออาหาร พษิ รุนแรง น้าหนักลด กระหายนา้ ปวดตามขอ้ มผี ่ืนคนั ตามผิวหนัง เคอื งตา แสบตา ระคายจมูก ระคายคอ คลนื่ ไส้ ทอ้ งเดนิ นา้ ลายฟูมปาก กระเพาะอาหารบบี เกร็ง เหงื่อออกมาก มือส่ัน กล้ามเนื้อทางานไมป่ ระสานกัน กล้ามเนื้อบิดเกร็ง ตาพรา่ จดั หายใจลาบาก ชีพจรเต้นเรว็ ผิวหนังรอ้ นแดง หรอื เปน็ สีเหลอื ง หายใจถีเ่ รว็ อาเจียน กล้ามเนอื้ บิดเกร็ง บงั คับไม่ได้ ม่าน ตาหรเี่ ลก็ ชัก หายใจไม่ออก หมดสติ 16

อาการพษิ สะสม เมือ่ ไดร้ บั สารเคมีการเกษตรไปแลว้ ระยะหนึ่ง หรอื ได้รับสารเคมกี ารเกษตรแต่เพียงเล็กน้อย ต่อเน่ืองกัน ทาให้เกิดการ สะสมของสารเคมีในร่างกายถึงจุดๆหน่ึง สารพิษเหลา่ นัน้ อาจทาใหเ้ กดิ ปญั หาสุขภาพไดห้ ลายลักษณะ เชน่- การเปล่ียนแปลงพันธุกรรมของเซลล์ (mutagen) โดยสารเคมีกาจัดศัตรูพืชหลายชนิดถูกออกแบบให้รบกวนต่อพันธุกรรมของเซล ส่งผลให้เกิดเน้ืองอกหรือมะเร็งหรือทาให้การพัฒนาร่างกายของเด็กทารกในครรภ์แม่ผิดปกติไป ซ่ึงรวมไปผลกระทบตอ่ เซลสืบพันธุ์- เน้ืองอกและมะเร็ง (carcinogen) กระบวนการท่ีสารเคมกี ารเกษตรทาให้เกิดเนอื้งอกและมะเร็งน้ันยังเป็นสิ่งที่ไม่สามารถบ่งชี้ได้ชัดเจน แต่สามารถยืนยันผลได้ในสัตว์ทดลอง ซ่ึงพบว่า เมื่อสัตว์ทดลองได้รับสารเคมีเหล่าน้ีแล้วเกิดเน้ืองอกหรือมะเรง็ ขน้ึ- การเปล่ียนแปลงของเซลล์ตัวอ่อนทีอ่ ยู่ในครรภ์แม่ (teratogenic) ซึ่งทาให้ลูกท่ีคลอดออกมามีร่างกายผิดปกติ หรอื แม่แทง้ ลกู 17

18

การใชส้ ารเคมีทางการเกษตรอยา่ งถกู ตอ้ งและเหมาะสม 1. ห้ามใช้สารเคมีที่ไม่ได้ข้ึนทะเบียนวัตถุอันตรายตามพระราชบัญญัติวัตถุอนั ตราย พ.ศ. 2535 ตามเอกสารสนับสนุน รายช่ือวัตถุอันตรายห้ามใช้ในการเกษตรและต้องใชส้ ารเคมีให้สอดคลอ้ งกับรายการสารเคมที ีป่ ระเทศคู่ค้าอนุญาตให้ใช้ 2. อ่านฉลากคาแนะนา เพื่อให้ทราบคุณสมบัติ และวิธีการใช้สารป้องกันกาจัดศตั รูพืชกอ่ นปฏบิ ัติงานทุกครง้ั 3. ผูป้ ระกอบการและแรงงานท่ปี ฏิบัติงานด้านการป้องกันกาจัดศัตรูพืช ควรรจู้ ักศัตรูพืช ชนิดและอัตราการใช้สารป้องกันกาจัดศัตรูพืช การเลือกใช้เครือ่ งพ่นและอุปกรณ์หัวฉีด รวมท้ังวิธีการพ่นสารเคมีท่ีถูกต้อง โดยต้องตรวจสอบเครื่องพ่นสารให้อยู่ในสภาพพร้อมที่จะใช้งานตลอดเวลา เพื่อป้องกันสารพิษเป้ือนเส้ือผ้าและร่างกายของผู้พ่น ต้องสวมเส้ือผ้าอุปกรณ์ป้องกันสารพิษ ได้แก่ หน้ากากหรือผ้าปิดจมูก ถุงมือ หมวก และรองเทา้ เพื่อปอ้ งกนั อันตรายจากสารพษิ 19

4. เตรียมสารป้องกนั กาจัดศัตรูพืช และใชใ้ หห้ มดในคราวเดียว ไมค่ วรเหลอื ตดิ ค้างในถงั พ่น 5. ปดิ ฝาภาชนะบรรจสุ ารป้องกันกาจดั ศตั รพู ืชใหส้ นิทเมือ่ เลิกใช้ และเกบ็ในสถานท่ีเก็บสารเคมี 6. เมื่อใช้สารปอ้ งกนั กาจัดศัตรูพืชหมดแล้ว ใหล้ า้ งภาชนะบรรจสุ ารเคมีด้วยนา้ 2-3 ครั้ง แลว้ เทลงในถังพน่ สารเคมี ปรบั ปริมาณนา้ ตามความเข้มขน้ ท่ีกาหนด ก่อนนาไปใชพ้ น่ ปอ้ งกนั กาจดั ศตั รพู ชื 7. ควรพ่นสารปอ้ งกนั กาจดั ศตั รพู ชื ในชว่ งเช้าหรือเยน็ ขณะลมสงบหลกี เลย่ี งการพ่นในเวลาแดดจัดหรือลมแรง และขณะปฏบิ ัตงิ านผพู้ ่นตอ้ งอยเู่ หนอืลมตลอดเวลา 8. หลงั จากพ่นสารปอ้ งกันกาจดั ศตั รูพืชทุกครั้ง ผพู้ น่ ตอ้ งอาบนา้ สระผมและเปลี่ยนเสือ้ ผา้ ทนั ที เสอ้ื ผา้ ทีใ่ สข่ ณะพ่นสารตอ้ งซักให้สะอาดทุกครั้ง 9. ต้องหยดุ ใช้สารปอ้ งกันกาจัดศตั รูพืชกอ่ นการเกบ็ เก่ียวตามที่ระบุไวใ้ นฉลากกากบั การใช้สารป้องกนั กาจัดศัตรูพชื แต่ละชนิด 20

เคร่ืองมอื วเิ คราะหใ์ นงาน สารพษิ ตกคา้ งสารกาจดั ศตั รพู ชืGCMS (with ECD Detector) เป็นเครื่องวิเคราะห์หาชนิดและปริมาณของสารต่างๆในสารตัวอย่างโดยใช้ก๊าซเป็นตัวพาเอาสารตัวอย่างน้ันไปไหลแยก ในสภาวะท่ีเหมาะสมแล้วตรวจวัดค่าของสารตา่ งๆทแ่ี ยกได้น้ัน ด้วยชุดตรวจวัดชนิด Electron CaptureDetector พร้อมท้ังตรวจวิเคราะห์หาค่ามวลตอ่ ประจุ ( Mass Number) เพ่ือแปรผลหาชนิดและปริมาณโครงสร้างโมเลกุลของ สารเหล่าน้ันโดยอัตโนมตั ิดว้ ยระบบคอมพิวเตอร์ 21

การประยกุ ต์ใชง้ าน สามารถประยกุ ตใ์ ช้ในงานวเิ คราะหส์ ารกาจดั ศตั รพู ชื ตกคา้ งประเภท ท่ีมธี าตุคลอรนี เปน็ องค์ประกอบ (Organo Chlorinated Pesticides) ในอาหารประเภท เนอ้ื สัตว์ ผกั สด ผลไม้ เปน็ ต้น เช่น สารกาจดั ศัตรูพืชจาพวก DDTDDE Dieldrin Aldrin Heptaclor เป็นตน้ ยนื ยันการตรวจสอบสารพษิ ตกคา้ งชนดิ ตา่ งๆ โดยเปรยี บเทียบโครงสร้างของสารท่ีวดั โดยสว่ นวัดมวลสาร (MSD) 22

High Performance Liquid Chromatograph (HPLC) เปน็ เครื่องวิเคราะหห์ าชนิดและปรมิ าณของสารประกอบต่างๆในสารตวั อยา่ ง โดยใช้สารของเหลว( Liquid ) เปน็ ตัวพา ( Mobile Phase) เอาสารตวั อย่าง เหลา่ นน้ั ไปแยกในสภาวะทเ่ี หมาะสม โดยสามารถตรวววดั คา่ ของสารทแี่ ยกได้เหล่าน้นั ด้วยชดุ ตรวจวัดชนิดต่างๆทเี่ หมาะสม พรอ้ มท้สั ามารถคานวณหาชนดิ และปริมาณได้โดยเทียบกับสารมาตรฐานด้วยระบบคอมพวิ เตอร์การประยกุ ตใ์ ชง้ าน สามารถประยุกต์ใช้ในงานวิเคราะห์สารกาจัดศัตรูพืชตกค้าง กลุ่มCarbamate สารตกค้างในอาหารประเภทสารกาจัดศัตรูพืชจาพวก Sethoxdim,Copper terephthalate , Trifunizole , Pyridate ฯลฯ สารตกคา้ งในอาหารประเภทสารพิษจากเช้ือรา เชน่ MycotoxinAflatoxin 23

Gas Chromatograph (ECD Detector) เป็นเครือ่ งวเิ คราะหห์ าชนดิ และปริมาณของสารต่างๆในสารตัวอย่าง โดยใช้ก๊าซเป็นตัวพาเอาสารตัวอย่างน้ันไปไหลแยก ในสภาวะท่ีเหมาะสม แล้วตรวจวัดค่าของสารที่ แยกไดเ้ หล่าน้ัน ดว้ ยชุดตรวจวัดชนิด Electron Capt ure Detectorพร้อมทั้งคานวณหาชนิด และปริมาณเทียบกับสารมาตรฐานโดยอัตโนมัติด้วยระบบคอมพิวเตอร์การประยกุ ต์ใชง้ านสารกาจดั ศัตรพู ืชตกคา้ งประเภทท่ีมีธาตุคลอรีนเป็นองค์ประกอบ(Organo Chlorinated Pesticides) ในอาหารประเภท เนื้อสตั ว์ ,ผกั สด , ผลไม้เปน็ ต้น เชน่ สารจาพวก DDT , DDE , Dieldrin , Aidrin , Hleptaclor เป็นตน้สามารถติดต้งั ส่วนฉดี สารตัวอย่างแบบอตั โนมัติ และส่วนตรวจวดั เพอ่ื ทาการวิเคราะหไ์ ดพ้ ร้อมกนั 2 ชอ่ งทางทาให้เหมือนมเี ครื่องวิเคราะห์ 2 เครือ่ ง ทางานพร้อมกันทาให้การรายงานผลการวเิ คราะหอ์ อกได้รวดเร็ว เป็นเท่าตัวของเครื่องปกติทใ่ี ชง้ านเพียง 1 ชอ่ งทาง 24

Liquid Chromatograph Mass Spectrometer (LCMS) เป็นเครอื่ งวิเคราะห์หาชนิดและปรมิ าณของสารตา่ งๆในสารตวั อย่าง โดยใช้หลักการวเิ คราะหห์ าคา่ มวลต่อประจุ( Mass Number) ของสารตา่ งๆทแ่ี ยกได้จากชุดแยกสารทใ่ี ชข้ องเหลวเป็นตวั พา( Liquid Chromatograph ) ซึง่ สามารถแปรผลหาชนิด และปรมิ าณโครงสร้างโมเลกลุ ของสารเหล่านัน้ ได้โดยอัตโนมัตดิ ้วยระบบคอมพิวเตอร์การประยกุ ตใ์ ชง้ าน สารตกค้างในปริมาณนอ้ ยมากในระดบั ppb และ ยนื ยนั การตรวจพบในอาหารประเภทเนือ้ สตั ว์ เช่น ยาฆา่ เชื้อในกลุ่ม Tetracyclin , Spiramycin,Diclazuril , Nicarbazin และ Sulfa Drug เปน็ ต้น การยนื ยนั ผลของยา Antibacterial จานวน 9 ชนิด รวมถงึ กลมุ่Nitrofuran & Chloramphenical งานวเิ คราะหท์ วี่ ิเคราะห์ โดย HPLC ท้ังหลายที่ตอ้ งการการยนื ยันเชงิคุณภาพ 25

ให้นักศกึ ษาหาบทความวจิ ัยเก่ียวกับการวเิ คราะหส์ ารกลุม่ สารพิษทางการเกษตร หรอื โลหะหนัก ในส่งิ แวดลอ้ ม 26


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook