Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore มลพิษทางเสียง

มลพิษทางเสียง

Published by sutthirak_u, 2019-01-03 00:14:55

Description: มลพิษทางเสียง

Search

Read the Text Version

มลพิษทางเสียง(Noise Pollution) อาจารย์ ดร.สทุ ธริ กั ษ์ อ้วนศริ ิ 1สาขาวชิ าเคมี คณะวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั หมบู่ า้ นจอมบงึ

เสยี ง คือพลังงานที่เกิดจากการสน่ั สะเทือนของโมเลกลุ ในตวั กลางซ่งึ ก็คอื อากาศ การสน่ั สะเทอื นของอากาศผา่ นเข้าสอู่ วยั วะรบั เสียง คือ หู 2

1. ลักษณะของเสยี ง การวัดระดบั เสยี ง แบง่ ออกเปน็ 2 ประเภท คือ 1. ความถ่ี (frequency) ใช้บอกความสูงของเสยี ง วดั จากจานวนคล่ืนของเสยี งผ่านอากาศในหนึ่งหน่วยเวลา หน่วยวัดเปน็ เฮิรตซ์ (Hz) มนุษยจ์ ะได้ยนิเสียงทม่ี คี วามถ่ี 20-20,000 เฮริ ตซ์ เสยี งพดู คุยปกติอยูร่ ะหว่างความถี่ 500-4,000 เฮริ ตซ์ ส่วนเสยี งท่มี ีความถ่ีต่าหรือสงู กวา่ นัน้ หูของมนุษย์ไมส่ ามารถได้ยนิ หากคลนื่ เสียงตา่ กว่า 20 เฮริ ตซ์ เรียกวา่ คลืน่ ใตเ้ สยี ง (intrasound) ส่วนคลนื่ ที่มีความถีส่ งู กวา่ 20,000 เฮริ ตซ์ เรยี กว่า คลื่นเหนอื เสยี ง (ultrasound) 2. ความดงั คอื ขนาดของเสียง วัดในหนว่ ยเดซิเบล (decibel, dB)เสียงท่ีมคี วามดงั มากกว่า 85 เดซเิ บลข้นึ ไป เป็นอนั ตรายตอ่ มนุษย์ 3

เดซิเบล (decibel, dB) เป็นหน่วยวัดเทียบอัตราส่วนระหว่างปริมาณเสียงสองปริมาณใช้สาหรับวดั ความดังของเสียง คิดค้นโดย Alexander Graham Bell นิยมใชก้ นั มากในทางอคสู ตกิ ฟิสิกสแ์ ละอเิ ล็กทรอนิกส์ เดซิเบลเปน็ หน่วยวัดท่ีไม่มีหน่วยเหมือนค่าเปอร์เซ็นต์ หน่วยเดซิเบลเป็นหน่วยท่ีสามารถแสดงค่าสูงและค่าต่าเปรียบเทียบกันได้เนื่องจากคานวณจากการหาลอการิทึม ระดับเดซิเบลที่ถึงขั้นอันตรายของคนหูปกติคือ 85 เดซิเบลขึ้นไป (หลงั จากรบั ฟงั หลายชว่ั โมง) 4

5

ระดับความดังของเสียง (เดซเิ บล) 6

2. ประเภทของเสียงเสียงแบง่ ออกเปน็ 2 ประเภท คือ 1. เสยี งอกึ ทกึ (noise) เป็นเสียงทไ่ี มต่ ้องการ มีผลกระทบทางด้านจิตใจถ้าไดร้ บั ฟงั เปน็ เวลานานๆ จะทาให้ระบบการรับฟงั ผดิ ปกติ ลกั ษณะของเสยี งอึกทกึ ไดแ้ ก่ เสยี งทมุ้ ทเ่ี กดิ จากเครือ่ งยนต์ เสยี งเหล็กแหลมจากการเล่ือยโลหะ เสยี งจากการกระแทกในชว่ งเวลาสน้ั เชน่ เสียงคอ้ นทบุเสียงเคาะวัสดโุ ลหะ เสยี งเจาะถนน เสยี งจากการจราจร เชน่ เสยี งรถยนต์เคร่อื งบนิ รถไฟ เรือยนต์ 7

2. เสียงปกติ (sound) คอื เสยี งที่ฟงั แลว้ เกดิ ความสบายใจหเู ปน็ อวยั วะในการรับเสียง หแู บ่งเปน็ 3 ส่วน - หชู ั้นนอก ประกอบดว้ ย ใบหู รูหู เย่ือแก้วหู - หูชนั้ กลาง ประกอบด้วย กระดกู คอ้ นซ่ึงตดิ กับเยื่อแก้วหู กระดูกท่ังและกระดกู โกลน - หชู ั้นใน เปน็ ส่วนรับเสียง มีลักษณะเป็นก้นหอย และส่วนที่ควบคุมการทรงตัว เป็นทอ่ โคง้ คร่ึงวงกลมบรรจดุ ้วยของเหลว 8

ตารางแสดงอตั ราเรว็ ของเสยี งของตวั กลางชนดิ ตา่ ง ๆทีม่ า : (Sears F.W., Zemansky M.W. & Young H.D., 1982) ตวั กลาง อตั ราเรว็ (เมตร/วนิ าท)ีแก๊ส 331อากาศ (0 ºC) 343อากาศ (20 ºC) 1286ไฮโดรเจน (0 ºC) 317ออกซิเจน (0 ºC) 972ฮเี ลยี ม (0 ºC) 9

ตารางแสดงอตั ราเรว็ ของเสยี งของตวั กลางชนดิ ตา่ ง ๆ (ต่อ) ตวั กลาง อตั ราเรว็ (เมตร/วนิ าท)ีของเหลว (25 ºC)น้า 1493เมทลิ แอลกอฮอล์ 1143น้าทะเล 1533ของแขง็อะลมู เิ นยี ม 5100ทองแดง 3560เหลก็ 5130ตะกว่ั 1322 10

3. แหล่งกาเนดิ มลพษิ ทางเสยี ง 1. จากยานพาหนะ ยานพาหนะแต่ละชนิดจะก่อให้เกดิ ระดบั เสยี งตา่ งกนั 2. จากแหลง่ ชมุ ชน เช่น การกอ่ สร้าง ซอ่ มแซมอาคาร การจดุ ประทัดเสยี งปืน แตรรถยนต์ 3. จากโรงงานอุตสาหกรรม ซึง่ ความดงั ข้ึนอยู่กับประเภทของโรงงานเช่นเคร่ืองกาเนดิ ไฟฟา้ เครื่องทอผา้ เครอ่ื งใสไม้ 4. จากเครอ่ื งจกั ร รถไฟ และเครอ่ื งบนิ เปน็ เสยี งความถ่ีต่าที่มีความเข้มสูง มนษุ ยไ์ มส่ ามารถสมั ผสั ได้ แตจ่ ะรู้สกึ ในลักษณะการสัน่ สะเทือน กระจกสั่นหรือหลงั คาสนั่ เสยี งความถ่ตี ่าสามารถส่งผลกระทบต่ออารมณ์ ร้สู ึกอดึ อัดทาใหเ้ กิดความเครยี ดได้ 11

ตารางแสดงระดบั เสยี งของพาหนะเดนิ ทางประเภทตา่ ง ๆที่มา : (กองจัดการคณุ ภาพอากาศและเสยี ง กรมควบคมุ มลพิษ, 2558) ชนิดยานพาหนะ ระดบั ความดงั (เดซเิ บล) เงอ่ื นไขการวดัเรอื ยนต์ 85-96 วดั ท่ีระยะห่าง 1 เมตร ความถ่ี 125-รถจักรยานยนต์ 88 4,000 Hzรถสามล้อเครอ่ื ง 92 ลาดับท่ี 2-9 วัดห่างจากตัวรถ 4.6รถยนต์นั่งสว่ นบุคคล 85 เมตรรถแท็กซ่ี 87รถตู้ 87รถยนตโ์ ดยสาร 87รถบรรทกุ 6 ลอ้ 89รถบรรทุก 10 ล้อ 96เครอ่ื งบนิ ท่ัวไป 70-95เคร่ืองบินความเร็วต่ากว่าเสียง 120-140บนิ ทรี่ ะดับความสูง 1,000 ฟุต 12

ตารางแสดงคา่ มาตรฐานระดบั เสยี งจากชมุ ชนท่มี า : (กองจดั การคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคมุ มลพิษ, 2555) กจิ กรรม หนว่ ยงาน WHO USEPA1. การพกั อาศยั (ภายนอกอาคาร)- กลางวัน 55 เดซเิ บล 55 เดซเิ บล- กลางคืน 45 เดซเิ บล 55 เดซเิ บล2. การพกั อาศัย (ภายในอาคาร)- กลางวนั 45 เดซเิ บล 45 เดซเิ บล- กลางคนื 35 เดซเิ บล 45 เดซเิ บล3. การค้า (พาณชิ ยกรรม)- กลางวนั 70 เดซเิ บล -- กลางคนื 70 เดซเิ บล - 13

ตารางแสดงคา่ มาตรฐานระดบั เสยี งจากชมุ ชน (ตอ่ ) กิจกรรม หน่วยงาน WHO USEPA 4. การเรียน(อนุบาล)/ความเงียบสงบ 35 เดซเิ บล - 55 เดซเิ บล - - ระหวา่ งเวลาท่มี กี ารเรียนการสอน - - ระหวา่ งกิจกรรมในสนามเด็กเล่น - - - กลางวัน - - กลางคืน 14

5. เสยี งรบกวนจากสาเหตอุ นื่ ๆ ได้แก่ การโฆษณา เสยี งทะเลาะววิ าท เสยี งฟา้ รอ้ ง ฟ้าผ่า เสยี งจากการแสดงมหรสพตา่ ง ๆ สาหรับเสยี งในสถานประกอลการ เช่น เสียงในโรงงาน เสยี งในโรงภาพยนตร์ หรือเสยี งในสถานบนั เทงิ เป็นตน้ องคก์ ารอนามัยโลกไดก้ าหนดไวไ้ ม่เกนิ 85 เดซิเบล ในทุกขณะเวลา และฟังไดน้ านสุดไมเ่ กนิ 24 ช่ัวโมงต่อครงั้ภาพแสดงระดบั ความดงั ของเสยี งจากแหลง่ กาเนดิ ตา่ ง ๆ 15ทม่ี า : (กองจดั การคณุ ภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพษิ , 2555)

4. การตรวจวดั ระดบั เสยี งการตรวจวัดระดับเสียงจากรถ มี 2 วธิ ี- วิธีที่ 1 ตอ้ งไมเ่ กิน 100 เดซเิ บล ไมโครโฟนห่าง 0.5 เมตร จากปล่อยท่อไอเสยี ทามมุ 45 องศา ระดบั เดยี วกับทอ่ ไอเสยี และขนานกบั พน้ื- วิธีที่ 2 ต้องไมเ่ กิน 85 เดซเิ บล ไมโครโฟนห่าง 7.5 เมตร จากตัวรถ สงู1.2 เมตร และขนานกบั พืน้ภาพแสดงเครอ่ื งวดั ระดบั เสยี ง (Sound Level Meter) แบบตา่ ง ๆ 16

มาตรฐานและวธิ กี ารตรวจวดั ระดบั เสยี งจากรถและเรอื 1. ใหจ้ อดรถหรือเรืออยู่ในเกยี รว์ า่ ง 2. เร่งเคร่ืองยนต์ให้ความเร็วรอบสูงสุดในกรณีรถยนต์หรือเรือท่ีใช้เคร่ืองยนต์ดีเซล หรือเร่งเคร่ืองยนต์ให้มีความเร็วรอบเท่ากับ 3/4 ของความเร็วรอบสูงสุดในกรณีใช้เคร่ืองยนต์เบนซินหรือรถจักรยานยนต์ท่ีมีความเร็วรอบสูงสุดไม่เกิน 5,000 รอบต่อนาที และเร่งเคร่ืองยนต์ให้มีความเรว็ รอบเทา่ กบั 1/2 ของความเรว็ รอบสูงสุด ในกรณเี ป็นรถจกั รยานยนต์ที่มีความเร็วรอบสูงสดุ กว่า 5,000 รอบต่อนาที ในกรณีวัดจากเรือ การตรวจวัดระดับเสียงต้องไม่เกิน 100 เดซิเบลโดยไมโครโฟนหา่ ง 0.5 เมตร มมุ 45 องศา จากปลายทอ่ ไอเสยี หรือจากกราบเรือ โดยตงั้ ไมโครโฟนในระดับเดยี วกันกบั ปลายท่อไอเสยี และขนานกับผวิ น้า 17

18

19

5. ผลกระทบจากมลพษิ ทางเสยี ง อนั ตรายของเสยี ง ก่อใหเ้ กดิ ผลกระทบตอ่ สขุ ภาพไดเ้ ด่นชัดที่สดุ จากอาการประสาทหเู สื่อม หรอื การเส่ือมของการได้ยนิ ซึง่ องค์ประกอบทีท่ าใหเ้ กดิ อาการดังกลา่ ว ได้แก่ 1. ความเขม้ ของเสยี ง (intensity) เสยี งท่มี ีความเข้มสูง หรือเสียงทด่ี งั มากจะทาลายประสาทหูได้มาก 2. ความถขี่ องเสยี ง (frequency) เสยี งทมี่ ีความถี่สูง หรอื เสยี งแหลม จะทาลายประสาทหไู ดม้ ากกว่า เสียงท่ีมีความถ่ีตา่ 3. ระยะเวลาทไี่ ดย้ นิ เสยี ง (duration) การสัมผัสเสียงเปน็ เวลานาน จะทาใหป้ ระสาทหเู สือ่ มไดม้ ากขึ้น 4. ลกั ษณะของเสยี ง (nature of sound) เสยี งท่ีดังติดตอ่ กันไป(continuous Noise) จะทาลายประสาทหนู ้อยกวา่ เสยี งท่กี ระแทกไม่เปน็ จังหวดัหวะ (Impulse noise) 5. ความไวตอ่ การเสอ่ื มของหู (individual susceptibility) เป็นลกั ษณะเฉพาะตัวของแต่ละคน ซึง่ ไมเ่ หมอื นกัน บางคนเส่อื มงา่ ย บางคนเส่ือมยาก20

ผลกระทบจากมลพิษทางเสยี งอาจแยกไดเ้ ปน็ ดา้ น ๆ ดงั น้ี 1. ดา้ นการไดย้ นิ เปน็ ผลทีเ่ กิดตอ่ หู (auditory system) การได้รับฟงัเสยี งดังมากเปน็ เวลานานๆ อาจสง่ ผลถึงเย่ือแก้วหขู าดได้ สามารถแบง่ เปน็ 3ลกั ษณะคือ- หูหนวกทันที เกดิ ขน้ึ จากการทีอ่ ยู่ในบริเวณทีม่ ีเสยี งดงั เกิน 120 เดซเิ บล- หอู ื้อชวั่ คราว เกิดขน้ึ เมื่ออยใู่ นท่มี รี ะดับเสียงดงั ตง้ั แต่ 80 เดซเิ บลขน้ึ ไปในเวลาไม่นานนัก- หูออื้ ถาวร เกดิ ขน้ึ เมือ่ อยูใ่ นบริเวณที่มีระดบั ความดงั มากเป็นเวลานาน ๆ 2. ผลตอ่ จติ ใจ (psychological effect) เสียงดังเกินไปจะก่อใหเ้ กดิ ผลตอ่อารมณ์ จิตใจ หงุดหงดิ ราคาญ นอนไมห่ ลับ ทาใหม้ ผี ลตอ่ การทางานและการเรียนรู้ รบกวนการสนทนาและการบนั เทงิ เสยี สมาธิ 21

3. ผลต่อรา่ งกาย (physiological effect) ทาใหร้ ะบบการทางานผิดปกติอาจทาใหเ้ กดิ ความดันโลหติ สงู หัวใจเต้นแรง อตั ราการหายใจเปล่ยี นแปลง เกิดโรคกระเพาะ มผี ลกระทบต่อระบบการหมนุ เวียนของเลือด ตอ่ มไร้ทอ่ อวยั วะสบื พันธุ์ระบบประสาท และความผดิ ปกติของระบบการหดและบบี ลาไส้ใหญ่ 4. ด้านสงั คม กระทบต่อการสร้างมนษุ ยสมั พนั ธท์ ีด่ ี ทาใหข้ าดความสงบขาดสมาธใิ นการทางาน บางครั้งเกิดการผิดพลาดทาให้งานเสยี หรอื อาจทาใหเ้ กิดอุบัตเิ หตไุ ด้ 22

5. ด้านเศรษฐกจิ มีผลผลิตตา่ เน่อื งจากประสิทธภิ าพการทางานลดลง เสยีคา่ ใชจ้ า่ ยในการควบคุมเสียง 6. ด้านสง่ิ แวดลอ้ ม เสยี งดังมผี ลต่อการดารงชวี ติ ของสตั ว์ เช่น ทาใหส้ ัตว์ตกใจและอพยพหนี 7. เกิดความเสยี หายตอ่ วตั ถุ เสยี งทม่ี ีระดับสงู เชน่ เสียงจากเครื่องบินชนิดเรว็ กว่าเสียง ทาให้เกิดการส่ันสะเทือน บางครงั้ ยงั มคี วามดันทาใหอ้ ากาศมคี วามดนัสงู ขึ้นระหว่าง 1-10 ปอนด์ต่อตารางฟุต ทาให้วตั ถหุ รือสง่ิ ก่อสร้างบางชนดิ เช่นกาแพง ฝาผนงั หลังคา และหน้าต่างเกดิ การสั่นไหว หนา้ ตา่ งกระจกถกู ทาลายได้ 23

6. การปอ้ งกนั อนั ตรายจากมลพษิ ทางเสยี ง 1. ป้องกนั ทตี่ น้ เสยี ง โดยจัดหาอปุ กรณ์ทีม่ ีเสียงเบามาใช้งานแทน หรอืปรับปรงุ เสยี งให้ลดลง 2. ปอ้ งกนั เสยี งลอดผา่ น โดยการใชผ้ นังกัน้ อปุ กรณ์ท่ีกาเนดิ เสยี ง ใช้แผน่ ตะกัว่ หรือแผน่ ฉนวน บุผนงั ฝ้าและเพดาน 3. ใชอ้ ปุ กรณป์ อ้ งกนั เสยี งสาหรบั ผปู้ ฏบิ ตั งิ าน เช่นท่อี ุดหู ทปี่ ิดหู 4. ลดระยะเวลาในการทางานทเ่ี กยี่ วกบั เสยี งใหล้ ดลง สาหรับผปู้ ฏบิ ัติงาน 24

5. หลีกเลย่ี งบรเิ วณท่ีมเี สยี งอกึ ทกึ 6. กาหนดใหม้ มี าตรฐานควบคมุ ระดบั ความดงั ของเสยี งทกุ ประเภทและในทกุ พนื้ ท่ี และควบคุมระดับเสียงจากแหลง่ กาเนิดใหอ้ ยใู่ นระดบั ทีไ่ ด้มาตรฐานตามท่ีกฎหมายกาหนด โดยการ ใชก้ ระบวนการผลิตทไี่ มใ่ ช้เสียงดงั บุผนังห้องด้วยวัสดุลดเสียง หรือกาแพงก้ันเสียง 25

7. กาหนดเขตการใชท้ ดี่ นิ ประเภททกี่ อ่ ใหเ้ กดิ เสยี งดงั ราคาญ ใหอ้ ยหู่ า่ งจากสถานที่ทีต่ ้องการความสงบเงยี บ เช่น ชุมชนพกั อาศัย โรงเรียน โรงพยาบาลวัด เปน็ ต้น เพ่ือเพ่มิ ระยะทางระหว่างแหล่งกาเนิดเสียงกับชมุ ชน หรอื ให้มเี ขตกันชนเพอื่ ลดความดังของเสียง 8. ยกเวน้ หรอื ลดภาษใี นกจิ กรรมหรือวสั ดอุ ปุ กรณส์ าหรบั ควบคมุ และปอ้ งกันภาวะมลพิษทางเสยี ง 9. ให้การศกึ ษาและฝกึ อบรมดา้ นภาวะมลพษิ ทางเสยี งแก่ผูท้ ่มี ีส่วนเกย่ี วขอ้ ง 10. สนับสนนุ งานวจิ ยั เกย่ี วกบั การปอ้ งกนั ควบคมุ และแกไ้ ขภาวะมลพษิ ทางเสยี ง 11. สรา้ งเครอื ขา่ ยตรวจสอบและเฝา้ ระวงั แหลง่ กาเนดิ ภาวะมลพษิภายในชมุ ชน 12. รณรงคแ์ ละประชาสมั พนั ธ์ให้ประชาชนรู้ถงึ อนั ตรายจากภาวะมลพิษทางเสียง และรว่ มมอื กันปอ้ งกันมิใหเ้ กิดมลพษิ ทางเสียง 26

7. กฎหมายทเี่ กย่ี วขอ้ งในการจดั การปญั หามลพษิ ทางเสียงจากยานพาหนะตารางแสดงมาตรฐาน วิธีการตรวจวดั และขอ้ กาหนดเกย่ี วกบั เสยี งของยานพาหนะทม่ี า : (กองจัดการคณุ ภาพอากาศและเสียง กรมควบคมุ มลพิษ, 2561)พระราชบญั ญตั ิ กฎหมายทเ่ี กีย่ วขอ้ ง สาระสาคญัพ.ร.บ.สง่ เสรมิ และรกั ษา พ.ร.บ. ส่งเสรมิ และรกั ษาคณุ ภาพ ระดับเสยี งในขณะทีเ่ ดินเคร่ืองยนต์อยู่คุณภาพสง่ิ แวดลอ้ ม พ.ศ. สิง่ แวดลอ้ ม พ.ศ. 2535 กบั ที่โดยไมร่ วมเสียงแตรสญั ญาณ ต้อง2535 มรี ะดบั เสียงไมเ่ กิน 100 เดซิเบลเอ เมื่อตรวจวัดที่ระยะหา่ งจากรถยนต์ 0.5 เมตร หรอื 85 เดซิเบลเอ เม่ือ ตรวจวดั ทีร่ ะยะ 7.5 เมตร ประกาศกระทรวง ระดับเสียงในขณะท่ีเดินเครอื่ งยนตอ์ ยู่ ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละ กับท่ีโดยไม่รวมเสยี งแตรสญั ญาณ ตอ้ ง ส่งิ แวดล้อม เร่อื ง กาหนดระดบั มีระดับเสยี งไม่เกนิ 95 เดซิเบลเอ เม่ือ เสยี งของรถจักรยานยนต์ ตรวจวัดระดับเสียงในระยะหา่ งจาก รถจกั รยานยนต์ 0.5 เมตร 27

ตารางแสดงมาตรฐาน วิธกี ารตรวจวดั และขอ้ กาหนดเกยี่ วกบั เสยี งของยานพาหนะ (ต่อ)พระราชบญั ญตั ิ กฎหมายทเ่ี กยี่ วขอ้ ง สาระสาคญั การตรวจสภาพรถทขี่ อจดทะเบียนให้พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ. 2522 กฎกระทรวงฉบับที่ 4 (พ.ศ. ตรวจ ระบบเครอื่ งระงบั เสียง กาหนดให้รถยนตแ์ ละรถจักรยานยนต์ 2531) ตอ้ งมีอุปกรณส์ าหรับรถท่อไอเสยี พร้อมด้วยเคร่อื งระงบั เสียง กฎกระทรวงฉบับท่ี 22 ระดับเสยี งในขณะทเี่ ดินเครื่องยนต์อยู่ กบั ท่ีโดยไมร่ วมเสยี งแตรสญั ญาณ (พ.ศ.2537) ต้องมีระดับเสียงไมเ่ กนิ 95 เดซิเบลเอ เม่อื ตรวจวัดระดบั เสียงในระยะห่าง ประกาศกรมการขนสง่ ทางบก จากรถจกั รยานยนต์ 0.5 เมตร เร่อื ง กาหนดระดบั เสียงและ วธิ ีการตรวจวัดระดบั เสียงของ รถจักรยานยนต์ พ.ศ. 2548 28

ตารางแสดงมาตรฐาน วธิ กี ารตรวจวดั และข้อกาหนดเกยี่ วกบั เสยี งของยานพาหนะ (ต่อ) พระราชบญั ญตั ิ กฎหมายทเี่ ก่ียวขอ้ ง สาระสาคญัพระราชบญั ญตั มิ าตรฐาน ประกาศกระทรวงอตุ สาหกรรม ระดบั เสยี งสูงสดุ ที่ออกจากท่อไอเสียที่ผลติ ภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรม พ.ศ. ฉบับที่ 2629 (พ.ศ. 2543) เรอื่ ง ประกอบเขา้ กบั รถจักรยานยนตใ์ นสภาพ2511 แกไ้ ขมาตรฐาน ใชง้ านปกติ ในขณะทีย่ านพาหนะอยู่กับ ผลติ ภัณฑ์อตุ สาหกรรมท่อไอเสยี ท่ี ตอ้ งไม่เกนิ 95 เดซิเบลเอ รถจักรยานยนต์ (แกไ้ ขครัง้ ที่ 2)พระราชบญั ญตั กิ ารขนสง่ ทาง กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 9 รถทใี่ ช้ในการขนสง่ โดยสาร และรถบก พ.ศ. 2522 (พ.ศ.2524) ขนาดเล็ก จะตอ้ งมอี ปุ กรณแ์ ละสว่ น ควบ โดยเครอื่ งกาเนิดพลงั งานที่ไมท่ า ใหเ้ กดิ เสยี งเกินกาลงั ท่ีกรมการขนส่ง ทางบกกาหนด ท้ังนีใ้ หม้ ีฝาครอบ เคร่อื งกาเนดิ พลงั งานขนาดปดิ เครอ่ื งให้ สนิท และสามารถเก็บเสียงได้และมี ระบบไอเสียทม่ี เี ครอ่ื งระงับเสียง 29

ตารางแสดงมาตรฐาน วธิ ีการตรวจวดั และขอ้ กาหนดเกยี่ วกบั เสยี งของยานพาหนะ (ต่อ)พระราชบญั ญตั ิ กฎหมายทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง สาระสาคญัพระราชบญั ญตั จิ ราจรทางบก ขอ้ กาหนดกรมตารวจ กาหนดมาตรฐานค่าควันดา แกส๊ และพ.ศ. 2522 เรือ่ ง กาหนดมาตรฐานคา่ ควนั ระดบั เสยี งของรถ ท่ียอมใหน้ ามาใช้ใน ดา ก๊าช และระดบั เสยี งของรถซ่งึ ทางเดินรถ ตลอดจนการตรวจสอบ อยใู่ นเกณฑ์ท่ยี ินยอมให้นามาใช้ และวธิ ีการตรวจวัด ใหเ้ ป็นไปตาม ในทางเดินรถได้ ประกาศกระทรวงวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยแี ละสิง่ แวดล้อม 30

8. การใชป้ ระโยชนจ์ ากเสยี ง1 การสรา้ งเครอ่ื งโซนาร์ เคร่ืองโซนาร์ (sonar) ย่อมาจาก sound navigation and rangingเป็นเคร่ืองมืออิเล็กทรอนิกส์สาหรับตรวจหาวัตถุใต้น้า มีหลักการทางานทานองเดยี วกบั เคร่อื งเรดาร์แต่โซนาร์ใช้คล่ืนเสยี ง (เรดาร์ใชค้ ลืน่ แม่เหล็กไฟฟ้า) และต้องใช้ในน้าแทนท่ีจะใช้ในอากาศดังเช่นเรดาร์ เครื่องโซนาร์อาจใช้ค้นหาเรือดาน้า หาตาแหนง่ ของเรอื ท่จี มในทะเล หาฝงู ปลาและหยง่ั ความลกึ ของทอ้ งทะเลได้อยา่ งดี 31

ภาพแสดงการทางานของเครอื่ งโซนาร์ 32

2. อัลตราซาวด์ อัลตราซาวด์ (ultrasound) เป็น การตรวจวิเคราะห์โดยการใช้เคล่ือนเสียงความถี่สูง โดยมีหลักการคือ การส่งคล่ืนเสียงความถี่สูงออกจากเคร่ืองอัลตราซาวด์ ผ่านผนังหน้าท้องเข้าไปภายในช่องท้อง เม่ือคล่ืนเสียงไปกระทบอวัยวะท่ีทึบหรือมีความหนาแน่นแตกต่างกัน ก็จะสะท้อนกลับมาที่เครื่องอัลตราซาวด์ และแปลงเป็นสัญญาณภาพปรากฏบนจอมอนเิ ตอร์ ซ่งึ สามารถถ่ายเป็นภาพบนแผน่ เอก็ ซเรย์เก็บไวไ้ ด้ 33

ภาพแสดงการใช้การสะทอ้ นของคลนื่ เหนอื เสยี งในการตรวจครรภ์ 34


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook