Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore E-BOOK-กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ

E-BOOK-กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ

Published by Setthawut Tiwsroy, 2021-10-17 15:31:26

Description: กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศได้จัดทำหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ)ฉบับนี้ ซึ่งเป็นเอกสารประกอบหลักสูตรสถานศึกษา (ฉบับปรับปรุงพุทธศักราช2563) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาพุทธศักราช2551 เพื่อเป็น เป้าหมายในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน และกระบวนการจัดการเรียเพื่อเป็นกรอบและทิศทางในการจัดการรู้ เรียนการสอน ให้ตรงตามมาตรฐานตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้ ของกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศโดย พิจารณาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นฐาน พื้2551 (ฉบับปรับปรุงพุทธศักราช2560) หลักสูตร สถานศึกษา พุทธศักราช2560 (ฉบับปรับปรุงพุทธศักราช2563)

Keywords: การศึกษา

Search

Read the Text Version

คาอธิบายรายวชิ าเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ รายวชิ าเพม่ิ เติม อ 11202ทกั ษะภาษาองั กฤษ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 เวลาเรียน 80ชว่ั โมง (2ชวั่ โมง/สปั ดาห์) เขา้ ใจคาสงั่ และใชค้ าสง่ั ในหอ้ งเรียนคาขอร้องตวั อกั ษรเสียงตวั อกั ษรสระการสะกดคาการอา่ นออกเสียงคากลุม่ คาประโยค ท่ีมีความหมายสมั พนั ธก์ บั สิ่งตา่ งๆใกลต้ วั อาหารเคร่ืองด่ืมบทอ่านบทสนทนาดว้ ยภาษาง่ายๆประโยคนิทานง่ายๆที่มี ภาพประกอบการเลา่ นิทานประกอบท่ทางใหข้ อ้ มลู และความตอ้ งการเก่ียวกบั ตนเองส้นั ๆเช่นการพดู แนะนาตนเองขอบคุณ ขอโทษเรียนรู้คาศพั ทเ์ กี่ยวกบั เทศกาลขนบธรรมเนียมประเพณีเทศกาลงานฉลองเห็นประโยชน์ในการเรียนรู้ภาษาองั กฤษ โดยสนใจเขา้ ร่วมกิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมและแสวงหาความรู้ความเพลิดเพลินจากภาษาองั กฤษการร้องเพลง เพือ่ ใหเ้ กิดความรู้ความเขา้ ใจสามารถส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรู้และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวติ ประจาวนั โดยใชก้ ระบวนการ ทางภาษานามาปฏิบตั ิไดแ้ ก่การฟังการพดู โตต้ อบและทาท่ประกอบการอา่ นออกเสียงการระบุตวั อกั ษรเพอ่ื ใหน้ กั เรียนมี ความสามารถในการส่ือสารการคิดการใชเ้ ทคโนโลยมี ีวนิ ยั ใฝ่ เรียนรู้ม่งุ มนั่ ในการทางานมีเจคติท่ีดีตอ่ วซิ าภาษาองั กฤษ ผลการเรียนรู้ 1. สามารถปฏิบตั ิตามคาสง่ั คาขอร้องที่ฟัง 2. สามารถอา่ นออกเสียงตวั อกั ษรคากลุ่มคาประโยคง่ายๆและบทพดู เขา้ จงั หวะง่ายๆตามหลกั การอา่ น 3. สามารถบอกความหมายของคาและกลมุ่ คาท่ีฟังตรงตามความหมายตอบคาถามการฟังท่ีมีภาพประกอบหรืออ่านประโยค บทสนทนาหรือนิทานง่ายๆ 4. สามารถพดู โตต้ อบดว้ ยคาส้นั ๆง่ายๆในการส่ือสารระหวา่ งบุคคลตามแบบที่ฟังใชค้ าสง่ั และคาขอร้องง่ายๆบอกความ ตอ้ งการและความรู้สึกของตนเองพดู ขอและใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั ตนเองและเพือ่ น 5. สามารถพดู และทาท่าประกอบตามมารยาทสงั คมวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษาเขา้ ร่วมกิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมที่ เหมาะสมกบั วยั 6. สามารถใหข้ อ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเองและขอ้ มลู ของผอู้ ื่นได้ 7. สามารถถาม-ตอบประโยคง่ายๆ รวม7 ผลการเรียนรู้

คาอธิบายรายวชิ าเพิ่มเติม กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ รายวชิ าเพิม่ เติม อ 12202ทกั ษะภาษาองั กฤษ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 2 เวลาเรียน 80ชว่ั โมง (2ชวั่ โมง/สปั ดาห์) ใชค้ าสงั่ ท่ีใชใ้ นหอ้ งเรียนตวั อกั ษรเสียงตวั อกั ษรสระการสะกดคาการอ่านออกเสียงคากลมุ่ คาประโยคใหข้ อ้ มูลเก่ียวกบั ตนเองคาประโยคบทอา่ นบทสนทนาประโยคใหข้ อ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเองขอ้ ความที่ใชใ้ นการพดู ใหข้ อ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเองและ เรื่องใกลต้ วั คาที่มีความหมายสมั พนั ธก์ บั สิ่งต่างๆใกลต้ วั อาหารเคร่ืองด่ืมวฒั นธรรมเจา้ ของภาษาแสดงกิริยาการขอบคุณขอ โทษการพดู แนะนาตนเองกิจกรรมทางภาษาการร้องเพลงการใชภ้ าษาในการฟังพดู อา่ นในสถานการณ์ที่เกิดข้ึนในหอ้ งเรียน โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้การสืบคน้ ขอ้ มลู และมีทกั ษะทางสงั คมมีวถิ ีของระบอบประชาธิปไตยซื่อสตั ยใ์ เรียนรู้ แสดงออกถึงความเป็ นไทยเพอ่ื ใหเ้ กิดความรู้ความเขา้ ใจและสามารถส่ือสารส่ิงที่เรียนรู้และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ใน ชีวติ ประจาวนั โดยใชก้ ระบวนการทางภาษานามาปฏิบตั ิไดแ้ ก่การฟังการพดู โตต้ อบและทาทาประกอบการอา่ นออกเสียง การระบุตวั อกั ษรเพ่อื ใหน้ กั เรียนมีความสามารถในการส่ือสารการคิดการใชเ้ ทคโนโลยมี ีวนิ ยั ใฝ่ เรียนรู้มงุ่ มน่ั ในการทางานมี เจคติท่ีดีต่อวชิ าภาษาองั กฤษ ผลการเรียนรู้ 1. สามารถปฏิบตั ิตามคาสง่ั คาขอร้องที่ฟัง 2. สามารถอ่านออกเสียงตวั อกั ษรคากลุ่มคาประโยคง่ายๆและบทพดู เขา้ จงั หวะง่ายๆตาม หลกั การอา่ น 3. สามารถบอกความหมายของคาและกล่มุ คาที่ฟังตรงตามความหมายตอบคาถามการฟังที่มี ภาพประกอบหรืออ่านประโยคบทสนทนาหรือนิทานง่ายๆ 4. สามารถพดู โตต้ อบดว้ ยคาส้นั ๆง่ายๆในการสื่อสารระหวา่ งบุคคลตามแบบท่ีฟังใชค้ าสงั่ และ คาขอร้องง่ายๆบอกความตอ้ งการและความรู้สึกของตนเองพดู ขอและใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั ตนเอง และเพื่อน 5. พดู และทาท่าประกอบตามมารยาทสงั คมวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษาเขา้ ร่วมกิจกรรมทาง ภาษาและวฒั นธรรมท่ีเหมาะสมกบั วยั 6. สามารถใหข้ อ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเองและขอ้ มลู ของผอู้ ่ืนได้ 7. สามารถถาม-ตอบประโยคง่ายๆ รวม 7 ผลการเรียนรู้

คาอธิบายรายวชิ าเพม่ิ เติม กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ รายวชิ าเพ่มิ เติม อ 13202ทกั ษะภาษาองั กฤษ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 3 เวลาเรียน 80ชว่ั โมง (2ชวั่ โมง/สปั ดาห์) ศึกษาวเิ คราะห์คากล่มุ คาประโยคคาสงั่ คาขอร้องบทพดู เขา้ จงั หวะตามหลกั การอ่านภาพและ สญั ลกั ษณ์ตรงตามความหมายของกล่มุ คาและประโยคความตอ้ งการของตนเองตามแบบที่ฟังนิทานคาถาม ประโยคบทสนทนาขอ้ มลู เก่ียวกบั ตนเองและเพ่อื นขอ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเองและเร่ืองใกลต้ วั หมวดหมูค่ ูต่ าม ประเภทของบุคคลสตั วแ์ ละส่ิงของมารยาทสงั คมและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษาช่ือและคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั เทศกาลวนั สาคญั งานฉลองชีวติ ความเป็ นอยขู่ องเจา้ ของภาษาคากลมุ่ คาประโยคของภาษาต่างประเทศ และของไทยกิจกรรมทางภาษาวฒั นธรรมท่ีเหมาะกบั วยั ความแตกตา่ งของเสียงตวั อกั ษรคาศพั ทท์ ี่เก่ียวขอ้ ง กบั กลุม่ สาระการเรียนรู้อื่นรวมท้งั สถานการณ์ที่เกิดข้ึนในหอ้ งเรียนและคาศพั ทท์ ี่เก่ียวขอ้ งใกลต้ วั โดยใชก้ ระบวนการทางภาษานามาปฏิบตั ิไดแ้ ก่การฟังการพดู โตต้ อบและทาท่ประกอบการอา่ น ออกเสียงการระบุตวั อกั ษรการเขา้ ร่วมกิจกรรมทางภาษาเพอ่ื ใหน้ กั เรียนมีความสามารถในการสื่อสารการ คิดการแกป้ ัญหาการใชท้ กั ษะชีวติ เทคโนโลยแี ละมีมีวนิ ยั ใฝ่ เรียนรู้มุ่งมน่ั ในการทางานและมีเจคติท่ีดีตอ่ วชิ าภาษาองั กฤษ ผลการเรียนรู้ 1. สามารถใชค้ าทกั ทายคาอาลาและใชท้ ่าทางประกอบไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 2. สามารถเขียนและอ่านออกเสียงคาศพั ทท์ ่ีกาหนดให้ 3. เขา้ ใจและปฏิบตั ิตามคาสงั่ ง่าย . สามารถใหข้ อ้ มูลเก่ียวกบั ตนเองและขอ้ มูลของผอู้ ื่น 5. สามารถสะกดคาศพั ทไ์ ดถ้ กู ตอ้ ง 6. สามารถถาม-ตอบประโยคง่ายๆ 7. เขา้ ใจบทสนทนาและบทความส้นั ๆ 8. สามารถใชแ้ ละเขา้ ใจไวยากรณ์ภาษาองั กฤษ รวม8 ผลการเรียนรู้

คาอธิบายรายวชิ าเพ่มิ เติม กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ รายวชิ าเพ่มิ เติม อ 14202ทกั ษะภาษาองั กฤษ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 4 เวลาเรียน 80ชวั่ โมง (2ชว่ั โมง/สปั ดาห์) ศึกษาวเิ คราะห์ตวั อกั ษรและเสียงคากลุ่มคาประโยคคาถามบทสนทนาหลกั การอ่านคาสง่ั คา ขอร้องและคาแนะนานิทานภาพตรงตามความหมายความตอ้ งการของตนเองและความช่วยเหลือใน สถานการณ์ตา่ งๆขอ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเองเพ่อื นและครอบครัวขอ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเองและเร่ืองใกลต้ วั ความสมั พนั ธ์ของสิ่งต่างๆใกลต้ วั ทางประกอบอยา่ งสุภาพตามมารยาทสงั คมกิจกรรมทางภาษาและ วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษาความแตกตา่ งของเสียงตวั อกั ษรคากลุ่มคาประโยคและขอ้ ความของ ภาษาต่างประเทศและภาษาไทยความเหมือนและความแตกตา่ งระหวา่ งเทศกาลและงานฉลองตาม วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษากบั ของไทยและคาศพั ทท์ ี่เกี่ยวขอ้ งกบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อื่นและการสืบคน้ ขอ้ มลู รวบรวมขอ้ มูลตลอดจนสถานการณ์ท่ีเกิดข้ึนในหอ้ งเรียน โดยใชก้ ระบวนการทางภาษานามาปฏิบตั ิไดแ้ ก่การฟังการพดู โตต้ อบและทาท่าประกอบการอ่าน ออกเสียงการเขียนการเขา้ ร่วมกิจกรรมทางภาษาเพือ่ ใหน้ กั เรียนมีความสามารถในการส่ือสารการคิดการ แกป้ ัญหาการใชท้ กั ษะชีวติ เทคโนโลยมี ีวนิ ยั ใฝ่ เรียนรู้มงุ่ มนั่ ในการทางานและมีเจคติที่ดีตอ่ วชิ า ภาษาองั กฤษ ผลการเรียนรู้ 1. สามารถเขียนและอ่านออกเสียงคาศพั ทท์ ี่กาหนดให้ 2. สามารถใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั ตนเองและขอ้ มูลของผอู้ ื่น 3. เขา้ ใจและปฏิบตั ิตามคาสงั่ ง่ายๆ 4. สามารถสะกดคาศพั ทไ์ ดถ้ กู ตอ้ ง 5. สามารถถาม-ตอบประโยคง่ายๆ 6. เขา้ ใจคาสง่ั คาขอร้องภาษาท่าทางและคาแนะนาในสถานศึกษา 7. เขา้ ใจบทสนทนาและบทความส้นั ๆ 8. สามารถใชแ้ ละเขา้ ใจไวยากรณ์ภาษาองั กฤษพ้ืนฐาน รวมท้งั หมด8 ผลการเรียนรู้

คาอธิบายรายวชิ าเพมิ่ เติม กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ รายวชิ าเพมิ่ เติม อ 15202ทกั ษะภาษาองั กฤษ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 5 เวลาเรียน 80ชวั่ โมง (2ชวั่ โมง/สปั ดาห์) เขา้ ใจคาสงั่ คาขอร้องรูปประโยคและโครงสร้างประโยคคากลุ่มคาและประโยคการถา่ ยโอน เป็ นภาพสญั ลกั ษณ์เรื่องราวบทอา่ นบทสนทนาเรื่องส้นั เร่ืองเล่านิทานบทกลอนส้นั ๆการใช้ ประโยคเดี่ยวและประโยคผสม อ่านออกเสียงคากลุ่มคาประโยคขอ้ ความบทอ่านไดถ้ ูกตอ้ งตามหลกั การออกเสียงและการ ใชถ้ อ้ ยคาน้าเสียงการพดู เขียนโตต้ อบในการส่ือสารระหวา่ งบุคคลใชค้ าสงั่ คาขอร้องและใหค้ าแนะนา แสดงความตอ้ งการแสดงความรู้สึกขอความช่วยเหลือตอบรับและปฏิเสธในสถานการณ์ง่ายๆพดู เขียนเพอ่ื ขอและใหข้ อ้ มูลเก่ียวกบั ตนเองเพอื่ นครอบครัวและเร่ืองใกลต้ วั ซ่ึงอยใู่ นทอ้ งถ่ินของตนมี ทกั ษะการใชภ้ าษาตา่ งประเทศ (เนน้ การฟังพดู อา่ นเขียน) สนุกสนานและเพลิดเพลินจากกิจกรรม ภาษาตา่ งประเทศเห็นประโยชน์การเรียนภาษาต่างประเทศในการแสวงหาความรู้ความบนั เทิงและสนใจ เขา้ ร่วมกิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมมีความขยนั ซื่อสตั ยอ์ ดทนเสียสละและมีสมั มาคารวะ โดยใชก้ ระบวนการทางภาษานามาปฏิบตั ิไดแ้ ก่การฟังการพดู โตต้ อบและทาท่าประกอบการอา่ น ออกเสียงการเขียนการเขา้ ร่วมกิจกรรมทางภาษา เพอื่ ใหน้ กั เรียนมีความสามารถในการสื่อสารการคิดการแกป้ ัญหาการใชท้ กั ษะชีวติ เทคโนโลยมี ี วนิ ยั ใฝ่ เรียนรู้มุง่ มน่ั ในการทางานและมีเจคติท่ีดีตอ่ วชิ าภาษาองั กฤษ ผลการเรียนรู้ 1. นกั เรียนเขา้ ใจและปฏิบตั ิตามคาสง่ั คาขอร้องและคาแนะนาง่ายๆตามที่ฟังและอา่ นได้ ถกู ตอ้ ง 2. นกั เรียนรู้จกั ชนิดของคาศพั ทร์ ูปประโยคและการลาดบั คา (order) ตามโครงสร้างประโยค และสามารถนาไปใชพ้ ดู หรือเขียนในสถานการณ์ตา่ งๆไดถ้ กู ตอ้ งตามหลกั ไวยากรณ์ทางภาษา 3. นกั เรียนสามารถใหข้ อ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเองและขอ้ มลู ของผอู้ ื่นได้ 4. นกั เรียนสามารถพดู /อา่ นออกเสียงคาวลีประโยคขอ้ ความส้นั 1บทสนทนาไดถ้ กู ตอ้ งตาม หลกั การออกเสียง 5. นกั เรียนสามารถพดู /เขียนคาวลีประโยคถาม - ตอบแลกเปลี่ยนขอ้ มูลส่ือสารสร้างสมั พนั ธ์ ระหวา่ งบุคคลในสถานการณ์ตา่ งๆไดถ้ ูกตอ้ งตามหลกั โครงสร้างไวยากรณ์และโครงสร้างของ กาล (Tense) 6. นกั เรียนฟัง/อ่านคาวลีขอ้ ความส้นั ๆบทสนทนาแลว้ สามารถบอกความหมายสรุป ความหมายและตอบคาถามจากการฟังหรืออา่ นไดถ้ ูกตอ้ ง รวม6 ผลการเรียนรู้

คาอธิบายรายวชิ าเพ่ิมเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ รายวชิ าเพิม่ เติม อ 16202ทกั ษะภาษาองั กฤษ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 6 เวลาเรียน 80ชวั่ โมง (2ชว่ั โมง/สปั ดาห์) ศึกษาวเิ คราะห์หลกั การอา่ นออกเสียงขอ้ ความนิทานและบทกลอนส้นั ๆคาสง่ั คาขอร้องและ ตาแนะนาที่ฟังและอา่ นถกู ตอ้ งความหลกั การอ่านเลือกและระบุประโยคหรือขอ้ ความส้นั ๆตรงตามภาพ สญั ลกั ษณ์หรือเคร่ืองหมายที่อ่านการฟังและอา่ นบทสนทนานิทานง่ยๆและเร่ืองเล่าพดู และเขียนโตต้ อบ ในการส่ือสารระหวา่ งบุคคลแสดงความตอ้ งการขอความช่วยเหลือตอบรับและปฏิเสธการใหค้ วามช่วยเหลือ ในสถานการณ์ง่ายๆใหข้ อ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเองเพ่อื นและสิ่งแวดลอ้ มใกลต้ วั แสดงความรู้สึกของตนเอง เก่ียวกบั เร่ืองต่างๆใกลตั วั เขียนภาพแผนผงั แผนภมู ิและตารางแสดงขอ้ มลู ตา่ งๆที่ฟังหรืออ่าน เปรียบเทียบความเหมือนและความแตกต่างระหวา่ งเทศกาลงานฉลองและประเพณีของเจา้ ของภาษากบั ของ ไทยคน้ ควร้ วบรวมคาศพั ทท์ ี่เกี่ยวขอ้ งกบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืนจากแหลง่ เรียนรู้และนาเสนอดว้ ยการพดู และการเขียนใชภ้ าษาส่ือสารในสถานการณ์ต่างๆที่เกิดข้ึนในหอ้ งเรียนและสถานศึกษารวมถึงในการใช้ ภาษาต่างประเทศในการสืบคน้ และรวบรวมขอ้ มลู ต่างๆ โดยใชก้ ระบวนการทางภาษานามาปฏิบตั ิไดแ้ ก่อา่ นออกเสียงเลือกระบุบอกใจความสาคญั ตอบ คาถามพดู เขียนโตต้ อบบรรยายสืบคน้ คน้ ควา้ รวบรวม เพื่อใหน้ กั เรียนมีความสามารถในการส่ือสารการคิดการแกป้ ัญหาการใชท้ กั ษะชีวติ เทคโนโลยี และมีวนิ ยั ใฝ่ เรียนรู้ม่งุ มนั่ ในการทางานและมีเจคติท่ีดีต่อวชิ าภาษาองั กฤษ ผลการเรียนรู้ 1. นกั เรียนสามารถฟังพดู อา่ นเขียนและบอกความหมายของคาประโยคขอ้ ความบท สนทนา 2. นกั เรียนสามารถใหข้ อ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเองและขอ้ มูลของผอู้ ่ืนได้ 3. นกั เรียนเขา้ ใจและปฏิบตั ิตามคาสงั่ ง่ายๆ 4. นกั เรียนอธิบายประเภทของคาและนาไปใชใ้ นประโยคต่างๆ 5. นกั เรียนสามารถถาม-ตอบประโยคง่ายๆและเขา้ ใจโครงสร้างประโยคตามหลกั ไวยากรณ์ (Tense) 6. นกั เรียนสามารถเขียนประโยคคาสง่ั คาขอร้องการขออนุญาตประโยคบอกเล่าประโยค คาถามประโยคปฏิเสธ 7 . นกั เรียนเขา้ ใจบทสนทนาและบทความส้นั ๆได้ 8 นกั เรียนสามารถใชแ้ ละเขา้ ใจไวยากรณ์ภาษาองั กฤษพ้นื ฐานได้ รวม8 ผลการเรียนรู้























ส่ือการเรียนรู้ ส่ือการเรียนรู้เป็ นเครื่องมือส่งเสริมสนบั สนุนการจดั การกระบวนการเรียนรู้ใหผ้ เู้ รียนเขา้ ถึงความรู้ทกั ษะกระบวนการและ คุณลกั ษณะตามมาตรฐานของหลกั สูตรไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพสื่อการเรียนรู้มีหลากหลายประเภทท้งั สื่อธรรมชาติส่ือ สิ่งพิมพส์ ื่อเทคโนโลยแี ละเครือข่ายการเรียนรู้ต่างๆท่ีมีในทอ้ งถิ่นการเลือกใชส้ ่ือควรเลือกใหม้ ีความเหมาะสมกบั ระตบั พฒั นาการและลีลาการเรียนรู้ท่ีหลากหลายของผเู้ รียนการจดั หาสื่อการเรียนรู้ผเู้ รียนและผสู้ อนสามารถจดั ทาและพฒั นาข้ึน เองหรือปรับปรุงเลือกใชอ้ ยา่ งมีคุณภาพจากส่ือตา่ งๆที่มีอยรู่ อบตวั เพื่อนามาใชป้ ระกอบในการจดั การเรียนรู้ที่สามารถ ส่งเสริมและสื่อสารใหผ้ เู้ รียนเกิดการเรียนรู้โดยสถานศึกษาควรจดั ใหม้ ีอยา่ งพอเพียงเพื่อพฒั นาใหผ้ เู้ รียนเกิดการเรียนรู้อยา่ ง แทจ้ ริงสถานศึกษาเขตพ้นื ที่การศึกษาหน่วยงานที่เก่ียวขอ้ งและผมู้ ีหนา้ ที่จดั การศึกษาข้นั พ้นื ฐานควรดาเนินการดงั น้ี 1. จดั ใหม้ ีแหล่งการเรียนรู้ศูนยส์ ื่อการเรียนรู้ระบบสารสนเทศการเรียนรู้และเครือขา่ ยการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพท้งั ใน สถานศึกษาและในชุมขนเพือ่ การศึกษาคน้ ควา้ และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเรียนรู้ระหวา่ งสถานศึกษาทอ้ งถ่ิน ชุมชนสงั คมโลก 2. จดั ทาและจดั หาส่ือการเรียนรู้สาหรับการศึกษาคนั ควา้ ของผเู้ รียนเสริมความรู้ใหผ้ สู้ อนรวมท้งั จดั หาสิ่งที่มีอยใู่ นทอ้ งถ่ิน มาประยกุ ตใ์ ชเ้ ป็ นสื่อการเรียนรู้ 3. เลือกและใชส้ ื่อการเรียนรู้ที่มีคุณภาพมีความเหมาะสมมีความหลากหลายสอดคลอ้ งกบั วธิ ีการเรียนรู้ธรรมชาติของสาระ การเรียนรู้และความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคลของผเู้ รียน 4. ประเมินคุณภาพของส่ือการเรียนรู้ที่เลือกใชอ้ ยา่ งเป็ นระบบ 5. ศึกษาคน้ ควา้ วจิ ยั เพื่อพฒั นาสื่อการเรียนรู้ใหส้ อดคลอ้ งกบั กระบวนการเรียนรู้ของผเู้ รียนจดั ใหม้ ีการกากบั ติดตามประเมิน คุณภาพและประสิทธิภาพเกี่ยวกบั ส่ือและการใชส้ ่ือการเรียนรู้เป็ นระยะๆและสม่าเสมอ ในการจดั ทาการเลือกใชแ้ ละการประเมินคุณภาพส่ือการเรียนรู้ท่ีใชใ้ นสถานศึกษาควรคานึงถึงหลกั การสาคญั ของส่ือการ เรียนรู้เช่นความสอดคลอ้ งกบั หลกั สูตรวตั ถปุ ระสงคก์ ารเรียนรู้การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้การจดั ประสบการณ์ให้ ผเู้ รียนเน้ือหามีความถกู ตอ้ งและทนั สมยั ไมก่ ระทบความมน่ั คงของชาติไม่ขดั ต่อศีลธรรมมีการใชภ้ าษาท่ีถูกตอ้ งรูปแบบการ นาเสนอที่เขา้ ใจง่ายและน่าสนใจ

การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ สรุปแนวปฏิบตั ิการวดั และประเมินผลตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐานพทุ ธศกั ราช 2551หลกั สูตรแกนกลาง การศึกษาช้นั พ้ืนฐานพทุ ธศกั ราช 2551 กลุ่มสาระภาษาต่างประเทศโรงเรียนจึงมีการกาหนดเกณฑก์ ารวดั และประเมินผล กลางข้ึนประกอบดว้ ย 1. การตดั สินผลการเรียน 2. การใหร้ ะดบั ผลการเรียนการรายงานผลการเรียน 3. เกณฑก์ ารจบหลกั สูตรระดบั ประถมศึกษา 4. เกณฑก์ ารจบหลกั สูตรระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ 5. เกณฑก์ ารจบหลกั สูตรระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย 6. การพจิ ารณาเลื่อนช้นั 7. การจดั ใหเ้ รียนซ้าช้นั 8. เอกสารหลกั ฐานการศึกษา 9. การเทียบโอนผลการเรียน การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ของผเู้ รียนตอ้ งอยบู่ นหลกั การพ้นื ฐานสองประการคือการประเมินเพ่อื พฒั นาผเู้ รียนและ เพือ่ ตดั สินผลการเรียนในการพฒั นาคุณภาพการเรียนรู้ของผเู้ รียนใหป้ ระสบผลสาเร็จน้นั ผเู้ รียนจะตอ้ งไดร้ ับการพฒั นาและ ประเมินตามตวั ข้ีวดั เพ่ือใหบ้ รรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้สะทอ้ นสมรรถนะสาคญั และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ อง ผเู้ รียนซ่ึงเป็ นเป้ าหมายหลกั ในการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ในทุกระดบั ไม่วา่ จะเป็ นระดบั ช้นั เรียนระดบั สถานศึกษา ระดบั เขตพ้นื ที่การศึกษาและระดบั ซาติการวดั และประเมินผลการเรียนรู้เป็ นกระบวนการพฒั นาคุณภาพผเู้ รียนโดยใชผ้ ล การประเมินเป็ นขอ้ มลู และสารสนทศท่ีแสดงพฒั นาการความกา้ วหนา้ และความสาเร็จทางการเรียนของผเู้ รียนตลอดจน ขอ้ มลู ที่เป็ นประโยชนต์ อ่ การส่งเสริมใหผ้ เู้ รียนเกิดการพฒั นาและเรียนรู้อยา่ งเตม็ ตามศกั ยภาพการวดั และประเมินผลการ เรียนรู้แบ่งออกเป็ น 4 ระดบั ไดแ้ ก่ระดบั ช้นั เรียนระดบั สถานศึกษาระดบั เขตพ้ืนท่ีการศึกษาและระดบั ชาติมีรายละเอียดดงั น้ี 1. การประเมินระดบั ช้นั เรียนเป็ นการวดั และประเมินผลที่อยใู่ นกระบวนการจดั การเรียนรู้ผสู้ อนดาเนินการเป็ นปกติและ สม่าเสมอในการจดั การเรียนการสอนใชเ้ ทคนิคการประเมินอยา่ งหลากหลายเช่นการซกั ถามการสงั เกตการตรวจการบา้ น การประเมินโครงงานการประเมินชิ้นงาน/ ภาระงานแฟ้ มสะสมงานการใชแ้ บบทดสอบฯลฯโดยผสู้ อนเป็ นผปู้ ระเมินเอง หรือเปิ ดโอกาสใหผ้ เู้ รียนประเมินตนเองเพอื่ นประเมินเพื่อนผปู้ กครองร่วมประเมินในกรณีที่ไมผ่ า่ นตวั ช้ีวดั ใหม้ ีการสอน ซ่อมเสริมการประเมินระดบั ช้นั เรียนเป็ นการตรวจสอบวา่ ผเู้ รียนมีพฒั นาการความกา้ วหนา้ ในการเรียนรู้อนั เป็ นผลมาจาก

การจดั กิจกรรมการเรียนการสอนหรือไม่และมากนอ้ ยเพยี งใดมีสิ่งที่จะตอ้ งไดร้ ับการพฒั นาปรับปรุงและส่งเสริมในตา้ นใด นอกจากน้ียงั เป็ นขอ้ มลู ใหผ้ สู้ อนใชป้ รับปรุงการเรียนการสอนของตนดว้ ยท้งั น้ีโดยสอดคลอ้ งกบั มาตรฐานการเรียนรู้และ ตวั ช้ีวดั 2. การประเมินระดบั สถานศึกษาเป็ นการประเมินท่ีสถานศึกษาดาเนินการเพ่ือตดั สินผลการเรียนของผเู้ รียนเป็ นรายปี/ราย ภาคผลการประเมินการอา่ นคิดวเิ คราะห์และเขียนคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคแ์ ละกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียนนอกจากน้ีเพ่ือใหไ้ ด้ ขอ้ มลู เกี่ยวกบั การจดั การศึกษาของสถานศึกษาวา่ ส่งผลต่อการเรียนรู้ของผเู้ รียนตามเป้ าหมายหรือไม่ผเู้ รียนมีจุดพฒั นาใน ดา้ นใดรวมท้งั สามารถนาผลการเรียนของผเู้ รียนในสถานศึกษาเปรียบเทียบกบั เกณฑร์ ะดบั ชาติผลการประเมินระดบั สถานศึกษาจะเป็ นขอ้ มูลและสารสนเทศเพือ่ การปรับปรุงนโยบายหลกั สูตรโครงการหรือวธิ ีการจดั การเรียนการสอน ตลอดจนเพื่อการจดั ทาแผนพฒั นาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาตามแนวทางการประกนั คุณภาพการศึกษาและการ รายงานผลการจดั การศึกษาต่อคณะกรรมการสถานศึกษาสานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาช้นั พ้นื ฐานผปู้ กครองและชุมชน 3. การประเมินระดบั เขตพ้ืนที่การศึกษาเป็ นการประเมินคุณภาพผเู้ รียนในระดบั เขตพ้นื ท่ีการศึกษาตามมาตรฐานการเรียนรู้ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐานเพอ่ื ใชเ้ ป็ นขอ้ มูลพ้ืนฐานในการพฒั นาคุณภาพการศึกษาของเขตพ้นื ท่ีการศึกษา ตามภาระความรับผิดชอบสามารถดาเนินการโดยประเมินคุณภาพผลสมั ฤทธ์ิของผเู้ รียนดว้ ยขอ้ สอบมาตรฐานที่จดั ทาและ ดาเนินการโดยเขตพ้ืนที่การศึกษาหรือดว้ ยความร่วมมือกบั หน่วยงานตน้ สงั กดั ในการดาเนินการจดั สอบนอกจากน้ียงั ไดจ้ าก การตรวจสอบทบทวนขอ้ มลู จากการประเมินระดบั สถานศึกษาในเขตพ้ืนท่ีการศึกษา 4. การประเมินระดบั ชาติเป็ นการประเมินคุณภาพผเู้ รียนในระดบั ชาติตามมาตรฐานการเรียนรู้ตามหลกั สูตรแกนกลาง การศึกษาช้นั พ้นื ฐานสถานศึกษาตอ้ งจดั ใหผ้ เู้ รียนทุกคนที่เรียนในช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 3 ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 6 เขา้ รับการ ประเมินผลจากการประเมินใชเ้ ป็ นขอ้ มูลในการเทียบเคียงคุณภาพการศึกษาในระดบั ต่างๆเพ่อื นาไปใชใ้ นการวางแผน ยกระดบั คุณภาพการจดั การศึกษาตลอดจนเป็ นขอ้ มลู สนบั สนุนการตดั สินใจในระดบั นโยบายของประเทศขอ้ มลู การ ประเมินในระดบั ตา่ งๆขา้ งตน้ เป็ นประโยชน์ตอ่ สถานศึกษาในการตรวจสอบทบทวนพฒั นาคุณภาพผเู้ รียนถือเป็ นภาระ ความรับผดิ ชอบของสถานศึกษาที่จะตอ้ งจดั ระบบดูแลช่วยเหลือปรับปรุงแกไ้ ขส่งเสริมสนบั สนุนเพื่อใหผ้ เู้ รียนไดพ้ ฒั นา เตม็ ตามศกั ยภาพบนพ้นื ฐานความแตกต่างระหวา่ งบุคคลที่จาแนกตามสภาพปัญหาและความตอ้ งการไดแ้ ก่กลุม่ ผเู้ รียน ทว่ั ไปกลุ่มผเู้ รียนที่มีความสามารถพเิ ศษกลมุ่ ผเู้ รียนที่มีผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนต่ากลุม่ ผเู้ รียนที่มีปัญหาตา้ นวนิ ยั และ พฤติกรรมกลุม่ ผเู้ รียนท่ีปฏิเสธโรงเรียนกลุ่มผเู้ รียนที่มีปัญหาทางเศรษฐกิจและสงั คมกลุ่มพิการทางร่างกายและสติปัญญา เป็ นตน้ จากการประเมินจึงเป็ นหวั ใจของสถานศึกษาในการดาเนินการช่วยเหลือผเู้ รียนไดท้ นั ท่วงทีปิ ดโอกาสใหผ้ เู้ รียนไดร้ ับการ พฒั นาและประสบความสาเร็จในการเรียนสถานศึกษาในฐานะผรู้ ับผิดชอบจดั การศึกษาจะตอ้ งจดั ทาระเบียบวา่ ดว้ ยการวดั

และประเมินผลการเรียนของสถานศึกษาใหส้ อดคลอ้ งและเป็ นไปตามหลกั เกณฑแ์ ละแนวปฏิบตั ิที่เป็ นขอ้ กาหนดของ หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐานเพอื่ ใหบ้ ุคลากรที่เก่ียวขอ้ งทุกฝ่ ายถือปฏิบตั ิร่วมกนั เกณฑก์ ารวดั และประเมินผลการเรียน 1. การตดั สินผลการเรียน ในการตดั สินผลการเรียนของกลุ่มสาระการเรียนรู้การอ่านคิดวเิ คราะห์และเขียนคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคแ์ ละกิจกรรม พฒั นาผเู้ รียนน้นั ผสู้ อนตอ้ งคานึงถึงการพฒั นานกั เรียนแต่ละคนเป็ นหลกั และตอ้ งเก็บขอ้ มลู ของนกั เรียนทุกดา้ นอยา่ ง สม่าเสมอและต่อเน่ืองในแตล่ ะภาคเรียน มีเกณฑด์ งั น้ี (1) ผเู้ รียนตอ้ งมีเวลาเรียนไมน่ อ้ ยกวา่ ร้อยละ 80 ของเวลาเรียนท้งั หมด (2) ผเู้ รียนตอ้ งไดร้ ับการประเมินทุกตวั ช้ีวดั และผา่ นเกณฑไ์ มน่ อ้ ยกวา่ ร้อยละ 80ของจานวนตวั ช้ีวดั (3) ผเู้ รียนตอ้ งไดร้ ับการตดั สินผลการเรียนทุกรายวชิ า (4) ผเู้ รียนตอ้ งไดร้ ับการประเมินและมีผลการประเมินผา่ นตามเกณฑท์ ่ีสถานศึกษากาหนดในการอา่ นคิดวเิ คราะห์และเขียน คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคแ์ ละกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน 2. การใหร้ ะดบั ผลการเรียน 1 การตดั สินผลการเรียนรายวชิ าของกลุม่ สาระการเรียนรู้ใหใ้ ชร้ ะบบตวั เลข แสดงระดบั การเรียนในแตล่ ะกลมุ่ สาระดงั น้ี

2. การประเมินการอ่านคิดวเิ คราะห์และเขียนเป็ นผา่ นและไม่ผา่ นถา้ กรณีที่ผา่ นกาหนดเกณฑก์ ารตดั สินเป็ นตีเยยี่ มตีและ ผา่ นดีเยยี่ มหมายถึงมีผลงานท่ีแสดงถึงความสามารถในการอ่านคิดวเิ คราะห์และเขียน ท่ีมีคุณภาพดีเลิศอยเู่ สมอตีหมายถึงมีผลงานท่ีแสดงถึงความสามารถในการอ่านคิดวเิ คราะห์และเขียนที่มีคุณภาพเป็ นท่ี ยอมรับผา่ นหมายถึงมีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอา่ นคิดวเิ คราะห์และเขียนที่มีคุณภาพเป็ นที่ยอมรับแต่ยงั มี ขอ้ บกพร่องบางประการไมผ่ า่ นหมายถึงไมม่ ีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่านคิดวเิ คราะห์และเขียนหรือถา้ มี ผลงานผลงานน้นั ยงั มีขอ้ บกพร่องที่ตอ้ งไดร้ ับการปรับปรุงแกไ้ ขหลายประการ 3. การประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคร์ วมทุกคุณลกั ษณะเพอ่ื การเลื่อนช้นั และจบการศึกษาเป็ นผา่ นและไม่ผา่ นในการ ผา่ นกาหนดเกณฑก์ ารตดั สินเป็ นดีเยยี่ มตีและผา่ นและความหมายของแตล่ ะระดบั ดงั น้ีดีเยยี่ มหมายถึงผเู้ รียนปฏิบตั ิตนตาม คุณลกั ษณะจนเป็ นนิสยั และนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั เพ่อื ประโยชนส์ ุขของตนองและสงั คมโดยพิจารณาจากผลการ ประเมินระดบั ดีเยย่ี มจานวน 5 - 8 คุณลกั ษณะและไมม่ ีคุณลกั ษณะใดไดผ้ ลการประเมินต่ากวา่ ระดบั ดี ดีหมายถึงผเู้ รียนมี คุณลกั ษณะในการปฏิบตั ิตามกฎเกณฑเ์ พ่ือใหเ้ ป็ นการยอมรับของสงั คมโดยพจิ ารณาจาก 1) ไดผ้ ลการประเมินระดบั ดีเยย่ี มจานวน - 4 คุณลกั ษณะและไมม่ ีคุณลกั ษณะใดไดผ้ ลการประเมินต่ากวา่ ระดบั ดีหรือ 2) ไดผ้ ลการประเมินระดบั ดีเยย่ี มจานวนคุณลกั ษณะและไม่มีคุณลกั ษณะใดไดผ้ ลการประเมินต่ากวา่ ระดบั ผา่ นหรือ 3 ไดผ้ ลการประเมินระดบั ดีจานวน 5 - 8 คุณลกั ษณะและไม่มีคุณลกั ษณะใดไดผ้ ลการประเมินต่ากวา่ ระดบั ผา่ น ผา่ นหมายถึงผเู้ รียนรับรู้และปฏิบตั ิตามกฎเกณฑแ์ ละเงื่อนไขท่ีสถานศึกษากาหนดโดยพิจารณาจาก 1)ไดผ้ ลการประเมินระตบั ผา่ นจานวน 5 - 8 คุณลกั ษณะและไมม่ ีคุณลกั ษณะใดไดผ้ ลการประเมินต่ากวา่ ระดบั ผา่ นหรือ 2)ไดผ้ ลการประเมินระดบั ดีจานวน 4 คุณลกั ษณะและไม่มีคุณลกั ษณะใดไดผ้ ลการประเมินต่ากวา่ ระดบั ผา่ นไมผ่ า่ น หมายถึงผเู้ รียนรับรู้และปฏิบตั ิไดไ้ มค่ รบตามกฎเกณฑแ์ ละเง่ือนไขท่ีสถานศึกษากาหนดโดยพิจารณาจากผลการประเมิน ระดบั ไม่ผา่ นต้งั แต่ 1 คุณลกั ษณะ ตวั ช้ีวดั 3. การเล่ือนช้นั เมื่อสิ้นปี การศึกษาผเู้ รียนจะไดร้ ับการเลื่อนช้นั เมื่อมีคุณสมบตั ิตามเกณฑด์ งั ตอ่ ไปน้ี (1) ผเู้ รียนตอ้ งมีเวลาเรียนไม่นอ้ ยกวา่ ร้อยละ 80 ของเวลาเรียนท้งั หมด (2) ผเู้ รียนตอ้ งไดร้ ับการประเมินทุกตวั ช้ีวดั และผา่ นเกณฑไ์ ม่นอ้ ยกวา่ ร้อยละ 80 ของจานวน (3) ผเู้ รียนตอ้ งไดร้ ับการตดั สินผลการเรียนทุกรายวชิ าไมน่ อ้ ยกวา่ ระดบั \" 1 \"จึงจะถือวา่ ผา่ นเกณฑต์ ามที่สถานศึกษากาหนด

(4) นกั เรียนตอ้ งไดร้ ับการประเมินและมีผลการประเมินการอา่ นคิดวเิ คราะห์และเขียนในระดบั \"ผา่ น\"ข้ึนไปมีผลการ ประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคใ์ นระดบั \"ผา่ น\"ข้ึนไปและมีผลการประเมินกิจกรรมพฒั นานกั เรียนในระดบั \"ผา่ น\" ท้งั น้ีถา้ ผเู้ รียนมีขอ้ บกพร่องเพยี งเลก็ นอ้ ยและพจิ ารณาเห็นวา่ สามารถพฒั นาและสอนซ่อมเสริมไดใ้ หอ้ ยใู่ นดุลยพินิจของ สถานศึกษาที่จะผอ่ นผนั ใหเ้ ล่ือนช้นั ไดอ้ น่ึงในกรณีที่ผเู้ รียนมีหลกั ฐานการเรียนรู้ที่แสดงวา่ มีความสามารถตีเลิศสถานศึกษา อาจใหโ้ อกาสผเู้ รียนเล่ือนช้นั กลางปี การศึกษาโดยสถานศึกษาแต่งต้งั คณะกรรมการประกอบดว้ ยฝ่ ายวชิ าการของ สถานศึกษาและผแู้ ทนของเขตพ้ืนที่การศึกษาหรือตน้ สงั กดั ประเมินผเู้ รียนและตรวจสอบคุณสมบตั ิใหค้ รบถว้ นตาม เง่ือนไขท้งั 3 ประการตอ่ ไปน้ี 1. มีผลการเรียนในปี การศึกษาที่ผา่ นมาและมีผลการเรียนระหวา่ งปี ที่กาลงั ศึกษาอยใู่ นเกณฑต์ ีเยย่ี ม 2. มีวฒุ ิภาวะเหมาะสมท่ีจะเรียนในช้นั ที่สูงข้ึน 3. ผา่ นการประเมินผลความรู้ความสามารถทุกรายวชิ าของช้นั ปี ที่เรียนปัจจุบนั และความรู้ความสามารถทุกรายวซิ าในภาค เรียนแรกของช้นั ปี ที่จะเล่ือนข้ึนการอนุมตั ิใหเ้ ลื่อนช้นั กลางปี การศึกษาไปเรียนช้นั สูงข้ึนได้1 ระดบั ช้นั น้ีตอ้ งไดร้ ับการ ยนิ ยอมจากผเู้ รียนและผปู้ กครองและตอ้ งดาเนินการใหเ้ สร็จสิ้นก่อนเปิ ดภาคเรียนท่ี 2 ของปี การศึกษาน้นั สาหรับในกรณีที่ พบวา่ มีผเู้ รียนกล่มุ พเิ ศษประเภทต่าง ! มีปัญหาในการเรียนรู้ใหส้ ถานศึกษาดาเนินงานร่วมกบั สานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษา เฉพาะความพิการหาแนวทางการแกไ้ ขและพฒั นา 4. การสอนซ่อมเสริม การสอนซ่อมเสริมเป็ นการสอนเพ่อื แกไ้ ขขอ้ บกพร่องกรณีที่ผเู้ รียนมีความรู้ทกั ษะกระบวนการหรือคุณลกั ษณะไม่เป็ นไป ตามเกณฑท์ ี่กาหนดจะตอ้ งจดั สอนซ่อมเสริมเพอื่ พฒั นาการเรียนรู้ของผเู้ รียนเตม็ ตามศกั ยภาพการสอนซ่อมเสริมเป็ นการ สอนเพือ่ แกไ้ ขขอ้ บกพร่องกรณีที่ผเู้ รียนมีความรู้ทกั ษะกระบวนการหรือเจตคต/ิ คุณลกั ษณะไมเ่ ป็ นไปตามเกณฑท์ ี สถานศึกษากาหนดสถานศึกษาตอ้ งจดั สอนซ่อมเสริมเป็ นกรณีพเิ ศษนอกเหนือไปจากการสอนตามปกติเพ่ือพฒั นาให้ ผเู้ รียนสามารถบรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ช้ีวดั ท่ีกาหนดไวเ้ ป็ นการใหโ้ อกาสแก่ผเู้ รียนไดเ้ รียนรู้และพฒั นาโดยจดั กิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลายและตอบสนองความแตกต่างระหวา่ งบุคคล 5. การเปลี่ยนผลการเรียน การเปลี่ยนผลการเรียน\"0\"สถานศึกษาจดั ใหม้ ีการสอนซ่อมเสริมในมาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ช้ีวดั ที่ผเู้ รียนสอบไมผ่ า่ นก่อน แลว้ จึงสอบแกต้ วั ไดไ้ ม่เกิน 2 คร้ังถผ้ เู้ รียนไมด่ าเนินการสอบแกต้ วั ตามระยะเวลาท่ีสถานศึกษากาหนดใหอ้ ยใู่ นดุลยพนิ ิจ ของสถนศึกษาที่จะพจิ ารณาขยายเวลาออกไปอีก 1 ภาคเรียนสาหรับภาคเรียนท่ี 2 ตอ้ ง ดาเนินการใหเ้ สร็จสิ้นภายในปี การศึกษาน้นั ถา้ สอบแกต้ วั 2 คร้ังแลว้ ยงั ไดร้ ะดบั ผลการเรียน\"0\"อีกใหส้ ถานศึกษาแต่งต้งั คณะกรรมการดาเนินการเกี่ยวกบั การเปล่ียนผลการเรียนของผเู้ รียนโดยปฏิบตั ิดงั น้ี

1) ถา้ เป็ นรายวชิ าพ้นื ฐานใหเ้ รียนซ้ารายวชิ าน้นั 2) ถา้ เป็ นรายวชิ าเพมิ่ เติมใหเ้ รียนซ้าหรือเปลี่ยนรายวซิ าเรียนใหม่ท้งั น้ีใหอ้ ยใู่ นดุลยพนิ ิจของสถานศึกษาในกรณีท่ีเปลี่ยน รายวชิ าเรียนใหมใ่ หห้ มายเหตุในระเบียนแสดงผลการเรียนวา่ เรียนแทนรายวชิ าใดการเปล่ียนผลการเรียน\"ร\"การเปล่ียนผล การเรียน\"ร\"ใหด้ าเนินการดงั น้ีใหผ้ เู้ รียนดาเนินการแกไ้ ข\"ร\"ตามสาเหตเุ ม่ือผเู้ รียนแกไ้ ขปัญหาเสร็จแลว้ ใหไ้ ดร้ ะดบั ผลการ เรียนตามปกติ (ต้งั แต่ 0 - 4) ถา้ ผเู้ รียนไม่ดาเนินการแกไ้ ขกรณีท่ีส่งงานไมค่ รบแตม่ ีผลการประเมินระหวา่ งภาคเรียนและ ปลายภาคใหผ้ สู้ อนนาขอ้ มูลที่มีอยตู่ ดั สินผลการเรียนยกเวน้ มีเหตสุ ุดวสิ ยั ใหอ้ ยใู่ นดุลยพนิ ิจของสถานศึกษาที่จะขยายเวลา การแก\"้ ร\"ออกไปอีกไมเ่ กิน 1 ภาคเรียนสาหรับภาคเรียนท่ี 2 ตอ้ งดาเนินการใหเ้ สร็จสิ้นภายในปี การศึกษาน้นั เม่ือพน้ กาหนดน้ีแลว้ ใหเ้ รียนช้าหากผลการเรียนเป็ น\"0\"ใหด้ าเนินการแกไ้ ขตามหลกั เกณฑก์ ารเปลี่ยนผลการเรียน\"มส\"การเปลี่ยน ผลการเรียน\"มส\"มี๒กรณีดงั น้ี 1) กรณีผเู้ รียนไดผ้ ลการเรียน\"มส\"เพราะมีเวลาเรียนไม่ถึงร้อยละ 80แต่มีเวลาเรียนไม่นอ้ ยกวา่ ร้อยละ 60 ของเวลาเรียนใน ร้ายวชิ าน้นั ใหจ้ ดั ใหเ้ รียนเพ่มิ เติมโดยใชช้ ว่ั โมงสอนซ่อมเสริมหรือใชเ้ วลาวา่ งหรือใชว้ นั หยดุ หรือมอบหมายงานใหท้ าจนมี เวลาเรียนครบตามท่ีกาหนดไวส้ าหรับรายวชิ าน้นั แลว้ จึงใหว้ ดั ผลปลายภาคเป็ นกรณีพิเศษผลการแก\"้ มส\"ใหไ้ ดร้ ะดบั ผลการ เรียนไมเ่ กิน\"1\"การแก้ \"มส\"กรณีน้ีใหก้ ระทาใหเ้ สร็จสิ้นภายในปี การศึกษาน้นั ถา้ ผเู้ รียนไมม่ าดาเนินการแก้ \"มส\"ตามระยะเวลาท่ีกาหนดไวน้ ้ีใหเ้ รียนซ้ายกเวน้ มีเหตสุ ุดวสิ ยั ใหอ้ ยใู่ นดุลยพนิ ิจของสถานศึกษาที่จะ ขยายเวลาการแก\"้ มส\"ออกไปอีกไม่เกิน 1 ภาคเรียนแตเ่ ม่ือพนั กาหนดน้ีแลว้ ใหป้ ฏิบตั ิดงั น้ี (1) ถา้ เป็ นรายวชิ าพ้นื ฐานใหเ้ รียนซ้ารายวชิ าน้นั (2) ถา้ เป็ นรายวชิ าเพ่มิ ติมใหอ้ ยใู่ นดุลยพินิจของสถานศึกษาใหเ้ รียนซ้าหรือเปลี่ยน รายวชิ าเรียนใหม่ 2) กรณีผเู้ รียนไดผ้ ลการเรียน\"มส\"เพราะมีเวลาเรียนนอ้ ยกวา่ ร้อยละ 60 ของเวลาเรียน ท้งั หมดใหส้ ถานศึกษาดาเนินการดงั น้ี (1) ถา้ เป็ นรายวชิ าพ้ืนฐานใหเ้ รียนซ้ารายวชิ าน้นั (2) ถา้ เป็ นรายวซิ าเพมิ่ เติมใหอ้ ยใู่ นดุลยพินิจของสถานศึกษาใหเ้ รียนช้าหรือเปลี่ยน รายวชิ าเรียนใหม่ในกรณีที่เปลี่ยนรายวชิ าเรียนใหมใ่ หห้ มายเหตใุ นระเบียนแสดงผลการเรียนวา่ เรียนแทนรายวชิ าใดการ เรียนซ้ารายวชิ าผเู้ รียนท่ีไดร้ ับการสอนซ่อมเสริมและสอบแกต้ วั 2 คร้ังแลว้ ไม่ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินใหเ้ รียนซ้ารายวชิ าน้นั

ท้งั น้ีหอ้ ยใู่ นดุลยพินิจของสถานศึกษาในการจดั ใหเ้ รียนซ้าในช่วงใดช่วงหน่ึงที่สถานศึกษาเห็นวา่ เหมาะสมเช่นพกั ลางวนั วนั หยดุ ชวั่ โมงวา่ งหลงั เลิกเรียนภาคฤดูร้อนเป็ นตน้ ในกรณีภาคเรียนท่ี 2 หากผเู้ รียนยงั มีผลการเรียน\"0\"\"ร\"\"มส\"ใหด้ าเนินการใหเ้ สร็จสิ้นก่อนเปิ ดเรียนปี การศึกษาถดั ไป สถานศึกษาอาจเปิ ดการเรียนการสอนในภาคฤดูร้อนเพือ่ แกไ้ ขผลการเรียนของผเู้ รียนไดก้ ารเปล่ียนผล\"มผ\"กรณีที่ผเู้ รียน ไดผ้ ล\"มผ\"สถานศึกษาตอ้ งจดั ซ่อมเสริมใหผ้ เู้ รียนทากิจกรรมในส่วนที่ผเู้ รียนไม่ไดเ้ ขา้ ร่วมหรือไม่ไดท้ าจนครบถว้ นแลว้ จึง เปล่ียนผลจาก\"มผ\"เป็ น\"ผ\"ไดท้ ้งั น้ีดาเนินการใหเ้ สร็จสิ้นภายในภาคเรียนน้นั ๆยกเวน้ มีเหตสุ ุดวสิ ยั ใหอ้ ยใู่ นดุลยพินิจของ สถานศึกษาที่จะพจิ ารณาขยายเวลาออกไปอีกไมเ่ กิน 1 ภาคเรียนสาหรับภาคเรียนท่ี 2 ตอ้ งดาเนินการใหเ้ สร็จสิ้นภายในปี การศึกษาน้นั 6. การเรียนซ้าช้นั ผเู้ รียนท่ีไมผ่ า่ นรายวชิ าจานวนมากและมีแนวโนม้ วา่ จะเป็ นปัญหาต่อการเรียนในระดบั ช้นั ที่สูงข้ึนสถานศึกษาตอ้ งต้งั คณะกรรมการพิจารณาใหเ้ รียนช้าช้นั ไดท้ ้งั น้ีใหค้ านึงถึงวฒุ ิภาวะและความรู้ความสามารถของผเู้ รียนเป็ นสาคญั ผเู้ รียนที่ไม่ มีคุณสมบตั ิตามเกณฑก์ ารเล่ือนช้นั สถานศึกษาควรใหเ้ รียนซ้าช้นั ท้งั น้ีสถานศึกษาอาจใชด้ ุลยพินิจใหเ้ ลื่อนช้นั ไดห้ าก พจิ ารณาวา่ ผเู้ รียนมีคุณสมบตั ิขอ้ ใดขอ้ หน่ึงดงั ต่อไปน้ี 1) มีเวลาเรียนไม่ถึงร้อยละ 80 อนั เนื่องจากสาเหตุจาเป็ นหรือเหตุสุดวสิ ยั แต่มีคุณสมบตั ิตามเกณฑก์ ารเล่ือนช้นั ในขอ้ อ่ืนๆ ครบถว้ น 2) ผเู้ รียนมีผลการประเมินผา่ นมาตรฐานการเรียนรู้และตวั ช้ีวดั ไม่ถึงเกณฑต์ ามที่สถานศึกษากาหนดในแตล่ ะรายวชิ าแต่เห็น วา่ สามารถสอนซ่อมเสริมไดใ้ นปี การศึกษาน้นั และมีคุณสมบตั ิตามเกณฑก์ ารเลื่อนช้นั ในขอ้ อื่นๆครบถว้ น 3) ผเู้ รียนมีผลการประเมินรายวชิ าในกลุ่มสาระภาษาไทยคณิตศาสตร์วทิ ยาศาสตร์สงั คมศึกษาศาสนาและวฒั นธรรมอยใู่ น ระดบั ผา่ นก่อนท่ีจะใหผ้ เู้ รียนเรียนซ้าช้นั สถานศึกษาตอ้ งแจง้ ใหผ้ ปู้ กครองและผเู้ รียนทราบเหตุผลของการเรียนซ้าช้นั 7. เอกสารหลกั ฐานการศึกษา เอกสารหลกั ฐานการศึกษาเป็ นเอกสารสาคญั ท่ีบนั ทึกผลการเรียนขอ้ มูลและสารสนเทศที่เกี่ยวขอ้ งกบั พฒั นาการของผเู้ รียน ในตา้ นตา่ งๆแบ่งออกเป็ น 2 ประเภทดงั น้ี 1. เอกสารหลกั ฐานการศึกษาท่ีกระทรวงศึกษาธิการกาหนด 1.1 ระเบียนแสดงผลการเรียน (ปพ.1) เป็ นเอกสารแสดงผลการเรียนและรับรองผลการเรียนของผเู้ รียนตามรายวชิ าผลการ ประเมินการอา่ นคิดวเิ คราะห์และเขียนผลการประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคข์ องสถาศึกษาและผลการประเมินกิจกรรม พฒั นาผเู้ รียนสถานศึกษาจะตอ้ งบนั ทึกขอ้ มูลและออกเอกสารน้ีใหผ้ เู้ รียนเป็ นรายบุคคลเมื่อผเู้ รียนจบการศึกษาระดบั ประถมศึกษาและมธั ยมศึกษา

1.2 แบบรายงานผสู้ าเร็จการศึกษา (ปพ.3) เป็ นเอกสารอนุมตั ิการจบหลกั สูตรโดยบนั ทึกรายช่ือและขอ้ มูลของผจู้ บการศึกษา ระดบั ประถมศึกษาและมธั ยมศึกษา 2. เอกสารหลกั ฐานการศึกษาที่สถานศึกษากาหนดเป็ นเอกสารท่ีสถานศึกษาจดั ทาข้ึนเพอ่ื บนั ทึกพฒั นาการผลการเรียนรู้ และขอ้ มูลสาคญั เก่ียวกบั ผเู้ รียนเช่นแบบรายงานประจาตวั นกั เรียนแบบบนั ทึกผลการเรียนประจารายวชิ าระเบียนสะสม ใบรับรองผลการเรียนและเอกสารอ่ืนๆตามวตั ถปุ ระสงคข์ องการนาเอกสารไปใช้ 8. การเทียบโอนผลการเรียน สถานศึกษาสามารถเทียบโอนผลการเรียนของผเู้ รียนในกรณีต่างๆไดแ้ ก่การยา้ ยสถานศึกษาการเปล่ียนรูปแบบการศึกษา การยา้ ยหลกั สูตรการออกกลางคนั และขอกลบั เขา้ รับการศึกษาตอ่ การศึกษาจากตา่ งประเทศและขอเขา้ ศึกษาตอ่ ในประเทศ นอกจากน้ียงั สามารถเทียบโอนความรู้ทกั ษะประสบการณ์จากแหลง่ การเรียนรู้อ่ืนๆเช่นสถานประกอบการสถาบนั ศาสนา สถาบนั การฝึ กอบรมอาชีพการจดั การศึกษาโดยครอบครัวการเทียบโอนผลการเรียนควรดาเนินการในช่วงก่อนเปิ ดภาคเรียน แรกหรือตน้ ภาคเรียนแรกที่สถานศึกษารับผขู้ อเทียบโอนเป็ นผเู้ รียนท้งั น้ีผเู้ รียนที่ไดร้ ับการเทียบโอนผลการเรียนตอ้ งศึกษา ต่อเนื่องในสถานศึกษาที่รับเทียบโอนอยา่ งนอ้ ย 1 ภาคเรียนโดยสถานศึกษาที่รับผเู้ รียนจากการเทียบโอนควรกาหนด รายวชิ า/จานวนหน่วยกิตท่ีจะรับเทียบโอนตามความเหมาะสมการพจิ ารณาการเทียบโอนสามารถดาเนินการไดด้ งั น้ี 1. พจิ ารณาจากหลกั ฐานการศึกษาและเอกสารอ่ืนๆท่ีใหข้ อ้ มลู แสดงความรู้ความสามารถของผเู้ รียน 2. พิจารณาจากความรู้ความสามารถของผเู้ รียนโดยการทดสอบดว้ ยวธิ ีการตา่ งๆท้งั ภาคความรู้และภาคปฏิบตั ิ 3. พจิ ารณาจากความสามารถและการปฏิบตั ิในสภาพจริงการเทียบโอนผลการเรียนใหเ้ ป็ นไปตามประกาศหรือแนวปฏิบตั ิ ของกระทรวงศึกษาธิการ 9. การบริหารจดั การหลกั สูตร ในระบบการศึกษาท่ีมีการกระจายอานาจใหท้ อ้ งถ่ินและสถานศึกษามีบทบาทในการพฒั นาหลกั สูตรน้นั หน่วยงานต่างๆที่ เก่ียวขอ้ งในแต่ละระดบั ต้งั แตร่ ะตบั ชาติระดบั ทอ้ งถ่ินจนถึงระดบั สถานศึกษามีบทบาทหนา้ ท่ีและความรับผดิ ชอบในการ พฒั นาสนบั สนุนส่งเสริมการใชแ้ ละพฒั นาหลกั สูตรใหเ้ ป็ นไปอยา่ งมีประสิทธิภาพเพอ่ื ใหก้ ารดาเนินการจดั ทาหลกั สูตร สถานศึกษาและการจดั การเรียนการสอนของสถานศึกษามีประสิทธิภาพสูงสุดอนั จะส่งผลใหก้ ารพฒั นาคุณภาพผเู้ รียน บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ที่กาหนดไวใ้ นระดบั ชาติคุณภาพของของผเู้ รียนท่ีสาคญั และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคร์ ะดบั ทอ้ งถ่ินไดแ้ ก่สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาหน่วยงานตน้ สงั กดั อื่นๆเป็ นหน่วยงานท่ีมีบทบาทในการขบั เคล่ือนคุณภาพการ จดั การศึกษาเป็ นตวั กลางท่ีจะเช่ือมโยงหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐานที่กาหนดในระดบั ชาติใหส้ อดคลอ้ งกบั สภาพและความตอ้ งการของทอ้ งถิ่นเพอื่ นาไปสู่การจดั ทาหลกั สูตรของสถานศึกษาส่งเสริมการใชแ้ ละพฒั นาหลกั สูตรใน ระดบั สถานศึกษาใหป้ ระสบความสาเร็จโดยมีภารกิจสาคญั คือกาหนดเป้ าหมายและจุดเนน้ การพฒั นาคุณภาพผเู้ รียนใน ระดบั ทอ้ งถ่ินโดยพจิ ารณาใหส้ อดคลอ้ งกบั สิ่งท่ีเป็ นความตอ้ งการในระดบั ชาติพฒั นาสาระการเรียนรู้ทอ้ งถ่ินประเมิน

คุณภาพการศึกษาในระตบั ทอ้ งถ่ินรวมท้งั เพิ่มพนู คุณภาพการใชห้ ลกั สูตรดว้ ยการวจิ ยั และพฒั นาการพฒั นาบุคลากร สนบั สนุนส่งเสริมติดตามผลประเมินผลวเิ คราะห์และรายงานผลคุณภาพของผเู้ รียนสถานศึกษามีหนา้ ท่ีสาคญั ในการพฒั นา หลกั สูตรสถานศึกษาการวางแผนและดาเนินการใชห้ ลกั สูตรการเพิม่ พนู คุณภาพการใชห้ ลกั สูตรดว้ ยการวจิ ยั และพฒั นาการ ปรับปรุงและพฒั นาหลกั สูตรจดั ทาระเบียบการวดั และประเมินผลในการพฒั นาหลกั สูตรสถานศึกษาตอ้ งพจิ ารณาให้ สอดคลอ้ งกบั หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐานและรายละเอียดที่เขตพ้นื ที่การศึกษาหรือหน่วยงานสงั กดั อ่ืนๆใน ระดบั ทอ้ งถ่ินไดจ้ ดั ทาเพิ่มเติมรวมท้งั สถานศึกษาสามารถเพิม่ เติมในส่วนท่ีเกี่ยวกบั สภาพปัญหาในชุมชนและสงั คมภูมิ ปัญญาทอ้ งถ่ินและความตอ้ งการของผเู้ รียนโดยทุกภาคส่วนเขา้ มามีส่วนร่วมในการพฒั นาหลกั สูตรสถานศึกษา 4.2 เกณฑก์ ารตดั สินผลการเรียนรและมส. 4.2.1 ตดั สินผลการเรียนร หมายถึงรอการตดั สินและยงั ตดั สินผลการเรียนไม่ไดเ้ นื่องจากผเู้ รียนไมม่ ีขอ้ มลู ผลการเรียนในรายวชิ าครบถว้ นไดแ้ ก่ไม่ได้ วดั ผลกลางภาคเรียน/ปลายภาคเรียนไม่ไดส้ ่งงานท่ีมอบหมายใหท้ าซ่ึงงานน้นั เป็ นส่วนหน่ึงของการตดั สินผลการเรียนหรือ มีเหตสุ ุดวสิ ยั ท่ีทาใหป้ ระเมินผลการเรียนไมไ่ ด้ 1.2.2 ตดั สินผลการเรียนมส.หมายถึงผเู้ รียนไม่มีสิทธิเขา้ รับกรวดั ผลปลายภาคเรียนเน่ืองจากผเู้ รียนมีเวลาเรียนไมถ่ ึงร้อยละ 80 ของเวลาเรียนท้งั หมดและไม่ไดร้ ับการผอ่ นผนั ใหเ้ ขา้ รับการวดั ผลปลายภาคเรียนดงั น้นั โรงเรียนไดศ้ ึกษาเอกสารแนว ปฏิบตั ิการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐานพทุ ธศกั ราช 2551 และกาหนดระเบียบ ของโรงเรียนวา่ ดว้ ยการวดั และประเมินผลการเรียนใหส้ อดคลอ้ งและเป็ นไปตามเกณฑแ์ ละแนวปฏิบตั ิที่เป็ นขอ้ กาหนดของ หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐานเพอื่ ช่วยในการศึกษาเอกสารแนวปฏิบตั ิการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ดงั กล่าว ง่ายข้ึนจึงไดจ้ ดั ทาใบความรู้สรุปแนวปฏิบตั ิการวดั และประเมินผลตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐานพทุ ธศกั ราช ๕๕๑ซ่ึงประกอบดว้ ยเกณฑก์ ารวดั และประเมินผลระดบั ประถมศึกษาระดบั มธั ยมศึกษาและสรุปเกณฑก์ ารตดั สินการอ่าน คิดวเิ คราะห์และเขียนคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคแ์ ละเกณฑก์ ารตดั สินกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียนใหบ้ ุคลากรที่เก่ียวขอ้ งทุกฝ่ าย ถือปฏิบตั ิร่วมกนั ตามโครงสร้าง ตอนที่ 1 ระเบียบโรงเรียนวา่ ดว้ ยการวดั และประเมินผลการเรียนตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐานพทุ ธศกั ราช 2551ส่วนแรกประกาศการใชร้ ะเบียบหลกั การดาเนินการ หมวดท่ี 1วดั และประเมินผลการเรียน หมวดที่ 2 วธิ ีการวดั และประเมินผลการเรียน หมวดที่ 3เกณฑก์ ารวดั และประเมินผลการเรียน หมวดท่ี 4การรายงานผลการเรียน

หมวดที่ 5เอกสารหลกั ฐานการศึกษา หมวดที่ 6การเทียบโอนผลการเรียนบทเฉพาะกาล ตอนที่ 2 คาอธิบายระเบียบสถานศึกษาวา่ ดว้ ยการวดั และประเมินผลการเรียนตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ตอนที่ 3 อ่ืนๆ (ถา้ มี)เกณฑก์ ารประเมินทกั ษะตา่ งๆของกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศเอกสารหลกั ฐานท่ีสถานศึกษา ตอ้ งจดั ทาหรือตวั อยา่ งระเบียบคาสงั่ ที่เกี่ยวขอ้ ง





แผนการจัดการเรียนรู้ทพี่ ฒั นาโดยใช้นวตั กรรมMind Mapping กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาองั กฤษ ช้ันประถมศึกษาปี ที่ 1 หน่วยท่ี 1 เรื่อง Schoolจานวน 10 ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ 1Numbers เวลา 2 ช่ัวโมง 1.มาตรฐาน ตวั ชี้วดั ต 1.1 ป.1/2, ต 1.2 ป.1/1, ต 1.2 ป.1/4, ต 3.1 ป.1/1 ,ต 4.1 ป.1/1 2.สาระสาคญั การเรียนรู้คาศพั ทแ์ ละประโยคที่ใชส้ นทนาเกี่ยวกบั จานวน one to twenty การพดู ใหข้ อ้ มูลเกี่ยวกบั สิ่งของในหอ้ งเรียน จานวนส่ิงของในหอ้ งเรียน การบรรยายเก่ียวกบั จานวนส่ิงของในหอ้ งเรียน การอา่ นและเขียนเก่ียวกบั จานวนสิ่งของในหอ้ งเรียน ทาใหน้ กั เรียนไดฝ้ ึกใชภ้ าษาในสถานการณ์ จริงในหอ้ งเรียนและสามารถนาไปใชใ้ นการสื่อสารกบั บุคคลภายนอกไดอ้ ยา่ งมนั่ ใจ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. ออกเสียงคาศพั ท์ one–twenty ได้ 2. บอกความหมายของคาศพั ท์ one–twenty ได้ 3. พดู ใหข้ อ้ มลู เกี่ยวกบั จานวนสิ่งของในหอ้ งเรียนได้ 4. มีเจตคติท่ีดีตอ่ การใชภ้ าษาองั กฤษ 4. สาระการเรียนรู้ สามารถออกเสียงคาศพั ทแ์ ละบอกความหมายone–twentyได้ 5.กระบวนการจัดการเรียนรู้ ข้นั ที่ 1 ข้นั เตรียมความพร้อม กิจกรรมกลุ่มสมั พนั ธ์ โดยร้องเพลง Collect Money Songเพอ่ื แบ่งกลุ่มนกั เรียนออกเป็น กลุ่มๆละ 5-6 คน และ แนะนา กติกาการเรียนข้นั ตอนการทางาน และเอกสารบทอา่ นท่ีกาหนดให้ เป็ นสถานการณ์ประเด็นปัญหา ข้นั ท่ี ๒. กาหนดสถานการณ์ ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั อ่านออกเสียงตามครูและรับใบงานท่ี 1 แลว้ ปฏิบตั ิกิจกรรม ตามใบงานตามลาดบั แตล่ ะกลุ่มรับเอกสารบทอ่านและทากิจกรรตามใบงานท่ี1 ข้นั ที่ ๓ แลกเปลยี่ นการเรียนรู้/กจิ กรรมกลุ่ม ใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มแลกเปลี่ยนการเรียนรู้การอา่ นออกเสียงคาภาษาองั กฤษใหถ้ ูกตอ้ ง มากท่ีสุดแลว้ จดั ทาเป็นแผนภาพความคิดกลุ่ม

ข้นั ที่ ๔ นาเสนอผลงานหน้าช้ัน แต่ละกลุ่มร่วมกนั นาเสนอผลงานหนา้ ช้นั โดยการอ่านออกเสียงone–twenty ข้นั ที่ ๕ อภปิ รายแลกเปลย่ี นการเรียนรู้ท้งั ช้ัน นกั เรียนและครูร่วม แสดงขอ้ คิดเห็น วพิ ากวจิ ารณ์อยา่ งมีเหตุผลจากประเดน็ ท่ีไดใ้ ห้ นกั เรียนและครูร่วมกนั เพิ่มเติมประเด็นยอ่ ยๆในแต่ละประเดน็ ใหไ้ ดจ้ านวนมากที่สุด ข้นั ที่ ๖ ข้นั จัดทาเป็ นแผนภาพความคดิ อสิ ระ (Mind Mapping) นกั เรียนสรุปความคิดรวบยอด/สาระสาคญั ท่ีไดแ้ ลว้ เขียนเป็นแผนภาพความคิดเป็นของตนเองโดย เป็นองคค์ วามรู้ที่ไดจ้ ากการนาเสนอ ๖.สื่อ/อปุ กรณ์/แหล่งการเรียนรู้ ๑.ใบงานที่ ๑ ๒.บริเวณโรงเรียน ๓.หอ้ งสานกั งาน/โรงเรียน ๔.อุปกรณ์ท่ีนาเสนอคริปชาร์ด ๕.Powerpoint ๗.การวดั และประเมนิ ผล ครูประเมินนักเรียนโดย ๑.การสังเกตการณ์ทากิจกรรมทุกข้นั ตอน ๒.สังเกตกระบวนการเรียนรู้การทางานกลุ่ม การทาแผนภาพความคิด ๓.สงั เกตกระบวนการส่ือสาร การเจรจาการต่อรองการอภิปรายการยอมรับฟังความคิดเห็น ๔.ผลงานกลุ่มและชิ้นงานเดียว ครูประเมินตนเองโดย ๑.รวบรวมขอ้ มลู เกี่ยวกบั หลกั เกณฑก์ ารวเิ คราะห์ประเดน็ สาระสาคญั การอา่ นจบั ใจความ การสรุปประเด็นสาคญั ของเร่ือง รวบรวมขอ้ มลู เก่ียวกบั หลกั เกณฑก์ ารวเิ คราะห์เก่ียวกบั การสร้าง และเกิดความคิดรวบยอด ๒.สะทอ้ นบทบาทครูในการกระตุน้ และการส่งเสริมการเรียนรู้ ๘. ประเมินหลงั การสอน ๑. ประเมินนกั เรียน-------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ๒ ประเมินครู--------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
























Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook