หลกั ฐานช้ินที่ 2 เร่อื งสงครามช้างเผอื ก ช่วงการทาสงครามชา้ งเผือกในรชั สมยั สมเดจ็ พระมหาจักรพรรดิเจา้ กลับหง สาวดีโดยพระองค์ไดเ้ สดจ็ ออกไปรบศึกหงสาพร้อมดว้ ยสมเด็จพระองคม์ เหสี และสมเด็จพระเจา้ เธอพระราชบตุ รีและนามาสกู่ ารพ่ายแพ้แก่หงสาวดีในทส่ี ดุ
หลักฐานช้ินท่ี 3 เรอื่ งรัชสมยั สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ อธบิ ายเหตุการณ์สาคญั และพระราชกรณยี กจิ ต่างๆในชว่ งรัชสมัย พระบรมไตรโลกนาถ
หลักฐานชิน้ ท่ี 4 ภมู สิ ัณฐาน ตาแหน่งท่ตี ัง้ สภาพแวดล้อมทางภมู ิศาสตรแ์ ละสภาพแวดลอ้ มพน้ื ฐานของกรุงศรี อยุธยาต้งั อยบู่ นเกาะหนองโสน แมน่ า้ ล้อมเกาะโดยเกาะนั้นมสี ณั ฐานคล้ายสาเภา นาวามีพระราชอาณาเขตกว้างขวางทิศเหนือถงึ แดนลาวทศิ ใต้ถึงแยกแขกมลายู ทิศตะวนั ออกถึงแดนเมอื งเขมรทิศตะวนั ตกถงึ แดนมอญ
ใบงานท1ี่ .2 เร่อื งการประเมินหลักฐานทางประวัตศิ าสตร์ หลกั ฐานชิ้นที่ …….. เรือ่ ง .................................................... 1. การประเมนิ คุณค่าของหลกั ฐาน 1.1 การประเมินภายนอก 1) ประเภทของหลักฐาน (จาแนกจากความสาคัญของหลักฐาน) หลักฐานช้นั ต้น ,หลกั ฐานชั้นรอง 2) จดุ มุ่งหมาย เพอ่ื บันทกึ เร่อื งราว...............
1.2 การประเมินภายใน 1) สาระสาคัญทป่ี รากฏในหลกั ฐาน หลกั ฐานไดบ้ อกอะไรเปน็ ส่ิงสาคัญ เชน่ อธิบายเหตุการณ์ช่วง............... 2) ความเหมาะสมในประเด็นท่ีจะศึกษา สิ่งทเ่ี ราตอ้ งการศึกษาต่อหรอื สงสยั จากเรือ่ งนี้ เชน่ วีรกรรมบรรพบรุ ษุ ไทย
๒. การแยกแยะหลักฐานทางประวตั ศิ าสตร์ ๑) ทีม่ าของหลกั ฐาน จากทอ่ี ้างอิง ๒) ข้อมลู ที่เป็นความคดิ เหน็ คือส่งิ ท่มี าจากการเพิ่มเติมอาจจะเป็นความคิด ของผู้เขยี น ๓) ข้อมูลทเี่ ป็นข้อเทจ็ จรงิ คาอธบิ ายหรอื เหตผุ ลเกี่ยวกับความจรงิ นน้ั ๔) ขอ้ มลู ท่ีเป็นความจริง สิง่ ทเ่ี กิดข้ึนจริง
ความสาคญั การประเมินหลักฐาน ทางประวัติศาสตร์ เป็นวิธกี ารประเมนิ ความนา่ เช่อื ถอื ของหลักฐานทางระวตั ิศาสตร์เปน็ สว่ นหนงึ่ ของวธิ ีการทางประวัตศิ าสตรท์ ี่ทาให้ผ้ศู ึกษาไดข้ ้อเทจ็ จรงิ ทางประวัตศิ าสตร์ ท่นี า่ เชอ่ื ถือมากที่สดุ
การประเมินคณุ คา่ ของหลกั ฐาน กับการนาไปใช้ในชีวติ ประจาวัน สามารถนามาวเิ คราะหข์ อ้ มลู ขา่ วสารในโลกยุคปัจจบุ ันที่มกี ารสรา้ งข้อมลู เท็จ จนนาไปสู่การล่อลวงจากการโฆษณาชวนเช่อื ตา่ งๆ
รายวชิ า ประวัติศาสตร์ เร่อื ง การตีความหลักฐานทาง ประวตั ศิ าสตร์ รหัสวิชา ส 22102ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 2 ผสู้ อน ครนู ิตยา จวบรัมย์
ขั้นตอนวธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์ 1. การกาหนดหวั เร่อื ง การตง้ั สมมติฐานในวธิ ีการทาง 2. การรวบรวมขอ้ มลู ประวตั ศิ าสตรห์ รอื กาหนดประเดน็ ปัญหาคาถามที่สงสยั ต่าง ๆ การรวบรวมหลักฐานท่ีเก่ยี วขอ้ ง กับหัวขอ้ ที่จะศึกษาโดยมเี กณฑ์ ในการจาแนกหลักฐาน
ข้นั ตอนวธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์ 3. การประเมินคณุ คา่ ของหลักฐาน วิธีการประเมนิ ความนา่ เชือ่ ถอื ของ 4. การตีความข้อมูล หลักฐานทางระวัตศิ าสตรเ์ ปน็ สว่ นหนึง่ 5. การวิเคราะหแ์ ละสงั เคราะห์ข้อมลู ของวธิ ีการทางประวตั ศิ าสตร์ที่ทาให้ ผู้ศึกษาได้ขอ้ เท็จจรงิ ทางประวตั ศิ าสตร์ ทน่ี ่าเชื่อถือมากท่ีสดุ
ทบทวนการประเมินคุณคา่ ของหลักฐาน 1. การประเมนิ หลักฐานภายนอก 2. การประเมินหลักฐานภายใน 3. การแยกแยะหลักฐานทางประวัตศิ าสตร์
ขัน้ ตอนวิธีการทางประวัติศาสตร์ 1. การกาหนดหวั เร่อื ง 2. การรวบรวมข้อมลู 3. การประเมนิ คณุ ค่าของหลกั ฐาน 4. การตีความข้อมลู 5. การวเิ คราะห์และสังเคราะหข์ ้อมูล
ภาพสอง มุมมอง โดย นาย เกยี รตพิ งศ์ ฤกษ์วนั ชัย สบื ค้นจากhttp://www.nkw.ac.th/course/www.school.net.th/library/create-web/10000/language/10000- 8660.html ( เข้าถึงเมอื่ วนั ท่ี 20 พฤษภาคม 2562)
ภาพสอง มมุ มอง สบื คน้ จาก https://petmaya.com/13-optical-illusion-paintings ( เขา้ ถึงเม่อื วันท่ี 20 พฤษภาคม 2562)
ภาพมองกนั คนละมมุ สืบคน้ จากhttp://www.thaiwillpower.com/vdyo8otfhko/ ( เขา้ ถงึ เม่อื วันท่ี 20 พฤษภาคม 2562)
การตีความหลกั ฐาน คอื การทาความเขา้ ใจว่าหลกั ฐานทางประวัตศิ าสตรใ์ ห้ข้อมลู อะไร และข้อมลู นน้ั มคี วามหมายว่าอย่างไร
ความสาคญั การตคี วามหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตร์ 1. เพือ่ อธบิ ายเรื่องราวที่ปรากฏในหลักฐาน 2. เพ่ือตคี วาม วิเคราะหค์ วามสาคัญของหลกั ฐานทางประวัตศิ าสตร์ 3. เพอื่ วิพากษห์ รือวิจารณห์ ลักฐานว่ามคี วามเทย่ี งตรงไมล่ าเอียง 4.ช่วยอธบิ ายความถูกผดิ ของหลกั ฐานได้
การตีความหลกั ฐานทางประวัตศิ าสตร์ 1. การตคี วามข้ันตน้ 2. การตคี วามข้นั ลึก
1. การตคี วามขั้นต้น 1. การใชถ้ อ้ ยคาและสานวนโวหาร 2. อิทธพิ ลของทศั นคติ คา่ นยิ ม และสภาพแวดลอ้ มในช่วงเวลา ทบี่ นั ทกึ หลักฐาน 3. จดุ มุ่งหมายของหลกั ฐาน
2. การตคี วามขั้นลกึ การตีความขัน้ ลึก คน้ หาทัศนคตขิ องผเู้ ขียนที่ไม่เปดิ เผยอย่างตรงไปตรงมา อาจมี ข้อเท็จจรงิ บางอย่างแฝงอยู่ การตีความตอ้ งตีความไปตามขอ้ เท็จจรงิ
ลกั ษณะของขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ากการตคี วามหลกั ฐาน 1. ความจรงิ คือ สงิ่ ทมี่ ั่นคงไมเ่ ปลย่ี นแปลง และ เป็นที่ยอมรบั ของคนท่ัวไปไมม่ ีขอ้ โต้แยง้ 2. ขอ้ เทจ็ จริง คือ ความคดิ ความเชือ่ 3. ความคดิ เหน็ เปน็ สิ่งทีเ่ กิดจากประสบการณ์ ทศั นคติ
ตวั อย่างการตีความหลักฐาน สมเด็จพระนเรศวรมหาราช “เสด็จทรงช้างตน้ พญาไชยานุภาพ เสด็จออกรบ มหาอุปราชา(ท)ี่ ตาบลหนองสาหร่าย.......แลได้ชนช้างด้วยพระมหาอุปราชานัน้ .... คร้ังน้นั มหาอปุ ราชาขาดคอชา้ งตายในท่ีน้ัน” ทม่ี า : พระราชพงศาวดารกรงุ เก่าฉบับหลวงประเสริฐ ฯ. กรุงเทพมหานคร : มหาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช, 2547 หนา้ 65
คาชี้แจง : จากการอา่ นหลกั ฐานทป่ี รากฏ ให้นักเรียนวาดภาพชาวอยุธยาตาม จนิ ตนาการ พรอ้ มเขียนคาอธิบายไวด้ า้ นลา่ ง คาอธิบาย .............................................................................................................................. ..............................................................................................................................
สรุปกจิ กรรม เร่ืองการตีความหลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์ การตคี วามข้อมูลจะชว่ ยใหม้ ีมมุ มองทแี่ ตกต่างหลากหลาย เพราะการตคี วาม จากผศู้ กึ ษาทีแ่ ตกต่างกันทงั้ พนื้ ฐานความรู้ แนวคิด ประสบการณ์ ดงั น้ัน การท่ีจะศึกษาเร่ืองใดนั้นควรพจิ ารณาในหลายๆ มุมมอง เพื่อให้เกิด กระบวนการเรียนร้อู ยา่ งรอบด้าน
Search