Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วารสารวันภาษาไทย_compressed

วารสารวันภาษาไทย_compressed

Published by Dew Za, 2021-07-29 06:37:36

Description: วารสารวันภาษาไทย_compressed

Search

Read the Text Version

โรงเ ีรยนสาธิตจุฬาลงกร ์ณมหา ิวทยา ัลย ฝ่ายมัธยม วารสารกลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย ฉบบั พิเศษ ประจาํ ปี พ.ศ. ๒๕๖๔ วันภาษาไทยแหง่ ชาติ ๒๙ กรกฎาคม กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เชิญชวนคณาจารยแ์ ละนกั เรยี นโรงเรียนสาธติ จฬุ าฯ ฝ่ายมธั ยม เข้าร่วมทํากจิ กรรมเน่อื งในวนั ภาษาไทยแห่งชาติ กิจกรรมตอบคําถาม กิจกรรม CUD มีอะไรจะบอก กิจกรรมตารางชวนคดิ พชิ ิตอกั ษรไขว้ ต้ังแต่วันท่ี ๒๙ กรกฎาคม ถึง ๑๓ สงิ หาคม ๒๕๖๔ โดยการสแกน Qr Code ท้ายเลม่

สารบัญ หนา้ เรื่อง ๑ ๕ กําเนิดวันภาษาไทยแหง่ ชาติ ๗ แนวทางการอนรุ ักษ์ภาษาไทย ๙ ภาษาใช้ได้ ใชใ้ หด้ ี : อาจารย์อินทร์วธุ เกษตระชนม์ \"กระปกุ ออมสินทรพั ย์ทางภาษาไทย\"...ซอ้ื ไม่ได้ แต่สร้างได้ : ๑๐ นวพร สุรนาคะพันธ์ุ ๑๒ \"วิทยากร\" คอื ใครกันแน่ : เฉลมิ ลาภ ทองอาจ ๑๔ คําพอ้ งรูปพอ้ งเสียงของ \"หน\"ู และ \"กัน\" : ศภุ กร ชวาลกิจ ๙ คาํ ฮิตตดิ ปาก รไู้ ว้ไมต่ กเทรนด์ : สมุ ิตรา คุณวัฒน์บัณฑิต ๑๘ นาทพงศ์ หนูสวสั ด์ิ และมณิการ์ ชทู อง ๒๑ ทําไมตอ้ งฟุ่มเฟือย : การใช้คาํ ให้ถูกตอ้ ง : ผศ.สพุ ตั รา อตุ มัง ผลงานโปสเตอร์นําเสนอความรู้ภาษาไทย โดยนสิ ิตช้ันปที ่ี ๓ ๓๕ วชิ าเอกการสอนภาษาไทย คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั ๓๗ ความงามทางภาษาในบทอาขยาน : คณาจารยผ์ ู้สอนภาษาไทยช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๔ ผลการประกวดคัดลายมอื บทอาขยานเน่ืองในวันภาษาไทยแห่งชาติ ๓๘ ของนกั เรียนระดับชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๔ ผลการประกวดการแต่งกลอนสุภาพประกอบภาพ เน่อื งในวนั สนุ ทรภู่ ๔๔ หวั ขอ้ “หนึง่ กาํ ลงั ใจให้นกั รบเส้อื กาวน์” ๔๕ กิจกรรม CUD มอี ะไรจะบอก กจิ กรรมตารางชวนคิด พชิ ติ อักษรไขว้

กาํ เนดิ วันภาษาไทยแห่งชาติ วันภาษาไทยแห่งชาติมีความสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ที่พระบาทสมเด็จพระบรม- ชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้เสด็จพระราชดาํ เนิน มาทรงเป็นประธานและทรงร่วมอภิปราย เร่ือง “ปัญหาการใช้คําไทย” ร่วมกับ ผู้ ท ร ง คุ ณ วุ ฒิ ใ น ก า ร ป ร ะ ชุ ม ท า ง วิ ช า ก า ร ข อ ง ชุ ม นุ ม ภ า ษ า ไ ท ย ค ณ ะ อั ก ษ ร ศ า ส ต ร์ จุ ฬ า ล ง ก ร ณ์ ม ห า วิ ท ย า ลั ย เ ม่ื อ วั น ท่ี ๒ ๙ ก ร ก ฎ า ค ม พ . ศ . ๒ ๕ ๐ ๕ ใ น ค ร้ั ง นั้ น ไ ด้ ท ร ง แ ส ด ง ค ว า ม ส น พ ร ะ ร า ช ห ฤ ทั ย แ ล ะ ค ว า ม ห่ ว ง ใ ย ใ น ปั ญ ห า ก า ร ใ ช้ ภาษาไทยจนเป็นท่ีประทับใจผู้ร่วมประชุมดังพระราชดาํ รัส ตอนหน่ึงว่า ๑

“เรามโี ชคดที ี่มีภาษาของตนเองแต่โบราณกาล จงึ สมควรอยา่ งยิง่ ท่ีจะรกั ษาไว้ ปัญหาเฉพาะในด้านรกั ษาภาษาน้ีก็มหี ลายประการ อยา่ งหนึ่งตอ้ งรกั ษา ให้บรสิ ทุ ธิ์ในทางออกเสียง คอื ให้ออกเสยี งให้ถูกต้องชดั เจน อีกอย่างหน่ึง ต้องรักษาใหบ้ ริสุทธิ์ในวิธใี ช้ หมายความวา่ วธิ ใี ชค้ ํามาประกอบประโยคนบั เป็นปญั หาที่สาํ คัญ ปัญหาที่สาม คือ ความรํา่ รวยในคําของภาษาไทย ซึ่งพวกเรานึกวา่ ไมร่ ํา่ รวยพอจึงต้องมกี ารบัญญัตศิ ัพทใ์ หมม่ าใช้… สําหรบั คาํ ใหมท่ ่ีตัง้ ขนึ้ มีความจําเปน็ ในทางวิชาการไมน่ ้อย แตบ่ างคําท่งี า่ ยๆ กค็ วรจะมี ควรจะใช้คาํ เก่าๆ ทเี่ รามีอยู่แล้ว ไมค่ วรจะมาต้ังศัพท์ใหมใ่ ห้ยุ่งยาก” ต่อมา คณะรัฐมนตรีได้มีมติเม่ือวันที่ ๑๓ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๒ เห็นชอบให้กาํ หนดวันท่ี ๒๙ กรกฎาคมของทุกปีเป็นวันภาษาไทยแห่งชาติโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อน้อมรําลึกใน พระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ทไี่ ดพ้ ระราชทานแนวคดิ ตา่ งๆ เก่ยี วกับการใช้ภาษาไทย ตลอดจนเพ่ือกระตุ้นและปลุกจติ สาํ นกึ ของคนไทยทง้ั ชาติใหต้ ระหนกั ถึงความสาํ คญั และคณุ คา่ ของภาษาไทย อนั จะนําไปสกู่ ารร่วมมือ รว่ มใจกันทํานบุ าํ รุงและอนรุ กั ษภ์ าษาไทยซ่งึ เปน็ เอกลักษณ์และสมบตั ิทางวัฒนธรรมอันลาํ้ คา่ ให้ คงอยู่คู่ชาตไิ ทยตลอดไป ข้อมลู จาก รอ้ ยเร่ืองราวจากรั้วจามจรุ ี เรือ่ งท่ี ๙๔ \"กําเนิดวนั ภาษาไทยแห่งชาติ\" ๒

วันนเี้ มื่อในอดีต ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๐๕ “…ภาษาไทยนน้ั เปน็ เครอื่ งมอื อยา่ งหนงึ่ ของชาติ ภาษาทงั้ หลายเปน็ เครอื่ งมอื ของมนษุ ยช์ นดิ หนง่ึ คอื เปน็ ทางสาํ หรบั แสดงความคดิ เหน็ อยา่ งหนง่ึ เปน็ สงิ่ ทสี่ วยงามอยา่ งหนงึ่ เชน่ ในทางวรรณคดี เปน็ ตน้ ฉะนน้ั จงึ จําเปน็ ตอ้ งรกั ษาไวใ้ หด้ ”ี พระราชดํารสั พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร ณ คณะอกั ษรศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั วนั ท่ี ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๐๕ ๓

วนั นเ้ี ม่ือในอดตี ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๔๙ \" ครภู าษาไทยควรจะตอ้ งสง่ เสรมิ วา่ เดก็ จะนาํ ภาษาไทย ไปขยายสกู่ ารเรยี นรใู้ นสาขาวชิ าอน่ื ไดอ้ ยา่ งไร เชน่ เดก็ บางคนชอบ วทิ ยาศาสตร์ กต็ อ้ งแนะนําใหอ้ า่ นหนงั สอื ดงั กลา่ ว ในสมยั เดก็ ขา้ พเจา้ ไมอ่ ยากเรยี นคณติ ศาสตร์ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ก็ ทรงสอนใหแ้ ตง่ โจทยค์ ณติ ศาสตร์ เปน็ เรอื่ งชวี ติ นายทหารมหาดเลก็ คนหนง่ึ ไดร้ บั เงนิ เดอื นเทา่ น้ี ออกไปจา่ ยตลาด ซอ้ื ของ มลี กู กค่ี น กจ็ ะทําใหเ้ ราเขา้ ใจในคณติ ศาสตรไ์ ดด้ ยี ง่ิ ขน้ึ \" พระราชดาํ รสั สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี ณ งานการอบรมเรอื่ ง การจดั การเรยี นการสอนภาษาไทย เนอื่ งในวนั ภาษาไทยแหง่ ชาติ ประจาํ ปี ๒๕๔๙ ๔

แนวทาง การอนรุ กั ษภ์ าษาไทย \" ภาษาไทยนน้ั เปน็ เครอื่ งมอื อยา่ งหนงึ่ ของชาติ ภาษาทง้ั หลายเปน็ เครอื่ งมอื ของมนษุ ยช์ นดิ หนงึ่ คอื เปน็ ทางสาํ หรบั แสดงความคดิ เหน็ อยา่ งหนงึ่ เปน็ สงิ่ สวยงามอยา่ งหนง่ึ ในทางวรรณคดี เปน็ ตน้ ฉะนนั้ จงึ จาํ เปน็ ตอ้ งรกั ษาไวใ้ หด้ ี \" พระราชดํารสั พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร คณะอกั ษรศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๐๕ ๕

สบื สาน แนวทาง การอนรุ กั ษภ์ าษาไทย ภาษาไทยเปน็ ภาษาประจาํ ชาติ เราทกุ คนจงึ ตอ้ งใหค้ วามสําคญั กบั ภาษาไทย เนอื่ งจากภาษาไทย เปน็ สง่ิ ทแี่ สดงถงึ ความเปน็ เอกลกั ษณแ์ ละความมอี ารยธรรม ประจาํ ชาติ เราจงึ ควรทจ่ี ะสบื สานภาษาไทยใหค้ งอยดู่ ว้ ยการใชภ้ าษาไทยอยา่ ง ถกู ตอ้ งไมว่ า่ จะเปน็ การอา่ น การพดู และการเขยี น หากเราใชภ้ าษาไทยสมา่ํ เสมอ และใชภ้ าษาไทยอยา่ งถกู ตอ้ งจะชว่ ยใหภ้ าษาไทย คงอยคู่ ชู่ าตไิ ทยสบื ไป สง่ เสรมิ สงิ่ สาํ คญั ในการอนรุ กั ษภ์ าษาไทยคอื ทํานบุ ํารงุ สง่ เสรมิ และอนรุ กั ษ์ ภาษาไทย แมว้ า่ ในปจั จบุ นั ภาษาไทยจะเปลยี่ นแปลงไปจากเดมิ ตามยคุ สมยั และ ชอ่ งทางการสอื่ สารทห่ี ลากหลาย หากทกุ คนรว่ มมอื รว่ มใจกนั สง่ เสรมิ การใชภ้ าษาไทยทถ่ี กู ตอ้ ง กจ็ ะสง่ ผลใหภ้ าษาไทยเปน็ ภาษาอนั งดงามประจาํ ชาตไิ ทย และแสดงถงึ เอกลษั ณข์ องชาตไิ ทยทดั เทยี มนานาประเทศ สรา้ งนสิ ยั การสรา้ งนสิ ยั ใหร้ กั ในภาษาไทย เปน็ วธิ กี ารอนรุ กั ษภ์ าษาไทยทใี่ กลต้ วั เราทกุ คน โดยสามารถทําไดจ้ ากการเปลยี่ นแปลงตนเองใหม้ นี สิ ยั ในการรกั การอา่ น การพดู และ และการเขยี นภาษาไทย โดยเรมิ่ จากตนเองกอ่ นหากเราไดฝ้ กึ ฝนตนเองดว้ ยวธิ กี ารสรา้ ง นสิ ยั ในการฟงั พดู อา่ น และเขยี นภาษาไทย หากไดฝ้ กึ ฝนตนเองจนเปน็ นสิ ยั จะทําให้ เราเปน็ คนทเ่ี กง่ ภาษาไทย และเขา้ ใจภาษาไทยอยา่ งลกึ ซงึ้ ไดจ้ ากการฝกึ ฝน ๖

ภาษา อินทร์วุธ เกษตระชนม์ ใชไ้ ด้ ใช้ใหด้ ี มนุษยโ์ ชคดที ี่มีภาษาเปน็ เครือ่ งมือในการส่ือสาร เพราะภาษาทําใหม้ นุษยส์ ามารถเรียนร้ทู าํ ความ เข้าใจระหวา่ งกันและเป็นสว่ นสําคญั ที่ทาํ ใหม้ นุษย์อยรู่ ว่ มกนั ไดอ้ ยา่ งปกติสขุ ซึ่งในทุกสังคมล้วนแต่มี การกําหนดภาษาในการสอื่ ความหมายไวอ้ ย่างชัดเจน เพ่ือให้มนษุ ย์สามารถใช้ภาษาน้นั ไดอ้ ย่างเหมาะ สมและเปน็ ไปในทิศทางที่เกิดประโยชน์ระหวา่ งกัน ภาษาคอื สงิ่ ที่มนุษย์ทกุ คนสามารถเป็นเจ้าของร่วมกนั มีสิทธิ์เขา้ ถงึ และใชภ้ าษาในการสือ่ สารได้ อย่างเท่าเทียม มนุษยจ์ งึ เลอื กใช้ภาษาได้อย่างอิสระตามความคิดของตนเอง บา้ งกร็ กั ษากฎเกณฑ์ ระเบยี บหลกั ภาษาอยา่ งเคร่งครัด บ้างก็ไมส่ นใจหลกั การมากนกั เพยี งขอส่อื ความให้เขา้ ใจได้ก็ เพียงพอแลว้ การใชภ้ าษาจากหลกั คดิ ทต่ี ่างกนั นี้ จึงทําให้มกี ารเขา้ ใจผิดจนกลายเปน็ ความขดั แยง้ ในหลายคร้งั บ้างก็ว่าฝ่ายหนงึ่ ไมย่ อมรับการเปล่ยี นแปลง ลา้ หลังไม่พฒั นา บา้ งก็วา่ อีกฝา่ ยหน่งึ ทําลายภาษา และทําให้ภาษาวิบตั ใิ นทส่ี ุด ไม่วา่ หลักคดิ ใด มนุษยค์ วรใชภ้ าษาเพ่อื ประโยชนใ์ นการส่ือสาร และสรา้ งความเข้าใจกัน มากกว่าทาํ ใหเ้ กิดความขัดแย้ง ดังนัน้ การใชภ้ าษาจากหลักคิดท่ตี ่างกัน จงึ ควรคดิ ให้เปน็ เร่อื งปกติ ที่เกดิ ขึ้นได้ และขอใหท้ ุกฝ่ายเขา้ ใจว่า เม่อื ทกุ คนมีสิทธ์ิในการใช้ภาษาแลว้ ทกุ คนก็ลว้ นมหี นา้ ท่ี ตอ้ งใชภ้ าษาใหเ้ หมาะสมด้วยเช่นกนั การใช้ภาษาท่เี หมาะสมในการสือ่ สาร นอกจากใชเ้ พือ่ สือ่ ความให้เขา้ ใจระหวา่ งกันไดแ้ ล้ว ผใู้ ช้ ภาษาควรคํานึงถึงโอกาสในการใชภ้ าษาเหลา่ นนั้ ดว้ ย เช่น ในโอกาสทีไ่ ม่เป็นทางการ การยืดหยนุ่ หรือลดกฎเกณฑห์ ลกั การใชภ้ าษาบา้ ง กเ็ ป็นสิ่งทพ่ี งึ กระทําได้ โดยไม่ก่อให้เกิดปญั หาในการส่อื สาร แตเ่ ม่อื ไรก็ตาม หากต้องสอ่ื สารในโอกาสทเ่ี ปน็ ทางการ งานพธิ กี ารหรือการเขยี นเชิงวิชาการ การใชภ้ าษาใหถ้ กู ตอ้ งตามหลักภาษากเ็ ปน็ สิ่งท่ีทุกคนต้องรู้และปฏบิ ัติได้ เพือ่ รกั ษาเอกลกั ษณท์ ี่ดี งามของภาษาใหย้ งั คงอยู่อยา่ งมคี ณุ ค่า ทุกคนในฐานะเจ้าของภาษา เมือ่ มีสทิ ธ์ิใช้ภาษาแล้ว ควรใช้ใหด้ ี ทง้ั การสอื่ ความทช่ี ดั เจน และการใช้ภาษาให้เหมาะสมในแตล่ ะโอกาส หากทกุ ฝา่ ยตระหนกั และปฏิบตั ิหนา้ ท่ีตอ่ ภาษาไดเ้ ปน็ อย่างดีแล้ว ภาษาจะมีความเป็นพลวตั ทพ่ี รอ้ มจะพฒั นาให้เกดิ ประโยชน์ตอ่ มนุษย์ในทกุ ยุคสมยั ได้ ตลอดไป ๗

คาํ ถามชวนคิด ขอ้ ใดใช้ภาษาเหมาะสมกบั รายงานเชิงวิชาการ ๑. รูปแบบการสอบเข้ามหาลัยในปีการศึกษานี้ ยงั คงเหมอื นปีการศกึ ษาทีผ่ า่ นมา ๒. สม้ ตํา มัสม่นั ผดั กระเพา ยําถ่วั พลู เปน็ อาหารไทยทไี่ ด้รบั ความนยิ มจากชาวตา่ งชาติ ๓. รฐั บาลคาดการณว์ า่ ช่วงเวลานงึ ต่อจากนี้ ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผสู้ ูงอายเุ ตม็ รูปแบบ ๔. การส่งเสรมิ ความเสมอภาคทางการศกึ ษาเป็นแนวทางลดปญั หาความเหลือ่ มลํ้าทางสังคมได้ ๘

“กระปุกออมทรัพยส์ นิ ทางภาษาไทย” ...ซ้ือไม่ได้ แต่สรา้ งได้ นวพร สุรนาคะพันธ์ุ เด็กในยคุ ปัจจุบนั จํานวนมากแสวงหาความร้ทู างวิชาการและความรู้ท่วั ไปโดยการดแู ละฟัง ขณะทกี่ ารอา่ นจากแหลง่ ขอ้ มลู ทีเ่ ชอ่ื ถือไดน้ อ้ ยลงมาก เมอื่ ไมค่ ่อยไดอ้ า่ นหนงั สอื หรอื ข้อเขียน ทผ่ี ่านการตรวจพิสจู นอ์ กั ษรมาแล้วกอ่ นเผยแพร่ “ คลงั คาํ ” ทม่ี ีในตนเองจงึ ขาดทั้งปริมาณ และ คุณภาพ เราจงึ เห็นเด็กเขียนคําทใี่ ช้ในชีวติ ประจําวันผิดบอ่ ย ๆ เชน่ คาํ นวณ ทรมาณ จรงิ ม๊ยั นะค่ะ ข้าวกระเพรา เปน็ ตน้ (คําทีถ่ กู ตอ้ งคอื คํานวณ ทรมาน จริงมยั้ นะคะ และขา้ วกะเพรา) สาเหตุสําคัญอีกประการทีท่ าํ ให้ทกั ษะการเขยี นของเดก็ ตกตํ่าลงอยา่ งเห็นได้ชดั คือการสือ่ สาร เฉพาะกลุ่ม ในช่องทางออนไลน์ ซง่ึ เม่อื สะกดคําผดิ หรอื ใชค้ ําผดิ ความหมาย กไ็ มม่ ใี ครแก้ไขให้ รวมถึงการไดเ้ หน็ ไดอ้ ่านการใชภ้ าษาที่ผิดหลกั ภาษาไทยจากชอ่ งทางออนไลนท์ ุก ๆ วัน ยง่ิ ทาํ ให้ เดก็ ไทยมปี ญั หาการใชภ้ าษาไทยมากขนึ้ เด็กที่เขียนคาํ ไมค่ ่อยผดิ เรยี บเรยี งประโยคถกู ตอ้ ง ชัดเจน เมอ่ื พดู หรอื เขยี น มกั จะเปน็ เดก็ ท่ีอ่านหนังสอื หลากหลายประเภท ทง้ั นวนิยาย การต์ ูน หนงั สือพิมพ์ นิตยสาร ฯลฯ เม่อื ไดเ้ หน็ และ ไดอ้ ่านมากพอ “คลงั คํา” จงึ มที ั้งปริมาณและคณุ ภาพ นอกจากนี้ การอ่านยังช่วยฝกึ การวเิ คราะห์ สังเคราะห์ วนิ ิจฉยั ประเมนิ คา่ รวมถึงการพิจารณาตัดสินว่าส่ิงทไ่ี ดอ้ า่ นนน้ั จริงเท็จอย่างไร เชือ่ ถอื ได้หรือไมม่ ปี ระโยชนม์ ากหรือนอ้ ย สิง่ เหลา่ น้ตี อ้ งใชค้ วามรูแ้ ละประสบการณเ์ ป็นพนื้ ฐานหลกั และอาศยั เวลาเพ่ือฝึกฝนทกั ษะต่าง ๆ ที่กลา่ วมาใหแ้ คลว่ คลอ่ งชํานาญ ปัญหาในการใชภ้ าษาไทยนั้นป้องกันไดด้ ว้ ยการส่งเสรมิ สนับสนนุ ใหเ้ ด็กรักการอา่ น พ่อแม่ จงึ ควรอ่านนทิ าน เรอ่ื งราวดี ๆ ให้ลูกฟังต้งั แต่ลูกยงั อา่ นหนังสอื ไมอ่ อก การอ่านรวมถึงการพดู ใน ชวี ติ ประจาํ วนั เม่ือสอ่ื สารกบั ลกู ดว้ ยคาํ ทีถ่ กู ตอ้ ง ชดั เจน เปน็ การเริ่มสรา้ ง “คลังคํา” ใหก้ บั เด็ก เดก็ คนใดเร่มิ สะสมเร็ว ก็ยอ่ มไดเ้ ปรยี บคนอนื่ เหมือนกระปกุ ออมสินท่ีมเี งนิ มากกวา่ ตา่ งกนั ที่ “คลัง คาํ ” ยงิ่ นําออกมาใชโ้ ดยการพดู หรอื เขยี นก็ยง่ิ ไดร้ ้เู พมิ่ เติมกลบั มามากข้ึน และยังเปน็ ทรพั ยส์ นิ ทาง ปญั ญาทไี่ ม่มวี ันหมดสิ้นไปจากตัวอีกด้วย คาํ ถามชวนคดิ จากบทความขา้ งตน้ การกระทําของบคุ คลในขอ้ ใด มิไดช้ ว่ ยสรา้ ง “คลังคํา” ทม่ี คี ุณภาพให้กบั เดก็ ๑. พ่อสอนลกู ว่าอย่าทาํ งานเอาหนา้ ใหต้ ้ังใจทํางานเพื่อให้เกิดผลงานทด่ี ี ถ้าลูก “ปดิ ทองหลงั พระ” พระกจ็ ะงามทั่วกนั ทัง้ องคน์ ะลกู ๒. เพือ่ นส่งไลน์มาว่า “นายอย่าลมื ส่งรายงานภาษาไทยก่อนเทีย่ ง เพราะอาจารย์ขดี เสน้ ตายไวต้ ัง้ แตแ่ รกแลว้ ” ๓. นกั ข่าวรายงานวา่ “สถานการณ์โควดิ ทาํ ให้คนอดอยาก ยากจน ไม่มกี นิ จนแทบจะแทรกแผ่นดินหน”ี ๔. แมค่ า้ เขยี นขอ้ ความโฆษณาวา่ “สัง่ กะเพราจานยักษว์ นั น้ี แถมฟรีโคก้ ๑ ขวด\" ๙

“วิทยากร” คือใครกนั แน่ เฉลิมลาภ ทองอาจ เวลาทีเ่ ราจะเชิญใครสกั คนหนง่ึ ให้มาพูดให้ความรู้ หรือมาเป็น ตวั อย่างเพ่ือสอน ฝกึ หดั เรา หรอื หมู่คณะของเราใหม้ ีความร้เู รอ่ื งใด เร่ืองหน่งึ มากข้นึ เรากม็ ักจะเรียกแทนบคุ คลผู้นั้นวา่ “วทิ ยากร” เชน่ วนั นเ้ี ขาไปเปน็ วิทยากรเรอื่ งนั้น วันนเ้ี ราจะมาฟงั วทิ ยากรพดู เรอ่ื งนี้ คําว่า “ วทิ ยากร ” หากพิจารณาในแง่ของการประกอบคาํ ศพั ท์ ความหมายของคาํ ท่นี าํ มาประกอบกัน และความหมายที่ควรจะเปน็ ได้กลายเปน็ ประเด็นหน่งึ ของการอภปิ ราย เม่ือวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๐๕ ในท่ีประชมุ ทางวชิ าการของชุมนมุ ภาษาไทย ซึ่งจดั ขนึ้ ท่คี ณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย ซง่ึ ในการประชมุ ครงั้ นัน้ มพี ระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราชมพี ระมหากรณุ าธคิ ณุ เสดจ็ พระราชดาํ เนนิ มาทรงเปน็ ประธานในทป่ี ระชมุ นับเป็นครัง้ แรกในแวดวงการศึกษาไทย พระเจ้าวรวงศเ์ ธอ กรมหมน่ื นราธิปพงศป์ ระพนั ธ์ นกั วชิ าการดา้ นภาษาไทย ๒ ท่าน ทเ่ี ปน็ ผอู้ ภปิ รายในทีน่ ั้นด้วย คอื หมอ่ มราชวงศค์ กึ ฤทธ์ิ ปราโมช พระเจา้ วรวงศเ์ ธอ กรมหมื่นนราธปิ พงศ์ประพนั ธ์ และ หมอ่ มราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช แสดงพระดาํ ริและความคิดเหน็ โดยพระองค์ นราธิปฯ ตรสั ว่า ไมโ่ ปรดคําน้ีนัก เพราะการจะใชค้ าํ ว่า “กร” ต่อทา้ ย คาํ ใด คาํ หนา้ น้ันควรต้องเปน็ คาํ กริยา จากที่ตรัสนี้ ท่านผอู้ ่านจะเหน็ วา่ คําวา่ “ วทิ ย ” เปน็ คํานาม แปลว่า ความรู้ ดังนนั้ หากจะแปล ก็จะแปลวา่ “ผู้ทําความรู้” ซึ่งกไ็ ม่ส่อื ความหมาย สว่ นคุณชายคึกฤทธ์ิ กไ็ ดแ้ สดงความคิดเห็นเร่ืองการใช้คาํ \" วทิ ยากร \" ไว้โดยสรปุ ว่า คาํ วา่ \" วทิ ยากร \" ถา้ พิจารณาว่า เกิดจากการประกอบกนั ระหว่าง วิทย (ความร)ู้ + อากร (บอ่ เกิด) แล้วใหค้ วามหมายวา่ “บ่อเกิดแห่งความร”ู้ กน็ า่ จะไม่ใชล่ กั ษณะของบคุ คลท่ีไดร้ บั เชญิ ไปพดู หรือไปตอบคาํ ถาม หรอื ไปอภิปรายในเร่ืองท่ีตนเองไม่ไดเ้ ปน็ ผู้คดิ ค้น หรอื ทําให้เกิดข้นึ มา ดว้ ยตัวเอง เพราะผู้เป็นบอ่ เกิดของความรู้ กต็ ้องเป็นแหล่งความรอู้ ัน ไมส่ ิน้ สดุ ดว้ ย แต่พอจะหาคาํ เรียกคนชนิดท่ไี ดร้ ับการเชิญไปพดู ชัว่ ครัง้ ชั่วคราววา่ “ผทู้ รงวทิ ยา” ก็เกรงวา่ อาจจะกลายเปน็ “วทิ ยาธร” ไป เสีย ๑๐

การประชุมทางวิชาการ ชุมนมุ ภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั เมื่อวนั ท่ี ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๐๕ ภาพจากหอประวตั จิ ุฬาฯ เขา้ ถงึ ได้จาก https://www.cuartculture.chula.ac.th/news/3655/ จากความเห็นนี้ แสดงให้เหน็ วา่ ผ้รู ้ทู างภาษาไทยถงึ ๒ ทา่ น ยงั รสู้ กึ วา่ ความหมายของคําวา่ วิทยากร เทา่ ทใ่ี ชก้ ันอยู่ กับการเรยี กบุคคลผแู้ สดงความรู้ อาจจะยังไม่สอดคลอ้ งกัน อยา่ งไรก็ตาม เม่อื ไดม้ ีการบรรจคุ าํ นีใ้ หป้ รากฏในพจนานุกรมฉบับราชบณั ฑิตสถาน หรือ ราชบัณฑิตยสภา ก็ไดก้ าํ หนดนยิ ามของวิทยากรว่า “ผู้ทรงความรู้ความสามารถในศิลปวิทยาแขนง ต่าง ๆ ” ซง่ึ หากพจิ ารณาแง่ความหมายท่ีใช้ กจ็ ะพบวา่ มีความโนม้ เอียงไปทางความหมายของ คณุ ชายคึกฤทธิ์ ซึ่งการตัดสินวา่ ผใู้ ดจะเปน็ ผู้ “ ทรงความรู้ความสามารถ ” ในสาขาต่าง ๆ ก็แล้วแตห่ ลกั เกณฑ์ของแตล่ ะท่ี หรอื มาตรฐานของแตล่ ะคน แต่โดยสว่ นตวั ของผเู้ ขียน หากจะมี การเชญิ บุคคลท่ัวไป มาแสดงความคดิ ความเหน็ ในเวทตี ่าง ๆ ทไี่ ม่ได้เน้นในสาขาวชิ าเฉพาะ หรอื เชญิ ไปพูดคยุ สมั ภาษณ์ ในประเด็นท่ีเกีย่ วกับเรอื่ งท่ัว ๆ ไปแล้ว กค็ งไม่ถึงกับตอ้ งใชค้ าํ ว่า วทิ ยากร เพราะไมไ่ ด้ถึงขั้นท่ีจะนาํ ความรเู้ ชิงลกึ อันเปน็ ผลงานจากการกระบวนการศึกษาของตนมาใช้ และนา่ ที่จะใช้คาํ ว่า ผ้รู ว่ มเสวนา, ผู้อภิปราย, แขกรับเชญิ , ผู้ร่วมรายการ, ผรู้ ว่ มเสวนา หรือ ผู้ให้ข้อมูล ก็นา่ จะเพียงพอแลว้ คําถามชวนคดิ ข้อความในบริบทใด ไม่ควรใชค้ าํ ว่าวทิ ยากร ๑. คณะนักวจิ ยั ทาํ จดหมายเชญิ วทิ ยากรไปยังนกั วทิ ยาศาสตร์ ทค่ี ดิ ค้นวัคซีนเพอื่ เชิญมาบรรยายแนวคิดให้กับคณะนักวิจยั ๒. โรงเรียนไดเ้ ชญิ นกั วชิ าการจากราชบัณฑติ ยสภามาเปน็ วทิ ยากรใหค้ วามร้คู ณาจารยเ์ รอ่ื ง การเขยี นหนงั สือราชการ ๓. สภานักเรยี นเชญิ นักเรยี นท่เี ปน็ ผแู้ ทนห้องมาเปน็ วทิ ยากรอภิปรายเรอื่ ง การรกั ษาสง่ิ แวดล้อมในโรงเรียนของเรา ๔. อาจารย์ผเู้ ขียนตําราทฤษฎดี นตรี ไดร้ บั เชญิ ไปเป็นวทิ ยากรบรรยายเรอ่ื งข้อเสนอทฤษฎีทตี่ นเองคน้ พบแก่นกั ศึกษาดา้ นดนตรี ๑๑

คาํ พ้องรปู พ้องเสยี งของ “หนู” และ “กัน” ศภุ กร ชวาลกิจ ขอ้ ความข้างตน้ ปรากฏในกระทถู้ ามของกลุม่ เฟซบกุ๊ ที่ ลกั ษณะที่ ๒ มชี อ่ื กลุ่มวา่ “แตง่ ห้องกนั เถอะ” โดยสมาชิกกล่มุ คนหน่งึ ได้ ในครวั ของสมาชกิ สาวท่านนม้ี ีหนูชอบเข้าไปอยู่ เพื่อ พิมพ์ไว้ พร้อมกบั รปู ภาพพนื้ หลงั ทีเ่ ต็มไปดว้ ยหยดน้าํ อันเปียกปอน แกป้ ัญหาหนูซึ่งอาจเป็นพาหะของหลาย ๆ โรค สมาชกิ สาวทา่ นนีจ้ ึงตอ้ งการสอบถามว่า “มอี ะไร” ที่จะสามารถ คําถามดงั กลา่ วชวนให้สมาชิกในกลุ่มหลายคนสนใจท่จี ะ ช่วย “(ป้อง) กนั ” หนูได้บ้าง บางคนจึงเสนอสง่ิ ที่เป็น แสดงความคดิ เหน็ ต่อคาํ ถามของสมาชกิ สาวทา่ นน้มี ากกว่า เครอ่ื งไม้เครือ่ งมอื หรอื วสั ดบุ างอยา่ งให้เธอสาํ หรบั ป้องกัน กระทู้อื่น ๆ บางคนแสดงความคิดเห็นโดยพมิ พ์ตอบวา่ หนู “ได้ครับ” บางคนแสดงความคิดเหน็ โดยเสนอวา่ “ควรเปน็ สถานท่ีอื่น” บางคนเสนอส่งิ ท่ีเป็นเครอ่ื งไมเ้ คร่อื งมอื หรือวสั ดุ เมือ่ พิจารณาจากการตคี วามท้งั ๒ ลักษณะ จะเห็น บางอยา่ งให้ ในขณะทีบ่ างคนบอกวา่ การต้ังคําถามของ ไดว้ ่าคําท่ีทาํ ให้คําถามขอ้ นมี้ ีปญั หาสองแง่สองง่ามหรือ สมาชกิ สาวท่านน้มี ีปัญหา กํากวม คอื “หน”ู และ “กนั ” ส่ิงท่ีเปน็ ปัญหาในกระทูค้ าํ ถามน้ี คอื การตคี วามคาํ ถาม พจนานุกรมฉบับราชบณั ฑิ ติ ยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ ได้ ไดใ้ น ๒ ลกั ษณะ ได้แก่ ระบคุ วามหมายของ “หน”ู และ “กัน” ไว้วา่ ลักษณะท่ี ๑ หนู ๑ ชื่อสัตวเ์ ล้ียงลกู ด้วยนมหลายสกลุ ในวงศ์ Muridae สมาชิกสาวทา่ นนบี้ อกว่า เธอชอบอย่ใู นครัว มฟี ันแทะ มีอยทู่ ่วั ไปตามบา้ นเรอื นและในถน่ิ ธรรมชาติ มหี ลายชนดิ เช่น หนูพุกใหญ่ (ปาก) ดังนนั้ เธอสามารถ “มอี ะไรกนั ” ในครวั ไดห้ รือไม่ จงึ ทํา สมาชิกในกล่มุ บางคนตอบวา่ “ไดค้ รับ” และ บางคนเสนอ หนู ๒ สรรพนามบุรุษที่ ๑ ผ้นู อ้ ยใช้พดู กับผูใ้ หญ่ วา่ “ควรเปน็ สถานทอี่ นื่ ” เพราะในครัวอาจไมค่ ่อยสะดวก สรรพนามบรุ ุษที่ ๒ ผู้ใหญ่ใชเ้ รยี กผู้น้อย คําสําหรับเรียก สบายนกั เด็ก มีความหมายไปในทางเอ็นดู เช่น หนแู ดง หนูนอ้ ย กนั ๑ คาํ ประกอบทา้ ยกรยิ าของผกู้ ระทาํ ตั้งแต่ ๒ คนขึ้นไป แสดงการกระทาํ ร่วมกนั อยา่ งเดียวกนั หรือต่อกนั เชน่ คิดกนั หารอื กนั กนั ๒ กดี ขวางไวไ้ มใ่ ห้เขา้ มาหรือออกไปหรือไมใ่ ห้เกดิ มีขน้ึ เชน่ กันฝน กันสนมิ กนั ภยั , แยกไว้ เชน่ กันเงนิ ไว้ ๕๐๐ บาท เพือ่ จ่ายในสิ่งท่จี ําเปน็ กนั เอาไวเ้ ป็นพยาน. ๑๒

นอกจากความหมายของคําว่า “กนั ” ทย่ี กมา การเข้าใจประโยคทมี่ ี “คาํ พอ้ งรปู พ้องเสียง” ผรู้ ับสาร พจนานุกรมราชบัณฑิตยสถานยงั ให้ความหมายของคําวา่ ตอ้ งระมดั ระวงั ในการอ่านทาํ ความเข้าใจใหม้ าก โดยจะ “กนั ” ไวอ้ ีกหลายความหมาย เช่น ช่ือชา้ งศึกพวกหนงึ่ ต้องพจิ ารณารปู ประโยค และบรบิ ทอืน่ ๆ ประกอบกัน โกนให้เปน็ แนวเสมอกัน เปน็ ตน้ เพือ่ ให้รบั สารไดต้ รงกบั ความปรารถนาของผู้ส่งสารมาก ท่ีสุด เม่อื พิจารณาความหมายของคาํ วา่ “หนู ๒” ตามพจนานุกรมฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ ท้ังนีผ้ ู้ส่งสารเองกค็ วรพยายามเรยี บเรียงและตรวจ ทห่ี มายถงึ “สรรพนามบรุ ุษท่ี ๑ ที่ผ้นู ้อยใชพ้ ดู กบั ผใู้ หญ่” สอบการใชภ้ าษาในสารของตนว่า มีคําพอ้ งรปู พอ้ งเสยี งท่ี จะเห็นวา่ “หนู ๒” ไม่ไดห้ มายถงึ สรรพนามบุรษุ ที่ ๑ จะทําให้กาํ กวมหรอื สามารถตีความไปได้มากกว่าสงิ่ ท่ี สาํ หรบั แทนตัว “ผหู้ ญิง” โดยตรง เพราะ “ผูน้ ้อย” ไม่ ตนเองจะสอื่ สารหรอื ไม่ ดว้ ย หากพบกค็ วรจะตอ้ งรีบ จาํ เป็นจะตอ้ งหมายถึง “ผู้หญงิ ” เทา่ น้นั แต่ด้วยสภาพ แกไ้ ขเพ่ือลดปญั หาในการสื่อสารลง เช่น เปล่ยี นจากการ สังคมหรือค่านยิ มของครู่ กั ทสี่ ่วนใหญ่ฝ่ายชายจะมอี ายุ ถามว่า “พอจะมอี ะไรกันไดไ้ หม” เป็น “มอี ะไรพอจะกัน มากกว่าฝ่ายหญงิ ฝ่ายหญิงกลายเป็นผู้นอ้ ย คําว่า “หน”ู สตั ว์พวกหนไู ม่ใหเ้ ข้ามาในครัวได้ไหม” หรอื “พอจะมี จงึ ถกู ใชเ้ ปน็ สรรพนามบุรุษท่ี ๑ แทนตวั “ผู้หญงิ ” อะไรป้องกนั หนูมากินอาหารในครวั ได้ไหม” เปน็ ตน้ หาก มากกว่า “ผชู้ าย” ไปโดยปรยิ าย และไม่แปลกท่เี ม่อื ผู้พดู ทงั้ ผู้ส่งสารและผ้รู บั สารสามารถทําไดต้ ามทกี่ ลา่ วมา แทนตวั เองวา่ “หนู” ผูฟ้ ังก็จะรับทราบได้ทันทีวา่ ผูพ้ ูดเป็น ปัญหาท่ีสบั สนวา่ “หนอู ยากจะมีอะไรกันในครัวไหม” หรือ “ผ้หู ญงิ ” “มีอะไรป้องกันหนเู ข้าครวั ได้ไหม” กจ็ ะไม่เกิดข้ึน ทั้ง “หน”ู และ “กนั ” มีความหมายมากกว่า ๑ ความหมาย ในภาษาไทยเราเรยี กคําที่ความหมายตา่ งกัน แต่มลี ักษณะการอา่ นและการเขียนเหมอื นกนั ในทํานองนี้ วา่ “คําพ้องรปู พอ้ งเสยี ง” กลา่ วคือ ๒ คาํ ดงั กลา่ วไมเ่ พียง แต่มพี ยญั ชนะต้น สระ และตวั สะกด ท่ีเหมือนกันเท่านนั้ แตย่ ังมีการอ่านออกเสียงที่เหมอื นกันอกี ดว้ ย และย่ิงคํา วา่ “กัน” ที่มีความหมายมากกว่า ๒ ความหมายดว้ ยแลว้ การนําไปสอื่ สารทไ่ี มช่ ดั เจนเพยี งพอจึงอาจทาํ ให้เกิด ปญั หามากมายได้ คําถามชวนคิด ขอ้ ใดไมใ่ ชล่ ักษณะของคําพ้องรปู พอ้ งเสียงแตไ่ ม่พอ้ งความหมาย ๑. สง่ เสียงดังอะไรกัน บอกกนั หนอ่ ยกด็ ีนะ ๒. ชา่ งกาํ ลงั กนั ค้ิวใหล้ กู คา้ ทสี่ วมเสอื้ กันฝนเขา้ มา ๓. หยบิ กระสอบมาชว่ ยกันกันนาํ้ นา้ํ เข้าบา้ นหนอ่ ยสิ ๔. หนเู กลียดหนมู าก เพราะเปน็ สตั ว์ที่สกปรก ๑๓

๙ คาํ ฮิตตดิ ปาก ร้ไู ว้ไม่ตกเทรนด์ สมุ ติ รา คณุ วฒั นบ์ ณั ฑติ นาทพงศ์ หนสู วสั ดิ มณกิ าร์ ชทู อง การเปลยี นแปลงของสงั คมและอทิ ธพิ ลของโซเชยี แกง ลมเี ดยี ทําใหม้ คี ําในภาษาไทยเกดิ ขนึ มากมายบางคาํ เปน คาํ ทนี ยิ มพู ดตดิ ปากในชว่ งเวลาหนงึ แตค่ าํ บางคาํ กย็ งั เดมิ คาํ วา่ “แกง” เปนคํากรยิ า ซงึ มี คงนยิ มใชก้ นั อยา่ งตอ่ เนอื งและแพรห่ ลายในทกุ กลมุ่ วยั ความหมายวา่ ทํากบั ขา้ วประเภททเี ปนแกง เพื อใหเ้ ขา้ ใจการใชค้ ําฮติ ตดิ ปากมากขนึ จงึ ไดค้ ดั สรร แตใ่ นปจจบุ นั คาํ วา่ “แกง ” เปนคาํ ทถี กู นยิ าม นาํ เอา ๙ คําฮติ มาขยาย ทงั ทมี าของคํา ความหมาย ความหมายเพิ มขนึ และแตกตา่ งจากเดมิ ซงึ ของคําและการใชค้ าํ ใหส้ อดคลอ้ งกบั บรบิ ท เพื อใหผ้ ู้ หมายถงึ แกลง้ โกหก หลอกใหเ้ ชอื หรอื ทําให้ อา่ นรไู้ วไ้ มต่ กเทรนดอ์ ยา่ งแนน่ อน สบั สน เชน่ ออเจา้ “ฉนั โดนแกงใหม้ าทนี คี นเดยี ว” หรอื “ทาํ ไมหนา้ ของเธอเปนแบบนนั “ออเจา้ ” เปนคําฮติ ตดิ ปากทมี าจากละครเรอื ง เธอตอ้ งโดนชา่ งแตง่ หนา้ แกงมาแน่ ๆ” บพุ เพสนั นวิ าสซงึ พจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑติ สถาน พ.ศ.๒๕๕๔ ใหค้ าํ นยิ ามวา่ คําใชแ้ ทนชอื ผทู้ เี ราพู ด นอกจากนบี างคนจะใชค้ าํ วา่ “แกงหมอ้ ใหญ”่ ดว้ ย ซงึ เปนสรรพนามบรุ ษุ ที ๒ คาํ วา่ “ ออเจา้ ” ซงึ หมายถงึ การโดนแกลง้ หรอื หลอกทที าํ ให้ เปนคาํ โบราณทมี กี ารใชจ้ รงิ ตงั แตส่ มยั อยธุ ยาโดยใช้ คนเชอื หรอื โดนกระทาํ เปนจํานวนมาก เชน่ เรยี กคนทพี ู ดถงึ หรอื บคุ คลทถี กู กลา่ วถงึ นอกจากนี คําวา่ “ออเจา้ ” ถกู บนั ทกึ เปนภาษาฝรงั เศสวา่ “ประชาชนจาํ นวนมากยนื รอหา้ งเปดเพื อซอื “otchaou”ในจดหมายเหตุ ลา ลแู บร์ ทตู ซงึ ลา ลู ของลดราคาแตส่ ดุ ทา้ ยโดนหา้ งแกงหมอ้ แบร์ เปนทตู ชาวฝรงั เศสทเี ขา้ มากรงุ สยามในสมยั พระนารายณม์ หาราช แมว้ า่ คาํ วา่ “ออเจา้ ” จะเปนคาํ ใหญป่ ระกาศยกเลกิ ฉกุ เฉนิ ” ทผี คู้ นนยิ มพู ดกนั อยา่ งแพรห่ ลาย แตก่ ย็ งั พบผทู้ ใี ช้ คาํ วา่ “ออเจา้ ” ไมถ่ กู ตอ้ ง โดยใชค้ าํ วา่ “ออเจา้ ” แทนตวั ผพู้ ู ด หรอื ใชเ้ ปนสรรพนามบรุ ษุ ที ๑ ซงึ ทําใหผ้ ฟู้ งหลาย ๆ คนเกดิ ความสงสยั และทาํ ใหส้ ารที สอื ออกไปไมถ่ กู ตอ้ งตามความหมาย ๑๔

ทัวรล์ ง อิหยงั วะ หลาย ๆ คนคงเคยไดย้ นิ คําวา่ “ทวั ร์ “อหิ ยังวะ” เปนคําศัพทย์ อดฮติ จากภาษา ลง”และคงไมอ่ ยากใหเ้ กดิ เหตกุ ารณ์ “ทวั ร์ อสี านอกี หนงึ คาํ ทีเข้าใจง่าย ๆ ได้วา่ “อะไรวะ” ลง” กบั ตวั เอง เพราะคําวา่ “ทวั รล์ ง” ไมไ่ ด้ เปนคาํ ทีใช้ในการถามหรือแสดงความสงสัย หมายถงึ นกั ทอ่ งเทยี วลงมาเพื อซอื สนิ คา้ ที ความไม่เข้าใจในสิงนัน เช่น เฮ็ดอิหยังวะ รา้ น แตใ่ นปจจบุ นั หมายถงึ โดนรมุ ตอ่ วา่ ใน แปลวา่ ทาํ อะไรวะ หรอื เมอื กยี งั เลน่ ดว้ ยกนั ดี ๆ โลกโซเชยี ล คาํ วา่ “ทวั รล์ ง” เปน ทาํ ไ ม ต อ น นี ท ะ เ ล า ะ กั น แ ล้ ว “ อิ ห ยั ง ว ะ ” ปรากฏการณส์ ําคญั ของวงการโซเชยี ลมเี ดยี คํานถี กู นาํ มาใช้ในโลกโซเชียลอย่างแพร่หลาย ซงึ ผทู้ เี ลน่ หรอื ใชส้ อื โซเชยี ลเขยี นแสดงความ จนเปนคําติดปาก ใช้เปนคําทิงท้ายประโยค คดิ เหน็ หรอื ตอ่ วา่ บคุ คลหรอื องคก์ รใน ได้เช่นกัน บางครังก็ใช้เปนการพู ดลอย ๆ ประเดน็ ทตี นเองไมพ่ อใจและไมเ่ หน็ ดว้ ยกบั สัน ๆ และใช้เชิงเปรยด้วยความไม่เข้าใจ ความคดิ หรอื งง สงสยั การกระทํา คาํ ๆ นี จงึ เปนคําฮติ ทคี นรนุ่ ใหม่ เชน่ นยิ มใชก้ นั อยา่ งไรกต็ ามการเขยี นแสดง ความคดิ เหน็ ผเู้ ขยี นควรเขยี นดว้ ยหลกั การ ก : เมอื คนื เขาบอกเลกิ กนั ไป ของเหตแุ ละผล และใชค้ ําใหเ้ หมาะสมโดยไม่ เมอื เชา้ เขาคนื ดกี นั แลว้ พาดพิ งจนทําใหผ้ อู้ นื เดอื ดรอ้ น ข : อหิ ยงั วะ วา่ ซา่ น ทมี าของคาํ ยอดฮติ “วา่ ซา่ น” มที มี ามา จากภาษาอสี าน บา้ งกอ็ อกเสยี งวา่ “วะซนั ” “วา่ ซนั ” หรอื “วา่ จงั ซนั ” มคี วามหมายวา่ วา่ งนั วา่ อยา่ งนนั ประมาณนี วา่ กนั มาเชน่ นนั ใชใ้ นการเตมิ ทา้ ยประโยคบอกเลา่ ทไี ดย้ นิ ได้ ฟงจากผอู้ นื และนาํ มาเลา่ ตอ่ บางครงั ใชส้ อื ความหมายการบอกเลา่ ในเชงิ สงสยั เชน่ เขาบอกวา่ ทรี าํ รวยขนึ อยา่ งรวดเรว็ เพราะถกู ลอ็ ตเตอรรี างวลั ที ๑ วา่ ซา่ น ในปจจบุ นั เปนคํานกี ลายเปนคําตดิ ปาก ของหมวู่ ยั รนุ่ ในโลกโซเชยี ล โดยมกั นาํ มา เตมิ ทา้ ยขอ้ ความหรอื ประโยค โดยไมเ่ นน้ ความหมาย เพื อเพิ มอารมณ์ หยอกลอ้ สนกุ สนาน ปนความสงสยั เชน่ “เลศิ เลศิ วา่ ซา่ น” ๑๕

อยา่ หาทํา ทิพย์ “อยา่ หาทาํ ” เปนคาํ ภาษาอสี านทมี กั จะใชบ้ อ่ ย ๆ คาํ วา่ “ทพิ ย”์ เปนคาํ ทใี ชแ้ พรห่ ลายในปจจบุ นั อกี คําวา่ คอื อยา่ หาทาํ ซงึ มคี วามหมายวา่ อยา่ คดิ จะ จดุ เรมิ ตน้ มาจากเพจของพระมหาเทวเี จา้ แหง่ เมอื ง ทาํ หรอื อยา่ ทาํ เชน่ นนั เปนคําทใี ชใ้ นการกลา่ วเตอื นวา่ ทพิ ย์ หรอื พี หญงิ ลี (คณุ ชาติ หรอื บหุ งาวลยั ไมค่ วรทาํ ในสงิ นนั หรอื ไมค่ วรหาเรอื งใสต่ วั คงขวญั ) โดยใชช้ อื เพจวา่ VEEN พระมหาเทวเี จา้ เชน่ หมอแลบ็ แพนดา้ โพสตเ์ ตอื น การเอาแมสกไ์ ปยดั มกั ใชค้ ําวา่ “ทพิ ย”์ อยบู่ อ่ ยครงั ทําใหช้ าวเนต็ ชอ่ งแอรแ์ บบนี มนั จะทําใหเ้ ชอื ไวรสั ฟุงกระจายได้ จดจําและนํามาพู ดตอ่ จนทาํ ใหค้ าํ วา่ “ทพิ ย”์ กลาย อนั นมี คี นเอาไปยดั บนรถเมล์ โอยยย อยา่ หาทาํ ! เปนคาํ ทอี ยใู่ นกระแสและใชก้ นั อยา่ งแพรห่ ลาย หรอื คาํ วา่ “ทพิ ย”์ เมอื พิ จารณาความหมายตาม ก. ถงึ เขาจะเลกิ กบั เราไปมแี ฟนใหมแ่ ลว้ พจนานกุ รม หมายถงึ เปนของเทวดา เชน่ อาหาร ทพิ ย,์ ดวี เิ ศษอยา่ งเทวดา เชน่ ตาทพิ ย์ เราอยากจะโทรไปเขาอกี สกั ครงั หทู พิ ย,์ ดวี เิ ศษเหนอื ปรกตธิ รรมดา เชน่ เนอื ทพิ ย์ ข. อยา่ หาทาํ ตดั ใจจากเขาเถอะ แตป่ จจบุ นั ไดน้ ํามาใชใ้ นความหมายที นอกจากนคี ําทนี ยิ มอกี คําคอื คาํ วา่ “หาทํา” เปลยี นแปลงไป คาํ วา่ “ทพิ ย”์ หมายถงึ ไมม่ ี ในความหมายวา่ ทาํ ในสงิ ทไี มส่ มควรทาํ หรอื ทาํ อะไร วา่ งเปลา่ ไมม่ อี ยจู่ รงิ คดิ จนิ ตนาการไปเอง ซงึ มกั จนมากเกนิ ไป เชน่ วนั หยดุ ทผี า่ นมาฉนั นกึ อยากเกบ็ จะนาํ คาํ วา่ “ทพิ ย”์ มาเตมิ ทา้ ยคําหลกั เชน่ บา้ น จดั บา้ นใหม่ ปรากฏวา่ รอื ของออกมารกเตม็ บา้ น ทอ้ งทพิ ย์ กกั ตวั ทพิ ย์ ไปหมด เกอื บเกบ็ ของไมไ่ หว หาทําจรงิ ๆ คาํ วา่ “ทอ้ งทพิ ย”์ มใี หเ้ หน็ ในขา่ ว หมายถงึ ไมไ่ ดท้ อ้ งจรงิ แตจ่ นิ ตนาการและทกึ ทกั เอาวา่ ตนทอ้ ง เชน่ “สาวอา้ งวา่ ทอ้ งทพิ ย์ รบั อยาก สารภาพแตก่ ลวั สามผี ดิ หวงั เลยหาทางลงไม่ ได”้ ประโยคดงั กลา่ วอธบิ ายไดว้ า่ หญงิ สาว โกหกวา่ ตนตงั ทอ้ งแตไ่ มไ่ ดท้ อ้ งจรงิ ตามทเี ปน ขา่ ว อยากจะสารภาพวา่ ตนไมไ่ ดท้ อ้ งตงั แตต่ น้ แตก่ ลวั สามผี ดิ หวงั เลยยงั คงโกหกตอ่ ไป เรอื ย ๆ วา่ ทอ้ ง จงึ เรยี กวา่ “ทอ้ งทพิ ย”์ นอกจากนยี งั มคี าํ วา่ “กกั ตวั ทพิ ย”์ หมายถงึ บคุ คลกลมุ่ เสยี งทสี มั ผสั ใกลช้ ดิ ผตู้ ดิ เชอื โค วดิ -๑๙ ควรจะตอ้ งกกั ตวั อยใู่ นบา้ น ๑๔ วนั แตไ่ มไ่ ดก้ กั ตวั จรงิ ๆ ยงั คงออกมาใชช้ วี ติ ปกตภิ ายนอก เรยี ก “กกั ตวั ทพิ ย”์ เราสามารถพบคําวา่ “ทพิ ย”์ ในคําอนื ๆ อกี หลายคาํ เชน่ เรยี นทพิ ย์ สอนทพิ ย์ ผวั ทพิ ย์ เทยี วทพิ ย์ คะแนนทพิ ย์ สง่ งานทพิ ย์ ฯลฯ ซงึ ผพู้ ู ดสามารถสรา้ งคาํ ขนึ ใชเ้ องไดเ้ พี ยงแคน่ าํ คาํ วา่ ทพิ ย์ มาเตมิ ทา้ ยคาํ หลกั เพื อบง่ ชวี า่ ไมม่ ี สงิ นนั อยจู่ รงิ กจ็ ะไดค้ าํ ใหมเ่ ก๋ ๆ ไวค้ ยุ กบั คน อนื ได้ ๑๖

เยาวรนุ่ คาํ วา่ “เยาวรนุ่ ” เปนคําทโี ดง่ ดงั มาจากโซเชยี ลมี เดยี เกดิ จากการบญั ญตั ศิ พั ทโ์ ดยพระมหาเทวเี จา้ แหง่ เมอื งทพิ ย์ เปนคํานามทใี ชเ้ รยี กกลมุ่ เดก็ ๆ วยั รนุ่ คนรนุ่ ใหม่ คาํ นจี งึ กลายเปนกระแสตดิ ปากไปในไมก่ วี นั เพราะเปนคาํ ทแี ปลกใหมแ่ ละใชก้ นั อยา่ งกวา้ งขวาง คาํ วา่ “เยาวรนุ่ ” เกดิ จากการนําคําวา่ “เยาวชน” หมายถงึ บคุ คลอายเุ กนิ ๑๕ ปบรบิ รู ณแ์ ตย่ งั ไมถ่ งึ ๑๘ ปบริ บรู ณ์ หรอื คนรนุ่ ใหม่ รวมกบั คําวา่ “วยั รนุ่ ” หมายถงึ วยั ทมี อี ายปุ ระมาณ ๑๓-๑๙ ป หรอื วยั กําดดั กลายเปนคําวา่ “เยาวรนุ่ ” หมายถงึ เยาวชนคนรนุ่ ใหม่ หรอื วยั รนุ่ นนั เอง คาํ นจี ะใชส้ าํ หรบั เรยี ก วยั รนุ่ นอกจากคาํ ทกี ลา่ วมาขา้ งตน้ แลว้ ยงั มคี าํ อนื วยั หนมุ่ สาว เชน่ เยาวรนุ่ แหง่ เมอื งทพิ ย์ หมายถงึ ๆอกี ทเี ปนคาํ ศพั ทฮ์ ติ คําวยั รนุ่ หรอื คาํ ในโลก เยาวชนคนรนุ่ ใหมแ่ หง่ เมอื งของพระมหาเทวเี จา้ หรอื โซเชยี ล แสดงใหเ้ หน็ ถงึ ลกั ษณะของภาษาทเี กดิ เมอื งทพิ ย์ หรอื ในตวั อยา่ งทวี า่ “พระมหาเทวเี จา้ มา ขนึ และมกี ารเปลยี นแปลงไปตามยคุ สมยั จงึ ทาํ ให้ เยยี มเยยี นเยาวรนุ่ ทถี นนเยาวราชทําเอาสะเทอื นเลอื น ไดร้ บั ความนยิ มมากในชว่ งหนงึ แลว้ ไมม่ น่ านกจ็ ะ ลนั ไปทงั เมอื งทพิ ย”์ เปนตน้ ดงั นนั คาํ วา่ “เยาวรนุ่ ” คอ่ ย ๆ ไดร้ บั ความนยิ มนอ้ ยลงตามกาลเวลา และ ใชไ้ ดใ้ นบรบิ ททวั ไปในชวี ติ ประจําวนั สาํ หรบั เรยี ก เกดิ คําใหม่ ๆ ขนึ อยเู่ สมอ เราในฐานะคนไทยกบั เดก็ ๆ นอ้ ง ๆ วยั รนุ่ วา่ “เยาวรนุ่ ” การใชภ้ าษาไทย ไมว่ า่ จะอยใู่ นยคุ สมยั ใด ขอเพี ยง ปงปุรเิ ย่ แคเ่ รยี นรู้ และเลอื กใชภ้ าษาใหเ้ หมาะสมกบั บคุ คล และกาลเทศะกจ็ ะชว่ ยลดปญหาในการใชภ้ าษาตาม คําวา่ “ปงปรุ เิ ย”่ เปนศพั ทบ์ ญั ญตั โิ ดยพระมหา มาได้ เราจงึ ควรรว่ มแรง รว่ มใจใชภ้ าษาไทย เทวเี จา้ เชน่ กนั หมายถงึ ปงทสี ดุ แลว้ ไมม่ อี ะไร ใหถ้ กู ตอ้ งและอนรุ กั ษ์ สบื สาน รกั ษาภาษาไทย มาเทยี บไดอ้ กี ทสี ดุ กวา่ นไี มม่ อี กี แลว้ ซงึ สามารถพู ด ใหค้ งอยสู่ บื ไป ดงั พระราชดาํ รสั ของในหลวง สนั ๆ ไดว้ า่ “ปง” หมายถงึ ทสี ดุ แลว้ คาํ นเี ปนคําที รชั กาลที ๙ ทวี า่ เมอื เตมิ จรติ ทางภาษากายเขา้ ไปรว่ มกบั อารมณท์ ใี ชใ้ น การพู ด จะทําใหไ้ ดอ้ รรถรสในการพู ดมากยงิ ขนึ เปน “… ภาษาไทยนนั เปนเครอื งมอื อยา่ งหนงึ ของชาติ ขนั กวา่ ของคําวา่ “ทสี ดุ ” สถานการณท์ มี กั จะใชค้ ํานี ภาษาทงั หลายเปนเครอื งมอื ของมนษุ ยช์ นดิ หนงึ เชน่ เมอื ตอ้ งการแสดง ความชนื ชมวา่ เลศิ มาก ดมี าก คอื เปนทางสาํ หรบั แสดงความคดิ เหน็ อยา่ งหนงึ ไมม่ อี ะไรเทยี บได้ ตวั อยา่ ง “ทรงผมหลอ่ นปงปรุ เิ ย่ เปนสงิ ทสี วยงามอยา่ งหนงึ เชน่ ในทางวรรณคดี มาก” “ชดุ หลอ่ นสวยปงปรุ เิ ยม่ ากไมไ่ หวแลว้ ” “หนงั เปนตน้ ฉะนนั จงึ จําเปนตอ้ งรกั ษาไวใ้ หด้ ”ี เรอื งนปี งปรุ เิ ยท่ สี ดุ ทเี คยดมู าเลย” เปนตน้ จาก ตวั อยา่ งจะเหน็ ไดว้ า่ คาํ นใี ชใ้ นลกั ษณะทไี มม่ อี ะไรจะ เทยี บไดอ้ กี แลว้ เราสามารถนําคาํ นมี าใชข้ ยายเพื อใหไ้ ดใ้ จความที สมบรู ณม์ ากขนึ และเพื อสอื อารมณใ์ หช้ ดั เจนมากขนึ รายการอ้างอิง วา่ สงิ นนั ๆ ดเี ลศิ เกนิ กวา่ จะมอี ะไรมาตา้ นทานได้ ไทยรฐั ออนไลน์. หมอแลบ็ แพนดา้ เตือนอย่าทาํ หลงั พบคนนําหน้ากากอนามยั ยัดช่องแอรร์ ถเมล์ [ออนไลน์]. คาํ ถามชวนคิด ๒๐๒๐. แหล่งทมี่ า : https://www.thairath.co.th/news/local/1872111 [๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๔] นา้ ชาติ ประชาชื่น. รู้ไปโม้ด [ออนไลน์]. ๒๐๑๘. แหล่งท่มี า : คําในขอ้ ใดมีทีม่ าจากเพจของพระมหาเทวเี จา้ แห่งเมืองทพิ ย์หรือพห่ี ญิงลี https://www.khaosod.co.th/lifestyle/news_799921 [๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๔] ราชบัณฑติ ยสถาน. พจนานกุ รมฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๕๔ เฉลมิ พระเกียรตพิ ระบาท สมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัวเน่ืองในโอกาสพระราชพธิ มี หามงคลเฉลมิ พระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔. ๒๕๕๖. กรุงเทพมหานคร: บรษิ ทั ศิรวิ ัฒนาอนิ เตอร์พรน้ิ ทจ์ ํากัด (มหาชน). อสี านร้อยแปด.ว่าซ่าน [ออนไลน]์ . ๒๐๒๑. แหลง่ ที่มา : อีสานร้อยแปด - ทุกเรอื่ งราวของชาวอีสาน (esan108.com) [๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๔] อีสานรอ้ ยแปด.อิหยังวะ [ออนไลน์]. ๒๐๒๑. แหลง่ ทมี่ า : อสี านรอ้ ยแปด - ทกุ เร่ืองราวของชาวอีสาน (esan108.com) [๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๔] Wordyguru.อยา่ หาทํา [ออนไลน]์ . ๒๐๒๑. แหลง่ ที่มา : https://www.wordyguru.com/a/trenddict/q/%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E 0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B3[๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๔] ๑. ออเจ้า ๒. วา่ ซา่ น ๓. ปังปุรเิ ย่ ๔. อหิ ยังวะ ๑๗

ทาํ ไมต้องฟมุ่ เฟือย : การใชค้ ําให้ถูกตอ้ ง สุพตั รา อตุ มัง “ในสว่ นของทางโรงเรยี นได้ดาํ เนินการส่งข้อมลู เรยี บรอ้ ยแล้ว หากมีความประสงค์จะใหท้ ําการสํารวจขอ้ มูล ขอใหแ้ จง้ ขอ้ มลู ท่ี.......” ขอ้ ความน้ีขา้ งตน้ เป็นตวั อยา่ งการเขยี นสอื่ สารทเ่ี หน็ ได้ทว่ั ไป แต่อาจมี คาํ ถามว่า คําบางคาํ ท่ีใช้ในตวั อยา่ งขอ้ ความขา้ งต้น หากตัดออกไปไดจ้ ะทําให้ ส่อื สารกระชบั ชัดเจนข้ึนได้หรอื ไม่ การใชค้ าํ ที่ไมจ่ าํ เปน็ สอื่ สารนีว้ ่า“คําฟมุ่ เฟือย” คําฟุ่มเฟอื ยตามพจนานกุ รมราชบณั ฑิตยสถานใหค้ วามหมายวา่ “ว. สรุ ่ยุ สุร่าย, ใชจ้ ่ายโดยไม่คาํ นึงถึงความส้นิ เปลอื ง เกนิ ความจาํ เป็น เชน่ ใชถ้ ้อยคําฟมุ่ เฟือย” จากตัวอยา่ งขอ้ ความข้างตน้ หากตัดคําฟมุ่ เฟือยตามคาํ จํากดั ความขา้ งตน้ กจ็ ะแกไ้ ขได้ดังนี้ “ในสว่ นของทางโรงเรยี นไดด้ าํ เนนิ การส่งข้อมูลเรียบร้อยแลว้ หากมคี วามประสงคจ์ ะใหท้ าํ การสํารวจข้อมลู ขอให้แจง้ ขอ้ มูลที.่ ......” คําฟุม่ เฟอื ยท่พี บเกดิ จากการใช้คําในกรณีต่าง ๆ เช่น ใช้คาํ บุพบทมากเกนิ ความจาํ เป็น เช่น โรงเรียนส่งจดหมายแจ้งแก่ผู้ปกครองเพ่ือให้ข่าวสารกับผู้ปกครอง ของนักเรียน ควรแก้ไขเป็น โรงเรียนส่งจดหมายแจ้งผู้ปกครอง เพือ่ ให้ข่าวสาร จึงเรียนมาเพ่ือโปรดพิจารณาด้วย ควรแก้ไขเป็น จึงเรียนมาเพื่อ โปรดพจิ ารณา ใช้คําเช่อื มโดยไม่จาํ เป็น เช่น คาํ วา่ “ซ่ึง” ควรใชแ้ ทนคํานามทอ่ี ยู่ขา้ งหนา้ หากไม่ได้แทนคํานาม กไ็ มค่ วรใช้ เช่น ตามทที่ า่ นได้ให้ความอนุเคราะหซ์ ง่ึ เปน็ อาจารย์ พเิ ศษนั้น ควรตดั คําว่า \"ซ่ึง\" ออก ๑๘

ใช้คําเดิมซํ้า ๆ ในประโยค เช่น ความร้ายแรงเชน่ นี้ทําใหร้ ะเบดิ ไมว่ า่ บรเิ วณสถานีบีทีเอสย่านสยาม- สแควรไ์ มว่ า่ บรเิ วณศาลอาญา กลายเป็นเรอ่ื งเดก็ ๆ ควรตดั คาํ วา่ \"ไมว่ า่ \" ออก ใช้คําซ้ําความหมายในประโยคใกล้ ๆ กนั เช่น ขอ้ เสนอแนะทีผ่ ู้ปกครองเสนอแนะเข้ามามีเป็นจาํ นวนมากควรแก้ไขวา่ ผูป้ กครองเสนอแนะขอ้ มลู จาํ นวนมาก โครงการไดพ้ ัฒนาหลักสตู รที่สอดแทรกเน้ือหาการจดั การขยะอยา่ ง ยั่งยืน โดยมุ่งเนน้ ปลกู จิตสาํ นึกเปน็ หลกั สําคญั ควรตัดคาํ ว่า \"สาํ คัญ\" ออก เพราะเปน็ หลักก็สาํ คญั แลว้ ใช้คํา “มี” “ให้” “ใน” “ทํา” “เป็น” กับคาํ “การ” และ “ความ” เพมิ่ ใน ประโยคโยคใหย้ าวข้นึ โดยไม่มคี วามหมาย เชน่ มีการ ใหค้ วาม ใหก้ าร ในการ ทําการ มีความ เปน็ การ เปน็ ต้น เชน่ แผนงานที่ ๖ ในแผนปฏบิ ตั ิ การมีเปา้ หมายให้การสนับสนุนโรงเรียนในเครือข่าย ควรแกไ้ ขเป็นแผนงาน ท่ี ๖ ในแผนปฏิบัตกิ ารมเี ป้าหมายให้การสนับสนุนโรงเรยี นในเครอื ขา่ ย การใช้คําใหถ้ ูกต้องเปน็ สว่ นหนึ่งของการสอ่ื สารทีม่ ปี ระสิทธภิ าพ โดยเฉพาะการสอ่ื สาร ในภาษาเขยี นท่ีใช้ติดตอ่ ระดับทางการ การเลอื กใชอ้ ย่างมีศาสตรแ์ ละศิลป์ คือรู้หลักการ รสู้ าระ และรูบ้ รบิ ท กาลเทศะ ความเหมาะสมทีค่ วรใช้ถ้อยคําจึงจะทาํ ให้สอื่ สารไดต้ รงตาม วตั ถุประสงค์ โดยมีหลกั การเลอื กใชค้ าํ ใหถ้ ูกต้องดังนี้ ๑. เลอื กใชค้ ําให้ถูกตอ้ งตรงตามความหมาย เช่น ผเู้ ขา้ รว่ มการอบรมจะได้รับผลประโยชน์ จากการอบรมครงั้ นี้ ควรใช้ว่า เช่น ผู้เข้ารว่ มการอบรมจะได้รบั ประโยชนจ์ ากการอบรม ครั้งนี้ ๒. เลือกใช้คําให้ถกู ต้องตามหน้าที่ เช่น คาํ บพุ บท ต่อ ใช้กับการยนื่ เอกสารหรอื ส่งหนังสือ ถึงหน่วยงาน ๓. เลอื กใช้คําใหถ้ ูกต้องตามกาลเทศะ และบุคคล เช่น จักขอบคณุ จักขอบพระคุณ ๔. เลอื กใช้คําภาษาทางการ ไมใ่ ช้ภาษาพดู เชน่ การแทงเรอ่ื งของสว่ นราชการและของ หวั หน้าส่วนราชการ ใหเ้ ปน็ ไปตามระเบยี บ ควรใช้วา่ การสง่ หนงั สือตามลําดับข้ันของ ส่วนราชการและของหวั หนา้ ส่วนราชการ ใหเ้ ปน็ ไปตามระเบยี บ ๕. เลือกใช้คําภาษาไทย หลีกเลยี่ งใช้คาํ ภาษาองั กฤษโดยไมจ่ าํ เป็น เช่น การลงทะเบยี น ของนักเรยี นให้แจ้งผ่านทางช่องทางกลอ่ งแชท ควรใช้ว่า การลงทะเบียนของนักเรียนให้ แจง้ ผา่ นทางช่องทางกล่องสนทนา ๖. เลือกใชค้ ําท่สี ะกดถูกตอ้ งตามพจนานกุ รม เช่น โอกาส กับ อากาศ ๑๙

เม่ือรศู้ าสตร์แลว้ คาํ ถามทวี่ า่ “ทาํ ไมตอ้ งฟมุ่ เฟอื ย” คงได้รบั คําตอบจากการใช้คํา ให้ถกู ตอ้ ง โดยไม่ทําให้ผอู้ า่ นราํ คาญใจ และคงเกิดขึน้ ไดก้ บั ผูใ้ ชภ้ าษาท่ัวไปได้แนน่ อน คาํ ถามชวนคดิ ข้อใดไมม่ ีการใช้คําฟมุ่ เฟือย ๑. โรงเรยี นดาํ เนินการสง่ เอกสารเขา้ ระบบเรยี บรอ้ ยแล้ว ๒. ขอใหค้ ณาจารยท์ กุ คนทําการกรอกขอ้ มลู ตนเองภายในระยะเวลาท่กี าํ หนด ๓. หากคณาจารย์ต้องการสอบถามขอ้ มลู เพิ่มเติม ๔. คณาจารย์สามารถส่งคาํ ถามผา่ นทางไปรษณอี เิ ล็กทรอนกิ สข์ องโรงเรยี นได้ตลอดเวลา ๒๐

๒๑

๒๒

๒๓

๒๔

๒๕

๒๖

๒๗

๒๘

๒๙

๓๐

๓๑

๓๒

๓๓

๓๔

ความงามทางภาษาในบทอาขยาน คณาจารยผ์ ู้สอนภาษาไทยชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๔ อาขยานเปน็ กจิ กรรมที่มุ่งเนน้ ใหน้ กั เรยี นสามารถเข้าใจเนือ้ หา ซาบซ้ึงความงามในคําประพนั ธแ์ ละนาํ ข้อคิดซง่ึ แฝงอยู่ไปปรับใช้ในชีวิต โดยแต่ละระดบั ชั้นจะมบี ทอาขยานท่แี ตกต่างกันไปตามวรรณคดที เี่ รียน เรอื่ งอเิ หนา เป็นบทพระราชนพิ นธ์ในพระบาทสมเด็จพระพทุ ธ- เลิศหลา้ นภาลัย ทไี่ ด้รบั การยกยอ่ งจากวรรณคดสี โมสรว่าเป็นยอดแหง่ กลอนบทละคร ด้วยมคี วามงดงามทางภาษาทเี่ กิดจากการสรรคาํ อย่าง ประณีต ซึง่ กระทรวงศึกษาธิการได้กาํ หนดบทอาขยานจากเรอ่ื งอเิ หนา ตอนศึกกะหมงั กหุ นิง สําหรับนกั เรยี นระดบั ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ ๔ ไวด้ งั นี้ “ว่าพลางทางชมคณานก โผนผกจับไม้อึงมี่ เบญจวรรณจบั วลั ย์ชาลี เหมือนวันพีไ่ กลสามสดุ ามา นางนวลจบั นางนวลนอน เหมือนพแ่ี นบนวลสมรจินตะหรา จากพรากจบั จากจํานรรจา เหมอื นจากนางสการะวาตี แขกเต้าจบั เต่ารา้ งร้อง เหมอื นรา้ งหอ้ งมาหยารศั มี นกแกว้ จับแก้วพาที เหมอื นแก้วพ่ที ัง้ สามส่ังความมา ตะเวนไพรร่อนร้องตะเวนไพร เหมือนเวรใดใหน้ ริ าศเสน่หา เค้าโมงจบั โมงอยู่เอกา เหมือนพี่นบั โมงมาเม่ือไกลนาง คบั แคจับแคสนั โดษเด่ยี ว เหมอื นเปลา่ เปล่ียวคบั ใจในไพรกวา้ ง ชมวิหคนกไมไ้ ปตามทาง คะนึงนางพลางรบี โยธ”ี ๓๕

บทอาขยานน้ีเป็นบทที่อิเหนาต้องลามเหสีท้ัง ๓ นางเพ่ือไปรบ ท่ีเมืองดาหา การที่กวีแทรกบทนิราศเข้ามาในช่วงน้ีทําให้ขับเน้น อารมณ์โศกของตัวละครอิเหนาอันเนื่องมาจากการพลัดพราก จากคนรักให้ชดั เจนมากยิ่งขึน้ นอกจากเป็นบทนริ าศแล้ว ความงดงามทางภาษาท่ีเห็นไดอ้ ยา่ ง โดดเด่นคือ การเล่นคาํ ด้วยการนาํ คาํ ท่มี เี สียงพอ้ งกนั แตค่ วามหมาย ต่างกันมาเรียงร้อยเข้าด้วยกันเพื่อสื่อความว่าส่งิ นัน้ ๆ ทําใหจ้ ิตคิดไป ถึงนางอันเป็นท่ีรัก ๓๖

ผลการประกวดคัดลายมือบทอาขยาน ของนกั เรียนระดบั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๔ เนอ่ื งในวันภาษาไทยแห่งชาติ รางวัลชนะเลศิ ด.ญ.เบญญา องั สพทั ธ์ ม.๔/๖ รางวลั รองชนะเลศิ อนั ดบั ๑ ด.ญ.น้าํ ทิพย์ ชวิ ม.๔/๗ รางวลั รองชนะเลิศอันดับ ๒ ด.ญ.ปภาดา บรรดาศักดิ์ ม.๔/๔ ๓๗

ผลการประกวดการแตง่ กลอนสุภาพประกอบภาพ ของนักเรียนระดบั มธั ยมศึกษาปีที่ ๑ เนื่องในวันสุนทรภู่ รางวัลชนะเลิศ ด.ญ.สภุ ัชรี เจรญิ กุล ม.๑/๗ ส่งแรงใจแดห่ มอและผชู้ ว่ ย อกี ทัง้ หน่วยพยาบาลจิตอาสา ยอมลาํ บากเหนอ่ื ยยากทุกเวลา ในทุกคราเสียสละอยรู่ ํ่าไป ขอทุกคนรว่ มใจกันอยู่บา้ น อย่าเกียจคร้านมีหนา้ กากโปรดสวมใส่ หม่นั ล้างมืออยหู่ า่ งกันเข้าไว้ เพอื่ ห่างไกลจากโควิดพิษรา้ ยแรง รางวัลรองชนะเลิศอันดบั ๑ รางวัลรองชนะเลศิ อันดบั ๒ ด.ญ.นีรธาร อคั รจนั ทโชติ ม.๑/๗ ด.ช.ธีร์ โกมลมศิ ร์ ม.๑/๗ โควดิ น้ีมคี วามรา้ ยแรงย่ิง เชอื้ โรคร้ายระบาดใหญใ่ นวกิ ฤติ มนั คร่าท้งิ ชวี ติ คนมากหลาย ยคุ โควิดปลิดชีพชนคนทัง้ ผอง พยาบาลคณุ หมอตอ้ งเหน่อื ยกาย มีนกั รบสวมชดุ กาวน์ขาวเรืองรอง แตก่ ไ็ มแ่ หนงหนา่ ยทําด้วยใจ ดังแสงสอ่ งสร้างแรงหวังกําลังใจ มวี ิธีสามารถช่วยคุณหมอ แพทยพ์ ยาบาลผหู้ าญกล้าม่งุ ฝ่าข้าม อยบู่ า้ นพอขออยา่ ออกไปไหน พยายามผลิตวคั ซีนส่งมอบให้ เพ่ือลดเส่ียงติดเช้อื เพอื่ ปลอดภัย ศาสตร์การแพทย์เออ้ื อํานวยผา่ นพ้นภยั แค่น้ไี ซร้จะผ่านไดด้ ว้ ยดี เราขอฝากความห่วงใยมอบแด่คุณ ๓๘

ผลการประกวดการแตง่ กลอนสุภาพประกอบภาพ ของนกั เรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ ๒ เน่อื งในวันสนุ ทรภู่ รางวัลชนะเลศิ ด.ญ.สฤณชา จิรปญั ญาวงศ์ ชน้ั ม.๒/๗ โควดิ นั้นใกลต้ ัวกว่าที่คดิ ควรปอ้ งกันสกั นดิ ก่อนจะสาย เช้ือโรคอยรู่ อบตัวมีมากมาย หม่ันลา้ งมอื น้ันงา่ ยไม่ไดน้ าน ตอ้ งสวมใสห่ นา้ กากอนามัย เมื่ออยูใ่ นพ้นื ท่ีคนพลกุ พลา่ น ทําจติ ใจผ่อนคลายและเบิกบาน เราจะผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน รางวัลรองชนะเลศิ อันดับ ๑ รางวลั รองชนะเลศิ อันดบั ๒ ด.ช.พงศธรรม อสัมภินพงศ์ ชัน้ ม.๒/๓ ด.ช.ณฐาภพ สุรนาคะพันธ์ุ ช้นั ม.๒/๗ ปอ้ งกันภัยห่างไกลจากโควิด โควดิ ร้ายเราน้นั ปอ้ งกนั ได้ ใช้ชีวติ ต่ืนตวั มีเหตุผล เรารว่ มใจสรา้ งโลกแสนสุขี การ์ดอย่าตกพกเจลรักษาตน รักษาตัวกลวั ภัยวินยั ดี และอดทนอยูบ่ ้านจะปลอดภยั หลีกเล่ยี งท่ีมีคนอย่มู ากมาย หากตอ้ งไปแหง่ ใดทแี่ ออดั เรือ่ งล้างมือน้นั มนั สาํ คญั มาก เตอื นตนชดั หน้ากากล้างมือไว้ สวมหนา้ กากทุกทมี่ ีความหมาย อา่ นข่าวสารตดิ ตามอยา่ งใส่ใจ รอเวลาโรคภัยให้คลค่ี ลาย อย่าใหใ้ ครเขา้ มาอยู่ใกล้ตวั เราจะผ่านเร่ืองร้ายไปดว้ ยกัน ๓๙

ผลการประกวดการแต่งกลอนสภุ าพประกอบภาพ ของนกั เรียนระดับมัธยมศกึ ษาปีที่ ๓ เน่ืองในวนั สุนทรภู่ รางวัลชนะเลศิ รางวลั รองชนะเลิศอันดับ ๑ ด.ญ.ปวณี รัตน์ รักษเ์ กยี รติคณุ ชนั้ ม.๓/๖ ด.ญ.จติ รมนสั ลออคณุ ชน้ั ม.๓/๔ \"หมอผูช้ ่วยเหลือ\" \"แพทยพ์ าผ่านผา\" ปัจจบุ ันพบปญั หาโรคโควิด หากจะข้ามหน้าผาอันสงู ใหญ่ หมออุทิศแรงกายคอยรกั ษา จาํ เปน็ ตอ้ งมีใครพาขา้ มผา่ น อยชู่ ่วยเหลือผคู้ นในทุกครา คนกลุ่มน้นั เปรียบดังแพทยพ์ ยาบาล แม้กายาเหน่อื ยล้าหมอยอมทน เปน็ สะพานพาเราขา้ มผ่านโรคภยั ประเทศไทยจะกา้ วข้ามผา่ นวกิ ฤต คุณหมอท่านเสียสละชว่ ยสมาน หมอคอยคดิ หาทางช่วยดูผล รอ่ งเขากวา้ งเหตุการณ์สุดวสิ ัย ท้ังวคั ซนี และยาให้ผูค้ น พาโควดิ โรครา้ ยออกหา่ งไกล เพื่อใหพ้ น้ สถานการณ์โควิดไป เป็นหวั ใจพาเรามุ่งสู่ปลายทาง รางวัลรองชนะเลศิ อันดับ ๑ รางวลั รองชนะเลศิ อนั ดบั ๒ ด.ญ.ธนั ยนันท์ พนู บันดาลสิน ชน้ั ม.๓/๕ ด.ญ.มาหยา บญุ ญาอรณุ เนตร ช้ัน ม.๓/๖ \"หมอพยาบาลผู้รกั ษา\" \"แพทย์ผูช้ ว่ ยชีวิต\" ๔๐ โรคระบาดโควดิ พิษไวรัส โคโรนาไวรัสทีเ่ ปน็ พิษ โลกขอ้ งขดั สขุ หายกลายเปน็ เศรา้ พรากชีวติ ผ้คู นนับไม่ถว้ น ยังโชคดมี ีแพทยช์ ว่ ยบรรเทา ประชาชนร้องไหแ้ ละครา่ํ ครวญ ทาํ งานหนักรักษาเราให้ปลอดภยั ทุกคนควรดูแลกันทุกเวลา ขอขอบคุณคุณหมอพยาบาล ในวนั หน่ึงทมี แพทยย์ น่ื มือช่วย ทีก่ ล้าหาญต่อสูก้ ับโรคคร้ังใหญ่ ผทู้ ปี่ ่วยตอ้ งการคนรักษา ชว่ ยผคู้ นกาํ จดั โรคออกให้ไกล แพทย์ก็ใหค้ วามรกั และเมตตา เราขอเป็นกาํ ลงั ใจใหท้ กุ คน และได้พาออกหา่ งโรคร้ายแรง

ผลการประกวดการแตง่ กลอนสุภาพประกอบภาพ ของนกั เรยี นระดบั มัธยมศึกษาปที ่ี ๔ เนื่องในวันสนุ ทรภู่ รางวัลชนะเลศิ รางวลั รองชนะเลิศอนั ดับ ๑ ด.ญ.บุญญาภา สถติ ยทุ ธการ ชัน้ ม.๔/๖ ด.ญ. จณิ ณ์ บรู พาชพี ชัน้ ม.๔/๗ \"ร่วมแรงเป็นรัว้ แรง\" \"ร้วั ลอ้ มชาติ\" ไม่จบั มือแต่จับใจใหแ้ นบแนน่ แพทยร์ ายเรยี งขา้ งเคียงเตียงผู้ปว่ ย ไมค่ ลอ้ งแขนแตค่ ล้องใจใหแ้ นน่ หนา ทกุ คนชว่ ยสดุ แรงเพอ่ื รักษา เรารวั้ หลังระวงั เช้ือเม่ือแพรม่ า ส้โู รครา้ ยหมายเพียงสุขคืนมา แพทยร์ ้วั หนา้ แกไ้ ขได้ท่วงที กอ่ นชีวาจะมอดไปกบั ไฟฟืน เปลยี่ นความกลวั เป็นปญั ญาเกดิ อาวธุ รว้ั ลอ้ มชาติใชท่ หารแต่เปน็ หมอ เมอ่ื โรคหยุดร่วมแรงฟ้นื ไทยคืนท่ี แมจ้ ะท้อแตต่ อ้ งคอยทนฝืน ถงึ เชอ้ื ใหม่ภัยหนา้ มาอีกปี แมจ้ ะล้มกย็ ังต้องหยดั ยนื รว้ั แรงน้เี ขม้ แข็งดว้ ยแรงเรา เพ่ือแจกคนื ความสุขให้ทุกคน รางวัลรองชนะเลศิ อันดับ ๑ รางวัลรองชนะเลิศอันดบั ๒ ด.ช.ปริณ อุทัยสุข ชั้น ม.๔/๓ ด.ญ.ศุภพชิ ญ์ เกียรตเิ รืองชัย ชนั้ ม.๔/๓ \"โควิดสรา้ งพิษภยั \" \"สายลมแหง่ ความหวงั \" โรคโควดิ สรา้ งพษิ ภยั ไปทง้ั โลก ในวกิ ฤตโิ ควิดแสนโหดรา้ ย แสนทกุ ขโ์ ศกครา่ ชีวติ นับมากหลาย พาชีวิตมากมายสอู่ าสัญ คนเจบ็ ปว่ ยดว้ ยไวรัสแพรก่ ระจาย แต่สายลมคอยโอบอุ้มบรรเทามัน เพือ่ ให้หายแพทย์พยาบาลเฝา้ ห่วงใย ใหพ้ ายุลกู น้ันสงบไป ดั่งกําแพงปรามปราบกําราบเชือ้ สายลมแหง่ ความหวงั นนั้ คือหมอ มาช่วยเหลือเพื่อป้องกนั ผู้ป่วยไข้ ไม่รีรอช่วยเหลือคนเจบ็ ไข้ สรา้ งภูมิต้านไวรสั ใหจ้ ากไป ขอพายจุ งผา่ นพ้นอย่างเรว็ ไว ซาบซ้งึ ใจผูเ้ สยี สละขอบพระคุณ ขอทอ้ งฟ้าจงสดใสในเรว็ วนั ๔๑

ผลการประกวดการแต่งกลอนสภุ าพประกอบภาพ ของนกั เรียนระดบั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๕ เนอ่ื งในวนั สุนทรภู่ รางวลั ชนะเลศิ นายกนั ติทัด จันทร์ดวง ชั้น ม.๕/๒ \"โควิดพษิ ไวรัส\" โลกเผชญิ โควดิ พษิ ไวรัส เศรษฐกจิ ขอ้ งขดั ไม่ก้าวหนา้ ความสูญเสยี เกิดขน้ึ อยทู่ กุ ครา คลา้ ยโลกาจะดับส้ินพิบตั ิภยั ดัง่ ฟา้ โปรดสง่ เหลา่ แพทย์พยาบาล มาทํางานชว่ ยเหลือเหลา่ คนไข้ ปฏิบัตหิ นา้ ที่ด้วยหวั ใจ เหมอื นแสงไฟสอ่ งสว่างยามราตรี รางวลั รองชนะเลิศอนั ดับ ๑ รางวัลรองชนะเลศิ อนั ดับ ๒ นายภูมิรัตน์ ราชนยิ ม ชัน้ ม.๕/๕ นางสาวสุณัฐชา กุละพฒั น์ ชั้น ม.๕/๔ \"โรคระบาด\" \"ดวงใจในยามวกิ ฤต\" โรคระบาดฆาตชีวิตคนนบั ล้าน เมื่อโรครา้ ยมาเยอื นสะเทอื นจติ ชาตติ ่างตา่ งถูกผลาญเศรษฐกิจ คร่าชีวิตมากมายไม่เลือกหนา้ ถูกกักตัวอยู่ในบา้ นสอนขอ้ คิด พยาบาลและแพทยต์ ่างเหน่ือยลา้ หากชีวิตต้องดั้นดน้ ต้นถึงปลาย ประชาชนถว้ นหนา้ ตา่ งเหนื่อยใจ ก็ต้องพึง่ เรือ่ งวินัยทางสงั คม คนเคยใกลก้ ลับกลายเปน็ ไกลห่าง อยา่ ให้หมอตอ้ งจมในความพา่ ย ราวโลกกว้างรอบตวั หันหลังใส่ ชีวติ หนึง่ มคี า่ ต้งั มากมาย ทําได้เพียงโอบกอดกนั เอาไว้ ยงั ไมส่ ายเกนิ จะแกไ้ ปด้วยกัน ภาวนาใหผ้ ่านไปได้โดยเร็ว ๔๒

ผลการประกวดการแตง่ กลอนสภุ าพประกอบภาพ ของนักเรยี นระดับมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๖ เนอื่ งในวันสุนทรภู่ รางวลั ชนะเลศิ รางวัลรองชนะเลศิ อนั ดบั ๑ นายแทนคณุ ลัญจกรกุล ช้ัน ม.๖/๔ นางสาวณัชชา ชูวงษ์ ชั้น ม.๖/๓ \"แสงสวา่ งในทางมดื \" \"สนามส้โู ควดิ \" ในวนั ท่โี รครา้ ยระบาดท่วั สนามน้มี กี ารแขง่ คนวง่ิ ผลัด ทางข้างหนา้ ดมู วั มืดหมองหมน่ ท่จี ะคดั คนออกเพอื่ ได้เหรยี ญ ต้องลาํ บากตรากตรํากนั ทุกคน สนามนี้มีคนมากท่พี ากเพียร ต้องอดทนทาํ ทกุ ทางใหป้ ลอดภยั ส้สู ังเวยี นเอาชนะเหล่าโรคา แมว้ ่าเราทุกถนิ่ รสู้ ึกท้อ สนามนีข้ ้นึ ช่อื เรื่องสูโ้ ควดิ แมว้ ่าโรคติดตอ่ ตดิ ตามไล่ ปดิ มดิ ชดิ ว่งิ ใหไ้ กลอยา่ กังขา แพทยต์ ดิ ตามรักษาแม้ห่างไกล สนามนไี้ ม่หยดุ พักนบั ปมี า สู้สุดใจให้คนไทยไดห้ ายดี เพ่ือนาํ พาชัยสปู่ ระชาชน รางวลั รองชนะเลศิ อันดบั ๒ รางวลั รองชนะเลศิ อนั ดบั ๒ นางสาวพิชญา ก่วยเกยี รตกิ ลุ ช้นั ม.๖/๑ นางสาวพรญาณี วฒุ ิพุธนนั ท์ ช้นั ม.๖/๑ \"โควิดร้าย\" \"ความตายใชไ่ กลตัว\" โควิดรา้ ยรุกรานผลาญชวี ติ ไมเ่ คยคดิ วา่ จะเกดิ เหตุการณ์นี้ โควดิ ลามแผลงฤทธิ์จนฉิบหาย หลายชีวีมปี ัญหาตา่ งขดั สน โควิดป่วนการแพทยจ์ นวอดวาย เน่ืองจากโรคระบาดพายากจน โควดิ นาํ ความตายมาสู่ชน ซ้าํ ยงั พรากผ้คู นไปมากมาย โควดิ ทาํ ใหเ้ ราต้องพรากจาก ชใ้ี ห้เห็นความตายอยู่แคเ่ อือ้ ม คนลาํ บากหดห่ทู กุ แหง่ หน ดัง่ สายน้าํ กระเพอื่ มมขิ าดสาย บุคลากรการแพทย์ร่วมอดทน กะทันหันทนั ทีมอิ าจทาย เพอื่ มวลชนเพ่ือชาตใิ หพ้ น้ ภยั ยังไมต่ ายจงหมนั่ ทําแตค่ วามดี ๔๓

กจิ กรรมตอบคาํ ถาม มีรางวัลให้คณาจารย์ ๕๐ รางวลั และนกั เรียน ๕๐ รางวลั ๑. อา่ นสาระดี ๆ จากวารสารกลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ฉบบั พิเศษ ๒. ตอบคาํ ถามจาํ นวน ๒๐ ข้อ และเลือกข้อทีถ่ ูกทสี่ ดุ เพยี งขอ้ เดยี ว ๓. ระบุชอ่ื ทีอ่ ยู่ สําหรบั จัดส่งรางวัล https://qrgo.page.link/9pTBQ ตารางชวนคดิ พชิ ติ อกั ษรไขว้ ๑. หาคาํ ตอบในตารางจากคําใบ้ทีอ่ ยู่ดา้ นล่าง ๒. คาํ ตอบในแนวนอนใชต้ วั เลขท่อี ยซู่ ้ายมอื ของชอ่ งวา่ ง ๓. คําตอบในแนวต้ังใช้ตวั เลขทอ่ี ยขู่ วามือของชอ่ งวา่ ง https://qrgo.page.link/xBBSY CUD มอี ะไรจะบอก ๑. กรอกข้อมลู ส่วนตัวของท่าน ๒. ใส่คาํ คมฝากถึงนกั เรียนโรงเรียนสาธติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม ๓. เลือกให้ความยินยอมหรือไม่ยินยอมให้เผยแพรค่ ําคม หากไดร้ บั การคัดเลอื ก ๔. แนบรูปภาพของทา่ นกรณีใหค้ วามยนิ ยอมเผยแพร่คําคม https://qrgo.page.link/Mx6fG ๔๔

กิจกรรม ตารางชวนคดิ \" พชิ ิตอกั ษรไขว้ \" แนวนอนใชต้ วั เลขที่อยู่ทางซา้ ยมอื ของชอ่ งว่าง แนวต้งั ใชต้ ัวเลขท่ีอยู่ทางขวามือของช่องวา่ ง ๑. ช่ือใหม่นามไพเราะของแห้ว ๑. ความรกั สมหวัง เทพองค์นีช้ ว่ ยได้ ๒. “เกบิ ” ในภาษาอีสาน คนภาคกลาง ๒. สีแดงอยขู่ ้างมีในรสหวาน สเี ขียวอยขู่ ้างนอก นําไปแกงได้ ตอ้ งผวนดูจงึ จะไดค้ ําตอบ เรยี กวา่ อะไร ๓. นางงามทกุ เวทปี รารถนาส่งิ นเ้ี ปน็ รางวลั ๓. วนั ท่ี ๒๙ ของเดือนอะไรในทุกปคี ือ วนั ภาษาไทยแห่งชาติ ๔. โรคระบาดรา้ ยแรง คร่าชีวติ คนนบั ลา้ น ๔. อยู่ท่เี ชียงราย บนยอดเขาสูงและ ๕. คาํ ฮิตสมัยใหม่ความหมายวา่ “หลอกให้เชอ่ื ” เปน็ ยี่หอ้ กาแฟ ๕. สุภาษิตน้ีมีความหมายวา่ ทําดว้ ยความยาก ลาํ บาก ๔๕

\"…เรามีโชคดีที่มีภาษาของตนเองแตโ่ บราณกาล จึงสมควรอยา่ งยิ่งทีจ่ ะรักษาไว้ ก ุ่ลมสาระการเ ีรยน ู้รภาษาไทย โรงเ ีรยนสาธิตจุฬาลงกร ์ณมหา ิวทยา ัลย ฝ่ายมัธยม ปญั หาเฉพาะในด้านรกั ษาภาษานีก้ ็มหี ลายประการ อยา่ งหน่ึงต้องรกั ษาใหบ้ ริสุทธ์ิ ในทางออกเสยี ง คือให้ออกเสยี งใหถ้ กู ตอ้ งชัดเจน อกี อย่างหนง่ึ ตอ้ งรกั ษาใหบ้ รสิ ทุ ธ์ิ ในวิธใี ช้ หมายความวา่ วธิ ีใชค้ ํามาประกอบเป็นประโยค นับวา่ เปน็ ปัญหาที่สาํ คัญ ปญั หาที่สาม คือความร่าํ รวยในคําของภาษาไทย ซึ่งพวกเรานกึ วา่ ไมร่ ่าํ รวยพอ จงึ ต้องมีการบัญญัตศิ ัพท์ใหมม่ าใช…้ สําหรับคําใหม่ทตี่ ัง้ ขนึ้ มีความจําเป็นในทาง วิชาการไม่นอ้ ย แตบ่ างคาํ ท่ีง่าย ๆ กค็ วรจะมี ควรจะใช้คาํ เก่า ๆ ทเ่ี รามีอยูแ่ ล้ว ไม่ควรจะมาตั้งศพั ท์ใหม่ให้ย่งุ ยาก...\" พระราชดาํ รสั พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร คณะอกั ษรศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๐๕


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook