Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore จังหวัดนครราชสีมา

จังหวัดนครราชสีมา

Published by ชลิตา ผู้กําจัด, 2019-09-17 22:47:13

Description: จังหวัดนครราชสีมา

Search

Read the Text Version

จงั หวดั นครราชสีมา Nakhon Ratchasim

สารบัญ หน้า เร่ือง ๑ 1. ที่มาของชื่อ ๒ 2. ประวตั ิศาสตร์ ๑๖ 2.1 สมยั ก่อนประวตั ิศาสตร์ ๑๘ 2.2 สมยั ประวตั ิศาสตร์ 2.2.1 อาณาจกั รศรีจนาศะ หรือ จนาศะปุระ 2.2.2 เมืองพมิ าย หรือ วมิ ายปุระ 2.3 สมยั อยธุ ยา 2.4 สมยั กรุงธนบุรี 2.5 สมยั รัตนโกสินทร์ 2.6 ยคุ หลงั เปล่ียนแปลงการปกครอง 3. ภูมิศาสตร์ 3.1 ภมู ิประเทศ 3.2 ภูมิอากาศ 3.3 อาณาเขตติดตอ่ 4. การเมืองการปกครอง 4.1 การปกครองส่วนภูมิภาค 4.2 การปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน 4.3 รายนามผวู้ า่ ราชการจงั หวดั นครราชสีมา

สารบัญ หน้า เร่ือง ๒๒ 5. เศรษฐกิจ ๒๔ ๒๓ 5.1 นิคมอุตสาหกรรม 6. ประชากรศาสตร์ ๒๗ 6.1 พ้ืนเพของคนจงั หวดั นครราชสีมา 6.1.1 ไทโคราช 6.1.2 ชาวไทอีสาน 6.1.3 ชาวไทยเช้ือสายลาว 6.1.4 มอญ 6.1.5 ส่วย 6.1.6 ญฮั กรุ 6.1.7 ไทยวน 7. การศึกษา 7.1 การแบง่ เขตพ้นื ท่ีมธั ยมศึกษา 7.2 การแบ่งเขตพ้นื ที่ประถมศึกษา 7.3 โรงเรียน 7.4 สถาบนั อุดมศึกษา 7.4.1 สถาบนั อุดมศึกษาของรัฐ 7.4.2 สถาบนั อุดมศึกษาเอกชน

สารบญั หน้า เรื่อง ๓๐ 7.5 สถาบนั อาชีวศึกษา ๓๔ 7.5.1 สถาบนั การอาชีวศึกษาของรัฐ 7.5.1.1 สถาบนั การอาชีวศึกษาภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ 5 7.5.1.2 วทิ ยาลยั อาชีวศึกษาอื่น ๆ 7.5.1.3 สถาบนั อาชีวศึกษา (เอกชน) 7.6 วทิ ยาลยั เฉพาะทาง 7.7 สถาบนั วจิ ยั 8. การสาธารณสุข 9. การคมนาคม 9.1 ทางอากาศ 9.1.1 รถยนต์ 9.2 รถโดยสารประจาทาง 10. อา้ งอิง

1 ทม่ี าของช่ือ มีผเู้ สนอวา่ อาจมีความเป็นไปไดท้ ่ี เมืองนครราช คือเมืองเดียวกนั กบั เมืองราด ของพอ่ ขนุ ผาเมือง เน่ืองจากมีความสัมพนั ธ์ใกลช้ ิดกบั เมืองพระนครหลายประการ นอกจากน้ีรูปสลกั กองทพั ชาวสยามบน ระเบียงดา้ นหน่ึงของ นครวดั อาจเป็ นชาวสยามจากลุ่มแม่น้ามลู ท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั เมืองนครราช และยงั มีการ กล่าวถึงเมืองนครราชสีมาในพงศาวดารของกมั พชู าหลายคร้ังดว้ ย อยา่ งไรก็ตาม ผทู้ ่ีมีมุมมองอีกดา้ นหน่ึงก็ วา่ นครราชสีมา น้นั เป็นคาไทยเป็นคาใหม่ แยกเป็นคาไดค้ ือ นคร, ราช และ สีมา หมายความวา่ \"เมืองใหญ่ อนั เป็ นขอบขณั ฑสีมาของราชอาณาจกั ร\" (ราช+สีมา) ส่วนคาวา่ โคราช (สาเนียงถิ่น: โค-หฺราด , ไทยกลาง: โค-ราด, เขมร: โก-เรียช ) น้นั น่าจะเพ้ียนมาจาก นครราช (อา่ นตามสาเนียงวา่ คอน-หฺราด ซ่ึงเป็นคาเรียก นครราชสีมาแบบยอ่ ๆ ของชาวบา้ น) หรือ องั กอร์เรียจ ต่อมาลดรูปเป็น กอร์เรียจ และเพ้ียนเป็นโคราช ใน ที่สุดและไม่ไดเ้ พ้ียนมาจากชื่อเมืองโคราฆปุระ (Gorakhpur) ที่เป็นช่ือเมืองสมยั ใหม่ในแควน้ เดียวกบั เมืองอ โยธยา (Ayodhya) ในอินเดีย ตามขอ้ สันนิษฐานของสมเด็จพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ ดิสวรกุมาร กรม พระยาดารงราชานุภาพแตอ่ ยา่ งใดเน่ืองจากเมืองโคราชที่สูงเนินมีความเก่าแก่กวา่ เมืองโคราชปุระ เดิมทีน้นั ชื่อเมืองนครราชสีมา มีการใช้ \"นครราชสีมา\" และ \"นครราชสีห์มา\" สลบั กนั ไป จนกระทงั่ เมื่อวนั ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2445 (พ.ศ. 2444 เดิม) ไดม้ ีพระบรมราชโองการฯ ใหป้ ระกาศวา่ ชื่อมณฑลแลเมืองนครราชสีห์มา ซ่ึงใชต้ วั ห การันตด์ ว้ ยน้นั เป็ นการผดิ จากความหมายของชื่อเมือง แต่น้ี ตอ่ ไปอยา่ ใหใ้ ชต้ วั ห การันต์ ใหใ้ ชว้ า่ นครราชสีมา ในการท่ีจะออกช่ือเกี่ยวดว้ ยมณฑลแลเมืองน้ีในที่ท้งั ปวง

2 ประวตั ิศาสตร์ ๑.สมยั ก่อนประวตั ศิ าสตร์ จากหลกั ฐานทางโบราณคดีพบวา่ มีชุมชนโบราณซ่ึงเป็นร่องรอยของมนุษยก์ ่อนประวตั ิศาสตร์ ต้งั แต่ยคุ หินใหม่ต่อเน่ืองมาถึงยคุ สาริด และยคุ เหลก็ กระจายอยทู่ ว่ั ไปในจงั หวดั นครราชสีมา โดยมีแหล่ง โบราณคดีท่ีสาคญั คือ ชุมชนบา้ นปราสาท ชุมชนบา้ นโนนวดั แหล่งภาพเขียนสีเขาจนั ทง์ าม ซ่ึงกาหนดอายุ ไดป้ ระมาณ 4,500 ปี มาแลว้ ๒.สมัยประวตั ิศาสตร์ อาณาจักรศรีจนาศะ หรือ จนาศะปุระ มีความเจริญรุ่งเรืองมาต้งั แตส่ มยั ทวารวดี ซ่ึงมีศูนยก์ ลางอยทู่ ่ี เมืองเสมา ต้งั อยบู่ ริเวณอาเภอสูงเนินในปัจจุบนั เป็นเมืองใหญ่เช่ือกนั วา่ เป็ นท่ีต้งั ของรัฐศรีจนาศะ ใน พ.ศ. 1411 ตามจารึก ขอ้ มูลปฐมภูมิเกี่ยวอาณาจกั รน้ี ศึกษาไดจ้ ากศิลาจารึก ซ่ึงปัจจุบนั พบอยู่ 2 หลกั คือ 1. จารึก บอ่ อีกา (จารึกดว้ ยอกั ษรหลงั ปัลลวะ ใชภ้ าษาสนั สกฤต กบั เขมร กาหนดอายไุ ด้ พ.ศ. 1411) สถานท่ีพบ บา้ นบอ่ อีกา อาเภอสูงเนิน จงั หวดั นครราชสีมา เน้ือหาโดยสงั เขป ดา้ นท่ี 1 กล่าวถึงสตั วแ์ ละทาสที่ พระราชาแห่งศรีจนาศะถวายแก่พระสงฆ์ ดา้ นที่ 2 เร่ิมตน้ ดว้ ยการกล่าวสรรเสริญพระศิวะ แลว้ กล่าวยกยอ่ ง องั ศเทพซ่ึงเป็นผสู้ ร้างศิวลึงคน์ ้ี 2. จารึกศรีจานาศะ (จารึกดว้ ยอกั ษรขอมโบราณ ใชภ้ าษาสนั สกฤต กบั เขมร กาหนดอายไุ ด้ พ.ศ. 1480) สถานที่พบ บริเวณเทวสถาน ใกลส้ ะพานชีกุน อาเภอเมือง จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา เน้ือหาโดยสังเขป ดา้ นที่ 1 เร่ิมตน้ ดว้ ยการสรรเสริญพระศิวะ จากน้นั สรรเสริญนางปารว ตี ต่อจากน้นั จึงกล่าวถึงรายพระนามพระราชาแห่งอาณาจกั รจานาศปุระ คือ พระราชาองคแ์ รกทรงพระนาม วา่ ภคทตั ต์ ผทู้ ี่สืบตอ่ ลงมาจากพระเจา้ ภคทตั ตอ์ งคห์ น่ึงทรงพระนามวา่ สุนทรปรากรม พระเจา้ สุนทร ปรากรมทรงมีโอรสทรงพระนามวา่ สุนทรวรมนั พระเจา้ สุนทรวรมนั ทรงมีโอรส 2 องคอ์ งคพ์ ่ที รงนาม วา่ นรปติสิงหวรมนั ไดเ้ สด็จข้ึนครองราชยแ์ ห่งอาณาจกั รศรีจานาศะ องคน์ อ้ งทรงนามวา่ มงคลวรมนั ได้ โปรดใหส้ ร้างจารึกหลกั น้ีเพื่อฉลองการสร้างพระรูปพระชนนีเป็นพระราชเทวี คือ ชายาของพระศิวะ เมื่อ ศกั ราช 859 (พ.ศ. 1480) ส่วนจารึกดา้ นที่ ๒ น้นั เป็ นรายชื่อของทาส ชุมชนในเขตลุ่มแม่น้ามูลเร่ิมมีการต้งั ถิ่นฐานเป็นบา้ นเมืองข้ึนในช่วงประมาณพุทธศตวรรษท่ี 12 (ประมาณกลางคริสตศ์ ตวรรษท่ี 6 ถึงกลางคริสตศ์ ตวรรษท่ี 7) เม่ือปรากฏเมืองท่ีมีคนั ดินลอ้ มรอบซ่ีงมี รูปร่างกลมหรือมีรูปร่างไมแ่ น่นอนกระจายอยทู่ ว่ั บริเวณ เช่น บริเวณบา้ นเมืองฝ้ าย ตาบลบา้ นฝ้ าย อาเภอ นางรอง จงั หวดั บุรีรัมย์ บริเวณบา้ นโตนด ตาบลโตนด อาเภอโนนสูงบริเวณเมืองพมิ าย อาเภอพิมาย บริเวณ เมืองเสมา อาเภอเนินสูง บริเวณหินขอนอาเภอปักธงชยั จงั หวดั นครราชสีมา โดยบริเวณบา้ นโตนดท่ีอยหู่ ่าง จากเมืองพิมายไปทางดา้ นใตป้ ระมาณ 20 กิโลเมตร ไดพ้ บลูกปัดแกว้ สีน้าเงินและลูกปัดหินทาดว้ ยหินอา รเกทและเตอร์เนเสียน มีลายสลบั เขียว เหลือง แดง ซ่ึงพบมากในชุมชนลุ่มแม่น้าเจา้ พระยา แสดงใหเ้ ห็นวา่

3 บา้ นเมืองในเขตลุ่มแม่น้ามูล มีการรับวฒั นธรรมจากภายนอกเขา้ มา พเิ ศษ เจียจนั ทร์พงษ์ แสดงความเห็นวา่ บริเวณบา้ นโตนดน่าจะเป็ นหมบู่ า้ นชนบทของเมืองพมิ าย เป็นพ้ืนท่ีทาการเพาะปลูกส่วนหน่ึงของเมืองพิ มาย โดยมีแมน่ ้ามลู เป็นทางคมนาคมขนส่งในการลาเลียงพชื พนั ธุ์ธญั ญาหารสู่เมืองพิมายในขณะเดียวกนั เมืองพิมายไดป้ รากฏชื่ออยใู่ นจารึกของเขมรมาต้งั แต่สมยั พระเจา้ อิศานวรมนั ท่ี 1 (พ.ศ. 1159 ถึงราว พ.ศ. 1180) วา่ ภีมปุระ (Bhimapura) ประกอบกบั การพบจารึกของพระเจา้ มเหนทรวรมนั (ราว พ.ศ. 1150 ถึง พ.ศ. 1159) ท่ีอาเภอนางรองจงั หวดั บุรีรัมย์ และที่จงั หวดั อุบลราชธานีเป็นจานวนหลายหลกั แสดงใหเ้ ห็นวา่ อารยธรรมเขมรไดแ้ ผข่ ยายอิทธิพลเขา้ มามีบทบาทในเขตลุ่มแม่น้ามลู ต้งั แตช่ ่วงตน้ พุทธศตวรรษที่ 12 (คร่ึง หลงั คริสตศ์ ตวรรษท่ี 6) แลว้ โดยปรากฏชุมชนในวฒั นธรรมเขมรหลายแห่งในบริเวณน้ี เช่น บริเวณแก่ง สะพอื อาเภอพิบูล มงั สาหาร จงั หวดั อุบลราชธานี บริเวณบา้ นดม อาเภอสงั ขะ จงั หวดั สุรินทร์ เมืองพมิ ายไดเ้ จริญข้ึนมามีบทบาทสาคญั เป็นเมืองศูนยก์ ลางขนาดใหญ่ของอารยธรรมเขมรในเขต ลุ่มแม่น้ามลู ในช่วงปลายพุทธศตวรรษท่ี 1654 (คร่ึงแรกคริสตศ์ ตวรรษที่ 11) เมื่อมีการสถาปนาราชวงศ์ มหิธรปุระ (Mahidrapura) ข้ึนในเขตท่ีราบสูงโคราช และเจริญรุ่งเรืองสุดในสมยั พระเจา้ ชยั วรมนั ที่ 7 (พ.ศ. 1724 ถึงราว พ.ศ. 1763) เพราะมีชื่อเมืองพมิ ายปรากฏในจารึกปราสาทพระขรรค์56 กล่าววา่ “จากเมืองหลวง ไปยงั เมืองวมิ าย (มี) ท่ีพกั พร้อมดว้ ยไฟ 17 แห่ง” และมีรูปฉลององคข์ องพระเจา้ ชยั วรมนั ที่ 7 และพระชายา อยทู่ ่ีปราสาทหินพิมายดว้ ย จารึกปราสาทหนิ พมิ าย จารึกทพี่ บทป่ี ราสาทหนิ พมิ ายมที ้งั หมด 6 หลกั คือ - จารึกปราสาทหินพมิ าย 1 อกั ษรขอม ภาษาสนั สกฤต ศิลาทราย กวา้ ง 57 เซนติเมตร สูง 40 เซนติเมตร หนา 12เซนติเมตร ไมป่ รากฏหลกั ฐานวา่ พบในส่วนใดของปราสาท - จารึกปราสาทหินพิมาย 2 อกั ษรขอม ภาษาสนั สกฤตและเขมร ศิลารูปใบเสมา กวา้ ง 23 เซนติเมตร สูง 18 เซนติเมตรหนา 5.5 เซนติเมตร พบที่มุมตะวนั ออกเฉียงใตข้ องปราสาทประธาน - จารึกปราสาหินพมิ าย 3 อกั ษรขอม ภาษาเขมร พบที่กรอบประตซู ุม้ ระเบียงคดดา้ นทิศใต้ - จารึกปราสาทหินพมิ าย 4 อกั ษรขอม ภาษาเขมร พบท่ีระเบียงคดดา้ นใตซ้ ีกตะวนั ออก เป็นจารึกฐาน ประติมากรรม - จารึกปราสาทหินพิมาย 5 อกั ษรขอม ภาษาบาลี กวา้ ง 15 เซนติเมตร ยาว 32เซนติเมตร ไม่ปรากฏ หลกั ฐานวา่ พบในส่วนใดของปราสาท - จารึกปราสาทหินพมิ าย 6 อกั ษรขอม ภาษาเขมร แตกชารุดเป็น 5 ชิ้น ไม่ปรากฏหลกั ฐานวา่ พบส่วน ใดของปราสาท

4 จารึกท่ีมีขอ้ ความพอท่ีจะศึกษาได้ คือ จารึกปราสาทหินพิมาย 2 จารึกปราสาทหินพิมาย 3 และจารึก ปราสาทหินพมิ าย 4 ปราสาทหนิ พมิ าย โดยเนือ้ หาสาระของจารึกมีประเด็นทส่ี าคัญ คอื ๑. การบูชาและถวายของแด่พระพทุ ธเจา้ ๒. การกล่าวสรรเสริญพระเจา้ สูรยวรมนั ที่ 1 (พ.ศ. 1545 – 1593 / ค.ศ. 1002 –1050) ๓. การทานุบารุงศาสนสถานโดยการสร้างรูปเคารพ การทาพธิ ีตา่ งๆ และการถวายที่ดิน ขา้ ทาส ส่ิงของ แก่ศาสนสถานเพอื่ อุทิศบุญกศุ ลแก่บรรพบุรุษ ๔. การสร้างเมืองและศาสนสถาน จากจารึกปราสาทหินพมิ าย 2 มีการกล่าวถึง มหาศกั ราช 95858 เทียบไดก้ บั พ.ศ. 1579 (ค.ศ. 1036) และพระนาม“ศรีสูรยวรมะ” ซ่ึงหมายถึง พระเจา้ สูรยวรมนั ที่ 1 ทาใหน้ กั วชิ าการมีความเห็นวา่ ปราสาท หินพมิ ายคงจะสร้างข้ึนในรัชสมยั น้ีโดยปามงั ติเอร์ (H.Parmentier) ใหค้ วามเห็นวา่ รูปแบบศิลปะของซุม้ และมุขหนา้ ปราสาทประธาน น่าจะเป็นฝีมือช่างในสมยั พระเจา้ สูรยวรมนั ท่ี 1 ซ่ึงเทียบไดก้ บั ศิลปะที่ ปราสาทวดั เอกและวดั บาเสตในเมืองพระตะบองซ่ึงสร้างข้ึนในรัชกาลน้ีแต่จารึกหลกั น้ีมีปัญหาที่วา่ ไม่ได้ เป็นจารึกที่อยตู่ ิดกบั ตวั ปราสาทหินพิมาย จึงไม่อาจสรุปลงไปไดอ้ ยา่ งชดั เจนวา่ ปราสาทหินพมิ ายสร้างข้ึน ในรัชสมยั พระเจา้ สูรยวรมนั ท่ี 1อยา่ งไรกต็ าม จารึกปราสาทหินพมิ าย 3 ซ่ึงเป็นจารึกที่ติดกบั ศาสนสถานได้ กล่าวถึงมหาศกั ราช1030 หรือ พ.ศ. 1651 (ค.ศ. 1108) ซ่ึงตรงกบั รัชกาลพระเจา้ ธรณีนทรวรมนั ที่ 1 (พ.ศ. 1650 – 1656 หรือ ค.ศ. 1107 – 1113) “...กมรเตงอญั ศรีวเิ รนทราธิบดีวรมะเมืองโฉกวะกลุ สถาปนากมรเตง ชคตเสนาบดีไตรโลกยวชิ ยั ซ่ึงเป็นเสนาบดีแห่งกมรเตงชคต-วมิ ายะฯ...” ไดแ้ สดงใหเ้ ห็นวา่ ในปี พ.ศ. 1651 (ค.ศ. 1108) ตอ้ งมีศาสนสถานปราสาทหิน พิมายอยแู่ ลว้ เพราะมีรูปเคารพกมรเตงชคตวมิ ายะ ซ่ึงเป็น ประธานของปราสาทหินพิมายแลว้ โดยนกั วชิ าการแสดงความเห็นวา่ กมรเตงอญั ศรีวเิ รนทราธิบดีวรมะน้นั

5 น่าจะหมายถึง เจา้ เมืองหรือขนุ นางของพระเจา้ ธรณีนทรวรมนั ที่ 1 ท่ีครองเมืองพิมายอยใู่ นขณะน้นั เพราะ ช่ือ ศรีวิเรนทราธิบดีวรมะเป็ นช่ือตามปราสาทหินพิมายท่ีปรากฏในจารึก คือ ศรีวเิ รนทราศรม ซ่ึงหมายถึง อาศรมของศรีวเิ รนทราธิบดี และไซเดนฟาเดน (E. Seidenfaden) ไดแ้ สดงความเห็นวา่ กมรเตงอญั ศรีวิเรน ทราธิบดีวรมะ ตอ่ มากไ็ ดเ้ ป็ นพระเจา้ สูรยวรมนั ท่ี 2 (พ.ศ. 1656ถึงหลงั พ.ศ. 1688 หรือ ค.ศ.1113 ถึงหลงั ค.ศ. 1145) นอกจากน้ี ในตอนทา้ ยจารึกปราสาทหินพมิ าย 3 ยงั ไดก้ ล่าวถึงศกั ราช 1031 (พ.ศ. 1652 / ค.ศ. 1109) กมรเตงอญั ศรีวรี วรมะไดถ้ วายของและขา้ พระแด่กมรเตงชคตเสนาบดีไตรโลกวิชยั เพอ่ื ถวายผลน้นั แด่พระบาทกมรเตงอญั ศรีธรณีนทรวรมเทวะฯ ซ่ึงหมายถึง พระเจา้ ธรณีนทรวรมนั ท่ี 1 ที่ครองราชยอ์ ยทู่ ่ี เมืองพระนครขณะน้นั จากจารึกท้งั สองหลกั พอจะสันนิษฐานไดว้ า่ ปราสาทหินพิมายคงจะสร้างข้ึนก่อนปี พ.ศ. 1651 (ค.ศ. 1108) ซ่ึงกรอสลิเย่ (Bernard Philippe Groslier) กล่าววา่ คงเร่ิมสร้างในสมยั พระเจา้ ชยั วรมนั ที่ 6 (พ.ศ. 1623 – 1650 / ค.ศ. 1080 – 1107) เนื่องจากเมืองพมิ ายเป็นราชธานีของพระองคม์ าก่อน โดยพระองคโ์ ปรด ใหส้ ร้างปราสาทหินพิมายข้ึนเพือ่ อุทิศถวายแด่บรรพบุรุษในราชวงศม์ หิธรปุระ พุทธศาสนาทปี่ ราสาทหินพมิ าย เป็นท่ีทราบกนั โดยทว่ั ไปวา่ ปราสาทหินพมิ ายเป็นศาสนสถานท่ีสร้างข้ึนในคติพุทธศาสนา เพราะประธานเป็ นรูปพระพทุ ธรูปนาคปรกศิลามีพระนาม กมรเตงชคตวมิ ายะ แต่การศึกษาเก่ียวกบั เรื่องน้ี นกั วชิ าการส่วนมากเขา้ ใจวา่ พุทธศาสนาลทั ธิวชั รยานหรือตนั ตระยาน เป็นนิกายหน่ึงของพุทธศาสนาลทั ธิ มหายาน ซ่ึงเม่ือศึกษาถึงปรัชญาและจุดมุง่ หมายของวชั รยานและมหายานแลว้ จะเห็นไดว้ า่ ท้งั วชั รยานและม หายานตา่ งก็มีปรัชญาท่ีต่างกนั ดงั น้นั วชั รยานและมหายานจึงเป็นลทั ธิท่ีแยกออกจากกนั อยา่ งชดั เจน เม่ือ พิจารณาจากหลกั ฐานที่ปรากฏท่ีปราสาทหินพิมายท้งั จากตวั ศิลปะและจารึกกล่าวไดว้ า่ ปราสาทหินพิมาย สร้างข้ึนในพทุ ธศาสนาลทั ธิวชั รยาน เน่ืองจากดา้ นหนา้ ทางเขา้ ปราสาทประธาน ปรากฏรูปพระวชั รสัตว พทุ ธะ คือ พระชินพทุ ธะองคท์ ่ี 6 ของลทั ธิวชั รยานแสดงรูปโดยทรงถือวชั ระในพระหตั ถข์ วา และทรงถือ กระด่ิงในพระหตั ถซ์ า้ ย และจากการศึกษาประติมากรรมเคร่ืองใชส้ มั ฤทธ์ิท่ีบริเวณเมืองพมิ ายและบริเวณ ใกลเ้ คียง พบวชั ระและกระด่ิงที่ภิกษุในลทั ธิวชั รยานใชใ้ นการประกอบพิธีกรรมเป็นจานวนมาก นอกจากน้ี รูปเคารพท่ีปรากฏอยบู่ นทบั หลงั ประดบั ประตูดา้ นในวมิ านของปราสาทประธาน ยงั แสดงถึงรูปเทพเจา้ ใน ลทั ธิวชั รยานดว้ ย คือทบั หลงั ประดบั ทิศใต้ แสดงภาพกมรเตงชคตวมิ ายะอยตู่ รงกลาง ตอนบนของทบั หลงั คือ พระชินพทุ ธะ 6 พระองค์ ดา้ นละ 3 พระองค์ ทบั หลงั ประดบั ทิศตะวนั ตก ตอนบนแสดงภาพพระอมิตาภ พทุ ธะ พระชินพทุ ธะ ประจาทิศตะวนั ตกส่วนตอนล่างแสดงภาพความรื่นรมยบ์ นสวรรคส์ ุขาวดี ทบั หลงั ประดบั ทิศเหนือ ตรงกลางเป็ นรูปเทพเจา้ 3 พกั ตร์ 6 กร โดยพระหตั ถล์ ่างอยใู่ นท่าปางสมาธิ พระหตั ถข์ วา กลางถือลูกประคา และพระหตั ถซ์ า้ ยกลางถือกระด่ิง ซ่ึงกค็ ือเหวชั ระ หรือพระวชั รินตามช่ือที่ปรากฏใน

6 จารึกของกมั พชู าทบั หลงั ประดบั ทิศตะวนั ออก แสดงภาพเทพเจา้ 4 พกั ตร์ 8 กร โดยพระพกั ตร์ท่ี 4อยู่ ดา้ นหลงั สองกรล่างอยใู่ นทา่ แสดงธรรม ร่ายราอยใู่ นทา่ อรรธปรยงั กะ บนพระไภรวะและนางกาลราตรี และ ทรงถือหนงั ชา้ ง เทพเจา้ องคน์ ้ีคือ สงั วร ซ่ึงอยใู่ นสกลุ พระอกั โษภยะพระชินพทุ ธะประจาทิศตะวนั ออก นอกจากน้ี ยงั ปรากฏทบั หลงั ประดบั ประตูชิ้นหน่ึงไมท่ ราบตาแหน่งเดิมจากปราสาทหินพิมาย คือ ทบั หลงั ภาพเจา้ เมืองทาอษั ฎางคประดิษฐ์ ในพระหตั ถม์ ีหมอ้ น้าที่รองรับน้ามนตร์จากพระกมรเตงชคตวมิ ายะ ท่ี แสดงภาพอยตู่ อนกลางดา้ นบนของทบั หลงั การถวายอษั ฎางคประดิษฐเ์ ป็ นการถวายความเคารพในลทั ธิ วชั รยาน ซ่ึงยงั คงปรากฏอยใู่ นประเทศธิเบตและเนปาลปัจจุบนั ลทั ธิวชั รยานเริ่มปรากฏในเขมรมาต้งั แตส่ มยั พระเจา้ ราเชนทรวรมนั (พ.ศ. 1474 –1511 หรือ ค.ศ. 935 – 968) เพราะจารึกปราสาทเบง็ เวยี นไดก้ ล่าวถึงพระโลเกศวรและนางปรัชญาปารมิตา ผปู้ ระทานกาเนิด พระชินพุทธะและธาตุท้งั 5 (มลู ปฺรกฤติ)ในไตรโลก นอกจากน้ีจารึกบา้ นสบั บาก อาเภอปักธงชยั จงั หวดั นครราชสีมา ใน พ.ศ. 1609 (ค.ศ. 1066) ไดก้ ล่าวถึงพระปาญจสุคต ซ่ึงคือ พระชินพุทธะในลทั ธิวชั รยาน และยงั กล่าวถึงคมั ภีร์ศรีสมาจะ ซ่ึงเป็นชื่อยอ่ ของคมั ภีร์ศรีคุหยสมาจตนั ตระ(การสนทนาท่ีเป็นความลบั ) เป็นคมั ภีร์เก่าสุดที่พระพุทธเจา้ พระนามวา่ สรรว-ตถาคต-กาย-วาก-จิตต์ ประทานใหก้ บั พทุ ธสมาคมและ เป็นตน้ ตารับของวชั รยาน ท้งั ยงั เป็น 1 ใน 9 คมั ภีร์หลกั ของเนปาลจารึกท้งั สองหลกั แสดงใหเ้ ห็นวา่ พุทธ ศาสนาลทั ธิวชั รยานไดม้ ีการวางรากฐานในอารยธรรมเขมรมาต้งั แตป่ ลายพทุ ธศตวรรษที่ 15 (ตน้ คริสตศ์ ตวรรษท่ี 10) และคงแผข่ ยายอิทธิพลเขา้ มาในเขตท่ีราบสูงโคราชช่วงตน้ พุทธศตวรรษที่ 17 (กลาง คริสตศ์ ตวรรษท่ี 11) จากน้นั ก็เจริญรุ่งเรืองสุดในสมยั พระเจา้ ชยั วรมนั ท่ี 7โดยมีศูนยก์ ลางของลทั ธิวชั รยาน ในประเทศไทยที่เมืองพมิ าย และมีปราสาทหินพิมายเป็นศาสนสถานท่ีสาคญั ของลทั ธิน้ี บทบาทและหน้าทข่ี องปราสาทหินพมิ าย ปราสาทหินพมิ ายเป็นปราสาทในอารยธรรมเขมรแบบ “ท่ีมีระเบียงคดลอ้ มรอบปรางคป์ ระธาน” และเป็นศูนยก์ ลางลทั ธิวชั รยานจากกมั พชู าที่สาคญั ในประเทศไทย อีกท้งั ในจารึกปราสาทพระขรรคข์ อง พระเจา้ ชยั วรมนั ที่ 7 ยงั กล่าวถึงเมืองพิมายในฐานะที่เป็ นเมืองปลายทางของเส้นทางหลกั สายหน่ึงในจานวน 6 เส้นทางจากเมืองพระนคร ซ่ึงแสดงใหเ้ ห็นถึงความสาคญั ของเมืองพมิ ายในช่วงระยะเวลาน้ีไดอ้ ยา่ งดี ประกอบกบั ภายนอกกาแพงเมืองดา้ นทิศใตม้ ีส่ิงก่อสร้างท่ีสาคญั ของพระเจา้ ชยั วรมนั ที่ 7 หลงเหลืออยู่ คือ อโรคยศาลท่ีพระองคโ์ ปรดใหส้ ร้างข้ึนทวั่ พระราชอาณาจกั รของพระองค์ เพราะทรงมีความปรารถนาที่จะ ช่วยเหลือราษฎรใหพ้ น้ จากความทุกขก์ ายอนั ไดแ้ ก่ความไมม่ ีโรค จากลกั ษณะดงั กล่าวตา่ งเป็นสิ่งแสดงถึง ฐานะของเมืองพมิ ายที่มิใช่เป็ นเพียง “ดินแดนนอกกมั พุชเทศ” เท่าน้นั แต่มีความสาคญั ในฐานะที่เป็น ดินแดนปิ ตุภมู ิของกษตั ริยเ์ ขมรในราชวงศม์ หิธรปุระอีกประการหน่ึงที่สาคญั คือ รูปแบบศิลปะ สถาปัตยกรรมของปราสาทหินพมิ ายที่จดั อยใู่ นศิลปะเขมรแบบนครวดั ตอนตน้ น้ี ยงั ส่งอิทธิพลกลบั คืนไป ยงั ศูนยก์ ลางท่ีเมืองพระนครดว้ ยความเป็นศูนยก์ ลางของพมิ ายในลุ่มแมน่ ้ามูลตอนบนเช่นน้ี ทาใหป้ ราสาท

7 หินพิมายไมไ่ ดเ้ ป็นเพยี งปราสาทของราชวงศม์ หิธรปุระเท่าน้นั หากยงั เป็นศาสนสถานท่ีรับใชช้ ุมชนพมิ าย เองดว้ ย ดงั ปรากฏในจารึกปราสาทหินพมิ าย 2 ท่ีกล่าวถึงการทาบุญในวนั สาคญั ตา่ งๆ และการไปนมสั การ พระพุทธเจา้ เพ่อื ใหเ้ กิดความเจริญในชีวติ อีกท้งั ภายในบริเวณเมืองพิมายเองกม็ ีการขดุ สระหรือบารายขนาด ใหญ่ คือ สระแกว้ สระพรุ่ง (สระศรี) และสระขวญั และภายนอกกาแพงเมืองดา้ นตะวนั ออก คือ สระเพลง นอกกาแพงดา้ นทิศใต้ คือ สระช่องแมว ซ่ึงแสดงให้เห็นถึงระบบการชลประทานขนาดใหญ่ท่ีถูกสร้างข้ึนมา เพื่อรับใชช้ ุมชนที่มีขนาดใหญ่ ดงั น้นั ปราสาทหินพมิ ายจึงมีความสาคญั ในฐานะที่เป็นปราสาทประจา ราชวงศม์ หิธรปุระ และเป็นศาสนสถานในลทั ธิวชั รยานของชุมชนแมน่ ้ามลู ตอนบน สมยั อยธุ ยา เน่ืองจากต้งั อยเู่ ป็นบริเวณท่ีเป็นชายขอบระหวา่ งรัฐที่มีอานาจ เป็นรัฐกนั ชน นครราชสีมาจึงมี ประวตั ิศาสตร์ที่เก่ียวพนั กบั ความขดั แยง้ ระหวา่ งรัฐอยเู่ สมอ เช่น ระหวา่ งสยามกบั กมั พชู า หรือ ระหวา่ ง สยามกบั ลา้ นชา้ ง หรือ ในบางคร้ังไดม้ ีความพยายามท่ีจะต้งั ตวั เป็นรัฐอิสระไม่ข้ึนกบั ผใู้ ด เฉกเช่นเดียวกบั บรรดาเมืองใหญ่อ่ืน ๆในรัชสมยั สมเดจ็ พระบรมราชาธิราชท่ี 2 อาณาจกั รอยธุ ยาสามารถเอาชนะกมั พชู าได้ รวมท้งั ไดท้ าการรวบรวมหวั เมืองในลุ่มแม่น้ามลู เขา้ มาอยใู่ นอานาจ เม่ือสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ พ.ศ. 1991 - 2031 ไดส้ ืบราชสมบตั ิต่อมา มีการจดั ระดบั เมืองพระยามหานคร 8 หวั เมือง คือ พษิ ณุโลก ศรีสัชนา ลยั สุโขทยั กาแพงเพชร นครศรีธรรมราช นครราชสีมา ตะนาวศรี และทวาย ซ่ึงเป็นคร้ังแรกที่เริ่มปรากฏช่ือ เมืองนครราชสีมาเป็นเมืองสาคญั ในขอบขณั ฑสีมา และไดด้ ารงความสาคญั สืบต่อมาในประวตั ิศาสตร์ อยธุ ยาและรัตนโกสินทร์ตามระบบระบบบรรดาศกั ด์ิขุนนางไทย เจา้ เมืองนครราชสีมานบั เป็นขนุ นาง ระดบั สูงมีบรรดาศกั ด์ิเป็ น ออกญากาแหงสงครามรามภกั ดีพิรียภาหะ มีศกั ดินา 10,000 ไร่ในสมยั สมเดจ็ พระ นเรศวรมหาราช กองทพั เมืองนครราชสีมาไดถ้ ูกมอบหมายใหเ้ ป็นกาลงั หลกั ในการโจมตีเมืองเสียมราฐ และ ภาคตะวนั ออกของทะเลสาบจนไดช้ ยั ชนะเหนือพระยาละแวก ในท่ีคร้ันถึงสมยั กรุงศรีอยธุ ยาตอนปลาย สมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช ทรงเห็นวา่ เป็ นหวั เมืองใหญ่และมีความสาคญั ทางยทุ ธศาสตร์ เน่ืองจากเป็น เมืองหนา้ ด่านของอยธุ ยาติดกบั พรมแดนลาว (เขา้ ใจวา่ เลยลาสะแทด ซ่ึงเป็นลาน้าสาขาของแม่น้ามลู เหนือ เมืองพิมายเป็นเขตแดนลาว เพราะมีบนั ทึกไวใ้ นนิราศหนองคาย สอดคลอ้ งกบั วฒั นธรรมและภาษาท่ี เปลี่ยนไปดว้ ย) จึงโปรดใหย้ า้ ยเมืองเสมา มาสร้างเมืองใหม่ ณ ท่ีต้งั ปัจจุบนั โดยมีการวางผงั เมืองเป็ นตาราง รูปสีเหลี่ยม ขนาดกวา้ ง 1,000 เมตร ความยาว 1,700 เมตร มีกาแพงเมืองขนาดใหญ่ มีป้ อมค่ายหอรบ และ พระราชทานนามวา่ \"เมืองนครราชสีมา\" จุลศกั ราช 1036 (พุทธศกั ราช 2217) โปรดให้พระยายมราช (สังข)์ เป็นเจา้ เมือง ในคราวเดียวกนั กบั ท่ีแตง่ ต้งั เจา้ พระยารามเดโช เป็นเจา้ เมืองนครศรีธรรมราชซีมง เดอ ลา ลู แบร์ ชาวฝรั่งเศสที่เขา้ มาสมยั สมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช ไดเ้ ขียนรายงานและบนั ทึกไวใ้ นจดหมายเหตุ วา่ เมืองโคราชสีมา (Corazema) เป็นหวั เมืองใหญ่ 1 ใน 7 มณฑล ต้งั อยตู่ ิดชายแดนของราชอาณาจกั รสยามกบั เมืองลาว มีเมืองบริวาร 5 เมืองในแผน่ ดิน สมเด็จพระเพทราชา พระยายมราชเจา้ เมืองนครราชสีมาท่ีแตง่ ต้งั โดยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชไดแ้ ขง็ เมือง เน่ืองจากไม่พอใจสมเด็จพระเพทราชา ที่ก่อการยดึ อานาจแลว้

8 เปลี่ยนราชวงศ์ จึงไม่ขอข้ึนต่อกรุงศรีอยธุ ยา แตถ่ ูกกองทพั กรุงศรีอยธุ ยาใชเ้ วลาปราบปรามโดยลอ้ มเมืองอยู่ ประมาณ 2 ปี โดยใชอ้ ุบายและกลยทุ ธปราบลงได้ พระยายมราช เจา้ เมืองนครราชสีมาไดห้ นีไปพ่งึ เจา้ พระยารามเดโชเจา้ เมืองนครศรีธรรมราชซ่ึงไม่พอใจสมเด็จพระเพทราชาเช่นกนั แตถ่ ูกกองทพั อยธุ ยา ตามไปปราบปรามลงได้ นบั แตน่ ้นั เมืองนครราชสีมาไดถ้ ูกลดความสาคญั ลงไม่เขม้ แข็งดงั แต่ก่อน 248.991x248.991px สมัยกรุงธนบุรี หลงั กรุงศรีอยธุ ยาล่มสลาย เจา้ เมืองพิมายและกรมหมื่นเทพพิพธิ ไดต้ ้งั ตวั เป็นชุมนุมอิสระ ท่ีสาคญั ชุมนุมหน่ึงแต่ถูกปราบลงโดยพระเจา้ ตาก หลงั จากน้นั เมืองนครราชสีมาไดเ้ ป็ นฐานกาลงั ทางทหาร และการปกครองที่สาคญั ของไทยมาโดยตลอด โดยในสมยั กรุงธนบุรีไดถ้ ูกใชเ้ ป็นฐานรวบรวมกาลงั ของ พระยาอภยั รณฤทธ์ิ และ พระยาอนุชิตราชา ในการสงครามกบั ลา้ นชา้ งและกมั พชู า ในคราวสงครามตีเมือง เวยี งจนั ทน์และไดพ้ ระแกว้ มรกต หลวงยกกระบตั รเมืองพิมายอยใู่ นทพั หนา้ มีความดีความชอบจึงไดร้ ับการ แตง่ ต้งั เป็น พระยานครราชสีมา และ เจา้ พระยานครราชสีมา (ปิ่ น) ในท่ีสุด ต่อมาพระยากาแหงสงคราม (บุญคง) ไดร้ ับการแตง่ ต้งั ใหเ้ ป็นเจา้ เมืองนครราชสีมา ในช่วงปลายรัชสมยั พระเจา้ ตาก เมื่อเกิดการกบฏพระ ยาสรรคข์ ้ึน พระสุริยอภยั กรรมการเมืองนครราชสีมา ไดน้ ากาลงั ทหารชาวนครราชสีมากลบั เขา้ ควบคุม สถานการณ์ในกรุงธนบุรีไวไ้ ดก้ ่อนท่ี เจา้ พระยาจกั รี และ เจา้ พระยาสุรสีห์ จะยกทพั กลบั มาจากกมั พชู าและ เกิดการเปลี่ยนแผน่ ดิน ในคร้ังน้นั พระยากาแหงสงคราม (บุญคง) เจา้ เมืองนครราชสีมา ที่นาทพั ไปกมั พชู า พร้อมกบั เจา้ ฟ้ ากรมขนุ อินทรพิทกั ษ์ ถูกประหารชีวติ ไปพร้อมกบั เช้ือพระวงศ์ และขนุ นางเดิมของพระเจา้ ตาก จานวนหน่ึง และไดม้ ีการเปลี่ยนตวั เจา้ เมืองนครราชสีมาเป็นพระยานครราชสีมา (เที่ยง) ผซู้ ่ึงเป็นบุตร ของเจา้ พระยานครราชสีมา (ป่ิ น)

9 สมัยรัตนโกสินทร์ ในรัชสมยั พระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟ้ าจุฬาโลก เมืองนครราชสีมามีฐานะเป็นเมืองช้นั เอก กากบั ตรวจตราเมืองประเทศราช ๓ เมือง คือ เวยี งจนั ทน์ นครพนม จาปาศกั ด์ิ ใหร้ วมท้งั ปกครองหวั เมือง เขมร พระยานครราชสีมา (เท่ียง) เป็นผสู้ าเร็จราชการ และในรัชสมยั น้ี ชาวเมืองนครราชสีมาไดน้ อ้ มเกลา้ ถวายชา้ งเผอื ก 2 เชือกในสมยั รัชกาลที่ 2 เกิดกบฏ อา้ ยสาเกียดโงง้ ท่ีจาปาศกั ด์ิ มีรับส่ังใหพ้ ระยา นครราชสีมา (เท่ียง) นากองทพั ไปปราบ แต่ เจา้ อนุวงศ์ เจา้ ประเทศราชเวยี งจนั ทน์ส่งเจา้ ราชวงศไ์ ปปราบ กบฏไดเ้ สร็จสิ้นก่อน และเจา้ ราชวงศไ์ ดค้ รองเมืองจาปาศกั ด์ิต่อมา ตอ่ มาทองอิน เช้ือสายของพระเจา้ ตาก และบุตรบุญธรรมของเจา้ พระยานครราชสีมา (ปิ่ น) ไดเ้ ป็ นผสู้ าเร็จราชการต่อจากพระยานครราชสีมา (เท่ียง)ในสมยั รัชกาลท่ี 3 เจา้ อนุวงศ์ ฉวยโอกาสท่ีเจา้ พระยานครราชสีมา (ทองอิน) นากองทหารไปราชการ ตา่ งเมือง ยกทพั ลาวมายดึ ครองเมืองนครราชสีมา และส่งกองทหารไปกวาดตอ้ นครอบครัวลาวถึงเขตเมือง สระบุรีก่อนที่จะถอยทพั เมื่อกองทพั สยามจากพระนครเร่ิมรวมพลไดท้ นั เม่ือวนั ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2369 ก่อนกองทพั ลาวจะถอยทพั ออกจากเมืองนครราชสีมา ไปยงั ทางเหนือเพือ่ สมทบกบั กองทพั ของเจา้ สุทธิสาร โดยก่อนไป ไดถ้ อนเสาหลกั เมืองออกเพ่ือใหเ้ ป็นเมืองร้าง และเจา้ อนุวงศไ์ ดส้ ง่ั การใหท้ หารกองหลงั ร้ือ กาแพงเมืองออก เผาประตูเมือง และสถานที่สาคญั ๆในเมืองใหห้ มดสิ้น ใหต้ ดั ตน้ ไมท้ ี่ใหผ้ ลใหเ้ หลือแตต่ อ ดว้ ยที่จะไดก้ ลบั มายดึ เมืองนครราชสีมาไดส้ ะดวกในภายหลงั ทาใหต้ น้ ไมผ้ ลถูกตดั หมดสิ้น กาแพงเมือง จากมุมทิศอิสานและกาแพงเมืองดา้ นทิศตะวนั ออกถูกร้ือออกหมด กาแพงเมืองทางทิศใตถ้ ูกร้ือมาถึง ดา้ นหลงั วดั สระแกว้ ส่วนกาแพงเมืองจากมุมทิศอิสานและกาแพงเมืองทางทิศเหนือถูกร้ือ กาแพงเมืองดา้ น ทิศตะวนั ตกถูกร้ือออก 1 ส่วนเหลือ 2 ส่วน ประตูเมืองถูกเผาบางส่วน 3 ประตคู ือ ประตเู มืองทางทิศตะวนั เหนือ ทิศใต้ และทิศตะวนั ออก ชาวเมืองนครราชสีมาผเู้ ฒ่าผแู้ ก่ท่ีไมไ่ ดถ้ ูกกวาดตอ้ น ไดร้ ับขา่ ววา่ กองทพั จากพระนครท่ีส่งกาลงั มาช่วยเหลือ กาลงั จะเดินทพั มามาถึงทุง่ โพธ์ิเต้ียห่างจากเมืองนครราชสีมา 10 กม. ใน อีกไม่นาน ทาใหก้ าลงั ทหารลาวกองหลงั ของเจา้ อนุวงศท์ ่ีกาลงั ทาร้ือกาแพง และเผาทาลายเมือง นครราชสีมาอยนู่ ้นั เกิดความหวาดกลวั และถอยทพั ออกไป ทาใหเ้ มืองนครราชสีมาถูกเผาทาลายลงไปเพยี ง บางส่วน ส่วนชาวเมืองนครราชสีมาที่ถูกกวาดตอ้ นไปน้นั ไดร้ วมตวั กนั ต่อตา้ นกองทพั ลาวของเจา้ อนุวงศ์ โดยมีพระยาปลดั นครราชสีมา พระยายกกระบตั ร และ พระณรงคส์ งคราม (มี) เป็นผนู้ าในการรบ ณ ทุง่ สมั ฤทธิ และผนู้ าในการสนบั สนุนช่วยเหลือการรบ คือ คุณหญิงโม ภริยาปลดั เมืองนครราชสีมา และ นางสาวบุญเหลือ บุตรบุญธรรมคุณหญิงโม ตอ่ มากองทพั ชาวนครราชสีมาไดร้ ่วมกบั กองทพั หลวงของกรม พระราชวงั บวรฯ ในการรบคร้ังต่อๆมาจนกระทง่ั เขา้ ยดึ เมืองเวยี งจนั ทน์ไดใ้ นที่สุด ภายหลงั คุณหญิงโม ไดร้ ับการแต่งต้งั เป็นทา้ วสุรนารี และ พระณรงคส์ งครามไดเ้ ล่ือนตาแหน่งเป็นพระยาณรงคส์ งครามในการ สงครามเจา้ พระยานครราชสีมา (ทองอิน) และพระยาณรงคส์ งคราม ไดเ้ ป็นทพั หนา้ ของกองทพั ท่ีนาโดย เจา้ พระยาบดินทรเดชานาพลชาวนครราชสีมาทาการรบอยา่ งกลา้ หาญในสงครามกบั เวียดนาม และสามารถ รุกไปถึงเขตแดนเมืองไซ่ง่อน ก่อนท่ีจะตอ้ งถอยทพั เนื่องจากกองทพั ไทยพา่ ยแพใ้ นแนวรบดา้ นอื่น ต่อมา

10 พระยาณรงคส์ งคราม ไดเ้ ป็นนายทพั สาคญั ในกองทพั ของเจา้ พระยาบดินทรเดชา จนสิ้นสุดสงครามเม่ือ เจา้ พระยานครราชสีมา (ทองอิน) ถึงแก่กรรม พระพรหมบริรักษ์ (เกษ) บุตรชายคนโตของเจา้ พระยาบดินทร เดชาไดร้ ับการแต่งต้งั ใหเ้ ป็น เจา้ เมืองนครราชสีมาคนต่อมาเม่ือวา่ งเวน้ จากสงคราม เมืองโคราชไดฟ้ ้ื นตวั ข้ึน ใหม่กลายเป็นชุมทาง การคา้ ท่ีสาคญั ในการติดต่อระหวา่ งภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือกบั ภาคกลาง มีกอง เกวยี น กองคาราวานการคา้ ขนาดใหญผ่ า่ น และ หยดุ พกั อยเู่ สมอในสมยั รัชกาลที่ 4 บาทหลวงปาลเลกวั ซ์ ไดเ้ ขียนวา่ ตวั เมืองโคราชลอ้ มรอบดว้ ยกาแพงต้งั อยบู่ นที่ราบสูง เดินทางจากบางกอกใชเ้ วลา 6 วนั โดยไต่ ระดบั สูงข้ึนไปตามเส้นทาง ดงพญาไฟ ประชากรโคราชมีประมาณ 60,000 คน คร่ึงหน่ึงเป็นคนสยาม อีก คร่ึงหน่ึงเป็นคนเขมร ในตวั เมืองมีประชากร 7,000 คน มีคนจีนประมาณ 700 คน มีเหมืองแร่ทองแดง มีโรง หีบออ้ ย สินคา้ คือ ขา้ ว งาชา้ ง หนงั สตั ว์ เขาสัตว์ ไมเ้ ตง็ อบเชยในรัชกาลน้ี เจา้ พระยานครราชสีมา (เกษ) ได้ เลื่อนเป็ น เจา้ พระยามุขมนตรี (เกษ) และ เจา้ เมืองนครราชสีมาคนตอ่ มาคือ พระยานครราชสีมา (แกว้ ) บุตรชายคนรองของเจา้ พระยาบดินทรเดชา หลงั จากน้นั พระยานครราชสีมา (แกว้ ) ไดเ้ ล่ือนเป็น เจา้ พระยา ยมราช (แกว้ ) และ เจา้ เมืองคนต่อมาคือ พระยานครราชสีมา (เมฆ) บุตรชายคนโตของ เจา้ พระยา นครราชสีมา (ทองอิน)ในสมยั รัชกาลท่ี 5 พระยานครราชสีมา (เมฆ) บุตรของ เจา้ พระยานครราชสีมา (ทอง อิน) ไดเ้ ป็นแมท่ พั บกไปปราบจีนฮ่อที่เมืองหนองคาย ต่อมาเม่ือมีการจดั ต้งั มณฑลนครราชสีมาเพอ่ื ควบคุมดูแลหวั เมืองในบริเวณใกลเ้ คียง เป็นมณฑลแรกของประเทศ มีพระยานครราชสีมา (กาจ สิงหเสนี) บุตรเขยของพระยานครราชสีมา (เมฆ) เป็นผวู้ า่ ราชการคนแรก มีการจดั ต้งั กองทหารประจามณฑลตามหลกั สากล มีการต้งั โรงเรียนนายร้อยตารวจท่ีนครราชสีมา มีการสร้างทางรถไฟจากกรุงเทพฯ ผา่ นอยธุ ยา สระบุรี ดงพญาไฟ ไปสู่นครราชสีมา จนเปิ ดการเดินรถไฟหลวง สายกรุงเทพ - นครราชสีมา ไดส้ าเร็จ การคมนาคม ติดต่อสะดวกข้ึนเป็ นอยา่ งมาก ในช่วงเดียวกนั ฝรั่งเศสไดเ้ ขา้ มามีอานาจเหนือคาบสมุทรอินโดจีน ทาให้ สยามจาตอ้ งเร่งการปรับปรุงพฒั นาราชอาณาจกั รโดยเฉพาะในบริเวณภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือในสมยั รัชกาลท่ี 6 มีการจดั ต้งั การขนส่งปรษณียภณั ฑท์ างอากาศ และ สายการบินระหวา่ ง กรุงเทพ - นครราชสีมา มีการขยายเส้นทางรถไฟสายอีสาน จนสามารถขยายเส้นทางการเดินรถไฟจาก นครราชสีมา ถึง ขอนแก่น และ นครราชสีมา ถึง อุบลราชธานี ไดส้ าเร็จในสมยั รัชกาลท่ี 7 ยคุ หลงั เปลยี่ นแปลงการปกครอง ในช่วงหลงั เปลี่ยนแปลงการปกครอง พระองคเ์ จา้ บวรเดช ไดร้ วบรวมกองกาลงั ทหารจากมณฑล นครราชสีมาเป็นหลกั ร่วมกบั พนั เอกพระยาศรีสิทธ์ิสงคราม เพ่อื ทาการต่อสู้กบั คณะผเู้ ปล่ียนแปลงการ ปกครอง คณะผกู้ ่อการไดย้ กกองกาลงั เขา้ มาลอ้ มกรุงเทพฯ แตเ่ มื่อการตอ่ สู้ยดื เย้อื ในท่ีสุดก็ตอ้ งถอยทพั และ ประสบความพา่ ยแพเ้ น่ืองจากมีกาลงั ท่ีนอ้ ยกวา่ เหตุการณ์คร้ังน้ีทาให้ พนั โทหลวงพิบูลสงครามผบู้ ญั ชาการ กองกาลงั ผสมฝ่ ายรัฐบาล มีอานาจในการควบคุมกาลงั ทหารมากข้ึนส่งผลใหไ้ ดอ้ านาจทางการเมืองและ จดั ต้งั รัฐบาลทหารไดใ้ นเวลาต่อมาในช่วงสงครามโลกคร้ังท่ีสอง กองทหารในสังกดั มณฑลทหารบกที่ 3 นครราชสีมา ไดท้ าการร่วมรบในกรณีพิพาทอินโดจีน กองทพั ไทยสามารถยดึ ดินแดนกลบั คืนมาบางส่วน

11 เป็นการชว่ั คราว หลงั สงครามยตุ ิสหรัฐอเมริกาไดใ้ หค้ วามช่วยเหลือสร้างถนนมิตรภาพ จาก สระบุรี ถึง นครราชสีมา ซ่ึงเป็นทางหลวงที่ไดม้ าตรฐานดีที่สุดของประเทศในขณะน้นั ในช่วงสงครามเวยี ดนาม สหรัฐอเมริกาไดข้ อใชน้ ครราชสีมาเป็นฐานบญั ชาการการรบ มีการสร้างฐานบินโคราช และตอ่ มาไทยได้ เปล่ียนใหเ้ ป็น กองบิน 1 ซ่ึงเป็นฐานกาลงั รบทางอากาศหลกั ของกองทพั อากาศไทยในปัจจุบนั โดยมีมี เครื่องบิน F-16 ประจาการอยสู่ องฝงู บินในปี พ.ศ. 2523 มีความพยายามรัฐประหารโดยกลุ่มทหารของ พล เอกสณั ห์ จิตรปฏิมา แต่ พลเอกเปรม ติณสูลานนทน์ ายกรัฐมนตรี ไดก้ ราบบงั คมทูลเชิญเสดจ็ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั และพระราชวงศท์ รงแปรพระราชฐานไปประทบั ท่ีนครราชสีมา กองกาลงั ทหารจากกองทพั ภาคท่ี 2 นาโดยพลตรี อาทิตย์ กาลงั เอกไดเ้ ป็นกองกาลงั หลกั ในการปราบกบฏลงไดใ้ น ที่สุด หลงั จากน้นั อดีตผบู้ ญั ชาการกองทพั ภาคท่ี 2 หลายท่านไดก้ า้ วเขา้ สู่ตาแหน่งผบู้ ญั ชาการทหารบกใน เวลาตอ่ มาเน่ืองจากความสาคญั ทางยทุ ธศาสตร์ ปัจจุบนั นครราชสีมา จึงไดก้ ลายเป็นเมืองศนู ยก์ ลางการ ปกครองท่ีสาคญั รองจากกรุงเทพมหานคร เป็นประตูสู่อิสาน เป็นศูนยก์ ลางการคมนาคมของภาค ตะวนั ออกเฉียงเหนือ รวมท้งั เป็นที่ต้งั ของกองฐานกาลงั รบหลกั ของกองทพั บก และกองทพั อากาศใน ปัจจุบนั ในปี พ.ศ. 2553 ไดเ้ กิดอุทกภยั คร้ังใหญ่ในจงั หวดั นครราชสีมา เนื่องจากฝนช่วงปลายฤดูตกหนกั ใน บริเวณตน้ แม่น้ามลู นบั เป็ นอุทกภยั คร้ังร้ายแรงท่ีสุดในรอบ 50 ปี ภูมิศาสตร์ ภูมปิ ระเทศ จงั หวดั นครราชสีมาเป็นจงั หวดั ที่ต้งั อยใู่ นภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ อยบู่ นที่ราบสูงโคราช ห่างจาก กรุงเทพ 259 กิโลเมตร มีพ้ืนที่ท้งั หมด 20,493.964 ตารางกิโลเมตร (12,808,728 ไร่) เป็ นพ้ืนที่ป่ าไม้ 2,297,735 ไร่ โดยส่วนใหญ่เป็นพ้ืนที่อุทยานแห่งชาติคืออุทยานแห่งชาติเขาใหญ่และอุทยานแห่งชาติทบั ลานร้อยละ 61.4 และเป็นแหล่งน้า 280,313 ไร่[5] ทิศเหนือติดต่อกบั จงั หวดั ชยั ภูมิ และขอนแก่น ทิศใต้ ติดต่อกบั จงั หวดั ปราจีนบุรี นครนายก และสระแกว้ ทิศตะวนั ออกติดต่อกบั จงั หวดั บุรีรัมย์ และทิศตะวนั ตก ติดต่อกบั จงั หวดั สระบุรี ชยั ภูมิ และลพบุรีพ้นื ที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบ สูงจากระดบั น้าทะเลปานกลางระหวา่ ง 150-300 เมตร มีเทือกเขาสันกาแพง และเทือกเขาพนมดงรัก เป็นแนวยาวทางดา้ นทิศใตแ้ ละทิศตะวนั ตก ส่วนบริเวณตอนล่างค่อนไปทางเหนือและตะวนั ออกเป็ นท่ีราบลุ่ม โดยมีลาตะคองและลาน้าสาขาอ่ืน ๆ ไหลหล่อเล้ียงบริเวณดา้ นเหนือของเมือง และ เป็นสาขาหน่ึงของแม่น้าสาคญั คือแม่น้ามลู ซ่ึงเป็นแมน่ ้าสาย หลกั ของภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ

12 ภูมอิ ากาศ สภาพภูมิอากาศของจงั หวดั นครราชสีมาจดั อยใู่ นประเภททุ่งหญา้ เขตร้อน มีลมมรสุมหลกั พดั ผา่ น คือ ลมมรสุมตะวนั ออกเฉียงเหนือ ทาให้อากาศหนาวเยน็ และแหง้ แลง้ กบั ลมมรสุมตะวนั ตกเฉียงใต้ ทาให้ อากาศชุ่มช้ืนและมีฝนตกชุก โดยทวั่ ไปสามารถแบ่งฤดูกาลออกไดเ้ ป็น 3 ฤดู คือ ฤดูฝน เริ่มต้งั แต่เดือน พฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม มีฝนตกชุก ต้งั แตเ่ ดือนเมษายนจนถึงเดือนตุลาคม โดยมีปริมาณน้าฝนสูงสุดใน เดือนตุลาคม ฤดูหนาว สภาพอากาศจะเริ่มเปล่ียนจากฤดูฝนไปสู่ฤดูหนาวต้งั แต่กลางเดือนตุลาคมถึง กลางเดือนกุมภาพนั ธ์ ระยะน้ีไดร้ ับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวนั ออกเฉียงเหนือ ซ่ึงเป็นลมหนาวและแหง้ พดั จากประเทศจีน และฤดูร้อน เริ่มต้งั แต่กลางเดือนกมุ ภาพนั ธ์ ถึงกลางเดือนพฤษภาคมเนื่องจากพ้นื ที่ส่วน ใหญ่ของจงั หวดั นครราชสีมาเป็นพ้ืนที่ราบสูง มีป่ าและทิวเขาสูงก้นั เขตแดนเป็ นแนวยาว อากาศจึงค่อนขา้ ง ร้อนอบอา้ วในฤดูร้อน และในฤดูหนาวก็ค่อนขา้ งหนาวเยน็ โดยอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดท้งั ปี ประมาณ 27.4 องศา เซลเซียส อุณหภูมิต่าสุดเฉล่ีย 22.7 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 33 อาศาเซลเซียส มีคา่ ความช้ืน สัมพทั ธ์เฉลี่ยตลอดท้งั ปี 71 % ความช้ืนสัมพทั ธ์สูงสุดเฉลี่ย 89% ความช้ืนสมั พทั ธ์ต่าสุดเฉล่ีย 49 % อาณาเขตติดต่อ ทิศเหนือ จรดจงั หวดั ชยั ภูมิ จงั หวดั ขอนแก่นและจงั หวดั บุรีรัมย์ ทิศตะวนั ออก จรดจงั หวดั บุรีรัมย์ ทิศใต้ จรดจงั หวดั นครนายก จงั หวดั ปราจีนบุรีและจงั หวดั สระแกว้ , ทิศตะวนั ตก จรดจงั หวดั ลพบุรี จงั หวดั สระบุรีและจงั หวดั นครนายก การเมืองการปกครอง

13 การเมอื งการปกครอง การปกครองส่ วนภูมิภาค แบง่ ปกครองแบง่ ออกเป็น 32 อาเภอ 289 ตาบล 3,743 หมบู่ า้ น อาเภอเมืองนครราชสีมา อาเภอครบุรี อาเภอเสิงสาง อาเภอคง อาเภอบา้ นเหล่ือม อาเภอจกั ราช อาเภอโชคชยั อาเภอด่านขนุ ทด อาเภอโนนไทย อาเภอโนนสูง อาเภอขามสะแกแสง อาเภอบวั ใหญ่ อาเภอประทาย อาเภอปักธงชยั อาเภอพิมาย อาเภอหว้ ยแถลง อาเภอชุมพวง อาเภอสูงเนิน อาเภอขามทะเลสอ อาเภอสีคิ้ว อาเภอปากช่อง อาเภอหนองบุญมาก อาเภอแกง้ สนามนาง อาเภอโนนแดง อาเภอวงั น้าเขียว อาเภอเทพารักษ์ อาเภอเมืองยาง อาเภอพระทองคา อาเภอลาทะเมนชยั อาเภอบวั ลาย อาเภอสีดา อาเภอเฉลิมพระเกีย \\

14 ข้อมูลอาเภอต่าง ๆ ในจังหวดั นครราชสีมา

15 การปกครองส่ วนท้องถน่ิ มีจานวนท้งั สิ้น 334 แห่ง แบ่งออกเป็ น องคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั 1 แห่ง เทศบาลนคร 1 แห่ง เทศบาลเมือง 4 แห่ง เทศบาลตาบล 85 แห่ง และ องคก์ ารบริหารส่วนตาบล 243 แห่ง โดยเทศบาลสามารถ จาแนกไดต้ ามพ้ืนท่ีดงั น้ี อาเภอเมอื งนครราชสีมา เทศบาลนครนครราชสีมา เทศบาลตาบลโคกกรวด เทศบาลตาบลโคกสูง เทศบาลตาบลจอหอ เทศบาลตาบล ปรุใหญ่ เทศบาลตาบลโพธ์ิกลาง เทศบาลตาบลหนองไขน่ ้า เทศบาลตาบลหนองไผล่ อ้ ม เทศบาลตาบลหวั ทะเล เทศบาลตาบลเมืองใหม่โคกกรวด เทศบาลตาบลบา้ นใหม่ เทศบาลตาบลสุรนารี เทศบาลตาบลบา้ น โพธ์ิ เทศบาลตาบลไชยมงคล เทศบาลตาบลพดุ ซา เทศบาลตาบลตลาด อาเภอพมิ าย เทศบาลตาบลพิมาย เทศบาลตาบลรังกาใหญ่ อาเภอโนนสูง เทศบาลตาบลโนนสูง เทศบาลตาบลดอนหวาย เทศบาลตาบลตลาดแค เทศบาลตาบลด่านคลา้ เทศบาลตาบล มะค่า เทศบาลตาบลใหม่ อาเภอปากช่อง เทศบาลเมืองปากช่อง เทศบาลตาบลกลางดง เทศบาลตาบลหมูสี เทศบาลตาบลวงั ไทร เทศบาลตาบลสีมา มงคล อาเภอสีคิว้ เทศบาลเมืองสีคิว้ เทศบาลตาบลคลองไผ่ เทศบาลตาบลลาดบวั ขาว เทศบาลตาบลหนองน้าใส อาเภอบัวใหญ่ เทศบาลเมืองบวั ใหญ่ เทศบาลตาบลหนองบวั สะอาด

16 อาเภอปักธงชัย เทศบาลเมืองเมืองปัก เทศบาลตาบลปักธงชยั เทศบาลตาบลตะขบ เทศบาลตาบลนกออก เทศบาลตาบลบอ่ ปลาทอง เทศบาลตาบลลานางแกว้ อาเภอด่านขุนทด เทศบาลตาบลด่านขนุ ทด เทศบาลตาบลหนองกราด เทศบาลตาบลหนองบวั ตะเกียด อาเภอโชคชัย เทศบาลตาบลโชคชยั เทศบาลตาบลด่านเกวยี น เทศบาลตาบลท่าเยย่ี ม อาเภอครบุรี เทศบาลตาบลครบุรีใต้ เทศบาลตาบลจระเขห้ ิน เทศบาลตาบลแชะ เทศบาลตาบลไทรโยง-ไชยวาล เทศบาลตาบลอรพิมพ์ อาเภอเทพารักษ์ ไมม่ ีเทศบาล อาเภอสูงเนิน เทศบาลตาบลกดุ จิก เทศบาลตาบลสูงเนิน อาเภอขามทะเลสอ เทศบาลตาบลขามทะเลสอ เทศบาลตาบลพนั ดุง อาเภอขามสะแกแสง เทศบาลตาบลขามสะแกแสง เทศบาลตาบลหนองหวั ฟาน เทศบาลตาบลโนนเมือง อาเภอคง เทศบาลตาบลเมืองคง เทศบาลตาบลเทพาลยั อาเภอโนนไทย เทศบาลตาบลโนนไทย เทศบาลตาบลโคกสวาย เทศบาลตาบลบลั ลงั ก์

17 อาเภอห้วยแถลง เทศบาลตาบลหว้ ยแถลง เทศบาลตาบลหินดาด เทศบาลตาบลกงรถ อาเภอเสิงสาง เทศบาลตาบลเสิงสาง เทศบาลตาบลโนนสมบรู ณ์ อาเภอบ้านเหลอ่ื ม เทศบาลตาบลบา้ นเหลื่อม อาเภอจักราช เทศบาลตาบลจกั ราช อาเภอเฉลมิ พระเกยี รติ เทศบาลตาบลท่าชา้ ง อาเภอชุมพวง เทศบาลตาบลชุมพวง อาเภอโนนแดง เทศบาลตาบลโนนแดง เทศบาลตาบลวงั หิน อาเภอบัวลาย เทศบาลตาบลหนองบวั ลาย อาเภอประทาย เทศบาลตาบลประทาย อาเภอพระทองคา เทศบาลตาบลพระทองคา เทศบาลตาบลสระพระ อาเภอเมอื งยาง เทศบาลตาบลเมืองยาง

18 อาเภอลาทะเมนชัย เทศบาลตาบลหนองบวั วง เทศบาลตาบลขยุ เทศบาลตาบลช่องแมว เทศบาลตาบลบา้ นยาง เทศบาลตาบล ไพล อาเภอวงั นา้ เขียว เทศบาลตาบลศาลเจา้ พอ่ อาเภอสีดา เทศบาลตาบลสีดา อาเภอหนองบุญมาก เทศบาลตาบลหนองหวั แรต เทศบาลตาบลแหลมทอง อาเภอแก้งสนามนาง เทศบาลตาบลบึงสาโรง รายนามผู้ว่าราชการจังหวดั นครราชสีมา

19 เศรษฐกจิ โครงสร้างเศรษฐกิจท่ีสาคญั ของจงั หวดั นครราชสีมามีโครงสร้างที่สาคญั ไดแ้ ก่ ภาคอุตสาหกรรม ภาคการเกษตร และการคา้ ส่งคา้ ปลีก ซ่ึงมีอตั ราสดั ส่วนโครงสร้างร้อยละ 22.46, 19.82 และ 14.91 ตามลาดบั [7] ในภาคการเกษตร จงั หวดั มีพ้นื ที่เกษตรกรรมท้งั สิ้น 8,931,032 ไร่ แบง่ เป็ น ปลูกขา้ ว จานวน 4,329,724 ไร่ พืชไร่จาพวกขา้ วโพด มนั สาปะหลงั ปอ ฝ้ าย และขา้ วฟ่ าง จานวน 3,793,602 ไร่ และปลูกพชื สวน 632,170 ไร่ มีครัวเรือนเกษตรกรรวมท้งั สิ้น 326,587 ครัวเรือน[7] โดยมีพืชเศรษฐกิจ 3 อนั ดบั แรก คือ ขา้ ว มนั สาปะหลงั และขา้ วโพดเล้ียงสตั ว์ นอกจากน้ียงั มีการเล้ียงสัตว์ เพาะเล้ียงสัตวน์ ้าจืด การเล้ียงไหม โดยเฉพาะท่ีอาเภอปักธงชยั เป็นแหล่งผา้ ไหมที่ข้ึนช่ือ อาชีพการทาป่ าไม้ และการประมงน้าจืดตามลุ่มน้า ในภาคอุตสาหกรรม ปี พ.ศ. 2560 จงั หวดั นครราชสีมามีโรงงานท้งั สิ้น 7,513 โรงงาน มีมูลค่าการลงทุน ประมาณ 188,074 ลา้ นบาท มีจานวนคนงานรวม 129,531 คน[7] ซ่ึงโรงงานอุตสาหกรรมส่วนใหญเ่ ป็ น อุตสาหกรรมการเกษตรมีสดั ส่วนเฉล่ียร้อยละ 18.84 อุตสาหกรรมขนส่งเฉลี่ยร้อยละ 12.27 อุตสาหกรรม อโลหะเฉลี่ยร้อยละ 11.38 และอุตสาหกรรมอาหารเฉลี่ยร้อยละ 10.02[8] สาหรับอุตสาหกรรมเหมืองแร่ มี แร่ท่ีสาคญั คือ หินบะซอลต์ หินปนู และ เกลือหิน โดยเฉพาะเกลือหิน พบมากในตอนเหนือและตอนกลาง ของจงั หวดั ในปี พ.ศ. 2560 (year 2017) จงั หวดั นครราชสีมามีผลิตภณั ฑม์ วลรวมจงั หวดั (Gross Provincial Product - GPP) เท่ากบั 274,898 ลา้ นบาท ( 8.9 Billion US$) อยใู่ นลาดบั ที่ 1 ของภาตตะวนั ออกเฉียงเหนือ

20 ลาดบั ที่ 10 ของประเทศ และ ผลิตภณั ฑจ์ งั หวดั ต่อคน (GPP per capita) เทา่ กบั 110,301 บาท ( 3,586 US$)[9] อยใู่ นลาดบั ที่ 2 ของภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ลาดบั ท่ี 32 ของประเทศภาคการเงินการธนาคาร จงั หวดั นครราชสีมามีจานวนสานกั งานของธนาคารท้งั สิ้น 152 สานกั งาน(มีนาคม พ.ศ. 2562) เงินรับฝาก รวมทุกประเภท (มีนาคม พ.ศ. 2562) ท้งั สิ้น 153,649 ลา้ นบาท และ เงินใหส้ ินเชื่อรวมทุกประเภท (มี.ค. 2562) ท้งั สิ้น 169,203 ลา้ นบาท [10] นิคมอุตสาหกรรม นิคมอุตสาหกรรมนวนคร 2 นครรราชสีมา เขตอุตสาหกรรมสุรนารี นิคมอุตสาหกรรมสูงเนิน (โครงการ) เขตอุตสาหกรรมในนครราชสีมา ประชากรศาสตร์ พนื้ เพของคนจังหวดั นครราชสีมา ปัจจุบนั จงั หวดั นครราชสีมามีประชากรมากเป็นอนั ดบั หน่ึงของภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ และมาก เป็นอนั ดบั สองของประเทศรองจากกรุงเทพมหานคร ประกอบดว้ ยประชากรหลากหลายเช้ือชาติหรือหลาย ชาติพนั ธุ์ แต่กลุ่มชาติพนั ธุ์ในจงั หวดั นครราชสีมาท่ีมีจานวนมากมีอยสู่ องกลุ่มใหญค่ ือ ไทย (หรือเรียกอีก อยา่ งวา่ ไทโคราช) และอีกกลุ่มคือชาวลาว (ตอนบนและดา้ นตะวนั ออกเฉียงเหนือของเขตจงั หวดั ) และมีชน กลุ่มนอ้ ยอีกไดแ้ ก่ มอญ กยุ (หรือส่วย) ชาวบน จีน ไทยวน ญวน และแขก ไทโคราช ชาวไทยสยามเก็บน้าตาลกลุม่ ชาติพนั ธุ์ไทยที่อยใู่ นนครราชสีมาเรียกอีกอยา่ งวา่ ไทโคราช เป็นคนกลุ่มใหญ่ ที่สุดในจงั หวดั นครราชสีมา คนกลุ่มน้ีใชภ้ าษาคลา้ ยคนไทยภาคกลาง เพยี งแต่เสียงวรรณยกุ ตเ์ พ้ยี นไปบา้ ง

21 และมีคาศพั ทส์ านวนบางอยา่ งท่ีมีลกั ษณะเป็นของตนเอง เดิมถิ่นน้ีชาวพ้นื เมืองเป็ นละวา้ ชาวไทยภาคกลาง ไดอ้ พยพเขา้ มาอยอู่ าศยั สมยั กรุงศรีอยธุ ยา พระเจา้ อู่ทองใหข้ นุ หลวงพะงวั่ ยกกองทพั มารวบรวมดินแดน แถบน้ีเขา้ กบั กรุงศรีอยธุ ยา พระเจา้ อู่ทองโปรดฯใหก้ องทหารอยธุ ยาต้งั ด่านอยปู่ ระจา และส่งช่างชาวอยธุ ยา มาก่อสร้างบา้ นเรือนและวดั วาอารามเป็นอนั มาก ชาวไทยอยธุ ยาไดอ้ พยพเขา้ มาอยอู่ าศยั เพ่มิ ข้ึนในสมยั สมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช และไดอ้ พยพมาอยนู่ ครราชสีมาอีกระลอกหน่ึงคือ คราวเสียกรุงคร้ังที่2 โดยมี ชาวไทยชายฝ่ังทะเลภาคตะวนั ออกไดอ้ พยพเขา้ มาเพ่ิมดว้ ย ชาวไทยกลุ่มน้ีและชาวไทยพ้ืนเมืองเดิม (เขา้ ใจ วา่ เป็นชาวสยามลุ่มน้ามลู ) สืบเช้ือสายเป็นชาวไทยโคราชและรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีสืบทอดกนั มา กลุ่มไทโคราชเป็นกลุ่มท่ีแสดงเอกลกั ษณ์ของเมืองนครราชสีมา เพราะสาเนียงแตกต่างจากกลุ่มอื่น เป็นกลุ่ม ท่ีพดู ภาษาไทยโคราชซ่ึงคลา้ ยคลึงภาษาไทยกลางแต่สาเนียงเพ้ยี น เหน่อ หว้ นส้นั เกิ่นเสียง มีคาไทยลาว (อีสาน) ปะปนบา้ งเล็กนอ้ ย ชาวไทยโคราชแตง่ กายแบบไทยภาคกลาง รับประทานขา้ วเจา้ อาหารทวั่ ไป คลา้ ยคลึงภาคกลาง ขนบธรรมเนียม ประเพณี และวฒั นธรรมคลา้ ยไทยภาคกลาง ปัจจุบนั กลุ่มไทยโคราช อาศยั อยใู่ นทุกอาเภอในจงั หวดั นครราชสีมา ยกเวน้ บางอาเภอท่ีมีชาวไทยอีสานมากกวา่ (อาเภอบวั ใหญ่ ปัก ธงชยั และสูงเนิน) และยงั พบชาวไทยโคราชในบางส่วนของจงั หวดั สระบุรี จงั หวดั ลพบุรี จงั หวดั ชยั ภูมิ (อาเภอบาเหน็จณรงค์ อาเภอเนินสง่า อาเภอจตั ุรัส อาเภอเทพสถิต อาเภอซบั ใหญ่ อาเภอคอนสวรรค์ และ อาเภอเมืองชยั ภูมิ) และจงั หวดั บุรีรัมย์ (อาเภอเมืองบุรีรัมย์ นางรอง และหนองก่ี) ชาวไทอสี าน ชาวไทอีสานเป็นกลุ่มหน่ึงที่มีจานวนประชากรมากรองจากกลุ่มไทโคราช อาศยั อยมู่ ากในบาง อาเภอของจงั หวดั นครราชสีมา เช่น อาเภอบวั ใหญ่ อาเภอบวั ลาย อาเภอสีดา อาเภอแกง้ สนามนาง อาเภอ ประทาย อาเภอโนนแดง อาเภอบา้ นเหลื่อม อาเภอเมืองยาง อาเภอลาทะเมนชยั อาเภอปักธงชยั อาเภอสูงเนิน อาเภอคง อาเภอหว้ ยแถลง อาเภอชุมพวง และบางส่วนของ อาเภอครบุรี อาเภอเสิงสาง และ อาเภอสีคิว้ เป็น ตน้ ชาวไทยอีสานพดู ภาษาอีสานทอ้ งถิ่นคลา้ ยกบั จงั หวดั อื่นๆในภาคอีสาน และมีขนบธรรมเนียมประเพณี เหมือนชาวอีสานทว่ั ไป กลุ่มชาวไทยอีสานอพยพเขา้ มาอยใู่ นจงั หวดั นครราชสีมาหลายรุ่นตามความเจริญ ของเศรษฐกิจ ในบางขอ้ สันนิฐานใหข้ อ้ มูลวา่ เดิมชาวโคราชพดู ภาษากลางแบบชาวสยาม และมีชาวไทย อีสานอพยพเขา้ มาอยปู่ ะปนกนั จึงเกิดการผสมผสานเป็นภาษาไทโคราช แต่อยา่ งไรก็ดีชาวไทยอีสานด้งั เดิม มีถิ่นอาศยั อยใู่ นภาคอีสานมานานแลว้ มิไดอ้ พยพมาจากฝั่งซา้ ยแม่น้าโขง มีความพวั พนั กบั อาณาจกั รไทยใน อดีต เช่น โคตรบูรณ์ ศรีจะนาศะ ซ่ึงเป็นอาณาจกั รของศาสนาพุทธ มิใช่พราหม-ฮินดู แบบจกั รวรรด์ิเขมร กล่าวไดว้ า่ ชาวไทยอีสานเป็นชนพ้นื เมืองเดิมของภาคอีสานมาชา้ นานแลว้

22 ชาวไทยเชื้อสายลาว อพยพเขา้ มาอยสู่ มยั สงครามปราบปรามเมืองเวยี งจนั ทนใ์ นสมยั กรุงธนบุรี และสมยั ปราบเจา้ อนุวงศใ์ นรัชกาลที่3 มีการกวาดตอ้ นครอบครัวลาวเขา้ มาอยใู่ นหวั เมืองช้นั ในหลายคร้ัง และมีการอพยพเขา้ มาโดยสมคั รใจเพ่มิ ข้ึนในระยะหลงั คนกลุ่มท่ีน้ีมกั เรียกกนั วา่ \"ลาวเวยี ง\" มีการใชภ้ าษาลาวสาเนียง เวยี งจนั ทน์ซ่ึงตา่ งกบั ภาษาอีสานสาเนียงทอ้ งถ่ินอยา่ งสิ้นเชิง กระจายอาศยั กนั อยทู่ ว่ั ไปในจงั หวดั นครราชสีมา ปัจจุบนั สืบหาแทบไม่ไดแ้ ลว้ เนื่อจากการเทครัวมีมานบั 200ปี และมีการแต่งงานกบั คนพ้ืนเมือง มีจานวนนอ้ ยที่สืบหาไดว้ า่ มีเช้ือสาวลาวเวยี งจนั ทน์ตามคาบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ เช่น การเกบ็ รักษา ผา้ ซิ่นแตเ่ ดิมไว้ และขา้ วของเคร่ืองใชต้ ่างๆ เนื่องจากชาวลาวเวยี งจนั ทนอ์ พยพมาจากเมืองที่มีวฒั นธรรมสูง มกั จะมีของมีค่าติดตวั มาดว้ ย เช่น ผา้ ซ่ิน ขา้ วของเครื่องใช้ รวมถึงวฒั นธรรมและวถิ ีชีวติ แบบชาวเวยี งจนั ทน์ ท่ียงั สืบทอดมาจนถึงปัจจุบนั ชาลาวเวยี งจนั ทน์อพยพมากท่ีสุดในสมยั รัชกาลท่ี3เน่ืองจากมีการทาสงคราม กบั เวยี งจนั ทน์หลายคร้ัง และเป็นคร้ังใหญท่ ่ีทาลายนครเวียงจนั ทนอ์ ยา่ งราบคราบ จึงทาใหช้ าวลาว เวยี งจนั ทน์ถูกเกณฑเ์ ป็ นเชลยจานวนมาก โดยหวั เมืองใหญอ่ ยา่ งนครราชสีมารับชาวเชลยไวเ้ ป็นจาหน่ึง ส่วนท่ีเหลือกระจายไปตามหวั เมืองตา่ งๆในภาคกลาง มอญ จากการสารวจสามะโนประชากรของจงั หวดั นครราชสีมา เมื่อปี พ.ศ. 2446 ในสมยั รัชกาลท่ี 5 พบวา่ มีชาวมอญอยจู่ านวน 2,249 คน จากจานวนประชากรของนครราชสีมา 402,668 คน ชาวมอญอพยพ เขา้ มาอยบู่ ริเวณเมืองนครราชสีมา ต้งั แต่ปี พ.ศ. 2318 ในสมยั กรุงธนบุรี สมเด็จพระเจา้ กรุงธนบุรี พระราชทานครัวมอญท่ีอพยพเขา้ มาสวามิภกั ด์ิ มีเจา้ พระยามหาโยธา (พญาเจง่ ) ตน้ สกุล \"คชเสนี\" เป็น หวั หนา้ แบ่งใหพ้ ระยานครราชสีมานาข้ึนมาอยทู่ ี่เมืองนครราชสีมา ต้งั ครัวมอญท่ีลาพระเพลิง เขตอาเภอปัก ธงชยั ที่บา้ นพลบั พลา อาเภอโชคชยั พระยาศรีราชรามญั ผเู้ ป็นหวั หนา้ พาญาติพน่ี อ้ งมาอยใู่ นเมืองเป็นสาย กองส่วยทอง ต้งั บา้ นเรือนเรียกวา่ บา้ นมอญ เม่ือเกิดกบฏเจา้ อนุวงศ์ เม่ือปี พ.ศ. 2336 พระบาทสมเด็จพระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ไดโ้ ปรดเกลา้ ฯ ใหเ้ จา้ พระยามหาโยธา (ทอเรียะ คชเสนี) คุมกองมอญมาสมทบมาร่วมรบกบั กาลงั ฝ่ ายไทย เม่ือเสร็จศึกแลว้ พวกมอญเห็นเมืองปักธงชยั อุดมสมบรู ณ์จึงมาต้งั ถ่ินฐาน ปัจจุบนั ชาวมอญใน นครราชสีมายงั รักษาวฒั นธรรมประเพณีมอญไว้ เช่น ภาษา การไหวผ้ ี การเล่นสะบา้ ในเขตบา้ นทา่ โพธิ บา้ น สาราญเพลิง ตาบลนกออก อาเภอปักธงชยั ประกอบอาชีพทานา ทาสวน ทาเคร่ืองป้ันดินเผา ภาษามอญจะ ใชพ้ ดู ในชาวไทยมอญที่อายเุ กิน 60 ปี ข้ึนไป คนรุ่นหลงั จากน้ีจะพดู ภาษาไทยโคราชท้งั สิ้น ส่ วย ส่วย หรือ ข่า เป็นชนพ้ืนเมืองของหวั เมืองเขมรป่ าดงและเมืองนครราชสีมา พดู ภาษาตระกลู มอญ- เขมร ไดอ้ ยใู่ นพ้นื ที่น้ีก่อนท่ีคนไทยจะเขา้ มามีอิทธิพลเหนือดินแดนบริเวณลุ่มแมน่ ้ามลู ตอนบน เมื่อปี พ.ศ.

23 2362 เจา้ เมืองนครราชสีมา (ทองอินทร์) ตีขา่ ได้ แลว้ นามายงั เมืองนครราชสีมา ภาษาส่วย เป็นภาษาของชาว ส่วยที่อพยพมาจากจงั หวดั สุรินทร์ จงั หวดั ศรีสะเกษ และจงั หวดั บุรีรัมย์ ท่ีมาต้งั หลกั แหล่งอยทู่ ่ี ตาบลหว้ ย แถลง อาเภอหว้ ยแถลง ปัจจุบนั มีเฉพาะผทู้ ี่อายเุ กิน 40 ปี ข้ึนไป ที่ยงั คงใชภ้ าษาส่วยในกลุ่มของตนเอง นอกจากน้นั จะใชภ้ าษาไทยโคราชเป็นพ้ืน ญฮั กุร ญฮั กุร หรือ เนียะกุล เป็นชนกลุ่มนอ้ ยที่อาศยั อยตู่ ามไหล่เขาหรือเนินเขาเต้ีย ๆ บริเวณดา้ นในของที่ ราบสูงโคราช ชาวบนอาจสืบเช้ือสายมาจากคนในสมยั ทวารวดี อยใู่ นบางหมบู่ า้ นของอาเภอปักธงชยั อาเภอครบุรี และอาเภอหนองบุญมาก ภาษาชาวบน เป็ นภาษาตระกลู มอญ-เขมร ปัจจุบนั ชาวบนพดู ภาษา ชาวบนเฉพาะผทู้ ี่อายเุ กิน 60 ปี ข้ึนไป นอกจากน้นั ใชภ้ าษาไทยโคราช ไทยวน ไทยวน หรือ ไทยโยนก เป็นเผา่ ไทยในภาคเหนือของไทย ไดอ้ พยพเขา้ มาอยทู่ ่ีอาเภอสีคิ้วสองทาง ดว้ ยกนั คือ พวกแรกอพยพจากทางเหนือมาอยทู่ ่ีอาเภอเสาไห้ จงั หวดั สระบุรี ต่อมาเจา้ เมืองสระบุรีตอ้ งการ ต้งั กองเล้ียงโคนมที่เมืองนครจนั ทึก จึงไดแ้ บง่ ครอบครัวชาวไทยวนจากอาเภอเสาไหไ้ ปอยทู่ ่ีอาเภอสีคิ้ว ส่วนอีกพวกหน่ึงอพยพมาจากเวยี งจนั ทน์ ชาวไทยวนยงั รักษาประเพณีและวฒั นธรรมแบบโยนกไวไ้ ดด้ ีมาก ภาษาไทยวน ใชพ้ ดู ในหมูไ่ ทยวนดว้ ยกนั เองซ่ึงมีอยปู่ ระมาณ 5,000 คน ในเขตอาเภอสีคิว้ ในทอ้ งที่ตาบล ลาดบวั ขาว ตาบลสีคิว้ และตาบลบา้ นหนั นอกจากน้ียงั มีกลุ่มเช้ือสาย ชาวจีน, ชาวเวยี ดนาม, และแขก (อินเดีย, บงั คลาเทศ, ปากีสถาน ฯลฯ) การศึกษา จงั หวดั นครราชสีมามีสถาบนั การศึกษาหลายแห่ง โดยแบง่ เป็นระดบั ประถมศึกษา ท้งั หมด 7 เขต และมธั ยมศึกษา 1 เขต (ไม่รวมสงั กดั อปท.) การแบ่งเขตพนื้ ทม่ี ัธยมศึกษา สงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษามธั ยมศึกษา เขต 31 - ครอบคลุมโรงเรียนมธั ยมศึกษาในจงั หวดั นครราชสีมา 50 แห่ง สังกดั องคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั นครราชสีมา - ครอบคลุมโรงเรียนมธั ยมศึกษาในจงั หวดั นครราชสีมา 59 แห่ง

24 การแบ่งเขตพนื้ ทป่ี ระถมศึกษา แบ่งเป็ นระดับประถมศึกษา ท้งั หมด 7 เขต เขต 1 - อาเภอเมืองนครราชสีมาและอาเภอโนนสูง เขต 2 - อาเภอจกั ราช อาเภอหนองบุญมาก อาเภอหว้ ยแถลง อาเภอเฉลิมพระเกียรติและอาเภอโชคชยั เขต 3 - อาเภอปักธงชยั อาเภอครบุรี อาเภอเสิงสาง และอาเภอวงั น้าเขียว เขต 4 - อาเภอสีคิว้ อาเภอสูงเนินและอาเภอปากช่อง เขต 5 - อาเภอเทพารักษ์ อาเภอพระทองคา อาเภอขามสะแกแสง อาเภอขามทะเลสอ อาเภอโนนไทยและ อาเภอด่านขุนทด เขต 6 - อาเภอสีดา อาเภอบวั ลาย อาเภอบา้ นเหล่ือม อาเภอแกง้ สนามนาง อาเภอคงและอาเภอบวั ใหญ่ เขต 7 - อาเภอประทาย อาเภอเมืองยาง อาเภอชุมพวง อาเภอลาทะเมนชยั อาเภอพิมายและอาเภอโนนแดง โรงเรียน โรงเรียนชายลว้ นประจาจงั หวดั : โรงเรียนราชสีมาวทิ ยาลยั โรงเรียนสตรีประจาจงั หวดั : โรงเรียนสุรนารีวทิ ยา โรงเรียนสหศึกษาประจาจงั หวดั : โรงเรียนบุญวฒั นา โรงเรียนสหศึกษาประจาจงั หวดั : โรงเรียนบุญเหลือวทิ ยานุสรณ์

25 สถาบันอุดมศึกษา สถาบันอุดมศึกษาของรัฐ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยสี ุรนารี มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครราชสีมา มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอีสาน (ศูนยก์ ลางภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ นครราชสีมา) มหาวทิ ยาลยั รามคาแหง สาขาวทิ ยบริการเฉลิมพระเกียรติ จงั หวดั นครราชสีมา มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตนครราชสีมา มหาวทิ ยาลยั มหามกุฏราชวทิ ยาลยั มหาปชาบดีเถรีวทิ ยาลยั และศนู ยก์ ารศึกษาโคราช สถาบนั บณั ฑิตพฒั นบริหารศาสตร์ (นิดา้ สีคิ้ว) สถาบนั บณั ฑิตพฒั นศิลป์ (วนศ.นครราชสีมา) วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี นครราชสีมา สถาบนั อุดมศึกษาเอกชน มหาวทิ ยาลยั วงษช์ วลิตกุล วทิ ยาลยั นครราชสีมา วทิ ยาลยั เทคโนโลยพี นมวนั ท์

26 สถาบนั การเรียนรู้เพื่อปวงชน ศูนยก์ ารเรียนรู้จงั หวดั นครราชสีมา วทิ ยาลยั พิชญบณั ฑิต นครราชสีมา วทิ ยาลยั พุทธศาสนานานาชาติ วทิ ยาเขตนครราชสีมา สถาบนั การจดั การปัญญาภิวฒั น์ หน่วยการเรียนทางไกลจงั หวดั นครราชสี สถาบันอาชีวศึกษา สถาบันการอาชีวศึกษาของรัฐ สถาบนั การอาชีวศึกษาภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ 5 สถาบนั การอาชีวศึกษาภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ 5 ประกอบดว้ ยวทิ ยาลยั ในสงั กดั 9 แห่ง ไดแ้ ก่ วทิ ยาลยั เทคนิคนครราชสีมา,วทิ ยาลยั อาชีวศึกษานครราชสีมา,วทิ ยาลยั เทคนิคหลวงพอ่ คูณ ปริสุทโธ, วทิ ยาลยั เทคนิคสุรนารี,วทิ ยาลยั เทคนิคชยั ภูมิ,วทิ ยาลยั เทคนิคบุรีรัมย,์ วทิ ยาลยั เทคนิคคูเมือง,วทิ ยาลยั เทคนิค สุรินทร์ และวทิ ยาลยั อาชีวศึกษาสุรินทร์ มีที่ต้งั สานกั งานสถาบนั (ชว่ั คราว) อยภู่ ายในวิทยาลยั เทคนิคหลวง พอ่ คูณ ปริสุทโธ เป็น 1ในสถาบนั การอาชีวศึกษา 19 สถาบนั ท่ีจดั ต้งั ข้ึนตามกฎกระทรวงการรวม สถานศึกษาอาชีวศึกษาเพื่อจดั ต้งั สถาบนั การอาชีวศึกษา พ.ศ. 2555 สาหรับวทิ ยาลยั ในสงั กดั ในจงั หวดั นครราชสีมา ไดแ้ ก่ วทิ ยาลยั เทคนิคนครราชสีมา เปิ ดสอนระดบั ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ-ปริญญาตรี (สายเทคโนโลยี หรือสายปฏิบตั ิการ) วทิ ยาลยั เทคนิคสุรนารี อ.โชคชยั วทิ ยาลยั เทคนิคหลวงพอ่ คูณ ปริสุทฺโธ อ.ด่านขนุ ทด วทิ ยาลยั อาชีวศึกษานครราชสีมา วทิ ยาลยั เทคนิคพมิ าย (การอาชีพพิมายเดิม)

27 วทิ ยาลยั อาชีวศึกษาอนื่ ๆ วทิ ยาลยั สารพดั ช่างนครราชสีมา วทิ ยาลยั เกษตรกรรมและเทคโนโลยนี ครราชสีมา อ.สีคิ้ว วทิ ยาลยั เทคนิคปักธงชยั วทิ ยาลยั บริหารธุรกิจและการทอ่ งเท่ียวนครราชสีมา (NR-CBAT) เปิ ดสอนระดบั ปวช.-ปวส. ใน ดา้ นบริหารธุรกิจและอุตสาหกรรมท่องเท่ียว วทิ ยาลยั เทคนิคปากช่อง (การอาชีพปากช่องเดิม) วทิ ยาลยั การอาชีพปากช่อง วิทยาเขตสูงเนิน วทิ ยาลยั การอาชีพบวั ใหญ่ วทิ ยาลยั การอาชีพชุมพวง สถาบันอาชีวศึกษา (เอกชน) วทิ ยาลยั เทคโนโลยชี นะพลขนั ธ์ นครราชสีมา วทิ ยาลยั เทคโนโลยชี ่างกลพณิชยการนครราชสีมา วทิ ยาลยั เทคโนโลยอี าชีวศึษานครราชสีมา โรงเรียนเทคโนโลยภี าคตะวนั ออกเฉียงเหนือ วทิ ยาลยั อาชีวศึกษาเมร่ีเทคโนโลยี (ยบุ รวมเขา้ กบั มารียบ์ ริหารธุรกิจ เมื่อปี 2561) วทิ ยาลยั เทคโนโลยมี ารียบ์ ริหารธุรกิจ นครราชสีมา (สถาบนั ในเครือมารียว์ ทิ ยา) โรงเรียนเทคโนสุระบวั ใหญเ่ ทคโนโลยพี ณิชยการ วทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ณิชยก์ ารปากช่อง วทิ ยาลยั เทคโนโลยสี ายมิตร นครราชสีมา โรงเรียนกุสุมภเ์ ทคโนโลยี

28 วทิ ยาลยั เฉพาะทาง วทิ ยาลยั นาฏศิลปนครราชสีมา เปิ ดสอนหลกั สูตรนาฏศิลป์ ช้นั ตน้ กลาง และสูง สถาบนั วจิ ัย สถาบนั วจิ ยั แสงซินโครตรอน (องคก์ ารมหาชน) ศูนยว์ จิ ยั ขา้ วโพดขา้ วฟ่ างแห่งชาติ การสาธารณสุข โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา (1,619 เตียง) เป็ นโรงพยาบาลขนาดใหญท่ ่ีสุดในประเทศ สงั กดั สานกั งานปลดั กระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาลทวั่ ไป โรงพยาบาลปากช่องนานา (300 เตียง) โรงพยาบาลบวั ใหญ่ (268 เตียง) โรงพยาบาลเทพรัตน์นครราชสีมา (200 เตียง) โรงพยาบาลพมิ าย (144 เตียง) โรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลสีคิ้ว (133 เตียง) โรงพยาบาลด่านขนุ ทด (125 เตียง) โรงพยาบาลสูงเนิน (121 เตียง) โรงพยาบาลปักธงชยั (106 เตียง) โรงพยาบาลครบุรี (94 เตียง) โรงพยาบาลโชคชยั (91 เตียง) โรงพยาบาลชุมพวง (89 เตียง)

29 โรงพยาบาลประทาย (84 เตียง) โรงพยาบาลโนนสูง (81 เตียง) โรงพยาบาลหนองบุญมาก (74 เตียง) โรงพยาบาลหว้ ยแถลง (72 เตียง) โรงพยาบาลคง (69 เตียง) โรงพยาบาลโนนไทย (66 เตียง) โรงพยาบาลจกั ราช (64 เตียง) โรงพยาบาลเสิงสาง (55 เตียง) โรงพยาบาลโนนแดง (49 เตียง) โรงพยาบาลวงั น้าเขียว (42 เตียง) โรงพยาบาลแกง้ สนามนาง (42 เตียง) โรงพยาบาลบา้ นเหล่ือม (40 เตียง) โรงพยาบาลขามสะแกแสง (35 เตียง) โรงพยาบาลพระทองคาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา (34 เตียง) โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติสมเด็จยา่ 100 ปี เมืองยาง (34 เตียง) โรงพยาบาลลาทะเมนชยั (34 เตียง) โรงพยาบาลขามทะเลสอ (34 เตียง) โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ (34 เตียง) โรงพยาบาลสีดา (30 เตียง) โรงพยาบาลเทพารักษ์ (30 เตียง) โรงพยาบาลบวั ลาย (30 เตียง) โรงพยาบาลหวั ทะเล (30 เตียง)

30 โรงพยาบาลหลวงพอ่ คูณ ปริสุทฺโธ(กาลงั ดาเนินการก่อสร้าง) โรงพยาบาลมหาวทิ ยาลยั โรงพยาบาลมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยสี ุรนารี (608 เตียง) โรงพยาบาลทหาร โรงพยาบาลค่ายสุรนารี (420 เตียง) โรงพยาบาลกองบิน 1 (50 เตียง) โรงพยาบาลเอกชน โรงพยาบาลกรุงเทพราชสีมา (150 เตียง) โรงพยาบาลกรุงเทพปากช่อง (31 เตียง) โรงพยาบาลโคราชเมโมเรียล (35 เตียง) โรงพยาบาลเฉลิมชยั โรงพยาบาลเซนตแ์ มรี่ (150 เตียง) โรงพยาบาลด่านเมดิคอล โรงพยาบาลเดอะโกลเดน้ ทเ์ กต (60 เตียง) โรงพยาบาลบวั ใหญ่รวมแพทย์ (50 เตียง) โรงพยาบาล ป.แพทย์ (150 เตียง) โรงพยาบาล ป.แพทย์ 2 โรงพยาบาลปากช่องเมมโมเรียน โรงพยาบาลพมิ ายเมดิคอล โรงพยาบาลมิตรภาพโพลี่คลีนิค โรงพยาบาลมนตรี โรงพยาบาลสาตรเวช

31 โรงพยาบาลหมอสิน โรงพยาบาลเฉพาะทาง โรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ (300 เตียง) อนื่ ๆ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ศูนยอ์ นามยั ท่ี 5 กรมอนามยั (60 เตียง) การคมนาคม ทางอากาศ -วนั ท่ี 2 กนั ยายน 2554 ท่ีท่าอากาศยานนครราชสีมา อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา บริษทั Thai Regional Aviation จากดั ไดท้ าการเปิ ดเที่ยวบิน สุวรรณภูมิ-โคราช-สุวรรณภูมิ บริษทั เลือกใชเ้ ครื่องบินรุ่น Piper Navajo Chieftain ซ่ึงเป็ นเครื่องบินที่ไดร้ ับความนิยมสูง และ มีความปลอดภยั จากประเทศ สหรัฐอเมริกา ใชเ้ วลาในการเดินทาง 40 นาที -วนั ท่ี 2 กมุ ภาพนั ธ์ 2558 สายการบิน กานตแ์ อร์ ไดท้ าการเปิ ดเท่ียวบิน จาก ท่าอากาศยานเชียงใหม่ - ทา่ อากาศยานนครราชสีมา โดยทาการบิน 4 เท่ียวบินต่อสัปดาห์ ( จนั ทร์,พธุ ,พฤหสั บดี,เสาร์ ) โดยใช้ เคร่ืองบินรุ่น ATR-72 (ปัจจุบนั หยดุ ใหบ้ ริการในสายน้ีแลว้ ) -วนั ที่ 3 ธนั วาคม 2560 สายการบินนิวเจน แอร์เวยส์ เปิ ดใหบ้ ริการเส้นทางบิน นครราชสีมา - เชียงใหม่ และภเู ก็ต (ปัจจุบนั สายน้ีหยดุ ใหบ้ ริการแลว้ ) -วนั ที่ 21 ธนั วาคม 2560 สายการบินนิวเจน แอร์เวยส์ เปิ ดใหบ้ ริการเส้นทางบิน นครราชสีมา - กรุงเทพฯ(ดอนเมือง) (ปัจจุบนั สายน้ีหยดุ ใหบ้ ริการแลว้ ) ทา่ อากาศยานนครราชสีมา

32 รถยนต์ จากกรุงเทพฯ สามารถเดินทางดว้ ยรถยนต์ มายงั จงั หวดั นครราชสีมาไดห้ ลายเส้นทาง คือเส้น ทางผา่ นทางหลวงแผน่ ดินหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ผา่ นรังสิต วงั นอ้ ย จนถึงจงั หวดั สระบุรี ขา้ มทางตา่ ง ระดบั มิตรภาพ ทางทิศตะวนั ออก ไปยงั ทางหลวงแผน่ ดินหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) ผา่ นอาเภอแก่งคอย มวกเหลก็ จงั หวดั สระบุรี เรื่อยไปจนถึงอาเภอปากช่อง สีคิ้ว สูงเนิน และจงั หวดั นครราชสีมา รวมระยะทาง ประมาณ 256 กิโลเมตรทางหลวงแผน่ ดินหมายเลข 304 เส้นทางผา่ นเขตมีนบุรี อาเภอเมืองฉะเชิงเทรา อาเภอพนมสารคาม อาเภอกบินทร์บุรี อาเภอวงั น้าเขียว อาเภอปักธงชยั จนถึงจงั หวดั นครราชสีมา รวม ระยะทางประมาณ 273 กิโลเมตรทางหลวงแผน่ ดินหมายเลข 305 เส้นทางรังสิต-นครนายก ต่อทางหลวง แผน่ ดินหมายเลข 33 ไปกบินทร์บุรี แลว้ แยกเขา้ ทางหลวงแผน่ ดินหมายเลข 304 ผา่ นอาเภอวงั น้าเขียว ปัก ธงชยั เรื่อยไปจนถึงจงั หวดั นครราชสีมา รถโดยสารประจาทาง เดนิ ทางจากกรุงเทพฯ มีรถโดยสารธรรมดา และ รถปรับอากาศช้นั 1 ช้นั 2 และรถตปู้ รับอากาศ สาย 21 (กรุงเทพฯ - นครราชสีมา) วงิ่ ใหบ้ ริการจาก สถานีขนส่งหมอชิต 2 กรุงเทพฯ มายงั จงั หวดั นครราชสีมา ทุกวนั ตลอด 24 ชวั่ โมง โดยมี บริษทั เอกชน ที่ไดร้ ับสมั ปทานเปิ ดบริการเดินรถโดยสารสาย 21 ดงั น้ี รถปรับอากาศช้ัน 1 บริษทั ราชสีมาทวั ร์ จากดั บริษทั แอร์โคราชพฒั นา จากดั บริษทั สุรนารีแอร์ จากดั บริษทั นครชยั 21 จากดั รถปรับอากาศช้ัน 2 กลุ่มเดินรถ ป.2 สาย 21 รถตูป้ รับอากาศ (ไม่รับรายทาง) เสรี รถตลู้ ีมูซีน ซ่ึงจะใหบ้ ริการ รับ-ส่ง ผโู้ ดยสารท่ี สถานีขนส่งท้งั สองแห่ง คือ สถานีขนส่งผโู้ ดยสารแห่งท่ี 1 (ถนนบุรินทร์) และ สถานีขนส่งผโู้ ดยสารแห่งท่ี 2 (ถนนมิตรภาพ-หนองคาย) นอกจากน้นั ยงั สามารถท่ีจะเลือกเดินทางโดยรถโดยสารประจาทางจาก กรุงเทพฯ ปลายทางจงั หวดั ต่าง ๆ ในภาคอีสานที่ผา่ นจงั หวดั นครราชสีมาได้

33 อ้างองิ ศูนยส์ ารสนเทศเพ่ือการบริหารและงานปกครอง. กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. \"ขอ้ มูลการ ปกครอง.\" [ออนไลน์]. เขา้ ถึงไดจ้ าก: http://www.dopa.go.th/padmic/jungwad76/jungwad76.htm [ม.ป.ป.]. สืบคน้ 18 เมษายน 2553. [http://stat.bora.dopa.go.th/stat/statnew/statTDD/views/showProvinceData.php รายงานสถิติจานวน ประชากรและบา้ น ประจาปี พ.ศ. 2561] ผลิตภณั ฑภ์ าคและจงั หวดั แบบปริมาณลูกโซ่ ฉบบั พ.ศ. 2557, [1]. ราชกิจจานุเบกษา วนั ที่ ๑๒ มกราคม ร.ศ. ๑๒๐ เล่ม ๑๘ น่า ๗๙๑ ท่ีต้งั และอาณาเขต สานกั งานจงั หวดั นครราชสีมา สืบคน้ วนั ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2555 ผลิตภณั ฑภ์ าคและจงั หวดั อนุกรมปัจจุบนั แบบปริมาณลูกโซ่ อา้ งอิงปี พ.ศ. 2545 (Chain Volume Measures; Reference Year 2002 ) พ.ศ. 2538 - 2555 (ปรับปรุง ปี 2557), สานกั งานคณะกรรมการพฒั นาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. ภาวะเศรษฐกิจ สานกั งานจงั หวดั นครราชสีมา สืบคน้ วนั ท่ี 24 เมษายน พ.ศ. 2555 สรุปภาวะเศรษฐกิจการคลงั จงั หวดั นครราชสีมา สานกั งานคลงั จงั หวดั นครราชสีมา ผลิตภณั ฑภ์ าคและจงั หวดั อนุกรมปัจจุบนั แบบปริมาณลูกโซ่ อา้ งอิงปี พ.ศ. 2545 (Chain Volume Measures; Reference Year 2002 ) พ.ศ. 2538 - 2555 (ปรับปรุง ปี 2558), สานกั งานคณะกรรมการพฒั นาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ.