พิพธิ ภัณฑ์บ้านดอนตาเพชร แหลง่ โบราณคดีบ้านดอนตาเพชร อยทู่ ่ีบ้านดอนตาเพชร ที่อำเภอพนมทวน จงั หวัดกาญจนบรุ ี มีหลายอย่างซง่ึ เป็นหลกั ฐานท่ียืนยนั ว่าบา้ นดอนตาเพชรคอื บริเวณทีต่ ะวนั ตกและตะวันออกมา พบกัน แบบอย่างทมี่ าจากทางตาวันออกที่พบทนี่ ี่คือตุม้ หูและจีห้ อ้ ยคอ หรอื ลงิ -ลงิ -โอ เป็นรปู สตั วท์ ี่มี เขาสองหัวสำหรับห้อยคอ และตุ้มหูท่ีมียอดแหลมประดับสามยอด ท่ีเป็นเหมือนเคร่อื งประดับท่ัวไป ในบรเิ วณเอเชียตะวนั ออก ซง่ึ พบว่าเป็นโบราณวัตถชุ นิดนเ้ี ปน็ วตั ถชุ นิ้ หนง่ึ ซ่งึ พวกซาหวนี ในเวียดนาม ปจั จุบันใช้กันมาก ซึ่งนี่เองท่ีเป็นหลักฐานสำคญั วา่ พ้ืนที่บริเวณนี้มีการติดต่อสัมพันธ์กับภายนอกทาง ทะเลท่ีมีความเก่าแก่ นอกจากน้ีจี้ห้อยคออีกชนิดหนึง่ ที่พบคือจี้ห้อยคอรปู สิงห์เผน่ ซึง่ เป็นแบบอย่าง มาจากทางตะวนั ตกคอื อินเดยี นอกจากน้ลี ูกปดั หินสที ีพ่ บบริเวณนีย้ ังพบในแถมอนิ เดียอกี ดว้ ย อาจสรปุ ไดว้ ่าแหล่งโบราณคดีบ้านดอนตาเพชรเคยเป็นชุมชนโบราณทม่ี ีการติดต่อทางทะเลกับ ทง้ั อนิ เดยี และทางตะวันออก แหล่งโบราณคดีบ้านดอนตาเพชร ค้นพบครั้งแรก เม่ือวันท่ี 25 กันยายน พ.ศ. 2518 เม่ือ โรงเรียนวัดสาลวนาราม ไดใ้ ห้นักเรยี นช่วยกันขุดหลมุ ดนิ เพอ่ื ปักเสารว้ั ไดพ้ บหลกั ฐานโบราณวัตถุเป็น จำนวนมาก
สำหรับการขุดสำรวจทางโบราณคดีได้ทำการขุดสำรวจทั้งสิ้น ส่ี คร้ังด้วยกันครั้งที่ 1 โดย กรม ศิลปากรได้มอบหมาย คร้ังที่ 2 ดำเนินงานขุดค้นศึกษาในช่วงปี พ.ศ. 2523 – 2524 และ คร้ังท่ี 3 ดำเนินงานในช่วงปี พ.ศ. 2527 – 2528 ซงึ่ เปน็ โครงการร่วมมอื ระหวา่ งกรมศิลปากรกับมหาวิทยาลัย ลอนดอน คร้ังที่ 4 ดำเนินงานขุดคน้ ศึกษาในช่วงวันท่ี 9 สงิ หาคม ถงึ 12 กนั ยายน พ.ศ. 2543 ภายใต้ ช่ือโครงการศึกษาและพัฒนาแหล่งโบราณคดีบ้านดอนตาเพชร โดยความร่วมมือระหว่าง กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติและกรมศิลปากรมีอายุอยู่ท่ี ประมาณ 2500 ปมี าแล้วหรืออยใู่ นยคุ เหลก็ โบราณวตั ถุทพ่ี บ • เครื่องมือเหล็ก ชนิดต่างๆ ท่ีค้นพบมีลักษณะเป็นลักษณะของโลหะที่มีปลายแหลม ที่มี หลากหลายขนาด หลากหลายรูปทรง บางชนิดมีลักษณะโค้งงอแต่ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดจะมี ปลายแหลม • เครื่องสำริด เคร่ืองใช้สำรดิ ทพ่ี บนั้นโดยมากคือ ภาชนะสำริด ท่ีมีลวดลาย มองเห็นเป็นลายเส้น ตา่ งๆ ที่มีท้ังเส้นโค้ง เสน้ ยาว เสน้ รูปวงกลม ลวดลายท่ีอย่บู นภาชนะสำริดเหล่านนั้ เปน็ ลวดลาย สลกั เปน็ รูปผ้หู ญงิ แสดงสดั ส่วนทางสรีรวทิ ยาแบบอนิ เดีย ซ่ึงเปน็ สิง่ ที่ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามี ความสมั พันธ์กบั อินเดยี แล้วในยุคน้ัน ท่เี ปน็ ไปได้ว่าภาชนะน้ีเป็นสงิ่ ของทที่ ำในดินแดนประเทศ ไทยและสง่ ไปขายยงั อนิ เดยี หรือเป็นคนอินเดยี ท่ีอยู่ในบริเวณนัน้ เปน็ คนผลิตข้ึนมาเอง • เคร่ืองประดบั เคร่อื งประดับที่พบในแหล่งน้ีสามารถแบง่ ออกเป็น 2 ประเภท คอื o เคร่ืองประดับจำพวกสำริด เครื่องประดับท่ีพบเป็นกำไลสำริด ข้อมือสำริด ข้อเท้าสำริด และแหวนสำรดิ เปน็ เครือ่ งสวมใส่ ซึ่งอาจหมายถงึ การแสดงฐานะในสงั คม ซ่งึ จากสิ่งของ ที่พบเหล่านี้แสดงให้เห็นวา่ ทน่ี ่ีมีการพฒั นาเทคโนโลยีด้านการหลอ่ ขน้ึ รูปสำรดิ ที่ดี เพราะ ไดเ้ คร่อื งประดับท่มี คี วามบางและละเอียดเปน็ พิเศษ o ลกู ปัดหินสี คอื เคร่ืองประดับอกี ประเภทที่พบและถือเป็นลกั ษณะเด่นท่ีสุดท่ีน่ี ลูกปัดหิน สีที่พบมหี ลากหลายลกั ษณะและขนาดทั้งทรงกลม ทรงทุ่นกลม ทรงเหลี่ยม หลายชนิดมี ทั้งที่มีลาดลายและไม่มีลวดลายบนตัวหิน ลูกปัดหินสีที่พบเหล่าน้ีซ่ึงเป็นรูปแบบที่เป็น อทิ ธิพลอนิ เดียโดยตรง และจากจดุ น้ีได้เน้นยำ้ ให้เห็นถงึ การติดต่อกบั อนิ เดียอย่างชดั เจน หินสที ี่พบมากท่ีสุด คอื หินสีส้ม หรอื ทีเ่ รียกวา่ หินคาร์นีเลียน และเทคโนโลยีการตกแต่ง
ลายลูกปัดด้วยความร้อนเป็นลักษณะของลูกปัดหินสีท่ีนักวิชาการ เรียกว่า เอทชบีดส์ ซ่ึงเปน็ ลูกปดั ท่สี วยงามกวา่ ลูกปดั ร่นุ ก่อนๆ • เคร่อื งมอื เหลก็ • เคร่อื งสำริด
Search
Read the Text Version
- 1 - 3
Pages: