ดาวเคราะห์ BY POONYAPORN SIRIPANICHPONG
ระบบสรุ ยิ ะ ระบบสรุ ิยะ คือระบบดาวท่ีมีดาวฤกษเ์ ปน็ ศูนยก์ ลาง และ มีดาวเคราะห์ (Planet) เป็นบรวิ ารโคจรอยู่โดยรอบ เมือ่ สภาพแวดลอ้ มเออ้ื อานวย ต่อการดารงชีวติ สิ่งมีชวี ติ กจ็ ะ เกิดข้นึ บนดาวเคราะห์เหล่านั้น หรอื บริวารของดาวเคราะห์เอง ท่เี รียกวา่ ดวงจันทร์ (Satellite)
ระบบสุริยะ โลกของเราอยเู่ ป็นระบบที่ประกอบดว้ ย ดวงอาทิตย์ (The sun) เป็น ศนู ยก์ ลาง มดี าวเคราะห์ (Planets) 8 ดวง เรียงตามลาดับ จากในสดุ คอื ดาว พธุ ดาวศกุ ร์ โลก ดาวองั คาร ดาวพฤหสั ดาวเสาร์ ดาวยูเรนสั ดาวเนปจนู และยังมีดวงจันทรบ์ รวิ ารของดวงเคราะห์แต่ละดวง (Moon of sattelites) ยกเว้นเพยี งสองดวงคือ ดาวพุธ และ ดาวศุกรท์ ่ไี ม่มบี ริวาร ดาวเคราะห์นอ้ ย (Minor planets) ดาวหาง (Comets) อกุ กาบาต (Meteorites) ตลอดจนกล่มุ ฝ่นุ และก๊าซซึง่ เคลอ่ื นทอ่ี ย่ใู นวงโคจร
ดาวเคราะหต์ า่ งๆ
ระบบสรุ ยิ ะ ภายใต้อิทธพิ ลแรงดึงดูด จากดวงอาทิตย์ ขนาดของระบบสุริยะ กว้าง ใหญ่ไพศาลมากดาวเคราะห์ แตล่ ะดวงโดยมแี รงดึงดูด (Gravity) เปน็ แรง ควบคมุ ระบบสุรยิ ะ ให้เทหวัตถุบนฟ้าทง้ั หมด เคล่ือนทเี่ ปน็ ไปตามกฏแรง โน้มถ่วงของนิวตัน ดวงอาทิตย์แพรพ่ ลงั งานออกมา ดว้ ยอัตราประมาณ 90,000,000,000,000,000,000,000,000 แคลอรตี อ่ วินาที เปน็ พลงั งานทีเ่ กดิ จากปฏกิ รยิ าเทอร์โมนวิ เคลยี ร์ โดยการเปลย่ี นไฮโดรเจนเป็นฮเี ลยี ม ซ่ึงเปน็ แหลง่ ความร้อนใหก้ ับดาวเคราะหต์ ่างๆ
องคป์ ระกอบของระบบสรุ ยิ ะ ดวงอาทิตย์ (The Sun) เป็นดาวฤกษ์ซง่ึ มมี วลร้อยละ 99 ของระบบ สรุ ยิ ะ จึงทาใหอ้ วกาศโค้งเกดิ เป็นศนู ย์กลางของแรงโน้มถ่วง โดยมี ดาวเคราะหแ์ ละบรวิ ารท้ังหลายโคจรลอ้ มรอบ ดวงอาทติ ยม์ ี องค์ประกอบหลกั เป็นไฮโดรเจนซึ่งเป็นอยูใ่ นสถานะพลาสมา (แกส๊ ทีม่ อี ุณหภูมสิ ูงมากจนประจุหลุดออกมา)
ดวงอาทติ ย์
องคป์ ระกอบของระบบสุรยิ ะ ดาวเคราะห์ (Planets) คอื บรวิ ารขนาดใหญข่ องดวงอาทติ ย์ 8 ดวง เรยี งลาดบั จากใกลไ้ ปไกล ไดแ้ ก่ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก ดาวอังคาร ดาว พฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจนู ดาวเคราะห์ทงั้ แปดโคจร รอบดวงอาทติ ย์ โดยมีระนาบใกลเ้ คยี งกบั ระนาบสุรยิ วถิ ี ดาวเคราะห์ชน้ั ใน 4 ดวงแรก มอี งค์ประกอบหลกั เป็นของแข็ง ดาวเคราะหช์ น้ั นอก 4 ดวงหลัง มีองคป์ ระกอบหลกั เป็นแกส๊ ไฮโดรเจนเช่นเดียวกับดวงอาทิตย์ ดาวเคราะห์ เกือบทกุ ดวงหมนุ รอบตวั เองและโคจรรอบดวงอาทติ ยใ์ นทศิ ทางเดยี วกัน
องคป์ ระกอบของระบบสรุ ิยะ ดวงจนั ทร์บริวาร (Moons หรือ Satellites) หมายถึง ดาวท่ีเป็นบริวารโคจร รอบดาวเคราะหอ์ กี ท่หี นง่ึ มิได้โคจรรอบดวงอาทิตยโ์ ดยตรง โลกมบี ริวาร ชื่อ ดวงจนั ทร์ (The Moon) โคจรลอ้ มรอบ ขณะที่ดาวเคราะห์ดวงอ่ืนกม็ ี ดวงจนั ทร์บริวารโคจรลอ้ มรอบเช่นกัน ยกตัวอยา่ ง ดาวพฤหัสบดีมดี วง จันทร์ขนาดใหญ่ 4 ดวง (Galilean moons) ชอื่ ไอโอ (Io), ยโู รปา (Europa), กนั นมี ดี (Ganymede) และคลั ลสิ โต (Callisto) ดาวเสาร์มีดวงจนั ทรบ์ ริวาร ขนาดใหญช่ อ่ื ไททนั (Titan)
ดวงจันทร์
องค์ประกอบของระบบสุรยิ ะ ดาวเคราะหแ์ คระ (Dwarf Planets) เป็นนิยามใหมข่ องสมาพันธด์ าราศาสตร์ สากล (International Astronomical Union) ท่กี ล่าวถึง วัตถุขนาดเลก็ ท่มี ี รูปร่างคล้ายทรงกลม ทีม่ ีวงโคจรเปน็ รอบดวงอาทิตย์ ซอ้ นทบั กบั ดาว เคราะห์ดวงอ่ืน และไมอ่ ยู่ในระนาบของสุรยิ วถิ ี
องค์ประกอบของระบบสุรยิ ะ ยกตวั อยา่ ง ดาวพลโู ตถูกจัดเปน็ ดาวเคราะห์แคระ เนอ่ื งจากมลี ักษณะคล้าย ทรงกลม มวี งโคจรรอบดวงอาทติ ย์ซอ้ นทบั กบั วงโคจรของดาวเนปจูน และ เอยี งตัดกับระนาบสุริยวิถีเปน็ มุม 17° ดาวเคราะห์น้อยซีรีส ถูกจดั เปน็ ดาว เคราะห์แคระ เนอ่ื งจากมลี ักษณะคล้ายทรงกลม มีวงโคจรรอบดวงอาทิตย์ ซ้อนทบั กับวัตถอุ ่นื ๆ ทอี่ ยู่ในแถบเขม็ ขดั ดาวเคราะห์น้อย
ดาวเคราะห์แคระซเี รส
ดาวพลโู ต
องค์ประกอบของระบบสุริยะ ดาวเคราะห์นอ้ ย (Asteroids) คือวัตถทุ ไ่ี มส่ ามารถรวมตัวกนั เป็นดาว เคราะหไ์ ด้ เนอื่ งจากถกู รบกวนจากแรงโน้มถ่วงของดาวเคราะหข์ นาดใหญ่ เชน่ ดาวพฤหสั บดี และดาวเสาร์ ทาให้แรงไทดลั ทีเ่ กิดข้ึนมีกาลังมากกวา่ แรงยึดเหนี่ยวระหว่างสสารภายในดาว ดาวเคราะห์น้อยสว่ นใหญ่มี องค์ประกอบหลกั เป็นหิน แต่บางดวงมีโลหะปนอยู่ ดาวเคราะหน์ ้อยสว่ น ใหญอ่ ยู่ท่ี \"แถบดาวเคราะหน์ อ้ ย\" (Asteroid belt) ซึ่งอยู่ระหว่างวงโคจรของ ดาวองั คารและดาวพฤหสั บดี
องค์ประกอบของระบบสรุ ยิ ะ ดาวเคราะหน์ ้อยมรี ูปทรงเหมอื นอุกกาบาต เนอื่ งจากมวลน้อยจึงมีแรงโนม้ ถว่ งน้อยไม่สามารถยุบรวมเน้อื ดาวให้มีรูปร่างทรงกลม วงโคจรของดาว เคราะหน์ อ้ ยมีความรมี ากกว่าวงโคจรของดาวเคราะห์ โดยวงโคจรส่วน ใหญเ่ อยี งทามุมกับระนาบสุรยิ วิถเี ลก็ น้อย
องคป์ ระกอบของระบบสุรยิ ะ ในปจั จบุ ันไดม้ กี ารค้นพบดาวเคราะหน์ ้อยมากกว่า 3 แสนดวง เนอื่ งจากดาว เคราะหน์ ้อยไม่สามารถรวมตวั เป็นดาวเคราะหไ์ ด้ มันจึงไมม่ ีการ เปลี่ยนแปลงโครงสรา้ งภายในมาหลายพันล้านปีแลว้ นกั ดาราศาสตร์จงึ เปรยี บว่า ดาวเคราะห์นอ้ ยเปน็ เสมอื นฟอสซิลของระบบสุรยิ ะ
ดาวเคราะหน์ อ้ ย
องคป์ ระกอบของระบบสุริยะ ดาวหาง (Comets) เป็นวัตถขุ นาดเลก็ เชน่ เดยี วกับดาวเคราะห์นอ้ ย แตม่ วี ง โคจรรอบดวงอาทติ ย์เปน็ วงรแี คบ และทามมุ เอยี งตดั กบั ระนาบของสุริยวิถี เปน็ มุมสงู ดาวหางมอี งคป์ ระกอบเป็นน้าแข็ง (Ice water) และแกส๊ ใน สถานะของแขง็ เม่ือดาวหางเคลือ่ นทีเ่ ข้าหาดวงอาทติ ย์ พลังงานจากดวง อาทิตย์ทาใหม้ วลของดาวหางระเหิดกลายเป็นแกส๊ ลมสรุ ิยะเปา่ ให้แก๊ส เหลา่ น้ีให้พงุ่ ไปในทิศทางตรงข้ามกับดวงอาทติ ย์ ปรากฏเป็นหางยาวหลาย ลา้ นกโิ ลเมตร
ดาวหางฮลั เลย์
ทฤษฎกี ารกาเนิดของระบบสุริยะ หลกั ฐานทีส่ าคญั ของการกาเนิดของระบบสรุ ิยะกค็ อื การเรยี งตวั และการ เคล่อื นทอ่ี ยา่ งเปน็ ระบบระเบียบของดาว เคราะห์ ดวงจันทร์บรวิ าร ของดาว เคราะห์ และดาวเคราะห์น้อย ทแ่ี สดงใหเ้ ห็นว่าเทหวตั ถุ ท้ังมวลบนฟ้า นั้น เป็นของ ระบบสรุ ยิ ะ ซ่งึ จะเป็นเรือ่ งทเ่ี ป็นไปไมไ่ ดเ้ ลย ที่เทหวตั ถทุ ้องฟ้า หลายพันดวง จะมรี ะบบ โดยบังเอญิ โดยมิไดม้ ีจดุ กาเนิด รว่ มกัน
ทฤษฎกี ารกาเนิดของระบบสรุ ิยะ Piere Simon Laplace ไดเ้ สนอทฤษฎีจดุ กาเนดิ ของระบบสุรยิ ะ กล่าวว่า ใน ระบบสุริยะจะมมี วลของกา๊ ซรปู รา่ งเป็นจานแบนๆ ขนาดมหึมาหมุนรอบ ตัวเองอยู่ ในขณะท่ีหมนุ รอบตัวเองนัน้ จะเกิดการหดตัวลง เพราะแรงดึงดดู ของมวลกา๊ ซ ซึ่งจะทาให้ อตั ราการหมุนรอบตัวเองนนั้ จะเกิดการหดตวั ลง เพราะแรงดึงดดู ของกา๊ ซ
ทฤษฎกี ารกาเนิดของระบบสรุ ยิ ะ ซ่ึงจะทาให้อัตราการ หมนุ รอบตวั เอง มคี วามเรว็ สูงขน้ึ เพอื่ รักษาโมเมนตัม เชิงมมุ (Angular Momentum) ในท่สี ุด เมอ่ื ความเร็ว มีอัตราสูงข้ึน จนกระทง่ั แรงหนีศนู ย์กลางท่ขี อบของกลมุ่ กา๊ ซมมี ากกว่าแรงดึงดดู กจ็ ะทา ให้เกิดมีวงแหวน ของกลุ่มก๊าซแยก ตวั ออกไปจากศูนย์กลางของกล่มุ ก๊าซ เดมิ
ทฤษฎีการกาเนิดของระบบสุริยะ เม่อื เกดิ การหดตวั อกี ก็จะมีวงแหวนของกลุ่มกา๊ ซเพม่ิ ขน้ึ ขึ้นตอ่ ไปเร่อื ยๆ วงแหวนที่แยกตัวไปจากศูนย์กลางของวงแหวนแตล่ ะวงจะมีความกวา้ งไม่ เท่ากนั ตรงบริเวณ ที่มีความ หนาแนน่ มากทสี่ ุดของวง จะคอยดงึ วัตถุ ทั้งหมดในวงแหวน มารวมกันแล้วกลนั่ ตัว เป็นดาวเคราะห์
ทฤษฎกี ารกาเนิดของระบบสุริยะ ดวงจันทร์ของดาว ดาวเคราะหจ์ ะเกิดข้นึ จากการหดตวั ของดาวเคราะห์ สาหรับดาวหาง และสะเกด็ ดาวนน้ั เกดิ ขึน้ จากเศษหลงเหลอื ระหว่าง การ เกิดของดาวเคราะห์ดวงต่างๆ ดังนัน้ ดวงอาทติ ยใ์ นปัจจุบันกค็ ือ มวลกา๊ ซ ด้งั เดมิ ทีท่ าให้เกิดระบบสรุ ยิ ะข้ึนมาน่ันเอง
ทฤษฎีการกาเนิดของระบบสุริยะ ทฤษฎีของ Coral Von Weizsackerนักดาราศาสตร์ฟสิ ิกสช์ าวเยอรมัน ซึ่ง กลา่ ววา่ มวี ง กลมของกลุ่มก๊าซและฝุ่นละอองหรอื เนบิวลา ต้นกาเนดิ ดวง อาทติ ย์ (Solar Nebular) หอ้ มลอ้ มอยู่รอบดวงอาทติ ย์ ขณะที่ดวงอาทติ ย์เกิด ใหม่ๆ และ ละอองสสารในกล่มุ กา๊ ซ เกดิ การกระแทกซ่งึ กันและกัน แลว้ กลายเปน็ กลมุ่ ก้อนสสาร ขนาดใหญ่ จนกลายเป็น เทหวตั ถุแขง็ เกดิ ขน้ั ใน วงโคจรของดวงอาทิตย์ ซ่งึ เราเรยี กว่า ดาวเคราะห์ และดวงจันทร์ของ ดาว เคราะห์นนั่ เอง
Search
Read the Text Version
- 1 - 27
Pages: