สิบเอ็ดประตูเมืองงาม เรืองนามพระสูงใหญ่ ROI ET ร้อยเอ็ด
ข้อมูลทั่วไป จังหวัดร้อยเอ็ด ร้อยเอ็ดเดิมสะกดว่าร้อยเอ็จเป็นจังหวัดบริเวณลุ่มแม่น้ำชีในภาคอีสานตอนกลางของประเทศไทย ประวัติเคยเป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ โดยปรากฏชื่อในตำนานอุรังคธาตุว่า สาเกตนคร หรือ เมืองร้อยเอ็ดประตู อันเนื่องมาจากเป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรื่องโดยที่มีเมืองขึ้นจำนวน มาก การตั้งชื่อเมืองว่า \"ร้อยเอ็ดประตู\" นั้น น่าจะเป็นการตั้งชื่อเชิงอุปมาอุปไมยให้เป็นศิริมงคลและแสดง ถึงความยิ่งใหญ่ของเมืองมากกว่าการที่เมืองจะมีประตูเมืองอยู่จริงถึงร้อยเอ็ดประตู ซึ่งการตั้งชื่อเพื่อแสดง ถึงความเจริญรุ่งเรืองผ่านการมีประตูเมืองจำนวนมากนั้น น่าจะได้รับอิทธิพลหรือแบบอย่างมาจากเมืองหรือ อาณาจักรที่เคยรุ่งเรืองในสมัยโบราณอย่างทวารวดีซึ่งมีความหมายว่าเมืองที่มีประตูล้อมรอบเป็นกำแพง หรืออย่างเมืองหงสาวดีที่มีประตูเมืองรายล้อมกำแพงเมืองอยู่ยี่สิบประตู ซึ่งแต่ละประตูนั้นจะตั้งชื่อตามเมือง ขึ้นของตน เช่น เชียงใหม่ อโยธยา จังหวัดนครราชสีมา เป็นต้น นอกจากนั้นการตั้งชื่อเมืองให้ดูยิ่งใหญ่เกิน จริงเพื่อความเป็นสิริมงคลก็ถือเป็นธรรมดาของการตั้งชื่อเมืองหรืออาณาจักรในสมัยโบราณ ส่วนข้อสันนิษฐานที่ว่าเมืองร้อยเอ็ดน่าจะมีเพียงสิบเอ็ดหัวเมือง อันเนื่องมาจากการเขียนจำนวนตาม แบบภาษาลาวโบราณ โดยเลขสิบเอ็ดจะประกอบไปด้วยเลขสิบกับเลขหนึ่ง (10+1 =101) ทำให้เกิดการ อ่านที่ผิดเพี้ยนเป็นคำว่าร้อยเอ็ดนั้น น่าจะเป็นสมมุติฐานที่คลาดเคลื่อน เพราะจากการตรวจสอบข้อความ ตัวอักษรธรรมในต้นฉบับใบลานเรื่องอุรังคธาตุไม่ปรากฏว่ามีจุดไหนที่เขียนชื่อเมืองร้อยเอ็ดเป็นตัวเลข แต่ กลับมีการเขียนถึงเมืองร้อยเอ็ดเป็นตัวอักษรทุกจุด (มีทั้งหมด 59 จุด) และไม่มีข้อความตอนใดที่บรรยาย แจกแจงรายชื่อหัวเมืองทั้ง 11 แห่ง (อ่านเพิ่มเติมที่ ร้อยเอ็ด คือ ร้อยเอ็ด มิใช่สิบเอ็ด หรือ 10 + 1 โดย สุ วัฒน์ ลีขจร) ประกอบกับตามธรรมดาของการตั้งชื่อต่างๆไม่ว่าจะคนหรือเมืองนั้น จะต้องมีการออกเสียงก่อนถึง จะมีการเขียนเป็นตัวอักษรหรือตัวเลข ซึ่งหากชื่อเมืองแต่เดิมชื่อว่าเมืองสิบเอ็ดประตูแล้ว จึงมีการจารึกชื่อ เป็นตัวเลขอย่าง 101 นั้น คำว่าสิบเอ็ดก็ไม่น่าจะออกเสียงเพี้ยนจนมาเป็นคำว่าร้อยเอ็ดอย่างในปัจจุบันได้ ดังนั้นชื่อเมืองร้อยเอ็ดหรือเมืองร้อยเอ็ดประตูจึงน่าจะเป็นชื่อเมืองที่มีมาอยู่แต่แรกเริ่มดังปรากฏในหลักฐาน สำคัญ คือ ตำนานอุรังคธาตุฉบับกรมศิลป์ฯ
ข้อมูลทั่วไป จังหวัดร้อยเอ็ด สรุปความหมาย ก็คือ มีคำ 2 คำที่ต้องทำความเข้าใจ คำแรก คือคำว่า ร้อยเอ็ด แปลว่า จำนวนที่มากมายจนนับไม่ถ้วน และ อีกคำหนึ่ง ก็คือ คำว่า เมืองร้อยเอ็ดประตู ซึ่งมีนักวิชาการ ได้ ตีความว่าน่าจะหมายถึง ทวารวดี เพราะ ทวาร แปลว่า ช่อง, รู, ประตู วติ หรือ วดี แปลว่า เขต หรือ รั้ว ทวารดี จึงแปลว่า เมืองที่มีประตูเป็นรั้ว ซึ่งเปรียบเทียบแล้วน่าจะมีความหมายที่ใกล้เคียง กับคำว่าเมืองร้อยเอ็ดประตูที่สุด ภูมิศาสตร์ของจังหวัดร้อยเอ็ด ที่ตั้งและอาณาเขต จังหวัดร้อยเอ็ดตั้งอยู่ตอนกลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างละติจูดที่ 15 องศา 24 ลิปดาเหนือ ถึง 16 องศา 19 ลิปดา เหนือ และลองจิจูดที่ 103 องศา 16 ลิปดาตะวันออก ถึง 104 องศา 21 ลิปดาตะวันออก อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานคร โดยทาง รถยนต์ประมาณ 512 กิโลเมตร มีพื้นที่ทั้งสิ้น 8,299.46 ตารางกิโลเมตร หรือ 5,187,156 ไร่ มีเขตแดนติดต่อกับจังหวัดอื่นดังนี้ ทิศเหนือติดต่อกับจังหวัดกาฬสินธุ์และจังหวัดมุกดาหาร ทิศตะวันออกติดต่อกับจังหวัดยโสธร ทิศใต้ติดต่อกับจังหวัดมหาสารคามและจังหวัดสุรินทร์ ทิศตะวันตกติดต่อกับจังหวัดสุรินทร์และจังหวัดศรีสะเกษ ลักษณะภูมิประเทศ จังหวัดร้อยเอ็ด ตั้งอยู่บริเวณตอนกลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นที่ราบสูง สูงจาก ระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 120-160 เมตร มีภูเขาทางตอนเหนือซึ่งติดต่อจากเทือกเขาภูพาน บริเวณตอนกลางของจังหวัด มี ลักษณะเป็นที่ราบลูกคลื่น บริเวณตอนล่างมีลักษณะเป็นที่ราบลุ่มริมฝั่งแม่น้ำมูลและสาขา ได้แก่ ลำน้ำชี ลำน้ำพลับพลา ลำน้ำเตา เป็นต้น บริเวณที่ราบต่ำอันกว้างขวาง เรียกว่า ทุ่งกุลาร้องไห้ มีพื้นที่ประมาณ 80,000 ไร่ มีลักษณะเป็นที่ราบแอ่งกระทะ ลักษณะภูมิอากาศ จังหวัดร้อยเอ็ดได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ สภาพภูมิอากาศอยู่ในประเภทฝนเมือง ร้อน ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 1,196.8 ลูกบาศก์มิลลิเมตร ฝนตกชุกในเดือนมิถุนายนถึงตุลาคม อากาศร้อนแห้งแล้งในเดือนมีนาคมถึง พฤษภาคม
แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ จังหวัดร้อยเอ็ด ทุ่งกุลาร้องไห้ ทุ่งกว้างใหญ่ของภาคอีสานที่ครอบคลุมมากถึง 5 จังหวัดด้วยกันนั่นก็ คือทุ่งกุลาร้องไห้ที่เรารู้จักกัน แม้ว่าจะกว้างใหญ่ขนาดนี้แต่ก็ไม่มีน้ำหรือ ต้นไม้ใหญ่เลยยิ่งในฤดูแล้งผืนดินยิ่งแห้งแตกเป็นระแหง เลยเป็นที่มาของชื่อ ทุ่งกุลาร้องไห้ ต่อมาได้มีการพัฒนาพื้นที่ให้กลับมามีความอุดมสมบูรณ์เป็น แหล่งเกษตรกรรม จนทำให้กลายเป็นแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิที่ใหญ่ที่สุดใน ภาคอีสานอีกทั้งยังมีการใช้เป็นทุ่งเลี้ยงสัตว์ด้วย ทำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ ขึ้นเรื่อยๆ
แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ จังหวัดร้อยเอ็ด น้ำตกถ้ำโสดา น้ำตกถ้ำโสดาเป็นน้ำตกถ้ำแห ่งเดียวในจังหวัดร้อยเอ็ดค่ะเป็นที่เที่ยว ธรรมชาติที่เหมาะสำหรับมาพักผ่อนในวันหยุดมากๆเพราะที่นี่จะเป็นน้ำตก ถ้ำขนาดใหญ่สูงประมาณ50 เมตรและยังมีไฮไลท์อีกอย่างคือเจดีย์หินที่เกิด ขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งจะตั้งอยู่ภายในศาลาที่พักสงฆ์ค่ะใครอยากสัมผัส กับความร่มรื่นเงียบสง ก็ลองมาที่นี่กันดูนะคะ
แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ จังหวัดร้อยเอ็ด บึงพลาญชัย บึงพลาญชัย สัญลักษณ์ของ จ ังหวัดร้อยเอ็ด เป็นเกาะกลางบึงขนาด ใหญ่ สถานที่พักผ่อนของชาวร้อยเอ็ด และยังมักจะเป็นที่จัดงานเทศกาล สำคัญของจังหวัด ตกแต่งด้วยสวนไม้ดอกมากมายหลากหลายสายพันธุ์ ภายในบริเวณมี ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง สิ่งสักดิสิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของร้อยเอ็ด รวมไปถึงกิจกรรมให้พายเรือเล่นชมวิวกลางบึง
แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ จังหวัดร้อยเอ็ด ผาหมอกมิวาย ผาหมอกมิวาย ถือเป็นอันซีนข องจังหวัดร้อยเอ็ดก็ว่าได้ นักท่องเที่ยว ที่ผ่านมาจะต้องแวะมาที่นี่ เพราะถือเป็นจุดชมวิวที่สวยงามที่สุด อากาศ สดชื่น บรรยากาศดี รวมถึงเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกที่สวยงาม ตอนเช้ามืดมีหมอกหนาเหมาะสำหรับการได้มาสูดอากาศบริสุทธิ์
แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ จังหวัดร้อยเอ็ด ผาหำหด ป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่สวย งามของจังหวัดร้อยเอ็ด มีลักษณะเป็น หน้าผาสูงเห็นทิวทัศน์โดยรอบ 360 องศา เหมาะแก่การขึ้นมาชมวิวของ ผืนป่าธรรมชาติ สูดโอโซนเข้าปอดให้เต็มที่ และตรงบริเวณที่มีก้อนหินยื่น ยาวออกไปจากหน้าผา ถือเป็นจุดไฮไลท์ที่ต้องมาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก อันเป็นที่มาของชื่อผาแห่งนี้
แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ จังหวัดร้อยเอ็ด กู่กาสิงห์ กู่กาสิงห์ นี้ ตั้งอยู่ในวัดบูรพากู่ก าสิงห์ เป็นโบราณสถานสถาปัตยกรรม แบบเขมร ที่มีขนาดใหญ่และยังอยู่ในสภาพดีอย่างมากมีลวดลายสลัก ต่างๆ ที่สวยงดงาม ซึ่งกู่นี้น่าจะได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะเขมร ที่เรียกว่า บาปวน อายุราวๆ ปี พ.ศ.1560-1630 สร้างขึ้นมาก็เพื่อไว้เป็นเทวสถาน อุทิศถวายแด่พระอิศวร
แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ จังหวัดร้อยเอ็ด วัดประชาคมวนาราม วัดประชาคมวนาราม หรือ วัดป่ากุง สร้างโดยหลวงปู่ศรี มหาวีโร เป็นเจดีย์ขนาดใหญ่ที่ทำจากหินทรายธรรมชาติ ถือได้ว่าเป็นแห่งแรกใน ประเทศไทยเลยค่ะ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจาก เจดีย์โบโรบูโด (บรมพุ ทโธ) ที่เกาะชวา ของประเทศอินโดนีเซีย ภายในก็จะมีพระเจดีย์ที่ ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนผนังแกะสลักเรื่องราวพระพุทธประวัติ และเวสสันดรชาดก รวมทั้งประวัติของหลวงปู่ศรีและรูปบูรพาจารย์
แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ จังหวัดร้อยเอ็ด วัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วนาราม วัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วราราม เป็นวัดที่ประดิษฐาน พระมหาเจดีย์ ยชัังยเมป็งนคทีล่เพคราะรมพหศารัเทจธดีายร์ใวหมญไ่ปที่ถงึงดเงป็านมคมวาากมทีภ่สุ าดคอภงูมคิ์ใหจนึข่งอขงอชงาปวรร้ะอเยทเศอ็ไดทยเลแยลแะลชะาว อีสานอีกด้วยภายในเจดีย์จะบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ มีทั้งหมด 6 ชั้นด้วยกัน และยังมี พิพิธภัณฑ์วิปัสสนากรรมฐานของหลวงปู่ศรีที่ประดิษฐานรูปเหมือน ของพระเกจิอาจารย์ในอดีตกว่า 101 องค์ พระสารีริกธาตุที่อยู่ชั้นบนสุด ให้เรา ได้สักการะเพื่อเป็นสิริมงคลอีกด้วยค่ะ
เทศกาลและประเพณี จังหวัดร้อยเอ็ด ประเพณีบุญข้าวจี่ ของดีเมืองโพธิ์ชัย บุญข้าวจี่เป็นงานบุญประจำเทศกา ลของชาวอีสาน เป็นการทำบุญตาม ฮีต 12 (ฮีต หมายถึง จารีตประเพณี) ซึ่งกำหนดทำบุญในวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 3 บุญข้าวจี่นี้ นับเป็นงานบุญพิเศษเทียบเท่าบุญผะเหวด และบุญกฐิน และมี ความเชื่อว่า หากบ้านใดไม่ทำบุญข้าวจี่ อาจทำให้เกิดความเดือดร้อนใน หมู่บ้านได้ ภายในงานมีกิจกรรมที่สำคัญคือ การประกวดข้าวจี่ยักษ์ ประกวด ของดีเมืองโพธิ์ชัย อันได้แก่ ผ้าไหม หมอนขิต ผ้าขาวม้า การแสดงฟ้อน เซิ้ง กระติบข้าว สถานที่จัดงานบริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอโพธิ์ชัย
เทศกาลและประเพณี จังหวัดร้อยเอ็ด งานแข่งขันเรือยาวประเพณี ได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงฤดูน้ำหลาก คือช่วงเทศกาลออกพรรษา หรือช่วงประมาณวันที่ 15-31 ตุลาคม ของทุกปี ที่ตำบลเมืองบัว อำเภอ เกษตรวิสัย โดยเรือที่มาร่วมแข่งส่วนหนึ่งก็จะเป็นเรือของจังหวัดร้อยเอ็ด และ อีกส่วนก็เดินทางมาจากจังหวัดใกล้เคียงเช่นกาฬสินธุ์, มหาสารคาม, ศรีสะเกษ, และนครราชสีมา
สิบเอ็ดประตูเมืองงาม เรืองนามพระสูงใหญ่ ร้อยเ อ็ด
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: