การจดั การเรยี นการสอนแบบโครงงาน บรรยายโดย นางวิภารตั น์ บุญเลศิ อทุ ยัความหมาย การจดั การเรยี นการสอนแบบโครงงาน คอื การจดักิจกรรมการเรียนการสอนทีจ่ ัดประสบการณ์ใหแ้ ก่นักเรียนเหมือนกับการทางานในชวี ิตจริงวตั ถุประสงค์การจดั การเรียนการสอนแบบโครงงานมวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พื่อใหน้ ักเรยี น1. มปี ระสบการณโ์ ดยตรง2. ได้ทาการทดลองและพสิ จู นส์ ิ่งต่าง ๆ ดว้ ยตนเอง3. รจู้ กั การทางานอย่างมีระบบ มีขนั้ ตอน4. ฝกึ การเป็นผูน้ าและผู้ตามทด่ี ี5. ได้เรียนรวู้ ธิ ีการแกป้ ญั หา6. ไดร้ ู้จกั วิธกี ารตา่ ง ๆ ในการแกป้ ัญหา7. ฝึกวเิ คราะห์ และประเมนิ ตนเอง
การเรียนรแู้ บบโครงงานเปน็ การเรียนรทู้ ่เี ชอื่ มโยงกับหลกั การพฒั นาการคดิ ของ บลมู (Boom) ดงั น้ี1. ความรู้ความจา2. ความเขา้ ใจ3. การนาไปใช้4. การวิเคราะห์5. การสงั เคราะห์6. การประเมินคา่การเรยี นรแู้ บบโครงงาน และยังเป็นการเรียนรทู้ เ่ี น้นผเู้ รียนเปน็ สาคญั ในทกุ ขนั้ ตอนของกระบวนการ เรียนรู้ ต้ังแตก่ ารวางแผนการเรยี นรู้ การออกแบบการเรียนรู้ การสรา้ งสรรค์
กระบวนการจัดการเรยี นรู้ แบง่ เปน็ 3 ระยะ คอืระยะท่ี 1 การเร่มิ ตน้ โครงงาน เป็นระยะที่ผู้สอนตอ้ งสังเกต/สรา้ งความสนใจ ใหเ้ กิดขน้ึ ในตัวผเู้ รยี น เลอื กเร่อื งทจี่ ะศกึ ษารว่ มกนัระยะที่ 2 การพฒั นาโครงงาน เป็นขน้ั ท่ผี ้เู รียนกาหนดหวั ขอ้ คาถามหรือประเด็นปัญหา แล้วตง้ั สมมตุ ิฐานเพ่อื ตอบคาถามเหล่าน้ันระยะท่ี 3 ขัน้ สรุป เป็นระยะท่ผี ู้สอน และผูเ้ รยี นแบ่งปนั ประสบการณ์การทางานและแสดงให้เหน็ ถึงความสาเร็จมกี จิ กรรมท่ีผเู้ รยี นดาเนินการ ดงั นี้1. ผู้เรียนเขียนรายงานเป็นรปู แบบงานวิจัยเลก็ ๆ2. ผเู้ รียน นาเสนอผลงาน (แสดงเปน็ แผงโครงงาน) ใหผ้ ทู้ สี่ นใจได้รบั รู้ สรปุ และนาไปใชใ้ นชีวิตประจาวัน
ขัน้ ตอนในการสอนทาโครงงานการจดั การเรยี นการสอนแบบโครงงานมี 4 ขน้ั ตอน คือ1. กาหนดความมงุ่ หมายและลักษณะโครงงานโดยตัวนักเรยี นเอง2. วางแผนหรอื วางโครงงาน นกั เรยี นตอ้ งช่วยกันวางแผนวา่ จะทาอะไร ใช้วิธกี ารหรอื กจิ กรรมใด จงึ จะบรรลจุ ดุ มงุ่ หมาย3. ขน้ั ดาเนินการ ลงมือทากิจกรรมหรอื แกป้ ัญหา4. ประเมินผล โดยประเมินว่ากิจกรรมหรอื โครงงานนน้ั บรรลุผลตามความมุง่ หมายท่กี าหนดไว้ หรอื ไม่ มขี ้อบกพร่อง และควรแกไ้ ขให้ดีขึ้นอย่างไร
วธิ ีการทาโครงงาน1. ประชมุ ปรกึ ษาหารอื เพอื่ หาข้อสรุปเกย่ี วกับหัวขอ้ ของโครงงาน จากสิง่ ต่อไปนี้– การสังเกต หรือตามทีส่ งสยั– ความรู้ในวิชาต่าง ๆ– จากปัญหาใกลต้ ัว หรอื การเลน่– คาบอกเลา่ ของผใู้ หญ่ หรือผ้รู ู้2. เขียนหลกั การ เหตุผล ท่มี าของโครงงาน3. ตัง้ วัตถปุ ระสงคข์ องการทาโครงงาน4. กาหนดวิธกี ารศึกษา เช่น การสารวจ การทดลอง เป็นตน้5. นาผลการศึกษามาอภปิ รายกลุ่ม6. สรปุ ผลการศกึ ษา โดยการอภิปรายกลุ่ม7. ปรบั ปรุงชอ่ื โครงงาน ให้ครอบคลมุ นา่ สนใจ
การประเมนิ ผลการทาโครงงานครผู สู้ อนจะเปน็ ผู้ประเมนิ การทาโครงงานของนกั เรยี นแต่ละกลมุ่โดยใช้แบบประเมินแผนผังโครงงานพจิ ารณาตามรายละเอยี ดดงั นี้1. ช่ือเรื่องแสดงถึงความคดิ รเิ รมิ่ สรา้ งสรรค์2. ช่ือเร่ืองมีความสมั พนั ธ์กบั เนอื้ หาคาถามมีการกระตนุ้ ให้นักเรียนเกิดความคดิ3. สมมติฐานมีการแสดงถงึ พน้ื ฐานความรเู้ ดมิ4. วิธกี าร เครอื่ งมือท่ใี ชใ้ นการศึกษา เหมาะสมสอดคลอ้ งกบัจุดม่งุ หมายและเน้อื หา5. แหล่งศกึ ษาสามารถค้นควา้ คาตอบได้6. วิธีการนาเสนอชดั เจน เหมาะสมกบั เน้ือหาและเวลา
โครงงานอาชีพเกณฑ์การให้คะแนน1 กระบวนการของโครงงานอาชพี2 รายงานโครงงานอาชีพ - การวิเคราะหโ์ ครงงาน - การวางแผน - การดาเนินงาน - การสรปุ และรายงานผล3 ผลสาเรจ็ ของโครงงาน - มีเงินทุนหมนุ เวียนในการดาเนินงาน - นาสกู่ ารประกอบอาชพี4 การนาเสนอโครงงานดว้ ยวาจา
การเขียนรายงานโครงงานอาชพีเขยี นในรูปแบบรายงาน 5 บท ดงั นี้1. ปก ปกนอก ปกใน2. คานา3. กิตตกิ รรมประกาศ (ถ้าม)ี4. บทคดั ยอ่5. สารบญั6. บทท่ี 1 บทนา- ที่มาและความสาคญั - สถานปฏิบัตงิ าน - วัตถุประสงค์ - งบประมาณ - ประโยชนท์ ค่ี าดวา่ จะไดร้ ับ - สมมติฐาน - เปา้ หมาย- ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า - ระยะเวลาดาเนนิ การ
7. บทท่ี 2 การศกึ ษาเอกสารทเ่ี กย่ี วขอ้ ง8. บทท่ี 3 วธิ ีดาเนินการ9. บทที่ 4 ผลการดาเนินงาน10. บทท่ี 5 สรุป อภปิ รายผล ขอ้ เสนอแนะ11. บรรณานกุ รม12. ภาคผนวก
โครงงานคณุ ธรรมวิธดี าเนินการ1) วิธีการดาเนินการและรายละเอียดหลกั เกณฑโ์ ครงงานที่สง่ เขา้ประกวดต้องเปน็ โครงงานท่เี ก่ยี วข้องกับการสง่ เสรมิ ศีลธรรมคณุ ธรรม และจรยิ ธรรม ที่ใช้คุณธรรมในการศกึ ษาหาความรู้เพือ่ ให้ได้คาตอบในเร่ืองทศ่ี กึ ษา2) เอกสาร - สรุปย่อโครงงาน - รายงานโครงงาน 5 บท ไมเ่ กนิ 20 หน้า
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน1) มกี ระบวนการทางปัญญาในการสารวจเลอื กประเดน็ ปัญหาประมวลข้อมูลการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ การประเมินผล2) การใช้หลักธรรม แนวพระราชดาริ พระราชดารัส มาใช้ไดส้ อดคลอ้ งเหมาะสมตรงกับประเด็นปัญหา3) มคี ุณประโยชนแ์ ละความสาคญั ในการแกป้ ัญหาทางศีลธรรม4) ความคิดริเริม่ สรา้ งสรรค์5) ผลสาเร็จของกจิ กรรม ทง้ั ผลสาเร็จตามเปา้ หมาย และผลการเรียนรเู้ ชงิ ลึก6) มีการสรา้ งการมีสว่ นรว่ มแกบ่ ุคคลตา่ งๆและความสมั พนั ธ์กบั ชมุ ชน(บ-ว-ร)7) การพง่ึ ตนเองและสบื ตอ่ ไปไดอ้ ย่างยัง่ ยนื 7.1 ความมุ่งมั่นทมุ่ เท เพยี รพยายามของนกั เรยี นอยา่ งต่อเนอื่ ง จนเป็นทป่ี ระจกั ษ์ 7.2 มีการสร้างเครือขา่ ยแกนนาและกลุม่ สมาชกิ เชน่ การตัง้ เป็นชมรม/ชมุ นุม 7.3 การนาลงสวู่ ถิ ชี ีวติ ปกตขิ องโรงเรียนหรือชุมชนของตนเองได้ 7.4 แผนการดาเนนิ งานมีความชัดเจนและเปน็ ไปได้8) การนาเสนอดว้ ยความคิดสรา้ งสรรค์ เทคนิควิธกี ารและบุคลิกภาพในการสอื่ สาร9) ความถกู ตอ้ งครบถ้วนของเอกสารและสอ่ื นาเสนอ
การเขยี นรายงานโครงงานคณุ ธรรมเขียนในรปู แบบรายงาน 5 บท ดังนี้1. ปกหนา้ 1.1 ปกนอก (แสดงชื่อโครงงานเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ, ชอ่ื กลุม่เยาวชนผ้รู ับผดิ ชอบโครงงาน, ชอื่ สถานศกึ ษา, ช่ือสงั กดั โดยระบุ สพท. 1.2 ปกใน (แสดงช่อื โครงงานเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ, รายชอ่ืสมาชกิ กลุ่มเยาวชนผู้รับผดิ ชอบโครงงาน โดยระบุ ช่อื -นามสกุล ตาแหน่งชน้ั เรียน, ชอ่ื -ฉายา-นามสกลุ พระสงฆ์ทีป่ รึกษาโดยระบุวัดและทีต่ งั้ ของวดัหมายเลขโทรศัพท/์ E-mail, ชื่อผู้บริหารและและครูท่ปี รกึ ษา โดยระบุตาแหนง่ หมายเลขโทรศพั ท์/ E-mail, ชื่อสถานศกึ ษา ทีต่ ้ัง หมายเลขโทรศพั ท/์ โทรสาร/E-mail/เวบ็ ไซต์ (ถา้ ม)ี
2. กติ ติกรรมประกาศ (แสดงการขอบคุณบุคคล คณะ องค์กรต่างๆ ที่สนบั สนนุการทาโครงงาน เป็นตน้ )3. บทคัดย่อ (สรปุ ยอ่ เน้อื หาและประเด็นสาคญั ของโครงงานเป็นความเรียงใน1 หนา้ กระดาษ)4. ผังมโนทัศน์ (สรุปภาพรวมของโครงงานทง้ั หมดเปน็ ผงั มโนทศั น์ใน 1หนา้ กระดาษ)5. บทท่ี 1 บทนา 5.1 ทม่ี าและความสาคญั (อธบิ ายความเป็นมา แรงบันดาลใจ หรือเหตผุ ล ทท่ี าใหค้ ิดทาโครงงาน) 5.2 วตั ถุประสงค์ (แสดงจุดมุ่งหมายของการทาโครงงานเป็นรายขอ้ ไม่ควรเกนิ 5 ขอ้ ) 5.3 ขอบเขตการศกึ ษาเรียนรู้ (ระบุ กลุ่มเป้าหมาย กาหนดระยะเวลาและสถานท่ี ในการดาเนินโครงงาน
6. บทท่ี 2 การดาเนินการโครงงาน 6.1 วิธกี ารดาเนนิ งาน (อธิบายวิธีการดาเนินงาน, แสดงแผนผงัขั้นตอนการดาเนินงาน ,แสดงปฏทิ นิ หรอื กาหนดการดาเนินงาน และ/หรอื มีรูปภาพประกอบ) 6.2 งบประมาณ (แสดงรายการค่าใช้จา่ ยโดยแยกเป็นรายหมวดและยอดรวม) 6.3 แหลง่ ทม่ี าของงบประมาณ 6.4 อุปสรรคความผดิ พลาดและการแก้ปัญหา (อธิบายถงึ อุปสรรคปญั หาหรือขอ้ ขดั ข้องต่างๆ ทีเกิดขน้ึ ในการดาเนนิ การโครงงาน และการแกป้ ัญหาเฉพาะหน้า แล้วสรปุ เปน็ บทเรยี นที่ได้จากการเผชิญปญั หานน้ั ๆ)7. บทท่ี 3 ผลการดาเนนิ งาน (แสดงผลการดาเนินงานโดยการอธิบายพรอ้ ม รูปภาพ และ/หรอื มสี ถติ ิ ตาราง หรือแผนภมู ิ ประกอบ)
8. บทที่ 4 การศึกษาวเิ คราะห์ 8.1 ปญั หาและสาเหตุ 8.2 เป้าหมายและทางแก้ (วเิ คราะห์เช่ือมโยงเปา้ หมายของโครงงานกับวธิ กี ารดาเนนิ งานว่าเปน็ หนทางไปสเู่ ป้าหมายทว่ี างไว้อยา่ งไร อยา่ งเปน็ เหตเุ ปน็ ผล) 8.3 หลักการและหลักธรรมท่นี ามาใช้ 8.4 ประเมินผลการดาเนนิ งาน 8.5 การประเมนิ ตนเอง (สมาชิกกล่มุ เยาวชนผ้รู ับผิดชอบโครงงานทุกคน แสดงความคดิ เห็นและความรู้สกึ ต่อการพฒั นาตนเองหรือความประทับใจตอ่ สง่ิ ที่ไดเ้ รียนร้รู ะหว่างการดาเนินการโครงงาน) 8.6 การประเมินและวิจารณ์โดยผอู้ ่ืน
9. บทท่ี 5 บทสรุปและข้อเสนอแนะ 9.1 สรุปผลการดาเนินการโครงงาน (อธิบายสรุปภาพรวมของโครงงานทงั้ หมดเชื่อมโยงสู่กระบวนการเรยี นรแู้ ละพฒั นาคณุ ธรรมตามวตั ถปุ ระสงคแ์ ละเปา้ หมายของโครงงานคณุ ธรรม) 9.2 แผนการดาเนนิ งานในอนาคตและขอ้ เสนอแนะ (แผนการดาเนินงานในภาคการศึกษาต่อไป)10. เอกสารอ้างอิง (ถ้าม)ี
Search
Read the Text Version
- 1 - 16
Pages: