Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ติวเข้มวิทยาศาสตร์ กศน. ม.ปลาย

ติวเข้มวิทยาศาสตร์ กศน. ม.ปลาย

Published by phisit.yaemnun, 2020-02-14 03:37:03

Description: cover-sci ม.ปลาย

Search

Read the Text Version

วชิ าวทิ ยาศาสตร ม.ปลาย อาจารยณัฐรกิ า รอดสถติ ย

อำนวยกำรสอนโดย อ.ณฐั ริกำ รอดสถิตย์ เตรยี มความพรอ้ มวิชาวทิ ยาศาสตร์ ระดับช้ันมธั ยมศึกษาตอนปลาย ข้อ 1. “แสงสวา่ งจากหลอดไฟ เกดิ การสังเคราะห์ แสงของพชื หรอื ไม่” จดั เป็นกระบวนการทางวิทยาศาสตรใ์ น ขัน้ ตอนใด กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ........... ก. การสงั เกต ข. การตงั้ สมมติฐาน ค. การทดลอง ง. สรปุ ผล ข้อ 2. เมอ่ื ใสน่ ำ้ แขง็ ลงในแก้ว แลว้ ตง้ั ทง้ิ ไวส้ กั ครูจ่ ะ พบวา่ รอบนอกของแกว้ มีหยดน้ำเกาะอยูเ่ ต็ม ขอ้ ใดเป็นผล จากการสงั เกต และบันทึกผล ก. ไอน้ำในอากาศกลนั่ ตัวเปน็ หยดนำ้ เกาะอยรู่ อบๆแก้ว ข. มหี ยดน้ำขนาดเลก็ และขนาดใหญเ่ กาะอยู่ ค. หยดนำ้ ทเ่ี กดิ เปน็ กระบวนการเดยี วกับการเกดิ น้ำค้าง ง. แก้วนำ้ รว่ั เปน็ เหตุให้น้ำซมึ ออกมาทีผ่ ิวนอก ขอ้ 3. บคุ คลใดใช้เทคโนโลยไี ด้อยา่ งเหมาะสม ก. นาย ก โทรศพั ท์ 3G เพอ่ื โทรหาลูกและ รับสายลูกเท่าน้ัน ข. นาย ข ส่งจดหมายลกู โซ่ผา่ นอนิ เตอร์เนต็ ค. นาย ค ปรบั เปลย่ี นท่อไอเสียรถยนตเ์ พือ่ ใหเ้ สียงดัง ง. นาย ง ใชห้ ลกั เทคโนโลยชี ีวภาพมาปรับปรุงพนั ธ์พืช ข้อ 4. อปุ กรณ์ต่อไปนี้ ขอ้ ใดเป็นอุปกรณส์ ำหรบั หาปรมิ าตรของสาร ก. ไพเพท ข. กระบอกตวง ค. เครอื่ งชัง่ สองแขน ง. ถูกทกุ ขอ้ ข้อ 5. เครอ่ื งปอกเปลือกมะพรา้ ว เปน็ โครงงานประเภทใด ก. โครงงานประเภทสิ่งประดษิ ฐ์ ข. โครงงานประเภททดลอง ค. โครงงานประเภทสำรวจ ง. โครงงานประเภททฤษฎี 1

อำนวยกำรสอนโดย อ.ณัฐริกำ รอดสถิตย์ ขอ้ 6. นาย มี “สังเกตทอ้ งฟา้ ในเวลาบ่ายวันหนึ่ง” นายมี จะกำหนดปญั หาจากการสังเกตเหตกุ ารณ์ ดังกลา่ วว่า อย่างไร เราจะกำหนดปญั หาจากการสังเกตเหตุการณ์ดงั กลา่ วว่าอย่างไร ก. อากาศวันนร้ี อ้ นอบอ้าวมาก ฝนน่าจะตกในตอนเย็น ข. บ่ายวันนอ้ี ากาศค่อนขา้ งเยน็ น่าจะเกิด จากฝนตกลงเม่ือเช้ามืด ค. ทำไมท้องฟา้ จงึ แจม่ ใส มลี มแรงและมีเมฆกระจายอยูท่ ัว่ ไป ง. ทำไมบา่ ยนอี้ ากาศรอ้ นอบอ้าวมาก เมฆ คงคายความร้อนแฝงออกมา ขอ้ 7. ถา้ ต้องการทำโครงงานวทิ ยาศาสตรเ์ รื่องการเลือกพันธย์ุ างพาราท่เี หมาะสมกบั ทอ้ งถิน่ ควรคำนงึ ถงึ สิ่งใด เปน็ อันดบั แรก ก. ชว่ งเวลาในการดำเนนิ การ ข. ปุ๋ยและพน้ื ท่ีในการปลูก ค. ชนิดของพันธท์ุ น่ี ำมาใช้ ง. เทคนิคและวิธีการปลกู ขอ้ 8. นายดำ กรดี ยางมะละกอจากผลใส่ในหมอ้ ต้มเนอ้ื ปรากฏวา่ เน้ือนุ่มอยา่ งรวดเร็ว นายดำสงสัยว่าถ้าใชย้ าง มะละกอจากส่วนอ่ืน ๆ ของ ตน้ มะละกอ จะมผี ลเหมอื นกันหรอื ไม่ อย่างไรเขาควรตงั้ สมมตฐิ านว่าอย่างไร ก. ผลมะละกอให้ยางมากกว่าส่วนอน่ื ๆ ข. สว่ นต่าง ๆ ของมะละกอใหย้ างไม่เทา่ กนั ค. ยางมะละกอทำใหเ้ นื้อนุม่ มากกว่า ง. ยางจากสว่ นต่าง ๆของตน้ มะละกอทำให้ เนอ้ื นมุ่ ข้อ 9. หน้าท่ขี องผนังเซลลค์ ืออะไร ก. ควบคมุ ปรมิ าณออกซเิ จนท่ีเซลลต์ อ้ งการ ข. ควบคมุ การเปลยี่ นแปลงรปู รา่ งของเซลล์ ค. ควบคุมตำแหน่งของนิวเคลยี สในเซลล์ ง. ควบคุมปริมาณการเขา้ -ออกของสาร ขอ้ 10. สารจำพวกเซลลูโลสเปน็ ส่วนประกอบ สำคญั ของโครงสรา้ งใดของเซลล์ ก. ผนังเซลล์ ข. นิวเคลียส ค. เยือ้ หมุ้ เซลล์ ง. ไซโทพลาสซึม 2

อำนวยกำรสอนโดย อ.ณฐั ริกำ รอดสถิตย์ ขอ้ 11. โครงสร้างของเซลล์ทีท่ ำหน้าทเ่ี ปรียบได้กับสมองของเซลลไ์ ด้แก่ขอ้ ใด ก. นวิ เคลียส ข. ไรโบโซม ค. คลอโรพลาสต์ ง. เซนทริโอล เพิม่ เติมควำมรู้เรื่องเซลล์ ข้อ 12. การแบง่ เซลล์แบบไมโทซสิ แตกต่างจากไมโอซิสอย่างไร ก. ไมโทซิสใชเ้ วลานานกวา่ ไมโอซสิ ข. ไมโทซสิ เป็นการสรา้ งเซลล์สบื พันธไุ์ มโอซสิ สรา้ งเซลลร์ ่างกาย ค. ไมโทซิสได้เซลลใ์ หม่ 4 เซลล์ ไมโอซิสไดเ้ ซลลใ์ หม่ 2 เซลล์ จ. ไมโทซิสไม่มกี ารไซแนปซิส ไคแอสมา และครอสซิงโอเวอร์ แตไ่ มโอซิสมี ขอ้ 13. เซลลไ์ ข่ท่ไี ดร้ บั การปฏิสนธิแล้ว หรอื ท่ี เรยี กว่าไซโกต (zygote) เจริญเตบิ โตไปเปน็ ตัวอ่อน หรือ เอมบริ โอ (embryo) ตอ้ ง อาศัยการแบง่ เซลล์ในขอ้ ใด ก. ไมโทซสิ หลาย ๆ ครง้ั ข. ไมโอซสิ หลาย ๆ คร้งั ค. ไมโทซสิ สลบั กับไมโอซสิ ง. แบ่งแบบไมโอซสิ เพยี งอยา่ งเดียว ข้อ 14. ถ้าเซลลข์ องสง่ิ มีชีวิตชนดิ หนง่ึ มีจำนวน โครโมโซม 8 คู่ เมื่อมกี ารแบง่ เซลล์แบบไมโอซิสสน้ิ สุดลง เซลล์ ใหม่ ท่ีไดจ้ ะมี จำนวน โครโมโซมเท่าใด ก. 2 โครโมโซม ข. 4 โครโมโซม ค. 8 โครโมโซม ง. 16 โครโมโซม 3

อำนวยกำรสอนโดย อ.ณัฐริกำ รอดสถิตย์ ขอ้ 15. ข้อใดไม่เปน็ ลกั ษณะทถ่ี ่ายทอดทางพนั ธกุ รรม ก. ถนดั มอื ขวา ข. ลกั ย้ิม ค. แผลเปน็ ง. ตาสองชั้น ขอ้ 16. การแตง่ งานระหว่างญาตพิ น่ี ้อง ใกล้ชิดกนั มักมลี ูกทผ่ี ดิ ปกติ เพราะเหตใุ ด ก. ยนี ด้อยมีโอกาสเข้าคกู่ ันมากข้ึน ข. ยนี มิวเทชนั มีโอกาสเกดิ มากขน้ึ ใน ระหว่างพนี่ ้อง ค. ยีนท่เี ปน็ อันตราย มีโอกาสแสดงออก รุนแรงมากขึ้นในกลุม่ พน่ี อ้ ง ง. ลำดบั เบสของ DNA มีการแปล่ียนแปลงเหมือนกันระหวา่ งพ่นี อ้ ง ข้อ 17. เพราะเหตใุ ดโรคตาบอดสีจึงเกดิ กับเพศชาย ไดม้ ากกวา่ เพศหญงิ ก. เพศชายจะเป็นโรคที่เกยี่ วกบั นยั น์ตา ข. เพศชายมโี ครโมโซมเพศคอื Y อยูแ่ ท่งเดยี ว เมือ่ มยี ีนตาบอดสอี ย่จู งึ เกิดโรคได้ง่าย ค. เพศหญิงมีโครโมโซมเพศ 2 แทง่ ถ้ามยี นี ตาบอดสเี พียงแทง่ เดยี วจะไม่เป็นโรคนี้ ง. เพศหญิงมีภมู ิคมุ้ กนั โรคนม้ี ากกวา่ เพศ ชาย เพราะมารดาเปน็ ผู้ถา่ ยทอดมาให้ เพม่ิ เติมควำมรู้พนั ธุกรรม 4

อำนวยกำรสอนโดย อ.ณฐั ริกำ รอดสถิตย์ ข้อ 18. ลกั ษณะใดในมนุษย์ที่สิ่งแวดล้อมมอี ทิ ธพิ ล มากกวา่ ลักษณะทางพนั ธุกรรม ก. โรคเบาหวาน ข. ตาบอดสี ค. นัดซา้ ยหรอื ถนัดขวา ง. หม่เู ลอื ด ข้อ 19.ขอ้ ใดเป็นเทคโนโลยีชีวภาพสมยั ใหม่ ก. การตัดต่อยนี ข. การผลติ ปยุ๋ หมกั ค. การเพาะเลยี้ งเนอื้ เยื่อพืช ง. การใชส้ ง่ิ มชี ีวิตในการควบคมุ กำจัดศัตรพู ชื ข้อ 20. ขอ้ ความใดกล่าวถงึ ปะโยชนท์ ่ีได้รบั จากการ นำความรทู้ างด้านพนั ธุวิศวกรรมมาใช้กับพชื ได้ถกู ตอ้ ง ก. ผลผลติ ท่ีไดร้ ับสามารถเก็บรกั ษาได้นาน ข. ช่วยลดการใช้สารเคมี ประหยดั ตน้ ทุน ค. ทำให้ไดล้ กู ผสมที่ได้จากการผสมพันธ์ภุ ายในสายพันธ์เุ ดียวกนั ง. ถูกทั้งขอ้ ก และ ข ขอ้ 21. ข้อใดไม่ใช่ผลของการใชเ้ ทคโนโลยชี วี ภาพ ก.สุรา ข. เต้าเจยี้ ว ค. หมูแดดเดยี ว ง. ปลารา้ ขอ้ 22. เทคโนโลยีท่ีเหมาะสมในการแก้ปัญหาขยะในเมืองคอื ขอ้ ใด ก. การขุดหลุมฝงั กลบ ข. การนำกลบั มาใช้ประโยชนใ์ หม่ ค. การเผาขยะท่ีสามารถเผาได้ ง. การนำไปทงิ้ ในพ้ืนทรี่ กรา้ งวา่ งเปล่า ขอ้ 23. คำกลา่ วใดกลา่ วถงึ เทคโนโลยีชวี ภาพไมถ่ ูกต้อง ก. เทคโนโลยชี วี ภาพมคี วามเจริญควบคมู่ า กบั ววิ ัฒนาการของมนษุ ย์ ข. การเพ่มิ ผลผลติ ทางการเกษตรเป็นการนำเทคโนโลยมี าใช้ ค. ความร้ทู างวิทยาศาสตรโ์ ดยเฉพาะกระบวนการทางชวี วทิ ยาถกู นำมา ประยกุ ตใ์ ช้ ง. เปน็ การใชค้ วามร้เู กีย่ วกบั ส่งิ มีชีวิตทำให้ เกิดการเปลีย่ นแปลงหรือมคี ุณสมบัติ เปล่ียนไปเทา่ นนั้ 5

อำนวยกำรสอนโดย อ.ณฐั ริกำ รอดสถิตย์ ขอ้ 24. สภาพแวดล้อมทางกายภาพใดท่ีมีอทิ ธพิ ล โดยตรงต่อการย้ายถิ่นฐานของนกปากหา่ งหรอื การออกหากินใน เวลากลางคนื ของสตั วท์ ะเลทราย ก. ดนิ ข. แสงสว่าง ค. อุณหภูมิ ง. น้ำและความชน้ื ขอ้ 25. ทรพั ยากรธรรมชาติประเภทสิน้ เปลอื งคอื ขอ้ ใด ก. พลังงานจากดวงอาทิตย์ ดิน นำ้ ข. อากาศ น้ำ ป่าไม้ ค. แรธ่ าตุ นำ้ มนั กา๊ ชธรรมชาติ ง. น้ำมนั แรธ่ าตุ อากาศ 6

อำนวยกำรสอนโดย อ.ณฐั ริกำ รอดสถิตย์ เตรยี มความพร้อมวิชาวิทยาศาสตร์ ระดับชัน้ มธั ยมศึกษาตอนปลาย ข้อ 1. ข้อใดกล่าวถกู ตอ้ งเกี่ยวกบั การใช้อุปกรณใ์ นการประกอบอาชพี ชา่ งไฟฟ้า ก.ไขควงใช้เช็คไฟฟ้า ข.โอห์มมเิ ตอร์ใชว้ ัดกระแสไฟฟ้า ค.เบรกเกอร์คอื ตวั หยดุ วงจรไฟฟา้ ได้โดยอัตโนมตั ิ ง.ถูกทุกข้อ ข้อ 2. ข้อใดกลา่ วถึงชา่ งไฟฟา้ ทีส่ ามารถปฏิบัติ หน้าทไ่ี ด้อยา่ งถกู ต้องและปลอดภยั ท่สี ดุ ก.ช่างดาม ตอ่ สายไฟภายในบ้านโดยไม่ปลดสะพานไฟลง ข.ชา่ งเดอื นเสียบปล๊ักไฟฟ้าขณะตัวเปียก ค.ชา่ งโด่ง ใชไ้ ขควงเช็คไฟท่ไี ม่มฉี นวนหมุ้ ง.ชา่ งเดช ปลดสะพานไฟกอ่ นตดิ ตงั้ ไฟฟา้ ทุกครั้ง ขอ้ 3. กระแสไฟฟ้าทีน่ ิยมใชใ้ นบา้ นเรอื นมขี นาดกี่โวลต์ ก. 20 โวลต์ ข. 120 โวลต์ ค. 200โวลต์ ง. 220 โวลต์ ข้อ 4. ปัจจัยใดไม่มีผลตอ่ อัตราการเกดิ ปฏกิ ิริยา ก. อุณหภมู ิ ข. ความเขม้ ขน้ ของสารผลติ ภัณฑ์ ค. พนื้ ทผี่ ิว ง. ธรรมชาติของสาร ขอ้ 5. สารใดเมื่อละลายในนำ้ ฝนจะทำให้เกดิ ฝนกรด ก. HNO2 ข. H3SO4 ค. HNO3 ง. ถูกทกุ ขอ้ ข้อ 6. กิจกรรมใดต่อไปน้ีเกี่ยวกับการประยกุ ต์ใช้ ความรู้ในเรอ่ื งอตั ราการเกดิ ปฏิกิรยิ าเคมี ก. โซเดยี มทำปฏิกริ ิยากบั นำ้ ไดง้ า่ ยจงึ ต้อง เก็บในน้ำมนั พาราฟนิ ข. การเก็บอาหารไวใ้ นตู้เยน็ ค. การตม้ เน้อื ให้ยุ่ยโดยใช้หมอ้ อดั ความดนั ง. การทำปฏิกิริยาระหว่างสาร 2 ชนดิ โดย ทำการคนตลอดเวลา 1

อำนวยกำรสอนโดย อ.ณฐั ริกำ รอดสถิตย์ ควำมรู้เบอื ้ งต้น สำรชีวโมเลกลุ ข้อ 7. โปรตนี เป็นสารอินทรที ีใ่ ห้สารท่รี ่างกาย นำไปใช้สร้างโปรตนี ในเซลล์และเนอื้ เยือ่ ต่าง สารนน้ั เรยี กวา่ อะไร ก. กรดอะมโิ น ข. กลเี ซอรอล ค. กลูโคส ง. ไกลโคเจน ข้อ 8. ข้อใดไมใ่ ช่หนา้ ที่ของคาร์โบไฮเดรต ก. กระต้นุ การทำงานของลำไสใ้ หญ่ ข. มีสว่ นร่วมในการสังเคราะหโ์ ปรตีน ค. รักษาสภาวะน้ำตาลในเลอื ดให้คงท่ี ง. ช่วยประหยดั การใช้โปรตีนในรา่ งกาย ข้อ 9. ไขมันเกดิ จากการรวมตัวทางเคมีของอะไร ก. กรดไขมนั 1 โมเลกุล ข. กรเี ซอรอล 2 โมเลกลุ ค. กรดไขมนั 3 โมเลกลุ และกลีเซอรอล 1 โมเลกลุ ง. กรดไขมนั 4 โมเลกุล และกลีเซอรอล 2 โมเลกุล ข้อ 10. ในการกลัน่ ลำดบั ส่วนของนำ้ มันปโิ ตรเลียมส่วนตา่ งๆทีอ่ อกมาจะมีจดุ เดือดเรียงลำดบั จากนอ้ ยไปหามาก ตามขอ้ ใด สตู รจำ ก. นำ้ มนั ดเี ซล นำ้ มนั กา๊ ซ เบนซนิ แก๊สหุงต้ม ข. แกส๊ หุงตม้ เบนซิน น้ำมันดีเซล น้ำมนั ก๊าด ค. แก๊สหุงตม้ นำ้ มันกา๊ ซ น้ำมันดีเซล น้ำมนั เบนซิน ง. แก๊สหุงต้ม นำ้ มันก๊าซ นำ้ มันดีเซล 2

อำนวยกำรสอนโดย อ.ณัฐริกำ รอดสถิตย์ ข้อ 11.ข้อใดคือประโยชนจ์ ากแก๊สปิโตเลยี ม ก. เป็นน้ำมนั เบนซนิ ข. ทำเครือ่ งสำอาง ค. เป็นเช้อื เพลิง ง. ทำยางมะตอย ข้อ 12. สมบัตใิ ดแสดงถงึ พอลเิ มอร์แบบตาข่าย ก. ยืดหยนุ่ โคง้ งอได้ดี ข. ออ่ นตวั เมอ่ื ได้รบั ความร้อน ค. เปลีย่ นแปลงรูปร่างกลบั ไปมาไดด้ ้วย ความรอ้ น ง. แขง็ แรง ทนความร้อนไดด้ ี ข้อ 13. ปจั จุบนั ขวดยา ขวดนำ้ เกลือ ขวดน้ำกลั่น และหลอดฉีดยาลว้ นทำดว้ ยพลาสติก เพราะเหตุใดจึงมีการผลติ มากทส่ี ุด ก. นำ้ หนกั เบา ราคาถกู ข. ทนต่อสารเคมี ค. ไม่มีรอยขีดขว่ นได้งา่ ย ง. มคี วามอ่อนนมุ่ โคง้ งอได้ดี ข้อ 14.สารชนดิ ใดท่ีทำหนา้ ทีเ่ ปน็ ตัวกลางในการนำ วติ ามนิ เอ เขา้ สรู่ ่างกาย ก.นำ้ ข.กรดไขมนั ค.กลูโคส ง.กรดอะมิโน ขอ้ 15. สารประเภทใดมพี ันธะเพบไทดใ์ นโมเลกุล ก.น้ำตาลทราย ข.ผงชรู ส ค.น้ำมนั งา ง.นมถัว่ เหลือง ข้อ 16.ขอ้ ความใดต่อไปน้ีไม่เปน็ ความจริง ก. การไม่บรโิ ภคไขมนั เลย อาจจะทำให้ ขาดวติ ามินเอได้ ข. การบริโภคโปรตีนในปริมาณสงู ทำใหไ้ ม่ เปน็ โรคขาดสารอาหาร ค. การบรโิ ภคแป้งและนำ้ ตาลเป็นหลักอาจทำให้เปน็ โรคขาดสสารอาหารได้ ง. การเอาถั่วผสมงาจะไดโ้ ปรตนี ท่ีมค่ี ุณภาพดีข้ึน แต่ราคาจะแพงกว่าโปรตนี จาก เน้อื สัตว์ ขอ้ 17. ถา้ เราโยนวตั ถุออกไปทางหน้าตา่ งโดยไมค่ ดิ แรงต้านทานของอากาศปรมิ าณใดทีว่ ัตถุยัง ลอยอยู่ในอากาศ ก.ความเร็วในแนวด่ิง ความเร่งในแนวระดบั ข.ความเร็วในแนวดงิ่ ความเรง่ ในแนวด่งิ ค.ความเร่งในแนวดง่ิ ความเรว็ ในแนวระดบั ง.ความเรง่ ในแนวระดบั ความเร็วในแนว ระดับ 3

อำนวยกำรสอนโดย อ.ณัฐริกำ รอดสถิตย์ ข้อ 18. ขอ้ ความใดกล่าวถึงการเคลอ่ื นทีใ่ นแนวตรงได้ถูกต้อง ก. การยา้ ยตำแหน่งวัตถตุ ามแนวระดับ ข. การเคลอื่ นท่ีของวตั ถโุ ดยไมค่ ำนึงถงึ ทิศทาง ค. วัตถุเคลอ่ื นทีโ่ ดยพิจารณาทิศทางและขนาดของการเคลอื่ นท่ี ง. การทวี่ ัตถเุ ล่ือนจากตำแหนง่ เดิมไปยงั ตำแหน่งใหมท่ ที ศิ ทางตรง ขอ้ 19. การเคล่อื นที่ใด ไมใ่ ช่ การเคลอ่ื นท่แี บบฮาร์มอนกิ ก. การแกว่งของชงิ ชา้ ข. การการแกวง่ ลูกต้มุ นาฬกิ า ค. การเคลือ่ นท่ขี องรถตามรางเลน่ ง. การแกว่งของมวลผกู ปลายสปริง ข้อ 20. วชิ ุดาออกเดนิ ทางจากบา้ นไปทางดา้ นทิศ ตะวันออก 15 กโิ ลเมตร แลว้ เดนิ ทางไปทาง ทิศตะวนั ตกอกี 20 กิโลเมตร การกระจดั ตลอดการเคลอ่ื นไหว มคี ่าเทา่ ใด ก. 15 เมตร ข. 20 เมตร ค. 25 เมตร ง. 30 เมตร คำนวณเบำๆ ข้อ 21. อุปกรณ์ใดตอ่ ไปน้ี ไมไ่ ด้ ใช้ความรปู้ ระยกุ ต์ การเคลือ่ นที่ของอนภุ าคในสนามไฟฟา้ ก. เคร่อื งกำจดั ฝุน่ ในอากาศ ข. เคร่อื งพ่นสี ค. เครอื่ งถ่ายเอกสาร ง. มอเตอรไ์ ฟฟ้ากระแสตรง 4

อำนวยกำรสอนโดย อ.ณฐั ริกำ รอดสถิตย์ ขอ้ 22. ถา้ มนษุ ย์ออกไปนอกยานอวกาศโดยไมส่ วมชดุ อวกาศ นกั ศกึ ษาคดิ วา่ ขอ้ สรุปใดน่าจะ เป็นไปได้มากท่ีสุด ก. สามารถลอยในอวกาศได้อยา่ งอสิ ระ ข. เสน้ เลือดแตก เนอ่ื งจากความดันใน ร่างกายสูงกว่าภายนอก ค. ตอ้ งออกแรงกระโดดมากจงึ จะสามารถกระโดดไปมาได้ ง. เสน้ เลือดจะตบี ตนั เนือ่ งจากความดัน ภายนอกสูงกวา่ ภายในรา่ งกาย ขอ้ 23. โครงการใดที่มจี ุดประสงคเ์ พ่อื ศึกษาการใช้ ชวี ิตของมนุษย์ในห้วงอวกาศในระยะยาว ก. สกายแล็บ ข. อะพอลโล – ซัลยดุ ค. สถานอี วกาศนานาชาติ ง. สถานอี วกาศเมียร์ ขอ้ 24. ขอ้ ใด ไม่ใช่ หนา้ ที่ของดาวเทียมอุตุนิยมวทิ ยา ก. ตรวจวัดระดับของเมฆ ข. ตรวจการแผ่รงั สขี องดวงอาทติ ย์ ค. ตรวจหาปรมิ าณสารพษิ ในอากาศ ง. ตดิ ตามการกอ่ ตัวและการเคล่อื นตัวของ พายุ ขอ้ 25. เทคโนโลยที ใ่ี ชใ้ นการศึกษาปรากฏการณ์ตา่ งๆ คอื ข้อใด ก. ยานอวกาศ ข. ดาวเทยี มสำรวจทรพั ยากรธรรมชาติ ค. สถานีอวกาศนานาชาติ ง. กรมอตุ นุ ยิ มวทิ ยา 5


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook