51 3) ควรมีระบบดดู อากาศท่เี พียงพอ 4) ควรอยเู่ หนือลมขณะเช่ือม 5) ควรทราบสารพิษ อันตรายและวิธีแกไ้ ขอนั ตรายที่เกิดจากสารพิษ ของโลหะงานทจี่ ะเชื่อม หลกั การเชอ่ื มไฟฟ้าด้วยลวดเชอื่ มหมุ้ ฟลักซ์ ลวดเชอ่ื มหุ้มฟลักซ์ ลวดเช่อื มหมุ้ ฟลักซ์ เป็นลวดเช่ือมไฟฟูาซึ่งจะทาหน้าท่เี ป็นอารค์ กับโลหะชิ้นงาน ทาให้เกิดความร้อน สงู จนกระทง่ั โลหะงานหลอมละลาย ในขณะเดยี วกนั ลวดเชื่อม ไฟฟาู กจ็ ะหลอมละลายแลว้ จะเติมบนโลหะ ช้ินงาน เมื่อเยน็ ตวั ลงจะกลายเป็นแนวเชอื่ ม ลวดเช่อื มไฟฟูามี 2 ชนดิ คอื ลวดเชือ่ มเปลอื ย ซ่งึ เป็นแกนเหลก็ ไม่ มสี ารพอกหมุ้ และลวดเช่ือมหมุ้ ฟลักซ์ หน้าท่ขี องสารพอกหมุ้ (Flux) 1. เมอื่ เผาไหมจ้ ะกลายเปน็ ไอปกคลุมแนวเชือ่ ม 2. ทาให้การเร่ิมต้นอารค์ ง่ายข้นึ และมีการอารค์ สม่าเสมอ 3. มสี ่วนผสมของผงเหล็กทาให้อัตราการเติมน้าโลหะสงู 4. เตมิ ธาตุต่างๆ ทที่ าให้แนวเช่ือมมีคุณสมบตั ิดี 5. ชว่ ยให้แนวเชื่อมเย็นตวั อย่างช้าๆ 6. ควบคมุ รปู รา่ งของแนวเชื่อม 7. ชว่ ยขจดั สารมลทนิ (Impurities) ในแนวเชอ่ื ม สญั ลักษณ์มาตรฐานของลวดเชอื่ มหมุ้ ฟลกั ซ์ ในวงการอุตสาหกรรมของแต่ละประเทศจะผลติ ลวดเชอื่ มหุ้มฟลกั ซ์ในลกั ษณะแตกต่างกันตาม มาตรฐานของตนเอง หากเป็นมาตรฐานสากลจะมสี ญั ลักษณ์ ISO (International Organization Standard) สาหรบั ประเทศสหรฐั อเมริกาซึง่ ผลิตลวดเชอื่ มหุ้มฟลักซม์ าตรฐานท่ีนยิ มใชท้ วั่ โลก ใชส้ ัญลักษณ์ AWS (American Welding Society) สว่ นประเทศไทยใชส้ ัญลักษณ์ มอก. มาจากคาว่า มาตรฐานผลิตภัณฑ์ อตุ สาหกรรมไทย หรอื TIS (Thailand Industries Standard) การเลือกลวดเช่ือม 1. สว่ นผสมทางเคมขี องโลหะงาน 2. ความแขง็ แรงของโลหะงาน 3. ทา่ เช่อื ม 4. กระแสไฟเชื่อม แผนกวชิ าเทคนคิ พื้นฐาน
52 5. การออกแบบรอยต่อและการประกอบ 6. รูปรา่ งความหนาของโลหะงาน 7. การใช้งานและข้อกาหนด 8. ประสิทธิภาพในการผลิตและสภาพของงาน องค์ประกอบสาคัญของการเชื่อมไฟฟูาดว้ ยลวดเช่ือมหมุ้ ฟลักซ์ 1. การเลือกลวดเชือ่ มเหมาะสมกับโลหะ (Correct Electrode) 2. ระยะอารค์ พอเหมาะ (Correct ARC Length) 3. กระแสไฟในการเชือ่ มเหมาะสม (Correct Current) 4. ความเรว็ ในการเช่อื มพอเหมาะ (Correct Travel Speed) 5. มุมของลวดเชื่อมถกู ต้อง (Correct Angel of Electrode) เทคนคิ และวธิ กี ารเชอ่ื มไฟฟาู ดว้ ยลวดเช่อื มหุ้มฟลักซ์เบ้อื งตน้ การเรม่ิ ต้นอารค์ ของชา่ งเชอ่ื มฝึกหดั ใหม่ เคร่อื งมอื และอุปกรณ์ในการฝึก ได้แก่ เครื่องเชอ่ื มไฟฟูากระแสสลบั หรือกระแสตรง หน้ากากเชอื่ ม คอ้ นเคาะสแลก แปรงลวด คีมจบั งานรอ้ น ถุงมือหนัง เส้ือหนงั ค้อน เหลก็ ขีด ฟุตเหล็ก เหลก็ นาศูนย์ ฯลฯ วสั ดทุ ใี่ ช้ฝกึ ได้แก่ เหลก็ เหนียว St. 37 ขนาด 6x75x200 มม. ลวดเช่อื มไฟฟาู ขนาดเสน้ ผา่ น ศูนย์กลาง 3.2 มม. ขัน้ ตอนการปฏิบตั ิการฝึกปฏิบัติ 1. ตัดชิ้นงานตามขนาด 6x75x200 มม. จานวน 1 ชิน้ 2. ทาความสะอาดสิ่งสกปรก เชน่ คราบนา้ มัน สี เปน็ ต้น และตะไบลบครีบคมจากการตัดเหล็กออก 3. ตีเสน้ ท่ีชิ้นงานตามแบบฝกึ โดยใชเ้ หล็กขีด 4. ใช้เหลก็ นาศนู ยต์ อกทาเครอ่ื งหมายเปน็ ระยะๆ ตามเส้นทข่ี ดี ไว้ 5. เรมิ่ ต้นอารค์ จนเกิดเปน็ จุดน้าเหล็กตามเครอื่ งหมายท่ีตอกไวจ้ นครบ 6. เคาะสแลก (Slag) ออก โดยใชค้ ้อนและสแลกเพ่ือดรู อยเชือ่ มจุดวา่ สมบรู ณห์ รือไม่ (รอยเช่ือมจดุ ท่ี สมบรู ณ์จะเป็นตุ่มกลมบางๆ บนผิวเหล็กมีเมด็ โลหะเลก็ ๆ กระเดน็ อยู่รอบๆ เลก็ น้อย) การเชอ่ื มเปน็ ช่วงสนั้ ๆ (Tacking) เครือ่ งมอื และอุปกรณ์ ไดแ้ ก่ เคร่ืองเชอื่ มไฟฟาู กระแสสลบั หรอื กระแสตรง หน้ากากเชื่อม ค้อน เคาะสแลก แปรงลวด คีมจบั งานรอ้ น ถงุ มือหนัง เส้ือหนัง ค้อน เหล็กขีด ฟตุ เหล็ก เหลก็ นาศนู ย์ แผนกวชิ าเทคนคิ พื้นฐาน
53 วัสดทุ ใี่ ช้ฝกึ เชื่อม 1. เหลก็ เหนียว St. 37 ขนาด 6x75x200 มม. จานวน 1 ชน้ิ 2. ลวดเช่ือมไฟฟาู ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 3.2 มม. ขน้ั ตอนการฝกึ ปฏบิ ตั กิ ารเช่ือมเป็นแนวสนั้ ๆ 1. ตัดเหลก็ ขนาด 6x75x200 มม. จานวน 1 ชิ้น 2. ตะไบครบี คมจากการตัดเหลก็ ออกและทาความสะอาดผวิ หนา้ ชิ้นงานใหป้ ราศจากสิง่ สกปรก เชน่ นา้ มันหรือสี เป็นตน้ 3. ตีเส้นทผี่ ิวชนิ้ งานเปน็ เสน้ โดยเหล็กขดี 4. ใช้เหล็กนาศนู ย์ตอกเปน็ จุดตามเส้นเปน็ ช่วงสนั้ ๆ 5. เรม่ิ ตน้ เช่อื มโดยใช้มุมลวด ซง่ึ ยกขึ้นจากแนวระนาบประมาณ 65 องศา เดินช้าๆ เป็นแนวสั้นๆ ประมาณ 30 มม. แล้วจึงยกปลายลวดออก 6. ใชค้ อ้ นเคาะสแลก และแปรงลวดปดั รอยเชื่อมเพื่อใหเ้ ห็นรอยได้ชดั เจน เทคนคิ การเชื่อม Tracking นี้ จาเปน็ ต้องควบคุมกระแสไฟเช่อื ม การตัง้ มุมเชือ่ มระหว่างลวดเชอื่ มกบั ผิวหนา้ ชิ้นงาน และ ความเรว็ ในการเดนิ แนวอย่างสม่าเสมอ กล่าวคือ ถา้ เดินลวดเชอ่ื มเร็วเกนิ ไปแนวเชอ่ื มที่ปรากฏจะแคบเลก็ แต่ ถ้าแช่ปลายลวดเชอ่ื มนานเกินไปแนวเชือ่ มกจ็ ะกว้างมาก แนวเชอื่ มท่ีเหมาะสมคือ มีความกวา้ งประมาณ 3 เทา่ ของเส้นผา่ นศูนย์กลางลวด การเชอ่ื มเดินแนวสา่ ยลวดเช่ือมทา่ ราบ องคป์ ระกอบท่ีจะทาให้แนวเช่ือมสมบรู ณ์ได้น้นั ประกอบดว้ ย 1. กระแสไฟเชื่อม (Arc Current) 2. ระยะหา่ งระหว่างปลายลวดเช่ือมกับผวิ หน้างาน (Arc Length) 3. มุมทีใ่ ชใ้ นการเชื่อม (Angle of Weld) 4. ความเร็วในการเดินลวดเชอ่ื ม (Speed of Weld) เครอื่ งมอื และอุปกรณ์ ไดแ้ ก่ เครอื่ งเชื่อมกระแสสลบั หรือกระแสตรง หน้ากากเชื่อม คอ้ นเคาะสแลก แปรงลวด คมี จบั งานร้อน ถงุ มือหนัง เสอื้ หนัง ค้อน เหล็กขีด ฟุตเหลก็ และเหล็กนาศูนย์ วัสดุที่ใช้ฝึกเชอื่ ม 1. เหล็กเหนียว St. 37 ขนาด 6x75x200 มม. จานวน 1 ชน้ิ 2. ลวดเชอ่ื มไฟฟูา ขนาดเส้นผ่านศนู ยก์ ลาง 3.2 มม. ขน้ั ตอนการฝึกปฏิบัติการเชื่อมเดินแนวสา่ ยลวดทา่ ราบ 1. ตัดเหล็กขนาด 6x75x200 มม. จานวน 1 ชน้ิ 2. ตะไบครบี คมจากการตดั เหล็กออกและทาความสะอาดชน้ิ งานดว้ ยแปรงลวด แผนกวิชาเทคนิคพน้ื ฐาน
54 3. ตีเสน้ บนผิวชิ้นงานดว้ ยเหล็กขีด 4. ใชเ้ หลก็ นาศนู ย์ตอกไปตามเส้นท่ตี ไี วเ้ ป็นเส้นตรง 5. เรม่ิ เดินแนวจากหัวช้ินงาน โดยยกปลายลวดใหส้ ูงกว่าปกตเิ ลก็ น้อย เพื่อเป็น การอุน่ ลวดและงาน เดินลวดเช่อื มแบบสา่ ยเป็นวงกลมหรือวงเลบ็ ซอ้ นกัน จนกระทั่งสุดปลายชนิ้ งาน 6. เมอ่ื เชื่อมจนใกล้สดุ ปลายช้นิ งาน ต้องยกลวดเชอ่ื มออกเคาะสแลกท่ีปลายชน้ิ งาน จากนั้นทาการอาร์คบรเิ วณแอ่งหรือบ่อหลอมละลายที่ความนนู เทา่ ๆ กันตลอดแนวเชอ่ื ม 7. เคาะสแลกด้วยคอ้ นเคาะสแลกและใช้แปรงลวดขัดดูแนวเชอื่ มเพ่ือปรับปรงุ ต่อไป การเช่ือมต่อชนท่าราบ เคร่ืองมือและอุปกรณ์ เครื่องเชื่อมไฟฟูากระแสสลบั หรือกระแสตรง หนา้ กากเชอ่ื ม ค้อนเคาะสแลก แปรงลวด คีมจบั งาน รอ้ น ถงุ มือหนัง เส้อื หนัง วสั ดุท่ีใช้ฝึกเชอ่ื ม 1. เหลก็ เหนยี ว St. 37 ขนาด 6x75x200 มม. จานวน 2 ชิ้น 2. ลวดเช่อื มไฟฟูาขนาดเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 3.2 มม. ขัน้ ตอนในการปฏบิ ัติงานเช่อื มต่อชนท่าราบ 1. ตดั เหลก็ ขนาด 6x75x200 มม. จานวน 2 ช้ิน 2. ตะไบลบครีบคมจากการตัดเหลก็ ออกใหห้ มด ทาความสะอาดรอยต่อและผวิ หนา้ งาน 3. เชอ่ื มเป็นจุดยึดทห่ี วั และทา้ ยของรอยต่อชิ้นงาน เพ่ือปูองกนั การหนีแนวจากความร้อนของการ เชอื่ ม 4. เร่มิ อารค์ เชอ่ื มเดนิ แนวสายลวดเชื่อมจนสุดปลายชน้ิ งาน กอ่ นสุดปลายแนวเลก็ น้อยใหห้ ยดุ การ เชือ่ ม เคาะสแลกท่ปี ลายแนวออกแล้วเช่ือมเติมให้ปลายแนวเชื่อมสมบรู ณ์ เพื่อปูองกันการกดั แหว่ง 5. เคาะสแลกออกใช้แปรงลวดขัดดูแนวเชอ่ื ม แผนกวิชาเทคนคิ พืน้ ฐาน
55 ใบความรู้ รายหน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 การเชือ่ มแก๊ส แก๊สกับการเชื่อมโลหะ คณุ สมบตั ิของแก๊สเชื้อเพลิง 1. จะต้องมีอุณหภูมิสูงเพยี งพอสาหรับการหลอมเหลวโลหะชิ้นงาน 2. มปี รมิ าณความรอ้ นมากเพียงพอในการใช้งาน 3. ไม่มสี ิง่ สกปรกจากเปลวไฟ หรือชักนาวสั ดอุ ย่างอื่นมารวมตัวกับเน้ือโลหะ ช้ินงาน 4. ผลท่ีเกดิ ขนึ้ จากการใช้ความรอ้ นในการเช่ือมโลหะต้องไม่เป็นอนั ตราย กบั ผู้เช่อื ม การเลือกใช้แก๊สในงานเช่อื ม ตอ้ งพจิ ารณาขนาดความหนาช้นิ งาน ชนดิ ของโลหะท่จี ะทาการเชื่อมที่ ตอ้ งการระดบั ความร้อนต่างกัน ซึง่ จะเป็นการช่วยประหยัด ตน้ ทนุ ในการผลติ แกส๊ ออกซิเจน แก๊สออกซเิ จน xy en ม ษณ์ทางเคมคี ือ O2 สมบัติของแก๊สออกซิเจน 1. ไม่มีสี ไม่มีกล่ิน ไม่มีรส ไม่เป็นพิษในสถานะแก๊ส 2. มสี ถานะเป็นแกส๊ ของเหลว และของแขง็ 3. มอี ยู่ในอากาศประมาณ 21% โดยปริมาตร 4. ไมเ่ ป็นแมเ่ หล็ก 5. มีสถานะเปน็ ของเหลวทีอ่ ุณหภมู ิ -183 องศาเซลเซียส และมีสถานะเปน็ ของแข็งที่อุณหภมู ิ - 283 องศาเซลเซียส การผลติ แกส๊ ออกซิเจน ในการผลิตออกซิเจนบรสิ ทุ ธิ์ สามารถทาไดโ้ ดยการแยกอากาศท่ีมีสว่ นผสมของปริมาณออกซิเจน (O2) ประมาณ 21% แก๊สไนโตรเจน (N2) 78% และคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) กับไฮโดรเจน (H2 และสว่ น ประสมอนื่ ๆ อกี 1% กระบวนการผลิตออกซเิ จนจากอากาศทาได้โดยจากการดดู อากาศมาเขา้ ถังแลว้ ทาความสะอาดดว้ ย กรดคารบ์ อนกิ และทาความสะอาดด้วยด่างอีกคร้งั จากนั้นจึงนาอากาศไปอดั ดว้ ยคอมเพรสเซอร์ Compressure พร้อมกับลดอณุ หภูมิใหต้ ่าลงด้วยเคร่อื งทาความเย็น และผา่ นไปเขา้ เครอ่ื งแยกแก๊สไนโตรเจน (N2) ในข้นั ตอนนี้อากาศจะถูกอัดดว้ ยความกดดนั สงู ภายใต้อณุ หภูมทิ ่ีเย็นจัด แก๊สแต่ละชนดิ จะควบแนน่ แยก ออกมา โดยออกซเิ จนจะควบแนน่ แยกตัวออกมาท่ีอุณหภมู ิ -183 องศาเซลเซียส และไนโตรเจนจะควบแน่น แยกตัวออกมาที่อณุ หภูมิ -193 องศาเซลเซยี ส แก๊สเหลวท้ังสองจะผา่ นไปที่ถังแยกเก็บแก๊ส เพื่อรอบรรจใุ ส่ ถงั แก๊สต่อไป แผนกวิชาเทคนิคพื้นฐาน
56 การผลติ ออกซเิ จนจากน้าสามารถทาไดโ้ ดยการใชก้ ระแสไฟตรงขว้ั บวก และขั้วลบจมุ่ ลงในอา่ งนา้ บริสุทธิ์ ผสมโซเดยี มคลอไรด์ กระแสไฟจะทาปฏิกิริยากบั น้าเปน็ ฟองอากาศ ท่ีขวั้ บวก Anode จะเป็นแกส๊ ออกซิเจน และท่ีขั้วลบ Cathode จะเป็นแก๊สไฮโดรเจน กรรมวิธีแยกแกส๊ ดว้ ยวิธีน้ไี ด้แก๊สไฮโดรเจนท่ขี ้ัวลบ แกส๊ อะเซทิลนี แก๊สอะเซทลิ นี (Acetylene Gas) มสี ญั ลักษณ์ทางเคมี คือ C2H2 สมบัตขิ องแกส๊ อะเซทลิ นี 1. ไมม่ สี ี 2. มีน้าหนักเบากว่าอากาศ 3. สามารถละลายไดใ้ นของเหลว 4. มกี ลิน่ ฉนุ รนุ แรง 5. ไม่สามารถควบคุมไดเ้ มอื่ มีความดันเกิน 2.1 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร ท่ีอณุ หภูมิ780 องศา เซลเซยี ส ถา้ สงู กว่านอี้ าจทาใหเ้ กดิ การจะระเบดิ ได้ 6. เปน็ สารประกอบไฮโดรคาร์บอน ประกอบด้วยคาร์บอน 92.3% และไฮโดรเจน 7.7% โดย น้าหนัก 7. ไมค่ วรให้ทองแดงที่มคี วามบริสุทธิ์มากกวา่ 67% สมั ผสั กบั แกส๊ อะเซทิลนี เพราะอาจเกิดการ ระเบิดได้ สว่ นประกอบของแกส๊ อะเซทิลนี แก๊สอะเซทลิ ีน ผลติ ได้จากการนาสารคาร์ไบด์มาทาปฏกิ ริ ยิ ากับน้า โดยสาร คารไ์ บด์หรือ แคลเซยี มคารไ์ บด์ (CaC2 ผลติ จากกระบวนการทางเคมรี ะหวา่ งแคลเซียม Calcium บั คารบ์ อน ดงั สมการ CaO + C CaC2 + CO-ความรอ้ น (ปนู ขาว) + (คารบ์ อน) (แคลเซียมคารไ์ บด)์ + (คารบ์ อนมอนนอกไซด)์ โดยปฏกิ ิรยิ าระหวา่ งปนู ขาว (CaO) กบั คารบ์ อน (C) จะเกิดขน้ึ ทอี่ ุณหภูมิสูงกวา่ 1,750 องศา เซลเซยี ส ในเตาไฟฟูาทปี่ ูนขาวหลอมละลาย คารบ์ อนจะทาปฏิกิรยิ าเคมีกับปูนขาว สขี องกอ้ นคารบ์ อนมักจะ เปน็ สนี ้าตาลเหลืองถงึ สดี า โดยแคลเซยี มคาร์ไบด์ 1 กโิ ลกรัม จะผลิตแกส๊ อะเซทิลนี เหลวได้ 300 - 310 ลติ ร ก้อนแคลเซียมคารไ์ บด์จะถูกบดแยกขนาดและบรรจุถังเหล็กทป่ี ดิ ฝาไวส้ นิท ห้ามเกบ็ ก้อนแคลเซียมคารไ์ บด์ รวมกนั เกินกวา่ 100 กโิ ลกรัม การผลติ แก๊สอะเซทิลนี 1. การผลติ อะเซทลิ นี เพ่ือบรรจุถงั สมการปฏกิ ริ ิยากาเนดิ แกส๊ อะเซทลิ นี CaC2 + 2H2O C2H2 + Ca (OH)2 + ความรอ้ น (แคลเซียมคารไ์ บด)์ (นา้ ) (อะเซทิลีน) + (ตะกอน) แผนกวิชาเทคนิคพ้ืนฐาน
57 2. การผลิตอะเซทลิ นี เพื่อใชง้ าน 2.1 การผลิตแบบความดันสงู หรอื แบบจ่มุ คารไ์ บดล์ งน้า 2.2 การผลิตแบบความกดดันต่า หรือแบบน้าหยดลงในแคลเซียมคาร์ไบด์ อุปกรณเ์ ครื่องมือและเครื่องจักรในงานเชื่อมแกส๊ วสั ดทุ ่ีใช้ในงานเชื่อมแก๊ส 1. วัสดุที่เป็นชิน้ งานเชื่อม (ชนิ้ งาน) 1.1 เหลก็ กลา้ คาร์บอนตา่ 1.2 เหล็กกลา้ คาร์บอนปานกลาง 1.3 เหลก็ กลา้ คาร์บอนสูง 1.4 เหล็กหล่อ 1.5 ทองเหลอื ง 1.6 อะลมู เิ นียม วสั ดงุ านเช่อื มทด่ี ีต้องมีคุณลกั ษณะ ดังน้ี 1) ง่ายในการเชื่อม 2) รอยต่อ มีคุณสมบตั ิทางกลดี 3) ค่าใชจ้ า่ ยในการเชื่อมต่า 2. วสั ดุทีใ่ ช้เติมแนวเชอื่ ม ซ่ึงกค็ ือลวดเชอื่ มแก๊ส (Fillter Rods) ในงานเชื่อมแก๊สท่ัวๆ ไป แบ่งลวดเชื่อมออกเป็น 5 ชนิด คอื 1) ลวดเชือ่ มเหลก็ เหนียว 2) ลวดเชอื่ มเหล็กหล่อ 3) ลวดเชื่อมทองเหลือง 4) ลวดเชอ่ื มเงนิ 5) ลวดเชอ่ื มอะลมู ิเนยี ม ลวดเชือ่ มแก๊สจะเป็นลวดเช่ือมเปลอื ย เคลือบผวิ ดว้ ยทองแดง เพือ่ ปูองกันการเกิดสนมิ และบางชนิดจะ หุ้มฟลักซเ์ พื่อใช้ในงานบัดกรีแขง็ เช่น ลวดเชื่อมทองเหลอื ง ลวดเช่อื มแกส๊ จะมคี วามยาวตัง้ แต่ 600-1000 มลิ ลิเมตร และมีหนา้ ตัดกลมขนาด เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางประมาณ 1-6 มลิ ลิเมตร สมาคมการเช่อื มโลหะของ สหรฐั อเมริกา American Weldin Society : AWS ใชม้ าตรฐานลวดเชื่อม โดยกาหนดสัญลกั ษณ์มาตรฐาน ลวดเชือ่ มเหล็กด้วยแก๊สดงั น้ี 1) GA-50 แผนกวชิ าเทคนิคพน้ื ฐาน
58 2) GA-60 3) GA-65 4) GB-45 5) GB-60 6) GB-65 คุณลกั ษณะของลวดเชอื่ ม 1. ลวดเชอื่ มโลหะท่ีเปน็ เหล็ก 2. ลวดเช่อื มโลหะทีไ่ ม่ใชเ่ หล็ก 3. ฟลกั ซ์ในงานเชื่อมแกส๊ โตะ๊ ปฏบิ ตั งิ านเช่ือมแกส๊ โต๊ะปฏิบตั ิงานเช่ือมแกส๊ ต้องมีขนาดความสงู ท่สี ามารถวางช้ินงานเช่ือมแล้วทาการเชื่อมได้ถนดั และ พนื้ โต๊ะต้องปูองกนั ความร้อนจากเปลวแก๊สไมใ่ ห้มาโดนขาเม่อื ต้องน่งั ปฏบิ ตั ิ พร้อมท้ังต้องมที ่ีสาหรับแขวนสาย เชอ่ื มและหวั เชื่อมทีแ่ ข็งแรง และมที ี่จบั ชิน้ งานเพื่อทาการเชื่อมในตาแหน่งท่าเชื่อมต่างๆ ชดุ เช่ือมแก๊ส 1. ชดุ เชื่อมแก๊สแบบถังกาเนดิ แก๊ส อุปกรณ์ประกอบชดุ เชอื่ มแก๊ส มีดังนี้ 1) ถงั แกส๊ ออกซเิ จน 2) ถงั กาเนดิ ผลิตแก๊สอะเซทิลีน 3) อุปกรณ์ควบคมุ ความดนั และการไหลของแก๊ส 4) อุปกรณป์ ูองกนั ไฟย้อนกลับ 5) หวั เชอื่ มทอรช์ Torch และหัวทพิ Tip เชือ่ ม 6) สายยางและข้อต่อสายยางทอ่ แกส๊ 7) ทจ่ี ดุ เปลวไฟแก๊ส 8) ถงั เก็บก้อนแคลเซยี มคาร์ไบด์เพ่ือใชเ้ ติม 2. ชดุ เช่ือมแกส๊ แบบถังบรรจุสาเรจ็ รปู อปุ กรณ์ประกอบชดุ เช่อื มแกส๊ มดี งั นี้ 1) ถงั แกส๊ ออกซเิ จน 2) ถงั แก๊สอะเซทลิ ีน แผนกวชิ าเทคนิคพื้นฐาน
59 3) อุปกรณ์ควบคุมความดนั และการไหลของแก๊ส 4) อุปกรณป์ ูองกันไฟย้อนกลบั 5) หวั เชอื่ มทอร์ชและหวั ทิพเชอ่ื ม 6) สายยางและข้อต่อสายยางท่อแก๊ส 7) ทจ่ี ุดเปลวไฟแก๊ส ถังแก๊สออกซเิ จน เปน็ ถังเหล็กทผ่ี า่ นกระบวนการผลติ ดว้ ยวิธอี ันขึ้นรูป ไม่มีการเชือ่ มประกอบของถัง และตอ้ งผ่านการอบคลายความเคน้ ของโลหะภายในถังดว้ ยความรอ้ น เพือ่ ปูองกันการแตกรา้ วหรอื ฉีกขาดของ ถังในขณะทีบ่ รรจแุ กส๊ ความดันสูงเปน็ สองเทา่ ของแรงดันใช้งาน ตอ้ งทาการทดสอบถังก่อนนามาใชง้ านเพ่อื ความ ปลอดภยั และทกุ ๆ 10 ปี ตอ้ งตรวจสภาพถังใหม่อกี คร้ังเพ่ือให้ได้ตามมาตรฐาน ส่วนประกอบของถังแก๊สออกซิเจน 1. ถงั บรรจุแกส๊ 2. วาวล์หรือล้นิ เปิด-ปดิ แก๊ส 3. ฝาครอบปูองกนั วาล์ว แผนกวชิ าเทคนิคพืน้ ฐาน
60 ใบความรู้ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 4 กรรมวิธกี ารเชือ่ มโลหะดว้ ยแก๊ส รอยต่อในงานเช่ือมแก๊ส 1. รอยเชื่อมตอ่ ชน (B-Butt-Joint) 2. รอยเช่ือมต่อเกย (Lap-Joint) 3. รอยเช่ือมต่อฉากตวั ที (T - Joint) 4. รอยเช่อื มตอ่ ขอบ (Edge-Joint) 5. รอยเช่ือมอุด (Plug Weld) 6. รอยเชอื่ มพอก ตาแหนง่ งานเชื่อม 1. ตาแหนง่ แนวราบ (Flat Position) 2. ตาแหน่งแนวตั้ง (Vertical Position) 3. ตาแหนง่ ขนาน (Horizontal Position) 4. ตาแหน่งเหนอื ศีรษะ (Overhead Position) การปรบั เปลวไฟแกส๊ ทใ่ี ช้ในงานเชอ่ื ม เปลวไฟท่ใี ชเ้ ชอ่ื มต้องมีคุณสมบัติ ดงั นี้ 1. มอี ณุ หภมู ิสงู จนหลอมละลายชิ้นงานได้ 2. ต้องไม่มสี งิ่ สกปรก หรอื วัตถเุ ข้ารวมตวั กบั น้าโลหะขณะท่หี ลอมละลาย 3. ต้องไม่เพ่มิ ธาตุคารบ์ อนในน้าโลหะ 4. ไม่เป็นอนั ตรายต่อชา่ งเชื่อมในขณะทาการเชื่อมงาน เปลวไฟในงานเชื่อมมี 3 แบบ คือ 1. เปลวคาร์บูไรซิง่ (Caburizing Flame) 2. เปลวกลางหรือเปลวนวิ ตรลั (Neutral Flame) 3. เปลวออกซไิ ดซ่ิง (Oxidizing Flame) เทคนคิ และทิศทางการเดินแนวเชื่อมแก๊สและระยะห่างเปลวไฟกบั ชนิ้ งาน วิธใี ช้ระยะเปลวเช่ือมและเทคนคิ การเชอื่ มแก๊สเบ้ืองตน้ การส่ายหัวเชื่อมแก๊ส แผนกวชิ าเทคนคิ พื้นฐาน
61 การสา่ ยหวั เช่ือมขึน้ อยู่กบั ความกว้างของรอยเช่ือมและความถนัดของแต่ ละบคุ คล แต่มีวธิ กี ารเดนิ แนวได้ ระยะหา่ งเปลวไฟและการเตมิ ลวดเช่ือม ในการเชื่อมต้องรักษาระยะหา่ งเปลวไฟกบั ผวิ งานประมาณ 2-3 มลิ ลเิ มตร ตอ้ งเผาผวิ ใหช้ ิน้ งานรอ้ นจน ละลายเสียก่อน จงึ เติมลวดลงไป ทิศทางเชือ่ มแกส๊ 1. ทศิ ทางเช่ือมไปทางขวา (เดินหน้า) 2. ทิศทางเชอ่ื มไปทางซ้าย (ถอยหลัง) กระบวนการเชือ่ ม กระบวนการปรบั เปลวไฟแก๊สทใ่ี ช้ในการเชอ่ื ม การปฏบิ ตั กิ ารปรบั เปลวไฟแก๊สท่ีใช้ในการเชอื่ ม เครือ่ งมือและอุปกรณ์ 1. แวน่ ตาเชอ่ื มแกส๊ 2. อปุ กรณจ์ ดุ เปลวไฟ 3. คมี จบั งานรอ้ น 4. แปรงลวด 5. ชุดทาความสะอาดรูหวั ทิพ ขั้นตอนการปฏิบตั งิ าน 1. ตรวจสอบอปุ กรณ์ชุดเชอ่ื มแก๊สให้พร้อมทางาน 2. เปิดวาลว์ ทห่ี ัวถังแก๊สและปรบั ความดันให้เหมาะสมตามขัน้ ตอน 3. เปิดวาลว์ อะเซทลิ นี ท่ที อรช์ เชือ่ มเล็กน้อยและใชท้ ี่จุดเปลวไฟ (Spark Lighter) จุดปรบั เปลวไฟจน ไมม่ เี ขมา่ 4. คอ่ ยๆ เปดิ วาล์วออกซิเจนทที่ อร์ชเช่อื ม จะได้เปลวไฟออ่ นๆ 5. เปิดวาล์วออกซเิ จนท่ที อร์ชเชื่อม เพิ่มปริมาณออกซิเจนเปลวไฟจะลดลงเหลือ 2 ชน้ั คอื กรวย เปลวไฟชนั้ นอกและชนั้ ใน 6. เพ่ิมปริมาณแก๊สออกซเิ จนท่วี าล์วทอร์ชเช่ือมเขา้ ไปอกี ทีละนอ้ ย จนเปลวไฟชั้นในหดสั้น และจะมี เสยี งดงั จากการไหลของแก๊สเพิ่มข้นึ กจ็ ะไดเ้ ปลวไฟออกซิไดซงิ่ (Oxdizing Flame) เหมาะที่จะนาไปใช้กับการ เช่อื มเหล็กหล่อ เปน็ ต้น แผนกวชิ าเทคนคิ พ้นื ฐาน
62 กระบวนการสรา้ งบ่อหลอมละลายบนแผน่ เหลก็ (ไม่เติมลวด) เครอ่ื งมอื และอุปกรณ์ 1. แว่นตาเชื่อมแกส๊ 2. อุปกรณ์จุดเปลวไฟ 3. คีมจบั ร้อน 4. แปรงลวด 5. ชดุ ทาความสะอาดทิพเช่ือม 6. ค้อน 7. เหล็กนาศูนย์ 8. เหล็กขีด วสั ดุ เหล็กแผ่น St.37 ขนาด 60x120x2 มลิ ลิเมตร จานวน 1 แผน่ ข้ันตอนการปฏบิ ัตงิ าน 1. ตดั เหลก็ ตามขนาดที่กาหนดและทาความสะอาดด้วยแปรงลวด 2. ใชเ้ หล็กขีด ขดี บนแผ่นงานเปน็ เส้น 3 แถว มีระยะหา่ งเท่าๆ กัน และใชเ้ หลก็ นาศนู ย์ตอกลงไป ตามเส้น เพื่อให้เหน็ แนวชัดเจนขึน้ 3. ปรบั เปลวไฟกลาง (Neutral Flame) เผาอุ่นชนิ้ งานให้ทว่ั ทงั้ แผน่ งาน 4. เร่ิมเผางานท่ขี อบงานทางขวามือ จนเหล็กละลายเปน็ บ่อน้าโลหะใส สา่ ยหัวทพิ พร้อมกบั เดนิ หัว ทิพไปทางซ้ายมือช้าๆ จนถงึ ขอบงานทางซา้ ยมือ 5. สรา้ งบ่อหลอมละลายใหค้ รบทั้ง 3 แถว ควบคมุ ความเร็วและการส่ายหวั ทิพ เพอ่ื ใหบ้ ่อหลอม ละลายมีความกวา้ งอยา่ งสม่าเสมอตลอดแนว งานเชอ่ื มละลายขอบ เครอ่ื งมอื และอุปกรณ์ 1. แวน่ ตาเชอื่ มแกส๊ 2. เครือ่ งมอื จดุ เปลวไฟ 3. วงเวียนเหลก็ 4. คมี จับงานร้อน 5. แปรงลวด 6. ค้อน แผนกวิชาเทคนคิ พน้ื ฐาน
63 วัสดุ เหลก็ แผ่น St.37 ขนาด 40x200x1 มิลลเิ มตร จานวน 2 ชนิ้ ขั้นตอนการปฏบิ ตั ิการงานเช่อื มละลายขอบ 1. ขดี เส้นให้ห่างจากขอบงานทางดา้ นยาว 3-4 มลิ ลเิ มตร โดยใช้ขาวงเวียนด้านหนึ่งเคาะกบั ขอบ ช้ินงาน และขาอีกดา้ นหน่ึงขดี ไปบนผิวงาน ลากยาวไปทางดา้ นยาวของชิ้นงานทัง้ 2 ชน้ิ 2. นาชน้ิ งานไปจับท่ปี ากกา ตพี ับไปตามเสน้ ที่ขดี ไว้จนไดฉ้ ากทงั้ 2 แผ่น 3. วางช้ินงานทีโ่ ตะ๊ เช่อื ม โดยใหร้ อยพับของชนิ้ งานชนติดกันและเรียบเสมอกนั 4. จุดเปลวไฟกลาง (Neutral Flame) ใชค้ มี จบั งานให้รอยพบั ชนกนั แนบสนทิ เผางานใหห้ ลอม ละลายจากทางขวามือเป็นจุดๆ ไปทางซ้ายมือ เพื่อยึดงานโดยมรี ะยะห่าง 30-40 มม. 5. ใชเ้ ปลวไฟไลข้ อบงานจากขวาไปซา้ ยมือจนสุดแนวช้นิ งาน โดยสา่ ยหัวทิพเชอ่ื มเลก็ น้อย งานเชือ่ มล้มขอบ เคร่อื งมอื และอุปกรณ์ 1. แว่นตาเชอื่ มแกส๊ 2. เครื่องมอื จุดเปลวไฟ 3. คมี จับงานรอ้ น 4. แปรงลวด 5. เคร่อื งมือทาความสะอาดหวั ทพิ 6. เหลก็ ฉากรองปาก ปากกา 7. คอ้ น 8. วงเวียน วสั ดุ เหลก็ แผ่น St.37 ขนาด 200x40x1 มลิ ลเิ มตร ขน้ั ตอนการปฏิบตั งิ าน 1. ขดี เสน้ บนชิน้ งานดว้ ยวงเวียน ให้ขนานไปกบั ขอบช้นิ งาน โดยหา่ งจาก ขอบงาน 1.5-2 มลิ ลิเมตร ทัง้ 2 แผ่น 2. นาชิ้นงานไปตีพบั ทป่ี ากกาตามเสน้ ทีข่ ีดไว้ใหร้ อยพับได้ฉาก 3. นาชิ้นงานทงั้ สองชนิ้ วางทโี่ ตะ๊ เชอ่ื ม โดยให้รอยพับชนกัน ใชค้ มี จบั ให้แนบสนทิ กนั 4. ปรับเปลวไฟกลาง (Neutral Flame) เผาขอบงานทางขวามือใหล้ ะลาย เปน็ จุด และเช่อื มยดึ เปน็ จดุ ๆ (Tracking) ห่างกัน 30-40 มิลลเิ มตร เพ่ือไม่ให้งาน ถ่างจากกัน 5. เช่ือมเผางานใหห้ ลอมละลายจากขวามือไปซ้ายมือ ให้ขอบละลายเป็น แนวเชือ่ ม ส่ายหวั ทพิ เป็น ลกั ษณะวงกลมซ้อนกนั ควบคุมความกวา้ งของแนวเชื่อม ให้สมา่ เสมอ 6. ใชแ้ ปรงลวดขดั เพื่อดูความสมบรู ณ์ของแนวเช่อื ม แผนกวิชาเทคนคิ พนื้ ฐาน
64 การปฏิบตั ิการงานเชื่อมต่อชนทา่ ราบ เครอื่ งมอื และอุปกรณ์ 1. แว่นตาเช่อื มแก๊ส 2. ที่จุดเปลวไฟ 3. คีมจับงานรอ้ น 4. ค้อน 6. แปรงลวด 6. เครื่องมอื ทาความสะอาดหัวทิพเช่ือม วัสดุ 1. เหล็กแผน่ St.37 ขนาด 40x200x1 มลิ ลเิ มตร จานวน 2 ชิน้ 2. ลวดเช่ือมแก๊สเชื่อมเหล็กขนาด 1-1.2 มิลลิเมตร จานวน 1 เส้น ขัน้ ตอนการปฏิบัตกิ าร 1. ตัดชิน้ งานตามขนาด 2 ชิน้ ทาความสะอาดด้วยแปรงลวด และวางช้ินงานบนโตะ๊ เชือ่ มโดยให้ ปลายดา้ นหนึง่ ชิดกัน อีกด้านหน่งึ ใหม้ ีระยะห่างเท่ากบั ระยะ S 2. เช่ือมยึดทรี่ อยต่อของงานจากดา้ นขวาไปดา้ นซา้ ยเป็นระยๆ ห่างกนั 30-40 มลิ ลิเมตร 3. เร่ิมต้นเดินแนวเชอื่ มจากขวามือไปซ้ายมือ (Forehand) โดยเผาจนผิวงานละลายเป็นบอ่ นา้ เหล็ก จึงเตมิ ลวดเช่ือมลงไป โดยสา่ ยหัวทพิ เชอื่ มด้วยเพ่อื เพ่ิมความกวา้ งของแนวเชอ่ื มและกระจายความร้อนไม่ให้อยู่ ที่จดุ แคบๆ ซึ่งจะทาให้งานทะลุ แผนกวชิ าเทคนิคพน้ื ฐาน
65 ใบความรู้ รายหน่วยการเรยี นรู้ท่ี 5 งานโลหะแผ่นท่ัวไป ความรู้ท่วั ไปเกี่ยวกับงานโลหะแผ่น สมบัติของโลหะ 1. ความแขง็ แรง 2. ความเหนียว 3. ความแข็ง 4. ความเปราะ โลหะแผน่ ท่ีสาคญั ไดแ้ ก่ 1. ทองแดง (Copper) 2. ทองเหลือง (Brass) 3. อะลมู เิ นียม (Aluminium) 4. เหลก็ กลา้ (Steel) โลหะแผน่ ทน่ี ามาใช้งาน 1. โลหะแผ่นเปลอื ย (Uncoated Metal) 2. โลหะแผ่นเคลือบผวิ (Coated Metal) โลหะแผ่นทีน่ ยิ มนามาใชง้ าน 1. เหล็กแผน่ 2. เหลก็ แผน่ อาบสงั กะสี 3. เหล็กแผน่ อาบดีบกุ 4. เหล็กสเตนเลสแผน่ 5. ทองแดงแผน่ 6. อะลูมิเนยี มแผน่ มาตรฐานของโลหะแผ่น มาตรฐานเหลก็ แผ่นบาง ตามมาตรฐานผลิตภณั ฑ์อตุ สาหกรรมของไทยของเหล็กแผ่นบาง มอก. 528-2540 ระบคุ วาม หนาตง้ั แตบ่ างสดุ จนถึง 3.15 มิลลิเมตร ส่วนความกว้างมีต้ังแต่ 600, 710, 910 จนถงึ 3,000 มลิ ลิเมตร ความยาวมีระบุต้ังแต่ 1,892, 2, 438, 3, 048 จนถึง 10,000 มิลลิเมตร แต่ขนาดทีน่ ิยมแพร่หลายคอื 1,219x2,438 มิลลเิ มตร (4x8 ฟตุ ) โดยมีการระบุตามฉลากของ มอก. 528-2540 ดังนี้ เหล็กกล้าละมนุ รีดร้อน HR1 1219 มิลลเิ มตร x 2438 มลิ ลเิ มตร x 1.2 มลิ ลิเมตร ชนดิ แผ่นบาง (ชนิด) (ชัน้ คณุ ภาพ) (กวา้ ง x ยาว x หนา) เหล็กแผน่ อาบสังกะสี ตามมาตรฐาน ISO 3575 – 1976 ไดร้ ะบุการเคลือบด้วยสังกะสี มี 2 ชนดิ คือ เคลือบด้วยสงั กะสี บริสทุ ธ์ิ (Z) และเคลอื บดว้ ยโลหะผสมสังกะสีกบั เหล็ก (ZF) โดยกาหนดปริมาณสังกะสเี คลือบ เชน่ Z700 Z600 หรือ ZF180 ZF100 (ตัวเลขเปน็ ปริมาณการเคลือบกรมั / ตารางเมตร) นอกจากนย้ี ังได้กาหนด แผนกวชิ าเทคนคิ พืน้ ฐาน
66 ลกั ษณะผวิ ของ ผลติ ภณั ฑ์ ได้แก่ N= ผวิ มัน M= ผิวมนั นอ้ ย S= ผวิ มนั และรดี เรยี บพเิ ศษ E= ผวิ มัน นอ้ ยและรีดเรียบพเิ ศษ การระบุขนาดตามมาตรฐาน ISO 3575 – 1976 ดงั นี้ เหลก็ แผน่ อาบสงั กะสี ชนดิ จุ่มรอ้ น Z275 N02 0.46x1,200x2,400 (ชนดิ ) (ชนิด/ปรมิ าณ/ผวิ เคลอื บ) (ผิวงาน) (ชัน้ คุณภาพ)(กวา้ งx ยาวxหนา) เหลก็ แผ่นอาบดบี กุ ตามมาตรฐาน ISO 1111/1 – 1983 ได้ระบุกรรมวิธีการชบุ ดบี กุ ไว้เปน็ 2 ประเภท คอื แผ่นเหลก็ อาบดบี ุกชนดิ จุ่มร้อน (H) และแผน่ เหลก็ อาบดีบุกชนดิ ชบุ ไฟฟูา ซง่ึ มีความหนาผวิ เคลือบเท่ากนั (E) และความหนาแต่ละด้านเคลอื บไมเ่ ท่ากนั (D) ซ่งึ จะมีความหนาตง้ั แต่ 0.15 มิลลเิ มตรถงึ 0.49 มิลลิเมตร ตัวอย่างการระบุชนดิ ของเหล็กแผ่นอาบดีบกุ ตามมาตรฐาน ISO 111/1 – 1983 T57 E 2.8 / 2.8 หมายถงึ เหล็กแผ่นอาบดีบุก ชัน้ ความแขง็ ที่ T57 ชนิดชุบไฟฟาู ผิวเคลือบหนาเท่ากนั นา้ หนัก 2.8 กรัมต่อตารางเมตร ทองแดงแผน่ ตามมาตรฐาน ISO – 1983 แบ่งทองแดงเปน็ 3 ชนดิ คือ ทองแดงบริสุทธิ์ ทองแดงไมบ่ ริสทุ ธ์ิ ทองแดงผสม ทองแดงท่ีใชใ้ นงานโลหะแผ่นเป็นทองแดงบริสทุ ธิ์ การกาหนดรหัสใชส้ ญั ลักษณ์ของธาตุทองแดง ตามดว้ ยอกั ษรแสดงคุณภาพ สว่ นทองแดงผสมจะตามด้วยสญั ลกั ษณข์ องธาตุผสม และตัวเลขแสดงปริมาณ ธาตุผสม เป็นตน้ ความปลอดภัยเก่ยี วกับงานโลหะแผน่ ความปลอดภยั ทว่ั ไป 1. ขณะปฏิบตั ิงานจะต้องไม่หยอกลอ้ เลน่ กนั ในโรงงาน 2. ขณะอยูใ่ นโรงงาน ผปู้ ฏิบัตงิ านจะต้องไมท่ ดลองเปิดเครอื่ งจกั รเล่นโดยไมไ่ ด้เรียนรู้การใชม้ าก่อน 3. ขณะปฏบิ ตั ิงานควรแตง่ กายให้รัดกุม และควรสวมรองเทา้ หนัง หรอื รองเท้าหวั เหล็กหุ้มส้น 4. วัสดุและเครือ่ งมือที่ใชใ้ นการปฏบิ ัตงิ านต้องเกบ็ ใหเ้ รยี บร้อย 5. กอ่ นและหลงั ปฏิบตั ิงานต้องไมม่ เี ศษวัสดุมคี มจากการทางานตกตามพนื้ โรงงาน 6. เมื่อจะยกหรือเคลอ่ื นย้ายโลหะแผน่ ต้องสวมถุงมอื หนังจับทกุ คร้ัง 7. เม่ือต้องการทาให้กรดเจือจางโดยการผสมน้ากรดกบั นา้ เวลาเตมิ กรดลงไปในน้าต้องระมัดระวงั อยา่ ให้กระเด็นถูกรา่ งกาย 8. ขณะบัดกรี อย่าใชม้ ือเช็ดตาหรือปาก 9. เม่อื ตัดโลหะแผน่ แล้ว ควรลบคมโลหะแผ่นทกุ ครัง้ ด้วยตะไบ 10. เมอ่ื มนี ้ามนั หกรดราดพ้ืนใหใ้ ชข้ เ้ี ลือ่ ยหรือทรายเทกลบเพื่อให้ดดู ซับจนแห้ง 11. สวมชุดปฏบิ ตั งิ านอยา่ งรัดกมุ ไมร่ ่มุ ร่าม และถูกตอ้ ง 12. การทาความสะอาดสถานท่ปี ฏบิ ตั งิ าน ไม่ควรใชม้ อื ปัดกวาดเศษโลหะ ควรใช้แปรงและอุปกรณ์ การทาความสะอาดที่ถูกต้อง ความปลอดภัยเกี่ยวกบั การใช้เครื่องมืองานโลหะแผน่ 1. ไมค่ วรนาเคร่ืองมือในการปฏบิ ัติงานมาหยอกลอ้ กนั เลน่ 2. ไมค่ วรเก็บเคร่ืองมือที่แหลมคมพกใส่กระเป๋าเส้ือหรอื กางเกง 3. ตรวจสอบเคร่ืองมอื ทีใ่ ชใ้ นการปฏิบตั งิ านให้อยูใ่ นสภาพดี แผนกวชิ าเทคนคิ พ้ืนฐาน
67 4. การใช้ประแจต้องใหข้ นาดของปากพอดีกับหวั นอต 5. เม่ือใชก้ รรไกรตัดงานแล้ว ขอบจะคมและเป็นหยักควรลบคมทข่ี อบดว้ ยตะไบ 6. อย่าสูดควันจากการเตรยี มสังกะสีคลอไรด์ 7. การใช้เครื่องมือแต่ละชนดิ ตอ้ งใช้ให้ถกู กบั งาน 8. ในทางปฏบิ ตั ิงานเกยี่ วกบั การใช้เคร่อื งมือ ตอ้ งตรวจสอบความพร้อม ของตนเองดว้ ย 9. ไม่ควรใชม้ ือจับหัวแรง้ โดยตรง 10. ขณะปฏบิ ตั งิ านควรวางอปุ กรณห์ รือเครื่องมือเครื่องใช้ในท่จี ดั วางเฉพาะ ให้ถกู ต้อง 11. ทุกคร้ังหลังการปฏิบตั งิ าน การเก็บและทาความสะอาดเครื่องมือต้องแน่ใจวา่ เครอ่ื งมือพร้อมใน การเกบ็ แลว้ ความปลอดภยั เกย่ี วกับการใช้เครอื่ งจักรในงานโลหะแผ่น 1. เครือ่ งหินเจยี รนัยตอ้ งมีแทน่ พักงานและห่างจากขอบล้อหิน ไม่เกิน 1/8 นิ้ว 2. ต้องสวมแวน่ ตานิรภยั ทกุ ครง้ั ที่เจียรนัยงาน 3. เครื่องตัดโลหะแผน่ ควรใชต้ ดั คนเดยี ว 4. ในการใชเ้ ครอ่ื งพบั ใหร้ ะวังน้วิ มือ ก่อนดึงคันโยกมากดจับชิน้ งาน 5. ระวงั ชายเสอ้ื ผ้าท่รี มุ่ ร่ามจะถกู ดงึ เข้าเคร่ืองมว้ นไฟฟูา 6. การใชส้ ว่านแทน่ เจาะงานเล็กๆ ไม่ควรจบั ชิน้ งานด้วยมือเปล่า ต้องใชค้ ีมล๊อคจบั ช้ินงาน 7. อย่าเปลย่ี นอุปกรณ์ของเครอื่ งจักรขณะเครื่องจกั รกาลงั ทางานอยู่ 8. กอ่ นเรม่ิ ลงมือปฏบิ ัตงิ านในโรงงานตอ้ งตรวจสอบความพรอ้ มท้ังของเครื่องจักรและผู้อยใู่ กล้เคียง 9. การใช้ตะไบที่ไม่มีด้ามอาจถูกก้ันตะไบแทงฝุามอื ได้ 10. การเคลือ่ นย้ายโลหะแผน่ ชิ้นใหญๆ่ ตอ้ งสวมถุงมือเพือ่ ปูองกันคมโลหะ บาดมือ แผนกวิชาเทคนคิ พืน้ ฐาน
68 ใบความรู้ รายหน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 6 เครือ่ งมอื และเคร่ืองจกั รในงานโลหะแผน่ เครอ่ื งมือทใี่ ชใ้ นงานโลหะแผ่น เคร่อื งมือวัดและรา่ งแบบ (Layout and Marking Tools) 1. บรรทัดเหลก็ (Steel Rule) 2. ตลับเมตร (Tape Rule) 3. ฉากเหล็ก (Framing Square) 4. ฉากผสม (Combination Square) 4.1 บรรทดั เหลก็ 4.2 หัวมุมฉาก 4.3 หัวหาศนู ย์กลาง 4.4 หวั ปรับมุม 5. เหลก็ ขีด (Scriber) 6. วงเวยี น (Dividers) 6.1 แบบขาตาย 6.2 แบบขาสปรงิ 7. วงเวยี นเล่ือน (Trammels Point) 8. เกจวัดโลหะแผ่นและลวด (Sheet Metal Gage and Wiregage) 9. เหล็กนาศูนย์ (Center Punch) 10. เหล็กถ่ายแบบ (Prick Punch) เครือ่ งมือตัดเจาะ (Sheet Metal Cutting Tools) 1. กรรไกร (Snips) 1.1 กรรไกรตดั ตรง (Straight Snips) 1.2 กรรไกรตดั ผสม (Combination Snips) 1.3 กรรไกรบุลด็อก (Bulldog Snips) 1.4 กรรไกรปากเหยย่ี ว (Hocks Bill Snips) 1.5 กรรไกรเอเวยี ชั่น (Aviation Snips) 2. เลอ่ื ยมือ (Hand Hack Saw) 2.1 ใบเล่ือย 14 ฟนั นวิ้ 2.2 ใบเลื่อย 18 ฟันนวิ้ 2.3 ใบเล่ือย 24 ฟันนิว้ 2.4 ใบเลอ่ื ย 32 ฟันน้วิ 3. สกดั (Cold Chisel) 3.1 สกัดปากแบน (Flat Chisel) 3.2 สกดั ปากจ้ิงจก (Cape Chisel) 3.3 สกดั ปากโค้ง (Round Nose Chisel) 3.4 สกดั ปากเพชร (Diamond – Point Chisel) 4. แท่งตอกรกู ลวง (Hollow Punch) แผนกวชิ าเทคนคิ พื้นฐาน
69 5. ชุดตัดเจาะดว้ ยมือ (Hand Punch) 6. ตะไบ (File) 7. ดอกสวา่ น (Drill) เคร่ืองมือจับยึดและชว่ ยงาน 1. ปากกาจบั งาน (Vise) 2. ปากกาตัวซี (C-Clamp) 3. ปากกาคาน (Bar-Clamp) 4. คมี ล็อก (Vise Grip) 5. คมี ปากขยาย (Extension Jaw Pliers) 6. คมี ปากจ้ิงจก (Side Cutting Pliers) 7. ไขควง (Screwdrivers) เคร่ืองมอื เคาะขนึ้ รูป 1. ค้อน (Hammer) 1.1 คอ้ นหัวกลม (Ball Peen) 1.2 ค้อนสนั ตรง และสันขวาง (Straight Peen & Cross Peen) 1.3 คอ้ นยา้ ตะเข็บ (Setting Hammer) 1.4 ค้อนย้าหมุด (Riveting Hammer) 2. แท่นขึ้นรูป (Stakes) 2.1 แท่นขึ้นรปู ส่เี หลี่ยม (Common Square Stake) 2.2 แทน่ ขน้ึ รปู คมมดี (Hatchet Stake) 2.3 แทน่ ข้ึนรปู ช่างทอง (Copper smith Stake) 2.4 แท่นขน้ึ รูปกรวยเทียน (Candle mold Stake) 2.5 แท่นขน้ึ รปู เบรกฮอรน์ (Brak horn Stake) 2.6 แท่นขึ้นรปู โบลฮอรน์ (Blowhorn Stake) 2.7 แท่นขึ้นรูปนดี เดิลเคส (Needle case Stake) 2.8 แทน่ ขึ้นรปู เครียสซ่ิง (Creasing Stake) 2.9 แทน่ ขน้ึ รปู โค้งกลวง (Hollow Mandrel Stake) 2.10 แท่นข้ึนรูปเหล่ียมและโคง้ (Solid Mandrel Stake) 2.11 แทน่ ข้ึนรปู ตะเข็บสองชน้ั กบั หวั ขึ้นรปู 4 หัว (Double Seaming Stake With Four Heads) 2.12 แท่นขน้ึ รปู ตะเขบ็ สองชั้น (Double Seaming Stake) 2.13 แท่นขนึ้ รูปคอนดัคเตอร์ (Conductor Stake) 2.14 แทน่ เคาะข้นึ รูป (Teakettle Stake) 2.15 แทน่ ข้ึนรปู บอตทอม (Bottom Stake) 2.16 แทน่ รองเคาะ (Hand Dolly) เครอ่ื งจกั รทใี่ ชใ้ นงานโลหะแผน่ 1. เคร่ืองตัดตรงใช้เท้าเหยียบ (Squaring Shear Foot Perated) 2. เครื่องตัดตรงแบบคนั โยก (Lever Shear) 3. เคร่ืองตัดมุม (Notcher) แผนกวชิ าเทคนคิ พื้นฐาน
70 4. เครอ่ื งตดั วงกลม (Ring And Circle Shear) 5. เครื่องตัดตรงระบบไฮดรอลกิ (Power Squaring Shear) 6. กรรไกรไฟฟูา (Electric Shear) 7. เครอื่ งพบั (Folder And Brake) 8. เครอื่ งพับกล่อง (Box And Pan Brake) 9. เคร่ืองกดพับระบบไฮดรอลิก (Hydraulic Press Brake) 10. เคร่อื งมว้ นโลหะแผน่ (Slip-roll Forming Maching) 11. เคร่ืองหมุนขนึ้ รูป (Rotary Machine) 11.1 เครื่องขนึ้ ขอบโคง้ และเข้าขอบลวด (Turning and Wiring Machine) 11.2 เครื่องข้ึนขอบคม (Burring Machine) 11.3 เคร่ืองขึน้ สันหรอื แนวนนู (Beading Machine) 11.4 เครือ่ งรดี ตะเขบ็ (Setting Down Machine) 11.5 เครอื่ งเข้าตะเขบ็ สองชนั้ (Double Seaming Machine) 12. สว่านแทน่ (Drill Press) 13. เครื่องกดเจาะรูด้วยมอื แบบฐานหมุน (Hand Operated Turret Punch) แผนกวชิ าเทคนคิ พ้นื ฐาน
71 ใบความรู้ รายหน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 7 ขอบงาน ตะเข็บงาน การบดั กรี และการย้าหมุด ขอบงาน 1. การพบั ขอบชัน้ เดียว (Hem) 2. การพบั ขอบสองชั้น (Double Hem) 3. การเข้าขอบลวด (Wired Edge) วธิ กี ารเขา้ ขอบลวดดว้ ยมือและเขา้ ขอบลวดด้วยเคร่ือง 1. พับขอบช้นิ งาน โดยเผ่อื ขนาดขอบงานเทา่ กับ 2.5 เท่าของเส้นผา่ นศนู ย์กลางลวด หรือ 2 1 D 2 (D = Diameter) 2. พบั ขอบงานให้ไดฉ้ าก 3. วางลวดแลว้ จบั ด้วยคีมบีบลวดใหต้ ิดกบั ขอบพบั 4. ใชค้ ้อนตีพับขอบงานลงปิดขวด และเคาะขอบงานใหห้ มุ้ ลวด ตะเขบ็ งาน ลักษณะของตะเข็บแบบต่างๆ 1. ตะเข็บเกย (Lap Seam) 2. ตะเข็บเกี่ยว (Grooved Seam) 3. ตะเข็บตั้ง (Standing Seam) 4. ตะเขบ็ ช้ันเดียว (Single Seam) 5. ตะเขบ็ สองช้นั (Double Seam) 6. ตะเขบ็ กน้ สวมใน (Set – In Bottom Seam) 7. ตะเข็บพิตสเ์ บอร์ก (Pitsburgh Seam) 8. ตะเขบ็ หางเหยี่ยว (Dovetail Seam) การบัดกรี ความหมายและประเภทของการบัดกรี ความหมายของการบดั กรี การบดั กรี (Soldering) คอื การทาให้แผ่นโลหะติดกันโดยมีตัวประสานละลาย ซ่ึงเป็นโลหะเรยี กวา่ โลหะประสานหรือโลหะบัดกรี ยึดผวิ ของงานให้ติดกันและใชน้ ้ายาประสานในการทาความสะอาดชว่ ยเกาะยึด ชิ้นงาน โดยทีช่ ้นิ งานไมม่ ีการหลอมละลาย ประเภทของบัดกรี 1. การบัดกรีออ่ น (Soft Soldering) 2. การบดั กรแี ขง็ (Hard Soldering) หวั แร้งสาหรบั งานบดั กรี (Solder Copper) หัวแร้งเปน็ อุปกรณท์ ่ีใชใ้ นการนาความรอ้ นมาหลอมเหลวโลหะบัดกรี ใช้การ ถ่ายเทความรอ้ นลงบน ผวิ หน้างาน เพอื่ ใหง้ านร้อนและจะดดู โลหะบัดกรี หวั แร้งแบง่ ออกเปน็ 2 ประเภท คือ หัวแรง้ ชนิดเผา และหัว แรง้ ไฟฟูา โลหะบัดกรี (Solder) แผนกวชิ าเทคนิคพนื้ ฐาน
72 ตะกว่ั แท่งบดั กรีจะแบง่ สัดส่วนการผสมของดีบกุ และตะกั่วไว้ 3 ชนิด คือ 1. ชนิดดีบุก 60 เปอร์เซ็นต์ กบั ตะก่วั 40 เปอร์เซน็ ต์ (โดยนา้ หนัก) 2. ชนดิ ดบี กุ 50 เปอรเ์ ซน็ ต์ กับตะกว่ั 50 เปอร์เซ็นต์ (โดยนา้ หนกั ) 3. ชนิดดีบกุ 40 เปอรเ์ ซ็นต์ กับตะกั่ว 60 เปอร์เซ็นต์ (โดยน้าหนกั ) น้ายาประสาน (Flux) การบัดกรีออ่ น จะแบ่งนา้ ยาประสานเป็น 2 ชนิด คอื 1. นา้ ยาประสานชนิดกัดกร่อนผวิ งาน (Corrosive Flux) 2. น้ายาประสานชนิดไมก่ ดั กร่อนผิวงาน (Non-Corrosive Flux) ลาดบั ขั้นการบดั กรอี ่อน 1. เตรยี มรอยต่อของงานให้สนทิ อยา่ ใหม้ ีช่องวา่ งมาก 2. นาหัวแรง้ เผาใหร้ อ้ นแต่อยา่ ให้รอ้ นแดงเพราะตะก่วั ท่เี คลอื บไวจ้ ะไหม้ จากนนั้ นาไปถูบนแทง่ เกลอื แอมโมเนียม หรือจมุ่ ในผงแอมโมเนียมเพ่ือทาความสะอาดหวั แร้ง 3. ทาน้ายาประสาน (Flux) ท่ีรอยต่อเตรยี มไว้ (ทาเฉพาะรอยตอ่ เท่าท่จี าเปน็ ถ้าทากว้างเกินไป ตะก่ัวกจ็ ะวิง่ ไปอาบเคลือบตามรอยนา้ ยาประสาน ทาให้กวา้ งเกนิ ไปสิ้นเปลืองตะก่ัวและดูไม่สวยงาม) 4. นาหวั แร้งไปแตะตะกั่วบดั กรี ตะกัว่ จะเกาะตดิ กบั หัวแร้ง 5. นาหัวแรง้ ไปวางท่ีรอยต่อเป็นจดุ ๆ ห่างเป็นระยะท่ีเรยี กว่า แต้มตะก่ัว (Tacking) เพ่ือยึดงาน ไมใ่ ห้บิดงอจากความร้อน 6. วางหวั แรง้ บัดกรีจากหัวรอยตอ่ ลากหวั แร้งช้าๆ และมตี ะก่วั ติดทหี่ ัวแร้งตลอดโดยไมย่ กหัวแร้งออก จากงาน ความร้อนจากหวั แร้งจะถ่ายเทลงบนผวิ งาน ซ่ึงเมื่อ ผิวงานรอ้ นกจ็ ะดดู เอาตะกั่วไหลเขา้ ไปอาบยดึ ในรอยต่อ ไม่จาเปน็ ตอ้ งใช้หัวแรง้ ถไู ป ถูมาบนงาน 7. เมอื่ บดั กรีสน้ิ สดุ รอยต่อแล้วรอใหเ้ ย็น นาไปล้างน้าเพราะคราบจากการบัดกรีจะมีนา้ ยาประสาน เกาะอยูท่ ร่ี อยต่อทาใหเ้ กดิ การกดั กร่อนภายหลงั การย้าหมดุ การย้าหมดุ เป็นวธิ ีการต่อชนิ้ งานโลหะแผน่ ที่มีความแข็งแรงสูง ไม่ทาใหโ้ ลหะแผ่นทต่ี ่อเชอ่ื มกนั หดตัว หรอื ขยายตัวเหมือนกบั การต่อยึดตดิ กัน โดยวิธกี ารอ่ืนๆ หมุดยา้ หัวบาง Tinner’s Rivet ทำจากเหลก็ ออ่ นเคลือบผิวดว้ ยดบี ุก ซ่งึ ทาใหง้ ่ายตอ่ การบดั กรีทับ กนั ร่ัวซมึ หมดุ ชนิดนีจ้ ะเรียกน้าหนกั กนั ต่อหมดุ จานวน 1,000 ตวั เป็นออนซ์หรือปอนด์ ความโตของหัวหมดุ หรือความยาวของหมดุ กข็ ้ึนอยกู่ บั นา้ หนกั ต่อ 1,000 ตวั ขนั้ ตอนการยา้ หมดุ 1. ทาเคร่อื งหมายตาแหนง่ ที่จะยา้ หมดุ ดว้ ยเหล็กนาศูนย์ 2. เจาะงานด้วยเหลก็ Punch สาหรับงานเจาะดว้ ยดอกสว่านสาหรบั งานหนา 3. วางงานทาบให้รทู ีเ่ จาะตรงกนั พร้อมกบั เข้าไปและตดั หางหมุดให้ได้ขนาด 4. ใช้รทู ่เี หลก็ ย้าหมดุ Rivet Set ตอกสนิท 5. ย้าด้วยค้อนหวั กลมรอบๆ หางหมุดให้เยนิ เป็นดอกเห็ด 6. ใช้เหล็กยา้ หมดุ สว่ นที่เป็นเปูา (Shallow Concave Hole) ครอบลง ใช้คอ้ นตีเหลก็ ย้าหมุดให้หัว หมุดกลม แผนกวิชาเทคนิคพื้นฐาน
73 หมุดย้าชนิดใชย้ งิ (Pop Rivet) ชน้ิ งานบางชนิดอยใู่ นท่ีอบั ไม่สามารถทาการยำหมุดแบบทั่วไปได้ สามารถ จะยา้ หมดุ ไดด้ ้วยวธิ ี หมุดยงิ ความโตและความยาวของตัวหมุดมีหลายขนาดข้นึ อย่กู บั ความหนาและความโตของรเู จาะของงาน ขนั้ ตอนการยงิ หมดุ (Pop) 1. เจาะรูของงานดว้ ยสวา่ นมือไฟฟูาโดยเลือกขนาดดอกสว่านให้พอดีกบั ขนาดความโตของหมดุ 2. สอดหวั หมดุ เขา้ ไปในรูให้ส่วนก้านโผล่ออกมา 3. ใช้เคร่อื งยิงหมุด (Rivetin) เสยี บรกู า้ นหมดุ ทีโ่ ผลอ่ อกมานอกงาน คบี ยา้ จนกา้ นหมุดขาด หัวหมุดจะบานอดั รยู ึดทงั้ สองฝั่ง แผนกวิชาเทคนิคพ้ืนฐาน
74 ใบความรู้หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 8 การเขยี นแบบแผ่นคลีใ่ นงานโลหะแผน่ หลักการเขยี นแบบแผ่นคล่ี หลกั การเบอ้ื งต้นในการเขยี นแบบแผ่นคล่ี 1. การเขยี นแบบบนชน้ิ งาน (Layout on Sheet Metal) 1.1 การสรา้ งแบบจากมุมฉากขอบช้นิ งาน โดยเริม่ สร้างแบบจากมุมขอบช้ิน งานท่เี ปน็ มมุ ฉากสาหรับช้ินงานที่รปู เหลยี่ มท่มี ดี ้านค่ขู นาน โดยใช้ฉากเหล็กหรือฉากผสมวางทาบขอบชิ้นงาน 1.2 การสร้างแบบจากเส้นก่ึงกลางชิ้นงาน เปน็ วธิ กี ารสรา้ งแบบชน้ิ งานทม่ี ี ดา้ นคูข่ นานคู่หนง่ึ และอกี คูห่ นึง่ เป็นเสน้ เอียง โดยมากโลหะชิ้นงานมกั จะมีขนาดใหญ่กว่าขนาดแผน่ คล่ีของ ช้นิ งาน ข้อควรปฏิบตั ใิ นการสร้างแบบบนชิ้นงาน 1) สภาพของแผ่นโลหะ แผ่นช้นิ งานที่จะนามาสรา้ งแผน่ คลนี่ ั้น ควรมสี ภาพ เรยี บร้อย 2) สภาพความได้ฉากของแผ่นโลหะช้ินงาน ระหว่างดา้ นซ้ายมอื กบั ขอบแผ่น ช้นิ ล่างให้ได้ฉากกนั ถา้ ไม่ไดต้ อ้ งทาใหไ้ ด้ฉากก่อนนามาใช้ เพื่อใหเ้ กดิ ความประหยัดสูงสดุ ในการใช้วสั ดุ ต้องปฏบิ ัตดิ งั นี้ 1) การสรา้ งแบบควรเรม่ิ สรา้ งจากขอบแผน่ โลหะชิ้นงานดา้ นล่างสดุ และ ทางดา้ นซา้ ยสุดก่อน 2) การวัดขนาดควรวัดจากขอบแผน่ โลหะชน้ิ งานดา้ นซา้ ยและดา้ นล่าง เพื่อปูองกันความ ผิดพลาดในการทางาน ไม่ควรตดั ช้ินงานส่วนใดๆ ออกจนกวา่ จะเขยี นแบบเสรจ็ 3) การสรา้ งเส้นหลักของแผ่นคล่ีในแนวด่งิ และแนวระดับ ควรสรา้ งใหเ้ สร็จกอ่ นทีจ่ ะสร้างเส้น เอียง เสน้ รอยบาก เสน้ ขอบ เส้นตะเขบ็ 4) การกะวดั ขนาดเพือ่ สรา้ งเสน้ ใดๆ ต้องวัดขนาดทั้งหวั และท้ายของเส้นน้นั แลว้ สรา้ งเส้นตอ่ ใหผ้ า่ นจุดท้ังสองนน้ั 5) เม่อื สร้างแผ่นคลเ่ี สร็จแล้วต้องตรวจสอบขนาดและความถกู ต้อง กอ่ นตัดช้นิ งานทกุ ครั้ง 2. การบากช้นิ งาน หมายถึง การตดั สว่ นท่ีไมต่ ้องการบนแผ่นช้นิ งาน เพอื่ ให้คล่ีแผน่ ของช้นิ งานท่ีได้ ให้นาไปข้ึนรูปได้ การเขียนแบบแผน่ คลด่ี ว้ ยวิธเี ส้นขนาน เส้นรัศมแี ละวิธีสามเหลย่ี ม 1. การเขยี นแบบแผ่นคล่ีด้วยวธิ ีเส้นขนาน วธิ กี ารเขยี นภาพด้าน 1) เขยี นรปู ด้านหน้าและรูปแปลน พรอ้ มทั้งกาหนดตวั อักษร A B C D E F 2) แบ่งเสน้ ขอบรูปทภี่ าพแปลนออกเปน็ สว่ นๆ พรอ้ มทั้งกาหนดตวั เลข 1-7 3) ลากเส้นตอ่ ระหว่างรูปทงั้ สอง จากจุดแบ่งทั้งหมด วิธเี ขียนแผ่นคลขี่ องรูป 1) ลากเส้นความยาวรอบรปู Stretchout Line ออกมาโดยวิธกี ารคานวณเสน้ รอบวง หรือ วธิ ีการแบ่งส่วนของเส้นของรูป (โดยการใช้วงเวยี นชว่ ย) 2) ลากเสน้ ฉายจากจดุ บนแนวติดท่อทุกเส้นให้ขนานเสน้ ความยาวรอบรูป แผนกวชิ าเทคนิคพน้ื ฐาน
75 3) ลากเส้นแบง่ ส่วนทกุ สว่ นของเส้นความยาวรอบรูปขึน้ ไปจะได้จุดตดั ของส่วนโคง้ ท่อ 4) เขียนส่วนโค้งตามจดุ ตา่ งๆ จะไดเ้ ปน็ แผน่ คล่ขี องช้ินงาน (ให้ไม้ Curve สัมผสั จุดตัดอย่างน้อย 3 จดุ ) 2. การเขียนแบบแผน่ คลดี่ ้วยวธิ เี สน้ รัศมี การเขยี นแบบแผน่ คลดี่ ว้ ยวธิ เี ส้นรัศมี Radial line Development จะใชก้ ับ งานท่ีมีลกั ษณะเป็นรูปทรงกรวย Cone ลม เหลย่ี ม หรือรปู ทรงพรี ะมิด Pyramid เป็นต้น กรวยตัดเอยี ง 1) วธิ ีเขยี นภาพดา้ น (1) เขยี นรปู ดา้ นหน้า (2) เขยี นรูปด้านแปลน (3) แบ่งสว่ นทรี่ ปู แปลนออกเป็นสว่ นเทา่ ๆ กนั (โดยใช้วงเวียนชว่ ยแบง่ ) (4) ลากเสน้ จากจุดแบ่งท่รี ูปแปลนไปตดิ ยงั ฐานของรูปด้านหน้า (5) จากจุดตดั ทฐ่ี านลากเส้นไปยงั จุดยอดท่ีรูปดา้ นหน้าโดยตดั ผา่ นเส้น ปากกรวยตดั เอยี ง 2) การหา True Length Line ลากเสน้ จากจุดตัดที่ปากกรวยตัดเอยี งขนานไปกบั เสน้ ฐานจนตดั กบั เสน้ ขอบของกรวย 3) การหาตาแหน่งเส้นโค้ง (Curve line ของแผน่ คล่ี (1) ใช้จุดยอดกรวย A เปน็ จดุ ศูนยก์ ลาง กางรศั มีถึงเสน้ ฐาน (B) เขียนสว่ นโคง้ จะได้เส้น ความยาวรอบรปู (2) ใช้ A เปน็ จุดศนู ย์กลาง กางรศั มีไปถึงจุดตดั ที่ขอบด้านข้างของกรวยแลว้ เขยี นสว่ นโคง้ จากจดุ ต่างๆ ให้ยาวเท่ากบั เส้นความยาวรอบรูป (3) กางวงเวียนเทา่ กบั ส่วนแบ่งของรปู แปลนเพยี งส่วนเดยี ว นามาตัด ที่เส้นความยาวรอบ รปู ให้ได้จานวนครบเท่ากบั รูปแปลน (4) จากจดุ A ลากเส้นมายังจดุ ตดั ท่ีแบง่ ไว้ในข้อ 3 จะผา่ นเสน้ ส่วน โค้งทไี่ ด้จากข้อ 2 จะ ได้จดุ ตัดของ Curve 4) การเขยี นแผน่ คลี่ (1) เขียน Curve ท่ีผา่ นจดุ ตัดต่างๆ (ใช้บรรทัดโค้ง หรอื กระดูกงสู มั ผสั จุดอย่างน้อย 3 จุด) (2) เขียนแผน่ คลี่รปู กรวยตดั เอียง การเขียนแบบแผน่ คลด่ี ้วยวิธสี ามเหลี่ยม วธิ กี ารเขยี นภาพดา้ น 1) การเขียนภาพด้านเพื่อนาไปเขียนภาพคลีข่ อง Rectan ular To Round ใชภ้ าพด้านหนา้ Front View และภาพด้านบน (Plan) 2) จากภาพดา้ นบน แบ่งปากท่อของวงกลมออกเป็นส่วนๆ 3) ลากเส้นแบง่ สว่ นวงกลมไปยงั มุมต่างๆ ของส่ีเหลี่ยมผนื ผา้ 4) ลากเสน้ ฉายจากรปู ดา้ นบนไปยงั ภาพด้านหน้า แผนกวชิ าเทคนิคพ้ืนฐาน
76 5) จากจดุ ตัดภาพฉาย ลากเสน้ แบง่ สว่ นไปยังมมุ ของฐาน การหา True Length 1) ใชค้ วามสูงของภาพด้านหน้าเขยี นเส้นตง้ั ฉากบนเสน้ นอน 2) ใช้ระยะจากภาพภาพด้านบน A-1, A-2, ……….., A-5 มาตดั บนเส้นนอน ใช้ Y เปน็ ศนู ย์กลาง 3) จากจุดต่างๆ ทตี่ ัดบนเส้นนอน แล้วลากเสน้ ขนึ้ ไปท่ีปลายจดุ ของเส้นตงั้ การเขียนแผน่ คลี่ 1) ลากเสน้ นอน A - B เท่ากับความยาวของดา้ นสเ่ี หลย่ี ม 2) ใชร้ ะยะ A - เข นจดตัดท่ี 7 3) ลากเส้นจากจดุ ตดั (1) มายัง A - B จะไดร้ ปู สามเหลี่ยม A 1 B 4) ใช้ระยะจากจดุ แบง่ สว่ นวงกลมใช้ 1 เปน็ จุดศูนย์กลางเขยี นส่วนโคง้ 5) A แ B เปนจดศนู ย์กลาง ระยะ A2,..., A5 ไปตด นโ 6) ปฏิบตั ติ ามข้อ 4, 5 7) นาด้านทเี่ หลือมาปฏบิ ตั ติ ่อจนได้รปู แผ่นคล่ีอยา่ งสมบรู ณ์ แผนกวิชาเทคนคิ พนื้ ฐาน
77 แบบฝกึ หัดพรอ้ มเฉลย แผนกวชิ าเทคนคิ พืน้ ฐาน
78 แบบทดสอบการเรียนรู้ หน่วยท่ี 1 คาชีแ้ จง เตมิ เครอ่ื งหมายถูก / หนา้ ข้อความท่ีถกู และเติมเครอื่ งหมายผิด X หน้าข้อความที่ผิด / 1. สิง่ ท่ีสาคญั ทส่ี ดุ ในการปฏบิ ัติงาน คอื ความปลอดภัย / 2. ก่อนการเช่ือมควรตรวจสอบเครือ่ งมอื อุปกรณ์ตา่ ง ๆ ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้ X 3. รังสที ี่เกิดจากการเชือ่ ม คอื รังสอี ลั ตราโซนิค X 4. ขณะทาการเปลี่ยนลวดเชอ่ื มใหม่ ควรใส่ถุงมือหรอื วางลวดเชือ่ มไวแ้ ล้วนาหัวเชือ่ มเข้าไปจบั X 5. การเพิ่มหรอื การลดกระแสไฟทาได้ขณะเครื่องเชื่อมกาลังทางาน / 6. เคร่ืองเชือ่ มเปน็ อุปกรณ์ท่ีกาเนดิ พลังงานโดยผลิตกระแสและแรงเคล่อื น X 7. ในการจับสายดินกบั ช้ินงานไม่ควรจบั ใหแ้ น่นเกินไป X 8. สายเชอื่ มไฟฟูาสว่ นมากจะทาดว้ ยทองเหลืองผสม / 9. ความเขม้ ของกระจกกรองแสงควรใช้เบอร์ 10-14 / 10. หวั จับลวดเช่อื มทีด่ ีต้องเป็นฉนวนไฟฟาู X 11. การเชอ่ื มงานในที่สงู หรืองานโครงหลังคาควรใช้หนา้ กากแบบมือถือ X 12. ค้อนเคาะสแลกควรทาด้วยเหล็กหลอ่ / 13. การต่อสายหวั จบั ลวดเชอ่ื มควรต่อท่ีขว้ั บวก / 14. การจับยดึ ลวดเชอื่ ม ต้องจับลวดเช่อื มทีบ่ รเิ วณแกนลวด / 15. ทางานเชือ่ มนอกสถานทีท่ ่ีไม่มไี ฟฟูาใชค้ วรใช้เครอ่ื งเช่ือมแบบเยนเนอเรเตอรข์ บั ด้วยเครื่องยนต์ แผนกวชิ าเทคนิคพื้นฐาน
79 แบบทดสอบการเรยี นรู้ หนว่ ยที่ 2 คาชแี้ จง ตอบคาถามต่อไปน้ใี ห้สมบรู ณ์ 1. การเช่อื มไฟฟาู ด้วยลวดเชื่อมหุ้มฟลักซ์ หมายถงึ การเชอื่ มไฟฟาู โดยใชล้ วดเชอ่ื มหมุ้ ฟลักซ์ (SMAW) หรอื ที่เรามกั เรยี กกันว่า กันเชือ่ มธปู บางตารามกั เรยี กกนั ว่า Metal Arc (MMA) หรือ Stick Welding การเชื่อมแบบน้ลี วดเช่ือมจะมีฟลักซห์ ุ้มภายนอก แกนลวด และกระแสไฟฟูาจะถกู สง่ ผา่ นแกนลวดเช่อื มไปยังสว่ นปลาย กระแสไฟฟาู ทีม่ ีท้ังชนดิ กระแสตรง (DC) และชนดิ กระแสสลบั (AC) 2. ลวดเชอ่ื มไฟฟาู มีก่ปี ระเภท อะไรบ้าง จะใช้ลวดเชือ่ ม 2 ชนดิ คือ ลวดเช่ือมเปลอื ย (Bare Electrode) ซ่งึ ใช้ในกระบวนการเชือ่ มทิก (TIG) และการเชื่อมมิก (MIG) และลวดเชอื่ มทีม่ ีสารพอกหมุ้ (Flux Covered Electrode) 3. องคป์ ระกอบของการเชื่อมไฟฟาู มอี ะไรบ้าง 1. ลวดเชอ่ื ม 2. กระแสไฟ 3. ระยะอารก์ 4. มมุ ลวดเชือ่ ม 5. ความเร็วในการเคล่ือนที่ของลวดเชื่อม 4. ระยะอารค์ หมายถึง ระยะอาร์ก หมายถงึ ระยะหา่ งความโตระหว่างลวดเชือ่ มกับชน้ิ งาน ระยะอาร์กทเ่ี หมาะสมจะเท่ากับ ความโตของเส้นผา่ ศูนยก์ ลางของลวดเชอื่ ม 5. การเร่ิมต้นอารก์ มากีแ่ บบอะไรบา้ ง 2 แบบ 1. แบบเตะสมั ผสั 2. แบบเขย่ี สมั ผสั แผนกวิชาเทคนคิ พืน้ ฐาน
80 แบบทดสอบการเรียนรู้ หน่วยท่ี 3 คาช้แี จง จบั คูโ่ ดยนาอักษรภาษาองั กฤษท่ีอยู่หน้าข้อความทถี่ กู ต้องมาใส่หนา้ ตวั เลข .......D...... 1. A. Butt Joint .......E...... 2. B. Lap Joint C. Edge Joint D. Corner Joint E. Tee Joint F. Horizontal Butt Joint ......B....... 3 ......A....... 4. .......C...... 5. แผนกวิชาเทคนคิ พนื้ ฐาน
81 แบบทดสอบการเรยี นรู้ หนว่ ยที่ 4 คาชแี้ จง ตอบคาถามต่อไปนี้ให้สมบรู ณ์ 1. แอง่ โลหะปลายแนวเชื่อม (Crater) หมายถึง เปน็ จดุ ทม่ี ีความแข็งแรงต่าสุดของแนวเชอ่ื มและเป็นจุดเริ่มต้นของการแตกรา้ วจงึ จาเปน็ ตอ้ งเตมิ ลวด เชื่อมท่ีปลายแอง่ โลหะใหเ้ ต็ม 2. การต่อแนวเชอ่ื มมีก่ีวิธี อะไรบา้ ง 2 วิธี 1.ตอ่ ในกรณที ่ีเป็นแอ่งปลายเชอ่ื มยงั ร้อนอยู่ 2. ต่อในกรณที ี่แอ่วปลายเชอ่ื มเยน็ ตัวลง 3. การต้งั กระแสไฟสงู เกนิ ไปจะมผี ลอย่างไร - มี Sptter มาก - แนวราบแบบ 4. การเกดิ Spatter เกิดไดอ้ ยา่ งไร กระแสไฟสงู เกนิ ไป ระยะอาร์กหา่ งเกนิ ไป 5. การเกดิ Slag Inclusion เกิดได้อย่างไร กระแสไฟเช่ือมตา่ ระยะอาร์กสัน้ มุมลวดและความเร็วไม่ถูกต้อง แผนกวิชาเทคนิคพื้นฐาน
82 แบบทดสอบการเรียนรู้ หนว่ ยที่ 5 คาช้แี จง ตอบคาถามต่อไปน้ีให้สมบรู ณ์ 1. เพราะเหตุใดจงึ หา้ มไม่ให้ใช้จาระบีหรอื นา้ มนั หลอ่ ลน่ื มาบริเวณขอ้ ต่าง ๆ ในงานเช่ือมแกส๊ มแี กส๊ รั่วอาจทาปฏิกิรยิ ากับจาระบหี รอื นา้ มนั ทาให้เกิดการลกุ ไหม้ได้ 2. อธบิ ายความแตกตา่ งระหวา่ งแก๊สออกซิเจนกบั แก๊สอะเซทลิ นี ออกซเิ จน ไม่มสี ี ไมม่ ีกลิ่น ไม่มีรส อยใู่ นบรรยากาศประมาณ 21% อะเซทลิ ีน ไวไฟมาก ไมม่ สี ี ไม่มีกลิ่น นา้ หนกั เบากวา่ อากาศ 3. วาลว์ ปูองกันไฟย้อนกลบั จะตดิ ไว้กับอปุ กรณ์ใด เพราะเหตใุ ด ปอู งกนั ไฟย้อนกลบั และความดันย้อนกลบั เพื่อปูองกันเปลวไฟจากหัวเชอื่ มหรอื ความดนั แกส๊ ออกซเิ จนย้อนเขา้ สู่ท่อจา่ ยแก๊ส อะเซทิลีน 4. เหตุใดจงึ เติมสารอะซโิ ตนในถงั แก๊สอะเซทิลีน บรรจุวสั ดุซึมซับทีส่ ามารถจับละลายอะซโิ ตนไว้ภายใน 5. ในการตรวจสอบรอยร่วั ซึมของข้อตา่ ง ๆ ใชอ้ ะไรตรวจสอบ ควรใช้นา้ สบู่หรือผงซักฟอกเท่าน้ัน แผนกวิชาเทคนคิ พื้นฐาน
83 แบบทดสอบการเรียนรู้ หน่วยท่ี 6 คาชแ้ี จง ตอบคาถามต่อไปนี้ให้สมบรู ณ์ 1. อธบิ ายความหมายของการเชื่อมแก๊ส การเช่ือมแกส๊ (Gas Welding) หมายถงึ การทาให้โลหะชน้ิ งานหลอมละลายตดิ กัน โดยอาศยั ความ ร้อนที่เกิดจากการเผาไหม้ของแก๊สเช้อื เพลงิ และออกซิเจนหลอมละลายโลหะชิ้นงานใหต้ ิดกันซ่งึ เตมิ ลวด เชอ่ื มหรอื ไมเ่ ติมลวดเช่ือมก็ได้ 2. การผลติ แก๊สออกซเิ จนผลิตไดก้ วี่ ิธี อะไรบา้ ง การผลิตแกส๊ ออกซเิ จนโดยการแยกนา้ ดว้ ยไฟฟูา (Electrolysis) การผลติ แก๊สออกซเิ จนโดยการทาให้เปน็ อากาศหนาว (Liquefying air) 3. บอกคุณสมบัติของแก๊สอะเซทลิ ีนอยา่ งน้อย 3 ข้อ สามารถติดไฟได้ด้วยประกายไฟ ความรอ้ นสูงประมาณ 6,000 ° F ไมม่ สี มี ีกลนิ่ ฉนุ เบากว่าอากาศ 4. เปลวไฟทใี่ ช้เช่ือมแก๊สมกี ีเ่ ปลว อะไรบา้ ง การผลิตแกส๊ ออกซเิ จนโดยการทาใหเ้ ปน็ อากาศเหลว (Liquefying air) เปลวคาร์บไู รซิง่ (Carburizing) 5. ลวดเชอื่ มแก๊สมีกปี่ ระเภท อะไรบา้ ง ลวดเช่อื มทเี่ ป็นเหล็ก (Ferrous Rod) ลวดเชอ่ื มที่ไม่ใชเ่ หล็ก (Non Ferrous Rod) แบบทดสอบการเรียนรู้ หนว่ ยท่ี 7 คาช้แี จง ตอบคาถามต่อไปนใี้ หส้ มบรู ณ์ แผนกวิชาเทคนคิ พ้นื ฐาน
84 1. การตดั โลหะดว้ ยแกส๊ หมายถงึ อะไร การให้ความร้อนแกช่ น้ิ งานบริเวณทีต่ ้องการตัดดว้ ยเปลวไฟจากวัสดุ (Cutting Flame) จนรอ้ นแดงมี อณุ หภูมิสงู ถึงจุดไหมจ้ ากน้ันจึงกดล้ินปล่อยแกส๊ ออกซิเจนบริสุทธิ์ ซึง่ มแี รงดนั สูงออกจากทอ่ ตรงกลางของหวั ตดั ใหป้ ะทะกับชิน้ งานท่ถี ูกให้ความรูน้ ั้น 2. การตดั โลหะด้วยแกส๊ ใช้ตัดโลหะชนิดใด เหลก็ เหนยี ว หรอื เหล็กคารบ์ อนตา่ 3. หวั ตดั แกส๊ จะมีวาล์วก่ตี วั อยู่ท่ีใดบ้าง หวั ตดั จะมีวาล์วควบคุม 3 หรอื 4 วาลว์ คอื วาลว์ หมุนเปิด-ปิดของแก๊สออกซเิ จน วาลว์ แก๊สอะเซทิลนี ใช้ปรบั เปลวไฟแกส๊ สาหรบั อุน่ งาน วาลว์ หมนุ เปิด-ปดิ อกี ตัวเป็นวาล์วของแก๊สออกซิเจนสาหรับตดั และวาล์วตวั สดุ ทา้ ยเป็นวาล์วกด มลี กั ษณะเป็นดา้ มสาหรับกดตัดสาหรับเปลวไฟท่จี ะใชจ้ ะปรับ 4. Cutting torch guides คืออะไร อุปกรณ์สาหรบั ช่วยงานตดั โลหะใหส้ ะดวกมีระยะหา่ งระหว่างหัวตดิ กบั ชิ้นงานท่ีแนน่ อน กว่าการใช้มือ ประคองตดั 5. เปลวไฟที่ใชใ้ นการตดั โลหะด้วยแกส๊ คือเปลวชนดิ ใด เปลวกลาง (Neutral Flame) 6. การแลน่ ประสาน หมายถึงอะไร กระบวนการประสานโลหะชน้ิ งาน 2 ชน้ิ ใหต้ ิดกัน โดยใช้ลวดเชื่อมทมี่ จี ุดหลอมเหลวสงู กวา่ 840 °F (Capillary Attraction) โดยใชฟ้ ลักซ์เปน็ ตวั ชว่ ยในการไหลของลวดเช่อื ม โดยทีโ่ ลหะช้ินงานจะเปน็ ประเภท เดยี วกนั หรือต่างประเภทกันก็ได้ 7. ลวดเชื่อมแก๊สในการแลน่ ประสานมกี ช่ี นดิ อะไรบา้ ง 2 ชนิด คือ ลวดเชอื่ มทองเหลือง สว่ นผสมทีส่ าคญั คือ ทองแดง (57%) สงั กะสี (42%) และดีบุก (1%) ลวด เชอ่ื ม ส่วนใหญเ่ ป็นลวดเช่ือมเงินเจือ คือ ส่วนผสมของเงนิ ทองแดง สังกะสี และแคลเซียม ลวดเชอ่ื มเงิน สามารถใช้เชื่อมเครอ่ื งประดบั และโลหะรูปพรรณทองแดง ในระบบทาความสะอาด 8. ฟลกั๊ ซ์ที่ใช้ในการแลน่ ประสาน มีหน้าทอ่ี ะไร หรือตัวประสาน ทีใ่ ช้ในการแล่นประสานมที ัง้ ชนดิ เหลวและชนดิ ผง ทาให้ท่ีรักษาโลหะชิ้นงาน ทา ความสะอาดแลน่ ประสาน ขจัดออกไซดข์ ณะแลน่ ประสาน เป็นตัวช่วยประสานทาใหล้ วดเชอ่ื มสามารถละลาย แทรกประสานรอยต่อไดง้ า่ ยข้ึน แผนกวิชาเทคนิคพ้นื ฐาน
85 9. รอยตอ่ ลกั ษณะใดทเ่ี หมาะกบั การแล่นประสาน การต่อเกย 10. จงบอกข้อดีของการแล่นประสาน - สามารถต่อโลหะชิน้ งานตา่ งชนดิ กนั ได้ - ใช้ความรอ้ นในการแลน่ ประสานไม่สูงมาก - โลหะชิ้นงานไม่มีการปดิ ตวั หรือปดิ ตัวนอ้ ย - สามารถต่อโลหะชน้ิ งานที่มีความหนาไม่เทา่ กันได้ แผนกวชิ าเทคนคิ พน้ื ฐาน
86 แบบทดสอบการเรียนรู้ หน่วยที่ 8 คาช้ีแจง เตมิ เครอื่ งหมายถูก หน้าขอ้ ความทีถ่ ูกและเตมิ เครือ่ งหมายผดิ หน้าข้อความที่ผดิ ......×...... 1. การปฏบิ ตั งิ านดา้ นโลหะแผ่นสิง่ ท่ีสาคญั ที่สุดคือเคร่ืองมือและเครื่องจักร ......./..... 2. ควรตรวจสอบอุปกรณใ์ นงานโลหะแผน่ ก่อนปฏิบัตงิ าน ......×...... 3. โลหะแผน่ หมายถึง โลหะแผน่ ทกุ ชนดิ ที่มคี วามหนาไมเ่ กนิ 5 มิลลิเมตร ......./..... 4. โลหะแผน่ แบง่ ออกเปน็ 2 ประเภท คอื โลหะแผ่นเปลือยกบั โลหะแผ่น เคลอื บ ......×...... 5. สงั กะสี จัดอยใู่ นโลหะแผน่ ประเภทโลหะแผน่ เปลือย ......×...... 6. โลหะแผ่นมีอยู่ขนาดเดียว คือ 4x8 ฟตุ ......×...... 7. กรรไกรตดั เหลก็ จดั เปน็ เคร่ืองมือวดั และเคร่ืองมือร่างแบบ ......×...... 8. กรรไกรตดั ตรงใชต้ ัดโลหะที่มีความหนาไดถ้ ึงเบอร์ 16 ......./..... .9. กรรไกรเอวิเอช่ันสีเขยี วเปน็ กรรไกรตัดซา้ ย ......×...... 10. กรรไกรเอวิเอชัน่ สเี หลอื งเป็นกรรไกรตดั ขวา แผนกวชิ าเทคนคิ พ้นื ฐาน
87 แบบทดสอบการเรียนรู้ หน่วยท่ี 10 คาช้แี จง ตอบคาถามต่อไปน้ีให้สมบูรณ์ 1. การบดั กรี (Solder) หมายถงึ การตอ่ โลหะช้ินงานให้ยึดตดิ กันโดยใช้โลหะประสานท่มี จี ุดหลอมเหลวต่ากว่าช้นิ งานเกาะยึดชน้ิ งานไว้ ด้วยแรงดงึ ดูดระหว่างอณู โดยชิน้ งานไม่ไดห้ ลอมละลายและอาศัยน้าประสานเปน็ ตวั ชว่ ยในการเกาะยืด 2. หวั แร้งบัดกรี มีกีช่ นิดอะไรบ้าง แบง่ เป็น 2 ประเภท หัวแร้งเผาและหัวแร้งไฟฟูา 3. ข้อดขี องหัวแร้งบดั กรที องแดง คืออะไร เพราะเป็นตวั นาและถ่ายเทความร้อนทดี่ แี ต่ราคาแพง ดังนั้นจึงมหี ัวแร้งทที่ าจากเหล็กกล้าออกมา จาหนา่ ยซงึ่ มคี ุณภาพในการบัดกรีต่ากวา่ หัวแร้งทองแดง 4. โลหะบัดกรี หมายถึง สาหรับการบัดกรีออ่ นน้ี โลหะบดั กรีท่ใี ชท้ วั่ ไปเปน็ โลหะผสมระหวา่ งสนกุ กับตะกวั่ ซงึ่ มีคุณภาพจะ ขึ้นกบั อัตราส่วนผสมระหวา่ งดีบุกและตะกว่ั สาหรบั การใช้งานเฉพาะอยา่ งทต่ี ้องการคุณภาพของงานสูงขน้ึ เช่น ต้องการค่าความทนตอ่ แรงดึงสูงขนึ้ 5. น้ายาประสาน (Flux) มีกี่ชนดิ อะไรบ้าง ได้แก่ กรดเกลือ สังกะสคี ลอไรด์ เป็นตน้ และ ประเภททไี่ ม่กัดกร่อน (Noncorrosive Flux) 6. การย้าหมดุ (Riveting) หมายถงึ เปน็ กระบวนการต่อแผ่นโลหะแบบถาวรอกี วธิ หี นึง่ การย้าหมดุ จะใชก้ ับแผ่นโลหะที่มีขนาดบางหรอื เล็ก โดยการนาโลหะแผน่ มาต่อเกยกัน จากน้นั จะเจาะรูช้นิ งานให้ทะลแุ ลว้ ตอกหรือย้าดว้ ยเคร่อื งมอื ยา้ หมดุ โลหะจะยึดตดิ กนั ด้วยความแขง็ แรง 7. ตวั หมดุ ยา้ ทาจากวัสดุใด ทาจากโลหะอ่อนเหนยี ว เชน่ ทองเหลือง อะลูมิเนยี ม ทองแดง เหลก็ ดา 8. หมุดย้ามกี แี่ บบ อะไรบ้าง แบบหวั แบน (Flat Head) แบบหัวกลม (Round Head) แบบหวั ฝงั (Countersunk Head) 9. วธิ ีการย้าหมดุ ด้วยมือ มีกี่ขนั้ ตอนอะไรบา้ ง 3. ขนั้ ตอน 1. เลือกขนาดของหมดุ 2. เจาะรใู ส่หมดุ 3. ย้าหมุดกบั ชิ้นงานโดยแท่งย้าหมุด 10. ข้อควรระวังของการยา้ หมดุ คือ การเจาะรู เพ่อื ใสห่ มดุ ไมค่ วรโตเกินขนาดของตวั หมุด แผนกวชิ าเทคนคิ พน้ื ฐาน
88 แผนกวิชาเทคนิคพ้ืนฐาน
89 แบบทดสอบการเรียนรู้ หนว่ ยท่ี 11 คาชี้แจง ตอบคามต่อไปนี้ให้สมบรู ณ์ 1.การเขียนแบบแผน่ คล่ีทาได้กีว่ ิธี อะไรบา้ ง 4วธิ ี 1.การเขียนแบบแผน่ คลีอ่ ยา่ งง่าย 2.การเขียนแบบแผน่ คลีด่ ว้ ยวิธีเส้นขนาน 3.การเขยี นแบบแผ่น คล่ีดว้ ยวิธเี ส้นรัศมี 4.การเขยี นแบบแผน่ คล่ดี ว้ ยวธิ เี สน้ สามเหล่ยี ม 2.การเขียนแบบแผ่นคล่ีอยา่ งงา่ ยเริ่มตน้ เขยี นไดก้ ว่ี ิธี อะไรบ้าง 2 วธิ ี ใช้กับการเขียนแบบแผน่ คลี่ทีม่ รี ปู ทรงกลมและแบบทรงสเ่ี หลีย่ ม 3.การเขียนแบบแผ่นคลดี่ ว้ ยวิธีเส้นขนาน เหมาะสาหรบั งานลกั ษณะใด ลกั ษณะท่มี ดี ้านเสน้ ตรงและเสน้ ขนานเช่นแท่งปริซึม แทง่ ทรงกระบอก 4.การเขยี นแบบแผ่นคลีด่ ว้ ยวิธีเสน้ รศั มี เหมาะสาหรับงานลักษณะใด ลกั ษณะงานที่มเี สน้ แบง่ ส่วนเป็นรัศมี เชน่ กรวย พรี ะมิด 5.การเขียนแผน่ คลี่ทใ่ี ช้หลกั การหาเส้นความสูงจรงิ จากเสน้ 2 เส้น ทีท่ ามมุ ฉากซึง่ กันและกันมาเขียนคือ การเขียนแบบแผ่นคลีว่ ิธใี ด การเขียนแบบแผ่นคลี่ดว้ ยวธิ ีเสน้ สามเหลยี่ ม บทท่ี 1 1.รังสใี ดที่ ไม่ได้ เกิดขน้ึ โดยตรงจาก แสง ก. รงั สอี ลั ตราไวโอเลต /ข. รังสนี ิวตรอน ค. แสงท่ีมองเหน็ ง. รังสอี ินฟาเรด 2. รงั สชี นิดใดกอ่ ให้เกิดความรอ้ น /ก. รังสอี ัลตราไวโอเลต ข. รังสแี กมมา ค. รงั สนี ิวตรอน ง. รังสีอินฟาเรด 3. การเชอ่ื มอาร์กควรปูองกนั รังสจี ากอารก์ ด้วยวธิ ีใด /ก. ใชก้ ระจกกรองแสงท่ีเหมาะสม ข. ใสแ่ วน่ ตาดาขณะเช่ือม ค. ใช้มอื บงั ขณะอาร์ก ง. หลับตาขณะอารก์ แผนกวิชาเทคนิคพ้นื ฐาน
90 4. เครื่องเช่ือมไฟฟาู มลี ักษณะท่สี าคัญอย่างไร ก. นา้ หนกั เบา ข. กนิ ไฟต่า /ค. กระแสสูง แรงดันตา่ ง. แรงดันไฟฟูา 220 โวลต์ 5. การต่อข้ัวเชื่อมกระแสสลบั (AC) จะต่อข้ัวเช่ือมอย่างไร /ก. สายดนิ เปน็ ข้วั บวก ข. สายดนิ เปน็ ขั้วลบ ค. สายเชื่อมต่อไดท้ ้ังบวกและลบ ง. สายเชื่อมเปน็ ข้วั บวก 6. การต่อขัว้ เชอ่ื มกระแสตรง(DCEP)จะต่อดังน้ี /ก. สายเชื่อมเป็นขั้วบวก ข. สายเชอ่ื มเปน็ ขว้ั ลบ ค. สายดินเป็นขว้ั บวก ง. สายเชอื่ มเปน็ ได้ทั้งบวกและลบ 7. หน้ากากเชื่อมไฟฟูาโดยท่ัวไปใช้กระจกกรองแสงเบอร์อะไร ก. เบอร์ 5 /ข. เบอร์ 10 ค. เบอร์ 15 ง. เบอร์ 20 8. เครื่องเช่อื มที่ผลติ เฉพาะกระแสไฟสลับ (AC) เท่านน้ั คอื เครื่องเช่ือมแบบใด ก. แบบเครื่องยนต์ขับ ข. แบบมอเตอร์ขับ ค. แบบเครอ่ื งเรยี งกระแส / ง. แบบหม้อแปลง 9. ในระบบเครอ่ื งเช่ือมอุปกรณ์ท่ีเปล่ียนกระแสสลบั เปน็ กระแสตรงคืออุปกรณ์ใด ก. หม้อแปลง ข. ความถสี่ งู / ค. เคร่ืองเรียงกระแส ง. คาปาซิเตอร์ 10. อปุ กรณ์ทีใ่ ชผ้ ลิตกระแสเชอื่ มคืออะไร ก. สายเช่ือม /ข. เคร่ืองเช่ือม ค. ตัวจับอเิ ลก็ โทรด ง. ขอ้ ตอ่ สายเช่อื ม บทที่ 2 1.การเชื่อมไฟฟูาดว้ ยลวดเชือ่ มหุ้มฟลักซ์ ความร้อนเชื่อมได้จากอะไร ก. ความเหน่ยี วนาไฟฟาู ข. การอาร์กไฟฟาู แผนกวิชาเทคนคิ พ้นื ฐาน
/ค. ความตา้ นทานไฟฟา้ 91 ง. การสันดาป / ค. 2. การเชือ่ มไฟฟาู ด้วยลวดเช่ือมหุ้มฟลักซ์มีชอ่ื เรยี กอะไรได้อีก ก. การเชื่อมใตฟ้ ลกั ซ์ ข. การเชอ่ื มพลาสมา ค. การเชือ่ มอารก์ อน /ง. เชอื่ มอาร์กโลหะด้วยมอื 3.แกนลวดเชอ่ื มเหลก็ มหี นา้ ที่หลักอย่างไร ก. สแลกปกคลุมแนวเช่ือม / ข. เปน็ เนอื้ เชือ่ ม ค. เป็นทางผ่านของกระแสไฟเชื่อม ง. ปูองกนั ความช้นื 4. ขอ้ ใดเปน็ หนา้ ทขี่ องฟลักซห์ มุ้ แกนลวดเชอื่ ม ก. เติมธาตุใหเ้ นื้อเช่ือม ข. เพม่ิ สมบัตกิ ารอาร์ก ค. ผลติ แก๊สปกคลมุ บริเวณอาร์ก /ง. ถูกทกุ ขอ้ 5. มาตรฐานข้อใดเปน็ ของประเทศญปี่ ุน ก. BS ค. AS /ข. JIS ง. DIN 6.รหสั ลวดเชอ่ื มมาตรฐาน AWS E 6013 อักษร E หมายถงึ ข้อใด ก. ความตา้ นทานแรงดงึ ต่าสดุ ข. ตาแหน่งทา่ เชือ่ ม ค. ชนิดของฟลกั ซ์ / ง. ลวดเชอ่ื มไฟฟ้า 7. รหัสลวดเชือ่ มมาตรฐาน AWS E 6013 เลข 60 หมายถึงข้อใด /ก. ความตา้ นทานแรงดงึ ต่าท่ีสดุ ข. ตาแหน่งท่าเชือ่ ม ค. ชนิดของฟลักซ์ ง. ลวดเชื่อมไฟฟาู 8. อตั ราการเติมเนื้อเชื่อมเพ่มิ มากขนึ้ เม่ือใด ก. ใชล้ วดเชอ่ื มหุ้มฟลักซบ์ าง ข. เติมผงเหล็กในฟลกั ค. เพิ่มความเร็ว /ง. ใชร้ ะยะอารก์ สูง 9. ลวดเชอ่ื ม AWS E 6013 ใชก้ ระแสไฟเช่อื มชนดิ ใด ก. AC ข. DCEP ค. DCEN /ง. ถูกทกุ ข้อ 10. สว่ นใดของลวดเชอ่ื มห้มุ ฟลักซท์ าหนา้ ท่ีผลติ แก๊สปกคลุมบ่อหลอม ก. ปลายลวดเช่อื ม ข. แกนลวดเชอื่ ม ฟลักซห์ ุม้ ลวด ง. โคนลวดเชอ่ื ม บทที่ 3 1. รอยต่อตวั ที เชอื่ มด้วยแนวเชอื่ มใด ก. บากวดี า้ นเดยี ว ข. บากวีสองด้าน แผนกวิชาเทคนคิ พื้นฐาน
92 ค. บากยดู ้านเดยี ว /ง. ฟิลเล็ท 2. ในการเชอื่ มทา่ ใดเกิดจุดบกพร่องน้อยทีส่ ดุ ก. ท่าต้ัง ข. ทา่ ขนานนอน /ค. ทา่ ราบ ง. ท่าเหนอื ศีรษะ 3. การเชื่อมท่าใดทีไ่ มต่ อ้ งระมัดระวังในเรื่องของการไหลย้อยของนา้ โลหะ /ก. ทา่ ราบ ข. ทา่ ขนานนอน ค. ทา่ ต้ัง ง. ท่าเหนอื ศรี ษะ 4. ในการเชื่อมท่าต้ังเชื่อมข้นึ มักมีการไหลย้อยของน้าโลหะมากจะมีวธิ แี ก้ไขอย่างไร ก. ใชก้ ระแสไฟเชื่อมต่า ข. ใชก้ ระแสไฟเช่ือมสงู /ค. สา่ ยลวดเช่อื ม ง. ไม่ควรส่ายลวดเชื่อม 5. ในการเชือ่ มทา่ ใดที่มีปัญหาสะเก็ดใส่ชา่ งเชื่อมมากทีส่ ุด ก. ทา่ ราบ ข. ท่าขนานนอน ค. ทา่ ตง้ั /ง. ทา่ เหนือศีรษะ 6. จากรปู คอื รอยต่อชนิดใด ก. รอยต่อชน ข. รอยตอ่ มมุ ง. รอยตอ่ ตัวที / ค. รอยตอ่ เกย /ข. มมุ รอ่ งรวมของชนิ้ งานท้ังสอง 7. ลกั ษณะรอยต่อพน้ื ฐานมีก่ีแบบ ง. ความหนาช้ินงาน ก. 2 แบบ ข. 4 แบบ ข. ชิ้นงานตัง้ ฉากกนั ง. ชนิ้ งานวางซ้อนกัน ค. 3 แบบ ง. 5 แบบ 8. ทา่ เช่ือมทา่ ใดเชื่อมงา่ ยที่สุด /ก. ทา่ ราบ ข. ท่าต้ังขน้ึ -ลง ค. ทา่ ขนานนอน ง. ท่าเหนือศรี ษะ 9. Groove Angle หมายความวา่ อย่างไร ก. ระยะห่างระหวา่ งรอยตอ่ ค. ผวิ เอยี งของรอยตอ่ ชิ้นงาน 10. ลกั ษณะใดเป็นรอยต่อเกย ก. ชน้ิ งาน 2 ช้ินมาวางต่อกัน / ค. ชิ้นงานต่อเกยกัน บทที่ 4 1. เทคนคิ ในการเริ่มตน้ อารก์ มีกว่ี ิธี ก. 1 วธิ ี /ข. 2 วิธี ค. 3 วธิ ี ง. 4 วธิ ี 2. ระยะการอารก์ (Arc Length) ท่ีถูกต้องคือ /ก. เทา่ กบั เสน้ ผ่านศนู ย์กลางของลวดเช่ือม ข. น้อยกวา่ เสน้ ผา่ นศูนยก์ ลางของลวดเชอ่ื ม ง. ขึ้นอยกู่ ับผ้เู ชอ่ื ม ค. มากกว่าเสน้ ผ่านศูนย์กลางของลวดเชอื่ ม แผนกวชิ าเทคนิคพ้ืนฐาน
93 3. ถ้าลวดเช่อื มติดกบั ชนิ้ งานเปน็ ระยะเวลานานจะเกิดอะไรข้นึ ก. ฟลกั ซข์ องลวดเช่ือมจะหลุด ข. เคร่อื งเชอื่ มไม่ทางาน ค. หวั จับลวดเชอ่ื มจะร้อนมาก /ง. สารพอกหุ้มไหม้เปลีย่ นเปน็ สีแดงเข้ม 4. วิธีปอู งกัน ไมใ่ ห้ เกิดแอ่งโลหะ (Crater) มวี ิธีการอย่างไร ก. เช่ือมถึงปลายแล้วยกลวดเช่ือมข้นึ ทนั ที ข. หยุดลวดเชื่อมท่ปี ลายลวดเชือ่ มเปน็ เวลา 10 วินาที / ค. เดินย้อนกลับไปเลก็ นอ้ ยเพอ่ื เติมลวด เชือ่ มให้เต็ม ง. ลดระยะอาร์กให้ต่าลง 5. ลวดเชอ่ื มทีเ่ หลือทงิ้ ควรให้มีขนาดเหลอื เท่าไร /ก. 1 นิ้ว ข. 2 นว้ิ ค. 3 นิว้ ง. ข้นึ อยู่กับการเชือ่ มงาน 6.ระยะอาร์กสูงมากเกนิ ไปจะเกดิ ผลอยา่ งไร ก. แนวเช่อื มเล็ก ข. แนวเชือ่ มใหญ่มาก /ค. ไมเ่ กดิ การอาร์ก ง. โอกาสท่ีลวดเช่อื มติดกบั ช้นิ งานมนี อ้ ย 7. การเคาะสแลกควรทาเม่ือใด ก. เชอื่ มเสร็จแล้วเคาะทันที ข. ปลอ่ ยใหแ้ นวเชอ่ื มเย็นตวั ลงก่อน ค. เชอื่ มไปเคาะไป / ง. ถกู ทุกข้อ 8. แนวเชอื่ มจะให้มคี วามกว้างไดก้ ีเ่ ท่าของเสน้ ผา่ นศูนย์กลางของลวดเชอื่ ม ก. 2 เท่า ข. 3 เทา่ /ค. 4 เท่า ง. 5 เทา่ 9. รอยเวา้ แหว่ง (Undercut) เกิดจากสาเหตุใด ก. ทา่ เช่อื มไม่ถูกต้อง ข. มีคราบนา้ มนั สนมิ ที่ตดิ กบั งาน /ค. กระแสไฟสงู เกินไป ง. ความเร็วในการเดนิ ลวดเชือ่ มมากเกินไป 10. Overlap มีลักษณะอยา่ งไร ก. รอยเว้าแหวง่ ท่แี นวเชื่อม ข. เกดิ เนื้อเกยบนช้นิ งานโดยไม่หลอมละลายกัน ค. เกดิ รูโพรงอากาศในแนวเช่ือม /ง. ไม่มีข้อถกู บทท่ี 5 1. ความปลอดภัยตามหลกั อาชีวอนามัยคอื ขอ้ ใด ก. ศิลปะท่เี กย่ี วกบั การปูองกันภัย ข. ส่งเสรมิ คุ้มครองผู้ประกอบอาชีพใหม้ ีความสมบรู ณ์ ค. ความปลอดภัยในงานอาชพี ท่ีถูกสขุ อนามัย /ง.ความปลอดภยั ในการทางาน โดยคานึงถึงผทู้ างานจากมลพิษตา่ ง ๆ 2.อปุ กรณใ์ นขอ้ ใดทีม่ ไี วส้ าหรับการทาความสะอาดหวั ทิพ /ก. Tip Cleaner ข. Torch ค. Spark Lighter ง. Goggles แผนกวิชาเทคนิคพนื้ ฐาน
94 3. ถงั บรรจอุ อกซเิ จนมีความดันแก๊สเทา่ ใดเมื่อบรรจุเตม็ ถัง ก. 250 psi ข. 1,100 psi ค. 500 psi /ง. 2,200 psi 4. ถงั บรรจแุ กส๊ ออกซเิ จนมีความหนาเท่าใด ก. 5 มม. /ข. 9 มม. ค.7 มม. ง. 15 มม. 5.ข้อใดเปน็ ความหมายของการเชื่อม (Welding)ตามมาตรฐานการเชื่อมสหรัฐอเมริกา (AWS) ก. การต่อวสั ดุให้ตดิ กันดว้ ยความรอ้ น ข. การต่อวัสดใุ หต้ ดิ กันด้วยแรงอดั ค. การตอ่ วสั ดุให้ติดกันโดยไมเ่ ตมิ ลวดเตมิ /ง. ถูกทกุ ขอ้ 6.กรรมวิธีการเชื่อมแก๊ส (Gas Welding) ใช้แก๊สชนดิ ใดเป็นเชือ้ เพลิง ก. ออกซเิ จน + แกส๊ หงุ ต้ม ข. ออกซิเจน + เบนซนิ / ค. ออกซิเจน + อะเซทลิ นี ง. อากาศ + อะเซทิลีน 7.ข้อควรระวังในการเก็บและขนยา้ ยถังออกซิเจนคือข้อใด /ก. ไมค่ วรถอดฝาครอบวาลว์ หวั ถังในขณะขนย้าย ข. ควรเอาถงั นอนและกล้งิ ไปในการขนย้าย ค. ควรหยอดนา้ มนั และทาจาระบที ี่อุปกรณ์ปรับความดนั ง. ถกู ทุกข้อ 8 แกส๊ อะเซทลิ ีน การเปดิ ใชง้ านใช้ความดันไม่เกิน เท่าไร ก. 5 ปอนด์/ตารางน้วิ ข. 10 ปอนด/์ ตารางนิว้ / ค. 15 ปอนด/์ ตารางนว้ิ ง. 20 ปอนด์/ตารางนิว้ 9. สายเชื่อมแกส๊ อะเซทิลีนเป็นสีอะไร ก. เขยี ว ข. น้าเงิน ค. ดา /ง. แดง 10.หนา้ ท่ขี องอุปกรณป์ รับความดันแกส๊ คือข้อใด ก. ลดความดันสูงเป็นความดันต่าเพือ่ ใชง้ าน /ข. ควบคุมอัตราการไหลของแก๊ส ค. ปูองกันไฟย้อนกลบั เข้าถงั ง. ถกู ทกุ ข้อ บทท่ี 6 1. ข้อใดคอื คณุ สมบตั ิของแก๊สอะเซตทลิ นี ก. ไมม่ ีกล่ิน /ข. น้าหนกั เบากว่าอากาศ ค. ไมม่ ีรส ง. มอี ยใู่ นบรรยากาศ 21% 2. การเช่อื มแกส๊ ลักษณะ Backhand จะเชอื่ มงานท่ีมคี วามหนาเท่าใด ก. 1มม. /ข. 3 มม. ค. 2 มม. ง. 10 มม. แผนกวชิ าเทคนิคพน้ื ฐาน
95 3. ในการเชอื่ มงานบางควรใชว้ ธิ กี ารเชอ่ื มแบบใด ก. Backhand ข. Groove Weld /ค. Forehand ง. Fillet Weld 4.ขอ้ ใดคือสัญลกั ษณท์ างเคมีของแกส๊ อะเซตทิลีน ก. CO2 /ข. C2H2 ค. C2O2 ง. H2O 5.ขอ้ ใดกล่าวถูกต้อง ก. ณ อณุ หภมู ิ 195.7˚cไนโตรเจนเหลวจะละเหยเปน็ แก๊ส ข. ณ อณุ หภมู ิ -195.7˚ออกซิเจนจะละเหยเปน็ แกส๊ /ค. ณ อุณหภูมิ -197.5˚cไนโตรเจนเหลวจะละเหยเปน็ แก๊ส ง. ณ อณุ หภมู ิ 197.5˚cไนโตรเจนเหลวจะละเหยเป็นแก๊ส 6. อะเซทลิ ีนสามารถละลายในอะซิโตนไดใ้ นปรมิ าณเท่าใด ก. 1 : 1 ข. 200 : 1 /ค. 100 : 1 ง. 300 : 1 7. การผลติ แก๊สอะเซตทลิ ีนแบบดงั้ เดมิ ใช้สารชนดิ ใดผสมกับน้า ก. แคลเซียม ข. ซัลฟลู ิคเอซิค /ค. แคลเซยี มคารไ์ บด์ ง. คารฟ์ ูออไรด์ 8.ขอ้ ใดคือการเชื่อม Vertical Position ก. งานเชื่อมราบกับพน้ื / ข. แนวเชือ่ มอยู่ในแนวด่งิ ค. แนวเชอื่ มขนานกับพ้ืน ง. แนวเชื่อมอยูเ่ หนอื ศีรษะ 9.เปลวไฟเช่ือมแกส๊ นอกจากนาไปใชเ้ ชอ่ื มแลว้ ยงั นาไปใชด้ า้ นอื่นอีก คือข้อใด ก. ทาความสะอาดผิวหน้าโลหะ ข. การบัดกรีแข็ง ค. ใหค้ วามรอ้ นงานก่อนและหลงั เช่อื ม / ง. ถกู ทุกข้อ 10. ชิน้ ส่วนทีอ่ ย่ปู ลายสุดของหัวเช่อื มแกส๊ คืออะไร /ก. หัวทพิ เช่ือม ข. ทอ้ งผสมแก๊ส ค. วาลว์ ออกซเิ จน ง. วาลว์ แก๊สอะเซทิลนี บทท่ี 7 ข. ลวดเติมมจี ุดหลอมสงู กว่าโลหะงาน 1. ข้อใดเป็นหลักการของการแล่นประสาน /ง. อณุ หภูมแิ ลน่ ประสานตา่ กวา่ 425º C ก. โลหะงานหลอมละลาย ค. ลวดเตมิ ไหลแทรกซึมเข้าไปในร่องรอยต่อ 2.การเตรียมรอยตอ่ งานแลน่ ประสานที่ดี คอื ก. ให้มหี นา้ สัมผัสรอยต่อน้อยที่สดุ /ข. ใหร้ อยตอ่ ห่างมาก ๆ เพ่ือใหโ้ ลหะแล่นประสานซมึ ค. ใหม้ ีหนา้ สมั ผสั รอยต่อมาก ง. นา้ มันทากนั สนิม แผนกวิชาเทคนคิ พ้นื ฐาน
96 3.ฟลกั ซก์ ารแลน่ ประสานมีลกั ษณะตามข้อใด /ก. เหลว ข. ผงแหง้ ค. ครมี เหลว ง. ถกู ทกุ ขอ้ 4.โลหะแล่นประสานมีลักษณะใด /ก. โลหะแล่นประสานสแี ดง (ทองแดง) ข. โลหะแล่นประสานไหลออกนอกรอยตอ่ มาก ๆ ค. โลหะแล่นประสานไหลเต็มหนา้ สมั ผัสรอยต่อ ง. รอยต่อโลหะแผ่นประสานมรี พู รนุ 5. การแลน่ ประสานแผน่ เหลก็ กล้าใชเ้ ปลวไฟชนิดใด ก. เปลวคาร์บิวไรซิงค์ ข. เปลวกลาง / ค. เปลวออกซิไดซงิ ค์ ง. เปลวออกซไิ ดไซ 6.หน้าที่หลักของฟลกั ซส์ าหรับการแลน่ ประสานคือข้อใด /ก. กาจัดออกไซดบ์ าง ๆ บนผวิ งาน ข. ทาให้ประหยดั ลวดแลน่ ประสาน ค. ปอู งกันการกดั กร่อน ง. ปูองกันไม่ให้ความร้อนมาก 7.ฟลักซ์ทท่ี าไว้บนรอยตอ่ เมือ่ ให้ความร้อนจนฟลักซ์เปล่ยี นเป็นสภาพใด จึงจะเตมิ ลวดลงไป ก. น้าใส ข. แหง้ / ค. สีคลา้ ง. ระเหยออกหมด 8.สญั ลักษณ์ลวดแลน่ ประสาน AWS B Cu Znอักษร Cu มีความหมายตรงกบั ขอ้ ใด /ก. ธาตทุ องแดงผสม ข. ธาตสุ งั กะสีผสม ค. มาตรฐานอเมรกิ นั ง. ลวดเป็นเส้นกลม 9.การกาจัดฟลักซต์ กคา้ งบนช้นิ งานหลังจากการแล่นประสานกระทาด้วยวธิ ีใด ก. ใชค้ ้อนเคาะออก /ข. ใชส้ กดั สกดั ออก ค. นางานไปจมุ่ ในนา้ อุ่นทันที ง. ใช้แปรงลวดเหล็กขัดออก 10.งานบัดกรแี ขง็ ทย่ี ังรอ้ นอยูน่ าไปจ่มุ นา้ อ่นุ เพ่ืออะไร ก. งานจะไดแ้ ข็งแรงเพ่มิ ข้นึ ข. กาจัดฟลักซ์ตกค้างออก ค. เปน็ การชุบแขง็ งาน /ง. ถูกทุกข้อ บทที่ 8 1.สงิ่ ใดเป็นสาเหตุของอบุ ัตเิ หตุ / ก. ไม่สนใจเร่อื งของความปลอดภยั ข. ความเหน่ือยหรือออ่ นเพลยี ค. มปี ระสบการณ์ในการทางานน้อย ง. หวั หน้าหรือครไู มอ่ ยู่คุมโรงงาน 2.ความหนาโลหะแผน่ ที่ ไม่ใช่ เหลก็ ใช้เกจชนดิ ใดวดั ก. บราวแอนด์ชาร์พเกจ ข. อเมรกิ ันวายแอนด์ซีทเกจ ค. ยูไนเตทสแตนดารด์ เกจ แผนกวิชาเทคนคิ พ้ืนฐาน
97 /ง. บรทิ ริซสแตนดาร์ดเกจ 3. ขอ้ ควรระวังในการใชค้ ้อนคืออะไร ก. หา้ มใช้ค้อนปน่ิ ข. ห้ามใชค้ ้อนที่ดา้ มหลาม ค. ต้องตคี ้อนเบา ๆ และเต็มหนา้ / ง. ถูกทกุ ขอ้ 4. เลอื่ ยมอื (Haok Saw) ใชท้ างานประเภทใด ก. แผ่นอะลมู เิ นียมบาง ข. ท่อเหล็กแผน่ อาบสงั กะสี ค. เหล็กรปู พรรณหน้าตัดต่าง ๆ /ง. ใชไ้ ด้ทัง้ ก., ข. และ ค. 5. ฉากผสมท่ใี ช้ในงานโลหะแผน่ จะใชง้ านอยา่ งไร /ก. ใชแ้ บ่งมมุ เป็นสว่ นต่าง ๆ ทงั้ เทา่ กันและไมเ่ ท่ากัน ข. ใชข้ ีดเส้นขนานกันและตง้ั ฉากกับขอบงาน ค. ใชถ้ ่ายขนาดจากแบบมายงั ช้ินงานจรงิ ง. ใชว้ ดั และตรวจสอบความลึกของช้นิ งานทรงกลม 6. เหลก็ นาศูนย์ตา่ งจากเหลก็ ถ่ายแบบอย่างไร ก. เหลก็ นาศนู ยเ์ ป็นเหล็กเครอ่ื งมือ เหล็กถา่ ยแบบเป็นเหลก็ หลอ่ ข. เหล็กนาศนู ย์ชุบแขง็ ทั้งตวั เหล็กถ่ายแบบชบุ แข็งเฉพาะปลาย /ค. เหล็กนาศูนยป์ ลายมุม 90 องศา เหลก็ ถา่ ยแบบปลายมมุ 30 องศา ง. ถกู ทกุ ขอ้ 7.กรรไกรเอเวยี ช่ันแตกตา่ งจากกรรไกรท่ัวไปอย่างไร ก. มจี ดุ หมุน 4 จดุ ซง่ึ ผอ่ นแรงมากกวา่ ข. ทีข่ อบปากกรรไกรมีลายกันลืน่ ค. รูยดึ ปรบั สลักเกลยี วปรบั ความห่างปากมีเกลียวใน /ง. ถูกทุกข้อ 8.ในการตีพับตดั ลวดควรใช้แทน่ ข้นึ รปู ชนิดใด ก. แบบคมมีด ข. โบลฮอร์น /ค. เบรกฮอรน์ ง. เครยี สซง่ิ 9. การข้นึ รูปกรวยยาวของก้านบัวรดน้าควรเลือกใชแ้ ท่นขึน้ รปู ชนิดใด ก. แคลเดิลโมล /ข. โบลฮอร์น ค. เครียสซิ่ง ง. คอนดักเตอร์ 10.คอ้ นยา้ ตะเขบ็ ใชป้ ระโยชนอ์ ย่างใดมากที่สดุ ก. เคาะพับขอบแผน่ โลหะ ข. เคาะย้าหมดุ เหลก็ / ค. เคาะขึน้ รูปชิ้นงานตามแบบ แผนกวิชาเทคนคิ พ้นื ฐาน
98 ง. เข้าขอบลวด บทท่ี 9 1.ในการเข้าขอบลวดถ้าจะใชค้ มี เพ่ือชว่ ยในความสะดวก รวดเร็ว ควรใช้คีมชนดิ ใด ก. คมี ปากแหลม ข. คีมปากจงิ้ จก ค. คมี ขยายปาก /ง. คีมปากแบน 2. การเขา้ ขอบลวดงานตรงจะใชเ้ ครอื่ งชนดิ ใดสะดวกทสี่ ดุ /ก. เคร่อื งพบั กลอ่ ง ข. เครือ่ งหมุนขนึ้ รปู ค. เครือ่ งพับขอบงาน ง. เครือ่ งพับแบบกด 3. เครื่องพับแบบขอบต่างจากเครอ่ื งพับชิน้ งานอย่างไร ก. พับขอบพบั ขอบงาน พับช้ินงานพบั ขอบแคบ ๆ ไมไ่ ด้ /ข. พบั ขอบใช้กบั ชิ้นงานบาง พบั ช้นิ งานใช้ชิ้นงานหนา ค. พับขอบใชก้ ับช้ินงานหนา พับชนิ้ งานใชง้ านบาง ง. พับขอบใชเ้ ข้าขอบลวด พบั ช้ินงานใช้พบั ขอบต้งั 4. ในการมว้ นโลหะแผ่นเป็นท่อกลมขนาดเสน้ ผา่ นศูนย์กลาง 3 นิ้ว (76 มม.) จะใช้เครือ่ งจกั รชนิดใด ก. เครือ่ งมว้ นโลหะแผ่น /ข. เครอื่ งหมนุ ข้ึนรปู ค. เครอื่ งตัดท่อ ง. เคร่ืองดัดเอนกประสงค์ 5. ขอบงานทาหน้าทอ่ี ย่างไรในงานโลหะแผ่น ก. เพ่มิ ความสวยงามใหช้ นิ้ งาน ข. เพมิ่ ความแข็งแรงให้ช้นิ งาน ค. เพ่มิ ตอ่ ชนิ้ งานให้ยดึ ติดกัน /ง. ถูกทั้ง 3 ขอ้ 6. ตะเข็บใช้ตอ่ ช้นิ งานแบบใด /ก. ตอ่ แผน่ เรียบขยายพ้นื ที่ ข. ต่อทอ่ กับท่อ ค. ต่อทอ่ กับแผ่นเรียบ ง. ต่อก้น/ปากทรงกระบอก 7. ขอบงานช้นั เดียวเผื่อขนาดเพอื่ พบั ขอบงานอยา่ งไร ก. A = 2 W - T ข A = 1.25 W + T /ค. A = 2 W ง. A = W 8. ตะเขบ็ เกย ใช้ในการตอ่ งานดว้ ยกรรมวิธีใด ก. บัดกรี ข. ยา้ หมดุ ค. เช่ือมจุด /ง. ใช้ได้ท้ัง 3 วธิ ี แผนกวิชาเทคนิคพ้นื ฐาน
99 9. การทาตะเขบ็ เกยี่ วบนกล่องเหล่ยี มจะเผ่อื ตะเข็บเท่าไร ก. A = 2 W /ข. A = 3 W ค. A ข้างละ = 1.5 W - T ง. A = 1 W และ A = 2 W 10. ตะเข็บก้นแบบใดทต่ี อ้ งขนึ้ สันท่ลี าตัวช้ินงานเพอื่ กดยดึ แผน่ ก้นไว้ ก. ตะเข็บก้นสองชนั้ ข. ตะเขบ็ ก้นสวมใน /ค. ตะเขบ็ ก้นสวมนอก ง. ตะเข็บหางเหยี่ยว บทที่ 10 1. หมุดยา้ ชนิดใดที่ใช้งานโลหะแผน่ บาง ก. หมดุ หวั กลม ข. หมุดหัวบาง ค. หมดุ หัวกะทะ /ง. ใชไ้ ด้ทั้ง 3 แบบ 2.น้าประสานชนิดใดท่ใี ช้มากที่สดุ ในงานบัดกรี ก. กรดเหลือเจอื จาง ข. แอมโมเนยี คลอไรด์ ค. กรดกามะถนั เจือจาง /ง. สังกะสคี ลอไรด์ 3.ตะกัว่ บดั กรีชนิด 60/40 หมายถึงอยา่ งไร /ก. ดบี กุ 60% ตะกว่ั 40% ข. ดบี กุ 40% ตะกั่ว 60% ค. ตะกวั่ 40% สังกะสี 60% ง. สังกะสี 40% ตะกวั่ 60% 4.รเู จาะหมดุ ยา้ หา่ งจากขอบงานตา่ สดุ เทา่ ไร /ก. 2D จากจุดศนู ย์กลาง ข. 3D – 4D จากขอบรเู จาะ ค. 0.8 + D จากจดุ ศนู ยก์ ลาง ง. 1 D จากขอบรเู จาะ 5.นา้ ประสานทาหนา้ ที่อย่างไรในการบดั กรีอย่างไร /ก. ชว่ ยให้ตวั ประสานสะอาดลดอุณหภูมิ ข. ช่วยใหก้ ารไหลของตัวประสานดีขึน้ ค. ช่วยปูองกนั การรวมตวั ของออกซเิ จน ง. ชว่ ยใหร้ อยบัดกรีสะอาดแขง็ แรงขน้ึ 6. การบดั กรหี มายถึงอย่างไร แผนกวิชาเทคนิคพ้นื ฐาน
100 /ก. การตอ่ โลหะให้ตดิ กนั โดยอาศัยนา้ ประสานเปน็ ตัวช่วยในการยดึ เกาะ ข. การต่อโลหะให้ตดิ กนั โดยใหต้ ัวประสานสะอาดลดอณุ หภูมิ ค. ชว่ ยปอู งกันการรวมตัวของออกซิเจน ง. ช่วยให้รอยบดั กรสี ะอาดแข็งแรงข้นึ 7. ตวั หมดุ ยา้ ทาจากโลหะใด ก. เหล็ก /ข . ทองเหลอื ง ค. สเตนเลส ง. เหลก็ หล่อ 8. การบดั กรีด้วยตะกวั่ ใช้นา้ ประสานชนดิ ใด ก. ยางสน ข. คลอไรด์ /ค. สังกะสคี ลอไรด์ ง. คอปเปอรค์ ลอไรด์ 9.ขอ้ ใดคอื องค์ประกอบในการบดั กรี /ก. โลหะบดั กรี ข. ทองเหลือง ค. สเตนเลส ง. โลหะประสม 10.การยา้ หมดุ ขยายนยิ มนามาใชใ้ นงานโลหะแผ่นเพราะเหตใุ ด /ก. สะดวก รวดเรว็ ราคาถกู ข. สวยงาม ค. เบา ง. ประณตี บทที่ 11 1. เส้นแผ่ ในการเขยี นแผน่ คลีห่ มายถึงอะไร ก. เสน้ ทีล่ ากจากฐานรปู ด้านหน้า ข. เป็นเสน้ ท่ีเสน้ ประกอบตั้งอยู่ ค. เป็นเสน้ ทมี่ คี วามยาวเท่าเสน้ รอบรูปชน้ิ งาน /ง. ถูกทกุ ข้อ 2. ชนิ้ งานรปู ทรงปริซึม คอื ข้อใด ก. ชน้ิ งานที่มเี สน้ ตรงเรียวเข้าหากนั ข. ทรงกรวย /ค. ทรงกระบอก ง. แทง่ ปิรามดิ 3. การหาความยาวของชิ้นงาน ในงานเขียน แผ่นคล่ีรูปทรงเหลีย่ ม จะหาไดจ้ ากภาพใด ก. ภาพดา้ นหน้า ข. ภาพด้านบน /ค. ภาพดา้ นขา้ ง ง. ภาพด้านล่าง 4. การเขยี นภาพคลีด่ ้วยวิธีเส้นขนานจะใชก้ บั งานประเภทใด ก. งานทรงกลม ข. งานกรวย ค. งานปิรามดิ /ง. งานทรงกระบอก แผนกวิชาเทคนคิ พน้ื ฐาน
Search