Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการรับประทานยาอย่างถูกต้องสม่ำเสมอของผู้สูงอายุ โรคเบาหวานชนิดที่ 2

ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการรับประทานยาอย่างถูกต้องสม่ำเสมอของผู้สูงอายุ โรคเบาหวานชนิดที่ 2

Published by Somdej NSO, 2023-02-06 06:47:10

Description: ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการรับประทานยาอย่างถูกต้องสม่ำเสมอของผู้สูงอายุ โรคเบาหวานชนิดที่ 2 Factors Predicting Medication Adherence Behaviors among Older Adults with Type 2 Diabetes วรนัน คล้ายหงษ์, นารีรัตน์ จิตรมนตรี และ วิราพรรณ วิโรจน์รัตน์

Search

Read the Text Version

วารสารคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยบรู พา ปีที่ 24 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม - มนี าคม 2559 65 ปจั จัยทำ� นายพฤตกิ รรมการรบั ประทานยาอยา่ งถกู ตอ้ งสมำ่� เสมอของผูส้ ูงอายุ โรคเบาหวานชนดิ ที่ 2 * Factors Predicting Medication Adherence Behaviors among Older Adults with Type 2 Diabetes วรนัน คลา้ ยหงษ,์ ** พย.ม. Woranun Khlaihong, M.N.S. นารรี ตั น์ จติ รมนตร,ี ***ปร.ด. Narirat Jitramontree, Ph.D. วิราพรรณ วโิ รจนร์ ัตน,์ ***ปร.ด. Virapun Wirojratana, Ph.D. บทคดั ยอ่ การสนบั สนุนทางสงั คม (β = .290, p < .001) และอายุ การศกึ ษาครง้ั นม้ี วี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ ศกึ ษาพฤตกิ รรม (β = .236, p < .01) ผลการศกึ ษาครงั้ นเ้ี ป็นประโยชน์ต่อ การรับประทานยาอย่างถูกต้องสม่�ำเสมอของผู้สูงอายุโรค การพัฒนาแนวทางการพยาบาลโดยเน้นการส่งเสริมการ เบาหวานชนิดท่ี 2 และศึกษาอ�ำนาจการท�ำนายของอายุ รบั รสู้ มรรถนะแหง่ ตน การสนบั สนนุ ทางสงั คมจากบคุ ลากร ระดับการศึกษา รายได้ การรับรู้สมรรถนะแห่งตน การ ทีมสุขภาพและสมาชิกในครอบครัว เพ่ือให้ผู้สูงอายุมี สนบั สนุนทางสงั คม ต่อพฤติกรรมการรับประทานยาอยา่ ง พฤตกิ รรมการรบั ประทานยาอย่างถูกต้องสม่ำ� เสมอ ถูกตอ้ งสม�ำ่ เสมอของผูส้ ูงอายโุ รคเบาหวานชนดิ ท่ี 2 ทเี่ ขา้ คำ� สำ� คญั : การรับประทานยาอย่างถูกต้องสม่�ำเสมอ รับการรักษาในคลินิกเบาหวาน โรงพยาบาลสมเด็จ ผู้สงู อายุ โรคเบาหวานชนิดท่ี 2 การรบั รูส้ มรรถนะแห่งตน พระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา จำ� นวน 92 ราย เกบ็ รวบรวม การสนบั สนนุ ทางสังคม ข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล การรับรู้ สมรรถนะแหง่ ตน การสนบั สนนุ ทางสงั คม พฤตกิ รรมการ Abstract รับประทานยาอย่างถูกต้องสม่�ำเสมอ วิเคราะห์ข้อมูลโดย This study was aimed to study medication ใช้สถิติเชิงพรรณนา และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ adherence behaviors among older adults with แบบข้นั ตอน type 2 diabetes and the influence of predicting ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างมีพฤติกรรมการ factors including age, education, income, รบั ประทานยาอยา่ งถูกต้องสมำ่� เสมอระดบั ดี ( = 22.11, perceived self-efficacy, and social support, on the SD = 1.84) ผลการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบ medication adherence behaviors among older ข้ันตอน พบว่า อายุ การรับรู้สมรรถนะแห่งตน การ adults with type 2 diabetes. The sample group สนับสนุนทางสงั คม สามารถรว่ มกนั ทำ� นายพฤตกิ รรมการ consisted of 92 older adults with type 2 diabetes รับประทานยาอย่างถูกต้องสม�่ำเสมอของผู้สูงอายุโรค who were treated at the Diabetes Clinic of the เบาหวานชนดิ ที่ 2 ไดร้ อ้ ยละ 48.70 (Adjusted R2 = .487, Queen Savang Vadhana Memorial Hospital at p < .001) ตัวแปรทมี่ ีอ�ำนาจในการทำ� นายสงู สุดเรยี งตาม Sriracha. The data were collected via questionnaires ลำ� ดบั คอื การรบั รสู้ มรรถนะแหง่ ตน (β = .519, p < .001) which included personal information, perceived * วิทยานิพนธ์หลักสูตรพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการพยาบาลผู้สูงอายุ คณะพยาบาลศาสตร์และบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัย มหิดล ** พยาบาลวิชาชีพ แผนกผปู้ ว่ ยนอก โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา *** Corresponding author ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ภาควชิ าการพยาบาลรากฐาน คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

66 The Journal of Faculty of Nursing Burapha University Vol. 24 No. 1 January - March 2016 efficacy, social support, and medication adherence เบาหวานของกระทรวงสาธารณสขุ (ยกเวน้ กรงุ เทพมหานคร) behaviors. Data analysis was done using descriptive ระหวา่ งปี พ.ศ. 2551-2555 มแี นวโนม้ เพม่ิ ขน้ึ อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง statistics and stepwise multiple regression พบว่าผู้ป่วยโรคเบาหวานท้ังรายเก่าและรายใหม่มีจ�ำนวน analysis. ทั้งหมด 1,799,977 ราย ในจ�ำนวนน้ีเป็นผู้ป่วยสูงอายุ The results showed that the sample group จ�ำนวน 982,142ราย (ส�ำนักระบาดวิทยา กรมควบคมุ โรค had a good level of medication adherence กระทรวงสาธารณสุข, 2555) และพบว่าโรคเบาหวานเป็น behaviors ( = 22.11, SD = 1.84). The results of สาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 6 ของประชากรไทย (ส�ำนัก the stepwise multiple regression analysis found นโยบายและยทุ ธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข, 2555) that age, perceived self-efficacy, and social support เบาหวานเป็นโรคเรื้อรังท่ีไม่สามารถรักษาให้ could predict medication adherence behaviors in หายขาดได้ ตอ้ งไดร้ บั การดแู ลรกั ษาอยา่ งตอ่ เนอื่ ง ดว้ ยการ older adults with type 2 diabetes by 48.70% ปรับเปล่ียนพฤติกรรมด้านการควบคุมอาหาร การออก (Adjusted R2 = .487, p < .001). The factors with กำ� ลงั กาย การใชย้ าลดระดบั นำ้� ตาลในเลอื ดชนดิ รบั ประทาน highest influence as a predictive factor were และการใช้อินซลู ิน เพื่อควบคุมระดบั น้�ำตาลในเลอื ดให้อยู่ perceived self-efficacy (β = .519, p < .001), ในระดบั ปกติหรือใกล้เคยี งปกติ (วรรณี นธิ ิยานนั ท,์ 2554) followed by social support (β = .290, p < .001), เมื่อผู้ป่วยโรคเบาหวานมีพฤติกรรมการรับประทานยา and age (β = .236, p < .01), respectively. The results ไม่ถกู ต้องสมำ�่ เสมอตามแผนการรกั ษาของแพทย์ จะน�ำไป of this study are beneficial for the development สู่ผลลัพธ์ทางคลินิกท่ีเลวลง (Osterberg & Blaschke, of nursing guidelines, where by focus on enhancing 2005) ท�ำใหไ้ ม่สามารถควบคมุ ระดับน้ำ� ตาลในเลือดให้อยู่ the self-efficacy and promoting social support ในระดบั ปกตไิ ด้ (Ho et al., 2006; Lawrence, Ragucci, from health care providers and family members. Long, Parris, & Helfer, 2006) ภาวะนำ้� ตาลในเลือดทสี่ ูง This would support good medication adherence เป็นเวลานานมีผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนเรื้อรังของ behaviors in older adults. หลอดเลือดแดงขนาดใหญ่และขนาดเลก็ (Fowler, 2011) Keywords: Medication adherence, older adults, อันน�ำไปสู่การถูกตัดเท้าและขา ตาบอด ท�ำให้เกิดความ type 2 diabetes, social support, self-efficacy พิการ สญู เสยี คุณภาพชวี ิต (มยรุ ี หอมสนทิ , 2554) และ ส่งผลด้านเศรษฐกิจพบว่า ประเทศสหรัฐอเมริกาต้อง ความส�ำคญั ของปัญหา สญู เสยี เงนิ กวา่ 100 พนั ลา้ นดอลลา่ สหรฐั ตอ่ ปี ในการรกั ษา โรคเบาหวานเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่เป็นปัญหา ผูป้ ่วยทร่ี ับประทานยาไมถ่ ูกตอ้ งสม�่ำเสมอ (Osterberg & สาธารณสขุ ของหลายประเทศทวั่ โลก สถานการณข์ องผปู้ ว่ ย Blaschke, 2005) โรคเบาหวานมีแนวโน้มเพ่ิมขึ้นทุกปีทั้งในกลุ่มประเทศที่ การศกึ ษาพฤตกิ รรมการรบั ประทานยาอยา่ งถกู ตอ้ ง กำ� ลงั พฒั นาและประเทศทพี่ ฒั นาแลว้ จากการสำ� รวจขอ้ มลู สมำ�่ เสมอของผปู้ ว่ ยโรคเบาหวานชนดิ ท่ี 2 พบวา่ ผปู้ ว่ ยโรค ของสหพนั ธเ์ บาหวานนานาชาติ (International Diabetes เบาหวานทมี่ อี ายนุ อ้ ยกวา่ 60 ปี มพี ฤตกิ รรมการใชย้ าอยา่ ง Federation [IDF]) พบวา่ ในปี พ.ศ. 2554 ประชากรทวั่ โลก ถูกต้องสม�่ำเสมอดีกว่าผู้ป่วยที่มีอายุมากกว่า 60 ปี ปว่ ยดว้ ยโรคเบาหวานมจี ำ� นวน 366 ลา้ นคน และคาดการณ์ พฤตกิ รรมการรบั ประทานยาทไ่ี มส่ มำ่� เสมอของผสู้ งู อายคุ อื ว่าน่าจะมีประชากรที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานจ�ำนวนถึง การหยุดกนิ ยาบางมอ้ื เมื่อต้องออกไปนอกบ้าน เนอื่ งจาก 522 ลา้ นคนในปี พ.ศ. 2573 (Whiting, Guariguata, Weil, ลืมน�ำยาไปด้วย (Hernandez-Ronquillo, Tellez- & Shaw, 2011) ส�ำหรับประเทศไทยเบาหวานเป็นโรค Zenteno, Garduno-Espinosa, & GonZalez-Acevez, เร้ือรังที่เป็นปัญหาด้านสาธารณสุขของประชากรไทยเป็น 2003) สอดคล้องกับการศึกษาของ Rujisatian (2009) อันดบั 2 รองจากโรคความดันโลหติ สูง จากสถิตผิ ู้ป่วยโรค ทท่ี ำ� การศกึ ษาในผปู้ ว่ ยโรคเบาหวานชนดิ ที่ 2 ซง่ึ มอี ายเุ ฉลย่ี

วารสารคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา ปที ่ี 24 ฉบับท่ี 1 มกราคม - มนี าคม 2559 67 61.25 ปี พบวา่ ผสู้ งู อายโุ รคเบาหวานชนดิ ที่ 2 มพี ฤตกิ รรม พฤติกรรมการรับประทานยาอย่างถูกต้องสม่�ำเสมอของ การรับประทานยาท่ีไม่สม่�ำเสมอ เนื่องจากการลืม ผู้สูงอายุโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ผลการวิจัยท่ีได้จะเป็น รบั ประทานยา และพฤตกิ รรมการรบั ประทานยาทไ่ี มถ่ กู ตอ้ ง องคค์ วามรพู้ นื้ ฐาน เปน็ แนวทางในการพฒั นาการวางแผน สม่�ำเสมอของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดท่ี 2 ซึ่งมีลักษณะ การพยาบาล และสง่ เสรมิ ใหผ้ สู้ งู อายโุ รคเบาหวานชนดิ ที่ 2 ไม่แตกต่างจากผู้สูงอายุ ได้แก่ การลืมรับประทานยา มีพฤติกรรมการรับประทานยาอย่างถูกต้องสม่�ำเสมอ ซ่ึง การรบั ประทานยาผดิ วธิ ี เช่น ผิดเวลา ผดิ ขนาด ผิดจำ� นวน จะชว่ ยปอ้ งกนั การเกดิ ภาวะแทรกซอ้ นจากโรคเบาหวานได้ (ปิยวรรณ เหลืองจริ โณทัย, ศภุ ธิดา สิทธิหลอ่ , และรุ่งทิวา หมื่นปา, 2550) การปรับยาขนาดยาเอง การหยุด วตั ถปุ ระสงคข์ องการวจิ ัย รับประทานยาบางมื้อเม่ือเกิดผลข้างเคียงจากยา หรือ 1. ศึกษาพฤติกรรมการรับประทานยาอย่าง หยุดยาเองเมื่อรู้สึกอาการดีข้ึน (Hauber, Mohamed, ถูกตอ้ งสม�ำ่ เสมอของผสู้ งู อายุโรคเบาหวานชนิดที่ 2 Johnson, & Falvey, 2009) จากการทบทวนวรรณกรรม 2. ศึกษาอ�ำนาจการท�ำนายของอายุ ระดับการ พบวา่ ผปู้ ่วยโรคเบาหวานชนิดท่ี 2 ทไ่ี ดร้ บั การรักษาดว้ ย ศกึ ษา รายได้ การรบั รสู้ มรรถนะแหง่ ตน และการสนบั สนนุ ยาลดระดับน้�ำตาลในเลือดชนิดรับประทานมีพฤติกรรม ทางสังคม ต่อพฤติกรรมการรับประทานยาอย่างถูกต้อง การรบั ประทานยาอยา่ งถกู ตอ้ งสมำ่� เสมออยรู่ ะหวา่ งรอ้ ยละ สมำ�่ เสมอของผูส้ ูงอายโุ รคเบาหวานชนดิ ที่ 2 65-85 (Rubin, 2005) และการศึกษาของชัชฎาภรณ์ กมขนุ ทด (2554) พบวา่ การรบั ประทานยาอย่างต่อเนอ่ื ง กรอบแนวคิดในการวิจยั สม�่ำเสมอของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดท่ี 2 ซ่ึงมีอายุเฉลี่ย ผู้วิจัยใช้กรอบแนวคิดแบบแผนความเชื่อด้าน 58 ปี อยู่ระหวา่ งร้อยละ 50-100 สุขภาพ (Health Belief Model) มาพัฒนาเป็นกรอบ การทบทวนงานวิจัยท่ีศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง แนวคดิ การวจิ ยั ซงึ่ Rosenstock, Strecher, และ Becker ปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ ระดับการศึกษาและรายได้ กับ (1988) กล่าวว่า การที่บุคคลจะปฏิบัติพฤติกรรมสุขภาพ พฤติกรรมการรับประทานยาอย่างถูกต้องสม่�ำเสมอของ ได้นั้นข้ึนอยู่กับองค์ประกอบ 1) ปัจจัยร่วม (modifying ผปู้ ว่ ยโรคเบาหวานชนดิ ที่ 2 บางการศกึ ษาพบความสมั พนั ธ์ factors) ได้แก่ ปัจจัยด้านลักษณะประชากร ปัจจัยด้าน ทางบวก (Pourghaznein, Ghaffarin, Hasanzadeh, & จิตสังคม ปัจจัยด้านโครงสร้าง 2) การรับรู้ของบุคคล Chamazari, 2013) ในขณะท่ีบางการศึกษาพบความ (individual beliefs) ซง่ึ ประกอบด้วยการรบั รู้ 5 ดา้ น คือ สมั พันธ์ทางลบ (Burge et al., 2005; Park et al., 2010) การรบั รโู้ อกาสเสี่ยงและการรับรู้ความรนุ แรงของโรค การ สำ� หรับปจั จัยดา้ นอายุ การรบั รสู้ มรรถนะแห่งตน และการ รบั รภู้ าวะคกุ คามของโรค การรบั รูอ้ ุปสรรคของการปฏิบตั ิ สนับสนุนทางสังคมพบว่า มีความสัมพันธ์ทางบวกกับ พฤตกิ รรม การรบั รปู้ ระโยชนข์ องการปฏบิ ตั พิ ฤตกิ รรม การ พฤติกรรมการรับประทานยาอย่างถูกต้องสม่�ำเสมอของ รับรู้สมรรถนะแห่งตน 3) สิ่งชักน�ำให้เกิดการปฏิบัติ ผ้ปู ว่ ยโรคเบาหวานชนดิ ที่ 2 (ชัชฎาภรณ์ กมขนุ ทด, 2554; พฤตกิ รรม (cues to action) ซ่ึงอาจเป็นสิ่งชักนำ� ภายใน Gomes-Villas Boas, Foss, Freitas, & Pace, 2012; ตัวของบุคคล หรือสิ่งชักน�ำภายนอกท่ีได้รับจากบุคคลอ่ืน Mishali, Omer, & Heymann, 2011; Park et al., 2010; สำ� หรบั พฤตกิ รรมการรบั ประทานยาอยา่ งถกู ตอ้ งสมำ�่ เสมอ White et al., 2012; Wu, et al., 2007) ซ่ึงการศึกษา ก็เช่นเดียวกัน การที่บุคคลจะมีพฤติกรรมการรับประทาน ความสัมพันธ์ของปัจจัยดังกล่าวกับพฤติกรรมการ ยาอย่างถูกต้องสม�่ำเสมอได้นั้นย่อมข้ึนกับปัจจัยด้าน รบั ประทานยาอยา่ งถกู ตอ้ งสมำ�่ เสมอของผปู้ ว่ ยโรคเบาหวาน ลักษณะประชากรของแต่ละบุคล ได้แก่ อายุ ระดับการ ชนิดท่ี 2 มีจำ� นวนมากแลว้ แต่การศกึ ษาในกลุ่มผู้สูงอายุ ศกึ ษา รายได้ ซงึ่ มผี ลตอ่ การรบั รขู้ องบคุ คลอนั จะสง่ ผลทาง โรคเบาหวานชนิดท่ี 2 ยังมีอยู่อย่างจ�ำกัด ผู้วิจัยจึงสนใจ อ้อมต่อการกระท�ำพฤติกรรม การรับรู้สมรรถนะแห่งตน ศกึ ษาอำ� นาจการทำ� นายของอายุ ระดับการศึกษา รายได้ เป็นความเชื่อมั่นในความสามารถของตนเองที่จะกระท�ำ การรบั รสู้ มรรถนะแหง่ ตน และการสนบั สนนุ ทางสงั คม ตอ่ พฤติกรรมนั้นๆ จึงเป็นปัจจัยส�ำคัญที่ช่วยให้บุคคลเกิด

68 The Journal of Faculty of Nursing Burapha University Vol. 24 No. 1 January - March 2016 พฤติกรรมการรับประทานยาอย่างถูกต้องสม�่ำเสมอพบว่า วนั จันทร์-ศกุ ร์ ผู้สูงอายุโรคเบาหวานชนิดท่ี 2 ที่มีการรับรู้สมรรถนะ เครื่องมือทใ่ี ช้ในการวิจยั แห่งตนระดับสูงมีโอกาสปฏิบัติพฤติกรรมการรับประทาน เคร่ืองมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นแบบสอบถาม ยาอย่างสม่�ำเสมอดีกว่าผู้ท่ีมีการรับรู้สมรรถนะแห่งตน ประกอบดว้ ย 4 ชุด ดังนี้ ระดับต่ำ� (Park et al., 2010) และการปฏิบัติพฤตกิ รรม 1. แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล ประกอบด้วย สขุ ภาพอาจไมไ่ ดเ้ กดิ จากตวั ผปู้ ว่ ยเพยี งลำ� พงั ตอ้ งไดร้ บั การ ข้อมูลเกี่ยวกบั เพศ อายุ ระดบั การศึกษา สถานภาพสมรส สนับสนุนทางสังคมจากบุคคลในครอบครัว เพ่ือน หรือ รายได้ สถานะทางเศรษฐกจิ สทิ ธกิ ารรกั ษาพยาบาล ระยะ ได้รบั คำ� แนะน�ำจากบุคลากรทมี สขุ ภาพ มีการศึกษาพบว่า เวลาของการรักษาด้วยยาเม็ดลดระดับน�้ำตาลในเลือด ผปู้ ว่ ยโรคเบาหวานชนดิ ที่ 2 ทไ่ี ดร้ บั การสนบั สนนุ ทางสงั คม จำ� นวนมอื้ ยาและจำ� นวนเมด็ ยาทรี่ บั ประทานใน 1 วนั การ น้อยกว่าระดับปานกลางท�ำให้การรับประทานยาอย่าง มารับการตรวจตามแพทย์นดั ในชว่ ง 1 ปีท่ีผา่ นมา ต่อเน่ืองสม�ำ่ เสมอลดลง (ภวคั ร ชัยมน่ั , 2552) และผปู้ ว่ ย 2. แบบสอบถามการรับรู้สมรรถนะแห่งตน ใช้ ท่ีได้รับการสนับสนุนทางสังคมมากจะมีแนวโน้มให้ปฏิบัติ ประเมินการรับรู้สมรรถนะแห่งตนในการรับประทานยา พฤตกิ รรมทีเ่ หมาะสมมากขน้ึ (Shanks, 2008) ของผู้สูงอายุโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ผู้วิจัยดัดแปลงจาก แบบสอบถาม Medication Adherence Self-efficacy วธิ ดี �ำเนินการวิจยั Scale ของ Fernandez, Chaplin, Schoenthaler, และ การวิจัยครั้งน้ีเป็นการวิจัยแบบหาอ�ำนาจการ Ogedegbe (2008) มขี ้อคำ� ถาม 13 ขอ้ ค�ำตอบเปน็ มาตร ทำ� นาย (predictive design) ประมาณคา่ 4 ระดบั คือ ไมม่ ่ันใจเลย ถึงม่ันใจมากท่สี ุด ประชากรและกลุ่มตัวอยา่ ง ให้คะแนน 1-4 คะแนนตามล�ำดับ คะแนนรวมมีค่าอยู่ ประชากร คือ ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ท่ี ระหว่าง 13-52 คะแนน แปลผลคะแนนเพ่ือพรรณนา เข้ารับการตรวจรกั ษาในคลินิกเบาหวาน แผนกผปู้ ว่ ยนอก ตวั แปรเป็น 3 ระดบั (Best, 1997) คะแนน 13-26 คะแนน โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา กลุ่ม หมายถึง การรับร้สู มรรถนะแหง่ ตนอย่ใู นระดบั ต่�ำ คะแนน ตัวอย่าง คอื ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มารบั บริการใน 27-39 คะแนน หมายถึง การรับรู้สมรรถนะแหง่ ตนอยใู่ น คลนิ กิ เบาหวาน ระหวา่ งเดอื นเมษายน ถงึ เดอื นพฤษภาคม ระดบั ปานกลาง และคะแนน 40-52 คะแนน หมายถงึ การ พ.ศ. 2557 ท่ีมีคุณสมบัติคือ อายุต้ังแต่ 60 ปีขึ้นไป รบั รสู้ มรรถนะแห่งตนอย่ใู นระดบั สูง ได้รับการรักษาด้วยยาเม็ดลดระดับน�้ำตาลในเลือดมาแล้ว 3. แบบสอบถามการสนับสนุนทางสังคม ใช้ อยา่ งนอ้ ย 6 เดอื น จดั ยารบั ประทานเอง มสี ตสิ มั ปชญั ญะดี ประเมนิ การสนบั สนุนทางสังคมของผู้สงู อายโุ รคเบาหวาน สามารถสื่อสารได้ ไม่มีปัญหาด้านความจ�ำและการเรียนรู้ ชนดิ ท่ี 2 ท่ไี ด้รับจากแหล่งสนบั สนุนทางสงั คม 3 แหลง่ คอื ประเมินโดยใช้แบบทดสอบสภาพสมองเบื้องต้น MMSE- สมาชิกในครอบครัว เพื่อน เจ้าหน้าท่ีสาธารณสุข ผู้วิจัย Thai 2002 (คณะกรรมการจดั ทำ� แบบทดสอบสภาพสมอง ดัดแปลงจากเคร่ืองมอื ของ ชชั ฎาภรณ์ กมขนุ ทด (2554) เบ้ืองต้นฉบับภาษาไทย พ.ศ. 2542 สถาบันเวชศาสตร์ มีข้อค�ำถามแหล่งสนับสนุนละ 22 ข้อ ค�ำตอบเป็นมาตร ผสู้ งู อาย,ุ 2544) ประมาณคา่ 5 ระดับ คอื ไมเ่ หน็ ดว้ ยอย่างยง่ิ ถึงเห็นดว้ ย ค�ำนวณขนาดกลุ่มตัวอย่างด้วยสูตร power อยา่ งย่งิ ใหค้ ะแนน 1-5 คะแนนตามลำ� ดบั คะแนนรวมมี analysis สำ� หรบั สถติ สิ มั ประสทิ ธถ์ิ ดถอยพหคุ ณู ของ Polit ค่าอยู่ระหว่าง 66-330 คะแนน แปลผลคะแนนเพ่ือ และ Beck (2008) N = L/Y + K + 1 ก�ำหนดระดับ พรรณนาตัวแปรเป็น 3 ระดับ (Best, 1997) คะแนน นัยส�ำคัญที่ .05 อำ� นาจการทดสอบ .80 ค่าขนาดอิทธพิ ล 66-154 คะแนน หมายถึง ได้รับการสนับสนุนทางสังคม ของความสมั พนั ธป์ านกลางเทา่ กบั .149 จำ� นวนตวั แปรตน้ ในระดับต่�ำ คะแนน 155-242 คะแนน หมายถึง ไดร้ บั การ 5 ตัว ไดข้ นาดของกลุ่มตัวอย่างจำ� นวน 92 ราย โดยทำ� การ สนับสนุนทางสังคมในระดับปานกลาง คะแนน 243-330 ศกึ ษาผปู้ ว่ ยทม่ี าลงทะเบยี นรบั การตรวจในคลนิ กิ เบาหวาน คะแนน หมายถงึ ไดร้ ับการสนบั สนุนทางสังคมในระดบั สูง

วารสารคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยบูรพา ปที ่ี 24 ฉบับท่ี 1 มกราคม - มีนาคม 2559 69 4. แบบสอบถามพฤติกรรมการรับประทานยา แลว้ แนะนำ� ใหพ้ บผวู้ จิ ยั เพอื่ แนะนำ� ตนเองขอความยนิ ยอม อย่างถูกต้องสม�่ำเสมอ ใชป้ ระเมินการรับประทานยาอย่าง เขา้ ร่วมการวจิ ยั ผูว้ จิ ยั ช้ีแจงวัตถปุ ระสงค์ การพทิ กั ษส์ ิทธิ ถูกต้องสม่�ำเสมอเกี่ยวกับการลืมกินยา การปรับขนาดยา ในการเขา้ รว่ มการวิจยั วิธกี ารตอบแบบสอบถาม จากน้ัน การหยุดกินยาในระยะเวลา 1 เดือน ผู้วิจัยดัดแปลงจาก ผู้วิจัยได้จัดห้องใกล้บริเวณห้องตรวจให้กลุ่มตัวอย่างตอบ เคร่ืองมือของ ชัชฎาภรณ์ กมขนุ ทด (2554) มีข้อคำ� ถาม แบบสอบถามดว้ ยตนเอง กรณกี ลมุ่ ตวั อยา่ งไมส่ ามารถอา่ น 6 ขอ้ คำ� ตอบมี 4 คำ� ตอบคอื เคยมากกวา่ 6 วนั เคย 4-6 วนั หนังสือได้ ผวู้ จิ ัยอา่ นแบบสอบถามใหก้ ลุ่มตัวอยา่ งฟังแล้ว เคย 1-3 วัน ไม่เคย ใหค้ ะแนน 1-4 คะแนน ตามล�ำดับ บนั ทกึ ขอ้ มลู ตามคำ� ตอบของกลมุ่ ตวั อยา่ ง ใชเ้ วลาประมาณ คะแนนรวมมคี า่ อย่รู ะหว่าง 6-24 คะแนน แปลผลคะแนน 45-60 นาทตี ่อคน เพอื่ พรรณนาตวั แปรเปน็ 2 ระดบั คอื ระดบั ดี และไมด่ ี โดย การวเิ คราะหข์ อ้ มูล ใชเ้ กณฑ์คะแนนมากกวา่ หรือเทา่ กับร้อยละ 80 ของความ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนาและการ ร่วมมือในการรับประทานยา (Sabate, 2003) คะแนน วิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบข้ันตอน (stepwise มากกวา่ หรอื เท่ากับ 19 คะแนน หมายถึง พฤติกรรมการ multiple regression analysis) รับประทานยาถกู ตอ้ งสม่ำ� เสมอระดบั ดี เคร่ืองมือในการวิจัยได้รับการตรวจสอบคุณภาพ ผลการวจิ ยั ความตรงตามเน้ือหา โดยผู้ทรงคุณวุฒิจ�ำนวน 3 ท่าน 1. ข้อมูลสว่ นบคุ คล กลุ่มตวั อย่างรอ้ ยละ 62 เปน็ ค�ำนวณหาค่าดัชนีความตรงตามเน้ือหา (content เพศหญิง รอ้ ยละ 59.80 มอี ายุระหวา่ ง 60-69 ปี อายเุ ฉลย่ี validity index) ได้เทา่ กับ .84, .87, และ 1 ตามล�ำดบั ของกลุ่มตวั อยา่ งเท่ากับ 68.88 ปี (SD = 6.067) รอ้ ยละ หลังจากน้ันน�ำไปใช้กับผู้สูงอายุท่ีมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับ 59.80 มีสถานภาพสมรสคู่ ร้อยละ 77.20 จบการศึกษา กลมุ่ ตวั อยา่ งจำ� นวน 30 ราย และตรวจสอบความเทย่ี งของ ระดับประถมศึกษา ร้อยละ 67.40 มีรายได้น้อยกว่า แบบสอบถามท้ัง 3 ชุด โดยใช้วิธีหาค่าสัมประสิทธิ์อัลฟ่า 5,000 บาทต่อเดือน รายได้เฉลี่ย 6,291 บาทต่อเดือน ของครอนบาค ไดค้ ่าความเที่ยงเทา่ กับ .93, .95, และ .71 (SD = 4,194) รอ้ ยละ 48.90 มรี ายได้เพียงพอแต่ไมเ่ หลือ ตามลำ� ดับ เกบ็ ร้อยละ 38 ใช้สิทธขิ ้าราชการ/รฐั วิสาหกิจ รอ้ ยละ 37 การพิทักษส์ ิทธกิ ลุม่ ตวั อย่าง ใช้สิทธบิ ตั รประกนั สขุ ภาพถว้ นหนา้ ร้อยละ 44.50 ได้รบั โครงการวิจัยได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการ การรักษาด้วยยาเม็ดลดระดับน้�ำตาลในเลือดเป็นเวลา จริยธรรมการวิจัยในคนของคณะพยาบาลศาสตร์ 6-10 ปี รอ้ ยละ 57.60 รบั ประทานยาเบาหวานวนั ละ 3-4 เมด็ มหาวทิ ยาลัยมหดิ ล เลขท่ี IRB-NS 2014/221.1203 และ รอ้ ยละ 78.30 รบั ประทานยาเบาหวาน 2 ม้อื ต่อวนั กลุม่ คณะกรรมการคดั กรองและพจิ ารณาจรยิ ธรรมงานวจิ ยั ของ ตวั อยา่ งรอ้ ยละ 93.50 มารบั การตรวจรกั ษาตามแพทยน์ ดั โรงพยาบาลสมเดจ็ พระบรมราชเทวี ณ ศรรี าชา การเขา้ รว่ ม ทกุ ครั้งในช่วง 1 ปที ี่ผ่านมา การวิจัยเป็นไปด้วยความสมัครใจโดยให้ผู้ป่วยหรือญาติ 2. การรับรู้สมรรถนะแห่งตน การสนับสนุนทาง ลงนามเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งกลุ่มตัวอย่างสามารถ สังคม และพฤติกรรมการรับประทานยาอย่างถูกต้อง ยกเลกิ การเขา้ รว่ มโครงการไดต้ ลอดเวลา โดยไมม่ ผี ลตอ่ การ สมำ่� เสมอ ผลการศกึ ษา พบวา่ กลมุ่ ตวั อยา่ งมคี ะแนนเฉลยี่ รกั ษาที่จะไดร้ บั และข้อมูลทไ่ี ดจ้ ะถูกเก็บไว้เป็นความลบั การรับรู้สมรรถนะแห่งตนอยู่ในระดับสูง ( = 43.70, การเกบ็ รวบรวมข้อมลู SD = 5.04) คะแนนเฉล่ียการสนับสนุนทางสังคมอยู่ใน ผวู้ จิ ยั ดำ� เนนิ การเกบ็ ขอ้ มลู ดว้ ยตนเองในระหวา่ งท่ี ระดับปานกลาง ( = 233.74, SD = 41.97) และคะแนน ผู้ป่วยรอพบแพทย์ โดยมีพยาบาลประจ�ำคลินิกเบาหวาน เฉล่ียพฤติกรรมการรับประทานยาอย่างถูกต้องสม่�ำเสมอ เป็นผู้คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างตามคุณสมบัติตามที่ก�ำหนดไว้ อยใู่ นระดบั ดี ( = 22.11, SD = 1.84) ดังตารางท่ี 1

70 The Journal of Faculty of Nursing Burapha University Vol. 24 No. 1 January - March 2016 ตารางท่ี 1 คา่ เฉลยี่ สว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐาน และระดบั ของการรบั รสู้ มรรถนะแหง่ ตน การสนบั สนนุ ทางสงั คม พฤตกิ รรม การรบั ประทานยาอยา่ งถูกต้องสมำ่� เสมอ (N = 92) ตัวแปร Possible range Actual range  SD ระดับ การรบั รสู้ มรรถนะแหง่ ตน 43.70 5.04 สงู การสนบั สนนุ ทางสังคม 13-52 36-52 233.74 41.97 ปานกลาง พฤติกรรมการรบั ประทานยาอย่าง 66-330 157-326 22.11 1.84 ดี ถกู ตอ้ งสม่�ำเสมอ 6-24 17-2 3. พฤติกรรมการรับประทานยาอย่างถูกต้อง คอื ไมเ่ คยปรบั เพม่ิ จำ� นวนมอื้ ยาเอง ( = 3.96, SD = 0.20) สม่ำ� เสมอของผูส้ ูงอายโุ รคเบาหวานชนดิ ที่ 2 ใน 1 เดอื นที่ ไม่เคยหยุดกนิ ยาเอง ( = 3.88, SD = 0.35) และไม่เคย ผา่ นมาเมอื่ พจิ ารณารายขอ้ พบวา่ พฤตกิ รรมการรบั ประทาน ปรับเพิม่ จ�ำนวนเม็ดยาเอง ( = 3.85, SD = 0.33) ดัง ยาอย่างถูกต้องสม่�ำเสมอท่ีมีคะแนนเฉลี่ยสูงสุด 3 อันดับ ตารางท่ี 2 ตารางที่ 2 ค่าเฉล่ียและส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานของพฤติกรรมการรับประทานยาอย่างถูกต้องสม่�ำเสมอของผู้สูงอายุ โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ใน 1 เดอื นที่ผ่านมารายขอ้ (N = 92) พฤติกรรมการรบั ประทานยาอย่างถูกตอ้ งสมำ�่ เสมอ  SD ไม่เคยลมื กินยา 3.28 0.45 ไมเ่ คยปรับเพมิ่ จ�ำนวนเม็ดยาเอง 3.85 0.33 ไม่เคยปรบั ลดจ�ำนวนเม็ดยาเอง 3.78 0.34 ไม่เคยปรับเพ่มิ จำ� นวนมื้อยาเอง 3.96 0.20 ไมเ่ คยปรบั ลดจำ� นวนม้ือยาเอง 3.71 0.36 ไม่เคยหยุดกินยาเอง 3.88 0.35 4. ปัจจัยท�ำนายพฤติกรรมการรับประทานยา R2 = .487, p < .001) ตวั แปรทม่ี อี ำ� นาจการทำ� นายสงู สดุ อย่างถูกต้องสม�่ำเสมอของผู้สูงอายุโรคเบาหวานชนิดที่ 2 เรยี งตามลำ� ดับคอื การรับรสู้ มรรถนะแหง่ ตน (β = .519, (behavior) ผลการวเิ คราะหก์ ารถดถอยพหคุ ณู แบบขน้ั ตอน p < .001) การสนบั สนนุ ทางสังคม (β = .290, p < .001) พบว่า การรับร้สู มรรถนะแห่งตน (SE) การสนบั สนุนทาง และอายุ (β = .236, p < .01) ส�ำหรบั ตัวแปร ระดบั การ สังคม (SS) และอายุ (Age) สามารถร่วมกันท�ำนาย ศึกษาและรายได้ ไม่สามารถร่วมท�ำนายพฤติกรรมการ พฤติกรรมการรับประทานยาอย่างถูกต้องสม่�ำเสมอของ รับประทานยาอย่างถูกต้องสม�่ำเสมอของผู้สูงอายุโรค ผสู้ งู อายโุ รคเบาหวานชนดิ ที่ 2 ไดร้ อ้ ยละ 48.70 (adjusted เบาหวานชนดิ ท่ี 2 ได้ ดังตารางที่ 3

วารสารคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลยั บูรพา ปที ่ี 24 ฉบับที่ 1 มกราคม - มีนาคม 2559 71 ตารางท่ี 3 ผลการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอนของตัวแปรท�ำนายที่มีผลต่อพฤติกรรมการรับประทานยา อย่างถกู ตอ้ งสม�ำ่ เสมอของผูส้ ูงอายุโรคเบาหวานชนดิ ที่ 2 (N = 92) ตวั แปรทำ� นาย b SEb β t p-value Constant (a) 5.870 1.324 3.01 < .01 การรับรู้สมรรถนะแหง่ ตน .190 .028 .519 6.73 < .001 การสนบั สนนุ ทางสงั คม .013 .003 .290 3.80 < .001 อายุ .072 .023 .236 3.10 < .01 R = .71, R2 = .504, adjusted R2 = .487, F = 29.823, p < .001 ผลการวิจัยคร้ังนี้ สามารถเขียนสมการท�ำนาย เม่ือพิจารณาพฤติกรรมการรับประทานยาอย่าง พฤติกรรมการรับประทานยาอย่างถูกต้องสม่�ำเสมอของ ถูกต้องสมำ่� เสมอรายข้อ พบว่า ใน 1 เดือนท่ผี ่านมา กลุ่ม ผู้สูงอายโุ รคเบาหวานชนดิ ท่ี 2 ในรูปคะแนนมาตรฐานคอื ตัวอย่างไม่เคยปรับเพิ่มจ�ำนวนม้ือยาเอง ( = 3.96, Z (Behavior) = .519Z (SE) + .290Z (SS) + .236Z (Age) SD = 0.20) ไม่เคยหยุดกนิ ยาเอง ( = 3.88, SD = 0.35) และไม่เคยปรับเพิ่มจ�ำนวนเม็ดยาเอง ( = 3.85, การอภิปรายผล SD = 0.33) สอดคลอ้ งกบั การศกึ ษาของ Rujisatian (2009) ผลการศึกษาคร้งั น้ี อภิปรายตามวัตถุประสงค์ของ พบวา่ ใน 1 เดอื นที่ผ่านมา กลมุ่ ตวั อยา่ งร้อยละ 89.4% การวจิ ัยโดยแบ่งออกเปน็ 2 ส่วน (n=76) ไม่เคยหยุดกินยาช่ัวคราว และร้อยละ 88.2% 1. พฤติกรรมการรับประทานยาอย่างถูกต้อง (n = 75) ไม่เคยเปลยี่ นแปลงขนาดยา สมำ่� เสมอของผสู้ งู อายโุ รคเบาหวานชนดิ ที่ 2 2. อำ� นาจการทำ� นายของ อายุ ระดบั การศึกษา ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างมีพฤติกรรมการ รายได้ การรบั รสู้ มรรถนะแห่งตน และการสนบั สนนุ ทาง รับประทานยาถกู ตอ้ งสมำ�่ เสมอระดับดี ทัง้ น้ีอาจเนือ่ งจาก สังคม ต่อพฤติกรรมการรับประทานยาอย่างถูกต้อง กลุ่มตัวอย่างมีความเชื่อม่ันในการรักษาของแพทย์ เนื่อง สม�่ำเสมอของผสู้ ูงอายโุ รคเบาหวานชนิดท่ี 2 ดว้ ยโรงพยาบาลสมเดจ็ พระบรมราชเทวี ณ ศรรี าชา มแี พทย์ การรบั รสู้ มรรถนะแหง่ ตน การสนบั สนนุ ทางสงั คม เฉพาะทางที่มีความเชี่ยวชาญในการรักษาโรคเบาหวาน และอายุ สามารถรว่ มกนั ทำ� นายพฤตกิ รรมการรบั ประทาน การได้รับค�ำแนะน�ำเกี่ยวกับโรคและการปฏิบัติตัวเพื่อ ยาอย่างถูกต้องสม�่ำเสมอของผู้สูงอายุโรคเบาหวานชนิด ปอ้ งกนั ภาวะแทรกซอ้ นจากโรคเบาหวานอยา่ งเปน็ มติ รของ ที่ 2 ได้ ส่วนระดับการศึกษาและรายได้ไม่สามารถร่วม พยาบาลประจ�ำคลินิกเบาหวานและบุคลากรทีมสุขภาพ ทำ� นายพฤตกิ รรมการรบั ประทานยาอยา่ งถกู ตอ้ งสมำ่� เสมอ ท�ำให้เกดิ สมั พนั ธภาพทีด่ รี ะหวา่ งเจ้าหน้าทกี่ บั ผู้ป่วย กลุม่ ของผู้ป่วยสูงอายุโรคเบาหวานชนิดท่ี 2 ได้ โดยสามารถ ตัวอย่างจึงให้ความร่วมมือในการดูแลตนเองและให้ความ อธิบายได้ดงั น้ี วางใจมารับการรักษาอยา่ งต่อเนอื่ ง โดยพบว่าในชว่ ง 1 ปี การรับรู้สมรรถนะแห่งตนมีความสัมพันธ์ทางบวก ทผี่ า่ นมา กลมุ่ ตวั อยา่ งรอ้ ยละ 93.50 มารบั การตรวจรกั ษา กับพฤติกรรมการรับประทานยาอย่างถูกต้องสม�่ำเสมอ ตามแพทย์นัดทุกคร้ัง สอดคล้องกับการศึกษาของสุมาลี และสามารถท�ำนายพฤติกรรมการรับประทานยาอย่างถูก วงั ธนากร, ชตุ มิ า ผาตดิ ำ� รงกลุ , และปราณี คำ� จนั ทร์ (2551) ตอ้ งสมำ�่ เสมอของผู้สูงอายุโรคเบาหวานชนิดท่ี 2 ได้สงู สดุ พบวา่ ผปู้ ว่ ยโรคความดนั โลหติ สงู มพี ฤตกิ รรมการรบั ประทาน (β = .519, p < .001) ทงั้ น้อี าจเนื่องจากกลุ่มตวั อย่างมี ยาอยใู่ นระดบั ดี เพราะความเชอื่ มนั่ ในการรกั ษาของแพทย์ การรบั รสู้ มรรถนะแหง่ ตนในการรบั ประทานยาอยา่ งถกู ตอ้ ง และสัมพนั ธภาพท่ีดรี ะหว่างเจ้าหนา้ ที่กับผู้ป่วย สมำ�่ เสมออยูใ่ นระดับสูง จงึ มีพฤตกิ รรมการรบั ประทานยา อย่างถูกต้องสม�่ำเสมอในระดับท่ีดีด้วย สอดคล้องกับ

72 The Journal of Faculty of Nursing Burapha University Vol. 24 No. 1 January - March 2016 แนวคิดแบบแผนความเช่ือด้านสุขภาพ (Rosenstock, อายุ มีความสัมพันธ์ทางบวกกับพฤติกรรมการ Strecher, & Becker, 1988) ทกี่ ลา่ ววา่ การรบั รสู้ มรรถนะ รับประทานยาอย่างถูกต้องสม่�ำเสมอและสามารถร่วม แห่งตนเป็นความเชื่อม่ันในความสามารถของตนเองที่จะ ทำ� นายพฤตกิ รรมการรบั ประทานยาอยา่ งถกู ตอ้ งสมำ�่ เสมอ กระท�ำพฤติกรรมน้ันๆ ให้บรรลุผลส�ำเร็จได้ เม่ือบุคคลมี ของผู้สูงอายุโรคเบาหวานชนดิ ท่ี 2 (β = .236, p < .01) ความมั่นใจในตนเองกจ็ ะสามารถกำ� หนดเปา้ หมาย และมี ท้ังน้ีอาจเนื่องจากกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 59.80 การปฏบิ ัตพิ ฤติกรรมสุขภาพทด่ี ตี ามมา สอดคล้องกับการ มีอายุระหว่าง 60-69 ปี ซ่ึงอยู่ในวัยผู้สูงอายุตอนต้นยังมี ศกึ ษาของ Lee, Kang, Kim, และ Son (2013) พบวา่ การ การรบั รทู้ ด่ี ี มกี ารเรยี นรปู้ ระสบการณใ์ นการใชย้ า มกี ารรบั รู้ รับรู้สมรรถนะแห่งตน สามารถร่วมท�ำนายพฤติกรรมการ สมรรถนะแหง่ ตนในระดบั สงู สามารถจดั ยารบั ประทานยา รบั ประทานยาอยา่ งถกู ตอ้ งสมำ�่ เสมอของผสู้ งู อายโุ รคเรอื้ รงั เองได้ ท�ำให้มีพฤติกรรมการรับประทานยาอย่างถูกต้อง ได้ร้อยละ 71.10 (R2= .711, p < .05) การศึกษาของ สม�่ำเสมอในระดับดี สอดคล้องกับแนวคิดแบบแผนความ ชลธิชา เรอื นค�ำ (2548) พบว่า การรบั ร้สู มรรถนะแหง่ ตน เช่ือด้านสุขภาพ (Rosenstock, Strecher, & Becker, และการสนับสนุนทางสังคมสามารถร่วมกันท�ำนาย 1988) ท่ีกล่าววา่ อายุเป็นปัจจัยร่วมท่ีมีผลตอ่ การรับรู้ของ พฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพของผู้สูงอายุโรคเบาหวานชนิด บุคคล และจะส่งผลทางอ้อมต่อการปฏิบัติพฤติกรรม ท่ี 2 ไดร้ ้อยละ 39.80 (R2 = .398, p < .001) สขุ ภาพของบคุ คล สอดคลอ้ งกบั การศกึ ษาของ Lee, Kang, การสนบั สนนุ ทางสงั คม มคี วามสมั พนั ธท์ างบวกกบั Kim, และ Son (2013) พบวา่ การรับร้สู มรรถนะแห่งตน พฤติกรรมการรับประทานยาอย่างถูกต้องสม่�ำเสมอและ และอายุ สามารถรว่ มกนั ทำ� นายพฤตกิ รรมการรบั ประทาน สามารถร่วมท�ำนายพฤติกรรมการรับประทานยาอย่าง ยาอย่างถูกต้องสม�่ำเสมอในผู้สูงอายุโรคเร้ือรังได้ร้อยละ ถูกต้องสม่�ำเสมอของผู้สูงอายุโรคเบาหวานชนิดท่ี 2 ได้ 71.10 (R2= .711, p < .05) และสอดคลอ้ งกบั การศึกษา (β = .290, p < .001) ทัง้ น้อี าจเน่อื งจากการกลุ่มตัวอย่าง ของ Levesque, Li, และ Pahal (2012) พบว่า อายุ ได้รับข้อมูลข่าวสารเก่ียวกับความรู้เร่ืองโรคเบาหวาน ยา ทัศนคติที่ดีต่อยา การรับรู้อุปสรรค สัมพันธภาพระหว่าง รักษาโรคเบาหวาน ได้รับค�ำแนะน�ำเก่ียวกับการปฏิบัติ แพทย์และผู้ป่วย สามารถร่วมกันท�ำนายพฤติกรรมการ พฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสม การได้รับก�ำลังใจจาก รับประทานยาอย่างถูกต้องสม่�ำเสมอของผู้ป่วยโรคเรื้อรัง บุคลากรทีมสุขภาพ กลุ่มตัวอย่างจึงมีพฤติกรรมการ ได้ร้อยละ 28 (R2= .28, p < .01) รับประทานยาอย่างถูกต้องสม่�ำเสมออยู่ในระดับดี ซึ่ง ระดบั การศกึ ษา และรายได ้ พบวา่ ไมส่ ามารถรว่ ม สอดคล้องกับแนวคิดแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพ ที่ ทำ� นายพฤตกิ รรมการรบั ประทานยาอยา่ งถกู ตอ้ งสมำ่� เสมอ กล่าววา่ การไดร้ บั ขอ้ มลู ข่าวสาร การได้รับค�ำแนะน�ำ หรอื ของผสู้ ูงอายุโรคเบาหวานชนดิ ที่ 2 ได้ ซง่ึ ไม่สอดคล้องกับ การได้รับการกระตุ้นเตือนจากบุคคลอ่ืน ท�ำให้บุคคลเกิด แนวคิดแบบแผนความเช่ือด้านสุขภาพ (Rosenstock, การปฏิบัติพฤติกรรมสุขภาพท่ีเหมาะสม (Rosenstock, Strecher, & Becker, 1988) ท้งั นี้อาจเนอ่ื งจาก นโยบาย Strecher, & Becker, 1988) สอดคล้องกบั การศึกษาของ หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของรัฐบาล ท�ำให้ผู้ป่วยที่มี ชัชฎาภรณ์ กมขุนทด (2554) พบว่า การสนับสนุนทาง ระดับการศึกษาต�่ำ ผู้ป่วยท่ีมีรายได้น้อย มีโอกาสเข้าถึง สังคมโดยรวม และจ�ำนวนเมด็ ยา สามารถรว่ มกันท�ำนาย บรกิ ารดา้ นการรกั ษาพยาบาลไดอ้ ยา่ งทว่ั ถงึ ไมแ่ ตกตา่ งจาก การรบั ประทานยาอยา่ งตอ่ เนอ่ื งสมำ�่ เสมอของผปู้ ว่ ยโรคเบา กลุ่มผู้ป่วยท่ีมีระดับการศึกษาสูง มีรายได้สูง ท�ำให้กลุ่ม หวานชนิดท่ี 2 ไดร้ อ้ ยละ 8.60 (R2 = .086, p < .001) และ ตัวอย่างมีโอกาสได้รับยาอย่างต่อเน่ือง พฤติกรรมการ สอดคลอ้ งกบั การศกึ ษาของ รตั นชยั รตั นโคตร (2555) พบ รับประทานยาอย่างถูกต้องสม�่ำเสมอจึงไม่แตกต่างกัน วา่ การมผี ดู้ แู ลใกลช้ ดิ เกย่ี วกบั การรบั ประทานยา และความ สอดคล้องกบั การศกึ ษาของ ชัชฎาภรณ์ กมขนุ ทด (2554) พงึ พอใจจากการบรกิ ารคลนิ กิ พเิ ศษโรคเบาหวาน สามารถ พบว่า ระดบั การศึกษา และรายได้ ไม่สามารถรว่ มท�ำนาย ร่วมกันท�ำนายพฤติกรรมการใช้ยาของผู้ป่วยโรคเบาหวาน การรับประทานยาอย่างต่อเนื่องสม�่ำเสมอของผู้ป่วย ไดร้ อ้ ยละ 25 (R2 = .25, p < .05) โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ และการศึกษาของ คลีพัตรา

วารสารคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบรู พา ปที ี่ 24 ฉบับท่ี 1 มกราคม - มีนาคม 2559 73 ไชยศรี (2554) พบว่า ระดับการศึกษา และรายได้ไม่ ภาษาไทย พ.ศ. 2542 สถาบันเวชศาสตร์ผ้สู งู อาย.ุ สามารถรว่ มทำ� นายพฤตกิ รรมการใชย้ าของผปู้ ว่ ยเบาหวาน นนทบรุ :ี สถาบนั เวชศาสตรผ์ สู้ งู อายุ กรมการแพทย์ ชนิดท่ี 2 ได้ กระทรวงสาธารณสขุ . สรปุ ผลการศกึ ษาครงั้ น้ี สนบั สนนุ แนวคดิ แบบแผน คลีพตั รา ไชยศร.ี (2554). ปจั จัยทำ� นายพฤติกรรมการใช้ ความเช่ือด้านสุขภาพ (Rosenstock, Strecher, & ยาของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2. วิทยานิพนธ์ Becker, 1988) การรับรสู้ มรรถนะแห่งตน การสนบั สนุน ปริญญาพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาการ ทางสังคม และอายุ สามารถร่วมกันอธิบายพฤติกรรม พยาบาลผู้ใหญ่, บัณฑิตวิทยาลัย, มหาวิทยาลัย การรับประทานยาอย่างถูกต้องสม�่ำเสมอของผู้สูงอายุโรค มหิดล. เบาหวานชนดิ ท่ี 2 ได้เพียงบางส่วนเท่านนั้ ส�ำหรบั อ�ำนาจ ชลธชิ า เรือนค�ำ. (2548). ปจั จยั ท�ำนายพฤติกรรมส่งเสรมิ การท�ำนายที่เหลอื รอ้ ยละ 51.30 ซึ่งไม่สามารถอธบิ ายได้ สุขภาพในผู้สูงอายุโรคเบาหวาน. วิทยานิพนธ์ จากการศกึ ษาครง้ั นี้ อาจเปน็ ผลมาจากปจั จยั ดา้ นอนื่ ๆ ของ ปริญญาพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาการ แนวคิดแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพท่ีผู้วิจัยไม่ได้น�ำมา พยาบาลผู้สูงอายุ, มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่. ศกึ ษา ชัชฎาภรณ์ กมขุนทด. (2554). ปัจจัยท่ีสัมพันธ์กับการ รับประทานยาอย่างต่อเน่ืองสม�่ำเสมอของผู้ป่วย ข้อเสนอแนะ โรคเบาหวานชนิดท่ี 2. วิทยานิพนธ์ปริญญา การส่งเสริมพฤติกรรมการรับประทานยาอย่าง พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาการพยาบาล ถกู ตอ้ งสมำ่� เสมอของผสู้ งู อายโุ รคเบาหวานชนดิ ที่ 2 ควรใช้ เวชปฏิบัติชุมชน, บัณฑิตวิทยาลัย, มหาวิทยาลัย วธิ กี ารสง่ เสรมิ การรบั รสู้ มรรถนะแหง่ ตน ในการดแู ลตนเอง มหิดล. ของผสู้ งู อายใุ หส้ งู ขน้ึ เชน่ ใชส้ มดุ บนั ทกึ การรบั ประทานยา ปิยวรรณ เหลอื งจริ โณทยั , ศภุ ธดิ า สิทธิหล่อ, และรุง่ ทิวา เพื่อให้รับยาครบทุกมื้อและป้องกันการกินยาซ้�ำ รวมทั้ง หมื่นปา. (2550). ความร่วมมือในการใช้ยารักษา ควรกระตนุ้ ใหส้ มาชกิ ในครอบครวั และบคุ ลากรทมี สขุ ภาพ โรคเบาหวานชนดิ รบั ประทานกบั การควบคมุ ระดบั เขา้ มามสี ว่ นรว่ มใหผ้ สู้ งู อายมุ พี ฤตกิ รรมการรบั ประทานยา น�้ำตาลในเลือด: กรณีศึกษา ณ คลินิกพิเศษ อย่างถกู ตอ้ งสม�ำ่ เสมออย่างต่อเน่อื ง อายรุ กรรม. วารสารเภสชั กรรมโรงพยาบาล, 17(3), 223 -230. กิตติกรรมประกาศ ภวัคร ชัยม่ัน. (2552). ปัจจัยท่ีมีความสัมพันธ์กับการ ขอขอบพระคุณ ผอู้ �ำนวยการโรงพยาบาล ผูต้ รวจ รับประทานยาอย่างสม�่ำเสมอในผู้ป่วยเบาหวาน การพยาบาลแผนกผู้ป่วยนอก หัวหน้าหอผู้ป่วยอาคาร ชนิดท่ี 2 ในอ�ำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์. อนสุ รณ์ ๑๐๐ปี ทอ่ี ำ� นวยความสะดวกในการเขา้ เกบ็ ขอ้ มลู วิทยานิพนธ์ปริญญาพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต, และขอบพระคุณผู้สูงอายุโรคเบาหวานทุกท่านที่ให้ความ สาขาการพยาบาลเวชปฏิบัติครอบครัว, บัณฑิต รว่ มมือในการตอบแบบสอบถาม ท�ำใหว้ ทิ ยานิพนธฉ์ บบั นี้ วิทยาลัย, มหาวิทยาลัยมหดิ ล. สำ� เรจ็ ลุลว่ งไปดว้ ยดี มยุรี หอมสนทิ . (2554). โรคเบาหวานในผู้สงู อายุและการ ปอ้ งกนั . ใน ประเสริฐ อัสสันตชยั (บรรณาธกิ าร), เอกสารอา้ งองิ ปญั หาสขุ ภาพทพ่ี บบอ่ ยในผสู้ งู อายแุ ละการปอ้ งกนั คณะกรรมการจดั ทำ� แบบทดสอบสภาพสมองเบอ้ื งตน้ ฉบบั (พมิ พ์ครั้งท่ี 2, หน้า 195-220). กรงุ เทพฯ: บรษิ ัท ภาษาไทย พ.ศ. 2542 สถาบันเวชศาสตรผ์ ูส้ งู อาย.ุ ยูเน่ียน ครเี อช่นั จำ� กดั . (2544). แบบทดสอบสภาพสมองเบ้ืองต้นฉบับ รัตนชัย รัตนโคตร. (2555). ปัจจัยท�ำนายพฤติกรรม ภาษาไทย MMSE-Thai 2002/คณะกรรมการ การใช้ยาของผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มารับบริการใน จัดท�ำแบบทดสอบสภาพสมองเบ้ืองต้นฉบับ โรงพยาบาลส�ำโรงทาบ อำ� เภอสำ� โรงทาบ จังหวดั

74 The Journal of Faculty of Nursing Burapha University Vol. 24 No. 1 January - March 2016 สุรินทร์. สารนิพนธ์ปริญญาสาธารณสุขศาสตร- metabolic control of diabetes mellitus มหาบณั ฑติ , บณั ฑติ วทิ ยาลยั , มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล. patients. Revista Latino-Americana วรรณี นิธิยานันท์. (บรรณาธิการ). (2554). แนวทาง Enfermagem, 20(1), 52-58. เวชปฏบิ ัตสิ �ำหรบั โรคเบาหวาน. กรงุ เทพฯ: บรษิ ัท Hauber, A. B., Mohamed, A. F., Johnson, F. R., & ศรีเมืองการพิมพ.์ Falvey, H. (2009). Treatment preferences ส�ำนักระบาดวทิ ยา กรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสุข. and medication adherence of people with (2555). รายงานการเฝ้าระวังโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง type 2 diabetes using oral glucose-lowering 2555. เขา้ ถึงไดจ้ าก http://www.boe. moph. agents. Diabetic Medicine, 26(4), 416-424. go.th/files/report /20140109_40197220.pdf Hernandez-Ronquillo, L., Tellez-Zenteno, J. F., ส�ำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข. Garduno-Espinosa, J., & Gonzalez-Acevez, (2555). รายงานสถิติสาธารณสุข 2555. เขา้ ถงึ ได้ E. (2003). Factors associated with therapy จาก http://social.nesdb.go.th/SocialStat/ noncompliance in type-2 diabetes patients. StatReport_Final.aspx?reportid=367& Salud Publica Mexico, 45(3), 191-197. template=1R2C&yeartype=M&subcatid=15 Ho, P. M., Rumsfeld, J. S., Masoudi, F. A., McClure, สมุ าลี วงั ธนากร, ชตุ มิ า ผาตดิ ำ� รงกลุ , และปราณี คำ� จนั ทร.์ D. L., Plomondon, M. E., Steiner, J. F., et al. (2551). ปจั จยั ทม่ี ผี ลตอ่ พฤตกิ รรมการรบั ประทาน (2006). Effect of medication nonadherence ยาในผู้ป่วยโรคความดนั โลหติ สงู . สงขลานครนิ ทร์ on hospitalization and mortality among เวชสาร, 26(6), 539-547. patients with diabetes mellitus. Archives of Best, J. W. (Eds.). (1997). Research in education. Internal Medicine, 166(17), 1836. New Jersey: Prentice-Hall. Lawrence, D. B., Ragucci, K. R., Long, L. B., Parris, Burge, S., White, D., Bajorek, E., Bazaldu, O., Trevino, B. S., & Helfer, L. A. (2006). Relationship of J., Albright, T., et al. (2005). Correlates of oral antihyperglycemic (sulfonylurea or medication knowledge and adherence: metformin) medication adherence and Findings from the residency research hemoglobin A1c goal attainment for HMO network of South Texas. Family Medicine, patients enrolled in a diabetes disease 37(10), 712-718. management program. Journal of Managed Fernandez S, Chaplin W, Schoenthaler AM, & Care Pharmacy, 12(6), 466-471. Ogedegbe, G. (2008). Revision and Validation Lee, S.K., Kang, B.Y., Kim, H.G., & Son, Y.J. (2013). of the medication adherence self-efficacy Predictors of medication adherence in scale (MASES) in hypertensive African elderly patients with chronic diseases using Americans. Journal Behavior Medicine, 31, support vector machine models. Healthcare 453-62 Informatics Research, 19(1), 33-41. Fowler, M. J. (2011). Microvascular and macrovas- Levesque, A., Li, H. Z., & Pahal, J. S. (2012). Factors cular complications of diabetes. Clinical related to patients’ adherence to medication Diabetes, 29(3), 116-122. and lifestyle change recommendations: Gomes-Villas Boas, L. C., Foss, M. C., Freitas, M. C., Data from Canada. International Journal of & Pace, A. E. (2012). Relationship among Psychological Studies, 4(2), 42-55. social support, treatment adherence and Mishali, M., Omer, H., & Heymann, A. (2011). The

วารสารคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยบรู พา ปีที่ 24 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม - มีนาคม 2559 75 importance of measuring self-efficacy in representations and beliefs about patients with diabetes. Family Practice, medications to adherence to oral 28(1), 82-87. hypoglycemic medications in persons with Osterberg, L., & Blaschke, T. (2005). Adherence to type 2 diabetes. Unpublished Master’s medication. New England Journal of Thesis, Mahidol University. Medicine, 353(5), 487-497. Sabatae, E. (Ed.). (2003). Adherence to long-term Park, K., Kim, J.-G., Kim, B.-W., Kam, S., Kim, K.-Y., therapies: Evidence for action. Geneva: Ha, S.-W., et al. (2010). Factors that affect World Health Organization. medication adherence in elderly patients Shanks, L. C. (2008). Usefulness of the Health with diabetes mellitus. Korean Diabetes Belief Model in predicting cardiac Journal, 34(1), 55-65. rehabilitation initiation. The Journal of Polit, D. F., & Beck, C. T. (2008). Nursing Research: Theory Construction & Testing, 13(1), 33-36. Generating and assessing evidence for White, A. J., Kellar, I., Prevost, A. T., Kinmonth, nursing practice (8th ed.). Philadelphia: A. L., Sutton, S., Canny, M., et al. (2012). Lippincott Williams & Willkins. Adherence to hypoglycaemic medication Pourghazneina, T., Ghaffarib, F., Hasanzadehc, F., among people with type 2 diabetes in & Chamanzari, H. (2013). The relationship primary care. Primary Care Diabetes, 6(1), between health beliefs and medication 27-33. adherence in patients with type 2 diabetes: Whiting, D. R., Guariguata, L., Weil, C., & Shaw, J. A correlation-cross sectional study. Life (2011). IDF diabetes atlas: Global estimates Science Journal, 10(4s), 38-46. of the prevalence of diabetes for 2011 and Rosenstock, I. M., Strecher, V. J., & Becker, M. H. 2030. Diabetes Research and Clinical (1988). Social learning theory and the health Practice, 94(3), 311-321. belief model. Health Education Quarterly, Wu, S. F., Courtney, M., Edwards, H., McDowell, J., 15(2), 175-183. Shortridge-Baggett, L. M., & Chang, P. J. Rubin, R. R. (2005). Adherence to pharmacologic (2007). Self-efficacy, outcome expectations therapy in patients with type 2 diabetes and self-care behaviour in people with type mellitus. The American Journal of Medicine, 2 diabetes in Taiwan. Journal of Clinical 118(5A), 275-345. Nursing, 16(11c), 250-257. Rujisatian, N. (2009). The relationship of illness