คำนำ ประเพณีไทยอนั ดงี ามท่ีสืบทอดตอ่ กนั มานนั้ ล้วนแตกต่างกนั ไปตามความเช่ือ ความผกู ผนั ของผ้คู นตอ่ พทุ ธศาสนาและการดารงชีวิตที่ประสานกบั ฤดกู าลและธรรมชาติอย่างชาญฉลาดของชาวบ้าน ในแตล่ ะท้องถ่ินทว่ั แผน่ ดินไทย เช่น ภาคเหนือประเพณีบวชลกู แก้วของคนใต้หรือชาวไทยใหญ่ที่จงั หวดั แม่ฮอ่ งสอน ภาคอีสานประเพณีบญุ บงั้ ไฟของชาวจงั หวดั นครศรีธรรมราช อารยธรรมไทยยงั นามาซง่ึ การท่องเที่ยว เป็นท่ีรู้จกั และประทบั ใจแก่ชาตอิ ่ืน นบั เป็นมรดกอนั ลา้ คา่ ที่เราคนไทยควรอนรุ ักษ์และสืบสานให้ย่ิงใหญ่ตลอดไป ผ้จู ดั ทาขอขอบคณุ อาจารย์ประจาวิชาและผ้ทู ่ีมีสว่ นเก่ียวข้องกบั รายงานเลม่ นีใ้ ห้สาเร็จลลุ ว่ งได้ด้วยดี และหวงั วา่ รายงานเลม่ นี ้จะเป็นประโยชน์ตอ่ การจดั การเรียนรู้อย่างทีประสิทธิภาพ หากมีข้อเสนอแนะเพ่ือปรับปรุงแก้ไข หากเนือ้ หาในโครงงานฉบบั นีม้ ีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภยั มา ณ ท่ีนีด้ ้วย
ประวัตวิ ันลอยกระทง เดิมเชื่อกนั วา่ ประเพณีลอยกระทงเร่ิมมีมาแตส่ มยั สโุ ขทยั ใน รัชสมยั พอ่ ขนุ รามคาแหง โดยมีนางนพมาศหรือท้าวศรีจฬุ า ลกั ษณ์ เป็นผ้ปู ระดิษฐ์กระทงขนึ ้ ครัง้ แรก โดยแตเ่ ดมิ เรียกวา่ พธิ ีจองเปรียง ท่ลี อยเทียนประทีป และนางนพมาศได้นาดอก โคทม ซงึ่ เป็นดอกบวั ท่ีบานเฉพาะวนั เพญ็ เดือนสบิ สองมาใช้ ใสเ่ ทียนประทีป แตป่ ัจจบุ นั มีหลกั ฐานวา่ ไมน่ า่ จะเก่ากวา่ สมยั รัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยอ้างอิงหลกั ฐานจากภาพ จิตรกรรมการสร้างกระทงแบบตา่ งๆ ในสมยั รัชกาลที่ 1
ประวัตนิ ำงนพมำศนางนพมาศ เกิดในรัชกาลพญาเลอไท กษัตริย์ที่ 4 แหง่ ราชวงศ์พระร่วงสโุ ขทยั บดิ าเป็นพราหมณ์ช่ือ โชติรัตน์ มีราชทนิ นามวา่ พระศรีมโหสถ รับราชการในตาแหน่งปโุ รหิต มารดาช่ือ เรวดี ภายหลงั นางนพมาศได้ถวายตวั เข้าทาราชการในราชสานกัสมเดจ็ พระร่วงเจ้า สนั นิษฐานวา่ รับราชการในแผน่ ดนิ พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลไิ ท)หรือพระร่วงเจ้าสโุ ขทยั จนกระทง่ั ได้รับตาแหนง่ “ท้าวศรีจฬุ าลกั ษณ์” พระสนมเอก
ประเพณีและประวัตวิ ันลอยกระทงวันลอยกระทง เป็นวนั สาคญั วนั หนง่ึ ของชาวไทย ตรงกบั วนั ขนึ ้ 15 ค่า เดือน 12 ตามปฏิทนิ จนั ทรคติไทย ตามปฏิทินจนั ทรคตลิ ้านนา มกั จะตกอยใู่ นราวเดือนพฤศจิกายน ตามปฏทิ นิ สรุ ิยคติ ประเพณีนีก้ าหนดขนึ ้ เพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์และขอขมาตอ่ พระแมค่ งคา บางหลกั ฐานเชื่อวา่ เป็นการบชู ารอยพระพทุ ธบาทที่ริมฝั่งแมน่ า้ นมั ทามหานที และบางหลกั ฐานก็วา่ เป็นการบชู าพระอปุ คตุ อรหนั ต์หรือพระมหาสาวก สาหรับประเทศไทยประเพณีลอยกระทงได้กาหนดจดัในทกุ พืน้ ท่ีทวั่ ประเทศ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ บริเวณทตี่ ิดกบั แมน่ า้ ลาคลอง หรือ แหลง่ นา้ ตา่ ง ๆ ซงึ่ แตล่ ะพืน้ ที่กจ็ ะมีเอกลกั ษณ์ที่นา่ สนใจแตกตา่ งกนั ไป
ประวตั ิความเป็ นมา ของวนั ลอยกระทงประเพณีลอยกระทงนนั้ ไมม่ ีหลกั ฐานระบแุ น่ชดั วา่เร่ิมตงั้ แตเ่ มื่อใด แตเ่ ชื่อวา่ ประเพณีนีไ้ ด้สบื ตอ่ กนั มายาวนานตงั้ แตส่ มยั สโุ ขทยั โดยในรัชสมยั พอ่ ขนุรามคาแหง เรียกประเพณีลอยกระทงนีว้ า่ “พิธีจองเปรียญ” หรือ “การลอยพระประทีป” และมีหลกั ฐานจากศลิ าจารึกหลกั ท่ี 1 กลา่ วถงึ งานเผาเทียนเลน่ ไฟวา่ เป็นงานร่ืนเริงท่ีใหญ่ที่สดุ ของกรุงสโุ ขทยั ทาให้เชื่อกนั วา่ งานดงั กลา่ วนา่ จะเป็ นงานลอยกระทงอยา่ งแน่นอน
ในสมยั กอ่ นนนั้ พธิ ีลอยกระทงจะเป็นการลอยโคม โดยพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอย่หู วัรัชกาลท่ี 5 ได้ทรงสนั นิษฐานวา่ พิธีลอยกระทงเป็นพิธีของพราหมณ์ จดั ขนึ ้ เพ่ือบชู าเทพเจ้า 3 องค์คือ พระอศิ วร พระนารายณ์ และพระพรหม ต่อมาได้นาพระพทุ ธศาสนาเข้าไปเกี่ยวข้อง จงึ ให้มีการชกั โคม เพอ่ื บชู าพระบรมสารีริกธาตุ และลอยโคมเพื่อบชู ารอยพระบาทของพระพทุ ธเจ้าก่อนที่นางนพมาศ หรือ ท้าวศรีจฬุ าลกั ษณ์ สนมเอกของพระร่วงจะคดิ ค้นประดษิ ฐ์กระทงดอกบวั ขนึ ้เป็นคนแรกแทนการลอยโคม ดงั ปรากฏในหนงั สอื นางนพมาศที่วา่
ครัน้ วนั เพญ็ เดือน 12 ข้าน้อยได้กระทาโคมลอย คิดตกแตง่ ให้งามประหลาดกวา่ โคมสนมกานลั ทงั้ ปวงจงึ เลอื กผกาเกษรสตี ่าง ๆ มาประดบั เป็นรูปกระมทุ กลีบบานรับแสงจนั ทร์ใหญ่ประมาณเทา่ กงระแทะ ล้วนแตพ่ รรณดอกไม้ซ้อนสีสลบั ให้เป็นลวดลาย…”เม่ือสมเดจ็ พระร่วงเจ้าได้เสด็จฯ ทางชลมารค ทอดพระเนตรกระทงของนางนพมาศกท็ รงพอพระราชหฤทยั จงึ โปรดให้ถือเป็นเยี่ยงอย่าง และให้จดั ประเพณีลอยกระทงขนึ ้ เป็ นประจาทกุปี โดยให้ใช้กระทงดอกบวั แทนโคมลอย ดงั พระราชดารัสท่ีวา่ “ตงั้ แตน่ ีส้ บื ไปเบือ้ งหน้า โดยลาดบั กษัตริย์ในสยามประเทศถึงกาลกาหนดนกั ขตั ฤกษ์วนั เพญ็ เดือน 12 ให้ทาโคมลอยเป็นรูปดอกบวั อทุ ิศสกั การบชู าพระพทุ ธบาทนมั มทานทีตราบเทา่ กลั ปาวสาน” พธิ ีลอยกระทงจงึ เปลี่ยนรูปแบบตงั้ แตน่ นั้ เป็นต้นมา
ประเพณีลอยกระทงสืบตอ่ กนั เรื่อยมา จนถงึ กรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น สมยั รัชกาลท่ี 1 ถงึรัชกาลท่ี 3 พระบรมวงศานวุ งศ์ตลอดจนขนุ นางนิยมประดษิ ฐ์กระทงใหญ่เพ่ือประกวดประชนักนั ซงึ่ ต้องใช้แรงคนและเงนิ จานวนมาก พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั รัชกาลที่ 4 ทรงเหน็ วา่ เป็นการสนิ ้ เปลอื ง จงึ โปรดให้ยกเลกิ การประดษิ ฐ์กระทงใหญ่แข่งขนั และโปรดให้พระบรมวงศานวุ งศ์ทาเรือลอยประทีปถวายองค์ละลาแทนกระทงใหญ่ และเรียกช่ือวา่ “เรือลอยประทปี ” ตอ่ มาในรัชกาลท่ี 5 และรัชกาลที่ 6 ได้ทรงฟื น้ ฟพู ระราชพธิ ีนีข้ นึ ้ มาอกี ครัง้ ปัจจบุ นั การลอยพระประทปี ของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั ทรงกระทาเป็นการสว่ นพระองค์ตามพระราชอธั ยาศยั
ประเพณีในแต่ละท้องถ่ิน ภำคเหนือตอนบนนิยมทาโคมลอย เรียกวา่ “ลอยโคม” หรือ“ว่าวฮม” หรือ “ว่าวควนั ” ทาจากกระดาษบางๆ กระดาษที่ใช้ทาวา่ ว แล้วสมุ ควนั ข้างใต้ให้ลอยขนึ ้ ไปในอากาศอยา่ งบลั ลนูประเพณีของชาวเหนือนีเ้รียกวา่ “ยีเ่ ป็ง”หมายถงึ การทาบญุ ในวนั เพญ็ เดือนยี่(ซงึ่นบั วนั ตามแบบล้านนา ตรงกบั วนั เพญ็เดือนสบิ สองในแบบไทย)
– จงั หวดั เชียงใหม่ มีประเพณี “ย่ีเป็ง”เชียงใหม่ ในทกุ ๆ ปี จะมีการจดั งานขึน้อยา่ งย่งิ ใหญ่ตระการตา และมีการปลอ่ ยโคมลอยขนึ ้ เตม็ ท้องฟ้ า– จงั หวดั ตาก จะลอยกระทงขนาดเลก็ทยอยเรียงรายไปเป็นสาย เรียกวา่“กระทงสาย”– จงั หวดั สโุ ขทยั ขบวนแหโ่ คมชกั โคมแขวน การเลน่ พลตุ ะไล ไฟพะเนียง
ภำคอีสำนในอดตี มีการเรียกประเพณีลอยกระทงในภาคอสี านวา่ สิบสองเพง็ หมายถึงวนั เพญ็ เดือนสบิ สองซง่ึ จะมีเอกลกั ษณ์แตกตา่ งกนั ออกไป เช่น– จงั หวดั ร้อยเอด็ มีช่ืองานประเพณีวา่ “สมมาน้าคืนเพง็ เส็งประทีป” ตามภาษาถิ่นมีความหมายถึงการขอขมาพระแมค่ งคา ในคืนวนั เพญ็ เดือนสบิ สอง การประกวดประทีปโคมไฟและกระทงอนั สวยงาม มีการจาลองแหห่ วั เมืองสาเกตนุ ครทงั้ 11หวั เมือง
– จงั หวดั สกลนคร ในอดตี จะมกี ารลอยกระทงจากกาบกล้วย ลกั ษณะคล้ายกบั การทาปราสาทผงึ ้ โบราณ เรียกงานนีว้ า่ เทศกาลลอยพระประทปี พระราชทาน สิบสองเพง็ ไทสกล– จงั หวดั นครพนม จะตกแตง่ เรือแล้วประดบั ไฟ เป็นรูปตา่ งๆ เรียกวา่ “ไหลเรือไฟ” โดยเฉพาะที่จงั หวดั นครพนมเพราะมีความงดงามและอลงั การที่สดุ ในภาคอีสาน
ภำคกลำงมีการจดั ประเพณีลอยกระทงขนึ ้ ทวั่ ทกุ จงั หวดั– กรุงเทพมหานคร จะมีงานภเู ขาทอง เป็นรูปแบบงานวดั เฉลิมฉลองราว 7-10 วนั ก่อนงานลอยกระทง และจบลงในช่วงหลงั วนั ลอยกระทง– จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา มีการจดั งานประเพณีลอยกระทงกรุงเก่าขนึ ้ อย่างย่ิงใหญ่บริเวณอทุ ยานประวตั ิศาสตร์พระนครศรีอยธุ ยา ภายในงานมีการจดั แสดงแสง สี เสียงอยา่ งงดงามตระการตา
ภำคใต้อยา่ งท่ีอาเภอหาดใหญ่ จงั หวดั สงขลา ก็มีการจดั งานอยา่ งยง่ิ ใหญ่ นอกจากนนั้ ในจงั หวดัอ่ืนๆ ก็จะจดั งานวนั ลอยกระทงด้วยเช่นกนันอกจากนีใ้ นแตล่ ะท้องถิ่นยงั อาจมีประเพณีลอยกระทงท่ีแตกตา่ งกนั ไป และสืบทอดต่อกนัเร่ือยมา
เหตุผลและควำมเช่ือของกำรลอยกระทงสาเหตทุ ่ีมีประเพณีลอยกระทงขนึ ้ นนั้ เกดิ จากความเชื่อหลาย ๆ ประการของแตล่ ะท้องท่ีได้แก่1.เพื่อแสดงความสานกึ ถึงบญุ คณุ ของแมน่ า้ ที่ให้เราได้อาศยั นา้ กิน นา้ ใช้ ตลอดจนเป็นการขอขมาตอ่ พระแมค่ งคา ที่ได้ทงิ ้ สง่ิ ปฏิกลู ตา่ ง ๆ ลงไปในนา้ อนั เป็นสาเหตใุ ห้แหลง่ นา้ ไม่สะอาด2.เพ่ือเป็นการสกั การะรอยพระพทุ ธบาทนมั มทานที เม่ือคราวท่ีพระพทุ ธเจ้าเสด็จไปแสดงธรรมโปรดในนาคพภิ พ และได้ทรงประทบั รอยพระบาทไว้บนหาดทรายแมน่ า้ นมั มทานที ซงึ่เป็นแมน่ า้ สายหนง่ึ อยใู่ นแคว้นทกั ขิณาบถของประเทศอนิ เดยี ปัจจบุ นั เรียกวา่ แมน่ า้ เนรพทุ ท
3.เพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ เพราะการลอยกระทงเปรียบเหมือนการลอยความทกุ ข์ ความโศกเศร้าโรคภยั ไข้เจบ็ และสง่ิ ไมด่ ีตา่ ง ๆ ให้ลอยตามแมน่ า้ ไปกบั กระทง คล้ายกบั พธิ ีลอยบาปของพราหมณ์4.เพื่อเป็นการบชู าพระอปุ คตุ ที่ชาวไทยภาคเหนือให้ความเคารพ ซง่ึ บาเพญ็ เพียรบริกรรมคาถาอยใู่ นท้องทะเลลกึ หรือสะดือทะเล โดยมีตานานเลา่ วา่ พระอปุ คตุ เป็นพระมหาเถระรูปหนงึ่ ท่ีมีอทิ ธิฤทธ์ิมาก สามารถปราบพญามารได้5.เพ่ือรักษาขนบธรรมเนียมของไทยไว้มิให้สญู หายไปตามกาลเวลา และยงั เป็นการสง่ เสริมการท่องเที่ยวให้เกิดขนึ ้ ทงั้ ชาวไทยและชาวตา่ งประเทศ
6.เพื่อความบนั เทงิ เริงใจ เน่ืองจากการลอยกระทงเป็นการนดั พบปะสงั สรรค์กนั ในหมผู่ ้ไู ปร่วมงาน7.เพื่อสง่ เสริมงานฝี มือและความคิดสร้างสรรค์ เพราะเมื่อมีเทศกาลลอยกระทงมกั จะมีการประกวดกระทงแข่งกนั ทาให้ผ้เู ข้าร่วมได้เกิดความคิดแปลกใหม่ และยงัรักษาภมู ปิ ัญญาพืน้ บ้านไว้อีกด้วย
เพลงวันลอยกระทงเพลงราวงวนั ลอยกระทงแตง่ โดยครูแก้ว อจั ฉริยกลุ ผ้ใู ห้ทานองคือ ครูเอือ้ สนุ ทรสนาน แห่งสนุ ทราภรณ์ ซงึ่ ครูเอือ้ ได้แตง่ เพลงนีต้ งั้ แต่ ปีพ.ศ.2498 ขณะที่ได้ไปบรรเลงเพลงที่บริเวณคณะบญั ชีมหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ และมีผ้ขู อเพลงจากครูเอือ้ ครูเอือ้ จงึ นงั่ แตง่เพลงนีท้ ี่ริมแม่นา้ เจ้าพระยา ในระยะเวลาเพียงครึ่งชว่ั โมงจึงเกิดเป็นเพลง “ราวงลอยกระทง” มีเนือ้ ร้องวา่วนั เพญ็ เดือนสิบสอง นา้ นองเตม็ ตล่ิงเราทงั้ หลายชายหญิงสนกุ กนั จริง วนั ลอยกระทงลอย ลอยกระทง ลอย ลอยกระทงลอยกระทงกนั แล้วขอเชิญน้องแก้วออกมาราวงราวงวนั ลอยกระทง ราวงวนั ลอยกระทงบญุ จะสง่ ให้เราสขุ ใจ บญุ จะสง่ ให้เราสขุ ใจ
คำถวำยกระทงสำหรับลอยประทีป วันลอยกระทงมะยัง อมิ นิ ำ ปะทีเปนะ นัมมะทำยะนะทยิ ำ ปุเลเนฐิตงั มุนิโน ปำทะวะลัญชัง อะภปิ เู ชมะอะยัง ปะทเี ปนะ มุนิโน ปำทะวะลัญชัสสะ ปูชำอัมหำกัง ทฆี ะรัตตัง หติ ำยะ สุขำยะ สังฆวัตตะตุ
ด.ญ กชพร ชุวานนท์ ม.3 เลขท่ี9
Search
Read the Text Version
- 1 - 21
Pages: