Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ป.4 หน่วยที่4 เรียนรู้ภูมิศาสตร์

ป.4 หน่วยที่4 เรียนรู้ภูมิศาสตร์

Published by Nannongbon School, 2021-06-30 08:21:08

Description: หน่วยที่4 เรียนรู้ภูมิศาสตร์

Search

Read the Text Version

สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรมSlidePPT61-NEW ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๔ กลุ่มสาระการเรียนรูส้ งั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี ๑ หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ ๒ หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๓ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๔ Slide PowerPoint_สอ่ื ประกอบการสอน บริษทั อกั ษรเจริญทศั น์ อจท. จำกดั : 142 ถนนตะนำว เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 Aksorn CharoenTat ACT.Co.,Ltd : 142 Tanao Rd. Pranakorn Bangkok 10200 Thailand โทรศพั ท์ : 02 622 2999 โทรสำร : 02 622 1311-8 [email protected] / www.aksorn.com

๔หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี เรียนรู้ภมู ิศาสตร์ สาระการเรยี นรู้แกนกลาง • สืบคน้ และอธบิ ำยขอ้ มลู ลักษณะทำงกำยภำพของจงั หวัดตนเอง ดว้ ยแผนที่และรูปถำ่ ยได้ • ระบุแหลง่ ทรัพยำกรและสถำนที่สำคัญในจังหวัดของตนดว้ ยแผนทีแ่ ละรูปถำ่ ยได้ • อธบิ ำยลักษณะทำงกำยภำพทส่ี ง่ ผลตอ่ แหล่งทรัพยำกร และสถำนทสี่ ำคัญในจงั หวดั ได้ • วเิ ครำะห์สิ่งแวดล้อมทำงกำยภำพทส่ี ่งผลตอ่ กำรดำเนินชีวิตของคนในจังหวดั ได้ • อธบิ ำยกำรเปลย่ี นแปลงส่งิ แวดล้อมในจงั หวัดและผลที่เกิดจำกกำรเปลี่ยนแปลงนัน้ ได้ • นำเสนอแนวทำงกำรจัดกำรสง่ิ แวดลอ้ มในจังหวัดได้

แผนท่ี ๑บทที่ แผนทอี่ า้ งอิง การใช้แผนท่แี ละรูปภาพ เป็นแผนที่พน้ื ฐำน แผนทีเ่ ฉพาะเรอ่ื ง สำหรับนำไปพัฒนำเป็น แผนทชี่ นิดอ่นื ต่อไป เป็นแผนท่แี สดงขอ้ มลู เฉพาะเรอื่ งใดเรอ่ื งหนึ่ง เพื่อใหด้ หู รอื อา่ นทา ความเขา้ ใจไดง้ า่ ย

องค์ประกอบสาคัญของแผนที่ ๑ ชื่อแผนที่ อย่ดู ำ้ นบนสุดของแผนที่ หรือ ด้ำนล่างสดุ ของแผนที่

องคป์ ระกอบสาคัญของแผนที่ ๒ สี เป็นส่งิ ที่ใชแ้ ทนลกั ษณะทางกายภาพของส่ิงทีป่ รากฏบนพืน้ ผิวโลก ระดบั ความสงู (เมตร) 1,200 600 400 200 50 ระดบั น้าทะเลปานกลาง

องคป์ ระกอบสาคัญของแผนที่ ๓ ทศิ • ใชท้ ิศเหนอื เป็นหลกั • มลี กู ศร หรือสญั ลักษณอ์ นื่ ๆ พรอ้ มตวั อกั ษร น หรือ N N NW NE W E SW SE S

องค์ประกอบสาคญั ของแผนที่ ๔ มาตราส่วน เปน็ กำรบอกควำมสมั พันธ์ระหวำ่ งระยะทำงในแผนที่ กับระยะทำงในภมู ปิ ระเทศจริง มี ๓ ลกั ษณะ มาตราสว่ น 1 : 100,000 มำตรำส่วนเศษส่วน แสดงด้วยตวั เลขอตั รำส่วนระหว่ำงระยะทำงในแผนที่กับพื้นท่ี จริง เชน่ มำตรำส่วน ๑ : ๑๐๐,๐๐๐ หมำยควำมว่ำ ๑ เซนตเิ มตรบนแผนท่ี จะเท่ำกบั ๑๐๐,๐๐๐ เซนติเมตรบนพ้ืนที่จริง มำตรำส่วนแบบกรำฟิกหรือมำตรำส่วนบรรทัด จะแสดงเปน็ เส้นตรงหรอื รปู แทง่ แนวนอนทถี่ ูก แบ่งเป็นส่วน ๆ และมตี วั เลขกำกบั ไว้ 1 เซนตเิ มตร เท่ากับ 100 กโิ ลเมตร มำตรำสว่ นคาพูด จะเขยี นระบุไว้โดยตรง เชน่ ๑ เซนตเิ มตร เทำ่ กับ ๑๐๐ กิโลเมตร ในพน้ื ทจ่ี ริง หรอื ๑ เซนติเมตร ตอ่ ๑๐ กโิ ลเมตร

องคป์ ระกอบสาคัญของแผนท่ี ๕ สัญลักษณ์ เป็นรูปเรขำคณิตหรอื เส้นทกี่ ำหนดขึ้น เพอื่ ใช้แสดงขอ้ มูลของส่งิ ตำ่ ง ๆ ท่ีปรำกฏ เนือ่ งจำกแผนที่มีพื้นท่ีจำกัด จงึ ไม่สำมำรถใส่รำยละเอียดเหมอื นของจริง ได้ทงั้ หมด จงึ จำเป็นต้องใช้สัญลกั ษณ์แทน เพือ่ ให้แผนทีเ่ หมำะสมต่อกำรใชง้ ำน และทำควำมเขำ้ ใจไดง้ ำ่ ย

การสืบคน้ และอธบิ ายข้อมูลดว้ ยแผนที่ ควำมรูเ้ บ้ืองตน้ เก่ียวกับแผนที่ เป็นพนื้ ฐำนทท่ี ำใหส้ ำมำรถสืบคน้ และอธบิ ำยขอ้ มูลจงั หวัดของเรำดว้ ยแผนทไ่ี ด้ หลักการเบ้อื งต้นในการใชแ้ ผนที่ ตรงวัตถุประสงค์ ทนั สมยั ดงู า่ ย ชดั เจน เลือกใช้แผนที่ให้สอดคล้องกบั กิจกรรมที่ตอ้ งใช้งาน เลือกใช้แผนท่ีท่เี ป็นปจั จบุ นั หรอื ใกลเ้ คยี งกบั ปจั จุบัน เพ่ือให้ เลือกแผนทที่ ม่ี ีสัญลักษณต์ า่ ง ๆ เชน่ ตอ้ งการสืบค้น ได้ข้อมูลทเ่ี ป็นจรงิ ทส่ี ามารถเข้าใจง่าย ไม่ซบั ซ้อน แผนทค่ี วรมีขนาดใหญ่ เพ่ือใหเ้ หน็ ข้อมูลไดช้ ดั เจน หรอื อธิบายขอบเขตของจังหวดั อาเภอ ซ่งึ ในแผนทสี่ ว่ นใหญ่จะระบุปีทจี่ ัดทาไว้ให้แล้ว ควรใชแ้ ผนทรี่ ฐั กิจแสดงอาณาเขต นา่ เชอ่ื ถือ ผสมผสาน เลือกใช้แผนท่ีท่ีผลิตจากหนว่ ยงานทนี่ ่าเชอ่ื ถอื เป็นทีย่ อมรับ แผนที่แตล่ ะแบบมีขอ้ ดแี ละขอ้ จากดั การใช้แผนทแี่ บบผสมผสาน เชน่ หน่วยงานของรฐั หรอื หน่วยงานเอกชนที่มปี ระสบการณ์ ในการศึกษาเร่อื งราวจงั หวดั ทาให้ไดข้ อ้ มูลที่หลากหลาย ด้านแผนที่ มีวิธีการจัดทาที่ไดม้ าตรฐาน และเป็นการตรวจสอบความคลาดเคลอ่ื นของข้อมูลไดอ้ กี ทางหน่ึง

รปู ถา่ ย • เปน็ เคร่อื งมือทำงภมู ศิ ำสตร์อกี ประเภทหนงึ่ ทส่ี ำมำรถใหข้ ้อมลู จงั หวดั ของเรำได้ • หำกใช้รูปถ่ำยรว่ มกบั แผนท่ปี ระเภทต่ำง ๆ กจ็ ะช่วยทำให้กำรสบื ค้นและอธบิ ำยขอ้ มูล ลกั ษณะทำงกำยภำพ แหลง่ ทรัพยำกร และสถำนท่สี ำคัญของจังหวดั มคี วำมถูกต้อง ครบถว้ นมำกยิ่งขนึ้ ๑๒๓ รปู ถา่ ยทางภูมิศาสตร์ รปู ถ่ายทางอากาศ ภาพจากดาวเทยี ม

ประเภทของรปู ถา่ ย

การสืบค้นและอธิบายขอ้ มูลดว้ ยรปู ถา่ ย หลักในการใช้งานรปู ถา่ ย มีขอ้ มลู พื้นฐาน เรำจะใช้รปู ถ่ำยในกำรศกึ ษำขอ้ มลู ไดด้ ีขึ้น ต้องทรำบข้อมลู พื้นฐำนของจังหวัดท่ีอำศยั อยู่จำกสอ่ื ต่ำง ๆ มำกอ่ น เม่ือเหน็ รูปถำ่ ยแต่ละประเภทกจ็ ะเข้ำใจและสำมำรถเลือกนำมำใช้งำนไดเ้ หมำะสม ตรงวตั ถุประสงค์ กำรนำรูปถำ่ ยมำใช้เปน็ เคร่ืองมอื ทำงภูมศิ ำสตร์ ตอ้ งเลือกรูปถำ่ ยท่มี ีควำมน่ำเช่อื ถอื ให้ขอ้ มูลถูกต้อง ทนั สมยั และเหมำะกับลักษณะงำนท่ีจะนำไปใช้ คานงึ ถึงขอ้ จากัด ดูง่าย รูปถ่ำยสำมำรถแสดงสีของสงิ่ ต่ำง ๆ ไดเ้ สมือนจรงิ มีควำมคมชัด จำแนกลกั ษณะทำงกำยภำพภูมิประเทศ วตั ถุต่ำง ๆ ได้ชดั เจน ควรเลอื กใชร้ ปู ถำ่ ยทจ่ี ัดทำออกมำในวนั เวลำที่ใกลเ้ คยี งกบั ปัจจุบนั มำกทส่ี ดุ เพ่ือให้ไดข้ อ้ มูลที่ตรงกบั ควำมเป็นจรงิ น่าเช่อื ถือ กำรเลอื กรูปถ่ำยมำใช้งำน ควรตรวจสอบกับรูปถ่ำยจำกหลำย ๆ แหลง่ หรือใช้รูปถำ่ ยที่จัดทำจำก หน่วยงำนของรัฐหรือเอกชนที่มีประสบกำรณ์ตรงในเร่อื งน้นั ๆ เพ่ือให้เกดิ ควำมมน่ั ใจในเร่ืองข้อมลู กำรเลือกใช้รูปถ่ำยแต่ละประเภทตอ้ งเลือกใหเ้ หมำะสมกับลกั ษณะงำน และควรนำไปใชผ้ สมผสำนกัน รวมถึงใช้รว่ มกับแผนท่ี เพอื่ ให้ไดข้ ้อมลู ทถี่ กู ตอ้ งตรงกับควำมเป็นจริง

ลกั ษณะทางกายภาพในจังหวัด ๒บทท่ี ลักษณะทางกายภาพ จังหวัดของเรา สิง่ ต่ำง ๆ ทเี่ กิดขน้ึ เองตำมธรรมชำติ หรอื เป็นสง่ิ แวดลอ้ มท่อี ยู่รอบ ๆ ตวั ของเรำ ดิน ภูเขา แมน่ า้ ลาธาร ลักษณะทางกายภาพทส่ี าคญั การสืบคน้ และอธิบาย ลักษณะทางกายภาพ ป่าไม้ ๑ ลักษณะภมู ิประเทศ ๒ ลักษณะภูมิอากาศ สภาพอากาศ ๓ ทรัพยากรธรรมชาติ ใช้แผนที่ ใชร้ ูปถ่าย

ลกั ษณะภูมปิ ระเทศ

ฤดูร้อน ฤดูฝน ฤดูหนาว ม.ค. ก.พ. ม.ค. ก.พ. ม.ค. ก.พ. ธ.ค. ม.ี ค. ธ.ค. ม.ี ค. ธ.ค. ม.ี ค. ฤดูกาลพ.ย. เม.ย. ฤดกู าลพ.ย. เม.ย. ฤดกู าลพ.ย. เม.ย. ต.ค. พ.ค. ต.ค. พ.ค. ต.ค. พ.ค. ก.ย. ม.ิ ย. ก.ย. ม.ิ ย. ก.ย. ม.ิ ย. ส.ค. ก.ค. ช่วงตงั้ แต่ ส.ค. ก.ค. ชว่ งตั้งแต่ ส.ค. ก.ค. ช่วงต้ังแต่ เดอื นกุมภาพันธ์ - เดือนพฤษภาคม เดือนพฤษภาคม - เดือนตุลาคม เดอื นตลุ าคม - เดอื นกุมภาพนั ธ์ เป็นช่วงท่ีประเทศไทย เปน็ ชว่ งที่มีลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ เปน็ ช่วงท่ีพน้ื ท่ขี องประเทศไทย ได้รับแสงแดดจากดวงอาทิตย์อยา่ งเต็มที่ พัดเขา้ มาทาใหเ้ กดิ ฝนตก ยกเวน้ ทางตอนใต้ เป็นบริเวณกว้าง ทกุ พ้ืนทขี่ องประเทศไทย ทางตอนใตข้ องไทย ได้รับอทิ ธิพลจากลมมรสุม จะรอ้ นอบอา้ วและรอ้ นจัด จะมีฝนตกชกุ ไปจนถงึ ตะวันออกเฉยี งเหนือ เดือนธนั วาคม ทาให้มีอากาศหนาวเย็น และแห้งแลง้ โดยเฉพาะพนื้ ท่ี ทางตอนเหนอื และตะวันออกเฉียงเหนอื

ทรพั ยากรธรรมชาติ ทรพั ยากรธรรมชาติ คือ สิ่งตา่ งๆ ที่เกดิ ขน้ึ เองหรือมีอยู่ตามธรรมชาติ ซ่งึ มนษุ ย์ได้นามาใชป้ ระโยชนใ์ นการดารงชีวติ ทงั้ โดยทางตรงและโดยทางออ้ ม

ดนิ เปน็ สิ่งทเ่ี กิดขนึ้ เองตามธรรมชาติ จากการผพุ งั ของหนิ แร่ รวมท้งั ซากพชื ซากสัตว์ ดนิ ในแตล่ ะพน้ื ท่ี แตล่ ะจังหวดั จะมีลักษณะและคุณสมบัตทิ ี่ต่างกนั ออกไป มนุษยใ์ ชป้ ระโยชนจ์ ากดนิ ในด้านต่างๆ เช่น ปลูกสร้างท่อี ยูอ่ าศัย ทาการเกษตรกรรม ใชเ้ ลยี้ งสัตว์

น้า เป็นปัจจัยสาคญั ตอ่ การดารงชีวิตทงั้ ของมนุษย์ สตั ว์ และพชื การอปุ โภค บริโภค การเกษตรกรรม การอุตสาหกรรม การผลิตกระแสไฟฟ้า การคมนาคมขนสง่

สัตวป์ า่ มีสตั ว์ทกุ ชนดิ ไดแ้ ก่ สตั ว์บก สัตวน์ ้า สตั ว์ปีก แมง แมลง ซึ่งกาเนิดและดารงชีวติ อยู่ใน แหลง่ ตา่ งๆ ตามธรรมชาติ สตั ว์บก สตั วน์ า้ สัตวป์ ีก แมง แมลง นอกจากนี้สตั วป์ ่ายังเปน็ อาหารของมนษุ ย์ และยังชว่ ยสรา้ งความสวยงามให้กบั ธรรมชาติ ชว่ ยทาลายศัตรูของพชื ช่วยกระจายเกสรและเมลด็ พนั ธุพ์ ชื

พืชพรรณธรรมชาติ ป่าไม้ มีความสาคัญตอ่ สง่ิ มชี ีวติ ต่างๆ มนษุ ย์อาศัยป่าไมเ้ ป็นแหลง่ วัตถดุ บิ ปา่ ไม้ของไทย แบง่ ออกเป็น ป่าไม้ไมผ่ ลัดใบ เชน่ ป่าดงดิบ ป่าชายเลน ป่าไมผ้ ลัดใบ เชน่ ป่าเบญจพรรณ ปา่ เตง็ รงั พ้ืนท่ีปา่ ไมข้ องไทย จะมคี วามอดุ มสมบูรณต์ ้ังแต่ทางตอนเหนือลงมาทางตะวนั ตก ตอ่ ลงมาทางใต้ เชน่ พนื้ ท่จี งั หวัดเชยี งใหม่ ตาก ประจวบครี ีขนั ธ์

แร่ สิง่ ทเี่ กดิ ขึ้นเองตามธรรมชาติ แรส่ ว่ นใหญท่ ี่พบในประเทศไทย เช่น เหล็ก ทองแดง น้ามัน กา๊ ซธรรมชาติ พลอย ทบั ทมิ ทรพั ยากรแรเ่ หลา่ นีจ้ ะมกี ระจายอยู่ในจงั หวดั ตา่ งๆ เชน่ สรุ าษฎรธ์ านี นครศรีธรรมราช พงั งา ราชบุรี กาญจนบุรี อุทัยธานี ลาพูน เลย ลพบุรี เชยี งใหม่ แพร่

แหล่งทรพั ยากรและสถานที่สาคญั ในจงั หวดั

ลกั ษณะทางกายภาพท่สี ง่ ผลตอ่ แหลง่ ทรพั ยากรและสถานที่สาคญั ในจงั หวดั

๓บทท่ี ส่งิ แวดล้อมในจงั หวดั • ลกั ษณะทำงกำยภำพของแต่ละจงั หวัดส่วนใหญจ่ ะแตกตำ่ งกัน หรือแม้แตภ่ ำยในจังหวัดเดียวกนั แต่ละบรเิ วณกย็ ังมีลักษณะทำงกำยภำพที่ไมเ่ หมอื นกัน • ลักษณะกำยภำพมีผลอยำ่ งมำกต่อวถิ กี ำรดำเนินชีวิตของผู้คนในด้ำนสำคัญ ๆ ดงั น้ี ลักษณะทอ่ี ยอู่ าศัย การคมนาคม การประกอบอาชีพ

ส่งิ แวดล้อมทางกายภาพกบั การดาเนนิ ชีวติ

ลกั ษณะการเปลีย่ นแปลงสงิ่ แวดลอ้ มในจังหวดั ลักษณะภมู ิประเทศ ลกั ษณะภมู ิอากาศ ทรัพยากรธรรมชาติ กำรเปลย่ี นแปลงพ้นื ท่ี ในจังหวดั ทม่ี ผี คู้ นอำศยั อยู่ แหล่งน้า ถูกนำมำใช้ในกำร ทำงกำรเกษตรเพรำะมีจำนวน หนำแน่นมีกำรใช้ยำนพำหนะ ดำรงชวี ิตประจำวัน และทำง ประชำกรเพิม่ ขึ้น ทำให้ควำม จำนวนมำก จึงปล่อยควนั เสีย เศรษฐกิจ ทำให้ปจั จุบนั มี ต้องกำรดำ้ นทีอ่ ยูอ่ ำศัยเพ่ิมข้ึน รวมทั้งควำมรอ้ นออกมำ ทำให้ ปริมำณน้ำลดลง ตนื้ เขนิ มกี ำร มกี ำรใช้พน้ื ท่ีทำงกำรเกษตร เกิดมลพษิ ในอำกำศ ส่งผล ปนเป้อื นสำรพิษ ไม่เหมำะสม กระทบต่อสุขภำพของผู้คน ท่จี ะนำมำบริโภค อุปโภค มำเป็นพื้นทีอ่ ยูอ่ ำศัยแทน จงึ ต้องใช้นำ้ ประปำแทน กำรบกุ เบกิ พนื้ ที่ป่ำไม้ มกี ำรเผำปำ่ และเศษวสั ดุ นำมำใช้เป็นพนื้ ที่เพำะปลูก ทำงกำรเกษตรในชว่ งหน้ำแล้ง ดิน มีควำมเสื่อมโทรมทีเ่ กิด ส่งผลกระทบต่อสงิ่ แวดลอ้ ม ทำให้เกิดหมอกควันปกคลุม จำกกำรใช้ดินท่ไี มถ่ กู ขำดกำร พื้นท่ขี องหลำยจงั หวดั ส่งผล บำรุงดูแลรักษำ กำรชะลำ้ ง อนื่ ๆ เช่น ปำ่ ไมล้ ดลง ให้ผู้คนเจ็บป่วยเป็นโรคระบบ พงั ทลำยของดนิ ใช้สำรเคมี ดนิ เส่ือมโทรม ทำงเดินหำยใจจำนวนมำก ตดิ ต่อกนั เป็นเวลำนำน ขำดแหลง่ น้ำตำมธรรมชำติ ส่งผลใหด้ ินเส่ือมสภำพ ไม่เหมำะนำมำเพำะปลูก

การเปลี่ยนแปลงภูมอิ ากาศในจงั หวดั

ลกั ษณะการเปลีย่ นแปลงสิ่งแวดล้อมในจงั หวัด ผลจากการเปลย่ี นแปลงสิ่งแวดล้อมในจงั หว การตง้ั ถ่นิ ฐาน ผู้คนมกั ตงั้ ถิ่นฐานอยใู่ กล้แม่นา้ เพราะมีทรพั ยากรน้าทีอ่ ุดมสมบูรณ์ ในการนามาใช้อปุ โภค บริโภค การตง้ั โรงงานอุตสาหกรรม จะสง่ ผลทาให้มีผคู้ นเขา้ มาต้ังถ่ินฐานใกลก้ ับโรงงาน ภาพจากดาวเทยี มแสดงใหเ้ หน็ ถึงการตัง้ ถิน่ ฐานบรเิ วณชานเมอื งตามแนวถนนสายหลัก

การย้ายถิ่นฐาน มี ๒ ลกั ษณะ ๑ การย้ายถ่ินเข้า พน้ื ทว่ี า่ งเปลา่ มกี ารพัฒนา มีการตง้ั โรงงาน เกดิ แหลง่ เศรษฐกิจ เกิดแหลง่ การศกึ ษา ๒ การยา้ ยถิ่นออก พื้นทเี่ สื่อมโทรม อากาศมีมลพษิ เกดิ นา้ เนา่ เสยี ภยั พิบัติ เชน่ นา้ ท่วม

แนวทางการจดั การสิ่งแวดลอ้ มในจงั หวดั

วิธีฟ้นื ฟทู รพั ยากรและสงิ่ แวดล้อม นาน้าที่ใชแ้ ล้วกลบั มาใช้ใหม่ การฟื้นฟนู า้ การฟ้ืนฟดู ิน รักษาแหลง่ ต้นนา้ ป่ำไม้เป็นแหล่งตน้ นำ้ สำคญั การปลูกพืชคลมุ ดิน ชว่ ยให้ธรรมชำตมิ กี ำรกักเกบ็ นำ้ ไว้ใช้ การปลูกพชื หมนุ เวยี น ลดการใชส้ ารเคมใี นการเพาะปลูก ไม่เผาทาลายพืชหรือวัชพืช มสี ่วนรว่ มในการดแู ลรักษาปา่ ไม้ การฟืน้ ฟปู า่ ไม้และสัตวป์ ่า ปลกู ปา่ ทดแทนพื้นทที่ ถี่ กู บกุ รกุ เพอื่ รกั ษาแหล่งต้นนา้ หน่วยงานราชการต้องเข้มงวดการใช้กฎหมาย เพ่อื ลงโทษผู้ลกั ลอบตดั ไม้และลา่ สัตว์ปา่ เพอ่ื ประโยชน์ส่วนตน ร่วมกนั สอดส่องดแู ลไมใ่ หม้ กี ารรกุ ล้าพื้นทป่ี ่า สรา้ งจติ สานึกให้ประชาชนเห็นคุณคา่ ไม่ตัดไม้หรือล่าสตั ว์ ของปา่ ไมแ้ ละสตั ว์ป่า

การมีส่วนร่วมในการอนุรกั ษ์ทรพั ยากรและสิ่งแวดล้อม การอนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อมเปน็ หน้าทีข่ องทกุ คนในจงั หวัด สามารถทาได้ ดงั นี้ มีส่วนร่วมนาเสนอแนวทาง รณรงคใ์ หท้ กุ คนในจงั หวัดเห็นความสาคญั และกาหนดนโยบาย มจี ิตสานึกเป็นเจ้าของทรัพยากรธรรมชาติ ดา้ นการอนรุ กั ษท์ รัพยากรธรรมชาติ และส่งิ แวดลอ้ มรว่ มกนั และสง่ิ แวดลอ้ มในชุมชน ร่วมจดั กจิ กรรมอนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติ และสง่ิ แวดลอ้ ม รวมตวั กนั เป็นจติ อาสา อนุรักษท์ รพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อม


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook