สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรมSlidePPT61-NEW ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๔ กลุ่มสาระการเรียนรูส้ งั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี ๑ หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ ๒ หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๓ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๔ Slide PowerPoint_สอ่ื ประกอบการสอน บริษทั อกั ษรเจริญทศั น์ อจท. จำกดั : 142 ถนนตะนำว เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 Aksorn CharoenTat ACT.Co.,Ltd : 142 Tanao Rd. Pranakorn Bangkok 10200 Thailand โทรศพั ท์ : 02 622 2999 โทรสำร : 02 622 1311-8 [email protected] / www.aksorn.com
๒หน่วยการเรียนรทู้ ่ี หนา้ ท่ีของพลเมืองท่ีดี สาระการเรียนรแู้ กนกลาง • ปฏบิ ัตติ นเป็นพลเมอื งดีตำมวถิ ีประชำธปิ ไตยในฐำนะสมำชิกที่ดขี องชุมชน • ปฏบิ ัติตนในกำรเปน็ ผนู้ ำและผู้ตำมท่ีดี • วเิ ครำะหส์ ิทธพิ นื้ ฐำนทีเ่ ด็กทกุ คนพงึ ไดร้ บั ตำมกฎหมำย • อธบิ ำยควำมแตกตำ่ งทำงวฒั นธรรมของกลมุ่ คนในทอ้ งถนิ่ • เสนอวธิ ีกำรท่ีจะอย่รู ว่ มกนั อยำ่ งสนั ติสขุ ในชวี ติ ประจำวนั • อธิบำยอำนำจอธิปไตยและควำมสำคญั ของระบอบประชำธิปไตย • อธบิ ำยบทบำทหน้ำที่ของพลเมอื งในกระบวนกำรเลือกต้งั • อธิบำยควำมสำคัญของสถำบันพระมหำกษตั รยิ ต์ ำมระบอบประชำธิปไตยอันมพี ระมหำกษัตริยท์ รงเปน็ ประมขุ
๑บทที่ พลเมืองดีตามวถิ ีประชาธิปไตย สมาชิกท่ีดีของชุมชน บคุ คลทป่ี ฏิบัตติ นตำม บทบำทหนำ้ ท่ขี องตนต่อสงั คมและประเทศชำตดิ ว้ ยควำมรับผิดชอบ มีสว่ นรว่ มในกิจกำรสำธำรณะของชุมชน ๑๒๓ คณุ ธรรมและจรยิ ธรรม การปฏิบตั ิตนเป็นพลเมืองดีตามวิถี การมีส่วนร่วมในกจิ กรรมของชุมชน ของพลเมืองดตี ามวถิ ีประชาธปิ ไตย ประชาธปิ ไตยในฐานะสมาชกิ ทดี่ ีของชุมชน
๑ คุณธรรมและจริยธรรม ของพลเมอื งดีตามวถิ ีประชาธปิ ไตย คารวธรรม ปญั ญาธรรม สามคั คีธรรม เคำรพในควำมคิดเหน็ ซึ่งกนั และกนั คดิ วิเครำะหแ์ ละตัดสนิ ใจอยำ่ งมีเหตุผล รว่ มคิด วำงแผน และทำงำน ไม่เอำเปรียบเพอ่ื นรว่ มงำน เคำรพในกฎหมำย และวฒั นธรรมประเพณีของสังคม แกไ้ ขปัญหำต่ำงๆ อย่ำงมสี ตริ อบคอบ รบั ผดิ ชอบตอ่ งำนทีไ่ ดร้ ับมอบหมำย มีเหตุผลในกำรอภปิ รำยเรือ่ งตำ่ งๆ เคำรพผ้ใู หญ่ โดยเฉพำะบิดำและมำรดำ ทำงำนเพือ่ ประโยชน์สว่ นรวมมำกกว่ำประโยชน์ส่วนตน เคำรพในสิทธขิ องผอู้ นื่ ประเมินผลกำรทำงำนของหมูค่ ณะ เคำรพเทิดทนู สถำบนั ชำติ ศำสนำ และพระมหำกษตั รยิ ์ แล้วนำมำปรบั ปรงุ แก้ไขในกำรทำงำนครั้งตอ่ ไป
๒ การปฏบิ ตั ติ นเป็นพลเมืองดตี ามวิถี ประชาธิปไตยในฐานะสมาชกิ ทีด่ ีของชุมชน การปฏิบัติตนด้านสงั คม การปฏบิ ัติตนดา้ นเศรษฐกิจ การปฏบิ ตั ติ นดา้ นการเมอื ง แสดงควำมคิดเหน็ อยำ่ งมเี หตผุ ล ประหยดั อดออม มสี ว่ นร่วมในกำรบรหิ ำรชมุ ชน รับฟงั ควำมคดิ เหน็ ของผู้อื่น ซื่อสัตยส์ จุ รติ ตอ่ อำชพี ท่ตี นทำ ร่วมกนั หำทำงแกไ้ ขควำมขดั แย้งด้วยสันตวิ ธิ ี ปรับปรุงและพฒั นำอำชพี ของตนให้ก้ำวหนำ้ อยเู่ สมอ มีควำมรับผิดชอบ ซอื่ สัตย์สจุ ริตตอ่ หน้ำท่ี มีควำมเอื้อเฟ้ือเผื่อแผ่ ช่วยเหลือเก้ือกูลกัน เปน็ ผู้ผลติ ทร่ี ับผิดชอบต่อผู้บริโภคและสังคม กลำ้ แสดงควำมคดิ เห็นต่อส่วนรวมอย่ำงมีเหตุผล เคำรพต่อกฎ กตกิ ำ และกฎหมำย ขยัน อดทน และมุ่งมน่ั ทำงำนด้วยควำมรับผดิ ชอบ ตัดสินใจโดยใชเ้ หตผุ ลมำกกว่ำอำรมณ์ มจี ติ สำธำรณะ ทำประโยชน์เพอ่ื สว่ นร่วมอยเู่ สมอ
๓ การมสี ่วนร่วมในกิจกรรมของชมุ ชน รณรงคแ์ ละรว่ มปลกู ต้นไม้ เพ่ือความรม่ ร่ืนสวยงาม สร้างความชุ่มช่นื ใหก้ บั ชมุ ชน รณรงค์ให้ประชาชนไปในใชส้ ิทธิในการเลือกตั้งผูแ้ ทนทอ้ งถิน่ เพ่ือเข้าไปพัฒนาชุมชนให้เจริญกา้ วหน้า รว่ มบริจาคเงนิ ทอง ของใช้ แสดงน้าใจไมตรีต่อทหารท่มี คี วามเสยี สละในการปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ดี ว้ ยความทกุ ขย์ าก เพ่อื ป้องกันประเทศชาติ รณรงคเ์ พือ่ รักษาสงิ่ แวดล้อมในชุมชนใหม้ สี ภาพสมบรู ณ์ รณรงค์ต่อต้านยาเสพตดิ ท่อี าจแพรร่ ะบาดเขา้ มาในโรงเรยี นและชมุ ชน รณรงคป์ ้องกันการแพรร่ ะบาดของโรคตา่ งๆ ร่วมเก็บกวาดขยะในบรเิ วณชมุ ชน ทาความสะอาดโบราณสถาน โบราณวตั ถุ และแหลง่ ท่องเที่ยวในทอ้ งถ่นิ
ผู้นาและผตู้ ามในสังคมประชาธปิ ไตย ๑ ลกั ษณะของผ้นู าในสังคมประชาธิปไตย ผนู้ าตามธรรมชาติ ผนู้ าตามการแตง่ ตง้ั ผ้นู าจากการเลือกตั้ง เช่น พ่อแม่ ตอ้ งคอยช้ีนา อบรมส่งั สอนลูกให้เป็น เชน่ ผบู้ รหิ ารโรงเรียน ทที่ าหนา้ ทีเ่ ป็นผู้นา การเลือกต้ังในระดับโรงเรียน เช่น กำรเลอื กตง้ั หวั หน้ำห้อง คนดีของครอบครัวและสังคม ของคณะครู คณะกรรมการสถานศกึ ษาใน หวั หนำ้ ชมรม ประธำนนักเรยี น โรงเรียน การเลือกตั้งระดบั ชุมชน เช่น กำรเลอื กผู้ใหญ่บำ้ น กำนนั การเลือกตัง้ ระดับประเทศ เช่น กำรเลือก ส.ส. ส.ว.
บทบาทหนา้ ท่แี ละความรับผดิ ชอบของผู้นาในแต่ละกลุ่มสงั คม กล่มุ สังคมระดบั ครอบครัว ผนู้ ำ คือ พอ่ แม่ มบี ทบำทหนำ้ ที่และควำมรับผิดชอบในกำรทำงำนหำเลยี้ ง สมำชิกในครอบครวั ส่งเสริมใหบ้ ุตรไดร้ บั กำรศึกษำ ใหม้ ีคุณธรรม กล่มุ สังคมระดบั โรงเรยี น ผนู้ ำ คือ ผ้อู ำนวยกำรโรงเรียน มีบทบำทหน้ำทแี่ ละมคี วำมรับผิดชอบ ในกำรบรหิ ำรงำนภำยในโรงเรียน พัฒนำนกั เรยี นใหม้ คี วำมรู้ คณุ ธรรม จริยธรรม ร่ำงกำยและจิตใจ ส่งเสรมิ กำรทำงำนของบคุ ลำกรทุกฝำ่ ยในโรงเรียน กลุม่ สงั คมระดับท้องถน่ิ มผี ้นู ำในระดบั ตำ่ งๆ เช่น ผูน้ ำระดับจังหวัด คือ ผู้วำ่ รำชกำรจังหวัด ผ้นู ำระดับ อำเภอ คือ นำยอำเภอ ผูน้ ำระดับตำบล คือ นำยกองคก์ ำรบรหิ ำรสว่ นตำบล ผนู้ ำดังกล่ำวมีบทบำทหนำ้ ที่ และควำมรับผดิ ชอบในกำรบริหำรงำนในพืน้ ท่ที ต่ี นรับผิดชอบ ดแู ลควำมเปน็ อยู่ ควำมสงบสขุ ของ ประชำชน กลุ่มสังคมระดับชาติ ผ้นู ำ คือ นำยกรฐั มนตรี มีบทบำทหน้ำทแี่ ละควำมรับผดิ ชอบในกำรบริหำรประเทศ ใหม้ คี วำมเจรญิ กำ้ วหนำ้ และมั่นคง ประชำชนมสี ภำพควำมเป็นอย่ทู ่ดี ี
บทบาทหน้าท่แี ละความรับผดิ ชอบของผูต้ าม ๑ ปฏิบัติหน้าทต่ี ามท่ไี ด้รับมอบหมายดว้ ยความรบั ผิดชอบ ก่อใหเ้ กดิ ผลดที ส่ี ดุ แก่ หมคู่ ณะ ๒ รว่ มแสดงความคิดเห็นและตัดสินใจอยา่ งมเี หตผุ ลในการดาเนนิ กจิ กรรมต่างๆ ของกลุ่ม สังคม และชุมชน ๓ ใหค้ วามรว่ มมือ ช่วยเหลืองานทเ่ี ป็นประโยชนต์ อ่ สงั คมให้ประสบความสาเร็จ ๔ ใหค้ วามรว่ มมือตอ่ ผูน้ าในการปฏบิ ัตงิ านใหบ้ รรลผุ ลตามนโยบายท่ีได้วางแผนไว้
คณุ ลักษณะและคณุ ธรรมจรยิ ธรรมของผู้นาที่ดี มีบุคลกิ ภาพทด่ี ี มีความสานึก มคี วามเสยี สละ มวี ิสยั ทัศน์ และปฏบิ ตั ิตามหน้าท่ี ความสขุ ส่วนตัว ดว้ ยความรับผิดชอบ เพื่อประโยชน์ส่วนรวม มีเหตผุ ล มีความม่นั ใจในตวั เอง และมนษุ ยส์ ัมพันธ์ท่ีดี มคี วามคิดริเรม่ิ สรา้ งสรรค์ พฒั นางานใหก้ ้าวหน้าอยูเ่ สมอ
การทางานกล่มุ ให้มปี ระสทิ ธภิ าพ กำรทำงำนกลุ่มใหม้ ีประสทิ ธภิ ำพดี ควรปฏบิ ตั ติ ำมข้ันตอน ดังนี้ เผยแพร่ แลกเปลีย่ นผลงาน เพื่อเพิ่มประสบการณก์ ารเรยี นรู้ และการทางานมากขนึ้ ๘ รว่ มรบั ผดิ ชอบ และภาคภูมใิ จทผ่ี ลงานสาเร็จอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ ๗ รว่ มประเมนิ ผลงานเป็นระยะ และนามาปรบั ปรงุ แก้ไขพัฒนาผลงาน ๖ ดาเนินงานตามที่วางแผนไว้ ประธานกลมุ่ ใหค้ าแนะนาและชว่ ยเหลือ ๕ ใครทางานทม่ี อบหมายเสร็จก่อน ต้องไปชว่ ยเพ่อื นทยี่ ังทาไมเ่ สร็จ ๔ ร่วมวางแผนและมอบหมายงาน ตามความสมัครใจของกลมุ่ ๓ ศกึ ษา รวบรวมข้อมลู ทใ่ี ชใ้ นการวางแผนทีไ่ ด้จากการสังเกต สอบถาม สัมภาษณ์ ศกึ ษาเอกสาร เปิดเว็บไตต์ ๒ สมาชกิ ในกลมุ่ ร่วมกนั คดิ วิเคราะหง์ านทไี่ ด้รบั มอบหมาย ๑ เลอื กประธานกลุ่ม หรือผนู้ าที่มีความรคู้ วามสามารถ
ประโยชน์ของการทางานกล่มุ สมาชกิ ในกลุม่ ไดร้ ่วมกนั คิด รว่ มกนั วางแผน ทาใหง้ านเสรจ็ เรว็ และมคี ณุ ภาพตามเป้าหมาย ฝึกการใช้หลักประชาธิปไตย ฝึกการนาหลกั ธรรมมาใช้ ฝกึ การทางานและการสร้างนสิ ัยท่ดี ีในการอยู่ร่วมกับผ้อู ื่น ฝกึ การทางานอยา่ งเป็นระบบและเปน็ กระบวนการ
สทิ ธพิ ้นื ฐานสาหรบั เด็ก สิทธิท่เี ดก็ ไดร้ ับควำมคุ้มครองจำกกฎหมำยในกำรดำรงชีวิต สทิ ธพิ ้นื ฐำนสำหรบั เด็กตำมทีไ่ ด้กำหนดไวใ้ นกฎหมำย มีอยู่ ๔ ประกำร ได้แก่ ๑ สทิ ธิ ๒ สทิ ธิ ทจ่ี ะมชี ีวิตหรอื การอยรู่ อด ทจ่ี ะได้รบั การปกป้องค้มุ ครอง ๓ สทิ ธิ ๔ สทิ ธิ ทจี่ ะได้รับการพฒั นา ทจี่ ะมีสว่ นร่วม
การอยู่รว่ มกนั อยา่ งสนั ติสุข ๒ ปญั หาและสาเหตุ ๑ ๑ ลักษณะของการอยรู่ ่วมกัน ของการเกิดความขดั แยง้ ๓ แนวทางการแกป้ ญั หา อยา่ งสนั ตสิ ุข • กำรไมย่ อมรบั ควำมคดิ ควำมเชอื่ ที่แตกตำ่ งจำกตน ความขดั แย้งดว้ ยสนั ติวิธี • กำรเหน็ แกป่ ระโยชน์สว่ นตนมำกกว่ำสว่ นรวม • รู้ เขำ้ ใจ และปฏิบตั ิตนตำมบทบำทหนำ้ ท่ี • กำรไมป่ ฏบิ ตั ติ ำมกฎ ระเบียบ ขอ้ ตกลง กฎหมำย • ปฏิบตั ิตำมกฎ กติกำ ข้อบงั คบั และกฎหมำย ของกำรเป็นสมำชกิ ทดี่ ีของครอบครัว สงั คม • ปฏิบัติตนตำมสถำนภำพ มำรยำท สทิ ธิ ชุมชนทต่ี นอำศยั อยู่และเป็นพลเมอื งท่ีดขี อง เชน่ แยง่ กนั ขน้ึ รถหรอื ลงเรอื จอดรถบงั หน้ำ ขับรถ ประเทศไทย ขวำงทำงคนอืน่ เสรีภำพ หน้ำทขี่ องตนเองและผู้อน่ื • ไม่ปฏิบตั ติ ำมบทบำท หน้ำที่ และควำมรบั ผดิ ชอบ • เคำรพควำมคิด ควำมเช่อื และกำรปฏบิ ตั ิของ • ร่วมกันพฒั นำและแกไ้ ขปญั หำของ เชน่ ไม่ชว่ ยทำงำนบำ้ น ไม่รกั ษำสงิ่ แวดล้อมในชมุ ชน ครอบครวั สังคม และชุมชน • กำรมีอคติหรอื มคี วำมไมเ่ ที่ยงธรรมต่อผูอ้ ื่น บุคคลอืน่ ทแี่ ตกตำ่ งกนั • กำรมีคำ่ นยิ มท่แี ตกตำ่ งกัน • คดิ หรือกระทำโดยคำนงึ ถึงผลประโยชน์ • นำคุณธรรมในกำรอยูร่ ว่ มกันมำปฏิบัติอย่ำง • กำรกระทำโดยขำดควำมร้คู วำมเขำ้ ใจถึงผลกระทบท่ี เคร่งครัด จะเกิดขนึ้ ส่วนรวมมำกกวำ่ ประโยชน์สว่ นตัว • รับฟงั และยอมรับควำมคดิ เห็นของคนสว่ นใหญ่ • รว่ มกนั สืบสำนศิลปวัฒนธรรมของทอ้ งถิ่น • ตดั สินใจโดยใชเ้ หตผุ ลและขอ้ มลู หลำยอย่ำง ไม่ • รว่ มมอื กันอนรุ ักษ์ทรพั ยำกรธรรมชำติและ ใชค้ วำมคิดส่วนตัว ส่งิ แวดลอ้ มในทอ้ งถิ่น • ใหบ้ คุ คลที่มสี ว่ นไดส้ ่วนเสยี เข้ำมำมีส่วนรว่ มทกุ • รับฟังควำมคดิ เห็นของคนสว่ นใหญ่ และใช้ ขั้นตอน เหตผุ ลในกำรแก้ไขปญั หำ
ความหมาย ลกั ษณะ และประเภทของวัฒนธรรม ๒บทที่ วฒั นธรรมท้องถน่ิ วฒั นธรรม คือ แบบแผนในกำรดำเนินชวี ติ ของคนในสังคมทปี่ ฏบิ ตั สิ ืบตอ่ กันมำเป็นเวลำนำน แสดงถึงควำมเจรญิ ของมนษุ ย์ เช่น ภำษำ กำรแต่งกำย ประเพณี พิธีกรรมต่ำงๆ ลักษณะที่สาคัญของวฒั นธรรม มีดงั นี้ วฒั นธรรมเป็นส่งิ ทด่ี งี าม ควรคำ่ แก่กำรนำไปประพฤตปิ ฏิบตั ิตอ่ กนั และสบื สำนต่อไป วฒั นธรรมสามารถถ่ายทอดได้ บรรพบรุ ุษจะถำ่ ยทอดสู่ลกู หลำน เช่น พอ่ แมจ่ ะถำ่ ยทอดควำมร้คู วำมชำนำญเฉพำะเร่อื งเฉพำะทำง ของครอบครวั สลู่ กุ เพื่อใช้เปน็ หลักกำรและแนวทำงในกำรประกอบอำชพี ในชวี ิตประจำวันตอ่ ไป วัฒนธรรมมีการเปลี่ยนแปลงอยูต่ ลอดเวลา ปจั จบุ ันวัฒนธรรมไทยมกี ำรเปล่ยี นแปลงไปมำก ทั้งด้ำนชวี ติ ควำมเปน็ อยู่และอำหำร กำรกนิ เป็นผลใหเ้ ดก็ และผ้ใู หญไ่ ม่เขำ้ ใจควำมคดิ ซง่ึ กนั และกัน มีผลตอ่ กำรเปล่ียนแปลงทำงวฒั นธรรมในด้ำนกำรดำเนินชวี ิต
• เปน็ สง่ิ ที่สร้างข้ึนจากภมู ิปญั ญาของบรรพบรุ ุษและถา่ ยทอดความร้สู ืบต่อกันมา เชน่ เครอื่ งมือเครื่องใช้ โบรำณสถำน โบรำณวัตถุ วัดวำอำรำม บำ้ นเรอื น เป็นต้น วฒั นธรรมทางวัตถุ วัฒนธรรมไทย แบง่ ออกเปน็ ๒ ประเภท วัฒนธรรมทไ่ี ม่ใช่วตั ถุ • เปน็ ส่ิงท่ยี ึดถือปฏบิ ตั ิในการดาเนนิ ชวี ิตของคนไทย เชน่ ภำษำถน่ิ กิริยำมำรยำท ระเบยี บแบบแผน ควำมเชอ่ื ค่ำนยิ ม ศลี ธรรม จำรีต เปน็ ตน้
ความแตกต่างทางวัฒนธรรม ๒ วฒั นธรรมดา้ นอาหารการกนิ ๑ วัฒนธรรมทางภาษา ในแต่ละทอ้ งถ่นิ จะมีกำรปรุงอำหำร ซึ่งเปน็ วฒั นธรรมทส่ี ืบทอดกนั มำนำน ใช้วัตถุดบิ ทห่ี ำไดใ้ น ท้องถิ่นแตแ่ ตกตำ่ งกนั อำหำรก็จะมีรสชำตแิ ตกต่ำงกนั ไปตำมรสนิยมของแต่ละภำค คนไทยทุกภำคทุกทอ้ งถิ่น แมจ้ ะพดู ภำษำไทย แต่จะมสี ำเนียงท่แี ตกต่ำงกนั ในแตล่ ะภมู ิภำค ภาคเหนือ เช่น แคบหมู น้าพรกิ หนุ่ม ไสอ้ ว่ั แกงโฮะ แกงฮังเล เรียกวำ่ ภาษาถิน่ ภาคกลาง เชน่ ต้มยากงุ้ นา้ พริก-ปลาทู แกงเขียวหวาน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เชน่ สม้ ตา ตุปหนอ่ ไม้ ๓ วฒั นธรรมดา้ นการแตง่ กาย ภาคใต้ เชน่ แกงสม้ แกงไตปลา ข้าวยา ขนมจีนปกั ษใ์ ต้ คนไทยในแตล่ ะภำคมีแบบแผนกำรแตง่ กำยของ ๕ ประเพณพี ื้นเมอื ง ตนเองมำนำน มีกำรเปลย่ี นแปลงให้ดเู หมำะสมไป ตำมยคุ สมยั และกำรแตง่ กำยตำมแบบสำกลนิยม ประเพณีพน้ื เมืองทเ่ี ดน่ ๆ ของแต่ละภูมภิ ำค ได้แก่ กไ็ ด้รบั กำรนยิ มอยำ่ งแพรห่ ลำย ภาคเหนอื เชน่ ประเพณีสืบชะตา เปน็ พธิ ีต่ออำยุให้แก่ตนเอง ญำตพิ ีน่ อ้ ง และบ้ำนเมอื ง ให้ ๔ วฒั นธรรมดา้ นการแสดงและการละเล่นพืน้ เมอื ง มีควำมเจรญิ รงุ่ เรอื งและควำมเปน็ สริ มิ งคล ภาคกลาง เช่น ประเพณตี ักบาตรนา้ ผงึ้ เป็นกำรถวำยเภสัชหรอื ยำแก่พระสงฆ์ ภาคเหนอื เชน่ ฟ้อนเล็บ ฟอ้ นเทียน ฟอ้ นเง้ยี ว ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ เชน่ ประเพณีบญุ บ้งั ไฟ จดั ข้ึนเพ่อื ขอฝนตกตอ้ งตำมฤดูกำล ภาคกลาง เช่น เพลงเรือ ลาตัด ลิเก เตน้ การาเคยี ว ภาคใต้ เชน่ ประเพณสี ารทเดอื นสิบ เปน็ ประเพณีที่ได้รับอิทธพิ ลมำจำกศำสนำพรำหมณ-์ ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื เช่น หมอลา เติง้ มเี ครอ่ื งดนตรสี าคัญ คือ แคน ฮนิ ดู เป็นกำรอทุ ศิ สว่ นกุศลให้แกผ่ ทู้ ่ีลว่ งลับไปแล้ว ภาคใต้ เชน่ รามโนราห์ หนงั ตะลงุ รองเง็ง ลเิ กฮูลู
สาเหตทุ ่ที าให้วฒั นธรรมของทอ้ งถิน่ แตกต่างกัน ความหลากหลายทางเช้อื ชาติ และศาสนา ความแตกตา่ งทางภูมศิ าสตร์ รปู แบบการดาเนินชวี ิตทางเศรษฐกิจ
อานาจอธปิ ไตยและความสาคัญของระบอบประชาธิปไตย ๓บทท่ี การปกครองระบอบประชาธิปไตย อานาจอธิปไตย อำนำจสงู สดุ ในกำรปกครองประเทศ เปน็ อำนำจของประชำชนชำวไทย โดยพระมหำกษตั ริยท์ รงเปน็ ประมขุ และใช้อำนำจผำ่ นทำงรฐั สภำ คณะรัฐมนตรี และศำล ตำมบทบญั ญตั ิแหง่ รฐั ธรรมนญู รัฐธรรมนญู • รัฐธรรมนญู คือกฎหมำยสูงสดุ ของประเทศ เปน็ กฎหมำยแม่บทของกฎหมำยทัง้ ปวง บทบัญญัติใดของ กฎหมำยและกฎหรือข้อบังคับใดทขี่ ดั หรือแยง้ ตอ่ รัฐธรรมนูญ จะใช้บงั คบั บุคคลในชำติไม่ได้
การใช้อานาจอธปิ ไตย ๓ การปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยของประเทศไทย มีการใช้อานาจอธิปไตยใน ๓ ลกั ษณะ ๑ อานาจนติ ิบญั ญตั ิ อำนำจในกำรออกฎหมำย เพือ่ เป็นกฎเกณฑใ์ นกำรปฏิบัตขิ องประชำชนทุกคน คมุ้ ครองสทิ ธิ และเสรีภำพ รกั ษำผลประโยชน์ของประชำชน รัฐสภา คณะรฐั มนตรี ๒ อานาจบรหิ าร อำนำจในกำรดำเนนิ กำร จัดกำรดแู ลเพอื่ พัฒนำประเทศ รักษำควำมสงบปลอดภัยของประชำชน และควำมมัน่ คงของประเทศ ๓ อานาจตุลาการ อำนำจในกำรพิจำรณำตดั สนิ พพิ ำกษำให้เปน็ ไปตำมตวั บทกฎหมำย ศาล
ความสาคัญของการปกครองระบอบประชาธปิ ไตย หลักอานาจอธิปไตยเปน็ ของปวงชน หลกั ความเสมอภาค หลักการทีส่ าคญั ของการปกครอง หลกั สิทธิ เสรีภาพ และหนา้ ที่ ระบอบประชาธปิ ไตย หลกั ภราดรภาพ หลกั กฎหมายหรือนติ ธิ รรม หลักการใชเ้ หตผุ ล หลกั เสียงข้างมาก
การเลือกต้ัง ๑ การเลือกต้ัง เปน็ กำรสรรหำบคุ คลให้เปน็ ผแู้ ทน ดำรงตำแหนง่ ดว้ ยกำรลงคะแนน เช่น กำรเลอื กต้งั สมำชิกสภำผแู้ ทนรำษฎร กำรเลอื กตง้ั สมำชิกสภำทอ้ งถน่ิ สาเหตทุ ต่ี อ้ งมีการเลอื กตัง้ จำนวนรำษฎรหรอื ประชำชนในทอ้ งถนิ่ มีจำนวนมำก ทุกคนไม่สำมำรถเข้ำ การเลอื กต้งั มี ๒ ประเภท ร่วมบริหำรงำนไดท้ ้ังหมด จงึ ตอ้ งมกี ำรเลอื กผู้แทนเขำ้ ไปทำหน้ำท่ีกำรบรหิ ำร รำชกำรทง้ั ในระดับท้องถ่ิน และในระดับประเทศ ๑ การเลือกตั้งในระดบั ชาติ เลอื กตั้งสมำชกิ สภำผแู้ ทนรำษฎร กำรเลือกตั้งเปน็ หน้ำที่ของชำวไทยทกุ คน เปน็ กำรแสดงออกถงึ กำรใชอ้ ำนำจ (ส.ส.) เข้ำไปทำหนำ้ ที่พจิ ำรณำออกกฎหมำย ตรวจสอบกำร อธิปไตยของคนไทย ตำมบทบญั ญตั ิท่ีกำหนดไว้ในรัฐธรรมนญู โดยทัว่ ไป ทำงำนของรัฐบำล ๒ การเลือกตง้ั ในระดบั ท้องถนิ่ เลือกตงั้ ผูบ้ ริหำร และสมำชิก สภำท้องถ่ิน เขำ้ ไปทำหน้ำท่บี รหิ ำรและออกขอ้ กำหนด ขอ้ บญั ญัตขิ องท้องถน่ิ ใหเ้ ป็นไปตำมควำมตอ้ งกำรของ ประชำชน
บทบาทของพลเมอื งไทยในการเลอื กตั้ง หนำ้ ทีส่ ำคัญในกำรเลอื กตัง้ ของพลเมอื งในประเทศทตี่ ้องปฏิบตั ิ มีดงั นี้ ๑ ผู้ทม่ี สี ญั ชาตไิ ทย มีอายุไม่ต่ากว่า ๑๘ ปี อ ๒ เผพูม้ ่ือสี ตทิ ัดธสเิ ลนิ ือใจกเตล้งั ือตกอ้ ผงู้ทตีม่ดิ คีตวามามขร่าู้วคสวาารมเกสย่ีามวการบั ถกามรีปเมรือะสงบฟอกงั ากราณร์ปเรปาน็ ศครนยั ดหีาเเสสียียสงลพะ ดู ทคายุปแรละกโยเปชลนี่ย์เพนอ่ืคสวว่านมครวิดมเหน็ ทางการเมือง ๓ ไมร่ ับเงินหรอื สิง่ ของจากหวั คะแนนเพื่อแลกกับการลงคอะแนน ๔ วางตัวให้เป็นกลาง ไม่ฝักใฝฝ่ า่ ยหนึง่ ฝา่ ยใด อ ๕ ก่อนถึงวันเลือกตัง้ ตรวจสอบรายชื่อของตนว่าอยู่ในหนอว่ ยเลือกตั้งใด สถานใด เพอ่ื ไปไดถ้ ูกต้อง ไมเ่ สียเวลา ๖ วนั เลือกต้งั ให้ไปลงคะแนนเลือกตัง้ ตามขน้ั ตอน อ ๖ หลังวนั เลือกตั้ง ติดตามผลการเลือกตง้ั และการทางานอของผู้สมคั รวา่ ได้ทางานตามนโยบายที่หาเสียงไว้หรือไม่
ข้นั ตอนการลงคะแนนเลือกตั้ง ขน้ั ท่ี ๑ ย่นื หลกั ฐานแสดงตนว่าเปน็ ผู้มีสทิ ธิเลอื กต้ัง ข้นั ที่ ๒ ขั้นท่ี ๓ ลงลายมอื ชอื่ หรือพมิ พล์ ายนิว้ มอื ในบญั ชรี ายชอื่ ขน้ั ท่ี ๔ ขั้นที่ ๕ รบั บัตรเลือกตั้ง เขา้ คูหาเพื่อกากบาทหมายเลขผูส้ มคั รรับเลือกตง้ั ท่ีมีความรู้ ความสามารถ มคี ุณธรรม เสียสละเพ่อื ประโยชนส์ ว่ นรวม นาบัตรหยอ่ นลงหบี บตั รดว้ ยตนเอง
สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ ๑ สถาบันพระมหากษัตริย์ในสังคมไทย ตำมรัฐธรรมนญู แหง่ รำชอำณำจกั รไทย มบี ทบญั ญัติเก่ียวกบั พระมหำกษัตรยิ ไ์ ว้ เช่น พระมหากษตั ริยท์ รงดารงอยู่ในฐานะอันเปน็ ท่เี คารพสกั การะ ผใู้ ดจะล่วงละเมดิ มไิ ด้ จะกล่าวหาหรือฟ้องร้องมไิ ด้ ทรงเป็นประมุขของประเทศไทยในการปกครองระบอบประชาธปิ ไตย ทรงใช้อานาจอธิปไตยอันเปน็ อานาจสงู สดุ ในการปกครอง คือ อานาจนติ บิ ญั ญัติ อานาจบรหิ าร และอานาจตุลาการ ทรงเป็นพุทธมามกะและทรงเปน็ อคั รศาสนูปถมั ภก ทรงนับถือพระพทุ ธศาสนา ยึดหลักทศพธิ ราชธรรม และทรงอปุ ถมั ภ์ศาสนาอืน่ ในประเทศไทย
ความสาคญั ของสถาบนั พระมหากษตั ริยใ์ นสังคมไทย ทรงดูแลบาบัดทกุ ขบ์ ารุงสุขของประชาชนชาวไทยเพ่อื ใหม้ ีชวี ติ ความเป็นอยู่ทดี่ ี ทรงทานุบารงุ พระพทุ ธศาสนาและศาสนาอ่นื ๆ รวมทั้ง พิธีกรรม และประเพณีตา่ งๆ ทรงทานบุ ารงุ และส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมไทย ทรงส่งเสริมสนับสนนุ ด้านการศกึ ษา ทรงสง่ เสรมิ ความมน่ั คงของประเทศ ทรงเปน็ ตวั แทนของประเทศในการเจรญิ สมั พันธไมตรกี บั ประมขุ ของชาติตา่ งๆ
Search
Read the Text Version
- 1 - 26
Pages: