Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกสารประกอบการเรียน เล่ม 2 ระบบเครือข่าย

เอกสารประกอบการเรียน เล่ม 2 ระบบเครือข่าย

Published by unnaan, 2021-12-15 11:21:04

Description: เอกสารประกอบการเรียน เล่ม 2 ระบบเครือข่าย

Search

Read the Text Version

เอกสารประกอบการสอน รายวชิ าเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจดั การอาชพี (30001-2001) เรื่อง ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ ผเู้ รยี บเรยี ง นายอดินนั ต์ แวบาดะ ตำแหนง่ ครู วิทยฐานะ ครชู ำนาญการ วิทยาลัยเทคนคิ ปตั ตานี สังกัดสำนกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธิการ

หน่วยท่ี 2 ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศ คำนำ เอกสารประกอบการสอนวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการอาชีพ รหัสวิชา 30001- 2001 ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ประเภทวิชาอุตสาหกรรม เล่มที่ 2 เรื่อง ระบบ เครือข่ายคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ เล่มนี้ ผู้สอนได้นำประสบการณ์จากการสอน และจาก การศึกษาค้นคว้านำมาเรียบเรียงเป็นเอกสารประกอบการสอน ซึ่งประกอบด้วยสาระสำคัญเกี่ยวกับ ความหมายของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ องค์ประกอบของระบบเครือข่าย บทบาทของระบบ สารสนเทศ ระบบสารสนเทศที่ใช้คอมพิวเตอร์ ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ การประยุกต์ใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งสอดคล้องกับจุดประสงค์รายวิชา สมรรถนะรายวิชา และคำอธิบายรายวิชา ตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง พุทธศักราช 2563 ประเภทวิชาอุตสาหกรรม ของ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศกึ ษาธิการ โดยแบ่งเนอ้ื หาออกเปน็ 8 หนว่ ย และ จดั ทำเป็นเลม่ 8 เล่ม ดังน้ี 1. เล่มท่ี 1 หนว่ ยท่ี 1 ความรเู้ กย่ี วกับคอมพวิ เตอรแ์ ละอปุ กรณ์โทรคมนาคม 2. เลม่ ท่ี 2 หน่วยท่ี 2 ระบบเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์และสารสนเทศ 3. เล่มที่ 3 หนว่ ยที่ 3 การสบื ค้นข้อมลู สารสนเทศ 4. เล่มท่ี 4 หนว่ ยท่ี 4 การจดั เกบ็ สืบค้น ส่งผ่านและจัดดำเนนิ การขอ้ มูลสารสนเทศ 5. เล่มที่ 5 หน่วยที่ 5 การประยุกต์ใช้โปรแกรมสำเร็จรูปเพื่อนำเสนอข้อมูลสารสนเทศ ประเภทส่ือสิง่ พิมพ์ 6. เล่มที่ 6 หน่วยที่ 6 การประยุกต์ใช้โปรแกรมสำเร็จรูปเพื่อนำเสนอข้อมูลสารสนเทศ ประเภทตารางงาน 7. เล่มที่ 7 หน่วยที่ 7 การประยุกต์ใช้โปรแกรมสำเร็จรูปเพื่อนำเสนอข้อมูลสารสนเทศ ประเภทการนำเสนอ 8. เลม่ ท่ี 8 หน่วยท่ี 8 การประยุกต์การใชง้ านดว้ ยระบบสารสนเทศ ผู้เรียบเรียง หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารประกอบการสอนเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้เรียน ผู้สอนให้ได้ใช้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนตามหลักในการจัดการอาชีวศึกษา หากมี ขอ้ เสนอแนะประการใด ผเู้ รียบเรยี งยินดนี ้อมรบั ไวด้ ว้ ยความขอบคณุ ย่ิง อดินนั ต์ แวบาดะ ผู้เรยี บเรยี ง เอกสารประกอบการสอน วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศเพ่อื การจดั การอาชพี (3001-2001) หน้า 1 ผเู้ รยี บเรยี ง : นายอดนิ ันต์ แวบาดะ

หนว่ ยที่ 2 ระบบเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศ สารบญั เรอ่ื ง หนา้ คำนำ 1 จุดประสงคร์ ายวิชา สมรรถนะรายวิชา และคำอธิบายรายวิชา 3 กำหนดการสอน 4 คำแนะนำการใชเ้ อกสารประกอบการสอน 5 สาระการเรยี นรู้ 7 จุดประสงค์การเรยี นรู้ 7 แบบทดสอบความรู้ก่อนเรียน 8 ใบความรู้ เร่ืองระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ 10 11 - ความหมายระบบเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์และสารสนเทศ 11 - ประเภทของระบบเครอื ข่าย 12 - องค์ประกอบของระบบเครือขา่ ย 15 - รปู แบบของระบบเครือขา่ ย 20 - อปุ กรณ์ของระบบเครือข่าย 25 - ประโยชน์ของระบบเครอื ขา่ ย 26 - สารสนเทศ 26 - บทบาทของสารสนเทศ 27 - ระบบสารสนเทศเพื่อการจดั การ 30 - การประยกุ ต์ใช้สารสนเทศ 35 แบบฝกึ หัด 37 ใบปฏิบตั งิ าน 30 แบบทดสอบความรหู้ ลังเรยี น 32 แหลง่ ค้นควา้ 33 ภาคผนวก 34 - เฉลยใบทดสอบความรู้ก่อนเรยี น 35 - เฉลยแบบฝกึ หัด 36 - เฉลยใบทดสอบความรหู้ ลังเรียน เอกสารประกอบการสอน วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจดั การอาชีพ (3001-2001) หนา้ 2 ผู้เรยี บเรยี ง : นายอดนิ นั ต์ แวบาดะ

หนว่ ยท่ี 2 ระบบเครอื ข่ายคอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศ จุดประสงคร์ ายวิชา สมรรถนะรายวิชา และคำอธิบายรายวิชา ชอ่ื รายวชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศเพื่อการจดั การอาชีพ รหสั วชิ า 30001-2001 ระดับช้นั ปวส. 1 สาขาวิชา/กลุ่มวิชา/แผนกวิชา คอมพิวเตอรธ์ รุ กจิ หนว่ ยกติ 3 จำนวนชั่วโมงรวม 4 ชวั่ โมง จำนวนสปั ดาห์ 18 สปั ดาห์ จดุ ประสงค์รายวชิ า 1. เข้าใจเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์โทรคมนาคม ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์และ สารสนเทศ การสืบค้นและส่ือสารข้อมลู สารสนเทศในงานอาชพี 2. สามารถสืบค้น จดั เกบ็ คน้ คนื สง่ ผา่ น จดั ดำเนนิ การข้อมลู สารสนเทศ นำเสนอและส่ือสาร ข้อมูลสารสนเทศในงานอาชีพโดยใช้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์โทรคมนาคม และโปรแกรมสำเร็จรูปท่ี เกีย่ วข้อง 3. มีคุณธรรม จริยธรรมและความรับผิดชอบในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการ อาชีพ สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรู้เกี่ยวกับหลักการและกระบวนการสืบค้น จัดดำเนินการและสื่อสารข้อมูล สารสนเทศในงานอาชีพ โดยใช้คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์โทรคมนาคม ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์และ สารสนเทศ และโปรแกรมสำเร็จรูปทเี่ ก่ียวข้อง 2. ใช้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์โทรคมนาคมในการสืบค้นและสื่อสารข้อมูลสารสนเทศผ่าน ระบบเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์และสารสนเทศ 3. จัดเกบ็ คน้ คนื ส่งผา่ นและจดั ดำเนนิ การขอ้ มลู สารสนเทศตามลกั ษณะงานอาชีพ 4. นำเสนอและสอ่ื สารข้อมลู สารสนเทศในงานอาชีพ โดยประยกุ ตใ์ ช้โปรแกรมสำเรจ็ รปู คำอธบิ ายรายวชิ า ศึกษาและปฏบิ ตั เิ ก่ียวกับคอมพวิ เตอร์และอปุ กรณโ์ ทรคมนาคม ระบบเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ และสารสนเทศ การสืบค้นข้อมูลสารสนเทศ การจัดเก็บ ค้นคืน ส่งผ่านและจัดดำเนินการข้อมูล สารสนเทศ การประยุกต์ใช้โปรแกรมสำเร็จรูปในการนำเสนอและสื่อสารข้อมูลสารสนเทศตาม ลกั ษณะงานอาชีพ เอกสารประกอบการสอน วชิ าเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจดั การอาชพี (3001-2001) หนา้ 3 ผเู้ รยี บเรยี ง : นายอดินันต์ แวบาดะ

หน่วยที่ 2 ระบบเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์และสารสนเทศ กำหนดการสอน ชื่อรายวชิ าเทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือการจดั การอาชีพ รหสั วิชา 30001-2001 ระดบั ประกาศนียบัตรวชิ าชีพช้นั สูง (ปวส.) ประเภทวิชาอุตสาหกรรม ทฤษฎีรวมปฏบิ ัติ 4 คาบ/สัปดาห์ รวม 72 ชวั่ โมง หน่วยท่ี ชื่อหน่วยการสอน จำนวนชวั่ โมง - ปฐมนเิ ทศ 2 1 ความร้เู กีย่ วกบั คอมพิวเตอรแ์ ละอปุ กรณโ์ ทรคมนาคม 2 2 ระบบเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์และสารสนเทศ 12 3 การสบื คน้ ข้อมูลสารสนเทศ 4 4 การจัดเกบ็ สืบค้น ส่งผา่ นและจัดดำเนนิ การข้อมูล 4 สารสนเทศ 8 16 5 การประยุกตใ์ ช้โปรแกรมสำเร็จรปู เพ่ือนำเสนอข้อมูล 8 สารสนเทศประเภทส่ือส่งิ พิมพ์ 16 6 การประยุกต์ใช้โปรแกรมสำเร็จรูปเพ่อื นำเสนอข้อมลู สารสนเทศประเภทตารางงาน 7 การประยุกต์ใชโ้ ปรแกรมสำเร็จรปู เพอ่ื นำเสนอข้อมลู สารสนเทศประเภทการนำเสนอ 8 การประยุกต์การใช้งานด้วยระบบสารสนเทศ รวม 72 เอกสารประกอบการสอน วิชาเทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่อื การจดั การอาชีพ (3001-2001) หนา้ 4 ผเู้ รยี บเรยี ง : นายอดินันต์ แวบาดะ

หน่วยที่ 2 ระบบเครือขา่ ยคอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศ คำแนะนำการใช้เอกสารประกอบการสอน เอกสารประกอบการสอนวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการอาชีพ รหัส 30001-2001 ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ประเภทวิชาอุตสาหกรรม เล่มที่ 2 เรื่อง ระบบเครือข่าย คอมพวิ เตอร์และสารสนเทศ เลม่ น้ี จัดทำขนึ้ เพือ่ ให้นกั เรียนไดศ้ ึกษาคน้ คว้าดว้ ยตนเอง และเพื่อให้ครู ใช้เป็นคู่มือประกอบการสอน นอกจากนี้ยังสามารถใช้เพื่อซ่อมเสริมกรณีที่นักเรียนทำกิจกรรมการ เรยี นร้ไู มผ่ ่านเกณฑ์ โดยมีคำแนะนำในการใชด้ งั นี้ สำหรบั ครู 1. ใช้เป็นสื่อการเรียนการสอน เพื่อศึกษาเนื้อหาของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์และ สารสนเทศ โดยก่อนใช้ควรชี้แจงให้นักเรียนทราบถึงวิธีการศึกษาและมีความซื่อสัตย์ในการทำ แบบทดสอบความร้กู ่อนเรียน แบบฝึกหัดระหวา่ งเรียน และแบบทดสอบความรหู้ ลังเรียน 2. ใช้เป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์และ สารสนเทศ โดยใช้ศึกษาทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ โดยให้นักเรียนทำแบบทดสอบความรู้ก่อนเรียน ศึกษาเนื้อหา แล้วทำแบบฝึกหัด แบบปฏิบัติงาน แบบทดสอบความรู้หลังเรียน และเฉลยแบบฝึกหัด เฉลยแบบทดสอบความรูก้ ่อนเรียน เฉลยแบบทดสอบความร้หู ลงั เรียน 3. ในการจัดกิจกรรมภาคปฏิบัติ อาจให้นักเรียนทำเป็นรายบุคคลหรือรายกลุ่มตามความ เหมาะสม เพื่อฝึกให้นักเรียนสามารถทำงานรว่ มกับบคุ คลอ่ืนได้ 4. เมื่อจบกิจกรรมการเรียนรู้ครูควรให้นักเรียนช่วยกันสรุปและมีส่วนช่วยกันประเมินผล ชิ้นงาน และครูบันทึกคะแนนก่อนเรียน ระหว่างเรียน และหลังเรียน เพื่อให้นักเรียนเห็นพัฒนาการ ของตนเอง ถ้านักเรียนทำคะแนนได้ไม่ถึงเกณฑ์ ควรให้นักเรียนศึกษาซ้ำอีกหรือครูจะสอนซ่อมเสริม ให้จนกระท่ังทดสอบแลว้ ผา่ นเกณฑ์ทก่ี ำหนดไว้ สำหรับนกั เรยี น 1. ใช้ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองและต้องมีความซื่อสัตย์ต่อตนเองทั้งก่อนเรียน ระหว่างเรียน และหลงั เรียน 2. ในการศึกษาเอกสารนี้ หากไม่เข้าใจให้บันทึกไว้เพื่อสอบถามครูในเวลาเรียนหรือนอก เวลาเรียน 3. ขนั้ ตอนการศกึ ษา มดี งั นี้ 3.1 ทำแบบทดสอบความร้กู อ่ นเรียน 3.2 ศกึ ษาเนื้อหาให้เขา้ ใจอย่างละเอยี ด 3.3 ทำแบบฝึกหัดตามทกี่ ำหนด 3.4 ปฏิบตั งิ านเกยี่ วกบั ระบบเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์และสารสนเทศ 3.5 นำผลงานทที่ ำแลว้ ส่งครู ประเมินผลรว่ มกนั 3.6 ทำแบบทดสอบความร้หู ลงั เรยี น เอกสารประกอบการสอน วชิ าเทคโนโลยสี ารสนเทศเพอ่ื การจดั การอาชีพ (3001-2001) หน้า 5 ผู้เรยี บเรยี ง : นายอดนิ นั ต์ แวบาดะ

หน่วยท่ี 2 ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศ 3.7 ตรวจคำตอบแบบฝึกหัด แบบทดสอบความรู้ก่อนและหลังเรียน เพื่อทราบผลการ พัฒนาตนเอง ซึ่งในแต่ละกิจกรรมต้องผ่านเกณฑ์ตามกำหนด หากไม่ผ่านเกณฑ์ควรซ่อมเสริมโดย ทบทวนแล้วทำกิจกรรมนนั้ ใหม่จนผ่านเกณฑ์ 4. ในการศึกษานักเรียนควรได้รับความรู้ ทักษะ และฝึกนิสัยที่ในการทำงาน ปฏิบัติงานดว้ ย ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ประณีต รอบคอบ คำนึงถึงความปลอดภัย ใช้ทรัพยากรอย่างประหยัด และรักษาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งสร้างคุณธรรมให้เกิดกับตัวเอง ได้แก่ การมีวินัย ความซื่อสัตย์ ความ สนใจใฝ่รู้ การมีมนุษยสัมพันธ์ และความสามัคคี เพื่อให้เป็นคนดี คนเก่ง และอยู่ในสังคมได้อย่างมี ความสุข ส่ือทีใ่ ช้ในการเรยี นการสอนท้งั ทฤษฎแี ละปฏิบตั ิ 1. สอ่ื PowerPoint/E-book เรอื่ ง ระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์และสารสนเทศ 2. เอกสารประกอบการสอน เร่ือง ระบบเครอื ข่ายคอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศ 3. สื่อของจรงิ เอกสารประกอบการสอน วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศเพ่อื การจดั การอาชีพ (3001-2001) หน้า 6 ผู้เรยี บเรยี ง : นายอดนิ ันต์ แวบาดะ

หน่วยท่ี 2 ระบบเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศ หน่วยที่ 2 ระบบเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ หลังจากได้ศึกษาเอกสารประกอบการสอน วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการอาชีพ รหสั วิชา 30001-2001 ระดบั ประกาศนียบัตรวิชาชพี ชัน้ สูง (ปวส.) ประเภทวชิ าอตุ สาหกรรม เล่มท่ี 2 เร่ือง ระบบเครือขา่ ยคอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศแล้ว ผ้เู รยี นจะมคี วามรู้ความสามารถ ดงั น้ี สาระการเรยี นรู้ 1. ความหมายของระบบเครือขา่ ย 2. ประเภทของระบบเครอื ข่าย 3. องคป์ ระกอบของระบบเครอื ขา่ ย 4. รปู แบบการเช่อื มต่อระบบเครอื ข่าย 5. อปุ กรณ์ท่ีใช้ในการเช่ือมต่อระบบเครอื ข่าย 6. ประโยชน์ของระบบเครือข่าย 7. ความหมายของสารสนเทศ 8. บทบาทของระบบสารสนเทศ 9. ระบบสารสนเทศทใ่ี ช้คอมพิวเตอร์ 10. ระบบสารสนเทศเพอื่ การจดั การ 11. การประยุกตใ์ ช้ ผลกระทบ และแนวโนม้ ของเทคโนโลยีสารสนเทศ สมรรถนะประจำหนว่ ย 1. แสดงความรูเ้ กยี่ วกบั ระบบเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์และสารสนเทศ จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. ด้านความรู้ 1.1 บอกความหมายของระบบเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ได้ 1.2 บอกประเภทของระบบเครือขา่ ยได้ 1.3 บอกองคป์ ระกอบของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้ 1.4 บอกรปู แบบการเชอ่ื มตอ่ ระบบเครือข่ายได้ 1.5 บอกอุปกรณ์ทใี่ ช้ในการเช่ือมตอ่ ระบบเครือข่ายได้ 1.6 บอกประโยชน์ของระบบเครอื ข่ายได้ 2. ดา้ นทักษะ หน้า 7 2.1 ประยุกต์ใช้รปู แบบการเช่ือมต่อเครือขา่ ยได้ 2.2 ประยกุ ตใ์ ช้ความรเู้ กยี่ วกับข้อมลู สารสนเทศได้ 3. ดา้ นคณุ ลกั ษณะท่พี ึงประสงค์ 3.1 นำประโยชนข์ องระบบเครือข่ายไปประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจำวันได้ เอกสารประกอบการสอน วชิ าเทคโนโลยสี ารสนเทศเพอ่ื การจดั การอาชีพ (3001-2001) ผู้เรยี บเรยี ง : นายอดินันต์ แวบาดะ

หน่วยที่ 2 ระบบเครือขา่ ยคอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศ แบบทดสอบความรู้ก่อนเรยี น คำแนะนำ 1) จงทำเครอ่ื งหมายกากบาท (×) ทบั หวั ขอ้ ที่ถูกทสี่ ดุ เพยี งข้อเดียว ลงใน กระดาษคำตอบที่แจกให้ 2) ข้อสอบจำนวน 10 ข้อ ใช้เวลาสอบ 10 นาที 1. เครอื ข่ายคอมพวิ เตอรห์ มายถึงข้อใด ก. การนำเครื่องคอมพวิ เตอร์ตัง้ แต่ 2 เครื่อง ขน้ึ ไปเชื่อมต่อผา่ นสื่อในการสื่อสารข้อมลู ข. การนำอปุ กรณท์ ี่ใช้ในการส่ือสารมาต่อกันมากกวา่ 2 เครือ่ งขึน้ ไป ค. การติดตอ่ ส่ือสาร แลกเปล่ียนข้อมลู ระหวา่ งผ้ใู ชง้ านในระบบเครือข่าย ง. การรับสง่ ขอ้ มลู ข่าวสารได้อย่างรวดเรว็ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ 2. ข้อใดไม่ได้อยใู่ นประเภทของเครือขา่ ย ก. Lan ข. Wan ค. San ง. Man 3. ขอ้ ใดไมใ่ ช่องค์ประกอบของระบบเครือข่าย ก. คอมพวิ เตอรแ์ มข่ ่าย ข. ภมู ิประเทศ ค. ชอ่ งทางการสื่อสาร ง. อุปกรณใ์ นเครอื ข่าย 4. รปู แบบการเชื่อมตอ่ เครือขา่ ยท่ีนยิ มใชก้ ันมากที่สุดคือแบบใด ก. แบบบสั ข. แบบดาว ค. แบบวงแหวน ง. แบบตาขา่ ย 5. รปู แบบการเช่ือมโยงโครงขา่ ย เรยี กว่าอะไร ก. เทคโนโลยี ข. อเิ ล็คทรอนคิ ส์ ค. โทโปโลยี ง. ไคลเอนต์ 6. อุปกรณเ์ ชอื่ มต่อท่ีใชเ้ ปน็ จุดรวมและแยกสายสญั ญาณ คืออุปกรณ์ใด ก. สวติ ซ์ ข. โมเด็ม ค. การด์ จอ ง. ฮบั เอกสารประกอบการสอน วิชาเทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่อื การจดั การอาชพี (3001-2001) หนา้ 8 ผู้เรยี บเรยี ง : นายอดนิ นั ต์ แวบาดะ

หนว่ ยท่ี 2 ระบบเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์และสารสนเทศ 7. การด์ เครือข่ายทำหน้าท่อี ยา่ งไร ก. ส่งสัญญาณ ข. รบั สญั ญาณ ค. แปลงสัญญาณ ง. รบั และสง่ สัญญาณ 8. อปุ กรณส์ ่งสัญญาณแบบไร้สายในระบบเครือขา่ ยมีชือ่ เรียกว่าอะไร ก. ฮับ (Hub) ข. เราท์เตอร์ (Router) ค. ไวเลสแลน (Wireless Lan) ง. ดจิ ติ อล (Digital) 9. ขอ้ ใดไม่ใช่ประโยชนข์ องเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ ก. เพ่อื ใชท้ รัพยากรรว่ มกัน ข. เพอื่ ใหผ้ ู้ใชส้ ามารถตดิ ต่อสื่อสารกนั ค. เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการคน้ หาข้อมลู จากหน่วยงานภายนอก ง. เพอื่ ใช้ข้อมูลหรอื แลกเปลีย่ นข้อมูล 10. เคร่อื งคอมพวิ เตอรท์ ่ีทำหนา้ ทใ่ี ห้บริการคืออะไร ก. เคร่ือง Server ข. เครื่องโฮสต์ ค. เคร่ืองเครอื ขา่ ย ง. เคร่ืองเคร่อื งไคลเอนต์ เอกสารประกอบการสอน วชิ าเทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่อื การจดั การอาชพี (3001-2001) หนา้ 9 ผู้เรยี บเรยี ง : นายอดนิ ันต์ แวบาดะ

หนว่ ยที่ 2 ระบบเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์และสารสนเทศ ใบความรู้ หน่วยที่ 2 เรอื่ ง ระบบเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ สาระการเรยี นรู้ 1. ความหมายของระบบเครือข่าย 2. ประเภทของระบบเครือขา่ ย 3. องค์ประกอบของระบบเครอื ขา่ ย 4. รปู แบบการเชอื่ มต่อระบบเครือข่าย 5. อปุ กรณ์ที่ใช้ในการเชื่อมต่อระบบเครือขา่ ย 6. ประโยชน์ของระบบเครือข่าย 7. ความหมายของสารสนเทศ 8. บทบาทของระบบสารสนเทศ 9. ระบบสารสนเทศที่ใช้คอมพวิ เตอร์ 10. ระบบสารสนเทศเพ่ือการจดั การ 11. การประยุกต์ใช้ ผลกระทบ และแนวโนม้ ของเทคโนโลยสี ารสนเทศ สาระสำคัญ ระบบการสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์นั้นเข้ามาบทบาทต่อการใช้งาน คอมพิวเตอร์ในยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก จะเห็นได้จากเมื่อผู้ใช้มีความต้องการใช้งานคอมพิวเตอร์ นอกจากมีความต้องการใช้ซอฟต์แวร์มาช่วยในการทำงานแล้ว ยังมีความต้องการในส่วนของการ ติดต่อสื่อสารอีกด้วย เช่น รับ-ส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ เว็บไซต์ การสนทนาผ่านทางอินเทอร์เน็ต สังคม ออนไลน์ เป็นต้น ล้วนแล้วแต่ชี้ให้เห็นว่า ปัจจุบันคอมพิวเตอร์ไม่ได้ทำงานเพียงลำพังเครื่อง เดียว หรือที่เรียกว่า “Stand Alone” อีกต่อไปแล้ว แม้แต่กลุ่มของอุปกรณ์อิเลก็ ทรอนิกส์บางชนิดก็ ยังมีความตอ้ งการในเรื่องการตดิ ต่อสื่อสารระหว่างอปุ กรณต์ ่าง ๆ เข้าดว้ ยกัน เชน่ เครื่องพิมพ์ เคร่ือง ซกั ผ้าบางร่นุ ก็มีระบบสง่ ข้อมลู อาการเสยี ไปยงั โทรศพั ทข์ องศนู ยบ์ ริการลกู ค้าโดยอัตโนมตั ิ เป็นตน้ ระบบเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์ (Computer Network) Int H รปู ภาพแสดงระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หนา้ 10 เอกสารประกอบการสอน วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศเพือ่ การจดั การอาชพี (3001-2001) ผเู้ รยี บเรยี ง : นายอดินันต์ แวบาดะ

หนว่ ยที่ 2 ระบบเครือขา่ ยคอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศ การสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์มีที่มาจากผู้ที่ต้องการแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ และรวดเร็ว คอมพิวเตอร์นั้นเป็นอุปกรณ์ที่มีความสามารถในการประมวลข้อมูลในปริมาณมากได้ อย่างรวดเรว็ แตม่ ขี ้อเสยี คือ ผใู้ ชไ้ มส่ ามารถแชร์ข้อมูลกบั คนอน่ื ๆ ได้ ดังนั้น ก่อนมกี ารสร้างเครือข่าย คอมพวิ เตอร์ ผู้ใช้จะแลกเปลย่ี นข้อมูลกนั โดยการ พิมพ์(print) ขอ้ มูลออกมาเปน็ เอกสารก่อนแล้วค่อย นำไปให้ผู้ใช้ที่ต้องการใช้หรือแก้ไขข้อมูลอีกคนหนึ่ง ซึ่งทำให้เสียเวลาและเป็นวิธีที่ยุ่งยากมากเมื่อ เปรียบเทียบกับปจั จุบนั ที่มีการใชเ้ ครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์แล้ว ลักษณะของเครือข่ายจึงเริ่มจากจุดเล็ก ๆ อาจจะอยู่บนแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์เดียวกัน ขยายตัวใหญ่ขึ้นเป็นระบบท่ีทำงานรว่ มกันในหอ้ งทำงาน ในตึก ระหว่างตึก ระหว่างสถาบัน ระหว่าง เมือง ระหว่างประเทศ การจัดแบ่งรูปแบบของเครือข่ายคอมพิวเตอร์จึงแยกตามขนาดของเครือข่าย ดังตารางดังต่อไปน้ี ตาราง การแบง่ แยกลักษณะของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ตามระยะทางระหวา่ งโพรเซสเซอร์ ระยะทางระหวา่ งโพรเซสเซอร์ ลักษณะทตี่ ั้งของโพรเซสเซอร์ ชอ่ื เรียกเครือข่าย 0.1 เมตร แผงวงจรอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ เครอ่ื งจักรชนดิ ดาต้าโฟลว์ 1 เมตร ระบบเดยี วกนั มลั ตโิ พรเซสเซอร์ 10 เมตร หอ้ ง มลั ติโพรเซสเซอร์ 100 เมตร ตวั อาคาร เครือข่ายทอ้ งถ่นิ 1 กิโลเมตร หนว่ ยงานเดียวกนั เครอื ข่ายท้องถน่ิ 10 กิโลเมตร เมือง เครือข่ายทอ้ งถิ่น 100 กิโลเมตร ประเทศ เครอื ข่ายระยะไกล 1000 กิโลเมตร ระหวา่ งประเทศ เครอื ข่ายระยะไกล 10000 กโิ ลเมตร ระหว่างดวงดาว เครือข่ายระยะไกลมาก 2.1 ความหมายของระบบเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ ระบบเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์ (computer network) คอื ระบบท่มี ีคอมพิวเตอร์อย่างน้อย 2 เครื่องเชื่อมต่อกันโดยใช้สื่อกลาง และสามารถสื่อสารข้อมูลกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทำให้ผู้ใช้ คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกันได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ ทรัพยากรที่มีอยู่ในเครือข่ายร่วมกันได้ เช่น เครื่องพิมพ์ สแกนเนอร์ ฮาร์ดดิสก์ เป็นต้น การใช้ ทรัพยากรเหล่านี้ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก เมื่อมีการเชื่อมต่อกับ เครือข่ายอืน่ ๆ ท่ีอยหู่ า่ งไกล เชน่ ระบบอินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็นเครือขา่ ยทเ่ี ชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ทั่วโลก ก็ ทำใหส้ ามารถแลกเปลย่ี นขอ้ มลู ข่าวสาร ได้กบั คนทวั่ โลก โดยใชแ้ อพพลิเคช่ัน เชน่ เว็บ อีเมล์ เป็นตน้ 2.2 ประเภทของเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ 2.2.1 LAN (Local Area Network) LAN ย่อมาจาก Local Area Network คือระบบเครือข่ายแบบเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้า ด้วยกันในระยะจำกัด เช่น ในอาคารเดียวกัน หรือบริเวณเดียวกนั ที่สามารถลากสายถึงกันไดโ้ ดยตรง เอกสารประกอบการสอน วชิ าเทคโนโลยีสารสนเทศเพ่อื การจดั การอาชีพ (3001-2001) หนา้ 11 ผูเ้ รยี บเรยี ง : นายอดินนั ต์ แวบาดะ

หน่วยที่ 2 ระบบเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ ส่วนมากจะใช้สายเคเบิ้ล หรือ ที่เรียกกันว่า สายแลน เป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อ อัตราเร็วของ เครือข่าย LAN อยู่ที่ระหวาง 1-100 Mbps ทั้งนี้ความเร็วข้อมูลขึ้นอยูก่ ับตัวกลางสายส่งทีใ่ ช้เทคนิค การสง่ สัญญาณ และข้อกำหนดของผูใ้ ห้บรกิ ารเนต็ เวริ ค์ Lan รูป ภาพแสดงเครือข่ายแบบแลน (Lan) 2.2.2 MAN (Metropolitan Area Network) MAN ยอ่ มาจาก Metropolitan Area Network คอื เครอื ขา่ ยระดับเมอื ง ทม่ี ีการ ติดต่อกนั ในระยะท่ีไกลกว่าระบบแลนและใกล้กวา่ ระบบแวน ซ่งึ เป็นเครอื ข่ายที่มกั เชอ่ื มโยงกนั เฉพาะ ในเขตเมืองเดยี วกนั หรือหลายเขตเมืองท่ีอยู่ใกล้กัน ระยะทางประมาณ 10 กโิ ลเมตร ระบบเครือข่าย เมอื ง เป็นเนต็ เวริ ์กทจ่ี ะตอ้ งใชโ้ ครงขา่ ยการส่ือสารขององค์การโทรศพั ท์ หรือ การสอื่ สารแหง่ ประเทศไทย เปน็ การตดิ ต่อระหว่างเมือง เช่น เคร่อื งเวริ ก์ สเตช่ันอยู่ท่สี ุขมุ วิท มกี าร ตดิ ตอ่ สอื่ สารกับเคร่ืองเวิรก์ สเตชัน่ ท่ีบางรกั หรอื กรงุ เทพฯ กับเชยี งใหม่ เชียงใหม่กบั ปัตตานีหรอื เปน็ การตดิ ต่อระหวา่ งรฐั เป็นตน้ รูป ภาพแสดงเครือขา่ ยแบบแมน (Man) 2.2.3 WAN (Wide Area Network) ระบบเครือข่ายบริเวณกว้าง (Wide Area Network: WAN) เป็นกลุ่มของเครือข่าย คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกันแบบกว้างขวางอาจจะเป็นภายในประเทศระหว่างประเทศ โดยภายใน เครือข่าย WAN จะมีเครือข่าย LAN หรือ MAN เชื่อมต่อกันอยู่ภายในเช่น สำนักงานใหญ่ที่ กรงุ เทพมหานครฯ ตดิ ต่อกับสำนกั งานสาขาในจังหวัดชยี งใหม่ ซ่ึงการสือ่ สารกันอาจจะใช้ต้ังแต่ระบบ โครงข่ายโทรศัพทจ์ นกระท่ังถงึ ดาวเทยี ม รูป ภาพแสดงเครือข่ายแบบแมน (Wan) หนา้ 12 เอกสารประกอบการสอน วชิ าเทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือการจดั การอาชีพ (3001-2001) ผู้เรยี บเรยี ง : นายอดนิ นั ต์ แวบาดะ

หนว่ ยท่ี 2 ระบบเครือขา่ ยคอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศ 2.3 องคป์ ระกอบของระบบเครือข่าย ระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ มอี งคป์ ระกอบที่สำคัญ เพือ่ การเช่ือมต่อเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ได้แก่ คอมพิวเตอร์แม่ข่าย (File Server) ช่องทางการสื่อสาร (Communication Chanel) สถานี งาน (Workstation or Terminal) และ อุปกรณ์ในเครอื ข่าย (Network Operation System) 2.3.1 คอมพวิ เตอรแ์ ม่ข่าย (Server) คอมพิวเตอร์แม่ข่าย หมายถึงคอมพิวเตอร์ ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการทรัพยากร (Resources) ต่าง ๆ ซง่ึ ไดแ้ ก่ หนว่ ยประมวลผล หน่วยความจำ หนว่ ยความจำสำรอง ฐานข้อมูล และ โปรแกรมต่าง ๆ เป็นต้น ในระบบเครือข่ายท้องถิ่น (LAN) มักเรียกว่าคอมพิวเตอร์แม่ข่าย ในระบบ เครือข่ายระยะไกล ที่ใช้เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ หรือ มินิคอมพิวเตอร์เป็นศูนย์กลางของเครือข่าย เรา นิยมเรียกว่า Host Computer และเรียกเคร่ืองท่รี อรับบรกิ ารวา่ ลูกข่ายหรอื สถานีงาน Internet r server o H รปู ภาพแสดงเครื่องแม่ขา่ ยในระบบเครือขา่ ย 2.3.2 ช่องทางการส่อื สาร ช่องทางการสื่อสาร หมายถึง ตัวกลางหรือสายเชื่อมโยง เป็นส่วนที่ทำให้เกิดการ เชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ เข้าด้วยกัน และอุปกรณ์ที่ยอมให้ข่าวสารข้อมูลเดินทางผ่านจากผู้ส่ง ไปสู่ผรู้ ับ สื่อกลางทีใ่ ชใ้ นการสื่อสารขอ้ มูลมีอยหู่ ลายประเภท แต่ละประเภทมีความแตกตา่ งกนั ในด้าน ของปริมาณข้อมูลที่สื่อกลางนั้นๆ สามารถนำผ่านไปได้ในเวลาขณะใดขณะหนึ่ง การวัดปริมาณหรือ ความจุในการนำข้อมูลหรือที่เรียกกันว่า แบนด์วิดธ์ (Bandwidth) มีหน่วยเป็นจำนวนบิตข้อมูล/ วนิ าที (bits per second: bps) ซง่ึ แบง่ ออกไดเ้ ปน็ 2 ชนิด ไดแ้ ก่ 2.3.2.1 ช่องทางการสื่อสารแบบมสี าย (Physical Wire) 2.1.1 สายคู่บดิ เกลยี ว (Twisted pair) 2.1.2 สายโคแอกเชียล (Coaxial) 2.1.3 เส้นใยนำแสง (Fiber optic) เอกสารประกอบการสอน วชิ าเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจดั การอาชีพ (3001-2001) หนา้ 13 ผเู้ รยี บเรยี ง : นายอดินนั ต์ แวบาดะ

หนว่ ยท่ี 2 ระบบเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์และสารสนเทศ รูป ภาพแสดงช่องทางการส่ือสารแบบมสี าย ที่มา:https://sites.google.com/site/attapolbc31/rup-baeb-kar-cheuxm-yong-kherux-khay 2.3.2.2 ช่องทางการสื่อสารแบบไร้สาย (Wireless) 2.2.1 สัญญาณไมโครเวฟ (Microwave) 2.2.2 คล่ืนวิทยุ (Radio) 2.2.3 อินฟราเรด (Infrared) 2.2.4 ดาวเทยี ม (Satellite) รูป ภาพแสดงชอ่ งทางการส่ือสารแบบไรส้ าย ท่มี า: https://sites.google.com/site/jarunan096/kar-suxsar-ri-say 8/9/64 2.3.3 สถานีงาน สถานงี าน (Workstation or Terminal) หมายถึง อปุ กรณห์ รอื เครอ่ื งไมโครคอมพิวเตอร์ ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ทำหน้าที่เป็นสถานีปลายทางหรือสถานีงาน ที่ได้รับการบริการ จากเครื่อง คอมพิวเตอร์แม่ข่าย เรียกว่าเป็นคอมพิวเตอร์ลูกข่าย (Workstation) ในระบบเครือข่าย ระยะใกล้ มักมีหนว่ ยประมวลผล หรือซีพียูของตนเอง ในระบบท่ีใชเ้ ครื่องคอมพวิ เตอร์เมนเฟรม เป็น ศูนยก์ ลาง เรยี กสถานปี ลายทางว่าเทอรม์ ินอล (Terminal) ประกอบด้วยจอภาพและแปน้ พมิ พ์เท่าน้ัน ไมม่ ีหนว่ ยประมวลกลางของตวั เอง ต้องใชห้ น่วยประมวลผลของคอมพวิ เตอรศ์ นู ย์กลางหรือ Host server s woworkstation woworkstation รูป ภาพระบบการเชือ่ มต่อกับ workstation เอกสารประกอบการสอน วชิ าเทคโนโลยีสารสนเทศเพ่อื การจดั การอาชพี (3001-2001) หน้า 14 ผู้เรยี บเรยี ง : นายอดินนั ต์ แวบาดะ

หน่วยที่ 2 ระบบเครอื ข่ายคอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศ 2.3.4 อุปกรณ์ทใี่ ชใ้ นระบบเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ ในการรับส่งข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์ในเครอื ข่ายน้ัน จำเป็นที่จะต้องมีอุปกรณ์ระบบ เครอื ขา่ ยเพ่ือใช้เปน็ ตัวกลางในการรับส่งข้อมูล ซ่ึงอปุ กรณร์ ะบบเครือข่ายดังกล่าวมีหลายชนิดด้วยกัน แต่ละอย่างก็จะทำงานต่างหน้าที่กัน ผู้ดูแลระบบจะต้องรู้หน้าที่และกลไกการทำงานของอุ ปกรณ์ เครือข่ายชนิดต่างๆ เป็นอย่างดี จึงจะสามารถออกแบบ ติดตั้ง ปรับค่าคอนฟิก และดูแลรักษาระบบ เครือข่ายได้ เชน่ การด์ เนต็ เวิร์ก ,รีพีตเตอร์ ,โมเด็ม ,ฮับ ,บริดจ์ ,สวติ ซเ์ ลเยอร์ ,ไฟรว์ อลล์ ฯลฯ 2.3.5 ซอฟตแ์ วรร์ ะบบปฏิบตั ิการเครอื ข่าย ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการเครือข่าย หมายถึง ซอฟต์แวร์ที่ทำหน้าที่ จัดการระบบ เครือข่ายของคอมพิวเตอร์ เพื่อให้คอมพิวเตอร์ ที่เชื่อมต่ออยู่กับเครือข่าย สามารถติดต่อสื่อสาร แลกเปลยี่ นข้อมูลกันได้อย่างถูกต้อง ตัวอย่าง ซอฟตแ์ วร์ประเภทน้ีได้แก่ ระบบปฏบิ ตั ิการ Windows NT , Linux, Novell Netware , Windows XP ,Windows 2000 , Solaris , Unix เป็นตน้ รูป ภาพแสดงซอฟตแ์ วร์ระบบปฏบิ ัติการเครือขา่ ย ที่มา: https://sites.google.com/a/swdschool.ac.th/rabb-sxftwaer/prapheth-khxng- sxftwaer 6/9/64 2.4 รูปแบบเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ (NETWORK TOPOLOGY) รูปแบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (NETWORK TOPOLOGY) คือ การนำคอมพิวเตอร์มา เชื่อมต่อกันเพื่อประโยชน์ของการสื่อสาร รูปแบบการจัดวางคอมพิวเตอร์ การเดินสายสัญญาณ คอมพิวเตอรใ์ นเครอื ข่าย รวมถงึ หลกั การไหลเวยี นข้อมลู ในเครอื ขา่ ยสามารถทำได้หลายรปู แบบ รูปแบบเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ แบ่งได้ 2 ลกั ษณะ 1. ลักษณะการเชื่อมโยงระบบเครอื ข่าย 2. ลกั ษณะการใช้งานระบบเครือข่าย 2.4.1 แบง่ ลกั ษณะการเชอื่ มโยงเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ 2.4.1.1 เครอื ข่ายแบบบสั (bus topology) เป็นเครือขา่ ยที่เชอ่ื มต่อคอมพวิ เตอร์และอุปกรณต์ ่าง ๆ ดว้ ยสายเคเบลิ้ ยาวต่อเนื่องไป เร่ือยๆ โดยจะมีคอนเน็กเตอร์เป็นตัวเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์เข้ากับสายเคเบิ้ล ในการส่ง ข้อมูล จะมีคอมพิวเตอร์เพียงตัวเดียวเท่านั้นที่สามารถส่งข้อมูลได้ในช่วงเวลาหนึ่งๆ การจัดส่งข้อมูล วิธีน้ีจะต้องกำหนดวธิ กี าร ที่จะไม่ใหท้ ุกสถานีส่งขอ้ มูลพร้อมกัน เพราะจะทำให้ข้อมูลชนกัน วิธีการที่ เอกสารประกอบการสอน วชิ าเทคโนโลยีสารสนเทศเพือ่ การจดั การอาชพี (3001-2001) หนา้ 15 ผู้เรยี บเรยี ง : นายอดนิ นั ต์ แวบาดะ

หน่วยที่ 2 ระบบเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์และสารสนเทศ ใช้อาจแบ่งเวลาหรือให้แต่ละสถานีใช้ความถี่ สัญญาณที่แตกต่างกัน การเซตอัพเครื่องเครือข่ายแบบ บสั นีท้ ำได้ไมย่ ากเพราะคอมพวิ เตอร์และอุปกรณ์แต่ละชนิด ถกู เชอื่ มต่อด้วยสายเคเบิ้ลเพียงเส้นเดียว โดยส่วนใหญ่เครือข่ายแบบบัส มักจะใช้ในเครือข่ายขนาดเล็ก ซึ่งอยู่ในองค์กรที่มีคอมพิวเตอร์ใช้ไม่ มากนัก ข้อดี ของการเชื่อมต่อแบบบัส คือ ใช้สื่อนำข้อมูลน้อย ช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่าย และถ้า เครอ่ื งคอมพวิ เตอรเ์ คร่อื งใดเครื่องหนึง่ เสยี กจ็ ะไมส่ ่งผลตอ่ การทำงานของระบบโดยรวม แตม่ ี ข้อเสียคือ การตรวจจุดทีม่ ปี ัญหา กระทำได้คอ่ นขา้ งยาก และถา้ มจี ำนวนเคร่ืองคอมพิวเตอร์ ในเครือขา่ ยมากเกนิ ไป จะมกี ารสง่ ขอ้ มูลชนกันมากจนเปน็ ปัญหา ข้อจำกดั คือ จำเปน็ ตอ้ งใชว้ งจรสื่อสารและซอฟต์แวร์เข้ามาช่วยเพื่อหลีกเลีย่ งการชนกันของ สัญญาณขอ้ มลู และถา้ มีอุปกรณต์ วั ใดตัวหนงึ่ เสียหาย อาจสง่ ผลใหท้ ้งั ระบบหยุดทำงานได้ รปู ภาพแสดงการเช่ือมต่อแบบบัส (Bus Topology) 2.4.1.2 โครงสร้างเครือขา่ ยคอมพิวเตอรแ์ บบวงแหวน (ring topology) เป็นเครือข่ายที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ด้วยสายเคเบิลยาวเส้นเดียว ในลักษณะ วงแหวน การรับส่งข้อมูลในเครือข่ายวงแหวน จะใช้ทิศทางเดียวเท่านั้น เมื่อคอมพิวเตอร์เครื่องหน่ึง ส่งข้อมูล มนั ก็จะสง่ ไปยงั คอมพวิ เตอร์เครื่องถัดไป ถ้าขอ้ มูลที่รับมาไม่ตรงตามท่ีคอมพวิ เตอรเ์ ครื่องต้น ทางระบุ มันก็จะส่งผ่านไปยัง คอมพิวเตอร์เครื่องถัดไปซึ่งจะเปน็ ขั้นตอนอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะ ถึงคอมพวิ เตอร์ปลายทางทถ่ี ูกระบุตามท่ีอยู่ ข้อดี เครือข่ายแบบวงแหวนคือ ใช้สายเคเบิ้ลน้อย และถ้าตัดเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เสียออก จากระบบ ก็จะไม่ส่งผลต่อการทำงานของระบบเครือข่ายนี้ และจะไม่มีการชนกันของข้อมูลที่แต่ละ เครื่องส่ง ขอ้ เสีย ถ้าเครอื่ งใดเครอื่ งหนงึ่ ในเครือข่ายเสยี หาย อาจทำใหท้ ง้ั ระบบหยดุ ทำงานได้ รูป ภาพแสดงการเชื่อมต่อแบบวงแหวน (Ring Topology) หนา้ 16 เอกสารประกอบการสอน วชิ าเทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่อื การจดั การอาชพี (3001-2001) ผู้เรยี บเรยี ง : นายอดนิ ันต์ แวบาดะ

หน่วยที่ 2 ระบบเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ 2.4.1.3 โครงสร้างเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์แบบดาว (Star Network) เป็นเครอื ขา่ ยท่เี ช่ือมต่อคอมพิวเตอร์ เขา้ กบั อุปกรณ์ท่ีเปน็ จุดศนู ย์กลาง ของ เครอื ขา่ ย โดยการนำสถานีต่าง ๆ มาต่อรว่ มกันกับหนว่ ยสลับสายกลางการตดิ ตอ่ สอ่ื สารระหว่างสถานี จะกระทำได้ ด้วยการตดิ ต่อผา่ นทางวงจรของหนว่ ยสลับสายกลางการทำงานของหน่วยสลบั สายกลาง จึงเปน็ ศูนย์กลางของการตดิ ต่อ วงจรเชือ่ มโยงระหวา่ งสถานีตา่ ง ๆ ทต่ี ้องการติดต่อกัน ในการต่อแบบนี้ คอมพิวเตอร์แต่ละตวั จะถูกต่อเขา้ กับคอมพิวเตอร์ศูนยก์ ลางโดยตรง จึงไม่มีปัญหาการแย่ง การใช้สายสื่อสาร ทำให้มีการตอบสนองที่รวดเร็วการส่งข้อมูลแต่ละสถานี (เครื่องคอมพิวเตอร์ย่อยๆ) ก็จะส่งไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ศูนย์กลางก่อนแล้วตัวเครือ่ งคอมพิวเตอร์ ศูนย์กลางนี้จะเป็นผู้ส่งไปยังสถานีอื่นๆ การควบคุมการรับส่งภายในระบบท้ังหมดจะขึ้นอยู่กับเครื่อง คอมพิวเตอร์ศูนย์กลาง ดังนั้นถ้าเครื่องศูนย์กลางมีปัญหาขัดข้องก็จะทำให้ระบบทั้งระบบต้อง หยุดชะงกั ทนั ที ข้อดี 1. เปน็ ระบบท่ีงา่ ยตอ่ การติดตงั้ 2. เน่ืองจากการรับ–สง่ ขอ้ มลู ข้ึนอยกู่ บั เครื่องคอมพวิ เตอร์ศนู ย์กลางทั้งหมดจึงทำให้การ รับ–ส่งขอ้ มลู ทำได้ง่าย 3. หากอุปกรณช์ ้ินใดเสียหายกจ็ ะไมส่ ่งผลกระทบตอ่ ระบบ เพราะมีการใชอ้ ปุ กรณ์ที่แยก ออกจากกัน 4. การตอบสนองทรี่ วดเร็วเพราะไมต่ ้องแย่งกันใชส้ ายสอื่ สาร 5. หากสถานใี ดเกิดความเสยี หายก็สามารถทจ่ี ะตรวจสอบได้ง่าย ขอ้ เสยี 1. เสยี คา่ ใช้จ่ายในการติดตั้งและบำรุงรักษามาก 2. หากคอมพิวเตอร์ศูนย์กลางขัดขอ้ ง ก็จะทำใหร้ ะบบใช้งานไมไ่ ดท้ ันที 3. ขยายระบบได้ยากเพราะตอ้ งทำจากศูนยก์ ลางออกมา 4. เคร่อื งคอมพวิ เตอร์ศูนยก์ ลางมรี าคาแพง server s woworkstation woworkstation รูป ภาพแสดงการเช่ือมต่อแบบดาว (Star Topology) 2.4.1.4 โครงสร้างเครือขา่ ยแบบผสม (Hybrid Topology) เป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ผสมผสานระหว่างรูปแบบต่างๆ หลายๆ แบบ เข้าด้วยกันคือจะมีเครือข่ายคอมพิวเตอร์ย่อย ๆ หลาย ๆ เครือข่ายเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดใน การทำงาน เอกสารประกอบการสอน วชิ าเทคโนโลยสี ารสนเทศเพื่อการจดั การอาชพี (3001-2001) หนา้ 17 ผูเ้ รยี บเรยี ง : นายอดินันต์ แวบาดะ

หน่วยท่ี 2 ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศ ขอ้ ดี 1. ไมต่ ้องเสียค่าใชจ้ า่ ยในการวางสายเคเบิลมากนัก 2. สามารถขยายระบบได้ง่าย 3. เสียคา่ ใชจ้ ่ายน้อย ขอ้ เสีย 1. อาจเกิดข้อผดิ พลาดง่าย เนื่องจากทุกเครอ่ื งคอมพิวเตอรต์ ่อย่บู นสายสญั ญาณเพียงเส้น เดียว ดังนั้นหากมีการขาดที่ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง ก็จะทำให้เครื่องอื่นส่วนใหญ่หรือทั้งหมดใน ระบบไมส่ ามารถใชง้ านไดต้ ามไปดว้ ย 2. การตรวจหาโหนดเสีย ทำได้ยากเนื่องจากขณะใดขณะหนึ่งจะมีคอมพิวเตอร์เพียง เครอ่ื งเดียวเทา่ นั้นที่สามารถส่งข้อความออกมาบนสายสัญญาณ ดังนนั้ ถา้ มเี คร่ืองคอมพิวเตอร์จำนวน มากๆ อาจทำให้เกิดการคบั คง่ั ของเนตเวริ ก์ ซงึ่ จะทำใหร้ ะบบชา้ ลงได้ star ring bus รปู ภาพแสดงการเชอื่ มต่อแบบผสม (Hybrid Topology) รูป ภาพแสดงการเชื่อมต่อระบบเครือขา่ ยแบบตา่ งบนอินเทอร์เนต็ 2.4.2 แบง่ ลักษณะการเช่ือมต่อการใช้งานเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ 2.4.2.1 การเชอ่ื มตอ่ แบบจดุ ตอ่ จดุ Peer-to-Peer รูป ภาพแสดงการเชื่อมต่อแบบจุดตอ่ จดุ (Peer-to-Peer) เอกสารประกอบการสอน วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศเพอ่ื การจดั การอาชพี (3001-2001) หนา้ 18 ผูเ้ รยี บเรยี ง : นายอดินันต์ แวบาดะ

หน่วยที่ 2 ระบบเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ เครือข่ายแบบนี้จะเก็บไฟล์และการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ไว้ที่เครื่อง คอมพิวเตอร์ของผู้ใช้แต่ละคน โดยไม่มีคอมพิวเตอรส์ ว่ นกลางที่ทำหนา้ ที่นี้ เรียกได้ว่าต่างคนตา่ งเกบ็ ต่างคนต่างใช้ แต่ผู้ใช้ในเครือข่ายสามารถเรียกใช้ไฟล์จากคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นได้ ถ้าคอมพิว เตอร์ เครื่องน้นั ทำการแชร์ไฟลเ์ หล่านนั้ ไว้ เครอื ข่ายแบบ Peer-to-Peer น้เี หมาะสำหรบั องค์กรขนาดเล็กที่ มีคอมพิวเตอร์เชื่อมต่อกันไม่เกิน 10 เครื่อง เนื่องจากติดตั้งง่าย ราคาไม่แพง และการดูแลไม่ยุ่งยาก นัก แต่ถ้าคอมพวิ เตอร์ในเครอื ข่ายมีมากกวา่ 10 เครื่องข้ึนไปควรจะใชเ้ ครอื ขา่ ยแบบอน่ื ดีกวา่ 2.4.2.2 การเชอ่ื มต่อแบบไคลเอนต์เซริ ์ฟเวอร์ (Client-Server) รูป ภาพแสดงการเชื่อมต่อแบบไคลเอนต์เซริ ฟ์ เวอร์ (Client-Server) Client คือ เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไปร้องขอบริการและรับบริการอย่างใดอย่างหนึ่งจาก Server server คือเครื่องคอมพิวเตอร์หรือระบบปฏิบัติการหรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่ทำหน้าที่ ให้บริการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง โดยอาศัยโปรแกรม Web serverแก่เครื่องคอมพิวเตอร์ หรือโปรแกรมคอมพวิ เตอรท์ เ่ี ป็นลูกขา่ ย ในระบบเครอื ขา่ ย server แบ่งเปน็ 3 ประเภทได้แก่ 1. เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่ให้บริการอะไรบางอย่างแก่คอมพิวเตอร์หรือโปรแกรม คอมพวิ เตอร์อ่ืน 2. ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่ให้บริการอะไรบางอย่างแก่คอมพิวเตอร์หรือ โปรแกรมคอมพิวเตอรอ์ ื่น 3. โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่ให้บริการอะไรบางอย่างแก่คอมพิวเตอร์หรือโปรแกรม คอมพิวเตอรอ์ ่ืน client/server คือ การที่มีเครื่องผู้ให้บริการ (server) และเครื่องผู้ใช้บริการ (client) เชื่อมต่อกันอยู่ และเครื่องผู้ใช้บริการได้มีการติดต่อร้องขอบริการจากเครื่องผู้ให้บริการ เครื่องผู้ ให้บริการก็จะจดั การตามท่เี ครื่องผู้ขอใชบ้ รกิ ารร้องขอ แล้วสง่ ขอ้ มลู กลบั ไปใหเ้ ครือข่ายแบบ Client / server เหมาะกับระบบเครือข่ายที่ต้องการเชื่อมต่อกับเครื่องลูกข่ายจำนวนมาก โดยการรองรับ จำนวนเครื่องลูกข่าย (Client )อาจเป็นหลักสิบ หลักร้อย หรือหลักพัน เพราะฉะนั้นเครื่องที่จะนำมา ทำหนา้ ท่ใี หบ้ ริการจะต้องเป็นเคร่ืองที่มี ประสทิ ธภิ าพสงู เนื่องจากถกู ต้องออกแบบมาเพื่อทนทานต่อ ความผิดพลาด ( Fault Tolerance ) และต้องคอยให้บริการทรัพยากรให้กับเครอ่ื งลูกข่ายตลอดเวลา โดยเครื่องท่ีจะนำมาทำเป็นเซิร์ฟเวอร์อาจเป็นคอมพิวเตอร์แบบเมนเฟรม มินิคอมพิวเตอร์ หรือ ไมโครคอมพิวเตอร์กไ็ ด้ เอกสารประกอบการสอน วชิ าเทคโนโลยสี ารสนเทศเพอ่ื การจดั การอาชพี (3001-2001) หน้า 19 ผเู้ รยี บเรยี ง : นายอดนิ ันต์ แวบาดะ

หน่วยที่ 2 ระบบเครอื ข่ายคอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศ 2.5 อปุ กรณท์ ใี่ ช้ในระบบเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ ในการรับส่งข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายนั้น จำเป็นที่จะต้องมีอุปกรณ์ระบบ เครือขา่ ยเพอื่ ใช้เป็นตวั กลางในการรบั ส่งข้อมลู ซงึ่ อุปกรณร์ ะบบเครือข่ายดังกล่าวมีหลายชนิดด้วยกัน แต่ละอย่างก็จะทำงานต่างหน้าที่กัน ผู้ดูแลระบบจะต้องรู้หน้าที่และกลไกการทำงานของอุปกรณ์ เครือข่ายชนิดต่างๆ เป็นอย่างดี จึงจะสามารถออกแบบ ติดตั้ง ปรับค่าคอนฟิก และดูแลรักษาระบบ เครอื ขา่ ยได้ 2.5.1 การด์ เน็ตเวิร์ก (Network Interface Card) รปู ภาพแสดงการด์ เน็ตเวิรก์ การด์ เน็ตเวริ ์ก หรอื Network Interface Card (NIC) หรือเรยี กว่า \"การด์ แลน\" มีหน้าท่ี ในการที่จะนำเฟรมข้อมูล (เป็นก้อนข้อมูลที่จัดอยู่ใน Layer 2 ของ OSI Reference Model) ส่ง ลำเลียงไปตามสายนำสัญญาณ แล้วจะแปลงเฟรมข้อมูลให้เป็นข้อมูลระบบบิต (bit) เสียก่อน โดย ส่วนมากแล้วมักจะใช้การ์ดเน็ตเวิร์กแบบ Ethernet ซึ่งจะมีความเร็วในการรับส่ง 10 เมกะบิตต่อ วินาที และใช้ Fast Ethernet ที่มีความเร็วในการรับส่งข้อมูลถึง 100 เมกะบิตต่อวินาที ปัจจุบัน การ์ดเน็ตเวิร์กที่เป็นที่นิยมจะตอ้ งทำการรับสง่ ข้อมูลได้ทั้งสองความเร็วคือ 10 และ 100 เมกะบิตต่อ วนิ าที ซึ่งจะใชส้ ัญลักษณ์ 10/100 Mbps และมักจะต่อเชอ่ื มกบั สายสัญญาณชนิด UTP และช่อง RJ- 45 การ์ดเน็ตเวิร์กของเครื่องคอมพิวเตอร์ต้นทางและเคร่ืองคอมพิวเตอร์ปลายทางจะส่งข้อมูลหากัน โดยการอ้างถึงหมายเลขประจำการ์ดเน็ตเวิร์ก ซึ่งเรียกว่า MAC Address ซึ่งเป็นตัวเลขฐานสิบหก จำนวน 12 ตัว (6 ไบต์) 2.5.2 สายสญั ญาณ (Cable) สายสัญญาณมีหน้าที่ลำเลียงขอ้ มูลดิจิทลั จากเครือ่ งคอมพิวเตอรต์ ้นทางไปยังเครื่อง คอมพวิ เตอรป์ ลายทาง สายสัญญาณมีหลายชนิดซ่ึงมขี อ้ ดีและข้อเสยี แตกต่างกัน - สายคู่ตเี กลียว TP (Twisted Pair) เป็นสายคู่ตีเกลียวบิดไขว้กันไปตลอดแนวความยาว เพื่อลดการรบกวนจากสัญญาณ ภายนอก แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ แบบที่มีชีลหุ้มซึ่งเรียกว่า STP (Shield Twisted Pair) และแบบท่ี ไม่มีชีลหุ้มซึ่งเรียกว่า UTP (Unshield Twisted Pair) ปัจจุบันนิยมใช้สาย UTP เนื่องจากมีราคาถูก สาย UTP มกั จะตอ่ เชื่อมกับการด์ เน็ตเวิรก์ ด้วยแจค็ แบบ RJ-45 เอกสารประกอบการสอน วชิ าเทคโนโลยสี ารสนเทศเพือ่ การจดั การอาชพี (3001-2001) หนา้ 20 ผเู้ รยี บเรยี ง : นายอดินันต์ แวบาดะ

หนว่ ยที่ 2 ระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศ รปู ภาพแสดงลักษณะของสายคตู่ เี กลียว(Twisted Pair) สาย TP ที่ใช้กับระบบแลนทั่วๆ ไปจะประกอบด้วยสายไฟฟ้าข้างใน 8 เส้น ถ้าปลายทั้งสอง ข้างเรียงสีเหมือนกันจะเรียกว่า \"สายตรง\" แต่ถ้าปลายทั้งสองข้างเรียงสีไม่เหมือนกันโดยมีการสลับ ตำแหน่งกัน 2 คู่ คือ 1 สลับกับ 3 ส่วน 2 สลับกับ 6 จะเรียกว่า \"สายไขว้\" สายตรงมีไว้เพื่อเชื่อมต่อ ระหว่างคอมพิวเตอร์กับฮบั / สวติ ซ์ หรือตอ่ ระหว่างฮับ / สวิตซก์ ับฮบั / สวิตซด์ ว้ ยกนั เองโดยที่ฮับ / สวิตซ์ตัวใดตัวหน่งึ ต้องต่อท่ชี ่อง Up-Link สว่ นสายไขว้มีไว้เช่ือมระหว่างคอมพวิ เตอร์กับคอมพิวเตอร์ โดยตรง หรอื ฮับ / สวติ ซก์ ับฮับ / สวิตซ์ด้วยกนั เอง โดยที่ไม่ใช้ชอ่ ง Up-Link - สายโคแอคเชียล (Coaxial) รปู ภาพแสดงลักษณะของสายโคแอคเชยี ล(Coaxcial) สายโคแอคเชียลเป็นสายที่มีลักษณะคล้ายกับสายที่ต่อระหว่างเครื่องรับโทรทัศน์กับเสา อากาศ ซ่งึ โครงสร้างของมันจะประกอบดว้ ยแกนทองแดงตรงกลางและมีฉนวนหุ้มผุดออกมาข้างนอก ก็จะเป็นตัวนำไฟฟ้าที่ทำเป็นลักษณะทรงกระบอกหุ้มห่อไว้อีกทีหนึ่ง เพื่อที่จะป้องกันสนามไฟฟ้าให้ ได้มากที่สุด และรอบนอกก็จะหุม้ ด้วยฉนวนอีกครั้งหนึ่ง ในอดีตนิยมนำมาต่อกบั แลนที่มกี ารเชื่อมตอ่ แบบบสั และแบบวงแหวน ปัจจบุ นั ไม่คอ่ ยนยิ มใช้แลว้ - สายไฟเบอรอ์ อฟติก (Fiber-Optic) รูป ภาพแสดงลักษณะของสายไฟเบอร์ออฟติค(Fiber Optic) หน้า 21 เอกสารประกอบการสอน วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศเพือ่ การจดั การอาชพี (3001-2001) ผ้เู รยี บเรยี ง : นายอดนิ นั ต์ แวบาดะ

หน่วยท่ี 2 ระบบเครือขา่ ยคอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศ สายไฟเบอร์ออปติกเป็นสายนำสัญญาณที่ใช้รับส่งข้อมูลในรูปของแสง โครงสร้าง ภายในจะเป็นท่อเล็กๆ ที่นำมาจากแก้ว ซึ่งทำหน้าที่สะท้อนแสง แสงเดินทางจากต้นทางไปยัง ปลายทางจะไม่สะท้อนออกมาข้างนอก แตจ่ ะสะท้อนไปมาภายในตลอดแนวความยาว ซ่ึงใช้หลักการ ของดัชนี การหักเหของแสง สายไฟเบอรอ์ อปตกิ จะสามารถส่งสญั ญาณไดเ้ ร็วกว่า 100 เมกะบิตต่อ วินาที และจะไม่ถูกรบกวนจากสนามแม่เหล็กและสนามไฟฟ้าจากภายนอก แต่ข้อเสียของมันคือ มี ราคาแพง 2.5.3 รพี ตี เตอร์ (Repeater) รูป ภาพแสดงลกั ษณะของรีพีตเตอร์ (Repeater) เมื่อคอมพิวเตอร์ส่งสัญญาณข้อมูลในรูปของสัญญาณไฟฟ้าไปตามสายที่มีความยาว มาก จะทำให้ความแรงของสัญญาณไฟฟ้าที่ปลายสายค่อยลดน้อยลงไปตามระยะทางที่ยาวขึ้น เม่ือ ต้องการติดตั้งระบบแลนที่กินพื้นที่ค่อนข้างกว้าง จำเป็นที่จะต้องมีอุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มความแรงของ สัญญาณดังกล่าว เพื่อที่ต้นทางจะได้ส่งข้อมูลไปให้ถึงปลายทางได้ รีพีตเตอร์เป็นอุปกรณ์ท่ีใช้ในการ เพิ่มความแรงของสัญญาณซึ่งนับว่ามีประโยชน์มาก แต่การเพิ่มความแรงของสัญญาณนั้นจะทำให้ สญั ญาณรบกวน (Noise) ถูกเพม่ิ ความแรงขึ้นมาด้วยเชน่ กนั ดงั นัน้ จึงทำใหม้ ีข้อจำกัดวา่ ควรจะใช้รีพีต เตอร์ไดไ้ มเ่ กนิ ก่จี ุดในแนวความยาวนั้น เชน่ อเี ทอร์เน็ตไมค่ วรต่อรีพีตเตอรเ์ กนิ 4 จุด เป็นต้น 2.5.4 โมเด็ม (MODEM) รูป ภาพแสดงลกั ษณะของโมเดม็ (MODEM) MODEM มาจากคำเต็มว่า Modulator – DEModulator ทำหนา้ ท่แี ปลงสัญญาณ ข้อมูลดิจิตอล ท่ไี ด้รบั จากเคร่ืองสง่ หรือคอมพิวเตอร์ เป็นสัญญาณแบบอนาลอกก่อนทำการสง่ ไปยงั ปลายทางต่อไป โดยผ่านเครือข่ายโทรศัพท์ และเม่ือสง่ ถงึ ปลายทางกจ็ ะมีโมเด็มทำหนา้ ที่แปลง สัญญาณจากอนาลอกให้เป็นดิจิตอล เพื่อใช้กบั คอมพวิ เตอรป์ ลายทาง เอกสารประกอบการสอน วชิ าเทคโนโลยสี ารสนเทศเพื่อการจดั การอาชพี (3001-2001) หนา้ 22 ผู้เรยี บเรยี ง : นายอดนิ ันต์ แวบาดะ

หนว่ ยท่ี 2 ระบบเครือขา่ ยคอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศ 2.5.5 ฮับ (Hub) รปู ภาพแสดงลกั ษณะของฮับ (Hub) เป็นอุปกรณ์เครอื ข่ายที่พบเห็นได้บ่อย เนื่องจากฮับใช้เชื่อมต่อเครอื ข่ายอีเทอร์เน็ตซงึ่ เป็นการเชื่อมต่อแบบดาว (Star Topology) โดยใช้สาย UTP ต่อเชื่อมระหว่างการ์ดเน็ตเวิร์กบน เครื่องคอมพิวเตอร์เข้ากับฮับ โดยเชื่อมต่อทางช่องเสียง RJ-45 ซึ่งการเชื่อมต่อระบบแลนลักษณะนี้ เป็นที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบัน ฮับจะมีช่องเสียบ RJ-45 ตัวเมียอยู่หลายช่องเพื่อเชื่อมต่อกับ คอมพิวเตอร์ ถ้ายิ่งมีช่องเสียบมากก็จะย่ิงต่อเชื่อมกับคอมพิวเตอร์ได้มาก แต่ราคาก็จะสูงตามไปด้วย การทำงานของฮับนั้นคล้ายๆ กับรีพีตเตอร์ คือมันจะทำซ้ำและเพิ่มความแรงของสัญญาณทางไฟฟ้า แล้วสง่ ออกไปยงั พอรต์ (ชอ่ งเสยี บ) ทเ่ี หลือ แต่จะตา่ งกนั ตรงทฮ่ี บั มพี อร์ตมากกวา่ รีพีตเตอร์ ข้อดีของฮับคือมีราคาถูก แต่ข้อเสียคือเรื่องการชนกัน (Collision) ของข้อมูล (เนื่องจาก คอมพิวเตอร์ที่ต่อเชื่อมกับฮับจะอยู่ในคอลลิชันโดเมนเดียวกัน) ถ้ายิ่งเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เป็น จำนวนมาก กย็ ง่ิ ทำให้โอกาสท่จี ะเกิดการชนกันของข้อมูลสูง ซงึ่ ทำใหค้ วามเรว็ โดยรวมของระบบชา้ ลง 2.5.6 บริดจ์ (Bridge) ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อลดปัญหาการชนกันของข้อมูลที่เกิดจากการใช้ฮับ โดยบริดจ์จะ สามารถแบ่งคอลลิชันโดเมนให้มีจำนวนมากขึ้น ซึ่งมีผลทำให้ในแต่ละคอลลิชันโดเมนหรือจำนวน เคร่ืองคอมพิวเตอร์น้อยลง จึงทำให้โอกาสทีจ่ ะเกิดการชนกันของข้อมูลได้น้อยลงตามไปด้วย ปัจจุบัน บริดจ์ไม่คอ่ ยไดร้ บั ความนยิ มแล้ว เน่อื งจากมีอปุ กรณท์ ท่ี ำหนา้ ทีค่ ลา้ ยกนั แต่ดีกว่า น่ันก็คือ สวติ ซ์ รูป ภาพแสดงลกั ษณะของบริดจ์ (Bridge) หน้า 23 เอกสารประกอบการสอน วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจดั การอาชีพ (3001-2001) ผู้เรยี บเรยี ง : นายอดนิ ันต์ แวบาดะ

หน่วยที่ 2 ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศ 2.5.7 สวิตซ์ (Switch) รปู ภาพแสดงลกั ษณะของสวติ ซ์ (Switch) สวิตซ์ทำงานเหมือนกันบริดจ์ เพียงแต่มีพอร์ตมากกว่า ซึ่งจำนวนพอร์ตจะมากพอๆ กับฮับ สวิตซ์จะมีหน้าที่คล้ากับฮับมาก แต่การทำงานจะแตกต่างกัน สวิตซ์จะเลือกส่งข้อมูลออกไปเฉพาะ พอร์ตที่ใช้ติดต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ปลายทาง ดังนั้นจึงไม่มีโอกาสเกิดการชนกันของข้อมูล ทำให้ เกดิ ประสิทธิภาพด้านความเร็วของเครือขา่ ยสูงขนึ้ มากและเนื่องจากในปจั จุบันสวิตซ์มีราคาถูกลงมาก จึงมีหลายหนว่ ยงานที่นำสวิตซ์ไปใชแ้ ทนฮับเพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพดว้ ยความเร็วของเครอื ข่าย และนอกจากนัน้ สวิตซ์ยังมีขอ้ ไดเ้ ปรยี บในเรือ่ งของความปลอดภยั จากการแอบดกั จบั ข้อมูลอกี ด้วย 2.5.8 สวิตซเ์ ลเยอร์ 3 (Layer 3 Switch) รูป ภาพแสดงลกั ษณะของสวิตซเ์ ลเยอร์ 3 (Layer 3 Switch) สวิตซ์เลเยอร์ 3 เป็นสวิตซ์ที่สามารถทำงานเป็นเร้าเตอร์ได้ในตัว ซึ่งส่วนมากแล้วมักจะใช้ เลือกเส้นทางระหว่างเน็ตเวิร์กภายในแลน สวิตซ์เลเยอร์ 3 มีความเร็วในการเร้าแพ็กเก็ต (Packet) ข้อมูลได้สูงกว่าเร้าเตอร์ เนื่องจากมันทำงานในระดับฮาร์ดแวร์ โดยทั่วๆ ไป มักจะนำสวิตซ์เลเยอร์ 3 มาใชก้ บั การทำเวอรช์ วลแลน (VLAN) เพือ่ เพิ่มระดับความปลอดภัยและลดจำนวนแพ็กเก็ตที่เกิดจาก การบรอดคาสต์ เอกสารประกอบการสอน วิชาเทคโนโลยสี ารสนเทศเพือ่ การจดั การอาชีพ (3001-2001) หน้า 24 ผ้เู รยี บเรยี ง : นายอดินันต์ แวบาดะ

หนว่ ยที่ 2 ระบบเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศ 2.5.9 ไฟรว์ อลล์ (Firewall) รูป ภาพแสดงลกั ษณะของไฟรว์ อลล์ (Firewall) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้เพิ่มระดับความปลอดภัยให้กับเน็ตเวิร์ก โดยมันจะเป็นตัวขั้นกลาง ระหว่างเน็ตเวิร์กภายในหน่วยงานกับเน็ตเวิร์กภายนอก เช่น อินเทอร์เน็ต จะคอยปกป้องแพ็ก เก็ต อนั ตรายไม่ให้วิ่งเข้ามายังเน็ตเวิร์กภายในได้ ซึง่ ระดับความปลอดภัยน้ันจะข้นึ อยู่กบั Access Rule ท่ี ผู้ดูแลระบบตั้งไว้ว่ารัดกุมเพียงใด ไฟร์วอลล์ไม่ได้ช่วยป้องกันแฮกเกอร์ (Hacker) ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แตม่ ันชว่ ยทำใหแ้ ฮกเกอรท์ ำงานลำบากข้ึน 2.5.10 ไอดเี อส (IDS) รูป ภาพแสดงลกั ษณะของไอดเี อส (IDS) คือตัวตรวจจับการบุกรุกระบบเครือข่าย ไอดีเอสมีทั้งแบบที่เป็นฮาร์ดแวร์และแบบที่เป็น ซอฟต์แวร์ ไอดีเอสจะอ่านข้อมูลที่ว่ิงในเน็ตเวิร์กและนำมาวเิ คราะห์เพื่อหาพฤติกรรมที่ไม่นา่ ไวว้ างใจ เมื่อมันพบ มันจะแจ้งเตือนไปยังผู้ดูแลระบบ พร้อมทั้งบอกไอพีแอดเดรสต้นทางของผู้บุ กรุกและ รูปแบบของการบกุ รกุ ด้วย 2.6 ประโยชนข์ องระบบเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ 1. การใช้อุปกรณ์ร่วมกัน (Sharing of peripheral devices) เครือข่ายคอมพิวเตอร์ทำให้ ผู้ใช้ สามารถใช้อุปกรณ์ รอบข้างที่ต่อพ่วงกับระบบคอมพิวเตอร์ ร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น เครื่องพมิ พ์ ดสิ ก์ไดร์ฟ ซดี ีรอม สแกนเนอร์ โมเด็ม เปน็ ต้น ทำใหป้ ระหยดั คา่ ใช้จ่าย ไม่ต้องซ้ืออุปกรณ์ ทีม่ ีราคาแพง เช่ือมต่อพ่วงให้กบั คอมพวิ เตอรท์ ุกเคร่ือง 2. การใช้โปรแกรมและข้อมูลร่วมกัน (Sharing of program and data) เครือข่าย คอมพิวเตอร์ ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้โปรแกรม และข้อมูลร่วมกันได้ โดยจัดเก็บโปรแกรมไว้แหล่งเก็บ ข้อมูล ที่เป็นศูนย์กลาง เช่น ที่ฮาร์ดดิสก์ของเครื่อง File Server ผู้ใช้สามารถใช้โปรแกรมร่วมกัน ได้ จากแหล่งเดียวกัน ไม่ต้องเก็บโปรแกรมไว้ในแต่ละเครื่อง ให้ซ้ำซ้อนกัน นอกจากนั้นยังสามารถ รวบรวม ข้อมูลต่าง ๆ จัดเก็บเป็นฐานข้อมูล ผู้ใช้สามารถใช้สารสนเทศ จากฐานข้อมูลกลาง ผ่าน เอกสารประกอบการสอน วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศเพอื่ การจดั การอาชีพ (3001-2001) หน้า 25 ผู้เรยี บเรยี ง : นายอดนิ ันต์ แวบาดะ

หนว่ ยท่ี 2 ระบบเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย โดยไม่ต้องเดินทางไปสำเนาข้อมูลด้วย ตนเอง เพราะใช้การเรียกใช้ข้อมูล ผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์นั่นเอง เครื่องลูก (Client) สามารถเข้ามาใช้ โปรแกรม ข้อมูล ร่วมกันได้จากเครื่องแม่ (Server) หรือระหว่างเครื่องลกู กับเครือ่ ง ลกู ก็ได้ เปน็ การประหยัดเนอื้ ทใี่ นการจดั เกบ็ โปรแกรม ไม่จำเปน็ วา่ ทกุ เคร่อื งต้องมีโปรแกรมเดียวกันนี้ ในเครือ่ งของตนเอง 3. สามารถติดต่อสื่อสารระยะไกลได้ (Telecommunication) การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ เป็นเครือข่าย ทั้งประเภทเครือข่าย LAN , MAN และ WAN ทำให้คอมพิวเตอร์ สามารถสื่อสาร แลกเปลี่ยนขอ้ มูล ระยะไกลได ้โดยใช้ซอฟต์แวร์ประยกุ ต์ ทางด้านการติดตอ่ ส่ือสาร โดยเฉพาะอย่าง ยิ่ง ในระบบเครือขา่ ยอินเทอร์เน็ต มีการให้บรกิ ารตา่ ง ๆ มากมาย เช่น การโอนยา้ ยไฟล์ข้อมลู การใช้ จดหมายอเิ ล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail) การสบื คน้ ขอ้ มลู (Search Engine) เป็นต้น 4. สามารถประยุกต์ใช้ในงานด้านธุรกิจได้ (ฺBusiness Applicability) องค์กรธุรกิจ มีการ เชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ เช่น เครือข่ายของธุรกิจธนาคาร ธุรกิจการ บิน ธุรกิจประกันภัย ธุรกิจการท่องเที่ยว ธุรกิจหลักทรัพย์ สามารถดำเนินธุรกิจ ได้อย่างรวดเร็ว ตอบสนองความพึงพอใจ ใหแ้ กล่ ูกคา้ ในปัจจบุ นั เริม่ มกี ารใช้ประโยชนจ์ ากเครือข่าย Internet เพ่ือทำ ธรุ กิจกนั แลว้ เชน่ การสัง่ ซื้อสินค้า การจา่ ยเงนิ ผา่ นระบบธนาคาร เปน็ ต้น 5. ความประหยัด นับเปน็ การลงทุนที่คุ้มคา่ อยา่ งเชน่ ในสำนกั งานหน่ึงมเี ครื่องอยู่ 30 เคร่ือง หรอื มากกวา่ นี้ ถา้ ไมม่ กี ารนำระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์มาใช้ จะเหน็ วา่ ตอ้ งใชเ้ ครื่องพิมพ์อย่างน้อย 5 - 10 เครื่องมาใช้งาน แต่ถ้ามีระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์มาใช้แล้ว ก็สามารถใช้อุปกรณ์หรือ เครื่องพิมพ์ประมาณ 2-3 เครื่องก็พอต่อการใช้งานแล้ว เพราะว่าทุกเครื่องสามารถเข้าใช้เครื่องพิมพ์ เครื่องใดกไ็ ด้ ผา่ นเครือ่ งอื่น ๆ ทใี่ นระบบเครอื ขา่ ยเดียวกนั 6. ความเชื่อถือได้ของระบบงาน นับเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับการดำเนินธุรกิจ ถ้าทำงานได้เร็ว แต่ขาดความนา่ เชื่อถือกถ็ ือว่าใช้ไม่ได้ ไมม่ ปี ระสิทธิภาพ ดังน้นั เม่ือนำระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ มา ใชง้ าน ทำระบบงานมีประสิทธิภาพ มีความน่าเชือ่ ถือของข้อมูล เพราะจะมีการทำสำรองข้อมูลไว้ เม่ือ เครอื่ งที่ใชง้ านเกิดมีปัญหา ก็สามารถนำข้อมูลท่ีมีการสำรองมาใชไ้ ด้ อย่างทนั ที อา้ งอิง 9/4/63 https://sites.google.com/site/kuakaycom/rabb-kherux-khay-khxmphiwtexr-computer-network 2.7 สารสนเทศ สารสนเทศ หมายถึง ข้อมูล ข้อเท็จจริง ข่าวสาร ความรู้ ที่ได้มีการบันทึก ประมวลหรือ ดำเนนิ การดว้ ยวธิ ใี ดๆไว้ และสามารถนำไปใชป้ ระโยชนแ์ ละเผยแพรท่ ัง้ สว่ นบุคคลและสงั คม เทคโนโลยี (Technology) หมายถึง สิ่งที่มนุษย์พัฒนาขึ้น เพื่อช่วยในการทำงานหรือ แก้ปัญหาต่างๆ เข่น อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องจักรวัสดุ หรือแม้กระทั่งสิ่งที่จับต้องไม่ได้ เช่น ระบบ หรอื กระบวนการต่างๆ เพ่ือใหก้ ารดำรงชวี ติ ของมนุษยง์ า่ ยและสะดวกยิ่งขนึ้ เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) มาจากคำว่า “เทคโนโลยี” รวมกับคำ ว่า “สารสนเทศ” หมายถึง การนำเอาเทคโนโลยีมาใช้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสารสนเทศ ทำให้ สารสนเทศมีประโยชน์ และใช้งานได้กว้างขวางมากขึ้น เทคโนโลยีสารสนเทศรวมไปถึงการใช้ เทคโนโลยีด้านต่าง ๆ ที่จะรวบรวม จัดเก็บ ใช้งาน ส่งต่อ หรือสื่อสารระหว่างกัน เทคโนโลยี เอกสารประกอบการสอน วิชาเทคโนโลยสี ารสนเทศเพอ่ื การจดั การอาชพี (3001-2001) หน้า 26 ผู้เรยี บเรยี ง : นายอดินนั ต์ แวบาดะ

หนว่ ยท่ี 2 ระบบเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ สารสนเทศเกี่ยวข้องโดยตรงกับเครื่องมือเครื่องใช้ในการจัดการ สารสนเทศ ซึ่งได้แก่ เครื่อง คอมพิวเตอร์ และอุปกรณร์ อบข้าง ขน้ั ตอน วธิ กี ารดำเนนิ การ ซึง่ เกี่ยวขอ้ งกบั ซอฟต์แวร์ เก่ียวข้องกับ ตัวข้อมูล เกี่ยวข้องกับบุคลากร เกี่ยวข้องกับกรรมวิธีการดำเนินงานเพื่อให้ข้อมูลเกิดประโยชน์ สงู สดุ นอกจากนแ้ี ล้วยงั รวมไปถึง โทรทัศน์ วิทยุ โทรศพั ท์ โทรสาร หนงั สือพิมพ์ นติ ยสารตา่ งๆ ฯลฯ 2.8 บทบาทของระบบสารสนเทศ บทบาทของสารสนเทศ (Role of Information) การนำสารสนเทศไปใช้ 3 ด้าน ดังนี้ (จิต ติมา เทียมบุญประเสริฐ 2544 : 5) ด้านการวางแผน ด้านการตัดสินใจ และ ด้านการดำเนินงาน นอกจากน้ัน สารสนเทศยังมบี ทบาท ในเชงิ เศรษฐกจิ ดงั นี้ (ประภาวดี สบื สนธ์ 2543 : 7-8) 1. ช่วยลดความเสี่ยงในการตัดสินใจ (Decision) หรือช่วยชี้แนวทางในการแก้ไขปัญหา (Problem Solving) 2. ช่วยหรือสนับสนุนการจัดการ (Management) หรือการดำเนินงานขององค์การ ให้มี ประสิทธิภาพและเกดิ ประสทิ ธผิ ลมากขึน้ 3. ใช้ทดแทนทรัพยากร (Resources) ทางกายภาพ เช่น กรณีการเรียนทางไกล ผู้เรียนที่ เรียนนอกห้องเรียน จริง สามารถเรียนรู้เรื่องต่างๆ เช่นเดียวกับ ห้องเรียนจริง โดยไม่ต้องเดินทางไป เรียนที่หอ้ งเรยี นนัน้ 4. ใช้ในการกำกับ ติดตาม (Monitoring) การปฏิบัติงานและการตัดสินใจ เพื่อดู ความกา้ วหน้าของงาน 5. สารสนเทศเป็นช่องทางโน้มน้าว หรือชักจูงใจ (Motivation) ในกรณีของการโฆษณาที่ทำ ให้ผ้ชู ม, ผู้ฟัง ตัดสินใจ เลอื กสินคา้ หรือบริการนน้ั 6. สารสนเทศเป็นองค์ประกอบสำคญั ของการศึกษา (Education) สำหรับการเรยี นรู้ ผ่านส่ือ ประเภทต่างๆ 7. สารสนเทศเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ส่งเสริมวัฒนธรรม และสันทนาการ (Culture & Recreation) ในด้าน ของการเผยแพรใ่ นรปู แบบต่างๆ เชน่ วดี ิทัศน์ โทรทัศน์ ภาพยนตร์ เปน็ ตน้ 8. สารสนเทศเป็นสนิ คา้ และบริการ (Goods & Services) ทส่ี ามารถซ้อื ขายได้ 9. สารสนเทศเป็นทรัพยากรทต่ี ้องลงทุน (Investment) จงึ จะได้ผลผลติ และบริการ เพ่ือเป็น รากฐานของการ จัดการ และการดำเนนิ งาน 2.9 ระบบสารสนเทศทีใ่ ชค้ อมพิวเตอร์ ระบบสารสนเทศที่ใช้คอมพิวเตอร์ประกอบด้วย ฮาร์ดแวร์ (Hardware) ซอฟต์แวร์ (Software) ข้อมูล(Data) บุคคล (People) ขบวนการ (Procedure) และการสื่อสารข้อมูล (Telecommunication) ซึ่งถูกกำหนดขึ้นเพื่อทำการรวบรวม จัดเก็บและประมวลผลข้อมูลให้เป็น สารสนเทศ เอกสารประกอบการสอน วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจดั การอาชีพ (3001-2001) หนา้ 27 ผูเ้ รยี บเรยี ง : นายอดินันต์ แวบาดะ

หน่วยที่ 2 ระบบเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์และสารสนเทศ รูปแสดงสว่ นประกอบของระบบสารสนเทศที่ใชค้ อมพิวเตอร์ - ฮาร์ดแวร์ คืออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ที่ใช้ในการรวบรวม การนำเข้า การจัดเก็บ การ ประมวลผล ข้อมลู ใหเ้ ปน็ สารสนเทศ และแสดงสารสนเทศที่เปน็ ผลลพั ธอ์ อกมา - ซอฟต์แวร์ คือโปรแกรมหรือชุดคำสั่งที่ใช้ในการปฏิบัติงานร่วมกับฮาร์ดแวร์ และใช้ในการ ประมวลผลขอ้ มูลเป็นสารสนเทศตามท่ตี ้องการ - ข้อมูล หมายถึง ข้อมูลและสารสนเทศที่ถูกเก็บอยู่ในฐานข้อมูล โดยฐานข้อมูล หมายถึง กลุ่มของคา่ ความจรงิ และสารสนเทศทีม่ คี วามเกีย่ วขอ้ งกันน่นั เอง - บคุ คล หมายถงึ ผูท้ ี่มสี ว่ นเก่ียวข้องกับการทำงานและปฏิบตั ิงานรว่ มกับระบบสารสนเทศ - ขบวนการ หมายถึงกลุ่มของคำสั่งหรือกฎที่แนะนำวิธีการปฏิบัติงาน กับคอมพิวเตอร์ใน ระบบสารสนเทศ ซึ่งอาจได้แก่การแนะนำการควบคุมการเข้าใช้งานคอมพิวเตอร์ วิธีการสำรองข้อมลู สารสนเทศในระบบและวธิ จี ดั การกบั ปญั หาท่ีอาจเกิดขน้ึ ได้ - การสื่อสารข้อมูล หมายถึง การส่งสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์เพื่อติดต่อสื่อสาร และช่วยให้ องคก์ รสามารถเชือ่ มระบบคอมพิวเตอรเ์ ข้ากับระบบเครือขา่ ย (Network) ท่ีมปี ระสทิ ธภิ าพได้ 2.10 ระบบสารสนเทศเพอื่ การจัดการ MIS : Management Information System ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ ( MIS) หมายถึง ระบบที่รวบรวมและจัดเก็บข้อมูลจาก แหล่งข้อมูลต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกองค์การอย่างมีหลักเกณฑ์ เพื่อนำมาประมวลผลและ จัดรปู แบบให้ได้สารสนเทศที่ชว่ ยสนับสนุนการทำงาน และการตดั สินใจในดา้ นต่าง ๆ ของผูบ้ รหิ าร ระบบสารสนเทศเพ่อื การจดั การจะประกอบด้วยหน้าท่ีหลกั 2 ประการ คือ 1. สามารถเกบ็ รวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ 2. สามารถทำการประมวลผลขอ้ มูลอยา่ งมีประสิทธภิ าพ หน้าท่หี ลกั ของระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ ระบบสารสนเทศเพื่อการจดั การ รวบรวมและจดั เก็บขอ้ มลู ประมวลผลข้อมูลและจดั การ สารสนเทศ เอกสารประกอบการสอน วชิ าเทคโนโลยสี ารสนเทศเพอื่ การจดั การอาชีพ (3001-2001) หน้า 28 ผู้เรยี บเรยี ง : นายอดินันต์ แวบาดะ

หน่วยท่ี 2 ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศ ความสำคญั และผลกระทบของระบบสารสนเทศท่มี ตี ่อธรุ กจิ 1. ระบบสารสนเทศชว่ ยสรา้ งคณุ คา่ เพิม่ ให้กับการทำงาน 2. บคุ ลากรทกุ คนต้องมคี วามร้เู ก่ียวกบั MIS 3. การประยุกต์เทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของธุรกิจและการบรรลุ เปา้ หมายขององคก์ รมากข้ึน การเปล่ียนแปลงสภาพแวดลอ้ มในการแขง่ ขันทางธุรกิจ การเปลย่ี นแปลงสภาพแวดล้อมในการแข่งขนั ทางธุรกจิ มี 2 ประการ คอื 1. การรวมตัวของระบบเศรษฐกิจโลก ก่อให้เกิดกระบวนการโลกาภิวัฒน์ของตลาด ที่เกิด การบูรณาการ ของทรพั ยากรทางธุรกิจและการแข่งขันทั่วโลก 2. การปรับปรุงของระบบเศรษฐกิจอุตสาหกรรม มีการปรับให้เข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อ ตอบสนองความพงึ พอใจของลูกค้า ลกั ษณะและระบบสารสนเทศเพ่ือการจัดการ 1. ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการในการวางแผน นโยบาย กลยุทธ์ และการตัดสินใจของ ผบู้ ริหารระดบั สูง ( Top management ) 2. ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการในส่วนยุทธวิธีการวางแผนการปฏิบัติและการตัดสินใจ ผู้บรหิ ารระดับกลาง ( Middle management ) 3. ผู้บริหารระดับล่าง ( Bottom management ) จะเป็นผู้ใช้สารสนเทศเพื่อช่วยในการ ปฏบิ ัตงิ าน เชน่ สารสนเทศในการผลิตของโรงงานอตุ สาหกรรม 4. ระบบสารสนเทศที่ได้จากการประมวลผลในขั้นตอนนี้พนักงานจะต้องมีการเก็บรวมรวม ขอ้ มูลและป้อนข้อมูลสูก่ ระบวนการประมวลผลเพอื่ ให้ได้สารสนเทศออกมานำเสนอต่อผูบ้ ริหาร ระบบย่อยสารสนเทศเพือ่ การจัดการ 1. ระบบประมวลผลรายการ เป็นระบบที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานประจำของ องคก์ ร เชน่ การบนั ทึกรายการบญั ชี การบันทกึ ยอดขายตอ่ วนั การบนั ทึก 2. ระบบการจัดการรายการ ระบบนี้ช่วยในการจัดเตรียมรายการเพื่อตอบสนองความต้องการ ของผ้ใู ช้เปน็ การบนั ทึกขอ้ มลู อย่างวางในข้นั ตอนระบบประมวลผลรายการ 3. ระบบสนับสนุนการตัดสินใจทำหน้าท่ีในการอำนวยความสะดวกในการจัดรูปแบบข้อมูล การ นำขอ้ มลู ใช้และรายงานขอ้ มลู เพ่ือใชป้ ระโยชน์ในการตัดสนิ ใจของผบู้ รหิ ารระดบั ต่างๆ 4. ระบบสารสนเทศสำนักงานเป็นระบบสารสนเทศทีใ่ ช้ในสำนักงานโดยอาศัยอุปกรณ์พนื้ ฐานทาง คอมพิวเตอร์ เชน่ เครื่องคอมพิวเตอรเ์ คร่อื งสแกนเนอร์ เคร่อื งโทรสาร และโปรแกรมตา่ งๆ เอกสารประกอบการสอน วชิ าเทคโนโลยีสารสนเทศเพอ่ื การจดั การอาชพี (3001-2001) หน้า 29 ผ้เู รยี บเรยี ง : นายอดินนั ต์ แวบาดะ

หน่วยที่ 2 ระบบเครือขา่ ยคอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศ คณุ สมบตั ิของสารสนเทศเพ่ือการจัดการ 1. ความสามารถในการจดั การข้อมลู 2. ความปลอดภัยของขอ้ มลู 3. ความยืดหยนุ่ 4. ความพอใจของผู้ใช้ บุคลากรที่เก่ียวขอ้ งกบั ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ ระบบสารสนเทศ ผู้บริหาร ระบบ สำหรับผู้บรหิ าร ระดับสงู สนบั สนุน การตดั สินใจ ผู้บรหิ าร ระดับกลาง ระบบ ประมวลผล หวั หนา้ งาน ระดับต้น ข้อมลู พนกั งานระดบั ปฏิบัติการ 1. หวั หนา้ งานระดบั ต้น มีหนา้ ทร่ี ับผดิ ชอบในการปฏิบัติงานงานแบบวนั ต่อวนั ได้แก่ หัวหน้า งาน วางแผน และแกป้ ัญหาประจำวัน 2. ผู้จัดการระดับกลาง ทำหน้าที่ควบคุมและประสานงานระหว่างหัวหน้างานระดับปฏิบัติการ และผบู้ รหิ ารระดบั สูงมีการประสานงานทำให้หวั หน้างานระดบั สงู 3. ผู้บริหารระดับสูง เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำการกำหนดวิสัยทัศน์ ทิศทาง และวางนโยบาย และ แผนงานระยะยาวขององคก์ รและผลการปฏบิ ัติงานขององคก์ ร มาวิเคราะห์ บุคลากรในหน่วยงานสารสนเทศ 1. หวั หน้าพนกั งานสารสนเทศ ทำหน้าทด่ี ูแลเก่ียวกบั การบริหารระบบสารสนเทศธุรกิจ 2. นักวเิ คราะหแ์ ละออกแบบระบบ ทำหนา้ ทีว่ เิ คราะห์และออกแบบระบบงาน 3. ผเู้ ขียนชดุ คำสั่ง ทำหนา้ ท่ีดูแล ทำหนา้ ทเี่ ขยี นชดุ คำส่ังเพ่อื ควบคมุ และสัง่ งาน 3.1 ผเู้ ขยี นชุดคำสงั่ สำหรบั ระบบ ทำหน้าที่ปรับปรงุ และแกไ้ ขชุดคำสั่ง 3.2 ผู้เขียนคำส่ังสำหรบั ใช้งาน ควบคมุ ดูแลและเก็บรกั ษาเอกสารที่เกีย่ วขอ้ งกับชดุ คำสงั่ 4. ผู้ควบคุมเครื่องคอมพิวเตอร์ ควบคุมการทำงานของเครอ่ื งคอมพิวเตอร์ 5. ผจู้ ัดตารางเวลา จดั ตารางเวลาการใชค้ อมพิวเตอร์ 6. พนักงานจัดเก็บและรกั ษา เกบ็ รักษาและจดั ทำรายการของอปุ กรณ์ เอกสารประกอบการสอน วิชาเทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่อื การจดั การอาชีพ (3001-2001) หนา้ 30 ผู้เรยี บเรยี ง : นายอดนิ ันต์ แวบาดะ

หน่วยท่ี 2 ระบบเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศ 7. พนกั งานจัดเตรียมข้อมูล ทำหนา้ ทีใ่ นการทำงานจัดเอกสารเบื้องต้นมาจัดอยู่ในรูปแบบท่ีเครื่อง ทำความเข้าใจได้ ประโยชน์ของระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ 1. ช่วยให้ผูใ้ ช้สามารถเขา้ ถึงสารสนเทศทตี่ ้องการไดอ้ ย่างรวดเร็วและทันต่อเหตุการณ์ 2. ชว่ ยผูใ้ ชง้ านในการกำหนดเป้าหมายกลยทุ ธแ์ ละวางแผนปฏบิ ัติการ 3. ช่วยผู้ใช้ในการตรวจสอบผลการดำเนินงาน 4. ช่วยผใู้ ชใ้ นการศกึ ษาและวิเคราะหส์ าเหตขุ องปัญหา 5. ชว่ ยให้ผูใ้ ชส้ ามารถวเิ คราะหป์ ัญหาหรืออุปสรรคทีเ่ กดิ ขึ้นเพ่อื หาวิธีควบคุม 6. ชว่ ยลดการใชจ้ า่ ย อ้างองิ ท่มี า : http://naparad.blogspot.com/ 8/9/64 2.11 การประยกุ ต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ การประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบัน ได้มีการนำมาใช้ในหลายสาขาวิชาชีพ ทั้งในด้านการศึกษา ด้านธุรกิจอุตสาหกรรม ด้านการแพทย์ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อ อำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ การทำงาน การศึกษาหาความรู้ ทำให้คุณภาพชีวิตของคน ในสังคมปัจจุบันดีขึ้น นอกจากนี้หน่วยงานราชการต่างๆ ก็นำเทคโนโลยีสารสนเทศและ ระบบ คอมพิวเตอร์ เข้ามาอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ในการติดต่อประสานงานกับทางราชการ และในธุรกิจเอกชนทางด้านการโรงแรม และการท่องเที่ยว ก็ให้บริการข้อมูลข่าวสาร และบริการ ลกู คา้ ผา่ นทางระบบอนิ เทอร์เน็ต ทำได้อย่างสะดวกรวดเร็วทนั เหตกุ ารณ์ ประยกุ ต์ใชใ้ นงานดา้ นการศกึ ษา เทคโนโลยีสารสนเทศที่นำมาใช้สำหรับการเรียนการสอน เป็นการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ หลายอย่าง สอนด้วยสื่ออุปกรณ์ที่ทันสมัย ห้องเรียนสมัยใหม่ มีอุปกรณ์วิดีโอโปรเจคเตอร์ ( Video Projector) มีเครื่องคอมพิวเตอร์ มีระบบการอ่านข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์แบบต่าง ๆ รูปแบบของสื่อที่ นำมาใช้ในด้านการเรียนการสอน ก็มีหลากหลาย ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการนำมาใช้ เช่น คอมพิวเตอร์ช่วยสอน อิเล็กทรอนิกส์บุ๊คส์ วิดีโอเทเลคอนเฟอเรนซ์ ระบบวิดีโอออนดีมานด์ การ สืบคน้ ขอ้ มูลในคอมพวิ เตอร์ และระบบอินเทอร์เน็ต เป็นตน้ – คอมพิวเตอร์ช่วยสอน เป็นการนำเอาเทคโนโลยี รวมกับการออกแบบโปรแกรมการสอน มาใช้ช่วยสอน ซึ่งเรียกกันโดยทั่วไปว่าบทเรียน CAI ( Computer – Assisted Instruction ) การจัด โปรแกรมการสอน โดยใช้คอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอน ในปัจจุบันมักอยู่ในรูปของสือ่ ประสม (Multimedia) ซึ่งหมายถึงนำเสนอได้ทั้งภาพ ข้อความ เสียง ภาพเคลื่อนไหวฯลฯ โปรแกรมช่วยสอนนี้เหมาะกับ การศึกษาดว้ ยตนเอง และเปิดโอกาสให้ผู้เรียนสามารถโต้ตอบ กับบทเรียนได้ตลอด จนมีผลป้อนกลับ เพอ่ื ให้ผู้เรยี นรู้ บทเรยี นไดอ้ ย่างถูกต้อง และเขา้ ใจในเน้ือหาวิชาของบทเรียนนั้นๆ – การเรียนการสอนโดยใช้เว็บเป็นหลัก เป็นการจัดการเรียน ที่มีสภาพการเรียนต่างไปจาก รูปแบบเดิม การเรียนการสอนแบบนี้ อาศัยศักยภาพและความสามารถของเครือข่ายอนิ เทอร์เน็ต ซ่ึง เป็นการนำเอาสื่อการเรียนการสอน ที่เป็นเทคโนโลยี มาช่วยสนับสนุนการเรียนการสอน ให้เกิดการ เรียนรู้ การสืบค้นข้อมูล และเชื่อมโยงเครือข่าย ทำให้ผู้เรียนสามารถเรียนได้ทุกสถานที่และทุกเวลา การจัดการเรียนการสอนลักษณะนี้ มีชื่อเรียกหลายชื่อ ได้แก่ การเรียนการสอนผ่านเว็บ (Web- เอกสารประกอบการสอน วิชาเทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่ือการจดั การอาชพี (3001-2001) หนา้ 31 ผู้เรยี บเรยี ง : นายอดนิ ันต์ แวบาดะ

หน่วยที่ 2 ระบบเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศ based Instruction) การฝึกอบรมผ่านเว็บ (Web-based Trainning) การเรียนการสอนผ่านเวิล์ด ไวด์เว็บ (www-based Instruction) การสอนผ่านส่ือทางอิเล็กทรอนกิ ส์ (e-learning) เปน็ ตน้ – อิเล็กทรอนิกส์บุ๊คส์ คือการเก็บข้อมูลจำนวนมากด้วยซีดีรอม หนึ่งแผ่นสามารถเก็บข้อมูล ตัวอักษรได้มากถึง 600 ล้านตัวอักษร ดังนั้นซีดีรอมหนึ่งแผ่นสามารถเก็บข้อมูลหนังสือ หรือเอกสาร ได้มากกว่าหนังสือหนึ่งเล่ม และท่ีสำคัญคือการใช้กับคอมพิวเตอร์ ทำให้สามารถเรียกค้นหาข้อมูล ภายในซีดีรอม ได้อย่างรวดเร็วโดยใช้ดัชนี สืบค้นหรือสารบัญเรื่อง ซีดีรอมจึงเป็นสื่อที่มีบทบาทต่อ การศึกษาอยา่ งย่ิง เพราะในอนาคตหนังสือต่าง ๆ จะจัดเก็บอยใู่ นรูปซดี รี อม และเรยี กอ่านด้วยเครื่อง คอมพวิ เตอร์ ท่ีเรยี กว่าอิเลก็ ทรอนิกส์บคุ๊ ส์ ซดี ีรอมมขี ้อดคี ือสามารถจัดเกบ็ ข้อมลู ในรปู ของมัลติมีเดีย และเมื่อนำซีดีรอมหลายแผน่ ใส่ไว้ในเครือ่ งอ่านชุดเดยี วกัน ทำให้ซีดีรอมสามารถขยายการเกบ็ ข้อมูล จำนวนมากยิง่ ขน้ึ ได้ – วิดีโอเทเลคอนเฟอเรนซ์ หมายถึงการประชุมทางจอภาพ โดยใช้เทคโนโลยีการสื่อสารท่ี ทันสมยั เป็นการประชมุ รว่ มกนั ระหว่างบคุ คล หรือคณะบคุ คลทีอ่ ย่ตู า่ งสถานท่ี และห่างไกลกันโดยใช้ สื่อทางด้านมัลติมีเดีย ที่ให้ทั้งภาพเคลื่อนไหว ภาพนิ่ง เสียง และข้อมูลตัวอักษร ในการประชุมเวลา เดียวกัน และเป็นการสื่อสาร 2 ทาง จึงทำให้ ดูเหมือนว่าได้เข้าร่วมประชุมร่วมกันตามปกติ ด้าน การศึกษาวิดีโอเทคเลคอนเฟอเรนซ์ ทำให้ผู้เรียนและผู้สอนสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ ผ่านทาง จอภาพ โทรทัศน์และเสียง นักเรียนในห้องเรียน ที่อยู่ห่างไกลสามารถเห็นภาพและเสียง ของผู้สอน สามารถเหน็ อากับกิริยาของ ผูส้ อน เหน็ การเคล่อื นไหวและสหี น้าของผ้สู อนในขณะเรียน คุณภาพของ ภาพและเสียง ขึ้นอยู่กับความเร็วของช่องทางการสื่อสาร ที่ใช้เชื่อมต่อระหว่างสองฝั่งที่มีการประชุม กัน ได้แก่ จอโทรทัศน์หรือจอคอมพิวเตอร์ ลำโพง ไมโครโฟน กล้อง อุปกรณ์เข้ารหัสและถอดรหัส ผ่านเครือขา่ ยการสื่อสารความเร็วสูงแบบไอเอสดเี อ็น (ISDN) – ระบบวิดีโอออนดีมานด์ (Video on Demand) เป็นระบบใหม่ที่กำลังได้รับความนิยม นำมาใช้ ในหลายประเทศเช่น ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา โดยอาศัยเครือข่ายคอมพิวเตอร์ความเร็วสูง ทำให้ผู้ชมตามบ้านเรือนต่าง ๆ สามารถเลือกรายการวีดีทัศน์ ที่ตนเองต้องการชมได้โดยเลือกตาม รายการ (Menu) และเลอื กชมได้ตลอดเวลา วิดีโอออนดมี านด์ เป็นระบบทม่ี ีศูนยก์ ลาง การเก็บข้อมูล วดี ที ศั น์ไวจ้ ำนวนมาก โดยจดั เก็บในรูปแหล่งข้อมูลขนาดใหญ่ (Video Server) เม่ือผู้ใช้ต้องการเลือก ชมรายการใด ก็เลือกได้จากฐานข้อมูลที่ต้องการ ระบบวิดีโอ ออนดีมานด์จึงเป็นระบบที่จะนำมาใช้ ในเรื่องการเรียนการสอนทางไกลได้ โดยไม่มีข้อจำกัดด้านเวลา ผู้เรียนสามารถเลือกเรียน ในสิ่งท่ี ตนเองตอ้ งการเรยี นหรือสนใจได้ – การสืบค้นขอ้ มลู (Search Engine) ปจั จบุ นั ได้มีการกล่าวถึงระบบการสบื ค้นข้อมูลกันมาก แม้แต่ในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ก็มีการประยุกต์ใช้ไฮเปอร์เท็กซ์ในการสืบค้นข้อมูล จนมีโปรโตคอล ชนิดพิเศษที่ใช้กัน คือ World Wide Web หรือเรียกว่า www. โดยผู้ใช้สามารถเรียกใช้โปรโตคอล http เพื่อเชื่อมโยงเข้าสู่ระบบไฮเปอร์เท็กซ์ ซึ่งเป็นฐานข้อมูลในอินเทอร์เน็ต ไฮเปอร์เท็กซ์มีลักษณะ เป็นแบบมัลติมเี ดีย เพราะสามารถสร้างเปน็ ฐานข้อมลู ขนาดใหญ่ ทเ่ี กบ็ ได้ทง้ั ภาพ เสียง และตัวอักษร มีระบบการเรียกคน้ ทีม่ ีประสิทธิภาพ โดยใช้โครงสร้างดชั นีแบบลำดับชั้นภูมิ โดยทั่วไป ไฮเปอร์เท็กซ์ จะเปน็ ฐานขอ้ มูลทีม่ ีดชั นสี ืบค้นแบบเดนิ หน้า ถอยหลัง และบนั ทกึ ร่องรอยของการสืบคน้ ไว้ โปรแกรม ที่ใช้ในการสร้างไฮเปอร์เท็กซ์มีเป็นจำนวนมาก ส่วนโปรแกรมที่มีชื่อเสียงได้แก่ HTML Compossor FrontPage Marcromedia DreamWeaver เป็นต้น ปัจจุบันเราใช้วิธีการสืบค้นขอ้ มูล เพื่อนำข้อมลู ที่ได้ไปใช้ประกอบในการทำเอกสารรายงานต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกและรวดเรว็ เอกสารประกอบการสอน วิชาเทคโนโลยสี ารสนเทศเพอื่ การจดั การอาชพี (3001-2001) หน้า 32 ผู้เรยี บเรยี ง : นายอดนิ ันต์ แวบาดะ

หนว่ ยที่ 2 ระบบเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์และสารสนเทศ – อินเทอร์เน็ต คือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งประกอบด้วยเครือข่ายย่อย และเครือข่ายใหญ่ สลับซับซ้อนมากมาย เชื่อมต่อกันมากกว่า 300 ล้านเครื่องในปัจจุบัน โดยใช้ในการติดต่อสื่อสาร ข้อความรูปภาพ เสียงและอื่น ๆ โดยผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ที่มีผู้ใช้งานกระจายกันอยู่ทั่ว โลก ปัจจุบันได้มีการนำระบบอินเทอร์เน็ต เข้ามาใช้ในวงการศึกษากันทั่วโลก ซึ่งมีประโยชน์ในด้าน การเรียนการสอนเปน็ อยา่ งมาก ประยกุ ตใ์ ชใ้ นงานทะเบยี นของสถานศึกษา – งานรับมอบตัว ทำหน้าที่ตรวจสอบหลักฐานที่นักศึกษานำมารายงานตัว จากนั้นก็จัดเก็บ ประวัตภิ ูมหิ ลงั นักศึกษา เช่น ภูมลิ ำเนา บิดามารดา ประวัติการศกึ ษา ทุนการศกึ ษา ไวใ้ นแฟม้ เอกสาร ข้อมลู ประวัตินกั ศึกษา – งานทะเบียนเรียนรายวิชา ทำหน้าที่จัดรายวิชาที่ต้องเรียนให้กับนักศึกษา ในแต่ละภาค เรียนทกุ ชั้นปี ตามแผนการเรียนของแตล่ ะแผนก แล้วจัดเก็บไว้ในแฟ้มขอ้ มูลผลการเรยี น – งานประมวลผลการเรียน ทำหน้าที่นำผลการเรียนจากอาจารย์ผู้สอนมาประมวลในแต่ละ ภาคเรียน จากนั้นก็จัดเก็บไว้ในแฟ้มเอกสารข้อมูลผลการเรียน และแจ้งผลการเรียนให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง ทราบ – งานตรวจสอบผู้จบการศึกษา ทำหน้าที่ตรวจสอบรายวิชา และผลการเรียน ที่นักศึกษา เรียนตั้งแต่เริ่มต้น จนกระทั่งจบหลักสูตร จากแฟ้มเอกสาร ข้อมูลผลการเรียน ว่าผ่านเกณฑ์การจบ หรอื ไม่ – งานส่งนักศึกษาฝึกงาน ทำหน้าที่หาข้อมูลจากสถานที่ฝึกงาน ในแต่ละแห่งว่าสามารถ รองรับจำนวน นักศึกษาท่จี ะฝึกงานในรายวิชาต่าง ๆ ไดเ้ ปน็ จำนวนเท่าใด จากนนั้ ก็จดั นักศึกษา ออก ฝึกงานตามรายวิชา ใหส้ อดคลอ้ งกับจำนวนที่สถานประกอบการตอ้ งการ ประยุกต์ใช้ในห้างสรรพสนิ ค้าและสาขาย่อย เนื่องจากห้างสรรพสินค้า เป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ มีอยู่หลายสาขาที่จัดจำหน่ายอยู่ท่ัว ประเทศ มีซัพพลายเออร์กว่าพันราย และมพี นักงานอยหู่ ลายพันคน ดงั น้นั ข้อมูลท่ีเก่ียวข้อง และการ ตัดสินใจต้องทำอย่างรวดเร็วเพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์ ดังนั้นการที่ต้องใช้เทคโนโลยีจึงเป็นสิ่งท่ี หลีกเลี่ยงไม่ได้ การใช้เครื่องคอมพิวเตอร์และเครื่องอ่านบาร์โค้ดจึงมีความจำเป็นฝ่ายเทคโนโลยี สารสนเทศจะเป็นฝ่ายสนับสนนุ ส่ิงสำคัญที่สดุ คือ เราต้องให้ความม่ันใจได้วา่ ระบบจะต้องทำงานได้ ไม่มีปัญหาขัดข้อง ปัจจุบันระบบการเชื่อมต่อห้างสรรพสินค้าจะเป็นแบบสอง ลักษณะคือใน ต่างจังหวัดจะใช้การเชื่อมต่อผ่านดาวเทียม ในกรุงเทพจะใช้การเชื่อมต่อแบบออนไลน์ ซึ่งจะมีการ รับส่งข้อมูลกันทุกวัน ในส่วนของไอที นอกจากจะต้องทำให้ระบบ สามารถทำงานได้ตลอดเวลาแล้ว ยังต้องมั่นใจด้วยว่าข้อมูลที่รับส่งกันนั้นมีความถูกต้อง ซึ่งในแต่ละวันมีข้อมูลมาก ที่จะต้องผ่านการ ประมวลผลให้แก่ผู้บริหารเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลยอดขายข้อมูลสต็อกและ ข้อมลู ตา่ งๆ ที่ ผ้บู ริหารต้องการ ประยุกตใ์ ชใ้ นงานสาธารณสุขและการแพทย์ เทคโนโลยีสารสนเทศได้รับการนำมาใช้ในการพัฒนา ด้านสาธารณสุขอย่างกว้างขวาง และ ทำให้งานด้าน สาธารณสุขเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โดยกระทรวงสาธารณสุข ได้ปรับระบบการ บริหารงาน และนำเทคโนโลยี สารสนเทศมาใช้ในงานตา่ งๆ ดังน้ี – ดา้ นการลงทะเบียนผ้ปู ่วย ตง้ั แตเ่ ริ่มทำบัตร จ่ายยา เก็บเงนิ เอกสารประกอบการสอน วิชาเทคโนโลยสี ารสนเทศเพอ่ื การจดั การอาชีพ (3001-2001) หน้า 33 ผเู้ รยี บเรยี ง : นายอดินนั ต์ แวบาดะ

หน่วยที่ 2 ระบบเครือขา่ ยคอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศ – การสนับสนุนการรักษาพยาบาล โดยการเชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์ของโรงพยาบาล ต่างๆ เขา้ ด้วยกัน สามารถสร้างเครอื ข่ายข้อมูลทางการแพทย์ แลกเปลีย่ นข้อมลู ของผูป้ ่วย – สามารถให้คำปรึกษาทางไกล โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชำนาญ เทคโนโลยีสารสนเทศ จะช่วยให้ แพทย์สามารถเห็นหน้า หรือท่าทางของผู้ป่วยได้ ช่วยให้ส่งข้อมูลที่เป็นเอกสาร หรือภาพเพ่ือ ประกอบการพจิ ารณาของแพทยไ์ ด้ – เทคโนโลยีสารสนเทศจะช่วยในการ ให้ความรู้แก่ประชาชนของแพทย์ หรือหน่วยงาน สาธารณสุขต่างๆ เป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว ได้ผลขึ้น โดยสามารถใช้สื่อต่างๆ เช่นภาพน่ิง ภาพเคล่ือนไหวมีเสียงและอื่นๆ เป็นต้น – เทคโนโลยีสารสนเทศ ช่วยให้ผู้บริหารสามารถกำหนดนโยบาย และติดตามกำกับการ ดำเนินงานตามนโยบายได้ดียิ่งขึ้น โดยอาศัยข้อมูลที่ถูกต้องฉับไว และข้อมูลที่จำเป็น ทั้งนี้อาจใช้ คอมพวิ เตอรเ์ ปน็ ตัวเก็บขอ้ มลู ต่างๆ ทำใหก้ ารบริหารเป็นไปได้ด้วยความรวดเร็ว ถูกต้องมากยิง่ ขนึ้ – ในด้านการให้ความรู้หรือการเรียน การสอนทางไกล เทคโนโลยีสารสนเทศ โดยเฉพาะ ดาวเทียม จะชว่ ยใหก้ ารเรียนการสอนทางไกล ทางด้านการแพทย์และสาธารณะสุข เปน็ ไปได้มากข้ึน ประชาชนสามารถเรียนรู้พรอ้ มกนั ไดท้ ่วั ประเทศและ ยังสามารถโต้ตอบหรือถามคำถามไดด้ ้วย ประยกุ ต์ใช้ในงานด้านวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กลุ่มนักวิทยาสตร์ วิศวกรที่ต้องการศึกษาพฤติกรรมบางอย่างของสิ่งมีชีวิต รวมถึง สิ่งแวดล้อมต่างๆ เช่นศึกษาการกระจายถิ่นที่อยู่ของนก การกระจายของแบคทีเรีย การสร้าง อาณาจักรของมด ผึ้ง ชีวิตความเป็นอยู่ของสัตว์ป่าต่าง ๆ การพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตลอดจน ระบบนิเวศวิทยา ความสนใจในการจำลองความเป็นอยู่ของ สิ่งมีชีวิตได้มีมานานแล้ว เริ่มตั้งแต่ครั้ง จอห์น พอยเมน ผู้เป็นนักคณิตศาสตร์ เสนอแนวคิดการทำให้เครื่องจักรทำงานโดยอัตโนมัติภายใต้ โปรแกรม ซงึ่ เปน็ รากฐานของเคร่อื งคอมพวิ เตอร์ จนถึงปจั จบุ นั เกมแหง่ ชวี ติ จงึ เกิดข้ึน ประยกุ ตใ์ ชใ้ นงานด้านการส่ือสารและโทรคมนาคม เทคโนโลยีของการสื่อสารและโทรคมนาคมในปัจจุบันก้าวไกลไปมาก มีบริการมากมายท่ี ทนั สมัยและตอบรับกบั การนำมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินธรุ กิจ ตวั อยา่ งการใช้โทรศัพท์ในปัจจุบันนี้ก็ มไิ ดมีไว้เพียงสำหรับคุยสนทนาเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่มันสามารถช่วยงานได้มากขึ้น โดยอ้างอิง ข้อมูลและการเปิดให้บริการของบริษัท มีติดต่อสื่อสารผ่านดาวเทียมทั้งภาพและเสียง มี โทรศัพท์มือถือรุ่นต่าง ๆ ออกมามากมาย พัฒนาทั้งหน่วยงานของภาครัฐและเอกชน เช่นเทเลคอม เอเชีย คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้วางแผนการก่อสร้าง และติดตั้งขยายบริการโทรศัพท์ พื้นฐาน 2.6 ล้านเลขหมาย ครอบคลุมพื้นที่ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล รวมถึงการซ่อมบำรุงรักษา เป็นระยะเวลา 25 ปี และเปน็ หนงึ่ ในผู้ให้บริการในปจั จบุ ัน ประยกุ ต์ใชใ้ นงานดา้ นการออกแบบผลติ ภัณฑ์ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศด้านการออกแบบ ได้มีการนำคอมพิวเตอร์มาช่วยใน การออกแบบ ( CAD : Computer Aided Design) ออกแบบผลติ ภัณฑ์ ออกแบบสินคา้ และสามารถ ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยควบคุมกระบวนการผลิต ( CAM : Computer Aided Menufacturing ) เช่น ควบคุมอณุ หภมู ิ ควบคมุ คุณภาพของผลติ ภัณฑ์ ลดแรงงาน โดยใช้คอมพิวเตอรค์ วบคมุ ห่นุ ยนต์ทำงาน เอกสารประกอบการสอน วิชาเทคโนโลยสี ารสนเทศเพือ่ การจดั การอาชพี (3001-2001) หน้า 34 ผเู้ รยี บเรยี ง : นายอดนิ นั ต์ แวบาดะ

หนว่ ยท่ี 2 ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ ประยุกตใ์ ช้ในสำนกั งานภาครัฐและเอกชน ปัจจุบันได้มีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้ในหน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่าง ๆ มากมาย เชน่ การทำบัตรประจำตวั ประชาชน การเกิด การตาย การเสียภาษีอากร การทำใบอนุญาต ขับรถยนต์ การจ่ายค่าสาธารณูปโภคต่างๆ การประมวลผลคะแนนเลือกตั้ง ฯลฯ เป็นต้น งานเหล่านี้ ได้มีการนำระบบสำนักงานอัตโนมัติเข้ามาใช้ เพื่อทำให้ได้ข้อมูลข่าวสารที่รวดเร็ว และยังตอบสนอง กบั การบรหิ ารยุคใหมท่ ต่ี ้องใช้ข้อมลู เปน็ หลกั ในการบรหิ ารจัดการ สรุปโดยรวมคือ ได้มีการนำคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้ในหน่วยงาน ต่างๆ เกือบทุกวงการ ท้ังภาครัฐและเอกชนไม่ว่าจะอยู่ในรูปของบุคคลหรือองค์กรใด ๆ ก็ตาม ฉะนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการศึกษาทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ในหน่วยงานด้านการศึกษาก็มี ความตืน่ ตวั และเปดิ ทำการเรยี นการสอนในหลักสตู รดงั กล่าว ทง้ั ในระดบั อาชวี ศกึ ษา และอุดมศึกษา และเปน็ สาขาวชิ าท่มี นี ักศึกษา ใหค้ วามสนใจกันมาก เนอ่ื งจากยังมีตลาดแรงงานรองรับในองค์กรมาก ขน้ึ อา้ งอิง http://forum.datatan.net/index.php/topic,126.msg126.html เอกสารประกอบการสอน วชิ าเทคโนโลยสี ารสนเทศเพอื่ การจดั การอาชีพ (3001-2001) หนา้ 35 ผูเ้ รยี บเรยี ง : นายอดนิ นั ต์ แวบาดะ

หน่วยท่ี 2 ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศ แบบฝกึ หัด หนว่ ยท่ี 2 เรอื่ ง ระบบเครอื ข่ายคอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศ คำชแ้ี จง : ใหน้ ักเรยี นทำแบบฝกึ หดั ต่อไปนีด้ ว้ ยตนเอง ด้วยความซอื่ สตั ย์ 1. ระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ หมายถึงอะไร ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ 2. ประเภทของระบบเครอื ขา่ ยมีอะไรบ้าง ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ 3. รูปแบบของการเชื่อมต่อระบบเครือขา่ ยมอี ะไรบา้ ง ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ 4. อุปกรณ์ในระบบเครอื ข่ายมอี ะไรบา้ ง ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ 5. ระบบสารสนเทศ หมายถงึ อะไร ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ 6. บอกบทบาทของระบบสารสนเทศ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ 7. องค์ประกอบของเทคโนโลยสี ารสนเทศมีอะไรบ้าง ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ เอกสารประกอบการสอน วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจดั การอาชพี (3001-2001) หน้า 36 ผู้เรยี บเรยี ง : นายอดินันต์ แวบาดะ

หนว่ ยท่ี 2 ระบบเครือขา่ ยคอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศ 8. บอกระบบสารสนเทศที่ใช้คอมพวิ เตอรม์ ีอะไรบ้าง ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ 9. ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการมีอะไรบา้ ง ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ 10. การประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยสี ารสนเทศมีอะไรบา้ ง ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ เอกสารประกอบการสอน วชิ าเทคโนโลยีสารสนเทศเพอื่ การจดั การอาชพี (3001-2001) หนา้ 37 ผ้เู รยี บเรยี ง : นายอดนิ นั ต์ แวบาดะ

หนว่ ยที่ 2 ระบบเครือขา่ ยคอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศ ใบปฏิบตั งิ านท่ี 2 เรือ่ ง ระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศ สมรรถนะย่อย 1. ใชเ้ คร่ืองมือในการทำสายเชื่อมตอ่ สายสญั ญาณเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ 2. เช่อื มต่อกับอปุ กรณ์ในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เครือ่ งมอื วดั และวัสดอุ ุปกรณ์ 1. คมี ย้ำสาย 2. สายคตู่ เี กลยี วแบบไม่มฉี นวน 3. หวั RJ-45 4. คู่มือหรือ VDO เรื่องการเช่ือมต่อสายสัญญาณ 5. อุปกรณ์ Hub 6. อุปกรณเ์ ชค็ สายสญั ญาณ ลำดบั ข้ันตอนการปฏิบัติ 1. ศกึ ษาและจำโคด้ สขี องการเชอ่ื มต่อสายสัญญาณจากวดี โี อหรอื อินเตอรเ์ น็ตหรือคู่มือ 2. วัดขนาดความยาวตามต้องการของสายสัญญาณชนดิ คู่ตีเกลยี วแบบไม่มฉี นวน 3. นำสาย UTP มาปอกฉนวนหุ้มที่ปลายสายทั้งสองด้านยาวประมาณ 3 ซ.ม. เมื่อปอกแล้ว จะพบเหน็ สายอยู่ 4 คู่ บิดเปน็ เกลียวแยกสไี ว้ชัดเจนดังภาพ 4. คลายเกลียวทส่ี ายออก แล้วเรยี งสายตามสที ่ีกำหนด แบง่ การเชอื่ มตอ่ สายสญั ญาณได้ 2 วิธี 4.1 การเชอ่ื มต่อสายแบบตรงหรือสายสญั ญาณท่ีเช่ือมต่อจากคอมพวิ เตอรเ์ ข้า Hub หรือ Switch การเชือ่ มตอ่ แบบนจี้ ะมกี ารเรียงสีเพ่ือเข้าขั้ว RJ-45 เหมือนกันทงั้ สองดา้ น เอกสารประกอบการสอน วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจดั การอาชีพ (3001-2001) หนา้ 38 ผเู้ รยี บเรยี ง : นายอดินันต์ แวบาดะ

หนว่ ยที่ 2 ระบบเครือขา่ ยคอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศ รูปแสดง การเรยี งโคด้ สีของสาย UTP ชนิดแบบตรงหรือเหมอื นกนั ท้ัง2ดา้ น ความเร็ว 100 Mbps 4.2 การเชื่อมต่อสายสัญญาณแบบไขว้สาย เรียกว่า สายคอสโอเวอร์ ( Crossover ) ใน กรณีนี้ใช้เชื่อมต่อคอมพวิ เตอรส์ องตวั เข้าด้วยกัน รูปแสดง โค้ดเรียงสีการไขว้สาย UTP ชนิดทเี่ ชอื่ มตอ่ ระหว่างคอมพิวเตอร์สองตวั รูปแสดง การเรียงสีของสาย UTP 3. เมือ่ เรียงสายตามสีในขั้นตอนท่ี 2 แลว้ ตัดสายใหเ้ หลอื ประมาณ 1.5 ซ.ม. รปู แสดง การตัดสาย UTP ตามขนาดที่ต้องการเสยี บในขว้ั ต่อ RJ-45 เอกสารประกอบการสอน วชิ าเทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่ือการจดั การอาชีพ (3001-2001) หน้า 39 ผูเ้ รยี บเรยี ง : นายอดินันต์ แวบาดะ

หนว่ ยที่ 2 ระบบเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ 4. เสียบสาย UTP ที่ตัดและเรยี งสไี ว้แลว้ เขา้ ไปในขว้ั ต่อ RJ-45 โดยใหห้ มายเลขสายท่ีเรา กำหนดไว้ตามขั้นตอนท่ี 2 ตรงกับหมายเลขขว้ั RJ-45 รปู แสดง การเสยี บสาย UTP ในขัว้ ต่อ RJ-45 5. เสียบขั้ว RJ-45 เข้าไปในร่องคีม ดันสาย UTP ให้สนิทอีกครั้ง แล้วใช้มือบีบด้ามคีมให้ แน่น โลหะทองเหลืองของขั้ว RJ-45 จะเข้าไปสัมผัสกับสายทองแดง ข้อควรระวัง การดึงหัว RJ-45 ออกจากคีมให้ใชม้ อื บบี หางพลาสตกิ สำหรบั ล็อคก่อน รปู แสดง การใช้คีมย้ำสาย UTP เขา้ กบั ขัว้ ต่อ RJ-45 6. ไดส้ ายแลนตามรปู รูปแสดง สาย UTP เสยี บในขั้วต่อ RJ-45 เอสารอา้ งอิง https://sites.google.com/site/nanopraphaphon/withi-kar-laea-khan-txn-kar- khea-haw-say-rj-45 8/4/62 เอกสารประกอบการสอน วชิ าเทคโนโลยสี ารสนเทศเพอื่ การจดั การอาชพี (3001-2001) หน้า 40 ผู้เรยี บเรยี ง : นายอดนิ นั ต์ แวบาดะ

บนั ทึกผลการปฏบิ ตั ิ หน่วยที่ 2 ระบบเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์และสารสนเทศ การทำสายเชอื่ มตอ่ สัญญาณ ผลการทดลองปฏบิ ตั ิ หมายเหตุ ที่ รายการประเมนิ (6 คะแนน) 1 ความถูกต้อง (4 คะแนน) - การเรยี งโค้ดสี - การตอบคำถาม 2 ความสวยงาม - การจดั เรยี งสายเป็นระเบียบ - การความพอดีของการตดั สาย รวม บันทกึ ผลการวเิ คราะห์ ใชไ้ ด้ เพราะมคี วามถูกตอ้ ง มีความตัง้ ใจ มีความกระตือรอื ร้น มคี วามรบั ผดิ ชอบ ใช้ไมไ่ ด้ เพราะยังไม่ถูกตอ้ ง ยงั ไม่เรียบร้อย ขาดความรับผิดชอบ ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................ .......................................................... ..... เอกสารประกอบการสอน วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศเพอ่ื การจดั การอาชีพ (3001-2001) หนา้ 41 ผเู้ รยี บเรยี ง : นายอดนิ ันต์ แวบาดะ

หนว่ ยที่ 2 ระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์และสารสนเทศ ใบประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ าน ใบปฏิบัตงิ านที.่ ................................. ชื่อผเู้ รียน............................................................. เลขท.่ี ...................... ระดับชั้น........................................... สาขางาน.................................. ประเมิน กิจกรรม ระดบั คะแนนที่ได้ 32 1 ความรู้-ทกั ษะ 1. การเตรยี มเครื่องมือ วสั ดุและอุปกรณ์ 2. ความถูกต้องในการใชเ้ ครื่องมอื ต่างๆ 3. ปฏบิ ัติงานตามข้ันตอนท่มี อบหมาย 4. ความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน 5. ความถกู ต้องของการปฏบิ ัตงิ าน คุณธรรม- 6. การตรงต่อเวลา จริยธรรม 7. การแตง่ กาย 8. ความสามัคคี 9. การมีสมั มาคารวะ 10. การทำความสะอาดพื้นที่ปฏิบตั งิ านและการเก็บ รักษาเครื่องมือ วสั ดุ อุปกรณ์ รวม รวมทงั้ สิ้น เกณฑ์การประเมนิ ผลงาน ความหมายของระดับคะแนน 3 = ปฏิบตั ิอย่างสมำ่ เสมอ โดยไม่ต้องมีการช้นี ำหรอื ตักเตือน 2 = ปฏบิ ัติบ้างในบางคร้งั จากการเชญิ ชวนหรอื ช้นี ำ 1 = ตอ้ งสง่ั บงั คบั วา่ กลา่ วหรือตักเตือน จงึ จะปฏิบัติหรอื มักจะปฏบิ ัติในทางทีผ่ ดิ เสมอ เกณฑ์การประเมิน 26-30 คะแนน = ดีมาก 21-25 คะแนน = ดี 16-20 คะแนน = พอใช้ 0-15 คะแนน = ควรปรับปรงุ ลงชื่อ...........................................ผูป้ ระเมนิ วนั ท.่ี ........................................................ เอกสารประกอบการสอน วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศเพือ่ การจดั การอาชพี (3001-2001) หนา้ 42 ผู้เรยี บเรยี ง : นายอดินนั ต์ แวบาดะ

หนว่ ยท่ี 2 ระบบเครอื ข่ายคอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศ แบบทดสอบความรู้หลงั เรียน คำแนะนำ 1) จงทำเครอ่ื งหมายกากบาท (×) ทับหัวขอ้ ท่ีถูกทส่ี ดุ เพียงข้อเดยี ว ลงใน กระดาษคำตอบท่ีแจกให้ 2) ขอ้ สอบจำนวน 10 ข้อ ใชเ้ วลาสอบ 10 นาที 1. เครือข่ายคอมพวิ เตอรห์ มายถงึ ข้อใด ก. การนำเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ตั้งแต่ 2 เคร่ือง ข้ึนไปเชอ่ื มต่อผ่านสอ่ื ในการสื่อสารข้อมลู ข. การนำอปุ กรณท์ ี่ใช้ในการสือ่ สารมาต่อกนั มากกวา่ 2 เครอื่ งขน้ึ ไป ค. การติดตอ่ ส่ือสาร แลกเปล่ียนข้อมูลระหวา่ งผูใ้ ชง้ านในระบบเครือขา่ ย ง. การรบั สง่ ข้อมลู ข่าวสารได้อยา่ งรวดเร็วของเครื่องคอมพิวเตอร์ 2. ขอ้ ใดไม่ได้อย่ใู นประเภทของเครือขา่ ย ก. Lan ข. Wan ค. San ง. Man 3. ข้อใดไมใ่ ชอ่ งคป์ ระกอบของระบบเครือขา่ ย ก. คอมพิวเตอรแ์ มข่ า่ ย ข. ภูมปิ ระเทศ ค. ชอ่ งทางการส่อื สาร ง. อปุ กรณใ์ นเครอื ขา่ ย 4. รูปแบบการเชือ่ มต่อเครือขา่ ยทีน่ ยิ มใช้กนั มากทส่ี ดุ คือแบบใด ก. แบบบสั ข. แบบดาว ค. แบบวงแหวน ง. แบบตาขา่ ย 5. รูปแบบการเช่ือมโยงโครงข่าย เรยี กวา่ อะไร ก. เทคโนโลยี ข. อิเลค็ ทรอนิคส์ ค. โทโปโลยี ง. ไคลเอนต์ 6. อุปกรณเ์ ชอื่ มต่อทใี่ ชเ้ ปน็ จุดรวมและแยกสายสัญญาณ คืออุปกรณใ์ ด ก. สวิตซ์ ข. โมเดม็ ค. การ์ดจอ ง. ฮับ เอกสารประกอบการสอน วชิ าเทคโนโลยสี ารสนเทศเพือ่ การจดั การอาชพี (3001-2001) หน้า 43 ผเู้ รยี บเรยี ง : นายอดินันต์ แวบาดะ

หน่วยท่ี 2 ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศ 7. การด์ เครือข่ายทำหนา้ ทอี่ ยา่ งไร ก. ส่งสัญญาณ ข. รบั สัญญาณ ค. แปลงสัญญาณ ง. รับและสง่ สญั ญาณ 8. อปุ กรณส์ ง่ สญั ญาณแบบไร้สายในระบบเครือขา่ ยมีชอื่ เรียกว่าอะไร ก. ฮบั (Hub) ข. เราท์เตอร์ (Router) ค. ไวเลสแลน (Wireless Lan) ง. ดิจติ อล (Digital) 9. ข้อใดไมใ่ ชป่ ระโยชนข์ องเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ ก. เพอ่ื ใชท้ รัพยากรรว่ มกัน ข. เพื่อใหผ้ ู้ใชส้ ามารถตดิ ต่อส่ือสารกัน ค. เพือ่ ความสะดวกและรวดเร็วในการคน้ หาข้อมูลจากหน่วยงานภายนอก ง. เพอื่ ใชข้ ้อมลู หรือแลกเปลีย่ นข้อมลู 10. เคร่อื งคอมพวิ เตอรท์ ่ที ำหนา้ ท่ีให้บริการคืออะไร ก. เครื่อง Server ข. เคร่ืองโฮสต์ ค. เคร่ืองเครอื ข่าย ง. เครื่องเครื่องไคลเอนต์ เอกสารประกอบการสอน วชิ าเทคโนโลยีสารสนเทศเพอ่ื การจดั การอาชพี (3001-2001) หน้า 44 ผ้เู รยี บเรยี ง : นายอดินันต์ แวบาดะ

หนว่ ยท่ี 2 ระบบเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ แหลง่ ค้นคว้า สธุ ิดา ทะนนั ท์ (2558). เทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่อื การจดั การอาชีพ. นนทบรุ ี : บรษิ ัทศูนย์หนงั สอื เมอื งไทย จำกัด. พนม บุญญไพร (2560) คอมพวิ เตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชพี . กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ บรษิ ทั พัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำกดั . ศิวัช กาญจนนชมุ , ใกล้รุ่ง พนั ธน์ุ ุช (2558) เทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือการจัดการอาชีพ. กรุงเทพฯ : บรษิ ทั สำนักพมิ พ์จิตรวัฒน์ จำกดั . อำภา กุลธรรมโยธนิ (2561) เทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือการจดั การอาชีพ. กรงุ เทพฯ : สำนกั พมิ พศ์ นู ย์ สง่ เสรมิ วชิ การ. เอกสารประกอบการสอน วชิ าเทคโนโลยีสารสนเทศเพอื่ การจดั การอาชพี (3001-2001) หน้า 45 ผูเ้ รยี บเรยี ง : นายอดินันต์ แวบาดะ

ภาคผนวก

เฉลยแบบทดสอบความรกู้ อ่ นเรียน หน่วยที่ 2 เรอ่ื ง ระบบเครอื ข่ายคอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศ ขอ้ ท่ี คำตอบ ข้อที่ คำตอบ 1. ก. 6. ง. 2. ค. 7. ง. 3. ข. 8. ค. 4. ข. 9. ค. 5. ค. 10. ก.

เฉลยแบบฝึกหดั หนว่ ยที่ 2 เรื่องระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ คำชีแ้ จง จงตอบคำถามต่อไปนใ้ี ห้ถกู ต้อง และสมบูรณ์ 1. ระบบเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ หมายถึงอะไร ตอบ ระบบที่มีคอมพิวเตอร์อย่างน้อย 2 เครื่องเชื่อมต่อกันโดยใช้สื่อกลาง และสามารถสื่อสารข้อมูลกันได้ อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ ซึง่ ทำใหผ้ ใู้ ช้คอมพิวเตอรแ์ ตล่ ะเครอ่ื งสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกนั และกนั ได้ 2. ระบบสารสนเทศ คอื อะไร ตอบ ระบบเฉพาะเจาะจงชนิดหนึ่งหรือเป็นกลุ่มของส่วนประกอบพื้นฐานต่าง ๆ ที่ทำงานเกี่ยวข้องกนั ใน การจัดเกบ็ จดั การประมวลผล และเผยแพรแ่ สดงผลข้อมลู สารสนเทศ และสนับสนนุ กลไกลของผลสะท้อน กลับ เพ่อื ใหบ้ รรลตุ ามวตั ถปุ ระสงค์ โดยทั่วไประบบสารสนเทศ 3. การทำสายสัญญาณระบบเครือขา่ ยมีกี่แบบ อะไรบา้ ง อธิบายการเช่อื มตอ่ สายสญั ญาณ ตอบ มี 2 แบบ 1. สายแบบตรง ประกอบดว้ ย สายสี ขาว/ส้ม-สม้ , ขาว/เขียว-น้ำเงนิ , ขาว/นำ้ เงนิ -เขียว, ขาว/น้ำตาล-น้ำตาล. 2. สายแบบไขว้ ประกอบด้วย สายสี ขาว/เขยี ว-เขียว, ขาว/ส้ม-น้ำเงิน, ขาว/นำ้ เงิน-สม้ , ขาว/นำ้ ตาล-นำ้ ตาล. 4. บอกบทบาทของระบบสารสนเทศ ตอบ 1. ช่วยลดความเสย่ี งในการตัดสินใจ หรือชว่ ยช้ีแนวทางในการแก้ไขปญั หา 2. ช่วยหรือสนบั สนนุ การจดั การหรอื การดำเนินงานขององคก์ าร ใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพและเกดิ ประสิทธผิ ลมากขึน้ 3. ใช้ทดแทนทรัพยากรทางกายภาพ เช่น กรณกี ารเรยี นทางไกล ผ้เู รียนทีเ่ รียนนอกหอ้ งเรียนจริง สามารถเรยี นร้เู ร่อื งต่างๆ เช่นเดยี วกับ หอ้ งเรียนจรงิ โดยไมต่ ้องเดินทางไปเรียนท่หี อ้ งเรียนนัน้ 4. ใช้ในการกำกบั ติดตาม การปฏิบัติงานและการตัดสินใจ เพอ่ื ดูความกา้ วหนา้ ของงาน 5. สารสนเทศเป็นชอ่ งทางโน้มน้าว หรือชกั จงู ใจ ในกรณขี องการโฆษณาทท่ี ำให้ผู้ชม, ผฟู้ งั ตัดสินใจ เลือกสนิ ค้า หรือบริการนั้น 6. สารสนเทศเป็นองคป์ ระกอบสำคญั ของการศึกษา สำหรบั การเรียนรู้ ผ่านส่ือประเภทต่างๆ 7. สารสนเทศเปน็ องค์ประกอบสำคัญท่สี ่งเสริมวัฒนธรรม และสันทนาการ ในดา้ น ของการเผยแพร่ ในรปู แบบตา่ งๆ เช่น วีดิทศั น์ โทรทศั น์ ภาพยนตร์ เป็นต้น 8. สารสนเทศเปน็ สินค้าและบรกิ าร ท่ีสามารถซอ้ื ขายได้ 9. สารสนเทศเป็นทรัพยากรที่ต้องลงทุน จึงจะได้ผลผลิตและบริการ เพื่อเป็นรากฐานของการ จัดการ และการดำเนนิ งาน 5. บอกระบบสารสนเทศที่ใช้คอมพิวเตอร์มีอะไรบา้ ง ตอบ 1. ฮาร์ดแวร์ คืออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ที่ใช้ในการรวบรวม การนำเข้า การจัดเก็บ การประมวลผล ข้อมลู ให้เปน็ สารสนเทศ และแสดงสารสนเทศทเ่ี ปน็ ผลลพั ธอ์ อกมา 2. ซอฟตแ์ วร์ คือโปรแกรมหรอื ชุดคำสง่ั ท่ใี ชใ้ นการปฏบิ ัติงานร่วมกับฮารด์ แวร์ และใชใ้ นการ ประมวลผลขอ้ มูลเปน็ สารสนเทศตามทตี่ อ้ งการ

3. ขอ้ มูล หมายถึง ขอ้ มูลและสารสนเทศทถ่ี กู เก็บอย่ใู นฐานข้อมูล โดยฐานข้อมลู หมายถึงกล่มุ ของคา่ ความจรงิ และสารสนเทศท่ีมคี วามเกย่ี วข้องกนั นน่ั เอง 4. บคุ คล หมายถงึ ผ้ทู ่มี สี ่วนเก่ียวข้องกบั การทำงานและปฏิบัติงานร่วมกบั ระบบสารสนเทศ 5. ขบวนการ หมายถึงกลมุ่ ของคำสั่งหรอื กฎท่แี นะนำวธิ ีการปฏบิ ัตงิ าน กบั คอมพิวเตอร์ ในระบบสารสนเทศ ซง่ึ อาจไดแ้ กก่ ารแนะนำการควบคุมการเข้าใช้งานคอมพวิ เตอร์ วิธกี ารสำรองขอ้ มูลสารสนเทศในระบบและวธิ ีจดั การกบั ปัญหาที่อาจเกิดขน้ึ ได้ 6. การสอ่ื สารขอ้ มลู หมายถึง การส่งสัญญาณอิเล็กทรอนกิ ส์เพื่อติดต่อส่ือสาร และช่วยให้องค์กรสามารถเช่อื มระบบคอมพิวเตอรเ์ ข้ากับระบบเครอื ขา่ ยที่มีประสิทธิภาพได้ 6. ระบบสารสนเทศเพอื่ การจัดการมีอะไรบ้าง ตอบ 1. ระบบปฏบิ ัตกิ ารทางธุรกิจ TPS : Transaction Processing System 2. ระบบจดั ทำรายงานสำหรับการจดั การ MRS : Management Report System 3. ระบบสนับสนุนการตดั สนิ ใจ DSS : Decision Supporting System 4. ระบบสารสนเทศสำนักงาน OIS : Office Information System 7. การประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยีสารสนเทศมีอะไรบ้าง ตอบ 1. การประยกุ ต์ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศในงานสำนกั งาน ปัจจบุ ันในสำนกั งานไดม้ กี ารนำเทคโนโลยี สารสนเทศเข้ามาประยุกตใ์ ช้กันอย่างแพร่หลาย เพื่ออำนวยความสะดวกรวดเร็ว ความถูกต้องยิ่งขน้ึ 2. การประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยีสารสนเทศในงานด้านการเงิน และการพาณิชย์หรอื สถาบนั ทางการเงิน 3. การประยุกต์ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศในงานด้านการให้บริการการสอ่ื สารไดแ้ ก่ การบริการโทรศพั ท์ 4. การประยกุ ต์ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศกับการศึกษาและฝึกอบรม 5. การประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศในการงานดา้ นการสาธารณสุข


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook